ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 4 กุมภาพันธ์ 2015.

  1. *ธรรมดา*

    *ธรรมดา* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +924
    พูดถึงเรื่อง ตาที่สาม ขอท่านพี่นพ ช่วยอธิบายหน่อยครับ ว่า แตกต่างจาก ตาใน ตาทิพย์ การเห็นด้วยจิต อย่างไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 มิถุนายน 2015
  2. THE SEVEN

    THE SEVEN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +870
    อันนี้ไม่ใช่เนื้อคู่แท้มั้งป่าraming เพราะจะอยู่กันไม่ยืด สุดท้ายจะกลายเป็นสเต็ก

    ต้องอันนี้ เนื้อคู่แท้เหมือนขันน้ำพานรอง

    [​IMG]


    สาวๆบางคนอาจจะมีคำถามต่อ ใครจะเป็นขันน้ำ ใครจะเป็นพานรอง 555
    ส่วนใหญ่คงรู้จักแต่ สมกันดั่งกิ่งทองใบหยก

    คู่แท้ สำหรับคนที่ตรวจพลังงานได้อย่างคุณนภ หรือคนที่ได้ธรรมกายสามารถ
    ดูออร่าดูจิตได้ หรือผู้ที่มีทิพคิขุดีๆ จะเห็นออร่า ดวงจิตของทั้งสองคนซ้อนคาบเกี่ยวกันอยู่ถึงแม้ว่าจะดูจากคนๆเดียว ดังนั้นสามารถดูจากคนเดียวและเชื่อมดูอีกคนได้เลย เรียกว่าคู่แท้ ขันน้ำพานรอง ซึ่งโดยปกติธรรมจะเสมอกัน
    (ไม่ได้หมายถึงภูมิธรรมเสมอกัน น่าจะหมายถึงมีศีลธรรมไปในทางเดียวกัน)

    แต่ถ้าดูกายหยาบเมื่อเทียบกันแบบทางจิต คู่แท้ต้องเป็น T-bone สันนอก
    ติดกับสันใน ในชิ้นเดียวกันโดยมีT-bone ประสาน
    555 คู่แท้ต้องเหมือนคนๆเดียวกัน อันเดียวกันแบบนี้ซิป๋า

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ตาที่สามหมายถึงต่ำแหน่งเหนือระหว่างคิ้ว ไม่ใช่ลูกกะตาแบบ ๒ ตาปกติ..
    เป็นต่ำแหน่งที่จิตมันสร้างภาพ
    ขึ้นมาแล้วฉายให้เรามองเห็นเป็นภาพทางด้านนามธรรมต่างๆ
    บวกกับกระแสที่เชื่อมครูบาร์อาจารย์ข้างบน
    บางคนจึงบอกว่ามันเป็นตาที่สาม ตาเนื้อ ตาในแล้วแต่จะเรียก..
    แต่ในทางนามธรรมมันคล้ายลูกตา
    แต่ว่ามันอยู่ในแนวตั้งไม่ใช่แนวนอนเหมือนลูกตาปกติ
    และไม่ใช่แค่ว่าจะมีลูกตาแนวตั้งมันยังมีอย่างอื่นๆปนได้
    เช่นสัญลักษณะรูปดาว รูปกลม รูปดอกบัว ฯลฯ

    นอกจากต้นกำเนิดมาจากตัวจิตบวกกับกระแสข้างบนอย่างที่เล่ามาให้ฟังแล้ว
    ก็สามารถเกิดจากพลังงานภายนอกที่ไม่ดีผ่านท้ายทอยเข้ามาส่งให้เห็นได้
    เช่นกัน แตกต่างที่กระแสพลังงานภายนอกไม่ดีจะวนอยู่แค่ภายใต้กระโหลกศรีษะ
    ไม่เชื่อมขึ้นบนเหมือนๆทั่วไป นี่คือกรณีพวกที่อยากมีตาพิเศษแบบทางลัด..
    .ตาในกับตาเนื้อกับตาพิเศษกับทิพยคิกขุ พวกนี้มันเป็นภาษาสมมุติ
    เวลาเราจะทำความเข้าใจพวกนี้ ให้มองที่กิริยาของมันทางด้านนามธรรม
    ไม่งั้นถ้าจะเอาภาษาสมมุติมาถามแล้วให้อธิบายความหมายมันจะคุยกันหยืดยาวไม่จบ
    เพราะในทางกิริยามันก็เหมือนๆกัน

    โดยความรวมคือ ต่ำแหน่งที่จิตสร้างภาพออกมาให้เห็นนามธรรมต่างๆ..
    ส่วนตาทิพย์ยังไม่เห็นปรากฏว่ามีในมนุษย์โลก มีแต่เห็นได้คล้ายตาทิพย์
    แม้ว่าบางคนจะลืมตาอยู่แต่จริงๆภาพที่สร้างขึ้นมาให้เห็นมันจะผ่านระหว่างคิ้ว
    ตรงนี้ถ้าไม่สังเกตุจะไม่เข้าใจ ไม่เชื่อเวลาที่จิตเป็นทิพย์ แล้วมันเหมือนๆเรามอง
    สภาพแวดล้อมภายในห้องตัวเองหรือรอบๆบริเวณที่ตัวเองดูได้ ให้ลองเอามือ
    ตัวเองมาปิดตรงต่ำแหน่งตรงหน้าฝากดูได้

    และด้วยกิริยาที่มันเหมือนกัน คือ เห็นคล้ายตาทิพย์
    การเห็นมีหลายแบบ ตั้งแต่ตัวจิตรู้สึกได้ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เห็นด้วย
    ตาเปล่าๆจากการมองภาพ. ตัวจิตรู้สึกแล้วมาสร้างเป็นภาพขึ้นในสมอง
    อย่างนั้นอย่างนี้.ตัวจิตรู้สึกแล้วสร้างเป็นภาพออกไปกลางอากาศ
    ตัวจิตรู้สึกแล้วเป็นคลื่นความถี่ใสหรือมีสีมองออกไปภายนอก.
    เห็นด้วยตาเปล่าเหมือนพระมีชื่อที่เห็นๆเหมือนเราๆ..
    เห็นด้วยตาเปล่าเนื่องจากวิถีญานเปิด..
    เห็นตอนหลับตาช่วงที่จิตเป็นทิพย์

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การเห็นได้ประกอบองค์ประกอบ ๒ อย่าง
    คือ ๑.จากภายในสร้างออกไปเชื่อมภายนอก
    ๒.จากภายนอกสร้างมาเชื่อมภายใน
    ข้อ ๑ และ ข้อ ๒ ยังต้องอาศัยสัญญาเพื่อสร้างเป็นภาพสำหรับการเรียกเป็นภาษาสมมุติ..
    และการเห็นเป็นคลื่นใสๆ หรือปนสี ที่สร้างเป็นเคร้าโครงรูปร่าง..
    ..แต่การเห็นที่สร้างจากคลื่นสมองตัวเองไม่ถือว่าจิตเป็นทิพย์
    ถือว่าเป็นการปรุงแต่ง และการเห็นจากพลังงานภายนอกก็ยังไม่ถือว่าดีเพราะว่าเห็น
    จากการถูกพลังงานภายนอกมาควบคุมจิต(พวกวิญญานมีฤิทธิ์ พวกภูมอสูรกายต่างๆ)
    เห็นเพราะภายนอก
    ทำให้เห็น เห็นเพราะเราตั้งใจเห็น
    ประมาณนี้หละทั่วๆไป สร้างสติทางธรรมให้มากๆ
    ถ้าอยากเข้าใจเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเอง
    ..
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,416
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    เสร็จแล้วก็ต้องถูกย่างไฟ อิอิ
     
  5. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    มาอัพเดท การลองของหน่อยครับ

    จากที่ได้อ่านผ่านตา เรื่องที่คุณพี่นพพยายามสอนแล้วก็สอนอีกย้ำแล้วก็ย้ำอีก จนมาถึง
    เมื่อเช้านี้ไหนๆก็ไหนๆล่ะวะ ลองดูสักทีจะเป็นไรไป พอดีตอนนั้นอารมณ์กำลังบูดได้ที่เลย
    ทีเดียว แต่บูดเรื่องอะไรขอสงวนสิทธิ์ไว้ก่อน55

    เมื่อคิดได้ดังนั้นก็เลยขอลองของซักหน่อยซิว่าจะเป็นยังไง จะสมชื่อคนสอนหรือเปล่าหนอ
    ก็เลยบรรเลงตอนที่อารมณ์ปุ๊ดๆนั้นเลย เอ้า!ไม่ต้องตั้งท่าตั้งทาง กำหนดจิตลงมาที่กลาง
    หน้าอกแล้วบรรเลงเลย "อโหสิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ" ร่ายเวทย์ ซะยาวเลย อิอิ

    เอาไปเอามาสักพัก เออว่ะ! ใจมันค่อยๆชื้นขึ้นแฮะ เมื่อสบโอกาสทองข้าศึกเป๋ ก็กระหน่ำ
    ด้วยแผ่เมตตาสั้นๆซะยกใหญ่ ทุกอย่างสงบศึก กิเลสยังอยู่ แต่ใจเราก็ฟูฟ่อง โล่งขึ้นมา
    แหม น่าจะลองซะตั้งนาน หุหุ

    เอ้าให้เครดิตพี่เขาหน่อย อ่าวทุกคนว่าพร้อมกันน๊า พี่นพการจงเจริญ 3 ครั้ง แล้วกล่าว สาธุ 555

    ไหนๆก็ไหนๆอีกล่ะ จะเขียนถึงคุณพี่นพทั้งที่จะไม่มีคำถามอะไรติดไม้ติดมือสักหน่อยมันก็
    ดูกะไรอยู่ ถือโอกาสซะเลยละกัน

    ช่วงนี้ผมเวลาผมหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ตอนเช้าช่วงที่แดดยังไม่ค่อยแรง ปรกติผมจะ
    นั่งหน้าบ้านรอใส่บาตรประจำ แดดตอนเช้ามันไม่แรงเท่าไร แต่มันก็แยงตาเราเหลือเกิน
    ผมก็เลยหลับตา ภาวนา คำภาวนาที่ผมเคารพรัก อื่อๆ ช่วงตอนที่หลับตาแล้วภาวนาอยู่นั้น
    จะเห็นเป็น เส้นแสงเหมือนกับรุ้งกินน้ำ โค้งๆงอๆหลายเส้นนะ ปรากฏขึ้นให้เห็น เดี๋ยวผุด
    จากซ้ายไปขวาบ้าง ขวามาซ้ายบ้าง ขึ้นบนลงล่าง ข้างล่างขึ้นบน แทยงซ้ายแทยงขวา ก็
    เอากันให้ยั๊วเยี๊ยเต็มเลย ไล่ไปไล่มา สลับกันผุดขึ้นมาในตา ระยิบระยับ เส้นที่เห็นจะเป็นสี
    รุ้งเลย สีเขียวจะอยู่นอกสุด ไล่เข้าไปข้างในสุดคล้ายจะเป็นที่แดงคล้ำหรือม่วง ผุดพาดไป
    พาดมาให้เห็นตลอดอย่างเพลินตา ที่เห็นนี้ไม่ได้ได้อยู่ในสภาวะทิพย์นะครับ แบบว่าแค่
    หลับตาแป๊บแล้วผุดมาบรรเลงกันเลย ผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ มาให้เห็นก็มองไปงั้น
    แหละแต่ก็สวยดี 55 นี่ขนาดไม่คิดนะ จะเห็นแบบนี้ทุกเช้าเลยเวลารอใส่บาตรตอนดวง
    อาทิตย์กำลังขึ้นอะนะ ก็แปลกดีนะ ผมมีหน้าทีภาวนาและมองก็มองไป ไหนๆก็โผล่มาให้
    เห็นแล้วนี่ จะไม่มองสักหน่อยเดี๋ยวเสียของ แต่ผมก็ไม่รู้หรอกนะ ผุดขึ้นมาทำไม และเป็น
    เส้นสีรุ้งอะไรยังไง แต่ที่รู้ๆคือ เอ่อ! มันสวยดี 555 แต่ก็ไม่ได้ติดใจหรอกนะมีก็เห็น ไม่มีก็
    ไม่เห็น ไม่ได้อยากเห็นแต่เซลล์เขามาเสนอเอง ผมก็เลยจำเป็นต้องมองสักหน่อย หุหุ

    เรื่องนี้คงหนีไม่พ้นคุณพี่นพการของเราจะมาช่วยไขข้อข้องใจให้กับเรา ไงก็รบกวนด้วยนะ
    คร้าบ ขอบคุณคร้าบคุณพี่ อิอิ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ๕๕๕ แวะมาขำก่อน ขอออกไปนั่งติ๊ดๆ หาทานข้าว กินกาแฟ ดูสภาพแวดล้อมก่อนเน้อ..
    เด่วมาเล่าให้ฟัง ๕๕๕

    ปล.มารที่น่ากลัวที่สุดคือ บุคคลที่มีสหสัมพันธ์และ
    อยู่ใกล้ชิดเราที่สุดนั้นหละ เค้าเล่นตรงนี้เพราะว่ามันทำ
    ให้เราแสดงอารมย์ได้ง่าย..ทางปฏิบัติเค้าเรียกว่า กระทบใน
    ซึ่งมันจะแรงกว่ากระทบนอกเพราะกระทบนอกเราหาอย่างอื่นทำ
    หรือเรามองไปที่อื่นมันก็หายแล้ว..ซึ่งกระทบใน(กระทบกระเทือนจิตใจ)
    มันขวางการปฏิบัติของเราได้ดีนั่นเอง..คริคริ
     
  7. *ธรรมดา*

    *ธรรมดา* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +924

    แม่นหลายครับพี่นพ กระผมก็โดนเล่นเรื่องกระทบในนี่แหละครับ มารนี่ก็เก่งเกิ้น จี้เราได้ตรงจุดตลอด
     
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เค้าเรียกว่าสภาวะที่เห็นขณะนั้นว่า จิตทำงานเมื่อเห็นสีหรือแสงและเส้นสาย..
    มันทำงานได้ตั้งแต่ระดับสมาธิเล็กน้อยขึ้นไป ตามด้วยอุปจารสมาธิ
    และก็จะเริ่มสว่างสไหวได้ทั่วรอบๆบริเวณเมื่อถึงระดับปฐมฌาน..
    พอเลยระดับนี้ก็จะไม่เห็น จะไปเห็นอีกทีตอนที่เข้าสมาธิระดับสูงๆได้
    โดยจะเริ่มค่อยๆกลับมาสว่างๆขึ้นเรื่อยๆคล้ายตอนปฐมฌาน..
    สังเกตุได้ ตอนกำลังสมาธิไม่มาก มันจะสว่างๆก่อนแล้วค่อยๆมืด
    แต่ถ้าสมาธิสูงมันจะมืดก่อนแล้วค่อยๆสว่าง..เรื่องพวกนี้ให้เฉยๆไปเลย..จบ
    ถ้าเห็นแบบวุ้นๆใสๆ ลอยระยิบระยับในอากาศ ให้หาวิตามิน บีรวม คือ
    บี ๑ บี ๖ บี ๑๒ รับประทานด่วนและปรึกษาจักษุแพทย์ซะ ๕๕๕
    ปล.ประมาณนี้หละไม่มีอะไรหรอก
     
  9. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    ดีๆครับได้ความรู้ใหม่ เอ่อ! แต่มันก็สวยจริงๆนะ 5555
    อุ๊บ อย่าเผยใต๋ซี้เด๋วกิเลสมารมันรู้ทัน

    จุ๊จุ๊จุ๊ แหมฮึกเหิมใหญ่ริเอาแสงสีมาล่อ 5555
     
  10. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    ปุถุขี้สงสัยมาร่ายเวทย์อีกแล้วพี่น้อง หุหุ

    ได้เห็นกระทู้ข้างๆเขาเขียนถึงเรื่องจักระที่ 1 แต่ผมไม่สงสัยล่ะ อันนั้นเพราะมันไม่ค่อยเป็น
    ที่ประเทืองสมองผมเท่าไร ผมสงสัยจักระที่ 7 ที่ว่าส่วนกะโหลกส่วนบนหัวนี่สิ น่ารู้

    จักระที่ 7 นี้ที่คุณนพชอบบอกว่าใช้เชื่อมครูบาเบื้องบนได้ สงสัยว่าคนเราทุกคนนี้มี จักระ
    ที่ 7 นี้เท่ากันทุกคนเลยหรือเปล่าครับ สมมติคนที่ไม่มีจักระตัวนี้จะมีหรือไม่ และถ้าคนไหน
    มีน้อยจะต้องการให้มันมีมากๆขึ้นจะทำได้หรือเปล่า

    การเชื่อมของครูบาเบื้องบน ท่านจะเชื่อมลงมาที่จักระ 7 นี้ทุกคนเลยเหรอครับ เพราะ
    อะไรท่านถึงต้องเชื่อมเรา เราเคยเป็นลูกศิษย์ท่านมาก่อนประมาณนี้หรือครับ สมมติว่าถ้า
    เราไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย เน้นแต่เอาธรรมอย่างเดียว ครูบาเบื้องบนที่ท่านเชื่อมเราอยู่
    ท่านก็จะย้ายไปเชื่อมคนอื่นแทนใช่ไหม แล้วการเชื่อมของครูบาเบื้องบนแบบนี้เป็นของ
    เฉพาะตนหรือเปล่าครับ สิ่งใดเป็นเครื่งสังเกตุว่าจิตเรากำลังถูกครูบาเบื้องบนเชื่อมอยู่ มัน
    จะมีการเชื่อมอยู่ตลอดเวลาเลยหรือเปล่า เราสามารถบังคับควบคุมให้เชื่อมมากขึ้นหรือนัอย
    ลงได้หรือไม่ครับ คนที่มีครูบาเชื่อมและคนที่ไม่มีครูบาเชื่อมจะมีสภาพจิตแตกต่างกัน
    อย่างไรครับ ในการปฏิบัติธรรมคนที่มีครูบาเชื่อมจะได้เปรียบกว่าคนที่ไม่มีครูเชื่อมเลยหรือ
    เปล่า หรือว่าคนที่ถูกครูบาเชื่อมคือคนที่มีหน้าทีพิเศษที่ทางภพภูมิได้เลือกไว้แล้ว หรือว่า
    ก่อนที่จะลงมาเกิดได้ทำสัญญากับครูบาเบื้องบนไว้แล้วว่า ลงมาเกิดจะทำหน้าที่อย่างนี้
    อย่างนั้นให้สำเร็จ เพื่อสิ่งนี้สิ่งนั้นให้ได้ หรือเปล่าครับ มีอะไรเพิ่มเติมบอกมาให้หมดเลยนะ
    ครับ อยากรู้ครับคุณพี่นพ หาหนังสืออ่านที่ไหนไม่ได้เรื่องแบบนี้ 555
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ๕๕๕ ถามมาเล่นเอาง่วงเลย เด่วทำงานก่อน นอนก่อนซักงีบ ไปตัดผมเสร็จก่อนและแวะร้านกาแฟแล้วจะมาเล่าให้ฟัง..
     
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ตอบ เพื่อสิ่งนั้นสิ่งนี้ คือ เราคิดเอาเองไง แต่แนวทางการปฏิบัติแท้จริงแล้ว
    มันจะสัมพันธ์กับทุกสิ่งทุกอย่างที่มาข้องเกี่ยวกับ
    รูปแบบการใช้ชีวิตเรา การวางแนวทางการดำเนินชีวิต
    และควบคู่กับกรรมฐานที่เหมาะสม สำหรับเรา
    ณ เหตุและปัจจัยที่เรามี ณ ขณะเวลานั้นร่วมด้วย..
    ปล.ประมาณนี้
     
  13. ทองชมพู

    ทองชมพู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    415
    ค่าพลัง:
    +2,802
    แล้วการเชื่อมของครูบาเบื้องบนแบบนี้เป็นของ
    เฉพาะตนหรือเปล่าครับ สิ่งใดเป็นเครื่งสังเกตุว่าจิตเรากำลังถูกครูบาเบื้องบนเชื่อมอยู่


    ตอบ ถ้าไม่รู้อะไรเลย ก็คือเราเคารพพระรัตนตรัย ตลอดเวลาหรือเปล่า
    หรือมีอะไรดลๆใจให้เราทำแต่ความดี หรือคิดจะทำไม่ดีก็มีอะไรดลใจให้ไม่ทำ
    หรือทำไม่ดีได้ยาก ถ้าแบบพิเศษก็เชื่อมจิตดู หรือ ยืนดู แล้วแต่ถนัด ๕๕๕


    อาการ " รัดเกล้า ซุนหงอคง " ของหนูเข้าข่ายเคสนี้หรือเปล่าคะพี่นพ แต่ว่าไม่แค่ดลใจนะ เรียกว่า โดนเลยมากกว่าค่ะ หรือว่าหนูหน้ามึนหน้าด้าน ท่านดลใจเท่าไหร่ก็ไม่รู้ไม่ชี้ซะที ๕๕๕
     
  14. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369
    อื่ม! เป็นคำตอบที่ดีเลยทีเดียว แต่ก็อย่างว่านั่นแหละนะ โรงไฟฟ้าพลังจิตของพี่ปล่อย
    กำลังไฟมาตั้ง แสนโวลล์AC แต่เสียดายหม้อแปลงDC บ้านผมรับได้แค่ 12 โวลล์ 555

    คำถามยาวผ่านไปแล้วขอถามแบบสั้นๆและได้ใจความบ้างครับ
    ที่ผมกำลังฝึก ขออนุญาตเรียกตามเจ้าของแบบเท่ๆ "ที่ไม่ใช่ว่าว่าง หรือไม่ว่าง นั่นหละว่าง"
    แบบที่่ผมกำลังทำอยู่นี้ใช่หรือเปล่าครับ ไม่ภาวนาอะไรปล่อยจิตว่างๆเบาๆ ความคิด
    ไม่แตะ มันโผล่มาก็ปล่อยมันไป ทำจิตนิ่งๆเฉยๆ แหมจะเข้าโหมดเวทนาจ่าเฉยหรือเปล่านี่

    ความจริงถ้าไม่มาถามก็กลัวจะเก่งเกินต้นฉบับก็เลยถามสักหน่อย กำหนดจิตดูเอานะพี่ ผม
    อธิบายไม่ค่อยถูกไอ้สภาวะแบบที่ผมทำอยู่นี้ 555 มันใช่ที่พี่บอกหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันก็
    เบาๆดีอะนะ สบายๆ คิกๆ

    ปล.ถ้ามันเป๋เข้าดงหนามข้างทางช่วยถีบผมขึ้นด้วยนะ ผมลองมั่วๆเองแหละ หุหุ
     
  15. [-VaLentine-]

    [-VaLentine-] กระผมสมาธิและกำลังจิตกากสุดในเวปนี้

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +486
    ผมสงสัยอยู่อย่างครับ...มีคำถามไหนที่พี่นพตอบไม่ได้บ้างครับ คือสงสัยมาตั้งแต่เข้าเวปนี้มานานล่ะ ฮ่าๆๆๆๆ

    ปล.เดี๋ยวถ้าเจอตัวจริงผมจะนั่งถามพี่ซัก ๓ ชม. (ผมจะเตรียมกาแฟกระทิงแดงให้ด้วย:cool:)
     
  16. rungdao

    rungdao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    2,019
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +10,731

    ฮ่าๆๆๆๆๆ ... คุณนพฯโดนรุมแล้วเนี่ย
    มา .. ข้าเจ้าจะช่วย (ถาม)
    ว่า ... เวลาที่ตัวจิตเราไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้นี่ก็มาทันทีที่เชื่อม ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ของคุณเกาะนิพาน หรือของดิฉันเอง แค่คิดก็เชื่อมแล้ว และมาทันทีที่คิดเสียด้วย
    ว่าแต่ทำไม พอดิฉันต้องการเชื่อมแบงค์พันสัก 10-20 ใบ คิดยังไงๆๆ ก็ไม่มา
    พยายามจะเชื่อมอยู่นะคะ โอม..ม แบงค์พัน โอม..ม แบงค์พัน ทำไงจะให้มาคะ ....
    จะมาไหมคะคุณนพฯ ..
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    ตอบ ถือว่าไม่ธรรมดาเลยนะครับ เป็นระดับที่เรียกว่า ระดับเฉพาะบุคคล
    เป็นระดับบุคคลพิเศษจริงๆ (มึนเป็นพิเศษ) ๕๕๕๕๕๕๕๕๕

    ตอบ นั่นหละเป็นสภาวะที่ ระดับที่ท่านพ้นแล้วสามารถอยู่ได้ทั้งวัน.
    ระดับอื่นๆก็ไล่ลงมาตามระยะเวลาที่จิตอยู่ในสภาวะนี้ได้ไง...
    เช่น พวกที่เค้ามีความสามารถระดับปฏิสัมภิทาญานจะอยู่สภาวะนี้ได้
    อย่างน้อย ๘๐ ถึง ๙๐ เปอร์เซนต์/วัน แม้ในขณะลืมตาและใช้ชีวิต
    ปกตินะ..เพราะว่าทุกอย่างที่ทำ ทุกกิริยามันจะเป็นไปแบบอัตโนมัติ
    เรียกว่า ไหลรื่น แซ่บเวอร์ นั่นหละ..๕๕๕.
    ถึงได้บอกแล้วบอกอีกไงต่อให้ฝึกอะไรมา ไม่ว่ากรรมฐานกองไหน
    ให้จิตมันคุ้นสภาวะนี้ให้มันได้ซักวินาทีก่อนไง เพราะมันไม่ใช่ว่า
    จะอยู่สภาวะนี้ง่ายๆตลอดเวลานั่นหละ เป็นเหตุส่วนหนึ่ง..
    ที่นักปฏิบัติเค้ามาพัฒนากำลังสติ
    พัฒนาสมาธิ พัฒนาปัญญาทางธรรมกันนั่นหละ..
    คิดว่า น่าจะพอเข้าใจแล้วนะ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้
    ไม่มีใครว่า ใครอิจฉาแน่นอน ๕๕๕๕๕

    ถามตามตำราซิรับรองว่าตอบไม่ได้แน่ๆ ขนาดอ่านศัพท์บางคำ
    ต้องไปเปิดอากู๋ก่อนว่ามันแปลว่าอะไรวะ... ๕๕๕๕
    ปล.ขอกาแฟอย่างเดียว กระทิงแดงไว้ก่อน เด่วหัวใจวาย ๕๕๕๕

    มาได้ซิไม่งั้น ลพ.ที่ชัยภูมิ จะหยิบใบโพธิ์ ที่ลูกศิษย์กวาดๆ
    พอยื่นให้กลายเป็นแบงค์ร้อย แบงค์พัน แบงค์ห้าร้อยได้ไง
    และหยิบขี้ธูปแล้วปล่อยออกมาเป็นทองคำก้อนได้ไง...
    จะยื่นมือไปจับพระให้หนังสือออกมาเป็นพระเครื่องจริงๆได้ไง ๕๕๕
    พวกนี้ต้องสำเร็จระดับจิตธาตุ กำลังจิตใช้งานปกติในระดับ
    ที่พูดง่ายๆว่าหายใจพรวดเดียวถึง
    กำลังระดับฌาน ๔ และความเร็วพอๆกับที่เราๆไปเชื่อมโน้นเชื่อมนี้นั้นหละ
    ซึ่งบอกตามตรงว่ากำหนดเวลาได้ยาก ส่วนตัวตอนนี้ก็ยังถือว่าพึ่งเริ่มคลาน
    ถ้าไม่โดนอุปสรรคทางนารีวิบากก่อน อาจจะทำได้เหมือนๆที่พระจิตไว
    บางท่านบอกไว้ แต่ก็อีก ๓ ถึง ๔ ปีโน้นพูดแล้ว..มาโม้ที่นี่มันกว่าเยอะ๕๕๕
    แต่พื้นฐานที่ต้องมีแน่ๆก็คือ ด้วยนัยยะนี้ ''ที่ไม่ใช่ว่าว่าง และไม่ว่าง
    นั้นหละว่าง''
    ในระดับ ๙๐ เปอร์เซนต์/วัน ให้ได้อย่างน้อย
    พูดแล้วเพลีย...:'(
    ปล.ถ้าอยากรู้ว่าเป็นแบบไหน ลองไปดู
    นักมายากลทางจิตชื่อ ไดนาโม แสดงได้ คล้ายๆกัน
     
  18. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    43,416
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,035
    *****************
    คิดว่าคงจะเป็น"มายาหญิง๑๐๐เล่มเกวียน"ค่ะ หรืออาจจะรู้แต่ทําเป็นไม่รู้ ๕๕๕
     
  19. ผู้ธรรมดา

    ผู้ธรรมดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2015
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +369

    ป๊าดๆๆๆๆๆๆ ขี้มาตั้งนานพึ่งจะมาตรงร่อง ของผมอยู่ได้ 5 วิ อยู่ในระดับไหนอะครับ 555
    พอจะเป็นโสดาได้อะเปล่าครับ ไม่นะอย่าบอกผมว่า "โซดา" นะ!

    ขอถามอีกหน่อยเถอะครับคาใจไม่เลิก
    ไอ้สภาวะที่ว่ามานั่นน่ะ ขอเรียกว่า"เวทนาจ่าเฉย" ก็แล้วกัน ดูมันเฉยๆไร้
    อารมณ์ซะไม่มีง่ะ หุหุ ถ้าผมตายในระหว่างที่กำลังอยู่ในสภาวะ "เวทนาจ่า
    เฉย"นั้น คือจิตไม่ปรุงอะไรล่ะ นิ่งๆ มันบอกไม่ถูกจริงแฮะพูดยากฉิบ มัน
    จะมีผลยังไงกับจิตของเราและการเปลี่ยนภพภูมิของเราบ้างครับ จะพุ่งพรวด
    เข้านิพพานเลยอ๊ะเปล่า หรือว่าสภาวะนี้เอาไว้ทำให้จิตผ่อนคลายอารมณ์ต่างๆ
    เฉยๆเหมือนกับวอมไว้ เพื่อเตรียมจิตไว้ใช้งานอย่างรวดเร็วต่อไปหรือเปล่าครับ

    ถ้าเทียบกันระหว่างที่ผมเอาจิตเกาะ พระไว้ แล้วตายปุ๊บ กับ ทำจิตว่างๆที่ว่าไม่
    ว่างนั่นแหละว่าง อันไหนมีสิทธิ์เข้านิพพานได้เยอะกว่ากัน เหตุผลเพราะอะไร
    ครับ บางทีตามที่หลวงพ่อท่านสอนไว้ก็บอกประมาณว่า ให้เอาจิตเกาะพระไว้
    นะลูก นึกถึงพระที่นิพพานไว้ ตายเมื่อไรเราก็ไปที่นั่นแหละ ผมว่าหลวงพ่อคง
    พูดไม่ผิด เอ้าสรุปเลยละกัน ในความเห็นของคุณพี่นพเห็นเป็นอย่างไร ดีทั้ง
    สองแบบ หรือว่า แบบไหนดีกว่าชัวร์กว่ากันครับ:cool:
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    อะจ๊ากกกกกก !!!!! pity_pig เรื่องนี้เว้นไว้ซักเรื่องเหอะ อย่าไปเก่งเลย ๕๕๕
     

แชร์หน้านี้

Loading...