ธรรมหลังกึ่งกลางพุทธกาลเป็นต้นไป เป็นธรรมบัวบาน จะเปิดเผยครั้งแรกในยุคนี้นะ

ถึงต้องทำให้เขามีความรักไง
เหมือนนางยักษ์รักพระอภัยมณี
เหมือนเมรีรักพระรธฯ

เขาให้มาเล่นบทนี้ เขาเลยทำให้จน
ไม่ใช่กระจอก คนเล่นบทนี้ เทพๆ ทั้งนั้น

 

พระรธฯ หลอกนางเมรี
ก็มีเหตุผล ไปช่วยแม่และป้า

พระอภัยมณีหลอกนางยักษ์
ก็มีเหตุผล เพราะต้องกลับบ้านเมืองตน

ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองทั้งนั้น
แต่มันต้องเล่นบทนี้ มันจำเป็นต้องใช้อุบาย

จึงจะเป็น "อวโลกิเตศวรปางจันทราวารี" เข้าใจไหม?

 

เชยแล้วครับ...บทแบบนี้..มีแต่พวกขี้หลี เขาชอบทำกัน..มันก็แค่..เทพกระจอกน่ะครับ....ความรัก จริงๆในหนุ่มสาวทุกวันนี้ มันก็หายากนะ..ดูเหมือนมันจะขาด อารมณ์ รัก....ไปนะ..คล้ายๆ ตอไม้เล่นบทรักนะ

มันไม่เป็นธรรมชาติกันเลย...มันขาด..สีสรรชีวิตชีวา นะผมว่า...ดูมันจะเป็นการเล่นเกมส์ ซะมากกว่า...

สมควรโละครับ แบบนี้ มันไร้...คุณค่าครับ

 

บ่อเข้าใจ...เลย...อวโล ติงต๊อง รึเมายา...รึเปล่า แบบนี้
อิอิ

 

แต่ก็เคยเจอมาคนนึง....ชื่อโดเรมอน
เขาบอก เขาคือพระอินทร์...ลงมาเพื่อ เสพกามนำพาหญิงขึ้นสวรรค์..ช่วยหญิงขึ้นสวรรค์ด้วยการเสพกาม...สวย ดำ ขี้เหร่ ไม่สน..เอาหมด พอขึ้นไปสวรรค์เป็นนางฟ้า งามหมด..

แบบนี้ รึเปล่า..อวโลกิ กามาสวน.....อิอิ...หลอกหญิงมาทำเสน่ห์...แล้วก็สวน...

 

เพราะส่วนใหญ่สอบไม่ผ่าน
การเดินธรรมบัวบานตามแบบ
พระอวโลกิเตศวรจัทราวารีนั้น


ไม่ใช่ง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ แค่อาศัยหน้าตาดีหรอกครับ

 

นั่นได้แค่เคลียร์กรรมบางอย่าง
มันไม่มีความรักแท้เกิดขึ้น


ไปไม่ถึงโพธิจิตได้หรอกครับ

 

นี่ก็ ตัวอย่างจิตจักรวาล ...ที่ถอดจิต ส่งจิตออกค้นหา..ที่สุดของจักรวาล...อยากหลุดพ้น จนหาทาง ทำลายจิตของตน..ให้แตกสลาย...สุดท้าย..ได้จิตต่าวดางบ้ากาม..มาสวมร่างแทน....ไง..อวโลกิกาม...เทพชัดๆเลย

 

ตอนนี้ก็อยู่ในช่วง...กำเหนิดใหม่ ธิดาดอกบัวสวรรค์ไง....มาค้นหาความรักแท้..ๆ

รักแท้....ทำไมต้องเกิด ด้วยล่ะ..

 

ทำไมต้องเกิด...รักแท้..

 

เมื่อถึงซึ่งความรักแท้ เกิดขึ้นแล้ว
เกิดก็เหมือนไม่เกิด มีก็เหมือนไม่มี


คนทั่วไปย่อมเข้าใจว่าเป็นเพียงอุบายเท่านั้น

 

แล้ว ความจริงมันคือ อะไรกันแน่ครับ...

 

อวโลกิเตศวรจันทราวารี


เป็นชายที่มีพลังภายในเหมือนสตรี คือ พลังหยิน
พลังนี้ทำให้มีเสน่ห์ เมตตามหานิยม คนหลงรักใคร่
จะเป็นฝ่าย "ถูกรัก" ต่างจากชายทั่วไปที่เป็นฝ่ายรัก
ผู้อื่นก่อน (หยาง) เมื่อผู้หญิงมารักท่าน


และท่านยอมรับความรักนั้น
ก็ไม่ต่างอะไรกับสตรีที่ยอมรับความรักจากบุรุษ
แต่สตรีนั้นจะเข้าใจอย่างไร? ในความรักที่แตกต่างเช่นนี้


เขาย่อมเข้าใจว่ามันคือ "การหลอกลวง" เท่านั้นเอง

 

บ่อแม่นๆๆๆๆ..บ่อไช่ๆๆๆๆ...ไม่ไช่ๆๆๆๆๆ

เท่าที่ มีผู้หญิงมารักมาชอบผม(ขอยกตัวอย่างจากตัวเองนะ)...ผมจะรับรัก ก็ต่อเมื่อผมพร้อมที่จะรับผิดชอบ...ในรักที่เกิด..นั้น..(ไม่ไช่รักได้ทีละหลายคนเหมือนพวกสตอนะครับ)

ก็ไม่เห็นว่า ต้องหลอกลวงใครให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจเพราะเรา..นะครับ

แต่ ท้ายที่สุด ความรักก็ย่อม จืดจางตามกาลเวลา เปลี่ยนเป็น ความรับผิดชอบ ความเข้าใจกันมากขึ้น ...ซื่อสัตย์ต่อกันมากขึ้น...ครับ

 

โพธิจิตทั้งหลายมีหน้าที่ช่วย ช่วย ช่วยแล้วก็ช่วยแล้วจะวิธีการไหนไม่ไ่ซีเรียสเท่าไหร่ขอให้ผลลัพธ์ออกมาก็โอเค ในทำนองว่าหลอกให้ทำบุญกับเราดีกว่าไปโดนคนอื่นหลอกแบบนั้นเหรอครับแบบนี้กระแสต่อต้านก็ต้องมีเยอะก่อนละครับในช่วงแรกๆ กว่าบัวจะบานได้ต้องบารมีสูงน่าดู หรือในทำนองว่าช่วยแค่ครึ่งโลกก็ยังดี

 

ผู้หญิงมีพลังหยิน


เมื่อมีชายมารัก หญิงไม่รัก ก็ปฏิเสธ ไม่ยอมรับ
แต่เมื่อใดที่หญิงยอมรับ แสดงว่าหญิงก็มีใจ
นี่คือ ธรรมชาติของหยิน (รับ) หยาง (ให้)


กรณีอวโลฯ นั้นมีพลังหยิน จึงเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว
สตรีที่หลงรักชายงามเหล่านี้ จึงต้องเป็นฝ่ายให้
สตรีเหล่านั้นจะคิดได้เยี่ยงบุรุษ รักได้เยี่ยงบุรุษ
เช่นนั้นหรือ? เพราะสตรีีมีพลังหยิน ไม่ใช่หยาง


และเหตุนี้ สตรีเหล่านั้นย่อมเข้าใจว่ามันคือการหลอกลวง

 

ก็คุณไม่ใช่อวโลกิเตศวรปางจันทรวารีนี่นา

 

ผู้ชายที่มีพลังหยิน....กระเทยรึเปล่า แบบผ่าตัดแปลงเพศ..ด้วยเลย
แบบนี้ก็...เบี่ยงเบนความจริง ผิดเพศ ...ผิดหลักความเป็นจริง..เกิดมามีกรรม มากกว่าจะเกิดมาเป็น อวโล....แล้วล่ะท่าน

 

ก็นั่นน่ะสิ...ผมคงไม่เป็น ประเทือง..กระเทย...แบบที่คุณ ว่ามานั่นหรอก..นะจ๊ะตัวเอง

 

หรือไม่ก็ ไม่เป็นพวกบ้ากาม ที่อ้างว่า จะพาหญิงขึ้นสวรรค์ สู่โพธิจิตด้วยการหลอกลวงกันหรอกนะ...อ๊ะจึ๋ย..สวรรค์รำไร