ผมผิดมากไหมกับการกระทำแบบนี้

ถึงคุณ j47
การที่ผมพูดไปแบบนั้นจะเรียกว่าด่าหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ผมไม่ได้เอาปมด้วยเค้ามาด่านะครับ โปรดเข้าใจใหม่ ผมไม่ได้มีสันดานการดูถูกผู้อื่นแต่ที่ทำเช่นนั้นเพราะผมคิดว่าเค้าทำผิดแล้วไม่รับผิดไม่สนใจในความผิดของตัวเอง จากข้อความที่ผมโพส ผมได้เขียนไว้ชัดเจนนะครับว่ามีการทำกริยาเตือนถึงสามครั้งไม่ใช่อยู่ๆจะไปด่าเค้าเลย การการที่ผมพูดแบบนั้นมันเกี่ยวด้วยหรือที่จะต้องเป็นเพศที่สาม ผมเห็นพระหลายๆรูปใช้วาจาด่าลูกศิษย์ทั้งหยาบคายและเรียกอวัยวะเพศด้วยคำที่หยาบๆ ท่านก็ยังเป็นพระที่มีลูกศิษย์มากมายอีกทั้งยังเป็นพระชื่อดังอีกด้วย การที่คุณจะพูดว่าคัยโปรดพิจารณาโดยแท้เสียก่อนเดียวคุณจะมีบาปติดตัวที่ทำให้ผมต้องหมองใจซะปล่าวๆ เวลาที่ผมเข้าไปอ่านในกระทู้คนอื่นถ้าผมจะเสนอแนะผมจะเสนอแนะแค่ข้อคิดที่ดี จะไม่ไปด่าเค้า ต่อว่าเค้า เพราะตัวเราไม่ได้รู้จักและไม่ได้อยู่ในสถานที่เกิดเหตุ แต่คุณพูดเหมือนคุณรู้เรื่องทุกอย่างแม้แต่ตัวผมเลยนะคับ โปรดพิจารณาตัวเองด้วย

 

คุณj47
ช่วยกรุณาอ่านข้อความของผมอีกหลายๆครั้งนะครับที่คุณผิดมามันทำให้ความหมายของเรื่องผิดหมด เอาง่ายๆ ผมไม่ได้รู้จักกับแม่น้องเค้านะครับ พี่ชายน้องเค้าเป็นเจ้าของร้านที่แม่ผมไปซื้อของ ก็คือแม่ผมเป็นลูกค้าครับ กรุณาอ่านให้เข้าใจก่อนจะลงมือแสดงความคิดเห็น เพื่อความถูกต้องและไม่หมองใจกันครับ

 

เรื่องแบบ นี้ มันก็ ต้องไป ขอโทษน้องเขานะครับ แล้วก็ อย่าไปนึกถึงมัน อีก

 

เรียนสมาชิก

โพสต์ด้านบน (1และ2) เป็นข้อความที่ติดต่อจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวานนี้เอง

จะเป็นสมาชิกท่านใด ขอให้เตรียมใจเอาไว้

ทางเว็บเคยแนะนำ และบอกเสมอ เรื่องการโพสต์ข้อความต่อสาธารณะให้ระมัดระวัง

อย่าไปเขียนกระทบใคร เบียดเบียนใจใคร ให้เขาไม่สบายใจ หรือเสียหาย เพราะในทางโลกท่านจะโดนกฎหมายเล่นงาน แล้วในทางธรรมท่านยังผิดในวจีกรรมอีก

ทางเว็บเห็นใจสมาชิกทุกท่านเสมอ เหมือนญาติธรรม จึงได้แต่พร่ำเตือนเสมอๆ

แต่ท่านก็ยังฝ่าฝืน ก็ต้องเป็นไปยถากรรมที่ท่านกำหนดเองไว้ และตามกฎหมายบ้านเมือง


จากใจทีมงาน

------------

วจีกรรม หมายถึง การกระทำทางวาจาคือทำกรรมด้วยวาจา ด้วยคำพูด ไม่ว่าจะทำกรรมชั่วหรือกรรมดี จัดเป็นวจีกรรมเหมือนกัน

วจีกรรมทางชั่ว มี 4 อย่าง คือ พูด เท็จ พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าวจีทุจริต

วจีกรรมทางดี มี 4 อย่าง คือ ไม่พูดเท็จ ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดเพ้อเจ้อ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วจีสุจริต

 

555 ไอนี่แหละตัวขวางบุญ

 

การจะเข้าถึงพระธรรม ต้องเป็นผู้มีสมาธิสูง ฝึกมาดีแล้ว ใกล้ถึงพระโสดาบันแล้ว จึงจะมีสิทธิได้ฟังธรรม ไม่เช่นนั้น หากเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีสมาธิ ไม่มีสติดีพอ แต่มีศรัทธาอยากฟังธรรม ไม่มีสิทธิฟังหรือครับ?

 

ถ้าบอกน้องหญิง กลุ่มนั้นดีๆๆ บอกแบบคนที่เขาไปทำบุญนะครับ จะดีมากครับ
จริงๆแล้ว คนที่สวดในโบสถ์และหลวงพ่อสวดท่านน่าจะสวดออกไมล์นะ ผมว่าไม่น่าจะเบานะ แถมคนสวดเยอะด้วย เสียงน่าจะดังกว่าน้องหญิงไม่กี่คนนะ พี่เฮีย.... ที่สำคัญน้องหญิงกลุ่มนั้นเขาอยู่นอกโบสถ์ด้วยนะ ที่สำคัญน้องหญิงกลุ่มนั้นเขาก็ไม่ได้บันเทิงอะไรด้วยนิ พี่เฮีย..เป็นไรมากป่าวครับ งง.จัง

ครับ โบสถ์เอาไว้สวดมนต์ แต่คงไม่มีใครเข้าไปนั่งคุยกันคุยโทรศัพท์ในโบสถ์หรอกพี่เฮีย...

ก็ไม่เรียกว่าขวางบุญงัยพี่เฮีย.....
ถ้าน้องหญิงกลุ่มนั้นเอามืดปิดปากพี่เฮีย....นั้นล่ะเรียกว่าขวางบุญนะครับ

 

ครับ ก็ไม่ต่างกันมากหรอก ใครจะรู้จักนะ
ผมเองก็แค่บอกว่าน่าจะบอกน้องเขาดีๆๆ ก็เท่านั้นเอง ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไรท่านนิ เรื่องหมองใจนั้น ก็แล้วแต่ท่านนิ ไม่เกี่ยวกับผม
อีกอย่างท่านถามเองว่าผิด ไหม..?? ผมก็ตอบให้งัยว่า ผิด
ถ้าคิดว่าไม่ผิด จะมาตั้งกระทู้ถามทำไม งง....!!!

 

ลองอ่านดูใหม่นะ ว่า.....ว่าน้องเขายังงัย เขาถึงร้องไห้นะ ดีนะน้องเขาไม่แจ้งฯความจับนะ บุญแค่ไหนแล้วที่น้องเขาแค่ร้องไห้นะ
จะทำกิริยา ร้อยครั้งก็ต้องทำ ต้องบอกดีๆๆ เพราะไปทำบุญ ไม่ใช่ไปก่อบาปข้างโบส์
อีกอย่างไม่ได้ว่าท่านด้วย แค่อธิบาย จะหมองใจก็ตามใจท่าน เห็นไหม...? ล่ะท่าน ขนาดผมพิมพ์แค่นี้ ท่านยังเคือง ถ้ามีคนว่าท่านจนต้องร้องไห้แบบน้องคนนั้นละ ...... เหอะๆๆ
ลูกผู้ชายเขาไม่คำพูดแบบนั้นกัน หรอก ท่าน ...!!!!

 

ไม่ทราบครับ ว่าสวดทำไม....สวดแล้วได้อะไร...!!!
แต่ถ้าสวดแล้ว จิตใจไม่สูงขึ้น ไม่มีเมตตาต่อกัน ยังมีโทสะ ก็อย่าสวดเลยครับ

 

ไม่เกี่ยวกับฝึกหรอกครับ
แต่เราต้องมีสติ นึกอยู่ตลอดเวลา ว่าทำอะไรอยู่

 

กราบอนุโมทนาด้วยครับ

 

กราบ อนุโมทนาด้วยนะครับ

 

เสียงแค่นั้นละ ถ้าเทียบกับเสียงในโบสถ์ เทียบกันไม่ติดหรอกครับ
ต้องถามตัวเองแล้วล่ะว่ามี สติ วางเฉยต่อสิ่งแวดล้อมได้มากแค่ไหน
ถ้าไม่มีความอดทนอดกลั้น ก็อย่าไปสวดเลยครับ อายน้องหญิงกลุ่มนั้นนะ อิอิ

 

กราบ อนุโมทนาด้วยนะครับ

 

<TABLE id=post6104698 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>วันนี้, 05:33 AM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#
แสดงกระทู้ - การขวางบุญผู้อื่น • ลานธรรมจักร



</TD></TR></TBODY></TABLE>
เสียงคุย,เสียงโทรศัพท์ เขาไม่เรียกว่าขวางบุญครับ ลองไปหาคำแปลดูใหม่นะครับ<!-- google_ad_section_end -->




.................

มาด้วยเสียงโวกเวกโวยวาย


ไม่เรียกว่า ขวางบุญ

แล้วเสียงโวกเวกโวยวาย เขาเรียกว่าอะไรครับ ?
ท่านJ47 ช่วยหาคำมาให้ผมเข้าใจสักหน่อยซิครับ


</TD></TR><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-LEFT: rgb(255,255,255) 1px solid; BORDER-TOP: rgb(255,255,255) 0px solid; BORDER-RIGHT: rgb(255,255,255) 1px solid" class=alt2> <SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("6095890")</SCRIPT> </TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD></TR></TBODY></TABLE>
เสียงแค่นั้นละ ถ้าเทียบกับเสียงในโบสถ์ เทียบกันไม่ติดหรอกครับ
ต้องถามตัวเองแล้วล่ะว่ามี สติ วางเฉยต่อสิ่งแวดล้อมได้มากแค่ไหน
ถ้าไม่มีความอดทนอดกลั้น ก็อย่าไปสวดเลยครับ อายน้องหญิงกลุ่มนั้นนะ อิอิ<!-- google_ad_section_end -->


</TD></TR></TBODY></TABLE>


โอเค ... ครับ ผมพอจะเข้าใจคุณแล้ว


เดี๋ยวต้องเชิญสาวไปคุยกันในโบสถ์ในวิหาร เวลาที่พระสงฆ์ อุบาสกอุบาสิกา ท่านทำวัตรเช้า-วัตรเย็น ใครสติแตกแสดงว่าไม่มีสมาธิเอง


สาว ๆ กลุ่มนั้นคุยอะไรก็เรื่องของเขา คนในโบสถ์สวดมนต์ไม่มีสมาธิเอง 555+



.

 

^ - ^(kiss):z2(f)

 

เอาเป็นว่า ท่านฟังสวดไม่ได้ยิน (ถ้าได้ยินแล้วท่านเข้าใจหรือเปล่าครับ) ใช่ปะครับ
กิเลสท่านก็เลย ไปฟังน้องๆ สนทนากัน แล้วท่านก็ขันติไว้ แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน

ผมอธิบาย ตามความคิดผมนะครับ ถ้าทนฟังไม่ได้ก็ให้ลุกไปครับ ผมใช้บ่อย เพราะเราสติ(ผู้รู้)ยังอ่อนอยู่ เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปว่าคนอื่นเพราะเรายังไม่ดีพอครับ

สวดมนต์หลายท่านว่าเป็นการเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า การจะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าต้องรู้ความหมาย นะครับ อย่าสักว่าแต่สวดนะครับ อุปมาเหมือนเราฟังภาษาจีน ก็ท่องไปส่งเดช ไม่ได้อรรถและพยัญชนะ จะไปมีความหมายอะไร ใครฟังก็ไม่เข้าใจ

แล้วๆ ก็แล้วไป อย่าเอากับมาคิด ถ้ากลับมาคิดก็แผ่เมตตาให้น้องๆ ไป

หายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่าหายใจออกยาว
หายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่าหายใจเข้ายาว รู้แล้วปล่อย รู้เฉยๆ ไปเรื่อยๆ อย่าไปยึดว่าเรารู้

 

อุเบกขาธรรม การปล่อยวาง ถ้าทนไม่ไหว ก็เลือกเดินหนีไป เรียนท่าน จขกท ดิฉันเป็นกำลังใจให้ค่ะ คนเราทุกคนผิดพลาดได้ บทเรียนแห่งความผิดพลาดซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจนั้นแหละ จะเป็นดั่งครูผู้สอน ให้เราได้จดจำได้ว่า สิ่งนั้นๆ จะไม่พึงกระทำอีก ทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา การให้อภัยต่อผู้ที่รู้สำรวมน้อยกว่า นั้นเป็นแบบอย่างที่ดี มีเมตตาต่อเขาเถิด บางทีเขาอาจไม่มีจิตสำนึกในการเข้าวัดที่ดีพอ ซึ่งเราควรแนะนำด้วยจิตเมตตาเื้อื้อเฟื้อ ถ้าเขาไม่ใส่ใจในสิ่งที่เราบอกกล่าวแล้วนั้น เราก็เดินหนีไปเสีย เลี่ยงการก่อเวรด้วยเหตุทั้งปวง การต่อว่าผู้อื่นเป็นเวร ท่าน จขกท ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ไว้นะคะ ว่าเราจะไม่เป็นผู้ก่อเวรต่อใคร ไม่ว่าจะเป็นทางกายกรรม วจีกรรม และ มโนกรรม เป็นกำลังใจให้ค่ะ ตอนนี้ขอให้คุณทำใจให้สบายๆ เหมือนเก่า เพราะเรื่องราวนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว และจะไม่มีอีก ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด

 

สีม่วงวรรคแรก ประเด็นไม่ใช่อยู่ที่รู้ความหมายของการสวดมนต์ข้ามปีหรอกครับ แต่ประเด็นอยู่ที่สวดแล้วทำให้เราจิตใจสูงขึ้นใหม่..!! ทำให้เราใจเย็นไหม.!! มีสติไหม แล้วได้อะไรบ้างจากการสวดมนต์ข้ามปี The END

สีม่วงวรรคสอง ก็สองชวนน้องหญิงกลุ่มนั้นเข้าไปดูสิครับ เผื่อน้องๆๆ จะไม่โวกเวกโวยวาย
อีกอย่างไม่ต้องเข้าใจผมหรอก เข้าใจตัวเองเถอะครับพี่เฮีย..!!