ประสบการณ์เกี่ยวกับฌาณ

ไปเพ่งมา แล้วเดี๋ยวกลับมาเล่าต่อคะ กำลังมันส์ ตอนนี้เริ่มบังคับให้มันวิ่งไปตามทิศทางที่เราต้องการคะ

 

เดี๋ยวจะแวะมาติดตามนะครับ ขอลุ้นด้วยคน :boo:

 

ดิฉันตื่นเต้นเกินกว่าที่จะไม่มาเล่าต่อโดยเร็ว ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้ถึงขนาดนี้คะ





ดิฉันสามารถถึงฌาณสามได้ขณะเปิดตา ได้ทั้งกสิณไฟ
กสินสีแดง และกสิณสีเหลือง ดิฉันประคองดวงไฟ ได้ในความมืด ชัดชนิดที่ว่า
เท่ามองด้วยตาเนื้อ และสามารถบังคับให้ เขาไปยังที่ต่างๆได้ตามเราสั่ง ถ้าอยู่ไกล
ดวงจะใหญ่ ถ้าใกล้ ดวงจะเล็กกว่า ดิฉันได้พยามจะจับดวงไฟนั้นด้วยคะบังคับให้
ขึ้นมาอยู่บนมือ เราสามารถรู้สึกได้ ถึงพลังงานของดวงไฟนั้นที่เคลื่อนอยู่บนมือ
เหมือนสัมผัสของพัดลมที่เป่ามาที่มือคะ

มันอย่างกับหนังแฟนตาซีเลยคะ สำหรับคนที่ไม่เคยได้ไม่เคยเห็นก็ว่าโอเวอร์
แต่มันไม่โอเว้อร์คะ ถ้าเราทำได้ จะรู้สึกเหมือนเป็นพ่อมดขึ้นมาในทันที
เดี๋ยวจะกลับไปเล่นกับดวงไฟนั้นต่อ แล้วจะมาเล่าวิธีการฝึกที่ทำให้ ได้เร็วๆคะ

(smile)

 

เล่นกสิณก็เหมือนกับยกโลกความฝันมาไว้บนโลกความเป็นจริง




มันสุดที่จะพรรณนาคะว่ามันอลังการงานสร้างและแปลกขณไหน
นิมิตที่ได้พบเห็นแต่ละครั้ง มันสวยและแปลกจนชนิดที่ว่า
ทำให้เราไม่อยากออกมาจากสถานที่เหล่านั้นเลย
ซึ่งเรื่องนิมิตพวกนี้และสถานที่ต่างๆที่ไปมามากกว่าหนึ่งครั้ง
ดิฉันเคยเล่ากระจัดกระจายไว้ในตามกระทู้ต่างๆ
แต่จะมาเล่ารวมๆไว้ในกระทู้นี้คะ แต่
อย่างแรกขอเล่า เรื่องวิธีการฝึกกสิณกองต่างๆให้ง่ายและ
สิ่งที่ประสบจากการฝึกกสิณ


เชื่อว่าทริกซ์พวกนีอาจจะช่วยให้ หลายคนสามารถ
ฝึกได้ง่ายขึ้น วิธีก็มีดังนี้คะ ก่อนการฝึกกสิณ คือ พูดจาก
ประสบการณ์ ที่เคยคุยกับหญิงคนนึงที่โดนผีเข้า
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นจะมาช่วยเหลือให้บารมีบางส่วนแก่เราให้ฝึกสำเร็จ
หรือมาคุ้มครองเรา ซึ่งไม่ใช่ทุกคนที่จะได้รับการช่วยเหลือตรงนี้
แต่จากประสบการณ์ที่เห็นว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ชอบคนที่มีร่างกาย
สะอาดหมดจดทุกกระเบียดนิ้ว กลิ่นหอมๆ
และที่สำคัญความประพฤติด้วยคะ ไม่ผิดศีลห้า
ยิ่งเรารับประทานอาหารมังสาวิรัติ และเป็นพรหมจรรย์
การปฏิบัติยิ่งเห็นผลดี




ก่อนการฝึกจริงด้วยการเพ่งไฟขอให้ท่านทำอย่างนี้ก่อนคะ
สองอาทิตย์ให้ จินตนาการภาพไฟขึ้นมาในหัวเรา ขณะหลับตา
ในขณะที่เปิดเพลงในวีดีโอที่ดิฉันแนะนำหน้าแรกนั้น, เพราะดลตรี
ที่มีทำนองตื่นเต้น ดึงดูด มันจะทำให้เราไม่รู้สึก ล้า หรือ เบื่อต่อการสร้างภาพ
ครั้นพอภาพหายไปนึกไม่ออกแล้วก็สร้างใหม่อีกครั้ง แต่อย่าทำลัวๆ
ต่อกันทั้งวันเพราะจิตมันล้าใช้พลังมากเกินมันจะไม่เอาอีก
พอนึกตอนล้าๆมันจะนึกไม่ออกคะ ก็ให้หยุดทำ แต่มาทำบ่อยๆ
ให้ครบวัน ในแต่ละวันหนึ่งๆ

พอทำไปได้สักสองอาทิตย์ จิตจะเริ่มแข็งแรงมากขึ้น ประคองภาพ
ได้นานขึ้น และความล้าก็จะน้อยลง พอมาอาทิตย์ที่ 3 ให้ท่านเริ่มใช้
แบบ กสิณไฟของจริง โดยการซื้อเทียนอ้วนๆที่ใส่ขวดโหลแก้วใหญ่ๆ
สำหรับจุดให้บ้านมีกลิ่นหอมมา หนึ่งกระปุก
หลังจากนั้นให้ฝึกตอนกลางคืนคะ โดยปิดไฟให้หมดทั้งบ้าน
เปิดเพลงทำนองตื่นเต้นที่ให้ไว้ในหน้าแรก ให้ทำลองว่า
เราจะเพ่งไฟแค่ครั้งเดียว และจะประคองลูกไฟ ให้จนกว่าจะจบ
หนึ่งเพลง ถึงมองรอบสองได้อีกหนึ่งครั้ง

สำหรับการทดลองของดิฉัน ดิฉันเพ่งแค่ 20-45 วินาทีคะ
โดยอุ้มกระปุกเทียนไว้ระดับหน้าอก และก้มหัวลงมอง
ให้ไฟอยู่ลักษณะอยู่ระดับใต้สายตาเรา ไม่ใช่ระดับสายตา
เพื่อที่นิมิตจะได้กลม เวลามองให้มองแบบสบายๆไม่ต้องเพ่ง
เอาเป็นเอาตาย ไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น เหมือนมองแค่ผ่านๆ
(เราไม่ได้ใช้สมองจำคะ แต่เราใช้จิตเสพภาพ ดังนั้นไม่ต้องเพ่ง
จำอย่างซีเลียส) หลังจากนั้น ให้ละสายตาออกจากไฟที่เราถือ
พอมองไปที่ใดๆ ก็ตามในความมืด จะเกิดลูกไฟปรากฏขึ้นมา


ตรงนี้แหละสำคัญให้มองตามลูกไฟนั้นไป โดยให้มองให้ลึก
ซูม สังเกต สงสัย ให้เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งของที่มีกายเนื้อจับต้องได้
(ทำนองเพลงที่ที่เปิดประกอบการฝึกตื่นเต้น ดึงดูดให้เรา
เพ่ง สังเกต ลวดลายความตื้นลึกของดวงไฟ
ได้ละเอียดและมีสมาธิดี ก็ทำนองเดียวกะในหนังแฟนตาซีอะคะ
เพลงตื่นเต้นคนดูก็บิ้วอารมย์ ความรูสึกคล้อยตามเนื้อเร่อง)
ซึ่งลูกไฟที่เห็นจะมีสีผันแปลตามความเข้มข้นของอารมย์ความ
เป็นทิพย์ของผู้ฝึก โดยอารมย์ทิพย์ สัญญาที่จิตเสพยังแรงอยู่
ลูกไฟจะออกเป็นสีเดียวกะไฟคือ สีออกเหลืองส้มๆหรือมีขอบสีแดง
เมื่อ สัญญาแรงน้อยกว่านิดหน่อยลูกไฟจะเป็นสีแดง
และตามด้วยสีชมพูช็อกกิ้ง พิ้งค์ มาสี เขียว และก่อนจะสลาย
จะเป็นฟ้าอมเขียว วิธีป้องกันไม่ให้กสิณไฟสลายและประคองได้นาน
คือ พอมันเกิดให้มองแบบ ซูม เข้า ซูม ออก อย่างพินิจพิเคราะห์
อย่างสนใจ จับจ้อง มองให้ละเอียดถึงลวดลายที่วับวาว วูบวาบๆ
ก็จะทำให้ลูกไฟกลับเต็มดวง และชัดอีกครั้ง สามารถเล่นกับมันโดย
บังคับให้เคลื่อนไปตามทิศทางต่างๆที่เราต้องการได้ เช่นอยากให้
หน้าตุ๊กตากลายเป็นสีแดงก็บังคับลูกไฟให้ไปเคลือบหน้าตุ๊กตา
ก็จะกลายเป็นสีแดงคะ วันนี้เท่านี้ก่อน ไปลองทำดูได้ แล้วจะพบ
ว่ามันเหมือนเรายกฝันออกมาสู่โลกความเป็นจริงคะ มหัศจรรย์มาก









...

[MUSIC]http://k007.kiwi6.com/hotlink/fvsgzdnacw/Miranda_Sex_Garden_-_Fairytales_Of_Slavery.mp3[/MUSIC]

 

ถ้าทำได้แล้วครั้งนึง ทีนี้แม้แต่ไฟเต้าเสียบก็สามารถสร้างกสิณได้

ดิฉันไม่ได้พูดอวดนะคะ แต่ถ้าคนมันทำได้แล้วมันก็ง่ายอะคะ
ไม่ใช้ไฟจริงก็ทำได้ ดิฉันทำกับข้าวเสร็จเดินมาเห็นไฟเต้าเสียบ
ใต้โต๊ะคอม ก็แค่นึกเล่นๆขึ้นมา ไหนลองเอามาลองทำกสิณดูซิ
ก็มองเขาแป็บนึงเช่นเคย สองสามวิ และมองไปที่ผนังภาพกสิณก็เกิด
ดิฉันก็เรียกมันให้มาหา ก็ลอยมาทันที แบบเปิดตานี้แหลพคะ
ลอยมายังกับผีหรือ ก้อนมนต์อะไรสักอย่าง มหัศจรรย์จริงๆคะ วิชานี้

ใครบอกฝึกกสิณยากต้องท่ามาก มีไฟแบบนั้นแบบนี้ ไม่จริงคะ
ถ้าทำได้ ต่อให้ไฟ เต้าเสียบปลั๊ก หรือไฟฟ้าตามเสาก็ใช้ได้คะ

 

ฝึกกสิณไฟในฌาณหลับ




ดิฉันเคยเขียนกระทู้เรื่องการใช้ความง่วงให้เป็นประโยชน์ในการ
เข้าฌาณสี่ในห้องอภิญญา เพราะเวลาง่วงนั้นร่างกายมีสภาวะ
ใกล้กับช่วงจิตสงบคือ กายทวารปิด พักผ่อน ทำให้
การรับรู้ทางรูปรส กลิ่น เสียง มันปิดหมด จิตแสดงออกตัว
มันเองได้เต็มที่ไม่ไปถูกชักจูงโดยสิ่งกระตุ้นเร้าทาง กิเลส ตัณหา

ถ้าผู้ที่มีกำลังจิตสูง สามารถใช้สภาวะระหว่างที่ง่วงนอน
เข้าฌาณได้โดยไม่ไหลหลับไปตามการพักผ่อนของร่างกาย
วิธีการก็คือ พอง่วงปุ้บ สภาวะกายปิด จิตจะมีกำลัง
สามารถสร้างภาพใดๆได้ทันทีเพียงแค่นึก โดยไม่ต้องใช้สมอง
ให้วุ่นวาย การสร้างภาพด้วยจิตนั้นง่ายกว่าสมอง เพราะจิต
ไม่ต้องคิด มันเป็นธาตุรู้ เห็นอะไรก็เสพเข้ามาอัตโนมัตตอนกลางวัน
และ แสดงออก สิ่งที่มันเสพในรูปของความฝัน

ระหว่างที่เริ่มง่วงเมื่อสร้างนิมิตกสิณใดก็ตามแต่ก็จะขึ้นมาในทันที
และมีความคมชัดกว่า การสร้างนิมิตด้วยการใช้สมองจินตนาการ
ในตอนกลางวัน เมื่อนิมิตกสิณคมชัดลึกและการเข้าฌาณนั้นเกิด
ขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานาน สิ่งที่ตามมาคืออาการตัวดิ่งหัวทิ่มหัวตำ
คล้ายเหาะเข้าไปในงวงหลุมดๆ แต่ที่ดิฉันประสบมาจะมีสองกรณีคะ
คือ เหาะขึ้น ก็จะไปบนท้องฟ้า กับหัวดิ่งลงล่าง ก็จะลงไปในน้ำ
เวลาอยู่สภาวะนี้จะสัมผัสได้กับน้ำทะเล สีฟ้าเขียวๆ
เสียงฟองน้ำและความหนาของน้ำที่มันตีรอบตัวเราได้อย่างเหมือนจริงมาก

มีอีกแบบที่ ค่อยๆเลื่อนตัวลงช้าๆตามกำแพงที่สูงมากมีแต่
ความมืด และกองเพลิงไฟสีแดงด้านล่างที่เหมือนกับว่าจะหา
พื้นสิ้นสุดไม่เจอ ในกรณีที่เจอสภาวะเหาะ ลอย ดิ่ง
แบบนี้บ่อยๆ จนชิน เราก็จะสามารถบังคับความเร็ว ช้า ได้
ไม่ให้มันหวาดเสียวนัก ดิฉันขอเล่าถึงสถานที่ประทับใจที่เคย
ไปมาหลายรอบหลังจากจบสิ้นสภาวะดิ่ง ก็จะมีทางดินแดงแคบๆ
เหมือนถนนในป่า เราะตามรั้ว แบบโกธิคสีดำ ยาวไปจนถึงรั้ว
ประตูทางเข้าบ้านซึ่งมี เถาวัลย์และไอวี่พันอยู่มากมาย




พอเข้าสู่ด้านในจะพบว่ามีสวนที่แลดูเหมือนร้างไม่เคยตัดแต่ง
มีสระน้ำและน้ำพุตรงกลางแต่ไม่เคยล้างจนตระไคร้สีเขียวขึ้นเต็มสระ
มีเครื่องเล่นเก่าๆแบบสวนสนุกแต่เก่าและพังขาดการบูรณะ
สิ่งที่ดิฉันจำได้ดีคือ เครื่องเล่นม้าหมุนเก่าๆ
ส่วนตัวบ้านเป็นคฤหาสน์สีขาวทรงโรโกโก้ เมื่อเข้าไปด้าน
ในจะพบว่า มีชั้นสลับซับซ้อนใหญ่โตและประตูนับร้อยๆ
บานตามชั้นต่างๆ มีบรรไดมากมายสูงมาก แต่ตรงโถงภาย
ในปิดทึบด้วยผนังห้องต่างๆทำให้ไม่เห็นหน้าต่าง ดูใหญ่โตราวกับบ้านยักษ์


อีกที่ที่ไป มีรั้วเหล็กทรงโบราณอีกเช่นเคย แต่ที่นี้สวยงามไม่
ดูทิ้งร้าง มีสวนด้านหน้าตัดแต่งต้นไม้เป็นซุ้มเตี้ยๆแบบแวร์ซายน์
ด้านในมองไปสุดลูกหูลูกตา พบ คฤหาสน์ยุโรป ทรงคล้ายๆ
ทำเนียบขาว แต่พอเข้าเขตด้านใน กลับพบโรงงานเก่าๆคล้าย
ที่ซ่อมรถอยู่ ทางซีกขวาของคฤหาสน์ และมีกรงมากมาย
ที่สกปรก มีสัตว์ หน้าตาประหลาดๆ ที่ดูน่ากลัวและสวยงาม
ในคราวเดียวกัน บางตัวก็ดูคล้ายกับสัตว์ประหลาดหรือปีศาจ
บางตัวที่ดิฉันสะดุดตาคือเต่าตัวใหญ่ กระดองอ้วนนูนหนา
มีสีน้ำเงิน และชมพูบานเย็นแวววาว ปนๆกะสีอื่นๆ


ใช้กสิณไฟในขณะฝัน




เมื่อสองคืนก่อนดิฉันได้ฝันไปว่า กำลังเดินเล่นอยู่บนทางดินเล็กๆ
ริมชายทุ่ง ซึ่งข้างทางด้านหนึ่งนั้นมีต้นไม้แบบเมืองฝรั่งขึ้นไล่ตาม
ริมทาง ในขณะที่อีกด้านโล่งเป็นทุ้งกว้างสีเหลืองอ่อนเหมือน
ข้าวบาเล่เดือนสิงหาสุดลูกหูลูกตา ที่กลางทุ้งกว้างๆเรียบๆ
ที่ไม่มีอะไรนั้น มีเพียงปราสาททรงประหลาดๆหลังหนึ่ง
ใหญ่สูงมีกำแพงสูง เป็นปราสาททรงแบบ medieval ของฝรั่งเศส
เหมือนในเทพนิยาย แต่จากที่ทิศที่ดิฉันเห็นมันเป็นด้าน
ข้างอะคะ จะเป็นกำแพงอิฐสีครีมๆอมเหลือง มีต้นไม้ใหญ่
ยักษ์ทะลุจากกำแพงปราสาท สูงขึ้นไป ดูแล้วสวยแปลกตามาก


เมื่อเห็นดังนั้นในฝันดิฉันชี้มือให้พี่ดูปราสาท และวิ่งผ่านทุ้ง
เข้าไปจะดูใกล้ๆ แต่แล้วก็มีลูกไฟดวงใหญ่ของกสิณไฟผ่าขึ้น
ออกมาจากหลังกำแพงปราสาท ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ
ดิฉันจึงพยามบังคับให้ลูกไฟลอยออกมาจากกำแพงปราสาท
เพราะกลัวมันจะทำปราสาทพัง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือมันลอยใกล้
ดิฉันเข้ามาจนชนเราเข้าจังๆ แแล้วก็หลุดออกมาจาก
นิมิต สถานที่ตรงนั้น คะ

 

ผีมาทักทายระหว่างฝึกกสิณไฟ




เมื่อคืนระหว่างฝึกบังคับลูกไฟให้บินไปตามนั้นทำนี้ตามแต่เราสั่งนั้นเอง
บางช่วงที่อารมย์เป็นทิพย์มาก สมาธิแรง ในระหว่างที่จ้องลูกไฟ
แบบซูมเข้าซูมออก และดูรวดลายที่วูบวาบของมัน
มีบางช่วงจิตถึงอารมย์ฌาณสี่ มันจะเหมือนถูกดูดวูบอยู่ในภวังค์
ทั้งๆที่เราเปิดตา และหากอยู่ขณะนั่ง ตัวจะเริ่มรู้สึกโยก
แต่การประคองอารมย์ทิพย์ถึงตรงจุดนั้น โดยคนที่ยังไม่สำเร็จอริยะ
อาจจะเกิดได้แค่ไม่กี่เสี่ยววินาที

เมื่อเกิด แม้เพียงไม่กี่เสี้ยวนาที ก็จะสามารถสัมผัสกับอีกภพภูมิได้
และที่ดิฉันสัมผัสได้เมื่อวานก็คือ วิญญาณมายืนดูกันอยู่ห่างๆ
หันไปเห็นแค่ช่วงขา เพราะบ้านมืดจากการปิดไฟฝึกกสิณ
พวกเขาทำเสียงดังเหมือนกับเก้าอี้ขยับ ทำให้ดิฉันตกใจเล็กน้อย
แต่ก็ไม่กลัว และคิดในใจว่า ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรทำอะไรเราได้
และก็เล่นลูกไฟต่อ สนุกมากๆคะ

 

ฝึกกสิณไฟตอนกลางวันยากกว่าตอนกลางคืน




สำหรับการฝึกในตอนเช้านั้นแสงมันเยอะกว่าตอนกลางคืนทำ
ให้ภาพดวงกสิณจะไม่คมชัดเท่าตอนกลางคืนนั้นเอง แต่ก็ฝึกตลอด
เวลานั่งพิมพ์อยู่นี้ก็มีขวดโหลแก้วจุดเทียนเอาไว้ พอว่างๆก็เหลือบ
มามองไม่ต้องถึงนาที ภาพกสิณก็เกิด วันนี้รูปร่างดูแปลกๆคะ
บางตัวเป็นรูปเลขเจ็ด บางตัวมาเป็นรูปกระต่าย แต่สำคญคือต้อง
ฝึกบ่อยๆตลอดเวลา อนิสงค์ที่ได้คือ ถ้าสำเร็จกสิณไฟ กสิณสี
อย่าง เหลือง เขียว แดง ก็จะได้ตามไปด้วย เพราะกำลังจิตเวลา
คนพึ่งฝึกกสิณไฟใหม่ๆ ถ้ายังไม่แข็ง ไฟก็ยังไม่เห็นเป็นสีเหลืองวาบ
ต้องไล่จาก ฟ้า เขียวแก่ เขียวอ่อน ม่วง ชมพู แดง แล้วจึงจะมาเหลือง

 

วิธีเรียกกสิณไฟสดๆแบบไม่ได้เพ่ง อันนี้ยากคะ





ดิฉันเองพึ่งทำแบบนี้ได้แค่ครั้งเดียวเพราะพลังสมาธิต้องสูง
จิตต้องสงบมากในการจะเรียกแบบนี้ หากท่าน
ประสบความสำเร็จในการ สร้างนิมิตกสิณไฟด้วยตาเปล่า
และบังคับทิศทางให้เขาลอยไปลอยมาตามคำสั่งได้แล้ว
ให้มาลองเรียกกสิณไฟแบบสดๆทั้งที่ไม่ได้เพ่ง หรือหยุดการเพ่ง
หรือ แอบมองแบบวับๆไปแล้วหนึ่งชั่วโมง วิธีเรียกคือให้หลับตา
สร้างภาพกสิณไฟขึ้นมา ให้ชัด ในขณะหลับตา
แต่ถ้าใครค่อนข้างแม่นแล้วไม่ต้องสร้างคะ
ให้หลับตาและเรียกย้ำๆ เตโชกสิณ ๆ ก็จะมาแบบไม่ต้องนึก
สามารถทำได้สองแบบขึ้นอยู่กะว่าเราคล่องมากน้อยแค่ไหน
พอภาพเกิด แล้วให้ลืมตา และภาพกสิณก็จะปรากฏขณะลืมตา
ทีนี้ก็บังคับเล่นได้เหมือนเดิม แต่วิธีเรียกแบบนี้ต้องเซียนจริงๆ
เท่านั้นคะ ดิฉันเอง เคยเรียกแบบนี้ได้แค่ครั้งเดียวคือเมื่อวาน
แต่ถ้าเรียกแบบนี้ซ้ำๆได้จนธรรมดาเป็นปกติแล้วละก็
จิตจะเข้าออกฌาณสี่ได้เร็ว อย่างที่ไม่ต้องมานั่งสมาธิไล่
ฌาณทีละชั้น อันนี้ลุงที่เขาสอนกสิณดิฉันที่วัดก่อนจะมา
เมืองนอก เขาสอนเอาไว้คะ

 

ปัญหานิมิตกสิณกวนขณะหลับ




ขอถามคุณนพกานต์ คะ ถ้าว่างก็รบกวนมาตอบให้หน่อยคะ


มีวิธีแก้ เรื่องนิมิตกสิณกวนขณะนอนหลับไหมคะ ตีหนึ่งแล้วยังนอนไม่ได้เลย
เพราะพอเริ่มง่วง ปุ้บ กสิณสีเหลืองเข้ามาทันที ทำให้เราติดอยู่ในสภาวะทรงฌาณ
แทนที่จะได้นอนหลับ ง่วงก็ง่วงแต่มันหลับไม่ได้เพราะ นิมิตมาให้เห็นตลอด

 

มาเล่าเรื่องบันทึกการปฏิบัติ




....... วันนี้หลังจากการเพ่ง 10 วิ และถอนสายตาออก มองไปยังที่อื่นและบังคับดวงกสิณ
ไปยังที่ต่างๆด้วยตาแบบเปิด เล่นกับมันให้จนจบหนึ่งเพลงที่เปิด
แล้วจึงเพ่งใหม่ได้อีกรอบ 2 วิ หลังจากนั้นถอนสายตาออกจากเปลวไฟ
ไปเล่นดวงกสิณต่อ และประคองจนให้จบอีกหนึ่งเพลง
ทุกเย็น

ในส่วนนี้ต้องฝึกทุกวันวันละอย่างน้อย 15-ครึ่งชั่วโมง แล้วมาเริ่ม
เรียกดวงกสิณแบบสด คือ หลังจากฝึกเสร็จไปหลายชั่วโมง
ก็มาเรียกด้วยการหลับตานึกภาพไฟ พอ ภาพเกิด ดวงกสิณ
จะปรากฏขึ้นมาในขณะหลับตาแต่ยังไม่ชัดมาก สำหรับดิฉันสีดวง
ไฟแบบเรียกสดยังออกแนวเขียวอ่อน ยังไม่เหลืองส้มแบบที่ควรจะเป็น
จึงต้องการการฝึกจนเป็นนิจ สำหรับคนที่ยังไม่ได้ ถ้าดวงกสิณชัดเมื่อไร
ให้เปิดตา และมันจะออกตาม มาด้วยขณะเปิดตา
และสามารถบังคับให้วิ่งไปนั้นไปนี้ อีกเช่นเคย
แต่คราวนี้มันท้าทายกว่าตรงที่เราไม่ได้เพ่งไฟเลย และเรียกขึ้นมาเองสดๆ
วันนี้ สามารถมองเห็นดวงไฟสีแดงได้ขณะเข้ามาในห้องมืดที่ไม่เปิดไฟคะ

 

พูดง่ายๆทั่วไปก็คือให้ผ่อนคลายทำตัวสบายๆครับ..อย่าไประลึกรู้อะไร
เหตุที่นอนไม่หลับเพราะเรามีกำลังสติขึ้นมาในระดับหนึ่งที่ได้มาจาก
ฝึกที่ผ่านมาในช่วงนี้.อาการนอนไม่หลับนี้ถือว่าเป็นปกตินอกจาก
จะเกิดกับกรณีนี้ก็ยังเกิดกับบุคคลที่ฝึกเจริญสติด้วยวิธีใดๆก็ได้
ที่มีฐานอยู่ที่กายครับ.บางคนร่างกายแข็งแรงไม่นอนเลย ๒ ถึง ๓ วันก็มีครับ..
เนื่องจากการไม่รู้วิธีผ่อนคลายแบบคาดไม่ถึง
ทางปฏิบัติเค้าเรียกว่า การเผลอไประลึกสติขึ้นมาอัตโนมัติ
ทำไปเพราะความเคยชินนั้นเอง.จริงๆไม่มีอะไรเสียหายครับ..
หลักการในกรณนี้คือ ถ้าเราง่วงๆหรือนอนไปแล้วหรือกำลังอยู่ในท่านอนแต่จะ
สวดมนต์ก่อนแล้วนอนหรือก่อนนอนมีการคิดถึงสิ่งที่เรากำลังฝึกอยู่.หรือเรื่อง
ราวระหว่างวันจะเรื่องอะไรก็ตามหรือเรื่องราวในอดีตหรือเรื่องที่จะทำในอนาคตก็ตาม..
ในจังหวะที่เราเผลอหลับไปแล้วแบบไม่รู้ตัวนะครับ..
ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ผุดขึ้นมาทางความคิด หรือในทาง
นิมิตรต่างๆ.เราอย่าเผลอไประลึกรู้กรณีนี้คือ เผลอไปรู้ว่าคือ กสิณอะไร.เพราะการรู้ในกรณีนี้เป็นการรู้จากจิต
คือเป็นตัวสติทางธรรมที่ทำหน้าที่เค้าไปรู้เพื่อทราบคำตอบ
หรือกรณี
ทั่วๆไปเผลอไประลึกว่าคือเรื่องอะไร หรือเผลอไปคิดแก้ปัญหาในเรื่องที่ผ่านมา
ระหว่างวันไม่ว่าจะการฝึกหรือเรื่องทั่วไปในช่วงเวลานี้ จะเป็นการกระตุ้นให้สติทางธรรม
ทำงานขึ้นมาทันทีครับ....วิธีแก้คือ อะไรก็ตามจะขึ้นมาให้เฉยๆไปเลยครับไม่ต้อง
สนใจ..มันจะมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอีกหลายครั้ง
เพื่อกระตุ้นหรือพยายามให้สติทางธรรมทำงาน
(คิดในฝันหรือรู้ในนิมิตรที่พบหรือสนใจนิมิตร)
ไม่ว่าเรื่องฝึกหรือเรื่องความคิด
ก็ไม่ต้องสนใจ เช่น ระลึกขึ้นมาเพื่อสวดมนต์ต่อให้จบอย่าทำ ระลึกได้ว่านี้คือนิมิตร
กสิณโน้นกสิณนี้อย่าสนใจ.ไม่งั้นจะนอนไม่หลับทันที..มันจะเป็นอะไรที่บางครั้งดู
หาสาระหรืออะไรไม่ได้ในขณะที่เราไม่สนใจ มั่วไปมัวมาบ้างทางด้านความคิด
สลับปนๆไปมาบ้างทางด้านนิมิตรก็ไม่ต้องสนใจที่จะรู้อะไร.
จะเป็นการทำให้สติทางธรรมได้พัก(คือไม่ทำหน้าที่ตอนนั้น)และกลับเข้าบ้านในระดับตัดหลับเพื่อเข้าสู่สภาวะ
พักผ่อนตามความต้องการของร่างกาย ซึ่งที่เราจะทราบทั่วๆไปคือซักพักมันจะสามารถ
หลับต่อได้และหลับสนิทแบบเราไม่รู้ตัวครับ
และในระดับนี้หากร่างกายตื่นนอนปกติเราจะระลึกได้ทันที
ตั้งแต่เราหายใจครั้งแรกพร้อมกับการลืมตาครั้งแรกที่ตื่นครับ.
ในอนาคตหากกำลังสติมากกว่านี้สติทางธรรมจะตื่นก่อนที่ร่างกายจะรู้สึก
หรือพูดง่ายๆว่าก่อนที่เราจะลืมตาและ
จะสามารถมาระลึกเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมาระหว่างวันหรือ
เรื่องราวที่เข้ามาก่อนที่เราจะนอนได้เองของมันได้อัตโนมัติในอนาคต
กรณีจะถือว่าเป็นการฝึกซ้อมกำลังสติทางธรรมวิธีการหนึ่ง
ก่อนที่เราจะลืมตาตื่นตอนครั้งแรกด้วยครับ. ประมาณนี้​

 

จะลองทำดูคะ...... แต่ด้วยจริตดิฉันค่อนข้าง จะเป็นประเภทนักวิทย์
สักหน่อยต้องให้แน่น ให้ชัวร์เสียก่อนที่จะเริ่มไปถึงจตูปาตญาณ
อยากรอให้กสิณติดตาเองแบบชัดอย่างถาวรด้วยตาเนื้อคะ
โดยไม่ต้องเพ่งไฟก่อนแล้ว และ ไม่ได้อยู่ในสภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น
หรือ ทรงฌาณ คือว่าง่ายๆเป็นสัญญาเก็บเข้าดวงจิตไปแล้ว
และปรากฏ ให้เห็นด้วยตาเนื้อ มิใช่ตา มโณ นี้คือเป้าหมายของ
ดิฉันขณะนี้ ถ้าตามโณ แบบเปิดตาพิมพ์อยู่นี้ ดิฉันก็เห็นแล้วคะ
แต่ที่ดิฉันเล่นตอนนี้ ให้หนักคือจะให้มันเห็นกันจะจะด้วยตาเนื้อเลย
เวลาเรียก ซึ่งการเห็นด้วยตาเนื้อ ดิฉัน ณ. ตอนนี้ ทำได้ ชัด
และอยู่นาน แต่ ยังต้องเพ่งไฟก่อน อย่างน้อย 1-2 วิ คะ
แต่เป็นคนชอบอะไรแบบต้องเข้ม ต้องเอาจริง

ดิฉันอยากทำได้เท่าคุณลุงที่วัด ที่แก เห็นกสิณด้วยตาเนื้อ
ได้ตลอดเวลาเรียก แม้ไม่มี แบบกสิณ แล้ว คือ แกโยนทิ้งไป
หมดแล้วตอนนี้เพราะแกบอกว่าตนเชี่ยวชาญขนาดว่า
เห็นกสิณด้วยตาเนื้อ ทุกครั้งที่เรียก และชัด ไม่ใช่แค่เห็น
ด้วยตามโณ ซึ่งถ้าทำได้ตรงนี้ เราจะสามารถเห็นผีได้
ตลอดเวลาด้วยคะ ลุงแกบอกว่าของแกฝึก สามปี
แกถึงสำเร็จ ทุกกอง ..... แต่ผลลัพท์ทีเห็นๆคือ
ความทุกข์จะน้อยลง มีความสุขมากขึ้นคะ และเฉยๆ
กับสถาณะการณ์แย่ๆได้มากขึ้น กับรางสังหาณ์เวลาฝันนะคะ

 

อืมๆ..ของคุณ Eric99 วิธีการตรวจสอบอย่างนั้นก็ดีครับเอาไว้ฝึกซ้อมเพื่อจำอารมย์สำหรับใช้งาน
ในอนาคตได้ดีครับ..และถ้าเห็นตัวเลขแบบที่ต้องเพิ่มตัวใดตัวหนึ่งก็แสดง
มาในแนวอยู่ครับถ้าเป็น ญ จะต้องลบตัวใดตัวหนึ่ง ๕๕๕
(ว่าจะไม่พูดแล้วนะอย่าบอกใครนะครับว่าผมเป็นคนพูด ๕๕๕)
จริงๆคนฝึกเค้าก็เห็นๆได้...แต่ว่าไม่ได้จะจริงจังว่าจะต้องซื้อเท่าไร
แต่บอกคนอื่นมักจะถูกแต่ถึงเวลาตัวเองจะซื้อมักมีเหตุให้ลืมหรือนึก
ไม่ออก๕๕๕.ส่วนถ้าการแสดงเป็นตัวเลขมีประมาณ ๕ อย่าง
หลังๆมันจะมาก่อนหวยออกประมาณ ๒ สัปดาห์ถ้าไม่ลืมจดไว้ก็จะพบว่าใกล้เคียงแต่ที่ชัดคือ
เห็นเป็นแท่งใสๆ ๓ ตัวมาจากทางด้านขวาของศีรษะแบบทีละตัวแต่ก็ต้อง
มาลุ้นว่าจะบวก(ช)หรือลบตัว(ญ)ตัวใดตัวหนึ่งและเรียงลำดับให้ถูก ๕๕๕
และถ้าถึงขั้นเห็น ๓ ตัวได้ต่อถ้ามาเห็น ๒ ตัวจะไม่ต้องบวกลบแต่ไม่ทราบว่าจะออก
บนหรือล่างเท่านั้นเอง แต่ก็เล่าๆให้ฟังเล่นๆเฉยๆครับ.เพราะท้ายจริงๆก็ควรปล่อยวาง
เฉยๆไว้..โดยปกติส่วนตัวใช้ตรวจสอบความละเอียดของจิตในช่วงนั้นเฉยๆครับ
ส่วนถ้าใครชอบก็สุดแล้วแต่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลไป.
..
ส่วนคุณ Duss ตั้งเป้าไว้อย่างนี้ ณ ปัจจุบันนี้ดีแล้วครับ.ถ้าช่วงนี้พอว่าง
บวกกับมีอิทธิบาท ๔ ก็มีโอกาสจะทำได้เร็วครับ.เวลาบางครั้งมันบอกไม่ได้ครับ
ว่าต้องระยะเวลานานเท่าไร.มันขึ้นอยู่กับจังหวะและวาระของมัน
ถึงเวลามันจะทำได้มันก็ทำได้ครับ.
และอย่างที่ลุงเค้าบอกขอเพิ่มเติม
ในรูปแบบการเห็นด้วยตาเปล่าหรือตาเนื้อ
นอกจากเรื่องที่จะเตือนคือเรื่องอย่าใช้ฤิทธิกสิณ
ที่ทำได้ในการทำลายด้วยอารมย์ให้ใช้เฉพาะ
ในกรณีป้องกันตัวเองเท่านั้นทั้งในนิมิตร
และช่วงต่อเนื่องจากสภาวะจิตเป็นทิพย์
(ช่วงที่มีเหตุให้ได้ใช้งานในสถาพแวดล้อมบนโลกหลังจากลืมตาขึ้นมา
และจิตยังคงค้างในสภาวะความเป็นทิพย์ขณะนั้น)
ส่วนความสามารถในการเห็นวิญญานด้วยตาเนื้อ.
ก็แปรผันกับระดับนิมิตรกสิณที่เราเห็น
ด้วยตาเนื้อนั่นหละครับ.และความสามารถในการเห็นระดับต่างๆที่สูงขึ้นของส่วน
ภพภูมิขึ้นอยู่กับระดับกิเลสในใจครับจุดนี้อาจเห็นได้ถึงระดับสูง
แต่ก็อาจจะยังคุยไม่ได้แต่ว่าจะหลบหรือไม่พ้นสายตาเราได้ครับ
เพราะเหมือนๆกับทางภพภูมิจะค่อยๆเปิดให้เราเห็นและรับรู้เรื่อยๆ.
..ส่วนถ้าความสามารถในการเห็นด้วยคุยได้ด้วย
ขึ้นอยู่กับระดับกิเลสในใจบวกกับกำลังสมาธิในระดับใช้งานที่แปรผัน
ตามกำลังสมาธิขณะใช้งานในระดับ อุปจารสมาธิวิ่งสลับ
พรวดพราดไปมาถึงระดับฌาน ๑ อย่างรวดเร็วก่อน
สำหรับการรับรู้และใช้งานในช่วงแรกๆหรือการใช้พลังงานกสิณ
ส่วนถ้าจะถึงระดับพูดคุยได้หรือ
รับรู้อะไรได้เลยจะวิ่งพรวดพราดในระดับอุปฯถึงกำลังฌาน ๓ นี้จะเป็น
ในระดับคนที่เค้าเก่งๆระดับนี้ถือว่าใช้งานได้ปกติซึ่งก็ต้องฟิดและมีองค์
ประกอบทั้งเรื่องระดับกิเลสและกำลังสมาธิที่มั่นคงในตัวเองด้วยครับ...
ปล.ช่วงนี้ก็ประมาณนี้ก่อนครับ.ก็รักษาลมหายใจไว้
และก็เดินต่อไปครับขอให้เจออุปสรรค
มาขวางน้อยที่สุดและจะเป็นกำลังใจให้นะครับ..​

 

ต้องกาดอกจัน 5 ดอกไว้กระทู้นี้เสียแล้ว อิอิ ขอของขวัญปีใหม่จากคุณดัชด้วยนะคะ งวดนี้ขอแบบชัดๆ เลยนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณดัช คิดถึงเสมอนะคะ

 

ใช่คุณหรือเปล่าคะที่พูดพาดพิงถึงดิฉันใน พันทิพ ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัย แต่ดิฉันรู้สึกว่าใช่ ดิฉันขออยู่สงบๆบ้างเถอะคะ ส่วนหวยนั้นดิฉันไม่เล่นคะ และถ้ามีฌาณขนาดบอกหวยได้ ก็คงไม่เอามาบอกเรื่องแบบนั้นหรอกคะ เพราะ วิชาพวกนี้เป็นวิชาชั้นสูง ของพระพุทธเจ้า เอาไว้ใช้เรื่องที่ก่อเพื่อ ประโยชน์ต่อโลกเท่านั้น และหลักๆก็คือเพื่อ พิสูจน์ว่า วิชาดังกล่าว พิสูจน์ได้จริงคะ

 

ดีจัง คุณ Duss หลบมาห้องนี้นี่เอง นี่เป็นช่วงเวลาของคุณ Duss แล้ว หลังจากก่อนนี้เศร้าๆ ยินดีด้วยคร้าบ ชีวิตมีตกต่ำสุดๆ ก็ต้องมีขึ้นล่ะน๊า

 

ดิฉันมองเห็นคะว่าในอนาคตดิฉันจะได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่
วางแผนมาตลอดตั้งแต่เกิด การเสียสละของเขา ทำเพื่อให้ดิฉันไปถึงจุดนั้น
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ดิฉันได้ ที่ดิฉันมี มาจากเขา ดิฉันจะไม่มีวันลืม
เขาเป็นผู้มีพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของดิฉัน พ่อกับแม่เป็นผู้ให้ชีวิต
แต่เค้าเป็นผู้ให้ความเป็นตัวตนของดิฉันอย่างแท้จริง หลายครั้งรู้สึก
ว่าตัวเองแย่มาก เหมือนใช้ประโยชน์จากผู้อื่น แต่ก็คงเป็นกรรม
ของเขาด้วยที่เกิดมาในชาตินี้เพื่อ มีหน้าที่เป็นฝ่ายให้ ดิฉันอยู่ฝ่ายเดียว
แต่ตอนนี้ดิฉันรับรู้จากวิญญาณของเขาว่าเขาสนับสนุนในสิ่งที่
ดิฉันทำคะ เขาบอกว่าเขาเองก็ได้บุญจากกรเป็นครูสอนธรรมะ
อันยิ่งใหญ่ให้ดิฉัน ว่า ดิฉันต้องเตรียมตัวและไม่ประมาท
ยึดติด กับ อุปทาน อย่างที่ผ่านๆมา

 

ซื้ออะไรหรือคะดิฉันกดเข้าไปไม่เห็นมีอะไรเลยในลิงค์นั้น และโหลดช้าด้วย

 

อ้อ ดิฉันรู้แล้วคุณพูดถึงเรื่องหวยนั้นเอง