ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    กรีซแผ่นดินไหวรุนแรง 6.7 ริคเตอร์

    [​IMG]

    แผ่นดินไหว 6.7 ริคเตอร์ เขย่าเกาะครีต เกาะใหญ่สุดของกรีซในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รายงานเบื้องต้นระบุอาคารบ้านเรือนพังเสียหายหลายหลัง

    สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานจากกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เมื่อวันที่ 12 ต.ค. ว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในทะเลนอกชายฝั่งเกาะครีตของกรีซเมื่อวันเสาร์ โดยสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐ แจ้งว่า แผ่นดินไหววัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.7 ริคเตอร์ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.12 น. ตามเวลาท้องถิ่น (20.12 น. ตามเวลาในประเทศไทย) จุดศูนย์กลางอยู่ลึกใต้ทะเล 15 กม. ห่างจากเมืองฮาเนียบนเกาะครีต ไปทางทิศตะวันตกราว 80 กม. แต่เจ้าหน้าที่ศูนย์สังเกตการณ์แผ่นดินไหวเอเธนส์ กล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้วัดได้ 6.2 ริคเตอร์

    นายเอฟไธมิออส เลคคัส ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาของกรีซ กล่าวว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นในเขตพื้นที่เสี่ยงสูงต่อการเกิดแผ่นดินไหว แรงไหวสะเทือนรุนแรงเขย่าทั่วเกาะครีต และรู้สึกได้ตลอดพื้นที่ส่วนที่เหลือของกรีซ รายงานเบื้องต้นของสถานีวิทยุท้องถิ่นระบุว่า บ้านเรือนและอาคารร้านค้าบนเกาะครีตพังเสียหายหลายหลัง แต่ยังไม่มีผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บ.

    เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2556 เวลา 20:35 น.

    ไซโคลน “ไพลิน” ถล่มอินเดีย คาดเสียหายหนักเป็นบริเวณกว้าง

    [​IMG]

    ไซโคลน “ไพลิน” ถล่มภาคตะวันออกของอินเดียแล้ว คาดได้รับความเสียหายอย่างหนักเป็นบริเวณกว้าง ประชาชนครึ่งล้านอพยพกันโกลาหล และมีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวนมาก แต่ยังไม่ทราบตัวเลขที่ชัดเจน

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองเบห์รัมปุระ ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ว่า พายุไซโคลนกำลังแรง “ไพลิน” เคลื่อนตัวเข้าถล่มภาคตะวันออกของอินเดียแล้วเมื่อวานนี้ ทำให้ประชาชนกว่า 500,000 คน ต้องอพยพหนีตายกันจ้าระหวั่น และยังทำให้เกิดคลื่นซัดชายฝั่งน้ำทะเลไหลเข้าท่วมพื้นที่ชายทะเลด้วย นอกจากนี้ ยังมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วหลายคน และความเสียหายเกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้าง ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจะทราบตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้งในวันนี้

    “ไพลิน” ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ใกล้เมืองกัลปัลปุระ รัฐโอริสสา คาดว่าจะทำให้กระแสไฟฟ้าดับและการสื่อสารขัดข้องเป็นบริเวณกว้าง อีกทั้งถนนหลายสายและทางรถไฟหลายเส้นทาง ถูกตัดขาด พร้อมกันนั้น พายุลูกนี้ ยังจะทำลายพืชผลด้านการเกษตรที่เรือกสวนไร่นาของประชาชนได้รับความเสียหายอย่างหนักด้วย

    เจ้าหน้าที่ทั้งในรัฐอานธรประเทศ และโอริสสา ต่างกักตุนเสบียงอาหารฉุกเฉิน และที่พักพิงชั่วคราวที่ปลอดภัย ไว้รองรับประชาชน กองทัพอินเดียก็เตรียมความพร้อมเข้าให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีรถบรรทุก เครื่องบินขนส่งและเฮลิคอปเตอร์ ถูกเตรียมไว้เพื่อขนสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปช่วยเหลือประชาชน

    เดลินิวส์ นอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2556 เวลา 09:16 น.

    ฟิลิปปินส์ทำความสะอาดใหญ่ หลังไต้ฝุ่น “นารี” พัดผ่าน

    [​IMG]

    ไต้ฝุ่น “นารี” ออกสู่ทะเลจีนใต้หลังสร้างความเสียหายอย่างหนักในฟิลิปปินส์ มีผู้เสียชีวิต 13 ศพ เจ้าหน้าที่เริ่มทำความสะอาด เคลียร์ถนนที่มีต้นไม้และเสาไฟหักโค่นขวางอยู่ แต่ก็เตือนภาคตะวันออกของประเทศ มีพายุอีกลูกจ่อถล่ม

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ว่า ชาวฟิลิปปินส์เริ่มทำความสะอาดครั้งใหญ่ในวันนี้ หลังจากพายุไต้ฝุ่น “นารี” พัดเข้าถล่มทางภาคเหนือของประเทศ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 13 ราย ขณะที่ เจ้าหน้าที่ประกาศเตือนพายุอีกลูกหนึ่งที่จะเคลื่อนตัวเข้าถล่มภาคตะวันออกของประเทศ โดยกองทัพ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์พลเรือน ช่วยกันเคลียร์ถนนหนทาง ตัดต้นไม้และเสาไฟฟ้าที่หักโค่นขวางถนน เนื่องจากเจ้าหน้าที่ต้องเร่งเคลียร์เส้นทางที่สำคัญที่ได้รับความเสียหายจากพายุเมื่อวานนี้

    เรย์นัลโด บาลิโด โฆษกสำนักงานป้องกันภัยพลเรือนฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า สถานการณ์โดยทั่วไป กำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องใช้เวลาในการเคลียร์ถนนที่มีต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น อย่างไรก็ตาม สำนักงานไฟฟ้าและโทรคมนาคมในพื้นที่ประสบภัยบางส่วนก็กลับมาใช้การได้แล้ว แม้ว่าในหลายเมืองใน 5 จังหวัดบนเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะที่มีประชากรมากที่สุดของฟิลิปปินส์ ยังไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้

    ไต้ฝุ่น “นารี” ซึ่งเป็นพายุลูกที่ 19 ในปีนี้ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเมื่อเช้าวานนี้ และมุ่งหน้าไปทางตะวันตก ผ่านพื้นที่การเกษตรของเกาะลูซอน

    มีผู้เสียชีวิต 13 ศพ ขณะที่ อาคารบ้านเรือนได้รับความเสียหายจำนวนมาก ต้นไม้หักโค่นและน้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่ม ก่อนเคลื่อนตัวออกสู่ทะเลจีนใต้

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2556 เวลา 10:42 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "เปิ้ล-จารุณี" โผล่ม็อบคึกตำรวจระดมพลปิด 14 สายสกัด

    [​IMG]

    ตำรวจระดมพลกว่า 37 กองร้อย คุมรอบทำเทียบรัฐบาล-รัฐสภา หวั่นผู้ชุมนุมบุกยึดทำเนียบ หลักเสร็จสิ้นภารกิจนายกฯจีนเยือนไทย ประกาศปิด 14 เส้นทางสกัด ขณะที่ม็อบอุรุพงษ์คึก เปิ้ล-จารุณี โผล่เลือกข้าง

    มื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 13 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ที่ใต้ทางด่วนแยกอุรุพงษ์ว่า ยังปักหลักชุมนุมอย่างต่อเนื่อง แต่ผู้ชุมนุมค่อนข้างบางตา แต่เพิ่มจำนวนขึ้นในช่วงบ่าย เนื่องจากผู้ประกอบการร้านค้าบางส่วนที่ปิดทำการในย่านนั้น ได้เข้าร่วมการชุมนุมด้วย แต่การจราจรไม่เป็นปัญหา เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ ส่วนใหญ่จะหยุดพักผ่อนอยู่บ้าน แตกต่างจากช่วงวันเสาร์ที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งประชาชนมักเดินออกไปจับจ่ายซื้อของ ทำให้มีปัญหาการจราจร โดยมีตำรวจควบคุมดูแลความเรียบร้อยอยู่รายรอบ

    ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวจากเฟซบุ๊กกลุ่มหน้ากากขาว "V For Thailand" ที่ประกาศเชิญชวนให้พี่น้องหน้ากาก V เข้าร่วมชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์ ในเวลา 15.00 น. ด้วย เช่นเดียวกับเพจเฟซบุ๊กของ "กองทัพประชาชน โค่น ระบอบทักษิณ" ก็โพสต์ภาพพร้อมข้อความ รวมพลังโค่นระบอบทักษิณ โดยมีข้อความระบุว่า "14 ตุลา 2556" วันขับไล่ทรราชย์ กองทัพประชาชน โค่นระบอบทักษิณ ระดมพลครั้งใหญ่ นัดหยุดงานทั่วประเทศ ไม่ชนะ ไม่เลิก โดยเวลานัดหมายจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง รวมถึงทางเครือข่ายจุฬาฯ เชิดชูคุณธรรม นำประชาธิปไตย (จคป.) ก็จะร่วมชุมนุมกับ คปท. ที่แยกอุรุพงษ์ เช่นกัน จึงคาดว่าในช่วงเย็นวันนี้น่าจะเป็นวันรวมพลังมวลชน ในการกดดันรัฐบาลอีกครั้ง หากไม่มีการสลายตัว คาดว่าวันที่ 14 ต.ค. นี้ ที่เป็นวันทำการอาจจะมีปัญหาการจราจรติดขัดอย่างมาก

    ด้านกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ได้ใช้แผนกรกฎ 47 เพื่อรับมือผู้ชุนนุม โดยสั่งระดมกำลังกว่า 37 กองร้อย จากตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ อาทิ จากจ. ระยอง จันทรบุรี และจ.ร้อยเอ็ด ไปตรึงกำลังเส้นทางสำคัญๆ บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา เนื่องจากเกรงว่า ผู้ชุมนุมจะเคลื่อนจากแยกอุรุพงษ์ ไปที่ทำเนียบรัฐบาล ตามที่แกนนำเคยระบุว่าจะกลับไปทำเนียบรัฐบาลหากนายกรัฐมนตรีของจีนเสร็จสิ้นภารกิจเยือนประเทศไทย

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เปิ้ล- จารุณี สุขสวัสดิ์ อดีตนางเอกภาพยนต์ชื่อดัง เจ้าของฉายา"ราชินีจอเงิน" ที่ยังเล่นละครช่องต่างๆ เป็นที่รู้จักของประชาชน ทั่วไป ได้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคปท. ด้วย สร้างความฮือฮาและทำให้บรรยากาศการชุมนุมที่แยกอุรุพงษ์คึกคักขึ้นอย่างมาก โดยผู้ชุมนุมต่างดีใจที่ดาราดังมาร่วมให้กำลังใจ และยกย่อง ดารามากความสามารถที่กล้าประกาศจุดยืนชัดๆ เลือกข้างผู้ชุมนุมด้วย

    ขณะที่พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. ในฐานะโฆษกบช.น. กล่าวว่า จากแนวทางการสืบสวนระบุว่า กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวจะเดินทางเข้ามาที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งพื้นที่ดังกล่าว เป็นพื้นที่ประกาศ ตามพ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 เพื่อประโยชน์ในการป้องกัน ปราบปราม ระงับ ยับยั้ง และแก้ไขหรือบรรเทาเหตุการณ์ ประกอบกับ ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้มีประกาศ ฉบับที่ 2 / 2556 เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ ดังนั้นบช.น.จึงมีความจำเป็นที่จะต้องห้ามใช้เส้นทางคมนาคม 14 เส้นทาง ดังต่อไปนี้ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

    1.ถนนราชสีมา ตั้งแต่ แยกสวนรื่นฤดี ถึง แยกประชาเกษม 2.ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกวังแดง ถึงแยกยมราช 3.ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองในถึงลานพระราชวังดุสิต ด้านหลังพระบรมรูปทรงม้า 4.ถนนลิขิต 5.ถนนพระราม 5 ตั้งแต่ สะพานอรทัย ถึง แยกสุโขทัย 6.ถนนสุโขทัย ตั้งแต่ แยกสวนรื่นฤดี ถึง แยกสุโขทัย 7.ถนนราชวิถี ตั้งแต่ แยกการเรือน ถึง แยกราชวิถี 8. ถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกพระรูป ถึง แยก จปร.

    9.ถนนลูกหลวง ตั้งแต่ สะพานวิศุกรรมนฤมาณ (ถนนลูกหลวงตัดถนนราชสีมา) ถึง สะพานเทวกรรม (ถนนลูกหลวงตัดถนนนครสวรรค์) 10. ถนนพิชัย ตั้งแต่ แยกขัตติยานี ถึง ถนนราชวิถี 11.ถนนนครสวรรค์ ตั้งแต่แยกพิษณุโลก ถึง สะพานเทวกรรม 12.ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร ถึง แยก กองพล1 13. ถนนนครปฐม และ 14. ถนนกรุงเกษม แยกประชาเกษม ถึงแยกเทวกรรม ดังนั้นขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทางดังกล่าว เพื่อความสะดวก.

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2556 เวลา 14:08 น.

    "นารี"จ่อเข้าเวียดนามกระทบภาคอีสานฝนพรำ

    [​IMG]

    กรมอุตุฯ ประกาศเตือน พายุไต้ฝุ่น"นารี" เข้าเวียดนาม 15 -16 ต.ค.นี้ จะอ่อนกำลังเป็นพายุโซนร้อน และพายุดีเปรสชัน ทำให้อีสานมีฝนกับมีลมแรง

    เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 13 ต.ค. นายวรพัฒน์ ทิวถนอม อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง "พายุ “นารี” (NARI)" โดยระบุว่า เมื่อเวลา 10.00 น. พายุไต้ฝุ่น “นารี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 700 กม. ทางตะวันออกของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 15.3 องศาเหนือ ลองจิจูด 114.3 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 140 กม.ต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กม.ต่อชั่วโมง คาดว่าจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางช่วงวันที่ 15 -16 ต.ค.นี้ จากนั้นจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน และพายุดีเปรสชันตามลำดับ ซึ่งจะส่งผลทำให้ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางกับมีลมแรงได้

    อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มมากขึ้น ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกยังคงมีฝนน้อย สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนลดลงในระยะนี้.

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2556 เวลา 11:33 น.

    แม่น้ำชียังบ่าท่วมขอนแก่น เตือนอีก 2 วัน ทะลักเข้าเมือง

    [​IMG]

    น้ำชียังบ่าท่วมขอนแก่น 7 อำเภออ่วมหนัก ชลประทานเตือนอีก 2 วันทะลักเข้า อ.เมือง เตือนชาวบ้านเร่งอพยพข้าวของขึ้นที่สูง

    เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 13 ต.ค. นายทรงวุฒิ กิจวรวุฒิ ผอ.โครงการชลประทานขอนแก่น กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำชี จ. ขอนแก่นว่า ขณะนี้มวลน้ำก้อนใหญ่ได้ไหลเข้าพื้นที่อ.พระยืน ทำให้พื้นที่ลุ่มแม่ชีต้องประสบปัญหาน้ำท่วม ซึ่งก่อนหน้านี้พื้นที่อ.แวงน้อย อ.แวงใหญ่ อ.โคกโพธิ์ชัย อ.มัญจาคีรี อ.ชนบท และอ.บ้านไผ่ ถูกน้ำท่วมแล้วกว่า 200,000 ไร่ สำหรับอ.เมือง มวลน้ำก้อนใหญ่จะไหลมาอีก 2 วัน ได้ประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำชีเตรียมรับมือน้ำท่วม

    ทั้งนี้ สุถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ อ.บ้านไผ่ และอ.ชนบท จากการรายงานระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำบ้านค่าย จ.ชัยภูมิ แม่น้ำชีเริ่มลดระดับลงวันละ 3 – 4 ซม. แต่ยังสูงกว่าตลิ่ง ส่วนที่สถานีวัดระดับน้ำที่ อ.มัญจาคีรี สูงกว่าตลิ่ง 54 ซม. ที่จุดนี้แม่น้ำชี มีความจุ 49 ลบ.ม. แต่มีน้ำไหลผ่านถึง 91 ลบ.ม. ต่อวัน ทำให้มีน้ำเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ลุ่ม ส่วนที่หนองกรองแก้ว มีปริมาณน้ำ 200% ของความจุ น้ำที่ล้นอ่างไหลลงตอนล่าง และวันนี้น้ำก้อนใหญ่กำลังไหลบ่าเข้าท่วมเขต อ.บ้านแฮด

    สำหรับพื้นที่ อ.เมือง จ. ขอนแก่น สถานีวัดน้ำที่สะพานข้ามแม่น้ำชี ต.ท่าพระ ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 2.80 ม. ระดับน้ำได้เพิ่มสูงขึ้น ชั่วโมงละ 4 ซม. ขณะที่ฝายกั้นแม่น้ำชีทั้ง 6 แห่ง ได้ยกบานทุกแห่ง เพื่อระบายน้ำให้เร็วขึ้น โดยคาดว่าพื้นที่ ต.ท่าพระน้ำในแม่น้ำชีจะล้นตลิ่งเข้าท่วมสูงประมาณ 1 - 1.30 ม. ขอให้ประชนในพื้นที่ลุ่มน้ำชี เตรียมเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไว้บนที่สูงและติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด.

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม 2556 เวลา 10:59 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หากโลกเจอ"อุกกาบาต"ถล่มนิวยอร์ก !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=0sT2lPnOl6g&feature=player_embedded]วิวรณ์ 18 - YouTube[/ame]​
    นาซ่าแถลงสภา บอก"ข้อแนะนำสุดอึ้ง"หากโลกเจอ"อุกกาบาต"ถล่มนิวยอร์ก

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 มี.ค.ว่า นายชารลส์ โบลเด้น หัวหน้าหน่วยงานบริหารการบินและอวกาศ หรือ"นาซ่า"กล่าวต่อรัฐสภาคองเกรสว่า คำแนะนำที่ดีที่สุดของนาซา ในการรับมือกับอุกกาบาตลูกใหญ่ที่จะถล่มกรุงนิวยอร์ก ก็คือ"การสวดมนต์" โดยที่ผ่านมา นาซาได้ตรวจจับพบอุกกาบาตขนาดยักษ์ลอยผ่านโลก โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางราว 1 กิโลเมตร ซึ่งเป็นอุกกาบาตที่ใหญ่เพียงพอที่ทำลายล้างมนุษยชาติได้

    นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า จากข้อมูลที่นาซามี นาซาไม่รู้ว่าจะมีอุกกาบาต จะคุกคามต่อชาวสหรัฐหรือไม่ แต่หากเกิดขึ้น เราคงต้องสวดมนต์อย่างเดียว แต่ถึงขณะนี้ โอกาสของอุกกบาตที่จะก่อความเสียหายอย่างมหาศาลต่อโลกถือว่ามีน้อยมาก และนาซาพยายามพัฒนาเทคโนโลยีที่จะเบี่ยงเส้นทางของอุกกาบาตหรือวัตถุนอกพิภพที่จะชนได้

    ขณะที่นายลามาร์ สมิธ ส.ส.รัฐเท็กซัส กล่าวว่า เหตุการณ์อุกกาบาตถล่มรัสเซียที่ผ่านมา ถือเป็นเรื่องโชคดีที่ไม่ก่อความหายนะระดับมหันตภัยโลก โดยเหตุการณ์ดังกลาวเป็นหลักฐานว่า มนุษย์และชาวสหรัฐ อยู่ในระบบสุริยจักรวาลที่ต้องเผชิญกับวัตถุอันตรายที่ผ่านโลกอย่างบ่อยครั้งอย่างน่าแปลกใจ

    ทั้งนี้ อุกกาบาตที่ถล่มรัสเซียเมื่อเดือนที่ผ่านมา ถือว่าใหญ่กว่าที่เคยตกในไซบีเรีย เมื่อปี 1908 และก่อนหน้านี้ เมื่อ 66 ล้านปีก่อน โลกเคยเผชิญกับมหันตภัยใหญ่จากอุกกาบาต เมื่ออุกกาบาตใหญ่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 10 กม.ได้ถล่มเม็กซิโก และทำให้เผ่าพันธุ์ไดโนเสาร์ สัตว์ต่าง ๆ และพืช สูญพันธุ์

    มติชนออนไลน์ วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2556 เวลา 09:45:12 น.

    ที่มา จบกัน นาซ่าแถลงสภา บอก"ข้อแนะนำสุดอึ้ง"หากโลกเจอ"อุกกาบาต"ถล่มนิวยอร์ก : มติชนออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ถอดความในปริศนาธรรม ของพุทธพยากรณ์ !!!

    [​IMG]

    ความสำคัญในพุทธทำนายแยกได้เป็นประเด็นสำคัญ 13 ประการ ซึ่งทรงทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเอาไว้ล่วงหน้า วันเวลาที่ตรัสถึงคือช่วงเวลาแห่งยุคสมัยปัจจุบันนี่เอง..

    " ไฟจะลุกลามมาทางตะวันออก ไหม้วัดวาอาราม นักบวช และพระจะอดอยากยากเข็ญ "....(1)

    ไฟในที่นี้คือ ภัยจากการคลั่งวัตถุนิยม อันเกิดจากมนุษย์อีกซีกโลกหนึ่งที่มีสมองซีกซ้ายนำขวา เป็นผู้สร้างเพื่อชักจูงจิตวิญญาณของผู้คนที่ไม่สมดุลให้ลุ่มหลงมัวเมาไปกับมัน จนกลายเป็นทาสของวัตถุ และถูกผู้สร้างมันขึ้นมาชักจูงจิตวิญญาณไปในทางต่ำ จนทำให้เกิดความขาดสมดุลจิตวิญญาณไป จิตสำนึกคลั่งตะวันตกเป็นไปอย่างรุนแรง ตั้งแต่ระดับผู้นำลงมาถึงระดับล่างแทบทุกชนชั้น

    (ลัทธิทุนนิยม ที่แพร่หลายมา ร่วม 200 ปี โดยประเทศ สหรัฐฯ ที่อดีต ปธน. คนหนึ่ง ของอเมริกา มองเห็นความล่มสลายของประเทศจะเกิดขึ้นในอนาคต..ซึ่งขณะนี้ อเมริกันชน มีหนี้มวลรวม ถึง 350 พันล้านๆเหรียญ แก้ไขอย่างไรก็ยิ่งจมลึก ..คุณสนธิ เปรียบเอาไว้ให้เข้าใจง่ายๆ ไม่ต่างกับแชร์แม่ชม้อยในอดีต แต่นี่ตัวจริงของโลก เลยทีเดียว ลองกลับไปอ่านรายละเอียดการวิเคราะห์ใน ผจก.)

    หลังจากโลกปรับสมดุลแล้ว ชาวโลก ต้องหันกลับมาใช้เศรษฐกิจพอเพียง ของพ่อหลวง ให้ชีวิตอยู่ได้เป็นปรกติสุข...ดูๆไปมนุษย์ปัจจุบัน สู้สัตว์ต่างๆ เช่นหมา ไม่ได้ตรงที่ มันจะกินเมื่อหิว และไม่สะสมสิ่งของ ทราบมาว่า ในอดีตกาลนานมา มนุษย์มีข้าว ที่ปลูกให้ผลแล้ว หิวเมื่อไรก็ไปเก็บข้าวมารับประทานได้เลย ไม่ต้องมีขบวนการยุ่งยาก

    มนุษย์ซีกตะวันออกมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ที่ยังคงใกล้ชิดกับศาสนาถือปฎิบัติธรรมะอย่างเข้าใจและซึ้งในรสพระธรรม ผู้ประพฤติดีประพฤติชอบมักไม่ได้รับการยอมรับจากคนส่วนใหญ่ นอกจากมีอำนาจเหนือ ศีลธรรมเสื่อมทรามมีผู้คนที่ศรัทธาในพระศาสนาเข้าวัดทำบุญน้อยลง เนื่องจากจิตใจไม่ฝักใฝ่และมีทัศนคติไม่ถูกต้องต่อผู้สืบทอดศาสนา ทีมีพฤติกรรมนอกรีตให้เห็นอยู่กลาดเกลื่อนเหมือนเป็นเรื่องปรกติ มองเห็นใครที่พูดถึงเรื่องศาสนาและธรรมมะเป็นหัวโบราณคร่ำครึ และความเสื่อมโทรมในจิตใจของผู้คนที่แสดงพฤติกรรมโหดร้ายก้าวร้าวต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เหมือนไม่ไช่มนุษย์ หนักขึ้นทุกวัน

    นักบวชและพระมีโอกาสเยียวยาจิตใจมนุษย์ในสังคม น้อยลงกว่าเดิม เนื่องจากมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่เข้าวัดเพราะเสื่อมศรัทธา ไม่ไส่ใจ และใฝ่การทำมาหากินเพื่อชีวิต ไม่ได้ทำอะไรเพื่อจิตวิญญาณของตนเลย (เนื่องจากรับระบบทุนนิยมมาอย่างเต็มตัว เข้าใจว่า..งานคือเงิน) บทบาทของพระในการเผยแพร่พระธรรมจึงถูกปิดกั้น มนุษย์มีพระไว้เพื่อการประกอบพิธีกรรมในการสวดที่ศักดิ์สิทธิ์ และใฝ่หาแต่ พระที่มีอิทธิฤทธิ์ไว้เป็นที่พึ่งเท่านั้น การอดอยากยากเข็ญของพระ จึงหมายถึง การที่พระไม่มีโอกาสได้กระทำหน้าที่ของตน ในการเผยแพร่ธรรมมะนั่นเอง..

    " ลูกไฟจะตกจากฟากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ " .....(2)

    พุทธทำนายบทนี้ กล่าวถึงการทำศึกสงความระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเอง ซึ่งเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎเกณฑ์ทางกายภาพของจักรวาล ว่าด้วยเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่งในระบบโลก ไม่เว้นแม้แต่มนุษย์

    การขัดแย้งรบราฆ่าฟันกัน ทั้งชนในชาติเดียวกัน ไปจนถึงระหว่างประเทศ พล่าผลาญชีวิตกันอย่างไร้จิตสำนึกแห่งเมตาธรรมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่ค้นคิดขึ้นจนนับวันอาวุธที่ผลิตขึ้นจะมีพลังอำนาจในการทำลายล้างอย่างน่ากล้วมากขึ้น (ด้วยมนุษย์ยังมีจิตใจเต็มล้นด้วยอวิชชา)

    อาวุธนิวเคลียร์ ขีปนาวุธ และอาวุธเชื้อโรค และอาวุธเส้นแสง คือความร้ายแรงและเป็นภัยมหันต์ แต่ละชนชาติที่ก้าวร้าวเหล่านั้นเคยรู้บ้างหรือไม่ว่า ศาสตราวุธทันสมัยที่แต่ละรายสะสมกันไว้นั้น หากกดปุ่มพร้อมกันมันสามารถทำลายโลกใบนี้ได้แค่เพียงนาทีเดียว

    สำหรับมนุษย์ที่กำลังหวั่นกลัวจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามคำพยากรณ์ในยุคพลังงานเก่า จงรับรู้ไว้ด้วยว่า โรงเรียนโลกใบนี้มิได้โดดเดี่ยว โดยปราศจากผู้ดูแลอย่างการคิดแบบจิตมนุษย์เลย จิตจักรวาลและรูปธรรมชั้นสูงในมิติคู่ขนาน จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้มีจิตวิญญาณอธรรมกระทำการเช่นนั้นได้อีกต่อไป

    (เมื่อโลกเสียสมดุล ในด้านสสารและพลังงาน จากบทบาทความโลภ โกรธ หลง ของมนุษย์ จนถึงจุดวิกฤต ที่นักวิทยาศาสตร์ ใช้ ปริมาณของกาซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นเครื่องบ่งชี้ เมื่อหลายศตวรรษก่อน มันจะคงตัวอยู่ที่ 280 พีพีเอ็มนั้น ผ่านมา 50 ปีในโลกอุตสาหกรรม มันขึ้นไปถึง 390 พีพีเอ็มแล้วอย่างรวดเร็ว และน่าจะไปถึง 450 พีพีเอ็ม ในปี 2560 นี่...ที่พระพุทธองค์กล่าวว่าโลกจะดิ่งสู่หายนะ

    สำหรับชาวโลกอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ประมาทในเรื่องโลกร้อนไม่หยุดนี้ ต้องรีบพิจารณาติดตั้งศูนย์ป้องกัยภัยธรรมชาติ เพื่อลดและควบคุมอุณหภูมิของชุมชนของตน ให้ต่ำกว่า 45 องศาโดยด่วน มิฉะนั้น จะอดอยากอาหารนาๆชนิดเช่นข้าว เนื่องจากร้อนเกินไปที่พืชจะผสมเกษรได้นั่นเอง)


    " มหาสมุทรจะชอกช้ำ "....(3)

    พุทธทำนายบทนี้ทรงเน้นความเน่าเสียของน้ำ จากปฎิกูลเคมีสังเคราะห์ ที่มนุษย์สร้างขึ้นทำลายความสมดุลของน้ำในมหาสมุทร ทำให้น้ำทะเลเป็นพิษ น้ำเน่าเสีย สัตว์ทะเลต้องจบชีวิตลงเพราะสารพิษ และขาดออกซิเจน เนื่องจากกากปฎิกูลต่างๆ จะมีมากเกินกว่ากายภาพของแผ่นดินจะซึมซับโอบอุ้มเอาไว้ได้

    มันจะค่อยๆเคลื่อนไหลสู่ท้องทะเล อำนาจเงิน ผลประโยชน์ ความบ้าคลั่งทางปัญญาอุตสาหกรรมหนัก คือตัวการก่อมลภาวะทางน้ำของมนุษย์ ซึ่งปัจุปันนี้กำลังเป็นปัญหาระบบนิเวศน์ เสียสมดุลจากมลพิษ สถานะการณ์โลกในขณะนี้ ปัญหามลภาวะมันหนักหนาจนสุดเยียวยาได้ มหันตภัยกำลังคืบคลานสู่มวลมนุษย์ชาติแล้ว จงเตรียมตัวกันไว้ให้ดี.

    (ลองดูแค่ประเด็นเดียว อุตสาหกรรม ของระบบทุนนิยม สร้างสาร CFC มาตลอด 50 ปี มากมายจนขึ้นไปอุดตันแกนพลังงานโลก พลังเส้นแรงผ่านออกที่ขั้วโลกใต้ไม่ได้ เหลือค้างปกคลุมผิวโลก มา 10 ปี หนาร่วม 3 เมตร และยังส่งผลกระทบไปทั่วจักรวาล ด้วยเส้นแรงแม่เหล็กที่ร้อยรัดทุกดวงดาวถูกบล็อก ที่โลกนี่เอง

    สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวใหญ่อันดับที่ 2 ของโลก กำลังทะยอยมาเกยหาดตายที่ เกาะทาสมาเนีย ร่วม 400 ตัวแล้ว ส่วนโลกร้อนนำคลื่นความร้อนมาผลาญชีวิตชาวโลกไปหลายแสนคนแล้ว)


    " ศึกจะติดเมือง "....(4)

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ความขัดแย้งระหว่างประเทศต่างๆทั่วโลก มันจะก่อตัวขึ้นแทบทุกแห่ง ที่ชนชั้นผู้นำขาดความสมดุลในจิตใจ การต่อสู้รบพุ่งกัน กระทบกระทั่งกัน มีให้เห็นไม่ว่างเว้น โดยมองเห็นความมีอำนาจเหนือเปรียบดั่งขนมหวาน ศึกสงความบนโลกจะไม่มีวันสงบทั่วแผ่นดินใด้ หากยังมีการคิดค้นมีการผลิตเพื่อขายกันอยู่

    (ตราบใดที่สังคมโลกยังพากันนิยมชมชื่นและวิ่งไล่ตามระบบทุนนิยม เหยื่อแห่งสงครามแม้ไม่ไช่สงครามโลก ก็ยังจะคงมีอยู่บนแผ่นดินโลกตลอดไป. จนสถานการณ์ทั่วโลกไต่ไปถึงจุดวิกฤตของโลก หรือเมื่อปริมาณของคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นไปถึง 450 พีพีเอ็ม ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2560)

    " ข้าวจะขาดแคลน "...(5)

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึงการทำลายระบบนิเวศน์อย่างไม่บันยะบันยัง เพื่อดูดซับพลังงาน และการเก็บเกี่ยวทรัพยากรธรรมชาติ บนแผ่นดินจะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ที่เหมาะสมต่อการเพาะปลูกธัญญาหารเสื่อม สลายเสียสมดุลไป มนุษย์ใช้ผืนแผ่นดินรองรับความเจริญทางวัตถุ จนแทบไม่มีที่ใดเหมาะสมต่อการเพราะปลูก และเกษตรกรรมเพื่อการยังชีพอีกต่อไป ในที่สุดความขาดแดลนอาหารบริโภคจะเป็นปัญหาของมนุษย์โลกที่ทุกคนต้องเผชิญ แม้ในยามที่ยังไม่มีศึกสงความให้เกิดข้าวยากหมากแพงเลยก็ตาม.

    (ปัจจุบัน เราจะเห็นว่าที่ดินป่าอันอุดมสมบูรณ์มาตั้งแต่ดึกดำบรรณ์ ถูกมนุษย์บุกรุกโค่นป่า เอาที่ดินมาทำนา ทำไร่ ปลูกพืชไร่ ในที่สุดดินก็เสื่อมโทรม และสุดท้ายทำสิ่งใดไม่คุ้มทุน ก็ทิ้งที่ดินปล่อยให้รกร้าง และไปหาที่ป่าบุกรุกใหม่เพิ่มเติม เช่นประเทศไทยเคยมีผืนป่า 80 % ความเป็นอยู่ของประชากรมีความปรกติสุข

    ปัจจุบันผืนป่าลดลงเหลือน้อยกว่า 18 % ราษฎรพากันอดอยากแร้นแค้น มีคนรวยอยู่เพียงกลุ่มเล็กๆที่ทำภาคอุตสาหกรรมกอบโกยทรัพยากรที่ยังมีเหลืออยู่อย่างเต็มที่ แต่เมื่อมนุษย์อดอยากขาดแคลนอาหาร ผลิตผลอุตสาหกรรม ไม่ได้ตอบสนองต่อการมีชีวิตของมนุษย์ได้อย่างแท้จริง เป็นเพียงภาพลวงตา และทำเงินให้แก่กลุ่มนายทุนเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ความปรกติของธรรมชาติถูกกลุ่มทุน นำมาบิดเบือนจากขาวให้เป็นดำไปเสียสิ้น เพื่อหลอกให้ผู้ที่ไม่รู้เท่าทันเกมส์หลงเข้าไปติดกับ)


    " ผีโขมดป่าจะเข้าเมือง "...(6)

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ภูมิอากาศโลกแปรเปลี่ยนไป จะก่อให้เกิดเชื้อโรคร้ายชนิดใหม่ๆ ที่เป็นภัยต่อสุขภาพร่างกายมนุษย์ จนถึงขั้นเสียชีวิต โดยไม่อาจเยียวยารักษาได้มากมายหลายโรค มีทั้งโรคร้ายชนิดใหม่ที่มนุษย์ไม่เคยรู้จัก และโรคร้ายชนิดเก่าๆ

    ที่มนุษย์เอาชนะมันได้จนทำให้มันเสียสมดุลไปในอดีตแล้ว มันจะแอบซุ่มวิวัฒนาการสายพันธุ์ของตัวมันเอง ตามกฎทางกายภาพของจักรวาล ยกระดับตัวมันเองสู่ความสมดุลกับมนุษย์ได้อีกครั้ง ที่มันสามารถจะมีอำนาจต้านทานฤทธิ์ยาตัวเก่าได้เป็นอย่างดียิ่งกว่าเดิม. (ชีวิตมนุษย์จะถูกโรคภัย ใหม่ๆนับร้อยๆชนิด มาย่ำยีปลิดชีวิตให้สูญสิ้นไป มากมายทั่วโลก)

    " พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร "...(7)

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง ความสับสนเสียสมดุลในจิตใจของผู้คนในสังคมถึงจุดที่ยากจะแก้ไขเยียวยาได้ จะทำไห้ผู้มีความสมดุลทางจิตวิญญาณต่างๆ เกิดความท้อแท้ในการทำหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของตนให้ลุล่วงได้อีกต่อไป เพราะไม่มีผู้ฝักไฝ่ศาสนา

    ไม่มีใครใฝ่หาการรู้แจ้ง บนเส้นทางของนักรบแห่งแสงสว่างตามแนวทางของพระศาสดา พวกเขาจึงจะพากันละไปจากสังคมเมือง แสวงหาความวิเวกและสุขสงบกันแต่เพียงลำพัง เหมือนอยากไปสวรรค์คนเดียว จนทำให้สังคมเสือมทรามลงอย่างรวดเร็ว เพราะต่างล้วนขาดจิตสำนึกที่ถูกต้องในการดำเนินชีวิต.(เข้าทำนองที่ว่าน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟนั่นเอง)

    " ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ "...(8)

    พุทธทำนายบทนี้ ทรงหมายถึง การกระทำต่อกันของมนุษย์โลก ทั้งทางกายภาพและในมิติคู่ขนาน ก่อให้เกิดมลภาวะทางพลังงานด้านลบและปฎิกูลทางกายภาพในระบบโลกเป็นจำนวนมากมาย มนุษย์ส่วนใหญ่จะมีจิตสำนึกที่สั่นสะเทือนต่อกันทางด้านลบ เกิดพลังงานกรรมคุณสมบัติด้านลบในมิติคู่ขนานอย่างมากมาย และทำให้ระบบโลกเสียสมดุลทางพลังงานที่จำเป็นไปมาก จนอาจทำลายความสมดุลของระบบโลกเองและจักรวาลทั้งระบบได้

    (ซึ่งภัยธรรมชาติกำลังทวีจำนวนมากขึ้นในทุกวันนี้ ฝนที่เคยตกเพียงครั้งละพอเหมาะ เดี๋ยวนี้ฝนตกทั่วโลกครั้งละ 5-7 วันติดต่อกัน เกิดปัญหาน้ำท่วมขนานใหญ่ ไปอย่างแพร่หลาย ที่เป็นข่าวน่าวิตกได้ยินได้ฟังกันอยู่แทบจะทุกวัน และจะหนักยิ่งขึ้นในปีต่อๆไป)

    " ยักษ์หินที่ถูกสาปให้หลับใหลมาเป็นนาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก "...(9)

    พุทธทำนายบทนี้ ตรัสถึงการสั่นสะเทือนของกายภาพโลก คือผืนแผ่นดิน จะเกิดความรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จะทำให้มนุษย์โลกได้รับเคราะห์ภัยรุนแรงอย่างไม่คาดคิด ปรากฏการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงนี้ จะเกิดจากแท่งแม่เหล็กในใจกลางโลก ซึ่งเป็นแท่งโลหะร้อนระดับ 4,000 องศาเซลเซียส ซึ่งเคยแน่นิ่งอยู่

    จะถูกกระทำให้มันเคลื่อนที่ไปจากตำแหน่งเดิมเพื่อการปรับเปลี่ยนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกสู่ระบบใหม่ ดังได้กล่าวไว้แล้วนั้น เมื่อเกิดการเคลื่อนตัวด้วยแรงขับเคลื่อนอันมหาศาล มันจะทำให้แผ่นพื้นทวีปและท้องมหาสมุทรเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จนพื้นโลกเกิดการบิดตัวอย่างรุนแรงตามไปด้วย

    มันจะทำให้แผ่นดินบางทวีปแยกตัวออกจากกัน น้ำทะเลจะไหลบ่าเข้าไปแทนที่ ตึกรามสูงใหญ่และเทคโนโลยีอันสูงส่ง พร้อมด้วยสารเคมีพิษร้ายต่าง ๆ จะถูกทับถมกันไว้ใต้พื้นโลกและแผ่นน้ำตราบนิรันดร์ พร้อมกับชีวิตของผู้สร้างมันขึ้นมา ด้วยจิตไร้สำนึกจำนวนนับล้านคนจะถูกกลืนหายไปเช่นกัน

    มันเป็นการดับอหังการ์ของมนุษย์ผู้มีจิตวิญญาณไม่บริสุทธิ์ ที่ฝ่าฝืนกฎทางกายภาพของจักรวาล คิดสร้างลัทธิซาตานขึ้นในระบบโลก ชักจูงจิตวิญญาณมนุษยชาติไปในเส้นทางที่ผิดพลาดโดยแท้ และเป็นการหยุดยั้งการทำลายโลกใบนี้ของพวกเขา ในอันที่จะก้าวไปสู่การทำลายความสมดุลของจักรวาลอื่นต่อไปในเวลาเดียวกัน.

    (ปัจจุบัน มนุษย์ระบบทุนนิยม ได้พัฒนาอุตสาหกรรม ที่ทิ้งของเสียให้เป็นภาระแก่สิ่งแวดล้อมโลกอย่างมหาศาล และมนุษย์ไม่สนใจวิธีที่จะกำจัดสารมีพิษเหล่านั้น เช่น สาร CFC ที่ภาคอุตสาหกรรมปล่อยออกมาตลอดเวลา 50 ปี ขึ้นไปอุดตันแกนพลังงานของโลก เส้นแรงแม่เหล็กไม่สามารถผ่านทะลุออกสู่ขั้วโลกใต้ได้

    จึงมีพลังงานส่วนเกินจากดวงอาทิตย์และจากจักรวาลอื่นที่โลกรับมาตลอดเวลา ไม่ถ่ายเทไปสู่ดวงดาวอื่น ส่งผลกระทบต่อจักรวาล มาแล้ว 10 ปี ทำให้โลกขาดแกนพลังงาน สิงแวดล้อม ดิน น้ำ ลม ไฟ จึงผิดปรกติมากยิ่งขึ้นในทุกวันนี้ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ยอมรับออกมาว่า เลยจุดแก้ไขให้กลับมาดีดังเดิม โลกคงรอวันปรับสมดุลครั้งใหญ่ เพื่อนำจิตวิญญาณหรือพลังปราณของมนุษย์ที่จะเสียชีวิตหลายพันล้านชีวิต ในภัยพิบัติต่างๆดูดพลังงานส่วนนี้ไปเป็นส่วนหนึ่งของแกนพลังงานโลกใหม่ ในอีกไม่นานนี้ ต่อไปอีก 13,000 ปี)


    " ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน " ...(10)

    ปรากฏการณ์นี้ มนุษย์สามารถสำเหนียกรู้ได้โดยไม่ต้องตีความ เพราะปรากฏการณ์ธรรมชาติของคลื่นความร้อน คลื่นความเย็น ที่ผ่านมา และพายุแม่เหล็กรุนแรงในบรรยากาศ ทำให้ผู้คนทุกข์ยากล้มตาย พืชพันธุ์เสียหาย และอุบัติเหตุเครื่องบินตกที่เกิดขึ้นไปแล้ว และที่กำลังจะ เกิดต่อไป

    เมื่อฝ่าเข้าไปท่ามกลางพายุแม่เหล็ก ที่รุนแรงนั้น หรือหิมะตกหนักและพายุลูกเห็บขนาดยักษ์ต่าง ๆ ล้วนเป็นความวิปริตแปรปรวนที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ซึ่งวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีมนุษย์ จะไม่มีวันเอาชนะได้

    หลังการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคพลังงานใหม่ เมื่อแผ่นดินและจิตวิญญาณมนุษย์ถูกชำระให้บริสุทธิ์เรียบร้อยแล้ว ฤดูกาล ต่างๆ บนโลกจะเปลี่ยนไป แผนที่โลกจะต้องได้รับการแก้ไขใหม่หลายส่วน.

    (ปัจจุบัน โลกและสุริยะจักรวาลกำลัง โคจรเข้าไปในหมอกอนุภาค ในทางช้างเผือก ซึ่งเป็นมลภาวะเข้ามาในบรรยากาศของโลกด้วย ดังภาพที่แนบมา และโลกยังจะต้องเผชิญหมอกอนุภาคต่อไปอีกหลายปี)

    " ตลิ่งจะพัง "...(11)

    จากการสั่นสะเทือนที่รุนแรงของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่มันจะเกิดต่อเนื่องกัน นานนับชั่วโมง ผู้คนทั้งโลกจะรับรู้มันได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องจ้องดูทางทีวีอีกต่อไป แผ่นดินใหม่จะปรากฏตัวขึ้นกลางมหาสมุทร ซึ่งเป็นอาณาจักรที่เคยต้องคำสาป ให้จมอยู่ใต้มหาสมุทรมานานนับหมื่นปี

    จากเหตุการณ์ที่จักรวาลชำระโลกเป็นครั้งที่สาม ตั้งแต่เกิดมีมนุษย์บนดาวเคราะห์โลก โดยอาศัยอำนาจแรงดึงดูดของดวงจันทร์ช่วยเหลือ นอกจากจุดศูนย์กลางอันเป็นเป้าหมายของแผ่นดินไหว ที่จะถล่มทลายลงไปใต้แผ่นน้ำแล้ว บริเวณสองทวีปที่เป็นชายฝั่งมหาสมุทร และเกาะบางเกาะจะจมหายไปใต้ท้องทะเลเช่นเดียวกัน.

    (ปัจจุบัน อาจมาลองพิจารณษแผนที่โลกใหม่ของนายกอร์ดอน ไปก่อนพลางๆก็ได้)

    " แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล "...(12)

    โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ ประเทศที่คลั่งวัตถุนิยม คลั่งไคล้เทคโนโลยี ทั้งผู้สร้างมันขึ้นมา ผู้งมงายกับการใช้มัน และประเทศที่ผู้นำมีจิตสำนึกบกพร่อง บ้าอำนาจและกระทำการก้าวร้าวต่อจิตวิญญาณผู้คนที่บริสุทธิ์ ให้ต้องจบชีวิตลงเพราะศึกสงคราม

    นั่นคือดินแดนหายนะอันเป็นเป้าหมายของจักรวาลด้วยเช่นกัน ทุกอย่างจะถูกกลบฝังไว้ใต้โลกท่ามกลางผงฝุ่นและเปลวเพลิง อันเกิดจากแผ่นดินแยกยุบตัวและภูเขาไฟระเบิดซ้ำ ความหายนะจะเกิดขึ้นแทบทั่วแผ่นดินนี้ ทั้งผู้ได้รับเคราะห์กรรมโดยตรงและโดยอ้อม จนแทบจะมองหาใครมาคอยช่วยเหลือใครไม่ได้เลย.

    " นักปราชญ์จะถูกทำลายให้สิ้นสูญ "...(13)

    มนุษย์จะเห็นได้ว่า ยุคปัจจุบันนั้นสังคมเต็มไปด้วยการอยู่ร่วมกันด้วยผลประโยชน์ มากกว่าความรักที่มีต่อกันเพื่อร้อยเรียงกันไว้เป็นหนึ่งเดียว ต่างต้องคอยระแวงกันตลอดเวลาด้วยการคอยมองหาว่า ใครชั่วน้อยกว่าใคร แทนที่จะมองหาความดีงามของกันและกัน มนุษย์โลกส่วนใหญ่พากันเร่งพัฒนาภูมิปัญญาของตนโดยไม่ใส่ใจพัฒนาสติกับปัญญา คิดสร้างขยะพลังงานกรรมด้านลบ และขยะเทคโนโลยีที่เน้นวัตถุขึ้นมามากมาย เพื่อสร้างโอกาสและอำนาจ เอาไว้บงการจิตวิญญาณมนุษย์คนอื่นที่ด้อยกว่า (เช่นโรงไฟฟ้านิเคลียร์ทั่วโลก จะเกิดระเบิดขึ้น มีโลกประสบภัยพิบัติ)

    โดยไม่ได้ใช้พลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ในตนเอง อันเกิดจากจิตสำนึกแท้จริง และสติทางวิญญาณที่มีพลังงานความรักเป็นตัวขับ เคลื่อนพฤติ กรรม ให้ผู้อื่นยอมรับ เชื่อมั่นและศรัทธาเลย นอกจากนั้นกลับใช้พลังอำนาจจากจิตไร้สำนึก ผลักไสคนดี ๆ ออกไปไกลจากเส้นทางของตัว ทำลายคนดีด้วยจิตสำนึกที่ผิดพลาด โดยไม่รู้ว่าความดีงามแท้จริงคืออย่างไร

    สังคมมนุษย์ คลั่งอำนาจ ลาภยศ สินทรัพย์และวัตถุนิยมมากยิ่งกว่าแสวงหาความดีงาม กิเลสตัณหา อบายมุข สารพิษ ยาเสพติดหาได้กลาดเกลื่อน มนุษย์เพาะบ่มสำนึกแห่งความชั่วร้ายไว้ในจิตใจ ที่พร้อมจะนำมันออกมาแสดงได้ง่ายกว่า การจะมองหาความดีงาม คือความรักบริสุทธิ์ หยิบยื่นให้แก่ใคร ๆ

    มนุษย์ที่สมดุลและคนดี ๆ กลับไม่ได้การยอมรับจากผู้คนเพราะมนุษย์ใช้ตนเองที่จิตสำนึกขาดความสมดุล ตัดสินมนุษย์ผู้อื่น ที่มีความสมดุลกว่าผิดพลาดไปหมด ความเป็นธรรมในสังคมจึงหายากยิ่ง แม้แต่นักบวชมากรายก็ยังทุศีลของพระพุทธองค์หนักขึ้นทุกวัน ยุคพลังงานเก่าที่ผ่านมา มันจึงเป็นสังคมที่ไม่ได้ส่งเสริมคนดีที่เหลือน้อย

    ทำให้คนดีเกิดความท้อแท้สงบงัน เหมือนการเห็นแก่ตัวเพราะต้องระมัดระวังตน โดยหยุดบทบาทตนเองไว้ การที่มนุษย์จะแสดงความดีงามสู่สังคมสักครั้งสักคน จะต้องใช้ความกล้าหาญและการเสียสละที่ยิ่งใหญ่เกินจริง จึงจะพอฟันฝ่าอำนาจด้านลบที่เกาะกุมจิตใจผู้คนส่วนใหญ่ได้.

    ที่พุทธทำนายพอสังเขปทั้ง 13 บท ที่เผยนัยมานี้ ล้วนเป็นภาพของความบอบช้ำภายในระบบโลก ซึ่งองค์พระศาสดาได้ทรงทำนายไว้ล่วงหน้านับพันปีมาแล้ว เพื่อเตือนสติมนุษย์ให้เกิดจิตสำนึกใหม่ ซึ่งมนุษย์เองสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ เลวร้ายใด ๆ ได้ หากลงมือกระทำที่จิตสำนึกของตนเอง แต่มนุษย์ กลับละเลยกันมาตลอด มหันตภัยจึงไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

    ดาวเคราะห์โลกเป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี มีกฏแห่งกรรมเป็นรางวัลการกระทำทางจิตสำนึกมนุษย์ไว้รองรับ ทั้งในทางกายภาพของมนุษย์เอง และในมิติคู่ขนาน การพยากรณ์ใด ๆ ไว้ล่วงหน้านั่นคือสิ่งที่จิตจักรวาลทุกรูปธรรมย่อมรู้ แต่การที่เหตุการณ์ ใดๆ เหล่านั้นมันจะเกิดขึ้น หรือไม่เกิดขึ้น มันอยู่ที่การตัดสินใจของมนุษย์เองทั้งสิ้น เมื่อมนุษย์ละเลยไม่แก้ไขตั้งแต่ต้น ก็เท่ากับว่ามนุษย์เป็นผู้เลือกสถานการณ์เลวร้าย ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ด้วยตนเองโดยแท้

    ถอดความพุทธพยากรณ์โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

    ที่มา www.ainews1.com/article442.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ตุลาคม 2013
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    56 วัน 7 ราตรี - โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=UqC4QsSWKwg]56วัน7ราตรี - โดย อ.ปริญญา ตันสกุล 1/5 - YouTube[/ame]​
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    12 ปีแห่งมหันตภัยล้างโลก !!!

    [​IMG]

    มหันตภัยล้างโลกได้เริ่มขึ้นแล้ว ไม่เกินอีก ๑๒ ปีข้างหน้าเป็นการเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่

    ...วันที่ 30 มกราคม 2550 สัญญาณจากจักรวาลบอกเราว่า เป็นการเริ่มนับเวลาจากนี้ไป ที่มนุษย์จะพบภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้น จนประสบมหันตภัยล้างโลกในที่สุด ในเวลาอีก 12 ปีข้างหน้า คือประมาณต้นถึงกลางปี พ.ศ. 2562 มนุษย์ทั้งหลาย จงตื่นจากความโง่เขลา จงตื่นจากความเห็นแก่ตัว คิดแต่อยากได้ทรัพย์ หรือวัตถุ จนไม่รู้ว่าธรรมชาติจะเอาชีวิตไปในไม่ช้านี้แล้ว และพึงรักษาธรรมชาติให้สมดุล รักษาจิตให้บริสุทธิ์ร่วมกัน เพื่อลดความรุนแรงของมหันตภัย ให้เกิดน้อยลงมากที่สุด เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของโลกในเวลานี้ ผู้นำประเทศทั้งหลาย หรือผู้ใดที่มุ่งหวังอำนาจ และกระหายสงคราม จงจำไว้ว่าผู้นำเหล่านั้น หรือผู้นั้นเป็นผู้ทำลายโลกที่ร้ายกาจ

    สภาพของการเกิดมหันตภัยในระยะเวลา 12 ปี สามารถแบ่งโดยความรุนแรงเป็น 3 ช่วงเวลา คือ

    1. ช่วงแรก เกิดขึ้นใน พ.ศ. 2550-2551 ระยะเวลา 2 ปีแรก เกิดแผ่นดินไหวต่อเนื่อง ตามรอยต่อของแผ่นทวีปทั้งหมดที่แตกร้าวไปทั่วดาวดวงนี้ สัตว์ และมนุษย์มีวิธีทำร้ายกัน แบบดุร้ายป่าเถื่อนมากยิ่งขึ้น สัตว์ขนาดเล็กเตรียมปรับตัวรับวิกฤติดังกล่าวแล้ว และเตรียมปรับตัวเพื่อทำลายล้างมวลมนุษย์อีกด้วย โดยการสะสมถ่ายทอดโรค ที่ร้ายแรงมากขึ้น นอกจากนั้นทั่วโลกยังเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงกว่าเดิม และเกิดอุบัติเหตุที่แปลกๆ โดยมนุษย์หาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้

    เช่น ระหว่างปีใหม่ ( พ.ศ. 2550) ที่ผ่านมาเครื่องบินภายในประเทศอินโดนีเซียสูญหายระหว่างบินอยู่เมืองสุราเวสี ไม่สามารถค้นพบได้จนบัดนี้ สาเหตุที่มนุษย์คาดไม่ถึง ก็คือ เกิดจุดตัดสนามแม่เหล็กโลก เกิดขึ้นบริเวณนั้นพอดี เนื่องจากความไม่สมดุล จึงดูดเอาเครื่องบินลำนี้ ออกนอกมิติของโลก เข้าสู่มิติมืดที่ว่างเปล่า หรือเป็นปรากฏการณ์ที่มนุษย์เข้าใจแล้วว่า เสมือนสามเหลี่ยมเมอมิวดา ในแกนกลางมหาสมุทร นั่นคือหลุมมิติในน้ำ แต่ที่จริงแล้ว ยังมีหลุมมิติในอากาศ (ที่เครื่องบินหายไปในช่องหลุมมิติ) และหลุมมิติบนพื้นโลก (ทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงเนื่องจากมิติซ้อนกันทำให้มองไม่เห็นกัน) เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งลี้ลับ แต่มนุษย์ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยสมองที่มีแต่ความอยาก และความต้องการในวัตถุทั้งหลาย

    2. ระยะที่ 2 ตั้งแต่ พ.ศ. 2552-2556 ระยะเวลา 5 ปี โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง เกิดภัยพิบัติร้ายแรงขึ้นมากกว่าเดิม และต่อเนื่องจนมนุษย์ทั้งโลกหวาดกลัว กลุ่มมนุษย์ที่มีจิตต่ำจะก่อกวนมนุษย์ด้วยความรุนแรงเหมือนไม่ใช่คน เกิดหลุมมิติมากมายเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง อย่างที่มนุษย์คาดไม่ถึง มีการตายของมนุษย์เป็นกลุ่มใหญ่จำนวนมาก ด้วยอุบัติเหตุและภัยพิบัติ น้ำแข็งขั้วโลกละลาย พื้นโลกบางส่วนยุบตัวลง เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด อากาศร้อนขึ้นอย่างมาก และอากาศหนาวก็มากขึ้นเช่นกันของแต่ละพื้นที่

    จะเริ่มมีพื้นที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์น้อยลง ความแห้งแล้งมากขึ้น น้ำในทะเลยกระดับสูงขึ้นจากสาเหตุการยุบตัวของโลก น้ำแข็งขั้วโลกละลาย และการนำน้ำใต้ดินขึ้นมาใช้สมทบด้วยอีกแรงหนึ่ง เริ่มเกิดโรคระบาดจากเชื้อไวรัส และแบคทีเรียที่ผุดมาจากดินที่ไม่เคยมีมาก่อน เชื้อเหล่านี้ทนทานต่อการทำลาย เพราะปรับตัวจากที่ที่เย็นจัดหรือปรับตัวจากที่ที่ร้อนจัดจึงทนต่อสภาวะที่เปลี่ยนไป

    3. ระยะที่ 3 ตั้งแต่ พ.ศ. 2557-2561 ระยะเวลา 5 ปี โลกร้อนขึ้นด้วยอัตราเร่ง พอที่จะละลายน้ำแข็งเกือบทั้งหมดของขั้วโลกทั้งสอง เกิดน้ำท่วมโลก โดยที่พื้นที่อาศัยของมนุษย์จะหายไปอย่างน้อยก็ 2 ใน 3 ส่วน ได้แก่ ที่ริมทะเลปากแม่น้ำ และที่ราบลุ่มต่างๆ คงเหลือพื้นที่ราบสูงพื้นที่บนภูเขา ซึ่งส่วนมากเป็นพื้นที่ที่ไม่เหมาะกับกับการเกษตรนัก จึงเกิดการขาดแคลนอาหาร เฉพาะพื้นที่ประเทศไทยนั้นเหลือเพียงภาคเหนือ ภาคอีสาน นอกจากนั้นที่เหลือก็มีสภาพเป็นเกาะแก่งเล็กๆ

    สรุปได้ดังนี้ บนพื้นดินที่อยู่ตรงกลางทวีปทั้งหลาย ก็จะแห้งแล้งด้วยความร้อนจากใต้ผิวดินประทุขึ้นมา พื้นที่ที่อยู่ริมบริเวณชายฝั่ง หรือค่อนมาทางริมขอบทวีปทั้งหลาย ก็จะถูกน้ำทะเลกลืนกิน บางที่ก็จะยุบหายไป บางที่ก็จะถูกเหวี่ยงออกไปแยกตัวเป็นอิสระ มีแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่ทั่วโลก มนุษย์จะเผชิญกับสภาพความแล้งจัด จนต้องอดตาย พบโรคใหม่กับสัตว์สายพันธุ์ดุร้าย และมีพิษ คร่าเอาชีวิตมนุษย์ทั่วไปทั้งโลกนี้เช่นกัน

    โดย Dr.G.G.Junior

    ที่มา universal-signal.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ภัยจากการคลั่งวัตถุนิยม !!!

    [​IMG]

    บทความวิชาการ วิชา 830329 ปัญหาสังคมและประเด็นสำคัญด้านการพัฒนา ชื่อเรื่อง ค่านิยมของวัยรุ่นไทยใช้สินค้าแบรนด์เนม โดยนางสาว กาญจนา ทะลือ รหัสนิสิต 53241691 คณะสังคมศาสตร์ สาขาพัฒนาสังคม

    ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ทำให้สังคมทั่วโลกปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว มีผลให้คนในสังคม ทุกวัย ต่างตกอยู่ท่ามกลางกระแสแห่งโลกาภิวัตน์ และถูกครอบงำด้วยวัฒนธรรมตะวันตกที่หลั่งไหลเข้ามาจนยากจะต้านทานโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เยาวชน เป็นกลุ่มที่ถูกวัฒนธรรมดังกล่าวกลืนกินและหล่อหลอม จนกระทั่งเกิดปัญหารุนแรงขึ้นในสังคมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน รวมทั้งตัวของเยาวชนเองก็กลายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะประสบปัญหาต่าง ๆ มากขึ้นกระแสความคลั่งวัตถุนิยม การที่วัยรุ่นมีความคลั่งไคล้ในการแต่งกายแบบแนวแปลกๆ หรือแฟชั่นโมเดิร์นฮิปปี้ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่สังคมวัยรุ่นไทย

    หรือบางรายก็นิยมสินค้าแบรนด์เนมราคาแพง อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋าเครื่องหนัง รองเท้า และเครื่องประดับ เป็นต้นสถานการณ์ปัญหาเด็กและเยาวชนในสังคมไทยยุคปัจจุบัน ได้ทวีความรุนแรงสูงมากขึ้นเกือบทุกด้าน ซึ่งปัญหาค่านิยมแบบบริโภคนิยมอย่างฟุ่มเฟือยในกลุ่มเด็กและเยาวชนไทย ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง เพราะวัยรุ่นส่วนใหญ่ชอบที่จะใช้ของแบรนด์เนมแต่ไม่มีรายได้เป็นของตัวเองเพราะคิดว่าการที่มีสินค้าแบนรนด์เนมใช้เป็นการบ่งบอกฐานนะทางสังคมไปอีกทางหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ก็มีส่วนน้อยของคนในสังคมเท่านั้นที่ เป็นบริโภคนิยม

    ดังนั้น คนอีกกลุ่มหนึ่งจึงต้องเข้าไปพึ่งพาสินค้าเลียนแบบ และสินค้ามือสองกัน เพราะนอกจากจะไม่สามารถเลือกซื้อสินค้าได้เพราะราคาแพงแล้ว สินค้าบางอย่างก็ไม่เหมาะสำหรับเขาเหล่านั้น การที่มีสินค้าเลียนแบบจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมและเป็นที่นิยมของวัยรุ่นไทยเป็นอย่างมากอย่างไรก็ตามท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งหลาย เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาของวัยรุ่นก็คือ ภาพสะท้อนของปัญหาสังคมไทยนั่นเอง

    ความต้องการในการบริโภค สื่อเหล่านี้ให้ได้มากที่สุด และก้าวตามให้ทันกับยุคกับ สมัยนิยม หากวัยรุ่นคนไหนก้าวตามไม่ทันก็ถูกเพื่อนในวัยเดียวกันต่อว่า ว่าล้าหลัง ตกเทรน ทำให้วัยรุ่นหลายคนต้องขวานขวาย เพื่อสิ่งที่จะได้มาเพื่อเป็นค่านิยมในสังคมของเด็กวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งเนื้อแต่งตัวตามแฟชั่น ก็เป็นอีกหนึ่งที่กำลังเป็นที่นิยมของเด็กวัยรุ่นเป็นอย่างสูง บางคนแต่งตัวตามแฟชั่นในราคาที่สูงจนเกินตัว

    ใช้จ่ายจนเกินตัวหรือเกินความจำเป็น และนำไปสู่การที่จะต้องทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ ที่สำคัญไม่ว่าเทคโนโลยีหรือ จะก้าวหน้านำสมัยขนาดไหน แฟชั่นจะก้าวเข้ามามีบทบาทต่อการดำรงค์ชีวิตมากน้อยเพียงใด หากกลุ่มวัยรุ่นนั้นมีความเข้าใจในการที่จะบริโภคค่านิยมทางวัตถุให้พอดี กับการใช้ประโยทย์ ก็ คงจะพอทำให้ได้รับโยชน์จากการใช้วัตถุนิยมเหล่านี้ได้อย่างมีคุณค่ายิ่ง แต่หากนำมาเพื่อการใช้งานในส่วนที่ไม่เหมาะสมผลที่ตามมาคือความไม่คุ้มค่าในการบริโภค วัตถุนิยมนั่นเอง

    จากการสังเกตวัยรุ่นไทยใช้สินค้าแบรนด์เนม แต่ดูอีกที ก็เป็นของปลอม แต่วัยรุ่นไทยไม่ได้สนใจว่า ของสิ่งนั้นเป็นของจริงหรือของปลอมหากแต่ความสนใจของเขาคือการที่ได้ หยิบยืม และต้องการให้ตัวเองดูดีมีระดับ ในสายตาคนอื่น สังคมไทยพยายามสร้างชุดความหมายออกมา ในเรื่องของการใช้สินค้าแบรนด์เนม เพื่อเป็นการโอ้อวดฐานะและเป็นการประชันเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่มีอยู่ ของคุณหญิงคุณนาย และคนมีฐานนะทางสังคมไทย และโดยเฉพาะในหมู่กลุ่มวัยรุ่นไทยนั้น สิ้นค้าแบรนด์เนมยังเป็นที่นิยมมาก เพราะเขาเหล่านั้นจะได้นำไปประชันกัน แต่หารู้ไม่ว่าหากแต่การที่เขาเหล่านั้นอาจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนชั้นสูงก็เป็นได้ แต่เขาอาจจะพักอยู่ในห้องเช่าแบธรรมดา นั้นก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เห็นในสังคมไทย เป็นอย่างมาก

    ความเป็น “วัฒนธรรม” แท้จริงแล้วจึงหมายถึงการ “เลียนแบบ” นั่นเอง เพียงแต่ว่าใครจะเลียนแบบใคร แล้วการเลียนแบบนั้นให้ประโยชน์กับใครเท่านั้น ในทางกลับกัน สังคมตะวันตกนั้นเขาชื่นชมความคิดใหม่ ๆ เป็นที่น่าตื่นเต้น แต่สำหรับคนไทยแล้วการสร้างสรรค์งานและผลงานใด ๆ นั้นก็ขึ้นอยู่กับครูบาอาจารย์ หรือตามแบบแผนที่วางไว้ ทำให้ คนไทยจึงจมปลักอยู่กับการเลียบแบบและการใช้สินค้าแบบเดิมๆและคิดว่าการใช้สินค้า เลียนแบบนั้น ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรมากนัก

    การใช้สินค้าเลียบแบบก็เป็น เป็นชุดความหมายหนึ่งของสังคมไทยที่บอกว่า การใช้สินค้าเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะในเรื่องของแฟชั่นก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเกิดการลอกเลียนแบบกันทั่วไปตามสมัยนิยมอย่างกว้างขวาง จนในบางครั้งเป็นที่ยอมไม่ได้ของชนชั้นสูง ดังในสมัยหนึ่งที่อังกฤษถึงกับต้องตราเป็นกฏหมายว่าชนชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถใส่เสื้อผ้าเครื่องประดับราคาแพงบางชนิด แต่สำหรับวัยรุ่นไทยที่ไม่มีรายได้เป็นของตัวเองแล้วมักต้องหันไปสนใจกับของลอกเลียนแบบเป็นอย่างมาก

    เพราะหากจะไปใช้ของ แบรนด์เนมนั้น ก็จะมีราคาแพงและไม่มีกำลังที่จะซื้อ การใช้สินค้าเลียนแบบของคนไทยนั้น เป็นการหล่อหลอมทางวัฒนธรรมและเป็นชุดความหมายของคนหมู่มากในสังคมอีกด้วย ดังจะเห็นได้จาก ชุดความหมายที่บอกว่า “การใช้สินค้าเลียบแบบไม่ใช่เรื่องผิดอะไร” ที่มีการโฆษณาทางสื่อออนไลน์ และการเห็นของเลียนแบบที่เกลื่อนเมืองนั้นเอง การซื้อสินค้าแบรนด์เนมของวัยรุ่นในสังคมว่าจะต้องมีการแข่งขันและมาอวดกันในสังคม

    เพื่อที่จะแสดงตนว่า เป็นผู้ที่นำแฟชั่น และรวมถึง การลอกเลียนแบบสินค้า นี่เป็นชุดความรู้มายาคติแบบไทย ไทย ที่คนตะวันตกเจ้าของสินค้าต้อง กุมขมับ เพราะคนไทยนั้นมีชุดความรู้ว่า การเลือกใช้สินค้าลอกเลียนแบบนั้นเป็นเรื่องปกติเสียแล้วทำให้ สิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาล้วนเป็นมายาคติทางวัตถุนิยมในสังคมไทย นั่นเอง

    อิทธิพลของสื่อ

    วัยรุ่นไทยในปัจจุบันกำลังเผชิญกับสภาวะความกดดันจากสังคมรอบข้างอย่างที่วัยรุ่นยุคก่อน ๆ ไม่เคยประสบ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกในยุคสังคมข่าวสาร ที่แม้แต่ผู้ใหญ่ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน มีประสบการณ์ชีวิตมาอย่างโชกโชนก็ยังแทบรับมือไม่ไหว และบางรายต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ที่รู้จักใช้ข้อมูลข่าวสารให้เป็นประโยชน์กับตนเองมากกว่าโดยรู้ไม่เท่าทันนอกจากนี้การดำรงชีวิตของผู้คนในสังคมปัจจุบันที่ตกอยู่ภายใต้กระแสวัตถุนิยม ซึ่งดำเนินไปในลักษณะแก่งแย่งแข่งขันกันโดยผู้ชนะเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จและก้าวหน้าในอาชีพการงาน

    ส่งผลให้แนวทางการอบรมเลี้ยงดูและการให้การศึกษาแก่ เด็กไทยมุ่งเน้นที่การแข่งขันเพื่อเอาชนะเหนือคนอื่นรอบข้าง จนดูเหมือนว่าโลกนี้ไม่มีมิตรมีแต่ศัตรูคู่แข่งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น สภาพครอบครัวไทยยุคใหม่ซึ่งเป็นครอบครัวเดี่ยวที่ค่อนข้างว้าเหว่ เนื่องจากไม่มีปู่ย่าตายายคอยให้คำชี้แนะในยามที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงชีพนอกบ้านสภาพการณ์ต่างๆ เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อวัยรุ่นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

    ดังนั้น การปรับเปลี่ยนแนวคิดและพฤติกรรมของวัยรุ่นไทยคงไม่ได้เป็นความรับผิดชอบของผู้ที่เป็นวัยรุ่นเองเท่านั้นแต่ทุกคนในสังคม ก็ล้วนแล้วแต่จะต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยกันทั้งสิ้นวัยรุ่นไทยถูกดึงดูดจากโฆษณาส่งผลให้มีการใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย ในเรื่องของข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็นหรือซื้อของราคาแพง เช่น มีของใช้ที่มียี่ห้อราคาแพงๆ มีเครื่องประดับในตัวมากมาย แล้วในที่สุดก็จะเบื่อง่าย ไม่รักษาข้าวของ ไม่ได้เห็นคุณค่าของของที่ซื้อมา

    ไม่ดูแลทะนุถนอมเมื่อของเสียหรือหายก็ซื้อใหม่และไม่สามารถที่จะมีความยั้งคิดหรือจัดการกับเรื่องการใช้เงินได้ ในเด็กเล็กอาจจะเห็นลักษณะอย่างนี้บ้าง แต่ไม่มากนักเนื่องจากว่าสิ่งที่เด็กสนใจราคายังไม่สูงมาก แต่ในเด็กวัยรุ่นของที่เด็กชอบหรือที่เด็กนิยมมักจะมีราคาแพงมากการที่เด็กมีค่านิยมเช่นนี้ ทำให้เกิดผลกระทบกับตัวเด็กเองและปัญหาทางสังคมตามมา ปัญหาที่ทำให้เด็กมีค่านิยมทางวัตถุนั้น พบว่าส่วนหนึ่งเห็นแบบอย่างมาจากพ่อและแม่ โดยเฉพาะในกลุ่มที่ฐานะดี

    พ่อแม่มักจะเป็นคนที่ติดยี่ห้อหรือนิยมในสิ่งของฟุ่มเฟือยต่างๆ และแสดงลักษณะอย่างนี้ให้เด็กได้เห็นได้เลียนแบบ ในจุดนี้พ่อแม่ควรจะต้องทบทวนตัวเองว่าได้เป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องของการใช้จ่ายเพียงไรให้กับเด็กๆ แม้พ่อแม่จะอยู่ในฐานะซื้อของราคาแพงได้ แต่ความสามารถยับยั้งชั่งใจในเด็กยังมีน้อย เด็กจะใช้เงินมากเกินกว่าที่พ่อแม่ให้ อาจส่งผลให้เด็กต้องหาทางหาเงินด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง

    ประการที่สองพ่อแม่ตามใจลูกมากจนเกินไป ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าเราให้สิ่งของต่างๆ กับลูกมากจนเกินจำเป็น บางครั้งเป็นไปตามค่านิยมทางสังคม เช่น อุปกรณ์ในการสื่อสาร ความจริงแล้วในเด็กในวัยขนาดนี้อาจจะไม่ได้มีความจำเป็นจริงจังที่จะต้องมีอุปกรณ์ติดตามตัวมากขนาดนั้น แต่ด้วยความที่ไม่อยากให้ลูกน้อยหน้าคนอื่นหรือตามกระแสที่ใครๆ ก็มีกัน ก็หาให้ลูกมากจนกระทั่งลูกไม่รู้คุณค่าของสิ่งของที่ได้มา เพราะถ้าอยากได้อะไรก็ได้สิ่งนั้นโดยง่าย เพราะฉะนั้นค่านิยมเหล่านี้จะปลูกฝังตั้งแต่ในวัยเด็ก

    ในเรื่องของการใช้จ่ายเงินควรฝึกให้เด็กได้รู้ว่าถ้าอยากได้เงินพิเศษเขาก็จะต้องทำงานหรือเขาจะต้องทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ต้องใช้ความมุมานะและความพยายาม มิใช่ได้มาโดยง่าย และควรปลูกฝังค่านิยมที่ถูกต้องในเรื่องการเลือกซื้อสิ่งของโดยเน้นที่คุณภาพของสิ่งของมากกว่าเป็นการซื้อตามใจตัวเอง หรือซื้อตามความนิยม นอกจากนี้พ่อแม่ต้องมีความสามารถในการที่จะขัดใจลูกได้อย่างเหมาะสม ไม่ตามใจลูกในทุกเรื่อง

    การฝึกปฏิเสธลูกตั้งแต่ในวัยเด็กเล็กให้เด็กได้เรียนรู้ว่าหากเขาต้องการอะไรที่ไม่สมควรหรือไม่ควรจะได้ก็จะได้รับการปฏิเสธอย่างเข้มแข็ง แต่มีเหตุผล เช่น แสดงอาการเข้าใจหรือเห็นใจว่าเขาต้องการสิ่งเหล่านี้จริงๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีเหตุผลว่าพ่อแม่ไม่สามารถหาทุกสิ่งทุกอย่างให้เด็กตามใจชอบได้ตลอดเวลา

    ประการสำคัญควรปลูกฝังให้เด็กได้เรียนรู้คุณค่าทางด้านจิตใจมากกว่าทางด้านวัตถุ ครอบครัวควรจะเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตัวเองให้กับเด็ก พบว่าเด็กที่ต้องการใช้เงินส่วนหนึ่งแล้วเป็นเพราะขาดความเชื่อมั่นในตัวเองหรือไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง มีความกลัวว่าจะน้อยหน้าเพื่อนหรือด้อยค่ากว่าคนอื่นจึงต้องมีเครื่องประดับที่มีราคาแพง

    ความภาคภูมิใจในตัวเองของเด็กนั้นเกิดจากการที่พ่อแม่สามารถยอมรับอย่างที่ลูกเป็น เห็นคุณค่าและความสามารถของลูก ไม่เปรียบเทียบตัวเด็กกับคนอื่นๆ ให้เขารู้สึกด้อยค่าในตัวเอง ในขณะเดียวกันเมื่อเขามีศักยภาพหรือความสามารถบางอย่าง พ่อแม่ก็ให้การยอมรับ บางคนอาจจะไม่มีความถนัดหรือความสามารถทางการเรียน แต่เขาอาจจะมีความถนัดหรือความสามารถที่เป็นข้อดีของตัวเด็กเองในด้านอื่นๆ

    ถ้าหากคุณให้คุณค่ากับสิ่งที่ลูกมีและสิ่งที่ลูกเป็น เขาก็จะมีความภาคภูมิใจในตัวของเขาเองโดยไม่ต้องอาศัยเครื่องประดับเหล่านี้ ความภาคภูมิใจในตัวเองนั้นยังเกิดในครอบครัวที่มีความอบอุ่น มีความเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน มีคนที่รักและเข้าใจเด็ก นอกจากความภาคภูมิใจในตัวเองจะช่วยเด็กในเรื่องของค่านิยมในเชิงวัตถุนิยมแล้วก็ยังจะช่วยทำให้เด็กเป็นคนที่มีจิตใจที่ดีงาม มีความรู้สึกที่ดีต่อตัวเองและต่อผู้อื่นก็จะทำให้เขาสามารถมีเพื่อนหรืออยู่ในสังคมที่เป็นกลุ่มเพื่อนได้ ไม่ต้องใช้เงินเลี้ยงเพื่อนเพื่อให้เพื่อนยอมรับ

    ประการสุดท้ายสอนให้ลูกเข้าใจสถานการณ์ของครอบครัว ไม่ใช่มีความรู้สึกว่าครอบครัวตัวเองด้อยกว่าคนอื่น และให้เด็กรู้ว่าไม่ว่าฐานะครอบครัวจะเป็นอย่างไรแต่ทุกคนในครอบครัวก็รักเด็ก และถ้าเด็กมีเหตุผลในเรื่องของการใช้จ่ายเงินทอง เป็นการช่วยเหลือครอบครัวอีกทางหนึ่ง ให้เด็กเกิดความภาคภูมิใจในตัวเอง ไม่ต้องรู้สึกอายหรือรู้สึกด้อยกับเรื่องฐานะทางเศรษฐกิจ

    การได้รับการฝึกฝนในเรื่องของการใช้จ่ายเงินทองอย่างเหมาะสมกับฐานะครอบครัว จะเป็นรากฐานที่สำคัญที่จะช่วยให้เด็กจัดการรับผิดชอบกับเรื่องของตัวเองดูแลเรื่องการใช้จ่ายเงินในแต่ละช่วงของตัวเองได้เป็นอย่างดี เด็กๆ ควรมีโอกาสใช้เงินให้เหมาะกับวัยของเขา เมื่อถึงวัยหนึ่ง เขาควรจะถือเงินด้วยตัวของเขาเอง อาจจะใช้ในการซื้อของบางอย่างให้กับตัวเองได้บ้าง หรืออาจจะเป็นการใช้จ่ายประจำวัน

    โดยเฉพาะในเรื่องของการไปโรงเรียน การคำนวณค่าใช้จ่ายของลูกก็เป็นเรื่องสำคัญ การให้เงินก็ไม่ควรจะมากหรือน้อยจนเกินไป ถ้าน้อยจนเกินไปจนเด็กไม่สามารถที่จะใช้จ่ายได้เพียงพอก็เป็นความเครียดกับเด็กเหมือนกัน แต่ในขณะเดียวกันถ้าให้เงินมากจนเกินไป โดยไม่ได้ฝึกค่านิยมเรื่องการอดออมเงิน การเก็บสะสมเงิน เด็กก็อาจจะใช้เงินไปอย่างไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม

    การฝึกใช้เงินควรจะจำแนกให้เด็กเห็นว่ามีบางอย่างเป็นความจำเป็นที่จะต้องใช้ในแต่ละวัน เช่นค่าอาหาร ค่าเดินทางไปโรงเรียน เขาอาจจะมีเงินเหลือเก็บอีกเล็กน้อย อดออมเอาไว้ใช้ในเวลาที่เขาต้องการ ถ้าคุณพ่อคุณแม่เห็นว่าเด็กโตขึ้นมีอายุมากพอที่จะเลือกซื้อข้าวของบางอย่างของตัวเองได้บ้าง อาจจะเป็นเรื่องของเสื้อผ้าหรือของใช้ก็อาจจะให้เงินรวมไปในค่าใช้จ่ายในแต่ละอาทิตย์หรือในแต่ละเดือน ที่มากพอที่เด็กจะเก็บสะสมในการซื้อของบางอย่างของตัวเองด้วย

    การฝึกเรื่องการใช้เงินให้มีความรับผิดชอบต่อจำนวนเงินที่ตัวเองได้รับจะเกิดขึ้นได้ดี ถ้าหากฝึกในเรื่องความรับผิดชอบในเรื่องอื่นๆ ไปด้วย เช่น การดูแลตัวเอง การรับผิดชอบกับงาน หรือมีความรับผิดชอบในเรื่องอื่นๆ ประเด็นที่ต้องคำนึงถึงร่วมกันในเรื่องค่านิยมแบบวัตถุนิยม คือ กระแสและสื่อในสังคมมีผลโดยตรงต่อค่านิยมในวัยรุ่น การสร้างแรงจูงใจด้วยสื่อที่เน้นความทันสมัยด้วยความฟุ่มเฟือย ค่านิยมที่แสดงความสำเร็จจากการมีเงินทองเครื่องประดับในตัวมากกว่าการตั้งใจทำงานและคุณค่าในตัวของคน จะทำให้ครอบครัวและเด็กวัยรุ่นต้องมีความยืนหยัดที่จะต้านทานกระแสเหล่านี้ แต่ครอบครัวยังคงเป็นภูมิคุ้มกันเด็กจากกระแสเหล่านี้ หากพ่อแม่เข้าใจและสามารถพูดคุยกับลูกวัยรุ่นได้ และได้ดูแลลูกในเรื่องการใช้เงิน

    กรณีที่เด็กมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่บางคนออกมาพูดให้ท้ายเด็ก เช่น เขายังเป็นเด็ก ยังไม่มีวุฒิภาวะ คิดไม่เป็น เป็นเรื่องของวัย เป็นแฟชั่นชั่วครั้งชั่วคราว โตขึ้นก็หายไปเอง นี่คือ ผู้ใหญ่ที่หาเสียงกับเด็ก เพราะกลัวว่าเด็กจะเกลียดชัง เพราะฉะนั้นอย่าได้ไปหลงในคำพูดของผู้ใหญ่ที่ปกป้องเด็กสารพัดทุกเรื่อง เพราะมีนิทานอีสปเรื่องหนึ่งชื่อ พ่อแม่รังแกฉัน คือ การที่พ่อแม่ตามใจลูกในทุกเรื่อง จนกระทั่งไม่รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก โตมาลูกก็กลายเป็นคนชั่วร้าย

    ฉะนั้น บรรดาผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ชอบพูดจาให้ท้ายพวกเด็กนี่ ต้องเรียกว่า คนแก่รังแกเด็กจนเสียคน สิ่งแวดล้อมที่ต้องเผชิญในขณะนี้คือ สื่อประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สื่อสิ่งพิมพ์ ที่ถาโถมใส่วัยรุ่นไทยอย่างหนัก เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ และตระหนักว่า สิ่งที่พบและได้เห็นนี้มีไว้เรียนรู้ และ เลี่ยง ไม่ใช่เพื่อเลียนแบบที่พูดถึงสื่อและสภาพแวดล้อมต่างๆ นั้น ต้องการให้เห็นภาพของสังคมที่มีอิทธิพลรอบตัวเรา เมื่อคำว่า “ค่านิยม” ซึ่งหมายถึง ทัศนะของคนหรือสังคมที่มีต่อสิ่งของความคิด และเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความคาดหวัง คุณค่า และความถูกต้องของสังคมนั้นๆ

    ปัจจัยที่ทำให้วัยรุ่นไทยใช้ของแบรนด์เนมอีกอย่างหนึ่งคือความอยากเด่น วัยรุ่นที่พยายามทำตัวเด่นในหมู่เพื่อน เชื่อว่าร้อยละร้อยเป็นผู้ที่มีปัญหามากจากทางบ้าน ปัญหาที่ว่านี้อาจะไม่ใช่ลักษณะขัดแย้งกันหรือไม่ลงรอยกันเสมอไป แต่ส่วนใหญ่มักเป็นปัญหาที่เราอาจไม่สังเกตเห็น เช่น เด็กขาดความอบอุ่น ความเอาใจใส่ โดยที่พ่อแม่มัวแต่ทำงานยุ่ง และคิดว่าการที่ถึงเวลามีข้าวปลาให้กิน มีสเตริโอให้เล่น มีเงินให้ใช้ไม่ขาดมือ ก็เป็นการให้ความเอาใจใส่ และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของพ่อแม่ที่ดีเพียงพอแล้ว กับครอบครัวประเภทนี้

    เด็กจะมีการแสดงออกในลักษณะที่ไม่รุนแรงนัก ไม่ว่าในทางดีหรือร้ายก็เพียงแต่แค่หอมปากหอมคอ ยังพอว่ากล่าวตักเตือนกันก็รู้ และเมื่อเด็กรู้สึกว่าได้รับการเอาใจใส่ จะทำให้แกพยายามทำตัวดีขึ้น แต่ในรายที่มีความรู้สึกว่าตนเองถูกทอดทิ้งหรือยิ่งไปกว่านั้น คือ ถูกเกลียดชัง ถูกปฏิเสธจากคนที่ตนต้องการความรัก อันอาจจะเป็นพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่ พี่หรือผู้อุปการะ บางทีเลยพาลให้อิจฉาน้องหรือพี่ ทะเลาะเบาะแว้งไม่ลงรอยกัน

    กรณีเช่นนี้วัยรุ่นจะมีปฏิกิริยาทางความคิดรุนแรง เริ่มตั้งแต่การทำตัวแหวกแนว ผ่าเหล่า ก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเอง และบ่อยครั้งที่จะหลอก หรือปลอบใจตนเองด้วยการสร้างภาพความสุขความสำเร็จที่สูงส่งเลอเลิศ มาทดแทนอารมณ์เศร้าและผิดหวัง บ้างอาจจะฝันว่าตัวเองเป็นดาราดัง โจรปล้นธนาคาร ฆาตกรโหด หรือเจ้าหญิงเจ้าชายอะไรไปโน่น ซึ่งล้วนเป็นสถานภาพที่ผู้คนทั้งหลายจะรู้สึกทึ่งหรือประณามหรือยกย่อง หรือสนใจ และยิ่งสร้างภาพเหล่านี้ไว้มาก บ่อย สูงส่งเท่าใด ก็จะทำให้ผิดหวัง เมื่อทนต่อสภาพที่เป็นจริงต่อไปไม่ได้มากเท่านั้น

    แน่นอนสิ่งที่ตามมาก็คือ ความล้มเหลวทางการเรียน การปรับตัวเข้ากับสังคม ตลอดจนวิถีชีวิตด้านอื่น ๆ หรือทั้งหมดและอาจรุนแรงจนนำไปสู่การฆ่าตัวตาย เมื่อตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถที่จะหาทางออกของชีวิตได้ ในฐานะที่เป็นวัยรุ่น ผู้เขียนอยากจะพูดแทนพวกเขาเหล่านั้นว่า บ้านคือเบ้าหลอมแห่งชีวิต แม้ว่าในปัจจุบันเด็กจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในโรงเรียนหรือนอกบ้านมากขึ้น ตั้งแต่ตีนยังเล็กเท่าฝาหอย จนโตเท่าฝาตุ่ม แต่บ้านก็คือบ้าน คือสถานที่ที่เด็กจะได้รับความอบอุ่น การเอาใจใส่ดูแล บรรยากาศของความเป็นครอบครัว ที่สำคัญ ความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่พี่น้องและ

    “ความรู้สึกของความเป็นลูก” นั้น เป็นสิ่งซึ่งเขาไม่อาจจะหาได้จากที่อื่นใดในโลก ไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนอนุบาลเกรดเอ หรือโรงเรียนชั้นวิเศษสุดราคาแพงใด ๆ ก็ตามจากชื่อเรื่องที่ว่า วัยรุ่นกับความอยากเด่น ก็ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทและความสำคัญของความรักและความเข้าใจในชีวิตครอบครัว ระหว่างพ่อแม่ลูก และเด็กกับผู้ใหญ่ไว้ด้วยประการฉะนี้ ดังที่กล่าวมาในข้างต้น เราจะเห็นได้ว่าเด็กไทยไม่สามารถที่จะหลีกหนีวัฒนธรรมหลักนี้ไปได้

    และเราก็ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมหลักนี้ได้ แต่เราจะทำอย่างไรให้เด็กไทยอยู่ในกระแสนี้ได้ โดยไม่ไปหลงใหลกับวัตถุนิยมมากเกินไป ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวเด็ก หรือแม้กระทั่งตัวเด็ก ต้องทำความเข้าใจกับวัตถุประสงค์ของการสร้างสรรค์สิ่งของและวัตถุต่างๆขึ้นมา ว่าสิ่งเหล่านั้นสร้างมาเพื่ออะไร? เมื่อเราให้เด็กเข้าใจถึงวัตถุประสงค์นั้นแล้ว เด็กก็จะเข้าใจถึงประโยชน์ และใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นอย่างสูงสุด

    อีกปัญหาหนึ่งของกระแสวัตถุนิยมก็คือ การแข่งขัน การแก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่น ตามความเข้าใจที่ว่าผู้ที่แข่งแกร่ง ผู้ที่เก่งที่สุด คือผู้ที่สังคมยอมรับ เราจำเป็นต้องให้เด็กเข้าใจถึงความพ่ายแพ้ ว่าเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ เป็นธรรมดา และไม่ใช่สิ่งที่น่าละอายใจ ครู – อาจารย์ ในโรงเรียนควรให้ความเอาใจใส่กับนักเรียนที่เรียนไม่ดีมากขึ้นหว่าเดิม เพราะนักเรียนเหล่านี้จะถูกทางบ้านตำหนิ เมื่อมาโรงเรียนก็ถูกครูตำหนิอีก ดังนั้นครู – อาจารย์ ต้องให้ความเท่าเทียมกับนักเรียนทุกคน ตามสมควร เนื่องจากนักเรียนที่เรียนไม่ดีนั้น ต่างคิดว่า สังคม ในโรงเรียนไม่ได้ใส่ใจดูแลเขา จึงพยายามแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ

    ถึงแม้ว่ากระแสวัตถุนิยมจะเข้ามามีบทบาทในสังคมมนุษย์ แต่ภายใต้จิตสำนึก และจิตวิญญาณ ของมนุษย์ ย่อมมีความต้องการทางจิตใจกัน ทุกๆคน เพราะถ้าเมื่อใดแล้วที่มนุษย์ขาดความต้องการทางด้านจิตใจก็ยากที่จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครอง เคยมีปัญหาเรื่องลูกวัยรุ่นใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เกินตัว ชอบซื้อของที่ไม่จำเป็น ชอบใช้ของแบรนด์เนม พอเลิกเห่อ ก็เลิกสนใจไปเลย หรือไม่ก็ซื้อเพราะอยากได้อยากมีเหมือนเพื่อนๆ ทั้งๆที่พวกเขายังไม่มีรายได้เป็นของตัวเอง แต่กลับใช้ของที่ราคาแพง หลายบ้านที่มีฐานะก็สามารถมีกำลังทรัพย์ที่จะซื้อให้ลูกได้ ส่วนบ้านที่ฐานะปานกลาง หรือหาเช้ากินค่ำ คงจะลำบากใจ และหาวิธีอะไรที่จะมาพูดให้ลูกเข้าใจเกี่ยวกับเศรษฐิกิจในบ้าน

    ครั้นอยากจะหักดิบไปเลย ลึกๆ หลายบ้านก็กลัวลูกเสียใจ และอาจจะไปหาเงินด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้อง เพื่อมาซื้อของใช้แบรนด์เนมราคาแพงนักจิตวิทยาพบว่า ถ้าเราจะวิเคราะห์กันจริงๆ ลงไป เราก็จะพบว่า เด็กที่เรียกร้องส่วนใหญ่ เป็นเด็กที่หาเงินยังไม่ได้ด้วยตัวเอง ไม่รู้ค่าของเงินว่า กว่าที่จะได้มาแต่ละบางแต่ละสตางค์นั้น ต้องทำงานหนักอย่างไร แต่ที่เรียกร้องเช่นนี้ได้ก็เพราะ มีพ่อแม่ที่คอยหามาสนองอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่เล็กจนโต ทำให้เด็กรู้ไม่ได้เลยว่า เงินทองเป็นของหายากหลายครั้ง พ่อแม่ ผู้ปกครอง มักจะบอกว่าเด็กมักจะเอาตามอย่างแฟชั่น ดารา เพื่อน

    แต่ความเป็นจริงแล้วผุ้ที่ใกล้ชิดเด็กที่สุดคือ พ่อแม่ ผู้ปกครองที่ดูแลลูก โดยธรรมชาติเด็กทุกคนจะไม่ทำตามผู้ใหญ่สอน แต่เขาจะทำตามที่เขาเห็นพ่อแม่เขา หากพ่อแม่พร่ำบอก พร่ำเตือนลูกถึงเหตุที่ไม่ควรใช้ของแพงเกินความจำเป็น แต่เราเองกลับนิยมที่จะใช้ของแบรนด์เนมซะเองเนื่องจากพ่อแม่เป็นต้นแบบของลูก โดยเฉพาะลูกวัยอนุบาลที่สามารถเปลี่ยนความคิดและมุมมองได้หลายอย่าง ตลอดจนช่วงวัยนี้เรียนรู้ผ่านการเลียนแบบถ้าพ่อแม่ทำตัวบ้าวัตถุนิยมให้ลูกเห็นมากเกินไปลูกอาจซึมซับจนติดเป็นนิสัยเกินตัวได้

    แต่กระนั้น ปฏิเสธได้ยากว่า สังคมรอบตัวลูกถือเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดความอยากได้อยากมีไม่น้อย โดยเฉพาะสังคมเพื่อน ส่งผลให้พ่อแม่จำนวนหนึ่งที่รักและอยากให้ลูกทัดเทียมกับเพื่อนคนอื่นๆ ออกแสวงหามาสนองความต้องการของลูกสิ่งเหล่านี้ถือเป็นตัวสร้างนิสัยให้ลูกยึดติดเป็นนิสัยเกินตัวได้ง่าย

    ผู้เขียนเคยเห็นผู้ปกครองหลายคนที่นิยมใช้สินค้าแบรนด์เนม และเปลี่ยนรุ่นบ่อยๆ เพื่อจะได้อินเทรนด์ ทันเพื่อนๆ บางคนประหยัดเรื่องการกิน การอยู่ แต่ว่าไม่เคยตกรุ่นกับสินค้าแบรนด์เนมนักจิตวิทยาเชื่อว่า พ่อแม่ควรจะสอนให้ลูกรู้จักวิธีใช้เงินให้เป็นและการสอน ก็จะต้องเริ่มตั้งแต่เด็กยังเล็กๆ เหมือนเรื่องอื่นๆ ในชีวิต เราต้องการเห็นเด็กๆ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีทัศนคติที่ถูกต้องในเรื่องการใช้เงิน มีการใช้เงินอย่างฉลาด และจัดการเกี่ยวกับเรื่องเงินทองในชีวิตได้

    ในส่วนของพ่อแม่ก็ต้องมีการสอนลูก ให้รู้ค่าของเงิน ไม่ใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย หรือกลัวจนไม่กล้าใช้ในสิ่งที่สมควร กล่าวง่ายๆ ก็คือ เราต้องการให้เด็กๆ ใช้เงินด้วยความรับผิดชอบพ่อแม่ควรชี้ให้ลูกเห็นถึงการใช้ของที่ไม่เกินตัว โดยไม่ทำให้ลูกเห็นว่า ต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อทำให้ตัวเองดูดีพร้อมกับชี้ให้ลูกเห็นคุณค่าในตัวเอง เพราะการให้คนอื่นยอมรับ และชื่นชมไม่จำเป็นต้องใช้ของแพง หรือมียี่ห้อเสมอไป แต่การเป็นเด็กดีน่ารักก็ทำให้คนรอบข้างชื่นชมได้เช่นกัน

    ถ้าเด็กคิดได้แบบนี้ เมื่ออยู่ในสังคมที่เต็มไปด้วยวัตถุ เด็กจะไม่อ่อนไหวและรู้สึกว่าตัวเองมีปัญหา เราจะฝึกเด็กตามวัยต่างๆ ได้อย่างไร วัย 3 – 6 ปี ถ้าเด็กเล็ก อาจจะใช้เด็กเริ่มหัดแยกขนาดของเหรียญต่างๆ เป็นกลุ่มๆ เช่น เหรียญบาท เหรียญห้า หรือเหรียญสิบบาท รวมทั้งอาจอาจจะให้เด็กรู้จักแยกขนาด ของธรบัตรสีต่างๆ หากเด็กโตหน่อยก็สอนให้รู้จักแลกธนบัตรกับเหรียญ หรือหัดทอนสตางค์เป็นต้น หากคุณพาลูกไปยังซูเปอร์มาเก็ต ก็อาจจะสอนให้เด็กหัดดูราคาของ ที่ติดไว้ที่ป้าย และพูดอธิบายให้ลูกฟังอย่างง่ายๆ ว่า ของแต่ละชิ้นมีราคาต่างกันอย่างไร เพื่อให้เขาเริ่มมีความเข้าใจว่า ของทุกอย่างที่คุณแม่ซื้อใส่ตระกร้านั้นล้วนมีราคา และราคาจะถูกแพงต่างกันออกไป

    ผู้เขียน เคยฝึกลูกๆ เล่นเกมส์ขายของ ซึ่งเด็กๆจะชอบมาก แรกๆ ก็เอาของใช้ในบ้าน มาตั้งราคา ซื้อขาย โดยใช้เงินกระดาษ หรืออาจจะใช้เงินจริงก็ได้ พอเก่งแล้วก็เริ่มให้ลูกเปิดร้านขายของเล่นเล็กๆ บางวันลูกนั่งขายครึ่งวันยังขายไม่ได้เลย เปลี่ยนมุมสินค้าในร้าน 3-4 รอบก็ยังขายไม่ได้ ทำให้ลูกเรียนรู้ว่ากว่าเราจะได้เงินมาสักบาท ลำบากและเหนื่อยขนาดไหน และสินค้าแต่ละชนิดต้นทุน กำไรไม่ได้เยอะเลย

    ถ้าเขาไม่ระวังเอามาเล่น หรือกินเอง ก็จะทำให้ขาดทุนได้ง่าย ที่สำคัญเด็กจะเข้าใจ และเห็นคุณค่าของเงิน รู้จักการทำงานที่จะทำให้เราได้เงินมาสำหรับใช้จ่ายในครอบครัว กฎเหล็กอีกอย่างคือ ในหนึ่งสัปดาห์ลูกจะมีสิทธิซื้อของเล่น ได้ 1 ชิ้น ราคาไม่เกิน 20 บาท ถ้าลูกอยากได้ของเล่นแพง ลูกต้องเก็บเงินจนกว่าจะได้ตามสินค้าที่อยากได้ บางครั้งลูกเดินวนรอบร้านขายของอยู่ 2-3 สัปดาห์ จนบางครั้งคนขายก็ลดราคาให้

    วัย 7 ถึง 8 ขวบ พัฒนาการของเด็กอายุ 7-8 ขวบส่วนใหญ่ จะเป็นช่วงที่เด็กเรียนรู้ที่จะมองและเข้าใจ ในเรื่องของเหตุและผลออกว่า ถ้าเขาทำอะไรลงไปผลจะเป็นอย่างไร การเรียนรู้ดังกล่าว จะทำให้เด็กเริ่มที่จะหัดตัดสินใจหลายๆ สิ่งได้ เช่น ถ้าเขาไม่ยอมกินข้าวเขาจะหิว หรือถ้าเขาแกล้งน้องเขาจะถูกลงโทษ เป็นต้น เด็กๆ จึงสามารถที่จะตัดสินใจหลายอย่าง ก่อนที่เขาจะลงมือกระทำอะไรลงไป และความสามารถในการรับรู้นี้เอง

    ในช่วงวัย 9-12 ปี คุณพ่อคุณแม่อาจให้เงินลูกเป็นรายสัปดาห์ เพื่อฝึกการวางแผนการใช้เงิน รู้จักตัดสินใจคำนวณการใช้จ่ายในแต่ละสัปดาห์ทำอย่างไรลูกถึงจะสามารถควบคุมการใช้เงินของตัวเองให้เพียงพอตามจำนวนเงินที่ได้รับมา คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกอ่านบัญชีรายรับ-รายจ่ายในครอบครัว อ่าน บิลค่าของใช้ บิลค่าน้ำ ค่าไฟ เพื่อรับรู้ และมีส่วนร่วมในการช่วยผู้ปครองประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว

    วัยรุ่น 13-17 ปี เด็กวัยนี้มักจะมีพฤติกรรมเลียนแบบกลุ่ม ต้องมีของใช้เหมือนกัน ต้องแต่งตัวเหมือนกัน ถ้าคุณรู้ว่าเขามี “นิสัย” ที่ชอบซื้อของแพงโดยไม่สมเหตุสมผล คุณจะต้องเรียนรู้ที่จะ “Say No” กับลูกให้เป็น พร้อมกับบอกเหตุผล โดยไม่ต้องลงไป ต่อล้อต่อเถียงกับเขา โดยทั่วๆ ไป พ่อแม่มักจะให้เงินเดือนลูกวัยรุ่นกันอยู่แล้ว ถ้าลูกคุณอยากได้จริงๆ เขาควรจะหัดเก็บเงินประจำของเขา และซื้อเอง สอนให้ลูกรู้จักวิเคราะห์เหตุผลในการซื้อสินค้า ว่าเราจะได้ประโยชน์จากการใช้สินค้านั้นจริงๆหรือไม่ ถ้าสินค้านั้นราคาแพง และคุณอยากจะให้เขาบ้าง ก็อาจจะเสนอว่า คุณจะช่วยจ่ายให้เขาครึ่งราคา ส่วนอีกครึ่งให้เขานำเงินที่เขาเก็บมาใช้

    ที่สำคัญพ่อแม่ ต้องยอมรับ และฟังความคิดเห็นของลูก เป็นการปลูกฝังให้ลูกรู้จักคิดวิเคราะห์ในความต้องการของตัวเอง สร้างความมั่นใจในการวางแผนการใช้เงิน การออมเงิน อย่างถูกต้องในอนาคต เลี้ยงลูกวัยรุ่น พ่อแม่ต้องเข้าใจ พฤติกรรมลูกวัยนี้ พยายามทำวิกฤตให้เป็นโอกาสที่จะอบรมสั่งสอนลูก วัยรุ่นสมัยนี้ กับสมัยเรา วิถีชีวิตก็ไม่เหมือนกัน แต่ความรู้สึกตอนเรายังเป็นวัยรุ่นก็จะใกล้เคียงกัน ถ้าเรายังจำช่วงเวลานั้นได้ เราก็สมารถเข้าใจลูกวัยรุ่นได้ง่ายขึ้นค่ะ

    แนวทางที่จะคุยกับลูกก็ต้องรู้จักการยืดหยุ่น และหาจุดกึ่งกลางที่เหมาะสม ในวิธีการที่ยึดความถูกต้อง เด็กต้องเรียนรู้ว่าถ้าอยากได้อะไร ต้องเข้าใจความต้องการของตนเอง ต้องรู้จักสื่อสารกับพ่อแม่ ไม่แอบไปทำเองตามลำพัง

    ข้อเสนอแนะในการลดความรุนแรงของปัญหา

    การเสวนาดังกล่าวได้เสนอทางออกให้แก่สังคมไทยไว้อย่างน่าสนใจว่า“เด็กควรเรียนรู้ความเป็นจริง เพื่อไม่ตกเป็นเหยื่อของสังคม โดยทุกระบบในสังคมต้องทำหน้าที่ฝึกสอนให้เด็กได้เรียนรู้ แต่กลับพบว่า หน้าที่ในการอบรมเด็กกลับถูกผลักภาระไว้ที่โรงเรียนเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ระบบโรงเรียนกลับมุ่งเน้นในเชิงวิชาการ แม้จะมีระบบคัดกรองเด็กที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพื่อนำเข้าสู่การแก้ไขปัญหา”

    “แต่กลไกเหล่านี้ยังไม่ถูกทำหน้าที่ จึงเห็นด้วยที่ผู้ปกครองต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลลูก ไม่ควรฝากภาระและอนาคตให้กับโรงเรียน โดยต้องมีระบบกลไกทางสังคมที่ช่วยให้ระบบครอบครัวมีความเข้มแข็ง มีทักษะและความรู้ความเข้าใจในการแนะนำลูกของตนเอง ซึ่งการสร้างระบบเครือข่ายผู้ปกครองสามารถทำได้”

    “โรงเรียนต้องเปิดพื้นที่ให้กลุ่มพ่อแม่ได้เกิดกระบวนการเรียนรู้ของความเป็นผู้ปกครองเช่นมีห้องให้ผู้ปกครองได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และการให้คำปรึกษาการเลี้ยงดูลูกเพื่อให้เครือข่ายครอบครัวมีส่วนในการเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเด็กในโรงเรียนมากขึ้น”ทางออกเพียงเท่านี้จะเพียงพอหรือไม่อย่างไรสำหรับการแก้ไขปัญหาที่ยังคงเป็นแผลฉกาจฉกรรจ์ของวัยรุ่นไทย ในเมื่อผู้ใหญ่ในสังคมมีความคิดที่แตกแยกกันอย่างรุนแรงเช่นนี้ จนยากที่จะหาทางออกร่วมกันได้ มันย่อมเป็น “แม่แบบทางความคิด” หรือ สร้าง “ค่านิยมใหม่”ให้แก่เด็กไทยที่นับวันจะมุ่งไปสู่ “ความรุนแรง”เช่นเดียวกัน

    เพราะ...เราอยากได้ขนมหวานอะไร ก็ต้องใช้แม่แบบขนมหวานตัวนั้น เป็นเครื่องพิมพ์ให้ออกมาตามแบบ เราอยากได้ความรุนแรงเป็นเครื่องยุติความแตกแยกของสังคม เราอยากได้การยุติปัญหาแบบขาดวุฒิภาวะ ...ฤา? หรือเราได้ให้สังคม “กลบเกลื่อนความผิด” มาลบเลือนความชั่วของคนในสังคม เราก็จะได้เห็นเยาวชนของเราเดินตามรอยเท้านั้นในไม่ช้า

    สิ่งข้างต้นนี้เองที่ถือว่าเป็นความฟุ้งเฟ้อทางวัตถุนิยม ที่เข้ามาครอบงำให้เด็กวัยรุ่นไทยมีพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วงยิ่งนัก เพราะมันเข้ามามีอิทธิพลดึงดูดให้เด็กกลุ่มนี้ต้องตกอยู่ในวังวนของความอยากได้อยากมี หรือความฟุ้งเฟ้อในการใช้ของแพงตามแฟชั่น

    ดังนั้น ค่านิยมนั้นเป็นข้อสรุปรวมของสังคมก็ย่อมหมายความว่า “เป็นทัศนะที่รวมๆ กันของคนหมู่มากที่ทำตามกันไป อาจจะถูกหรือจะผิดก็ไม่อาจทราบได้ แต่เมื่อได้เฮตามกันไปแล้ว ค่านิยมที่เกิดใหม่อีกชั้นในขณะนั้นก็คือ การใช้กฎหมู่มาอยู่เหนือกฎหมาย ซึ่งอาจสร้างปัญหาให้แก่สังคม”เมื่อถูกชักนำไปในทางที่ผิด เช่น ช่วงหนึ่งผู้คนนิยมว่า ใช้ของแบรนด์เนมเป็นเรื่องที่เท่ทันสมัยหรือสมาร์ท ก็ใช้ตามกันไป

    แล้วเดิม“ค่านิยม”ของเด็กและเยาวชนไทยคืออะไรคือฝักใฝ่ในคุณธรรม เคารพผู้ใหญ่ กตัญญูรู้คุณ สนใจในการศึกษาเล่าเรียน เพื่อการเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในสังคมในอนาคต .... ใช่หรือไม่ แต่เพียงเราเดินข้ามสู่ทศวรรษใหม่ กลับพบว่า เด็กและเยาวชนไทยมีค่านิยมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลัน จนสังคมไม่ทันหันกลับมามองและแก้ปัญหานั้นได้ นี่คือบาดแผลในจิตใจที่คนในหมู่เด็กและเยาวชนเราจำนวนมากที่ทำตามกันไป คงเห็นแล้วว่า เมื่อพวกเขามีความฟุ้งเฟ้อในวัตถุนิยมมากเท่าใด ก็ทำให้พวกเขาพยายามที่จะไขว่คว้าหาวัตถุนิยมต่างๆ มาปรนเปรอให้กับตนเองมากที่สุด

    และที่สำคัญดูเหมือนว่าเด็กวัยรุ่นไทยของเรากำลังตกอยู่ในความฟุ้งเฟ้อกระแสวัตถุนิยมเต็มตัว...ซึ่งคงถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนคงต้องเยียวยาช่วยเหลือพวกเขาไม่ให้ถลำลึกไปจนกว่าที่จะดึงกลับมาได้ โดยเฉพาะสถาบันครอบครัวคงต้องเป็นประการด่านแรก ในการที่จะช่วยเหลือลูกหลานของเรามิให้ตกอยู่ในห้วงกระแสวัตถุนิยมอย่างจมปลักเช่นนี้

    ที่มา www.sd-group2.blogspot.com/2012/12/53241691.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2013
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เวียดนามอพยพกว่าครึ่งแสนหนีไต้ฝุ่น "นารี"

    [​IMG]

    ชาวเวียดนามซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองเว้และเมืองดานังกว่า 66,000 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยชั่วคราวตามคำสั่งของทางการ หลังพายุไต้ฝุ่น "นารี" มีทิศทางเคลื่อนตัวเข้าถล่มชายฝั่งตอนกลางของเวียดนาม ภายในเช้าวันอังคารที่ 15 ต.ค.

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ว่ารัฐบาลเวียดนามสั่งเร่งอพยพประชาชนกว่า 66,000 คน ในเมืองเว้และเมืองดานัง ซึ่งตั้งอยู่ริมชายฝั่งทางตอนกลางของประเทศ เพื่อรับมือการมาเยือนของพายุไต้ฝุ่น "นารี" ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิยาคาดการณ์ว่า พายุจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งภายในช่วงเช้าวันอังคารนี้ ตามเวลาท้องถิ่น โดยอาจทำให้เกิดฝนตกหนักถึง 500 มิลลิเมตรในระยะ 2-3 วันนี้

    ทั้งนี้ พายุไต้ฝุ่นนารี เคลื่อนตัวเข้าถล่มฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะหลักตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ศพ

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556 เวลา 13:15 น.

    เหยื่อเหยียบกันตายบนสะพานในอินเดียทะลุ 100 ศพ

    [​IMG]

    จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุเหยียบกันตายบนสะพานข้ามแม่น้ำสินธุ ทางตอนกลางของอินเดีย อยู่ที่อย่างน้อย 115 ศพ และบาดเจ็บกว่า 130 คน

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี เมื่อวันที่ 14 ต.ค. ว่าสำนักงานตำรวจรัฐมัธยประเทศ ทางตอนกลางของอินเดีย เผยจำนวนผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมประชาชนกว่า 20,000 คนเหยียบกันบนสะพานข้ามแม่น้ำสินธุ เมื่อวันอาทิตย์ ว่าเพิ่มเป็น 115 ศพแล้ว และมีผู้บาดเจ็บอีกอย่างน้อย 133 คน โดยเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายทั้งที่เสียชีวิตและบาดเจ็บส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก

    ทั้งนี้ เหตุการณ์เกิดขึ้นบนสะพานข้ามแม่น้ำสินธุ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่วิหารใหญ่ในเมืองรัตนาคาร ทางตอนเหนือของเมืองโภปาล เมืองเอกของรัฐมัธยประเทศ เพื่อร่วมเทศกาลสำคัญทางศาสนา ที่ในแต่ละปีจะมีผู้มีจิตศรัทธาเดินทางมาเข้าร่วมหลายแสนคน แม้สาเหตุหลักของการเสียชีวิตจะมาจากการถูกเหยียบ แต่ผู้แสวงบุญจำนวนไม่น้อยเสียชีวิต หลังตัดสินใจกระโดดลงจากสะพานสู่แม่น้ำที่อยู่เบื้องล่าง

    ด้วยความที่โศกนาฏกรรมลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เนื่องจากเคยเกิดขึ้นมาแล้วบนสะพานแห่งเดียวกันนี้ เมื่อ 7 ปีก่อน และมีประชาชนเสียชีวิตกว่า 50 ศพ สื่อท้องถิ่นหลายสำนักจึงนำเสนอข่าววิพากษ์วิจารณ์มาตรการรักษาความปลอดภัยของผู้จัดงานและรัฐบาลท้องถิ่น โดยมีการเรียกร้องให้นักการเมืองระดับสูงในรัฐมัธยประเทศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบด้วย

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556 เวลา 12:56 น.

    สหรัฐเข้าใกล้ “หายนะ” ผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์

    [​IMG]

    สหรัฐเริ่มขยับเข้าใกล้การผิดนัดชำระหนี้ มาทุกขณะ ซึ่งภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ หากยังไม่สามารถตกลงกันได้เรื่องการขยายเพดานหนี้ "หายนะ" มาเยือนแน่ อาจทำลายเศรษฐกิจทั้งของสหรัฐและทั่วโลกอย่างรุนแรง ส่วนการปิดหน่วยงานของรัฐก็เข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 แล้ว ขณะที่ ผู้นำวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ยังคงโต้เถียงกัน กรณีงบประมาณรายจ่ายในการเจรจาช่วงสุดท้ายเพื่อยุติวิกฤติที่เกาะกุมประเทศอยู่ในขณะนี้

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ว่า สหรัฐยังคงเผชิญหน้ากับความเป็นไปได้ในการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล หลังจากวุฒิสมาชิก ยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับเงื่อนไขในการเปิดหน่วยงานของรัฐบาล และขยายข้อจำกัดในการให้อำนาจรัฐบาลกู้ยืม โดยพรรครีพับลิกัน และเดโมแครต ซึ่งกำลังทำสงครามห่ำหั่นกัน กรณีนโยบายการเงินการคลังของประเทศยืดเยื้อมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว พยายามที่จะเจรจาแก้ปัญหา

    วุฒิสภานัดประชุมกันในวันอาทิตย์ ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก เพื่อพยายามผ่าทางตันวิกฤติงบประมาณ ที่เป็นเหตุให้ต้องปิดหน่วยงานของรัฐตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งกลายเป็นปัญหาทำลายความเชื่อมั่นภายในประเทศ และบ่อยทำลายชื่อเสียงของสหรัฐ ในฐานะที่เป็นมหาอำนาจเบอร์หนึ่งด้านเศรษฐกิจ

    ทั้งนี้ หากสหรัฐไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ได้ทันภายในวันที่ 17 ตุลาคมนี้ กระทรวงการคลังจะไม่มีเงินในคลัง และอาจเริ่มผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ดังกล่าว นายแฮร์รี รีด ผู้นำวุฒิสภาพรรคเดโมแครต ได้หารือกับนายมิตช์ แม็กคอนเนล ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา แม้ว่าจะยังไม่มีอะไรคืบหน้า “ผมยังมีความคิดเห็นในแง่ดีว่าที่สุดแล้วจะจบลงอย่างสร้างสรรค์” นายรีดกล่าว

    ด้านนางคริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ออกมาเตือนว่า การผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐ อาจผลักให้โลกเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์รายงาน “Meet the Press” ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีสหรัฐ เธอกล่าวว่า การผิดนัดชำระหนี้ จะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก สหรัฐต้องแก้ปัญหางบประมาณรายจ่ายในโครงการสังคม เช่นประกันสุขภาพและประกันสังคม

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม 2556 เวลา 16:47 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โอบามาย้ายทหารกราวรูด รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ !!!

    [​IMG]

    ข่าว ABC รายงานถึงการปรับทหารเพนตากอนครั้งใหญ๋ โดยเฉพาะบิ๊กที่ดูแลอาวุธนิวเคลียร์ โดนประธานาธิบดีโอบาปลดรายบุคคล

    โอบามาได้ดำเนินการต่อเนื่องในการรวบอำนาจในแวดวงทหารและฝ่ายความมั่นคง ก่อนหน้านี้มีการปลดหัวหน้าซีไอเอไปแล้ว มีการมองกันว่าโอบามากำลังรวบอำนาจ เพื่อเตรียมการประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อรับมือเหตุการณ์ร้ายที่กำลังจะมา ล่าสุดโอบามาปลด

    [​IMG]
    1. พลตรี Michael Carey (ภาพประกอบ) ที่ดูแลด้านขีปนาวุปยิงข้ามทวีปออกจากตำแหน่งโทษฐานพฤติกรรมไม่เหมาะสม

    นายทหารระดับสูงคนอื่นๆที่โดนโอบามาปลดกราวคือ

    2. Vice Admiral Tim Giardina
    Deputy commander of United States Strategic Command.

    3. Major General C.M.M. Gurganus
    Commanded Regional Command Southwest and I Marine Expeditionary Force (Forward) in Afghanistan.

    4. Major General Gregg A. Sturdevant
    Director of strategic planning and policy for U.S. Pacific Command and commander of the Aviation Wing At Camp Bastion, Afghanistan.

    5. Brigadier General Bryan Roberts
    Roberts took command at Ft. Jackson in 2011 and was on the fast track towards his second star. He has served in Iraq as commanding officer of the 2nd Brigade Combat Team, and was deputy commanding general of the U.S.Army Recruiting Command at Fort Knox, Ky.

    6. Major General Ralph Baker
    Commander of Joint Task Force – Horn at Camp Lemonnier in Djibouti, Africa

    7. Rear Admiral Charles Gaouette
    Commander of Carrier Strike Group Three, April 5, 2012. He most recently served as Deputy Commander, U.S. Naval Forces, U.S. Central Command.

    ทหารเรือโดนมากที่สุด ระดับบิ๊กโดนย้าย16นาย

    thanong
    13/10/2013

    ซาราห์ เพลิน เตือนอเมริกาจะผิดชำระหนี้เกิดจลาจล

    [​IMG]

    ผมเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2013 เป็นบทความลงในคมขัดลึก เอามาลงใหม่ให้อ่านกัน พันทิปเอาไปเล่นด้วย:

    ซาราห์ เพลิน (Sarah Palin) อดีตผู้รับสมัครรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เขียนลงในเฟซบุ๊กของเธอเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ว่า ถ้าหากยังก่อหนี้ใช้จ่ายเกินตัวอย่างนี้ รัฐบาลกลางอเมริกาจะผิดชำระหนี้ในที่สุด และขณะนี้รัฐบาลกำลังระดมเสบียงกระสุนดินปืนอยู่เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับจลาจลภายในประเทศในกรณีที่เศรษฐกิจล่มสลาย

    เพลิน กล่าวโจมตีประธานาธิบดีบารัก โอบามา ว่า ยังคงดำเนินนโยบายใช้จ่ายเกินตัวอยู่ การตัดงบประมาณใช้จ่ายลง 110,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี (ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นงบประมาณทางทหาร) หรือ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ในระยะ 10 ปีข้างหน้า เป็นแค่น้ำจิ้มไม่มีความหมายเลยกับหนี้ที่กำลังพอกพูนมหาศาล เพราะตัวเลขการตัดงบนี้เทียบเท่าแค่ 0.3% หรือ 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ของงบประมาณในปีนี้

    ขณะนี้งบประมาณสหรัฐขาดดุลอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี และไม่มีทีท่าว่าจะลดลงได้เลย ทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะกว่า 16 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบเท่า 100% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติจะพุ่งสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้านับเอาหนี้นอกบัญชีงบประมาณอีกอย่างน้อย 86 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของโลกที่ 75 ล้านล้านดอลลาร์เสียอีก

    อเมริกาเข้าขั้นล้มละลายแล้ว ไม่มีทางเก็บภาษีมาทันใช้หนี้ได้ ยกเว้นการพิมพ์เงินอย่างเดียว ซึ่งผลของการพิมพ์เงินจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์ตกต่ำไม่มีความน่าเชื่อถือ เงินจะเฟ้ออย่างรุนแรงและเศรษฐกิจจะพังในที่สุด

    เพลินใช้คำว่า Armageddon หรือวาระสุดท้ายที่แท้จริงของเศรษฐกิจอเมริกาคือหนี้ที่เอาไม่อยู่ และพวกนักการเมืองในกรุงวอชิงตัน ดีซี ยังไม่รู้จักโต และยังไม่รู้จักที่จะใช้จ่ายตามฐานะ มีรายงานข่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า กระทรวงความมั่นคงภายในประเทศ หรือ Department of Homeland Security มีแผนจะซื้อกระสุน 1.6 พันล้านนัด ในระยะ 4-5 ปีข้างหน้า หรือกระสุน 5 นัดต่อชาวอเมริกันทุกๆ 1 คน เพื่อใช้ในการฝึกซ้อมของเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความสงบภายในประเทศ ข่าวนี้ทำให้คนอเมริกันจำนวนมากวิตกว่า อาจจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจและการจลาจลภายในประเทศ รัฐบาลกลางถึงได้เตรียมพร้อมขนาดนี้

    และเพื่อตัดเขี้ยวเล็บของประชาชน โอบามา กำลังพยายามจะออกกฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิของคนอเมริกันในการครอบครองอาวุธหนัก โดยอ้างเหตุร้ายการไล่ยังเด็กที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ที่โรงเรียนแซนดี้ ฮุค และที่อื่นๆ ในช่วงที่ผ่านมา ผลก็คือ คนอเมริกันรีบแห่ซื้ออาวุธและตุนกระสุนเสบียงกัน ก่อนที่กฎหมายจำกัดสิทธิครอบครองปืนจะออก โรงงานผลิตอาวุธปืนกำลังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

    ในความพยายามที่จะซื้อเวลาด้วยการดันไม่ให้เศรษฐกิจที่แท้จริงล่มสลาย ทางธนาคารกลางของสหรัฐจะยังคงพิมพ์เงินอย่างต่อเนื่องเดือนละ 85,000 ล้านดอลลาร์ เพื่ออัดสภาพคล่องเข้าไปในระบบ และซื้อพันธบัตรรัฐบาลกลาง เพราะว่าหาคนซื้อได้ยากขึ้น นโยบายการพิมพ์เงินนี้ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เพราะเงินไปอยู่ในแบงก์หมด และมีเงินล้นปล่อยออกมาไม่ได้ และแถมเป็นการสร้างฟองสบู่รอบ 2 หลังจากฟองสบู่รอบแรกแตกไปแล้วเมื่อปี 2008 แทนที่จะถือโอกาสปฏิรูปเศรษฐกิจและสถาบันการเงิน รัฐบาลสหรัฐเลือกที่จะอุ้มนักธุรกิจฟอร์จูน 500 และนักการเงินวอลล์สตรีท ผ่านนโยบายการคลังและการเงินที่ผ่อนคลายอย่างสุดๆ เชื่อกันว่าธนาคารกลางสหรัฐและธนาคารกลางประเทศอื่นๆ พิมพ์เงินรวมกันแล้ว 20 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อพยุงระบบการเงินโลกไม่ให้ล้มในช่วงที่ผ่านมา

    ฟองสบู่รอบ 2 นี้ กำลังจะดันดัชนีดาวโจนส์ให้พุ่งกลับไปลบสถิติสูงสุดอีกครั้ง โดยที่พื้นฐานเศรษฐกิจไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลย และตัวเลขว่างงานยังอยู่ในระดับสูง 7.9% อยู่ ดาวโจนส์ทำสถิติสูงสุดในระดับ 14,164 เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2007 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดาวโจนส์ปิดที่ 14,089 เหลืออีกคืบเดียวก็ทำสถิติสูงสุดอีกครั้ง ถ้าดันพื้นฐานเศรษฐกิจจริงต่อไม่ไหว หุ้นก็ต้องร่วง คราวนี้ฟองสบู่จะแตกเหมือนดวงอาทิตย์ดับ ญี่ปุ่นก็กำลังสร้างฟองสบู่คล้ายๆ สหรัฐ ด้วยแผนการพิมพ์เงินรอบใหม่ ทั้งๆ ที่การพิมพ์เงินนี้ล้มเหลวมาเกือบ 10 ปีแล้ว

    ช่วงนี้ถึงกลางปีจะเป็นการวัดดวงว่าใครจะอยู่ ใครจะไป เพราะว่าอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ เพราะคนที่ถือทรัพย์สินดอลลาร์ดูออกว่า สหรัฐเข้ามุมอับแล้ว ทางการเงินไม่มีทางออก ยิ่งถือดอลลาร์ยิ่งจะขาดทุนจากการพิมพ์เงินไม่มีขอบเขตจำกัด

    ให้จับตาดูดีๆ กับกลุ่มประเทศเกิดใหม่ โดยเฉพาะจีน รัสเซีย อินเดีย และประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ซึ่งกำลังตุนทองและสร้างระบบการค้าใหม่แบบบาร์เตอร์และระบบการเงินใหม่เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินสกุลดอลลาร์ ถ้าเหตุการณ์ดำเนินต่อเนื่องไปลักษณะเช่นนี้ เงินดอลลาร์จะถูกเทขายและหมดสภาพความเป็นเงินสกุลหลักของโลก ดอลลาร์จะไหลกลับประเทศสหรัฐ ก่อให้เกิดเงินเฟ้ออย่างรุนแรง ฟองสบู่รอบ 2 หรือรอบสุดท้ายนี้กำลังรอวันแตกอยู่

    thanong
    13/10/2013

    ที่มา https://www.facebook.com/ThanongFanclub
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2013
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จะเกิดสงครามกลางเมืองในสหรัฐอเมริกา !!!
    (เวลาเปลี่ยนแต่เหตุการณ์ไม่เปลี่ยน?)

    [​IMG]

    sutatip_b สมาชิก

    ไปค้นชื่อ John Titor ใน John Titor - Civil War พบว่าเป็นคนเข้าเว็ปบอร์ดในอเมริกา ปี ๒๐๐๑ อ้างว่าตัวเองเดินทางมาจากอนาคตด้วยไทม์มะชีน ไปปี ๑๙๗๕ เพื่อมาหาชิ้นส่วนของ IBM mainframe 5100 เพื่อเอากลับไปซ่อมคอมในปีของเขา เพิ่งเสร็จภาระกิจ จึงแวะมาปี ๒๐๐๑ เพื่อทำธุระกับพ่อแม่ตนเองที่ฟลอริด้า เขาเกิดปี ๑๙๙๘ ดังนั้นในการเยี่ยมบ้านที่ฟลอริด้าจึงได้พบตัวเองตอนมีอายุ ๓ ขวบ

    เขาตอบคำถามต่างๆ แต่ส่วนใหญ่คนถามผลฟุตบอลและให้เก็งสต็อค ซึ่งเขาไม่ทำ ถามภัยพิบัติ เขาไม่บอก บอกว่าไม่สามารถแทรกแซงกรรมของมนุษย์ได้ แต่บอกว่า ในปี ๒๐๑๑ มีสงครามกลางเมืองในอเมริกา(จำได้ไหมใครเคยว่าดวงการเมืองเรากับอเมริกาคล้ายกัน เพราะอยู่กันด้านตรงข้ามโลก หรือคำทำนายของหมอดูบางคนจะจริง) แล้วก็เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๓ เมืองใหญ่ในอเมริกาถูกทำลายหมด ยุโรปเละ ที่อื่นไม่ทราบ คนอเมริกันตายไป ๑๕๐ ล้านคน (ประชากรในเดือน ก.พ. ๒๐๑๐ มี ๓๐๘ ล้านคน) หายไปครึ่งหนึ่ง

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ประเทศ...่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-925?langid=34

    เจาะเวลาหาอดีต...

    [​IMG]

    หลักฐานชิ้นสำคัญ

    เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ได้แสดงนิทรรศการภาพถ่าย เล่าเรื่องราวเหตุการณ์ในอดีตผ่านทางภาพถ่าย โดยหนึ่งในภาพถ่ายนั้นเป็นภาพกลุ่มคนมุงดูเหตุการณ์น้ำท่วมในปี 1941

    ท่ามกลางฝูงชนในภาพ มีชายคนหนึ่งแต่งกายผิดแผกแตกต่างไปจากผู้คนในยุคสมัยนั้น โดยเขามีทรงผมล้ำสมัย สวมแว่นตาดำ ใส่เสื้อยืดสวมเสื้อแจ๊กเกตทับ อันเป็นแฟชั่นในยุคปัจจุบัน ไม่ใช่เมื่อ 70 ปีก่อน แต่ที่สำคัญกว่าการแต่งกายคือชายคนนี้ถือกล้องถ่ายรูปพกพา ที่ยังไม่ผลิตออกจำหน่ายในสมัยนั้น ภาพถ่ายใบนี้เป็นภาพถ่ายโบราณของพิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum ไม่ใช่ภาพถ่ายทั่วๆไป ที่คนมือบอนจะนำตบแต่งด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์กราฟิคได้พิสูจน์แล้วว่า ภาพนี้เป็นภาพถ่ายจริงที่ไม่ผ่านการตบแต่ง มันจึงถูกกล่าวขานว่าเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ที่พิสูจน์ว่ามีคนจากอนาคตเดินทางย้อนเวลามาสู่อดีตจริง

    ภาพถ่ายภาพนี้จึงกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ ในสังคมอินเทอร์เน็ตตั้งแต่กลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลายคนพยายามสืบค้นว่า บุคคลแปลกปลอมในภาพถ่ายเป็นใคร มาจากไหน ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องการเดินทางย้อนเวลาก็พยายามหาข้อมูลมาหักล้าง ซึ่งผลการดีเบตระหว่างคน 2 ฝ่ายนี้จะเป็นอย่างไร เราก็ต้องคอยติดตามข่าวกันต่อไป

    บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด

    หลายสิบปีที่ผ่านมา มีข่าวลือมากมายถึงเรื่องมนุษย์จากอนาคต ปรากฏกายขึ้นในโลกปัจจุบันหรือช่วงเวลาที่เป็นอดีตกาลของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นจอห์น ไตเตอร์ นายทหารจากโลกอนาคต เดินทางย้อนเวลาตามหาเครื่องคอมพิวเตอร์ IBM รุ่นแรก แอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน ผู้ใช้ความรู้ทางประวัติศาสตร์ สร้างผลกำไรมหาศาลจากตลาดหุ้นและการลงทุน หรืออีลอย โคล เดินทางมายับยั้งการทดลองการสร้างหลุมดำจำลอง ที่นำไปสู่หายนะของโลกในอนาคต

    เรื่องเล่าของคนเหล่านั้นเป็นที่กังขาของคนส่วนใหญ่ เพราะขาดวัตถุหลักฐานยืนยัน จนกระทั่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีคนสังเกตเห็นสิ่งผิดปรกติในภาพถ่ายอายุ 70 ปี ของพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในประเทศแคนาดา เป็นภาพคนแต่งกายทันสมัย ถือกล้องถ่ายภาพขนิดพกพา ยืนอยู่ท่ามกลุ่มคนและภาพนี้ได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญแล้วว่า เป็นภาพถ่ายจริงที่ไม่ผ่านการตบแต่งแต่อย่างใด

    คอมพิวเตอร์กู้โลก

    จอห์น ไตเตอร์ (John Titor) ปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในห้องพูดคุยสาธารณะแห่งหนึ่งบนอินเทอร์เน็ต เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.2000 โดยครั้งแรกเขาได้ลงทะเบียนชื่อว่า “Timetravel_0” และได้เปลี่ยนไปใช้ชื่อ “John Titor” ในภายหลัง แน่นอนว่าชื่อ John Titor เป็นนามแฝง John เป็นชื่อสามัญเหมือนกับชื่อ สมชาย ของคนไทย ส่วน Titor เป็นคำย่อของคำว่า Time Travelor โดยเล่นคำสะกดพยางค์สุดท้าย Travelor ด้วย or แทนที่จะเป็น Traveler สะกดด้วย er

    เขาออกตัวว่าเป็นผู้ที่เดินทางมาจากอนาคตเมื่อปี 2036 ด้วยเครื่องย้อนกาลเวลาที่ผลิตขึ้นในปี 2034 โดยบริษัท GE (General Electronic) เพื่อพิสูจน์ว่าคำพูดของเขาเป็นความจริง จอห์นได้โพสต์ภาพถ่ายเครื่องย้อนกาลเวลา (Time Machine) และคู่มือการใช้งานเครื่องให้ทุกคนได้เห็น แน่นอนว่าผู้คนที่เข้าร่วมวงสนทนาไม่เชื่อน้ำมนต์ของนายจอห์น ไตเตอร์ หลายคนพยายามยิงคำถามต่างๆนานาเพื่อจับผิดเขา แต่ดูเหมือนจอห์นจะสามารถตอบคำถามเหล่านั้นได้ทั้งหมด แถมยังสอนมวยกลับมายังคนลองภูมิอีกด้วย

    หลายๆคำถามที่จอห์น ไตเตอร์ ยิงกลับมายังผู้ร่วมสนทนา ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร แต่เมื่อไปค้นคว้าดูในภายหลังพบว่ามันล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับฟิสิกส์ชั้นสูงทั้งสิ้น อีกทั้งคำเตือนเรื่องจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคสมองฝ่อ (Mad Cow Disease) ได้เกิดขึ้นจริงในปี 2001 ทำให้หลายคนชักจะลังเล

    ร่ำรวยด้วยความรู้ประวัติศาสตร์

    เดือน มกราคม 2003 หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์ (Weekly World News) ตีพิมพ์ข่าวเจ้าหน้าที่ FBI บุกจับกุมตัวนายแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน (Andrew Carlssin) วัย 44 ปี ในข้อหานำข้อมูลลับภายในไปแสวงหาผลประโยชน์ในตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (Security and Exchange Commission) ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายแอนดรูว์ โดยสงสัยว่าเขานำข้อมูลลับของบริษัทมหาชนต่างๆในตลาดหลักทรัพย์ไปแสวงหาผล ประโยชน์ให้กับตนเอง เพราะแอนดรูว์สร้างความร่ำรวยในเวลาเพียงชั่วพริบตาด้วยการลงทุนเพียง 800 ดอลลาร์ ซื้อหุ้นต่างๆแล้วขายออกไป นำเงินที่ได้กลับมาซื้อหุ้นตัวใหม่แล้วทำชอร์ตเซลขายออกไปอีกครั้ง ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนเงินทุนเริ่มต้น 800 ดอลลาร์เพิ่มพูนขึ้นเป็น 350 ล้านดอลลาร์ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้น

    แอนดรูว์รับสารภาพโดย ให้การว่าเขามีข้อมูลว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นในช่วงเวลานั้น เพราะเขามาจากโลกอนาคตในปี 2556 เขาเพียงศึกษาประวัติศาสตร์ข้อมูลทางเศรษฐกิจ นำความรู้ที่ได้ติดตัวเดินทางย้อนอดีตมาในช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อช้อนซื้อหุ้น เดิมทีนั้นเขาตั้งใจจะลงทุนแบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป ไม่ให้เป็นที่ผิดสังเกต หากแต่ความโลภทำให้เขาหักห้ามใจไม่อยู่ เทเงินที่หามาได้ในช่วงแรกๆ ลงทุนซื้อหุ้นที่เขารู้อยู่แล้วว่ามันจะมีราคาสูงขึ้น จนกระทั่งไปสะดุดตาเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.ล.ต.

    หายตัวอย่างลึกลับ

    แอนดรูว์ หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างที่ตำรวจควบคุมตัวขึ้นศาล พร้อมกับข่าวคราวการจับกุมตัวเขาไม่มีสื่อใดๆเสนอข่าวนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. และ FBI เจ้าหน้าที่ทุกคนล้วนปฏิเสธตรงกันว่าไม่เคยได้ยินชื่อ แอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน มาก่อน

    ปี 2006 แอนดรูว์โผล่ออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์อีกครั้ง เขาไม่ยอมเปิดเผยว่าสามารถเล็ดลอดจากการควบคุมตัวมาได้อย่างไร โดยบอกแต่เพียงว่าตอนนี้เขาทำงานบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมแห่งหนึ่งในแคนาดา เช่นเคยเขาใช้ข้อมูลที่เป็นประวัติศาสตร์ในยุคสมัยเขาล่วงรู้ว่า “ทรายน้ำมัน” (Tar Sands) เป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ ที่จะมาทดแทนบ่อน้ำมันตามที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะทรายน้ำมันอัลเบอร์ตา (Alberta Tar Sands) ของประเทศแคนาดาเพียงแห่งเดียว สามารถผลิตน้ำมันได้มากถึง 3 แสนล้านบาร์เรล

    การรีดน้ำมันออกมาจากทรายนั้น ไม่ง่ายเหมือนกับการขุดเจาะน้ำมันทั่วๆไป เขาต้องสร้างเครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า “คาร์ลส์ซินนิซิตี้” (Carlssinicity) เพื่อใช้ในการแยกน้ำมันดิบออกจากทราย โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 1 ดอลลาร์ต่อ 1 บาร์เรลเท่านั้น เป็นที่น่าสังเกตว่ามีเพียงหนังสือ พิมพ์วีคลีย์เวิลด์ด์นิวส์เท่านั้น ที่ลงเรื่องราวของแอนดรูว์ คาร์ลส์ซิน และหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ ได้รับสมญานามว่าเป็นหนังสือพิมพ์ประเภทลงข่าวโคมลอย เพื่อความบันเทิง (Entertainment Tabloid) อย่างไรก็ตาม มันเป็นความบังเอิญอย่างน่าประหลาดที่ต่อมาในปี 2008 สำนักงานพลังงานหลายแห่งทั่วโลก ยอมรับว่าสามารถแยกน้ำมันดิบออกจากทรายน้ำมันได้จริง ซึ่งมันจะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญในอนาคต และทรายน้ำมันอัลเบอร์ตาเป็นหนึ่งในแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง

    หยุดยั้งโครงการหลุมดำ

    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หน่วยรักษาความปลอดภัยองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศในทวีปยุโรป สามารถจับกุมตัวอีลอย โคล (Eloi Cole) ระหว่างพยายามก่อวินาศกรรมเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ (Large Hardon Collider) ของห้องทดลองเซิร์น (European Organization for Nuclear Research; CERN) ซึ่งกำลังทำการทดลองสร้างหลุมดำจำลอง (Black Hole)

    อีลอยให้การว่าเขาลอบเข้ามาในห้องทดลอง เพื่อหาแหล่งพลังงานให้กับเครื่องเดินทางข้ามเวลาของเขา และเตือนว่าการทดลองสร้างหลุมดำจำลองนี้ จะนำไปสู่การสร้างแหล่งพลังงานที่มีอย่างไม่จำกัดในอนาคต อันเป็นการนำไปสู่หายนะของโลกในที่สุด อีลอยยังบอกอีกด้วยว่าเขาเองเป็นคนที่ก่อวินาศกรรมเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2009 ทำให้เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ มีอุณหภูมิสูงขึ้นจนอาจก่อให้เกิดอันตราย ทำให้นักวิทยาศาสตร์จำเป็นต้องหยุดการเดินเครื่องชั่วคราว

    เหตุการณ์ในครั้งนั้นนักวิทยาศาสตร์พบว่าต้นเหตุคือเศษขนมปังชิ้นเล็กๆหลุดเข้าไป เครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่ โดยเข้าใจว่ามีนกคาบเศษขนมปัง บินผ่านเครื่องเร่งอนุภาคขนาดใหญ่แล้วทำเศษขนมปังหล่นลงมา ระหว่างที่อีลอยถูกควบคุมตัวในห้องขังเพื่อรอการส่งตัวไป ยังสถานบำบัดโรคทางจิต เขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับบนสถานีตำรวจกลางกรุงเจนีวานั่นเอง

    ที่มา http://atcloud.com/stories/104204
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2013
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฟิลิปปินส์แผ่นดินไหว 7.2 ริคเตอร์

    [​IMG]

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 7.2 ริคเตอร์ ใกล้กับเกาะแห่งหนึ่งทางตอนกลางของฟิลิปปินส์ ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกอย่างน้อย 2 ครั้ง และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ศพ

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่าสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ ( ยูเอสจีเอส ) รายงานการตรวจพบแผ่นดินไหวรุนแรง 7.2 ริคเตอร์ ที่ฟิลิปปินส์ เมื่อเวลา 08.12 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 07.12 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) มีจุดศูนย์กลางลึกลงไปใต้ทะเลราว 58 กิโลเมตร ห่างจากเมืองบาลิลิฮาน บนเกาะโบฮอล หนึ่งในเกาะย่อยของเขตเซนทรัลวิซายาส์ ไปทางตะวันออกราว 5 กิโลเมตร ทั้งนี้ เกาะโบฮอลตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะเซบู

    หลังจากนั้นมีรายงานการเกิดแผ่นดินไหวตาม ( อาฟเตอร์ช็อก ) แล้ว 2 ครั้ง มีความรุนแรงอยู่ในระดับ 5.0 ริคเตอร์ ทำให้ยูเอสจีเอสออกประกาศเตือนภัยในระดับสีเหลือง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่จะมีความเสียหายเกิดขึ้น

    แม้ศูนย์เตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิกยังไม่ได้ออกประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิ แต่มีรายงานการพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ศพ แบ่งเป็น 4 ศพที่เมืองโบฮอล ต่อด้วย 4 ศพ ที่เมืองเซบู เมืองเอกของเกาะเซบู และอีก 2 ศพ รวมกับผู้บาดเจ็บ 19 คน ในเมืองมันเดา บนเกาะเซบู สาเหตุเกิดจากการที่หลังคาตลาดสดแห่งหนึ่งซึ่งได้รับแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ด้วยเกิดพังถล่มลงมา ทับใส่ประชาชนที่กำลังซื้อ-ขายสินค้ากันอยู่

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2556 เวลา 10:49 น.

    ไข้เลือดออกระบาดในอินเดีย ตายแล้วกว่า 100 ศพ

    [​IMG]

    ไข้เลือดออกในอินเดียระบาด มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 100 คนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ และมีผู้ป่วยอีกจำนวนมาก จนโรงพยาบาลไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วยเพียงพอ ส่วนสาเหตุมาจากฤดูฝนที่ยาวนานผิดปกติในปีนี้ ทำให้ยุงลายชุกชุม

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่า การระบาดของไข้เลือดออกในอินเดีย ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 100 คน และผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล ทำให้ต้องปิดโรงเรียนหลายแห่ง โดยในประเทศอินเดีย ในช่วงที่ผ่านมาท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยเมฆฝน หลังจากที่เพิ่งผ่านพ้นฤดูร้อนที่ร้อนจัด จนมีผู้เสียชีวิตไปหลายคน สำหรับปีนี้ ในอินเดียมีฝนตกหนักที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี ซึ่งก็เป็นผลดีต่อเกษตรกรที่พึ่งพาน้ำฝนในการทำมาหากิน

    แต่ฝนที่ตกชุก ก็นำปัญหามาด้วย ซึ่งรวมทั้งการเกิดยุงลาย ที่เป็นพาหะให้เกิดไข้เลือดออก และไข้เหลือง รัฐบาลอินเดีย ระบุว่า มีชาวอินเดียต้องสังเวยชีวิตกับโรคที่มากับฤดูมรสุมแล้ว 109 ราย ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ และมีผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมากถึง 38,179 ราย มากกว่าเมื่อปี 2554 ถึง 2 เท่า

    บรรดาผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า ในต้นปีนี้ และฤดูมรสุมที่ยาวนานผิดปกติ ทำให้ยุงลายแพร่พันธุ์มากขึ้น ซึ่งมันสามารถวางไข่ได้ทั้งในน้ำเน่าเสีย น้ำขัง หรือแม้กระทั่งน้ำสะอาด ส่งผลให้ไข้เลือดออก เพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูฝนและหลังฤดูฝน ซึ่งปกติจะเริ่มจากเดือนมิถุนายน-กันยายน แต่ในปีนี้ ฤดูฝนกลับยาวขึ้น ขยายออกไปจนถึงเดือนตุลาคมในบางรัฐของอินเดีย

    โรงพยาบาลและคลินิกทั่วประเทศ คลาคล่ำไปด้วยผู้ป่วย ขณะที่โรงเรียนจำนวนมากก็ต้องปิดทำการเรียนการสอน เพื่อเป็นมาตรการป้องกันไว้ก่อน “เตียงผู้ป่วยไม่เพียงพอ” ดร.ซันเจย์ เค. ตันดอน นายแพทย์โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงอินเดีย กล่าว “พวกเราถึงกับต้องปฏิเสธคนไข้ หากอาการของคนไข้ทุเลา ก็ต้องให้กลับบ้าน เพื่อจะได้รักษาผู้ป่วยรายใหม่”

    สำหรับพื้นที่ที่ได้รับความเดือดร้อนหนักที่สุดในอินเดีย อยู่ในรัฐเกรละ ทางตอนใต้ของประเทศ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 23 คน และติดเชื้อ 7,000 คน และรัฐมหาราษฎระ ทางภาคตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 31 คน และติดเชื้อ 2,681 คน

    องค์การอนามัยโลก หรือฮู แถลงว่า มีประชากรโลกเกือบครึ่งหนึ่งเสี่ยงต่อการเป็นโรคไข้เลือดออก และผลการศึกษาที่เผยแพร่ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาในนิตยสารวิทยาศาสตร์ “เนเจอร์” พบว่า อินเดียมีผู้ป่วยไข้เลือดออกมากกว่าทุกประเทศในโลก

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2556 เวลา 10:40 น.

    ญี่ปุ่นเตือนภัยพายุไต้ฝุ่น "วิภา" จ่อถล่มกรุงโตเกียว

    [​IMG]

    ทางการญี่ปุ่นออกประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่น "วิภา" คาดจะเคลื่อนตัวเข้าถล่มกรุงโตเกียวภายในช่วงเช้าวันพุธนี้

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่าสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นออกประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่น "วิภา" กำลังก่อตัวอยู่นอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ด้วยความเร็วลมศูนย์กลาง 144 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีทิศทางการเคลื่อนที่ขึ้นมุ่งหน้าทิศเหนือด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดจะเคลื่อนตัวเข้าถล่มชายฝั่งตะวันออกของเกาะฮอนชู รวมถึงเมืองโอซาก้า และกรุงโตเกียวภายในช่วงเช้าของวันพุธที่จะถึงนี้ ตามเวลาท้องถิ่น

    นอกจากนี้ พายุมีทิศทางการเคลื่อนตัวขึ้นไปทางเหนือ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "ฟูกูชิมะไดอิจิ" ด้วย ทำให้บริษัทผลิตไฟฟ้าโตเกียว ( เทปโก ) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้าแห่งดังกล่าว ออกแถลงการณ์ยืนยันหลังจากนั้นไม่นานว่า เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนของโรงไฟฟ้าได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมขั้นสูงสุด เพื่อรับมือการเคลื่อนตัวเข้าถล่มของพายุไต้ฝุ่นวิภา เบื้องต้นได้มีการระงับงานสนามนอกชายฝั่งทั้งหมดแล้ว

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2556 เวลา 10:01 น.

    เม็กซิโกออกประกาศเตือนพายุ “ออกเทฟ”จ่อถล่ม

    [​IMG]

    ทางการเม็กซิโกออกประกาศเตือนประชาชนให้เตรียมความพร้อมเผชิญหน้าพายุโซนร้อน “ออกเทฟ” ที่จ่อพัดถล่มประเทศอีกระลอก ขณะที่พายุ “พริสซิลลา”ลูกที่สองกำลังก่อตัวทวีความรุนแรงอยู่นอกชายฝั่ง

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเม็กซิโก ซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 14 ต.ค.ว่า ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐกล่าวว่า พายุโซนร้อนออกเทฟ กำลังลมมากกว่า 96 กม./ชม. จะเคลื่อนตัวเข้าถล่มชายฝั่งทางตะวันตกของเม็กซิโก บริเวณรัฐบาฮากาลิฟอร์เนีย ในวันจันทร์และอังคารนี้ อย่างไรก็ตาม นายคาร์ลอส มิเกล เอนริเควซ ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือพลเรือนในรัฐดังกล่าวออกมาเผยว่า พายุออกเทฟจะอ่อนกำลังลงเมื่อเข้าใกล้ชายฝั่ง และจะส่งผลทำให้มีฝนฟ้าคะนองเท่านั้น ซึ่งระดับน้ำฝนที่ทางการคาดไว้ว่าจะวัดได้คือ 7-6 นิ้ว

    นอกจากนี้ พายุโซนร้อนอีกลูกคือ “พริสซิลลา” กำลังก่อตัวอยู่ในทะเลด้านชายฝั่งแปซิฟิกของประเทศ ด้วยกำลังลม 72 กม./ชม. ซึ่งอาจเคลื่อนตัวพัดถล่มรัฐบาฮากาลิฟอร์เนียอีกเช่นกัน

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2556 เวลา 09:46 น.

    ที่มา www.dailynews.co.th
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พบเด็กยุคใหม่เป็น“ชนเผ่าหัวก้ม”เกือบ 3 ล้านคนติดเกมงอมแงม ทำร้ายพ่อแม่

    [​IMG]

    ยอดเด็กไทยติดเกม-เล่นออนไลน์ ปี 56 เกือบ 3 ล้านคน แพทย์ชี้มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง ทำร้ายพ่อแม่ ฆ่าตัวตาย เด็กเข้าบำบัดแค่ 30-40 คนต่อปี เผยพบมนุษย์เผ่าใหม่ “ชนเผ่าหัวก้ม” ก้มดูแต่มือถือตัวเอง ไม่มองหน้ากัน ไอทีเหมือนเป็นอวัยวะที่ 33

    วันนี้ (14 ต.ค.)นายสุระ เตชะทัต ที่ปรึกษา รมว.วัฒนธรรม เป็นประธานเปิดตัวโครงการ “เด็กไทยกับไอที” และงาน Thailand Game Show BIG Festival ที่จะจัดวันที่ 18-20 ต.ค.ที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน โดย นายสุระ กล่าวว่า เรื่องเทคโนโลยีการสื่อสารแพร่หลายมากขึ้น มีทั้งด้านดีและไม่ดี แต่ปัญหาด้านไม่ดีมีความรุนแรงมากกว่า และเป็นบ่อเกิดปัญหาสังคม อาชญากรรม จี้ปล้น ยาเสพติด ครอบครัวแตกแยก ปัญหาทางเพศ

    นายปรีชา กันธิยะ ปลัด วธ.กล่าวว่า ปัจจุบันเป็นโลกของไอที ทุกคนเข้าถึงสื่อได้ง่าย ทำอย่างไรเด็กจะได้เข้าถึงสื่อที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ ที่ผ่านมา วธ.ดูแลเรื่องเฝ้าระวัง ต่อไปต้องสร้างวัคซีนคุ้มกันเด็กและเยาวชน ผลิตสื่อที่ดีช่วยเหลือคุณภาพชีวิต ส่วนการแก้ปัญหานั้นตนเห็นว่าต้องเริ่มจากฟังเสียงเด็กและเยาวชนก่อน งาน “เด็กไทยกับไอที” ครั้งนี้ผู้ใหญ่จะได้ฟังเด็ก

    ด้าน รศ.นพ.ชาญวิทย์ พรนภดล ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า จากการจัดทำแบบสำรวจที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดร่วมกับสถาบันสุขภาพจิตและวัยรุ่น กรมสุขภาพจิต เก็บข้อมูลเด็กและเยาวชน 20,000 คนทั่วประเทศ ระหว่างเดือน มี.ค.-มิ.ย.2556 พบว่า ในจำนวนนี้พบเด็กติดเกม 15% เล่นออนไลน์ ไลน์ เฟซบุ๊ก 15% และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับสถิติจำนวนเยาวชนในปัจจุบันมีจำนวน 18 ล้านคน ทำให้ทราบว่า มีเด็กไทยติดเกมกว่า 2,700,000 คน ถือเป็นตัวเลขที่สูงมาก โดยพฤติกรรมของเด็กที่ติดเกม คือ

    1.จะมีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง จนถึงขั้นทำร้ายพ่อแม่ผู้ปกครอง พยามฆ่าตัวตายเมื่อถูกห้ามไม่ให้เล่นเกม
    2.หนีเรียน เก็บตัวอยู่บ้านเพื่อเล่นเกม ไม่นอนในเวลากลางคืน
    3.มีปัญหาการเรียนตกต่ำ ไม่เข้าร่วมกิจกรรม อารมณ์แปรปรวนง่าย

    ซึ่งเด็กกลุ่มนี้ถือว่าเข้าข่ายติดเกมรุนแรงต้องเข้าบำบัดรักษา ปัจจุบันเด็กที่จะเข้ามารักษามีจำนวนน้อยมาก เฉลี่ยปีละ 30-40 คนเท่านั้น นอกจากนี้ยังพบพฤติกรรมวัฒนธรรมก้มหน้า คนไม่มองหน้ากัน มองแต่จอมือถือตัวเอง พบเห็นได้ตามท้องถนน ที่สาธารณะ หรือเรียกว่า ชนเผ่าหัวก้ม เป็นอาการอย่างหนึ่งชีวิตเราผูกพันไอทีมากเกินไป เหมือนเป็นอวัยวะที่ 33

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 14 ตุลาคม 2556 23:25 น.

    ที่มา www.manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9560000129079
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2013
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    สงครามระหว่างมนุษย์ต่างดาวฝ่ายดีกับฝ่ายชั่วได้เกิดขึ้นแล้ว !!!

    [​IMG]

    chandayot สมาชิก

    --มีนักวิทยาศาสตร์ค้นคว้าเรื่องการรับส่งก๊าซออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ของโลก พบว่า "โลกกระทำตัวเหมือนสิ่งมีชีวิต" ทุกครั้งที่อัตราส่วนนี้จะเปลี่ยนไป เช่นภูเขาไฟระเบิด หรือต้นไม้คายน้ำมากไป

    --ปากใบเปิด หรือแก๊สจากในท้องวัว ---โลกเองจะทำการโต้ตอบ เพื่อให้อัตรานี้คงที่ เขาพยายามนำเสนอต่อนานาชาติ และเพื่อนเขาบอกว่า ให้ใช้ชื่อเรื่องนี้ว่า "ทฤษฎีไกอา" ซึ่งคำว่า ไกอา-Gaia มาจากศัพท์ภาษากรีก หมายถึง"พระแม่ธรณี" หรือ"โลกเราในสถานะที่เป็นสิ่งมีชีวิต" นานๆไป นักจานบินวิทยา หรือพวกนิวเอจ ก็นำมาใช้เรียก และหมายถึงว่า "โลกเรานี้มีชีวิต--พระแม่นางธรณี" เฉยเลย--อย่าว่าแต่คนเลย มนุษย์ต่างดาวก็เรียกอย่างนี้

    --ชาวแอตแลนติส ได้รับอารยธรรมจากต่างดาวโดยตรง มีความเจริญพร้อมกับ เลอมูเรียในแดนมองโกล แค่กลุ่มคนเพียงเล็กน้อยที่หนีภัยจากทวีปแอตแลนติสล่ม ยังสามารถสร้างปิรามิดยักษ์อันสวยงามและมีพลังลึกลับ ให้กับชาวอียิปต์ได้ น่าเสียดายที่ตำรามากมาย ในเมืองอเล็กซานเดรียถูกเผาไป--เรื่องนี้มันยาวมากๆ ขอผ่านก่อนครับ--เกรงว่าเขียนไป10 หน้าแล้วจะต่อไม่ติด เรื่องพวกนี้มีหลายกระแส ทั้งจากปากคำชาวต่างดาว หรือวิญญาณนักบวชยุคโน้น ชาวต่างดาว ญาณทิพย์ของ เอ็ดการ์ เคย์ซี สั้นๆก็ เครื่องบินบินด้วยพลังงปรมาณู มีผลึกขนาดใหญ่หลายร้อยฟุต รับพลังลึกลับจากอวกาศ รู้จักพลังลี้ลับที่มาจากดวงอาทิตย์ชื่อ อัลซีโอน อยู่กลางกาแล็กซี่ และมีเทคโนโลยี่จากต่างดาวมากมายที่เราคิดว่า "เหมือนเวทย์มนตร์"

    --ประมาณปี 2011 ชาวต่างดาวพวกหนึ่ง ได้ทำการถล่มที่อยู่ของต่างดาวฝ่ายอธรรม ซึ่งอยู่ก้นอ่าวเล็ก แถวตะวันออกกลาง อย่างยับเยิน พวกนั้นตายเกลี้ยง โดยการอนุมัติจากสภาอันโดรเมด้า แต่ชาวโลกก็ไม่รู้ ไม่รู้สึกแต่อย่างใด เพราะสิ่งนี้เกิดในมิติที่ 4 ครับ

    --มีหลายครั้งที่ชาวต่างดาวยิงอุกกาบาตขนาดยักษ์ที่จะมาถล่มโลก ด้วยอาวุธนิวเคลียร์

    --มีครั้งนึงที่ดาวหางจะมาถล่มโลก มีพลังลึกลับ ดึงมันให้ไปชนดาวพฤหัสซะงั้น(มีการชนจริง สิบกว่าปีก่อน)(พลังของ จิตจักรวาลครายอ้อน)

    --มีมากกว่าหนึ่งครั้งที่ยานของฝ่ายอธรรมเกรย์ จะทำการยึดโลก แต่ยานเอเธนน่าของชาวอาร์คทอเรี่ยน ได้เข้าต่อต้านและชนะพวกนั้นได้ ทุกวันนี้ยานเอเธนน่าได้เปิดสนามพลังบดบังตัวเอง ซ่อนอยู่ใกล้ดาวอังคาร โลกจึงปลอดภัยตลอดมา

    (จริงๆต้องอ่านว่า อาร์คทูเรี่ยน--เหมือนพลีอิเดี้ยน ต้องอ่านว่า พลีแอดเดี้ยน แต่ไม่นิยมอ่านกัน)

    ที่มา http://palungjit.org/threads/มนุษย์ต่างดาวติดต่อเราหรือยัง-ควรบอกว่า-เมื่อไหร่จะไป.335715/page-2
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • star_wars.jpg
      star_wars.jpg
      ขนาดไฟล์:
      365.7 KB
      เปิดดู:
      1,615
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ยอดตายแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ พุ่งเกือบ 100 ศพแล้ว

    [​IMG]

    ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงในฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 100 ศพแล้ว โบสถ์เก่าแก่อายุหลายร้อยปี ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองเซบู ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.2 ริกเตอร์ บนเกาะโบฮอล ภาคกลางของฟิลิปปินส์ในวันนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 93 ศพแล้ว ขณะที่ เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย ก็พยายามที่จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่ติดอยู่ใต้ซากโรงพยาบาลที่พังถล่ม นอกจากนี้ ยังมีโบสถ์หินเก่าแก่อายุหลายร้อยปีพังทลายลงมาเช่นกัน พื้นที่ส่วนใหญ่ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้

    เดนนิส อะกุสติน ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจเกาะโบฮอล กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 77 ศพในเมืองนี้ ขณะที่อีกอย่างน้อย 15 ศพเสียชีวิตในจังหวัดเซบู ที่อยู่ใกล้เคียง และอีกคนหนึ่งเสียชีวิตบนเกาะซีคิวจอร์

    แผ่นดินไหวรุนแรงครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.12 น.ตามเวลาท้องถิ่น และศูนย์กลางอยู่ใต้เมืองคาร์เมน ประมาณ 33 กิโลเมตร ซึ่งทำให้อาคารขนาดเล็กจำนวนมากในเมืองแห่งนี้ พังถล่ม

    รายงานข่าวระบุว่า ถนนหลายและสะพานหลายแห่ง ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ซึ่งยิ่งทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยเป็นไปอย่างยากลำบากมากขึ้น ยังมียังมีโบสถ์ประวัติศาสตร์ที่ตกทอดมาจากยุคอาณานิคมของสเปน ได้รับความเสียหายทั้งหมด ซึ่งในจำนวนนี้ มีโบสถ์เก่าแก่ที่สุดของประเทศด้วย คือโบสถ์บาซิลิกา ออฟ เดอะ โฮลี ชิลด์ ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 ในเมืองเซบู ก็ได้รับความเสียหาย หอระฆังพัง

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2556 เวลา 21:59 น.

    ไต้ฝุ่น “วิภา” ขึ้นฝั่งถล่มกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเช้านี้

    [​IMG]

    พายุไต้ฝุ่น “วิภา” จ่อถล่มญี่ปุ่นเช้าวันพรุ่งนี้ พื้นที่ในกรุงโตเกียว มีสิทธิ์ถูกถล่มอ่วม คาดจะทำให้ระบบการจราจรเป็นอัมพาต เพราะทั้งสายการบิน รถไฟที่วิ่งให้บริการ ต่างประกาศระงับการให้บริการในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ นอกจากนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ก็จะถูกถล่มด้วย

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ว่า พายุไต้ฝุ่น “วิภา” ซึ่งเป็นพายุที่กำลังแรงที่สุดในรอบ 10 ปี เคลื่อนตัวเข้าใกล้ญี่ปุ่นแล้วในวันนี้ ซึ่งทิศทางการเคลื่อนตัวมุ่งหน้าสู่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ที่ยังมีปัญหาเรื้อรังอยู่ โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น รายงานว่า ไต้ฝุ่น “วิภา” ซึ่งมีความเร็วลมใกล้จุดศูนย์กลางเกือบ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะทำให้เกิดฝนตกหนัก เคลื่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นในช่วงเย็นวันนี้ และกำลังเคลื่อนตัวไปทางตอนเหนือด้วยความเร็วลม 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    คาดว่าพายุลูกนี้จะขึ้นฝั่งนอกเขตเทศบาลกรุงโตเกียวภายในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ และในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน จะเคลื่อนตัวเข้าชายฝั่งของเมืองฟูกูชิมะ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ที่ยังมีปัญหาอยู่ อย่างไรก็ตาม บริษัท โตเกียว อิเลกทริก เพาเวอร์ โค หรือเทปโก บริษัทผู้ประกอบการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ กล่าวว่า ทางบริษัทได้เตรียมพร้อมรับมือพายุไว้แลัว หลังจากเกิดเหตุน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีรั่วไหลหลายครั้ง โดยทางบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนดูในบริเวณที่อาจเกิดน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีรั่วไหล

    นายฮิโรยุกิ อูชิดะ หัวหน้าสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น กล่าวว่า ไต้ฝุ่น “วิภา” เป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี ที่เคลื่อนผ่านเขตกรุงโตเกียวและปริมณฑล ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างเลวร้ายที่สุดต่อระบบการจราจรในเขตเทศบาลกรุงโตเกียวในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

    ส่วนสำนักข่าวจิจิ รายงานว่า สายการบินออล นิปปอน แอร์เวย์ส และเจแปน แอร์ไลน์ส ได้ประกาศยกเลิกเที่ยวบินทั้งหมด 45 เที่ยว ส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารประมาณ 4,350 คน ก่อนพายุพัดขึ้นฝั่ง นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศอีกกว่า 350 เที่ยวของสายการบินต่าง ๆ ถูกยกเลิกด้วยในวันพุธนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้โดยสารประมาณ 30,500 คน เช่นเดียวกับ บริษัทรถไฟอีสต์ เจแปน ก็ประกาศระงับการให้บริการรถไฟหัวกระสุน 31 ขบวน เนื่องจากพายุลูกนี้

    ขณะที่ นิสสัน บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ก็ได้แจ้งพนักงานทั่วเขตคังโต ให้พักอยู่ที่บ้านในเช้าวันพุธ ซึ่งเช้าที่พายุลูกนี้จะเข้ากรุงโตเกียว

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2556 เวลา 21:29 น.

    อินเดียระทมหนักเจอน้ำท่วมซ้ำหลังพ้นไซโคลน "ไพลิน"

    [​IMG]

    ชาวอินเดียทางตะวันออกซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐโอริสสา ยังคงต้องเผชิญความเดือดร้อนจากฝนตกหนักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมสูงในหลายพื้นที่ เพียงไม่กี่วันหลังผ่านพ้นพายุไซโคลน "ไพลิน"

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่าสำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติอินเดียเผยว่าพื้นที่ 2 เขตทางตอนเหนือรัฐโอริสสา ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกของประเทศ และเพิ่งฟื้นตัวหลังเผชิญอิทธิพลของพายุไซโคลน "ไพลิน" เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ต้องพบกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก คาดเกิดขึ้นจากอิทธิพลของพายุที่ยังคงหลงเหลืออยู่ ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำไหลเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ศพ

    ขณะที่ทางการอินเดียยังคงส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยลงพื้นที่รัฐโอริสสา และรัฐอานธรประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับให้คำมั่นว่า ประชาชนทุกคนจะได้รับการดูแลจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

    ทั้งนี้ พายุไซโคลนไพลิน เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่เมืองโกปัลปุระ ในรัฐโอริสสา เมื่อวันเสาร์ ด้วยความเร็วลมศูนย์กลางที่สูกว่า 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และยังส่งผลกระทบไปถึงรัฐอานธรประเทศที่อยู่ใกล้กัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22 ศพ ถือเป็นพายุไซโคลนที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบ 14 ปีของอินเดีย รองจากพายุไซโคลน "05 บี" เมื่อปี 2542 ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนในรัฐโอริสสาไปกว่า 10,000 ศพ

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2556 เวลา 13:33 น.

    พายุไต้ฝุ่น "นารี" ถล่มภาคกลางเวียดนามอ่วม

    [​IMG]

    พบผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ศพในเวียดนาม จากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น "นารี" ซึ่งเคลื่อนตัวเข้าถล่มภาคกลางของประเทศ ทำให้เกิดฝนตกหนัก และลมพัดกระโชกแรงในหลายพื้นที่

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ว่าพายุไต้ฝุ่น "นารี" เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่เมืองดานัง ทางตอนกลางของเวียดนาม เมื่อช่วงรุ่งสางของวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ด้วยความเร็วลมศูนย์กลางที่สูงถึง 133 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงในเมืองดานัง เมืองเว้ และอีกหลายจังหวัดที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งรวมถึงจังหวัดกวางนัม

    อิทธิพลของพายุทำให้สายการบิน "เวียดนาม แอร์ไลน์ส" ประกาศระงับให้บริการเที่ยวบินใน 14 เส้นทางตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ และเตือนให้ผู้โดยสารรับทราบว่าเที่ยวบินอย่างน้อย 8 เส้นทางทั้งขาเข้าและขาออกอาจล่าช้ากว่าปกติ ขณะที่รัฐบาลสั่งอพยพราษฎรล่วงหน้ากว่า 122,000 คน อย่างไรก็ตาม มีรายงานการพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ศพ

    ทั้งนี้ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเวียดนามคาดการณ์การเคลื่อนที่ของพายุ ว่าเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีทิศทางมุ่งหน้าฝั่งตะวันตก โดยจะอ่อนกำลังลงเหลือเพียงเป็นพายุดีเปรสชั่น

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 15 ตุลาคม 2556 เวลา 12:03 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ตามล่าทองคำสยามสุดขอบฟ้า !!!

    [​IMG]

    อินเดียนน่า โจนส์ ตอนตามล่าทองคำสยามสุดขอบฟ้า (Indiana Jones: The Hunt for the Siamese Gold)

    เมื่อมีการรีเซ็ทระบบจริงๆ โอบามาน่าจะให้มีการ audit หรือตรวจสอบทองคำสำรองของสหรัฐฯว่าจริงๆแล้วมีอยู่แค่ใหน ตัวเลข 8,133.5 ตันเป็นทองแท่งจริงหรือว่าเป็นตะกั๋วฉาบทอง รอน พอล Ron Paul ได้เรียกร้องมาตลอดให้มีการเซ๊คสต๊อคทอง แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครกล้าแหยม ทุกคนเอาหูไปนา เอาตาไปไร่หมด เพราะเจ้าพ่อไม่ยอม

    แต่เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี มีการตรวจสอบสต๊อคทอง ตอนนั้นเรื่องจะแดงออกมา ว่าทองจาก Fort Knox ถูกขนไปหมดแล้ว ความลับเรื่องทองสหรัฐฯถูกเก็บมานานแล้วเหมือนเรื่องขุมทรัพย์โซโลมอน ที่ถูกปล้นเอาไป เมื่อสืบสาวไล่ความว่าทองสำรองสหรัฐฯหายไปใหน ไอ้โม่งคนใหนเป็นคนเอาไป เราก็จะได้รู้ตัวไอ้โม่งที่เอาทองสยามไปเหมือนกัน เพราะว่าเป็นไอ้โม่งคนเดียวกัน เป็นแก๊งตกทองต้นฉบับ

    เห็นที ผมต้องสวมบท Harrison Ford ในเรื่องบู๊ "อินเดียนน่า โจนส์" โปรดติดตาม ซีรีส์ใหม่เรื่องอินเดียนน่า โจนส์ ตอนตามล่าทองคำสยามสุดขอบฟ้า Indiana Jones: The Hunt for the Siamese Gold

    Eric Sprott ผู้ก่อตั้ง Sprott Asset Management ชาวแคนาเดียนบอกใบ้ให้พวกเรารู้เมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้แล้วว่า มีข้อเสนอที่จะ bail in ระบบการเงินของสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ นิวซีแลนด์และยุโรปเขียนไว้เรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นทางออกทางเดียวในการแก้ปัญหาหนี้ในระบบการเงินของโลกตะวันตกที่เละตุ้มเป๊ะมาก เอกสารทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว

    ข้อมูลนี้เป็นพื้นฐานสำคัญในการเขียนซีรีส์นี้มาตลอด ผมชอบ Eric Sprott มากเพราะเขาเป็นคนที่อยู่ในแวดวงทองมาตลอด เป็นคนที่วิเคราะห์ได้ดี ด่าพวก central planner ตลอดเวลา เพราะเขาต้องรบกับพวกนี้ที่เป็นปฏิปักษ์กับทอง ใช้เงินกระดาษทุบทองคำกระดาษในตลาดทองคำกระดาษ ทำให้ราคาทอง physical ดิ่งเหว ที่สำคัญเขาเป็นคนที่มีจริยธรรมสูงในการประกอบธุรกิจในการให้นักลงทุนลงทุนในทองหรือโลหะมีค่า ฝรั่งแบบนี้หาไม่ค่อยจะได้ ต่างกับพวก Wall Street ที่เอาแต่ได้ เวลามาตกลงอะไรกับเราจะดูดี แต่พอเราเซ็นสัญญาไปแล้ว ถึงรู้ว่าเสียท่าเขาไป แล้วดูรัฐบาลกรีซเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน

    ตอนที่ผมคุยกับ Marc Faber ในรายการ เขาบอกผมว่าเขาเป็นเพื่อนกับ Eric Sprott ได้รับเชิญให้อยู่ในบอร์ดของบริษัท Sprott ลุง Faber บอกผมว่า Eric Sprott เชื่อว่าสหรัฐฯไม่มีทองคำสำรองเหลืออยู่แล้ว ตัวเลขทองคำแค่เป็นตัวเลขไม่มีของจริง เพราะถ้ามีทองคำจริง สหรัฐฯต้องคืนเยอรมัน 300 ตันไปแล้ว ไม่ใช่มาเบี้ยวกันอย่างนี้ ปล่อยให้เยอรมันต้องรอไปอีกจนถึงปี 2020 กว่าจะคืนทองให้ ไม่รู้วันนั้นจะคืนหรือเปล่า เท่ากับdefaultไปแล้วนะ

    ฟัง Eric Sprott พูด ชัดเจนมากเกี่ยวกับ bail in ของระบบการเงินโลกตะวันตก หรือแองโกล อเมริกัน ที่รอวันล่มสลาย แต่สื่อกระแสหลักไม่อยากจะฟังหรือไม่อยากที่จะรับรู้ เพราะไม่มีใครต้องการให้ปาร์ตี้เลิกรา

    "สิ่งหนึ่งที่อยู่ในใจผม ก็คือเมื่อมันเป็นที่แจ่มชัดกับทุกคนว่าฝากเงินในแบงค์เป็นเรื่องที่มีความเสี่ยงมาก เราเห็นเหตุการณ์นี้ในไซปรัสแล้ว ผู้ฝากเงินที่นั่นโดนบี้จากการ bail in (ยึดเงินฝากส่วนหนึ่งของประชาชน ลงโทษผู้ถือหุ้น แฮร์คัทเจ้าหนี้ เพื่อมาแก้ปัญหาแบงค์ล้ม) เราได้เห็นข้อเสนอของ bail in เป็นทางออกของปัญหาในสหรัฐฯ แคนาดา อังกฤษ นิวซีแลนด์ และยุโรป เอกสารทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว"

    บิงโก "เราอยู่ในระบบการเงินที่เปราะบางมากๆในตอนนี้ รัฐบาลตะวันตกกำลังซื้อพันธบัตรของตัวเอง นี้เป็นความวิกลจริตทางการเงิน เรามีดอกเบี้ย 0% ซึ่งก็เป็นการเงินที่วิกลจริตมาก แม้ว่าจะทำแบบนี้ เศรษฐกิจก็ไม่ได้ฟื้นอะไร เราจะเห็นรัฐบาลเหล่านี้ เป็นเหมือนแบบดีทร้อยท์ที่ล้มละลาย มันปั้นออกมาเป็นหินให้เราได้เห็นแล้ว แต่น่าฉงนมากที่พวกเราต่างพากันเพิกเฉย"

    คงพอจะเห็นภาพนะครับว่าถ้าระบบการเงินของโลกตะวันตก รวมทั้งสหรัฐฯจะเดินหน้าต่อไปได้ ต้องมีการรีเซ็ทระบบใหม่ หรือ bail in ถ้าจะเตะกระป๋องไปตามถนนเรื่อยๆ เวลามันพังจะไม่เหลืออะไรเลย แต่ถ้าต้อง bail in ก่อนอาจจะผ่อนหนักเป็นเบา แต่แน่นอนทุกคนต้องเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีทรัพย์สินในรูปการเงิน หรือเงินฝาก จะเป็นเป็าหลัก เพราะรัฐบาลออก executive order ทีเดียว ยึดไปได้เลย

    ถ้าโอบามาใช้วิถีทางรัฐสภาหรือประชาธิปไตยปกติ จะแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะพวกนักการเงินแอบอยู่ข้างหลังพวกนักประชาธิปไตย วิธีเดียวที่จะจัดการได้ คือต้องรวบอำนาจ มีกองกำลังทหารอยู่ในมือ และมี executive order ในมือ พร้อมที่จะลุย ทำแล้วจะมีคนเกลียดคนชังสาบแช่งไปทั่ว เพราะทุกๆคน ยกเว้นคนจน จะเสียผลประโยชน์ ไม่มีใครอยากเห็นเงินฝาก หรือเงินลงทุนในกองทุนต่างๆ โดนรัฐบาลหักไป 30%-50% บ้านเมืองจะลุกเป็นไฟ อาจจะต้องมีการปราบปราม เพราะกลุ่มเสียผลประโยชน์จะไม่ยอมเจ้งหมดตัว ต้องรบกันหนัก จะเป็นสงครามกลางเมืองหรือเปล่าก็ไม่รู้

    แต่ถ้ามองในมุมส่วนรวม วิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะรักษาประเทศ เพื่อกันไม่ให้ระบบล้มครืนลงมาแบบไม่มีใครตั้งตัวได้ เหมือนซิมบับเว้ แบ่งกันเจ็บ แต่ประเทศจะฟื้นฟูได้ในระยะต่อไป โดยที่ทุกคนต้องเรียนรู้ว่าระบบการเงินตลก funny money ที่เฟดเอามาขูดรีดประเทศและโลกต้องไม่ให้เอามาใช้อีก

    เฟดจะทำ QE ต่อไปได้อีกไม่กี่น้ำ พิมพ์เงินมาแล้ว $3ล้านล้าน จะพิมพ์อีก $3ล้านล้านไม่ได้แล้ว เหมือนน้ำเต็มตุ่ม เทน้ำไปมันก็จะล้นออกมา ถ้าปล่อยให้เฟดคุมเกมอย่างนี้ พิมพ์เงินไปเรื่อยๆอย่างนี้ เพื่อกอบโกยเงินทองในรอบสุดท้ายของวัฏจักร ทุนนิยมการเงินก็จะล้มไปทั้งหมด เมื่อถึงจุดๆหนึ่งระบบการเงินรับไม่ได้ จีน รัสเซียและกลุ่มเศรษฐ๊ใหม่ไม่เล่นด้วย

    ระบบการเงินโลกกำลังเปลี่ยนไปยังบูรพาวิถี เฟดพิมพ์เงินจะกลายเป็นตัวตลกไม่มีใครยอมรับ จีนประกาศชัดว่าถึงเวลาที่โลกจะต้องออกจากอิทธิพลของอเมริกาได้แล้ว de-Americanized และต้องมีเงินสกุลโลกใหม่มาแทน หรือมาแข่งดอลล่าร์กระดาษที่ไร้ค่า

    โอบามาจะเป็นจูเลียส ซีซ่าร์ หรือว่าจะเป็นประธานาธิบดีเป็ดง่อย เดี๋ยวได้เห็นกัน และไม่ต้องผิดหวังมากว่า ข้างหน้าอาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด เพราะเหตุการณ์ยังจะหักมุมได้อีก แต่สกิ๊ปหลักไม่น่าจะหลุดจากเหตุปัจจัยที่เล่ามาทั้งหมด แต่อย่างว่าโลกเราอะไรๆมันก็ไม่แน่นอนครับ

    จบจริงๆครับสำหรับซีรี่ส์นี้ เพื่อเป็นการปูทางให้เราเห็นภาพของการต่อสู้เพดานหนี้ในวันที่ 17 ตุลาคม เวลาแห่งความระทึกใจกำลังจะมา

    Eric Sprott: "All The Paperwork Has Been Laid Out---For Bail-Ins As The Solution In The West" | Bull Market Thinking

    thanong
    15/10/2013

    ที่มา https://www.facebook.com/ThanongFanclub
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ตุลาคม 2013
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คราวนี้เพื่อนจากต่างดาวจะช่วยได้อีกหรือเปล่าหนอ !!!

    [​IMG]

    prachas สมาชิก

    สวัสดี ผมไม่ได้เล่าความฝัน ผมมาเล่าสิ่งที่ผมรู้มาเมื่อสักหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้ผมพยายาม Search หาข้อมูลสนับสนุนจาก Google ก็พอใกล้เคียงอยู่หนึ่งอันของ Dr.Imke de Peter University of California เกี่ยวกับปฏิกิริยาของดาว Ison กับ Jupiter เมื่อขณะที่มันเคลื่อนตัวผ่าน Jupiter ผมขอบอกว่าเราอาจจะเจอกับปัญหาใหญ่ของมวลมนุษย์ชาติ มาเล่ากันเลย

    ก่อนจะอ่านต่อขอบอกผมไม่ใช้ผู้วิเศษ และผมก็ไม่อยากรู้ด้วยว่าดาวพฤหัสที่ว่านี่มันจะเป็นญาติอะไรกับผม ผมรู้มาว่าขณะที่ผมนอนอยู่ที่ห้องตอนเมื่อตีสี่ที่ผ่านมา ผมไม่ได้ฝันแต่มีสิ่งสัมผัสทางจิตบอกผมว่า"Ison ชนกับดาวบริวารของดาวพฤหัส เศษดาวกำลังพุ่งตรงมายังโลก"แล้วผมก็ตื่นมาหาข้อมูลของการระเบิดเมื่อหลายวันย้อนหลังแถวๆดาวพฤหัส ก็เลยได้ข้อมูลที่ไม่ค่อยมีใครสนสักเท่าไหร่

    ดาวพฤหัสมีดวงจันทร์บริวาร 63 ดวง และมีการระเบิดของภูเขาไฟบนดวงจันทร์ที่ชื่อว่า LO ขณะที่เจ้าดาวหาง Ison เคลื่อนตัวผ่านด้วยความยาวหาง 80,000 km ถ้าผมแปลไม่ผิด แต่ผมไม่สนอะไรมากเท่าหากเจ้า Ison มาพร้อมลูกกระสุนของฝากจากดาวพฤหัสอีกสักชิ้น แค่นี้ก็เกินพอที่จะทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลกได้ร้องเพลงลากันแล้วละครับพี่น้อง

    ทำไม FEMA เตรียมพร้อมและเตรียมฝึกซ้อมเกี่ยวกับเหตุฉุกเฉินที่ว่อนอยู่ในเน็ตตอนนี้ครับ? ทำไม NASA ถึงถูกตัดงบและปิดกล้องของการเฝ้าสังเกตุการณ์ในระบบสุริยะ? หรือ NASA,ESA และหน่วยงานอื่นๆ รู้แล้วแต่ไมบอกใคร? หากมาตรงตามกำหนดเวลา ก็คงเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วครับขอให้พวกเราทุกๆชีวิตบนโลกโชคดี

    สวัสดีครับสหายทุกๆท่าน กลับมาอีกครั้งก่อนฉบับสุดท้าย 15 oct 13 เวลา 02:00 น.ไม่ได้ฝันครับไม่ขอสาวความยืดให้เสียเวลา
    "30 นาที ทั้งโลก วิ่งกันทั้งเมือง" เป็นประโยคที่ผมได้รับรู้ก่อนที่จะตื่นภาพที่เห็นก็คือเมืองที่มีตึกสูงระฟ้าสัก 3-4 ตึกมีควันขึ้นมาจากพื้นจากที่นึง แต่ไม่รู้สาเหตุ แล้วผมตื่นเข้าห้องน้ำกลับไปทำสมาธิพักใหญ่เพื่อ clear ตัวรู้นั้นให้จบๆไป ผ่านไปตี 4 สิ่งที่รับรู้มาใหม่หนักหนากว่าเดิมอย่างอลังการงานสร้าง

    ท่านลองจินตนาการถึงเมืองใหญ่ๆ ทั้งเมืองปูดขึ้นจากพื้นดินแนวระนาบแล้วตึกเหมือนถูกสร้างอยู่บนยอดเนินสูงๆ อยู่ๆเมืองที่ถูกดันขึ้นไปก็เกิดการระเบิดอภิมหาภูเขาไฟใหญ่มากๆ แล้วก็มีเสียงในนั้นบอกว่า

    "พระภิกษุเทพมุนี จะเป็นผู้นำทางศาสนาต่อไป จีนจะเป็น...."ท่านพูดรอบแรกผมฟังไม่ค่อยชัด แล้วท่านก็พูดอีกรอบแบบเดิมเหมือนเสียงตามสายออกอากาศ แต่ที่สัญญาจำได้มาแค่นี้แหละ จากนั้นผมรู้เลยว่าเราคงไม่รอดแน่แล้ว จึงเสียใจที่เราคงต้องตายโดยที่ไม่มีทางได้สู้เลย จากนั้นหูผมก็เริ่มดับลงช้าๆ จนไม่ได้ยินเสียงใคร ทั้งภรรยาและลูกก็อยู่ข้างๆ จนผมตั้งสติรวบรวมใจเป็นสมาธิอีกครั้ง คลายความเสียใจลง หูของผมก็ค่อยๆ กลับมาเริ่มได้ยินอีกครั้ง นี้อาจจะเป็น Post เกือบจะสุดท้ายของผม ฉบับหน้าผมจะมาบอกวันเวลาที่แน่นอนเป็นฉบับสุดท้าย

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ความฝัน-เทพสังหรณ์-สัญญานเตือนจากเบื้องบน.79471/page-173
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 40779e229c.jpg
      40779e229c.jpg
      ขนาดไฟล์:
      195 KB
      เปิดดู:
      1,206
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013
  17. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    มีกี่เหตุการณ์ครับ ตามไพ่ทำนายที่เกิดผ่านไปเรียบร้อยแล้ว
     
  18. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ถ้าเพื่อนต่างดาวจะช่วยป้องกันคงไม่เกินความสามารถ
    แต่หากมีเหตุผลที่สำคัญบางอย่างที่ต้องปล่อย เขาก็อาจวางเฉย
    แล้วประเทศผู้ที่พิทักษ์โลกก็แบ๊ะแบ๊ะ ต่อให้ 1,000 ฟีม่าก็เอ๋อ
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    มีหลายเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นจริงแล้วครับ !!!

    [​IMG]

    มีหลายเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นจริงแล้วครับ เข้าไปค้นดูรูปภาพที่เกิดขึ้นแล้วของเกมไพ่ชุดนี้ได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้คร้บ

    www.google.co.th/search?q=illuminat...ed=0CCoQsAQ&biw=1366&bih=667&dpr=1]illuminati card game all cards -
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จักรวาลจะปิดมิติอันเลวร้ายนี้ !!!

    [​IMG]

    อนาคตของโลกได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปจากคำทำนายเดิม !!!

    สำหรับมนุษย์ที่กำลังหวั่นกลัว ภัยจากสงครามโลกครั้งที่ 3 ตามคำพยากรณ์ในยุคพลังงานเก่า จงรับรู้ไว้ด้วยว่า โรงเรียนโลกใบนี้มิได้โดดเดี่ยว โดยปราศจากผู้ดูแลอย่างการคิดแบบจิตมนุษย์เลย จิตจักรวาลและรูปธรรมชั้นสูงในมิติคู่ขนาน จะไม่มีวันปล่อยให้ผู้มีจิตวิญญาณอธรรม กระทำการเช่นนั้นได้อีกต่อไปแล้ว เพราะเขากำลังจะเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะถูกชำระในอีกไม่นาน ด้วยมหันตภัยธรรมชาติที่พวกเขาคาดไม่ถึง ซึ่งอำนาจที่เขามีอยู่จะไม่วันเอาชนะพลังอำนาจ แห่งธรรมะที่เป็นพลังงานด้านบวกได้

    บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ที่จักรวาลจำเป็นจะต้องปิดมิติ ด้วยการชำระจิตวิญญาณของพวกเขาอีกครั้ง เนื่องจากจักรวาลหยั่งรู้อนาคตได้ว่า บทสรุปของมันคืออะไร ถ้าไม่ใช่มหันตภัยของมนุษย์ทั้งโลกและจักรวาลอื่น จักรวาลจะปิดมิติอันเลวร้ายนี้ ด้วยความรักแท้จริงต่อมวลมนุษยชาติ ภายในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ก่อนวันสิ้นยุคพลังงานเก่าแน่นอน

    นับจากโลกเปลี่ยนสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว คำพยากรณ์ของนอสตราดามุสมันจะไม่เป็นจริง ไม่แม่นยำอีกต่อไป เนื่องจากมนุษย์ในยุคพลังงานใหม่ทุกคน จะถูกเปลี่ยนแปลงจิตสำนึกที่แตกต่างไปจากเดิม จักรวาลยืนยันว่า สงครามอันเลวร้ายที่จะล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์และทำลายโลก มันจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกต่อไปแล้ว ภัยธรรมชาติที่จะทำให้โลกแตกดับ มันก็จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นดั่งคำทำนายของใครอีกต่อไปเช่นกัน

    ขณะที่สื่อคลื่นความคิดรู้ เป็นผลึกคิดรู้อยู่ในขณะนี้ มนุษย์โลกพึงรู้ว่าความเป็นไปทุกอย่างในระบบโลก ได้รับการควบคุมดูแลโดยรูปธรรมนับแสนตนในจักรวาลเรียบร้อยแล้ว

    ที่มา:- คัดลอกบางส่วนจาก :: หนังสือวันเวลาที่สิบเอ็ด รหัสแห่งหายะโลก ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากจิตจักรวาลโดย อ.ปริญญา ตันสกุล MBA.,M.S. PARINYA TANSAKUL MBA .,M.S.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ตุลาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...