พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    นี่ครับเรื่องจริง





    ------------------------------------------

    ญี่ปุ่นระทึก! เกิดแผ่นดินไหว 7.0 ริกเตอร์

    [​IMG]

    ญี่ปุ่นระทึก แผ่นดินไหว 7.0 ริกเตอร์ (ไอเอ็นเอ็น)

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.0 ริกเตอร์ ที่ญี่ปุ่น เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย

    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น รายงานว่า เมื่อเวลา 14.28 น. วันที่ 1 มกราคม ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลาไทยคือ 12.28 น. ได้เกิดแผ่นดินไหว วัดความรุนแรงได้ระดับ 7.0 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ในระดับความลึกราว 370 กิโลเมตร ใกล้กับเกาะโตริชิมา ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางใต้ 560 กิโลเมตร ส่งผลทำให้อาคารหลายแห่ง ในกรุงโตเกียว ได้รับแรงสั่นสะเทือน

    เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย หรือมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ แต่อย่างใด



    ที่มา ไอ.เอ็น.เอ็น.
    [​IMG]


    .

    -http://hilight.kapook.com/view/66105-


    .
     
  2. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ตอนนี้ เท่าที่ไปพบ ไปเห็น ไปเจอ

    พระเครื่องที่หลายๆคน บอกเป็นพระวังหน้า

    เก๊เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    มีมากมายหลายพิมพ์ มากมายหลายรุ่นนนนนนนนนนนนนนนนนนน

    ที่สำคัญ มีที่เป็นบาตรน้ำมนต์ก็ดี กระถางต่างๆก็ดี หรือ แบบอื่นๆ ที่สร้างด้วยปูน

    ปลอมทุกประเภท

    ส่วนเครื่องราง เ่ช่น ปะคำ นี่ก็ปลอมเยอะ

    มีเรื่องเล่าให้อ่านกัน

    มีคนที่คิดว่า ตนเองรู้จริง นำพระวังหน้าเก๊ นำไปให้หลายๆคนได้ชม คุยเป็นเรื่องเป็นราวว่า รุ่นนี้เป็นอย่างนี้ รุ่นนั้นเป็นอย่างนั้น รุ่นโน้นเป็นอย่างโน้น รุ่นนู๊นเป็นอย่างนู๊น หารู้ไม่ว่า เอาของเก๊ไปโชว์ อยากจะบอกว่า เก๊ทั้งกล่องครับ

    เพราะฉะนั้น อยากให้ทราบไว้เป็นอุทาหรณ์ว่า หากไม่รู้จริง ไม่ทราบจริง อย่าไปโม้ว่า ตัวเองเก่ง

    กลับมาที่ตัวผมเอง ผมประกาศให้ทราบว่า ผมเองไม่เก่ง มีความรู้เพียงแค่ 1% ขององค์ความรู้ครูบาอาจารย์ผม ผมบอกในกระทู้พระวังหน้าฯ หลายครั้งหลายหนแล้วครับ

    .
     
  3. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ปภ.แนะวิธีขับรถผ่านเส้นทาง ที่มีหมอกหนาช่วงฤดูหนาว


    ปภ.แนะวิธีขับรถผ่านเส้นทาง ที่มีหมอกหนาช่วงฤดูหนาว (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย)

    กรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย เตือนขับรถผ่านเส้นทางหมอกลงจัด เสี่ยงอุบัติเหตุทางถนนสูงกว่าปกติ พร้อมแนะผู้ขับขี่เปิดสัญญาณไฟ และไฟตัดหมอก จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น ไม่ขับรถด้วยความเร็วสูง เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ ไม่แซง ไม่เปลี่ยนช่องทางหรือหยุดกะทันหัน หลีกเลี่ยงการขับรถจี้ท้ายรถ คันหน้า

    นาย วิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า ช่วงฤดูหนาวมักมีหมอกปกคลุมหนาแน่นในช่วงเช้า ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ดี ส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ขอแนะวิธีขับขี่รถผ่านเส้นทางที่มีหมอกควันปกคลุมเส้นทางอย่างปลอดภัย ดังนี้ ...

    [​IMG] เปิดสัญญาณไฟหน้ารถและไฟตัดหมอก จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น และผู้ร่วมใช้เส้นทางรายอื่นมองเห็นรถเราได้ ในระยะไกล

    [​IMG] ห้ามเปิดใช้สัญญาณไฟสูง เพราะแสงไฟจะสะท้อนเข้าตาผู้ขับขี่รายอื่น ทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

    [​IMG] เพิ่มความระมัดระวังในการขับรถเป็นพิเศษ ไม่ขับรถด้วยความเร็วสูง เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ

    [​IMG] ไม่แซง ไม่เปลี่ยนช่องทางหรือหยุดรถกะทันหัน

    [​IMG] หลีกเลี่ยงการขับรถจี้ท้ายรถคันหน้า จะได้มีเวลาและระยะเบรกที่ปลอดภัยหากเกิดเหตุฉุกเฉิน

    [​IMG] ไม่ขับรถชิดหรือทับเส้นกลางถนน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในลักษณะเฉี่ยวชนหรือประสานงา

    [​IMG] กรณีมีละอองฝ้าเกาะกระจกรถ ให้เปิดที่ปัดน้ำฝน พร้อมทั้งใช้ผ้าแห้งเช็ดกระจก ปรับลดอุณหภูมิในรถให้ต่ำกว่านอกรถ ลดระดับกระจกหน้าต่างลง จะช่วยไล่ละอองน้ำที่เกาะตามกระจากรถให้จางหายไปเร็วขึ้น

    [​IMG] กรณีที่ทัศนวิสัยไม่ดีจนมองไม่เห็นเส้นทาง ให้หาที่จอดรถริมข้างทางในบริเวณที่ปลอดภัย เช่น ที่พักริมทาง สถานีบริการน้ำมัน และรอจนกว่าหมอกเบาบางลงค่อยเดินทางต่อไป

    [​IMG] หากไม่สามารถหาที่จอดรถบริเวณที่ปลอดภัยได้ ให้จอดรถบนไหล่ทางชิดริมขอบถนนมากที่สุด พร้อมเปิดสัญญาณไฟ และนำวัสดุหรือป้ายสะท้อนแสงมาตั้งด้านหลังรถในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร เพื่อเตือนให้ผู้ใช้เส้นทางรายอื่นมองเห็นได้ในระยะไกล

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]


    -http://www.disaster.go.th/-

    -http://travel.kapook.com/view35423.html-



    .
     
  4. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    โฟกัส‘อาชีพ’ปีใหม่ 2555รู้ไว้ใช่ว่า..อะไรด้อย-อะไรเด่น ??

    วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม 2555 เวลา 00:00 น.
    [​IMG]
    <!-- /.images-list-items -->
    <!-- /.images-list-container -->
    <!-- /.images-list-wrapper -->

    <!-- /.featured-img -->หน้า “ช่องทางทำกิน” อาทิตย์ที่ 1 ม.ค. 2555 นี้ เป็นการนำเสนอในรูปแบบหน้าพิเศษรับปีใหม่ โดยวันนี้ทางทีมงานจะนำเสนอ “อาชีพเด่น-อาชีพด้อย” ในปีใหม่นี้ จากมุมมองของ ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาเอก สาขาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยรายละเอียดนั้น มีดังนี้.....
    .................................
    ปี 2555 นี้ ดร.ภูษิต ระบุว่า... ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศไทยคงไม่ดีมากนัก จาก 2 ปัจจัยคือ พิษน้ำท่วม ธุรกิจรายย่อยเสียหายค่อนข้างเยอะ ทั้งที่ถูกน้ำท่วมและไม่ถูกน้ำท่วม ในกรณีที่ถูกน้ำท่วม อุปกรณ์ทำมาหากิน อาทิ รถเข็น ร้านค้า ฯลฯ เสียหาย ซึ่งทุกคนก็พยายามจะกลับมาทำมาหากินเหมือนเดิม โดยอาจต้องพึ่งพาหาเงินกู้ ซึ่งแนะนำว่าอย่ากู้มาใช้เยอะมาก และควรจะหาเงินกู้ในระบบ อีกปัจจัยคือ เศรษฐกิจในต่างประเทศไม่ดี ก็กระทบต่อเศรษฐกิจไทยด้วย
    อย่างไรก็ตาม ดร.ภูษิต บอกว่า... จากการที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ก็ทำให้มีช่องทางอาชีพต่าง ๆ เยอะขึ้น โดยเฉพาะ อาชีพช่างทุกด้าน จะเป็นดาวรุ่ง ทำเงินได้ดี ไม่ว่าจะเป็นรับเหมาก่อสร้าง ช่างไม้ ช่างปูน ช่างประปา ช่างเฟอร์นิเจอร์ ช่างไฟฟ้า ช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ซึ่งอาชีพเหล่านี้เชื่อได้ว่าจะดียาวตลอดทั้งปี รวมทั้ง อาชีพแม่บ้านทำความสะอาด, อาชีพรับจัดสวน และ อาชีพขายต้นไม้และอุปกรณ์ ขายดิน ปุ๋ย ระบบน้ำ หญ้า สำหรับจัดสวน
    อาชีพขายเฟอร์นิเจอร์ ก็รับรองว่ากลับมาดีแน่นอน, อาชีพขายอุปกรณ์ก่อสร้าง อิฐ หิน ดิน ทราย ก็จะดี จากการที่คนต้องซ่อมบ้าน หรือปรับปรุงพื้นที่บ้านเพื่อหนีน้ำ, อาชีพขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ก็จะทำเงินดี เพราะทุกบ้านที่น้ำท่วมก็ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ เช่น ปลั๊กไฟ ต้องเดินสายไฟฟ้าใหม่ หรือต้องเพิ่มสายไฟ, อาชีพขายเคมีภัณฑ์-อุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน มาแรงแน่นอน รวมถึง อาชีพซ่อมรถ ดูแลบำรุงรักษารถ ก็จะกลับมาบูม
    สำหรับอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจท่องเที่ยว ในภาคการท่องเที่ยวนี้ ดร.ภูษิตแจงว่า มี 2 ประเด็นคือ อาจจะไม่ดี และอาจจะดีก็ได้ โดยในแง่ที่อาจจะดีนั้น ก็เพราะคนเครียด เบื่อ ทรมาน จากน้ำท่วมที่ผ่านมา ประกอบกับปีนี้อากาศหนาวเย็น คนอาจจะอยากเที่ยวกันมาก ซึ่งอาชีพขายอุปกรณ์แคมปิ้ง เต๊นท์ อุปกรณ์เดินป่า ฯลฯ ก็อาจจะโตขึ้นได้

    อีกอาชีพหนึ่งที่จะกลับมาคือ อาชีพเกี่ยวกับการรีไซเคิล ซึ่งต้องใช้ความรู้ในการแยกขยะ โดยหลังน้ำท่วมมีวัตถุดิบที่เป็นขยะเยอะมาก แต่เพราะมีขยะสกปรกมีเชื้อโรค ก็ต้องใช้ความรู้แยะขยะสำคัญกลับมารีไซเคิล

    อาชีพค้าขายอาหาร ปีที่แล้วก็บูมมาก และปี 2555 นี้ คาดว่าร้านค้าขายอาหารขนาดเล็กและกลางจะดี คนที่เคยทานอาหารนอกบ้านแบบร้านอาหารใหญ่หรือร้านในห้าง น่าจะกลับมาทานตามร้านขนาดเล็กขนาดกลางมากขึ้น เพราะจากน้ำท่วมทำให้คนต้องประหยัดมากขึ้น ดังนั้นจึงน่าจะเป็นโอกาสทองของอาชีพขายอาหารขนาดเล็กและกลางดร.ภูษิต ระบุต่อไปว่า... อาชีพค้าขายซึ่งจะเป็นดาวรุ่งนั้น นอกจากค้าขายอาหารแล้ว ก็ยังรวมการค้าขายอื่น ๆ อีกด้วย ไมว่าจะเป็น อาชีพขายเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องตกแต่งร่างกายต่าง ๆ อาทิ นาฬิกา แว่นตา ของกระจุกกระจิกประเภทกิ๊ฟท์ช็อป ตุ๊กตา เครื่องเรือน และน่าจะรวมถึงการขาย ผลไม้ แต่เน้นการค้าขายกลุ่มสินค้าที่เป็น สินค้าจากประเทศจีน ที่น่าจับตา ซึ่งหลาย ๆ อย่างกำลังเข้ามาตีตลาดในเมืองไทยมากมาย ซึ่งสินค้าจีนมีราคาถูก และคนไทยก็เริ่มค้าขายสินค้าจีนกันเป็นมากขึ้น เริ่มเดินทางไปจีนไปหาของไปซื้อของมาขาย ทั้งนี้ อาชีพค้าขายตามตลาดนัด ตามพื้นที่ว่าง พื้นที่ให้เช่า ในปี 2555 นี้ก็เชื่อว่าจะบูมค่อนข้างแน่นอน

    อีกอาชีพที่มาแน่คือ อาชีพเกี่ยวกับไอที ทั้งกล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค–แท็บเล็ต รวมถึงอุปกรณ์ประกอบต่าง ๆ จะโต จะเกิดการค้าขายอุปกรณ์เหล่านี้มาก ซึ่งทุกห้างไม่ว่าจะเป็นห้างธรรมดายันห้างไฮโซ ต่างก็เปิดพื้นที่สำหรับแผนกไอที และ อาชีพช่างเกี่ยวกับไอที ก็จะดี ไม่ว่าจะเป็นรับทำเรื่องแอพพลิเคชั่นต่าง ๆ อาทิ แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว แผนที่ โปรแกรมเกมบนมือถือ เหล่านี้จะได้รับอานิสงส์ด้วย เพราะต่อไปคนไทยจะโซเซียลกันมากขึ้น
    อาชีพค้าขายผ่านอินเทอร์เน็ต ก็จะได้รับความนิยมมากขึ้น เป็นการขายของแบบไม่ต้องมีหน้าร้าน เป็นอาชีพของคนยุคใหม่ โดยเด็กรุ่นใหม่ ๆ จะมีช่องทางทำมาหากินมากขึ้น ถ้าคนรุ่นเก่า ๆ ไม่ปรับตัวก็จะอยู่ยากมากขึ้น
    สำหรับ อาชีพเกษตรกรรม อาชีพปศุสัตว์ ดร.ภูษิตมองว่า... ก็อาจจะบูมในปีนี้ เนื่องจากจะมีคนตกงานจากน้ำท่วมกลับไปอยู่ต่างจังหวัดมากขึ้น ก็จะกลับไปทำมาหากินด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ ปลูกข้าว ปลูกผัก เลี้ยงไก่ ฯลฯ ซึ่งจากเหตุน้ำท่วมทำให้อาหารขาดแคลน อาชีพด้านนี้ก็น่าจะดี แต่ก็ต้องระวังภัยแล้งให้ดี ต้องดูเรื่องระบบชลประทานดี ๆทั้งนี้ ปิดท้าย ทางผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาเอก สาขาการจัดการ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย บอกว่า... ในส่วนของอาชีพที่อาจเป็นอาชีพดาวร่วงในปี 2555 นี้ ก็ได้แก่ อาชีพในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว จะลำบาก ยิ่งอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมก็จะยิ่งลำบากมาก รวมถึงอาชีพค้าขายชิ้นส่วนยานยนต์ ที่อาจสะดุด เนื่องจากเกิดการช็อตทางการผลิต เกิดขาดแคลน แต่ในทางกลับกัน อาชีพค้าขายชิ้นส่วนรถยนต์ของเก่าประเภทเชียงกง น่าจะขายดี เพราะคนจะไม่ซื้อของแพง ในขณะที่อาชีพค้าขายรถมือสองอาจมีปัญหา เนื่องจากคนอาจกลัวมีปัญหาได้รถถูกน้ำท่วม
    อาชีพผลิตเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เครื่องหนัง สินค้าที่ประเทศจีนผลิตได้ จะต้องระวัง เพราะสินค้าจีนจะเข้ามาตีตลาดแข่ง รวมทั้งอาชีพค้าขายสินค้าฟุ่มเฟือยก็อาจจะฟุบได้ เพราะคนจะไม่นิยมซื้อของแพงไปอีกสักระยะหนึ่ง
    .................................
    ทั้งหมดนี้ก็เป็นภาพสะท้อน “อาชีพเด่น-อาชีพด้อย” ในปีใหม่ 2555 นี้ ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” นำมาให้ลองพิจารณากัน อย่างไรก็ตาม ที่สุดแล้วก็ย่อมสุดแท้แต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล จะเชื่อ-ไม่เชื่อย่อมสุดแท้แต่
    ที่สำคัญก็คือ... “รู้ไว้ใช่ว่า อย่าประมาท !!”
    ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์
     
  5. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    1 มกราคม วันขึ้นปีใหม่



    เรียบเรียงโดยกระปุกดอทคอม
    ภาพประกอบจาก glitter.kapook.com

    [​IMG]


    เผลอแป๊บเดียว …ปีใหม่ หรือ วันขึ้นปีใหม่ก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง หลาย ๆ คนคงชอบที่จะได้หยุดหลาย ๆ วัน ว่าแต่ที่หยุดและฉลองปีใหม่กันอยู่ทุกปีเนี่ย รู้หรือเปล่าว่ามันมีที่มาอย่างไร ถ้าไม่รู้ต้องลองอ่านนี่เลย

    [​IMG]ความหมายของวันขึ้นปีใหม่

    ตามความหมายในพจนานุกรมให้ความหมายคำว่า "ปี" หมายถึง เวลาชั่วโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ครั้งหนึ่งราว 365 วัน หรือ เวลา 12 เดือนตามสุริยคติ ดังนั้น "ปีใหม่" จึงหมายถึง การขึ้นรอบใหม่หลังจาก 12 เดือน หรือ 1 ปี

    [​IMG]ความเป็นมาของ วันขึ้นปีใหม่

    วันขึ้นปีใหม่ มีประวัติความเป็นมาซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยตามความเหมาะสม ตั้งแต่ในสมัยเริ่มแรกเมื่อชาวบาบิโลเนีย เริ่มคิดค้นการใช้ปฏิทินโดยอาศัยระยะต่าง ๆ ของดวงจันทร์เป็นหลักในการนับ เมื่อครบ 12 เดือน ก็กำหนดว่าเป็น 1 ปี และเพื่อให้เกิดความพอดีระหว่างการนับปีตามปฏิทินกับปีตามฤดูกาล จึงได้เพิ่มเดือนเข้าไปอีก 1 เดือน เป็น 13 เดือนในทุก ๆ 4 ปี

    ต่อมาชาวอียิปต์ กรีก และชาวเซมิติค ได้นำการปฏิบัติของชาวบาบิโลเนียมาดัดแปลงแก้ไขอีกหลายคราวเพื่อให้ตรงกับ ฤดูกาลมากยิ่งขึ้น จนถึงสมัยของ กษัตริย์จูเลียต ซีซาร์ (ประมาณ 46 ปี ก่อนคริสต์ศักราช) ได้นำความคิดของนักดาราศาสตร์ชาวอียิปต์ชื่อโยซิเยนิส มาปรับปรุงให้หนึ่งปีมี 365 วัน โดยทุก ๆ 4 ปี ให้เติมเดือนที่มี 28 วัน เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน เป็น 29 วัน คือเดือนกุมภาพันธ์ เรียกว่า อธิกสุรทิน เมื่อเพิ่มให้เดือนกุมภาพันธ์มี 29 วัน ให้ทุกๆ 4 ปี แต่วันในปฏิทินก็ยังไม่ค่อยตรงกับฤดูกาลนัก คือเวลาในปฏิทินยาวกว่าปีตามฤดูกาล เป็นเหตุให้ฤดูกาลมาถึงก่อนวันในปฏิทิน

    และในวันที่ 21 มีนาคม ตามปีปฏิทินของทุก ๆ ปี จะเป็นช่วงที่มีเวลากลางวันและกลางคืนเท่ากัน คือเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นตรงทิศตะวันออก และลับลงตามทิศตะวันตก วันนี้ทั่วโลกจึงมีช่วงเวลาเท่ากับ 12 ชั่วโมงเท่ากัน เรียกว่า วันทิวาราตรีเสมอภาคมีนาคม (Equinox in March)

    แต่ในปี พ.ศ. 2125 วัน Equinox in March กลับไปเกิดขึ้นในวันที่ 11 มีนาคม แทนที่จะเป็นวันที่ 21 มีนาคม ดัง นั้นพระสันตะปาปาเกรกอรี่ที่ 13 จึงทำการปรับปรุงแก้ไขหักวันออกไป 10 วัน จากปีปฏิทิน และให้วันหลังจากวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2125 แทนที่จะเป็นวันที่ 5 ตุลาคม ก็ให้เปลี่ยนเป็นวันที่ 15 ตุลาคมแทน (ใช้เฉพาะในปี พ.ศ. 2125) ปฏิทินแบบใหม่นี้จึงเรียกว่าปฏิทินเกรกอเรี่ยน จากนั้นได้ปรับปรุงประกาศใช้ วันที่ 1 มกราคม เป็นวันเริ่มต้นของปีเป็นต้นมา

    [​IMG]ความเป็นมาวันปีใหม่ในประเทศไทย

    สำหรับวันปีใหม่ในประเทศไทยนั้น แต่ เดิมเราถือเอาวันแรม 1 ค่ำเดือนอ้าย ซึ่งตรงกับเดือนมกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับคติแห่งพระพุทธศาสนา ที่ถือช่วงเหมันต์หรือหน้าหนาวเป็นการเริ่มต้นปี ต่อมาได้เปลี่ยนแปลงไปตามคติพราหมณ์ คือถือเอาวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งตรงกับวันสงกรานต์ ดังนั้นในสมัยโบราณเราจึงถือเอาวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย

    แต่การนับวันปีใหม่หรือวันสงกรานต์ตามวันทางจันทรคติ เมื่อเทียบกับวันทางสุริยคติ ย่อมคลาดเคลื่อนกันไปในแต่ละปี ดังนั้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปี พ.ศ.2432 (ร.ศ.108) ซึ่งตรงกับวันที่ 1 เมษายน พระบาทสมเด็จพระจุล จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงให้ถือเอาวันที่ 1 เมษายนเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยนับแต่นั้นมา เพื่อวันปีใหม่จะได้ตรงกันทุกปีเมื่อนับทางสุริยคติ (แม้ว่าวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ปีต่อๆ มาจะไม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน แล้วก็ตาม) ดังนั้นจึงถือเอาเดือนเมษายนเป็นเดือนแรกของปีนับแต่นั้นมา อย่างไรก็ดีประชาชนส่วนใหญ่โดยเฉพาะตามชนบทยังคงยึดถือเอาวันสงกรานต์เป็น วันขึ้นปีใหม่อยู่

    ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมาเป็นระบอบประชาธิปไตย ทางราชการจึงเห็นว่าวันขึ้นปีใหม่วันที่ 1 เมษายน มักจะไม่มีงานรื่นเริงอะไรมากนักและเห็นสมควรที่จะฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ จึงได้ประกาศให้มีงานรื่นเริงวันขึ้นปีใหม่ในวันที่ 1 เมษายน 2477 ขึ้นในกรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก จนแพร่หลายออกไปต่างจังหวัดในปีต่อ ๆ มา โดยในปี พ.ศ. 2479 ก็ได้มีการจัดงานปีใหม่ทั่วทุกจังหวัด มีชื่อทางราชการ "วันตรุษสงกรานต์"


    [​IMG]
    [​IMG]เหตุผลเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่จาก 1 เมษายน เป็น 1 มกราคม

    ต่อมาก็ได้มีการพิจารณาเปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาโดยมี หลวงวิจิตรวาทการ เป็นประธานคณะกรรมการ และที่ประชุม ก็ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้เปลี่ยนวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2484 ในวันที่ 24 ธันวาคม ในสมัยคณะรัฐบาลของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยเหตุผลสำคัญก็คือ

    [​IMG] เป็นการไม่ขัดกับหลักพุทธศาสนาในด้านการนับวัน เดือน และการร่วมฉลองปีใหม่ด้วยการทำบุญ

    [​IMG] เป็นการเลิกวิธีนำเอาลัทธิพราหมณ์มาคร่อมศาสนาพุทธ

    [​IMG] ทำให้เข้าสู่ระดับสากลที่ใช้อยู่ในประเทศทั่วโลก

    [​IMG] เป็นการฟื้นฟูวัฒนธรรม คตินิยม และจารีตประเพณีของชาติไทย

    ตั้งแต่นั้นมา วันขึ้นปีใหม่ของไทยจึงตรงกับวันที่ 1 มกราคมของทุกปี เหมือนดังเช่นวันขึ้นปีใหม่ของประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

    [​IMG]เพลงวันปีใหม่

    แน่นอนว่า เพลงที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ ก็คือ "เพลงพรปีใหม่" ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ลำดับที่ 13 ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ.2494 เมื่อครั้งเสด็จนิวัตพระนครและประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต โดยมีพระราชประสงค์ให้เพลงนี้ เป็นพรปีใหม่ที่พระราชทานแก่พสกนิกรทุกหมู่เหล่า

    ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ นิพนธ์คำร้องเป็นคำอำนวยพรปีใหม่ แล้วพระราชทานแก่วงดนตรี 2 วง คือ วงดนตรีนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำออกบรรเลง ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และวงดนตรีสุนทราภรณ์ นำออกบรรเลง ณ ศาลาเฉลิมไทยเป็นครั้งแรกในวันปีใหม่ วันอังคารที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2495 โดยเพลงพรปีใหม่ มีเนื้อร้องดังนี้


    [​IMG]เพลงวันปีใหม่ (เพลงพรปีใหม่ เพลงพระราชนิพนธ์ในหลวง)

    ทำนอง: พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช
    คำร้อง: พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ

    สวัสดีวันปีใหม่พา ให้บรรดาเราท่านรื่นรมย์
    ฤกษ์ยามดีเปรมปรีดิ์ชื่นชม ต่างสุขสมนิยมยินดี
    ข้าวิงวอนขอพรจากฟ้า ให้บรรดาปวงท่านสุขศรี
    โปรดประทานพรโดยปรานี ให้ชาวไทยล้วนมีโชคชัย

    ให้บรรดาปวงท่านสุขสันต์ ทุกวันทุกคืนชื่นชมให้สมฤทัย
    ให้รุ่งเรืองในวันปีใหม่ ผองชาวไทยจงสวัสดี
    ตลอดปีจงมีสุขใจ ตลอดไปนับแต่บัดนี้
    ให้สิ้นทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ สวัสดีวันปีใหม่เทอญ

    [​IMG]ประวัติการส่ง ส.ค.ส.ในวันปีใหม่

    การส่ง ส.ค.ส หรือบัตรอวยพรนั้น ประเทศไทยรับวัฒนธรรมมาจากต่างประเทศ ซึ่งนิยมส่งบัตรอวยพรกันมาเป็นเวลากว่า 200 ปีแล้ว ตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 18 หรือตรงกับปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา บัตรอวยพรนี้ปรากฎในรูปแบบ "บัตรเยี่ยม" (Visiting Card) เป็นบัตรกระดาษขนาดเท่าไพ่ นิยมเขียนข้อความ หรือพิมพ์รูปภาพต่าง ๆ ลงไปเพื่อเยี่ยมเยียนกันในวันขึ้นปีใหม่ ต่อมาแพร่หลายไปในเทศกาลต่าง ๆ เช่น วาเลนไทน์ คริสต์มาส มีการส่งพิมพ์และส่งบัตรอวยพรกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น

    สำหรับในประเทศไทยนั้น เชื่อกันว่าบัตรอวยพรปีใหม่ที่เก่าแก่ที่สุด คือ บัตรอวยพรที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประดิษฐ์ขึ้น เมื่อ 120 กว่าปีก่อน โดยในรัชสมัยของพระองค์ เป็นยุคที่มีการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จึงมีการรับเอาขนบธรรมเนียมของตะวันตกมาด้วย

    ทั้งนี้การส่งบัตรอวยพรของพระองค์นั้น ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อใด แต่ได้ปรากฎสำเนาคำพระราชทานพรขึ้นปีใหม่ ในปี พ.ศ.2409 ของพระองค์ ในหนังสือพิมพ์บางกอกรีคอร์ดเดอร์ (ภาษาอังกฤษ) ฉบับวันที่ 13 มกราคม 2409 แปลได้ใจความว่า "ทรงขอส่งบัตรตีพิมพ์คำอวยพรนี้ถึงบรรดากงสุล เจ้าหน้าที่กงสุลต่าง ๆ และชาวต่างประเทศที่ทรงคุ้นเคยโดยทั่วถึงกัน" ต่อมาในช่วงต้นรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 ความนิยมการส่งบัตรอวยพรแพร่หลายอย่างมาก มีหลักฐานบัตรอวยพรประเภทต่างๆ ถูกเก็บรวบรวมไว้ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติเป็นจำนวนมาก โดยมักนิยมส่งกันในช่วงเดือนเมษายน ตามวันขึ้นปีใหม่เดิมที่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน และบนบัตรอวยพรเหล่านั้น ยังพบคำว่า "ส.ค.ศ" หรือ "ส.ค.ส" ปรากฎอยู่ จึงเชื่อกันว่า คำว่า "ส.ค.ส" เกิดขึ้นในรัชสมัยนี้ โดยย่อมาจากคำว่า "ส่งความศุข" หรือ "ส่งความสุข"

    หลังจากนั้น ส.ค.ส ก็เป็นสิ่งที่นิยมส่งให้กันในวันขึ้นปีใหม่ จนถึงปัจจุบันนี้ และ ส.ค.ส. ก็ได้เปลี่ยนรูปแบบไปมีการนำวัสดุต่าง ๆ มาประดิษฐ์ ตกแต่ง มีรูปแบบ ลวดลายหลากหลายมากขึ้น
    [​IMG]ส.ค.ส พระราชทาน

    ทุก ๆ ปี พสกนิกรจะเฝ้ารอการพระราชทานพรปีใหม่ จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ผ่าน ส.ค.ส พระราชทานซึ่ง ส.ค.ส พระราชทานนี้ พระองค์จะทรงประดิษฐ์ขึ้นเอง เพื่อพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ โดยปี แรกที่พระองค์พระราชทาน ส.ค.ส คือ ปี ส.ค.ส พระราชทานสำหรับปี พ.ศ.2530 โดยทรงพิมพ์ออกจากคอมพิวเตอร์ และแฟกซ์พระราชทานให้แก่หน่วยงาน และเจ้าหน้าที่ผู้ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท โดยทรงใช้รหัสแทนพระองค์ว่า กส. 9 เช่นเดียวกับที่ทรงใช้ติดต่อทางวิทยุสื่อสาร

    [​IMG]
    ส.ค.ส.พระราชทาน ปี พ.ศ.2530
    นับแต่นั้นมา พระองค์ได้พระราชทาน ส.ค.ส ทุกปี และหนังสือพิมพ์ได้นำ ส.ค.ส พระราชทานไปตีพิมพ์ เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน ส.ค.ส พระราชทานนั้นได้ยกเว้นไปในปีใหม่ พ.ศ. 2548 ที่พระองค์ไม่ได้พระราชทาน ส.ค.ส เนื่องจากในช่วงปลายปี 2547 ได้เกิดเหตุการณ์คลื่นสึนามิซัดเข้าชายฝั่งทะเลอันดามันอย่างรุนแรง พระองค์จึงทรงงานหนัก เพื่อช่วยเหลือพสกนิกรที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ได้มีรับสั่งพระราชทานแทน

    ใน ส่วนของข้อความที่ปรากฎบน ส.ค.ส. พระราชทานนั้น ล้วนสอดคล้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์บ้านเมืองในปีนั้นๆ และแม้จะเป็นเพียง ถ้อยคำสั้น ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยข้อคิด และคติเตือนใจที่ส่งผ่านไปยังปวงชนชาวไทยทุกคน

    [​IMG]

    ส.ค.ส.พระราชทาน ปี พ.ศ.2547

    สำหรับรูปแบบของ ส.ค.ส พระราชทานนั้น ในยุคแรกเป็น ส.ค.ส.ไม่มีลวดลาย สีขาวดำ มีข้อความปรากฎสั้น ๆ ต่อมาจนถึงปี พ.ศ.2532 เริ่มมีลวดลายประดับประดา ส.ค.ส.มากขึ้น จนถึงในปี พ.ศ.2549 ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นภาพสี


    [​IMG]ส.ค.ส พระราชทานปีล่าสุด 2554

    [​IMG]


    ส.ค.ส.พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในปีพุทธศักราช 2554 นี้ เป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงฉลองพระองค์สากลสีครีมผ้าปักพระกระเป๋าเป็นผ้าลายริ้วสีเหลืองสลับเทา ฉลองพระองค์ชั้นในเป็นเชิ้ตขาว ทรงผูกเนกไทลายริ้วสีเหลืองสลับเทา ประทับบนพระเก้าอี้ ด้านข้าง พระเก้าอี้ที่ประทับทั้งสองข้างมีโต๊ะสูง โต๊ะด้านซ้ายวางแจกันแก้วก้านสูงปักดอกไม้หลากสี โต๊ะด้านขวาวางแจกันแก้วขนาดเล็กปักดอกไม้หลากสีเช่นกัน ทรงฉายกับสุนัขทรงเลี้ยง 2 สุนัข คือ คุณทองแดงที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2541 หมอบอยู่หน้าพระเก้าอี้ด้านขวาและคุณทองแท้ที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2542 หมอบอยู่หน้าพระเก้าอี้ด้านซ้าย

    ด้านหลังพระเก้าอี้ที่ประทับเป็นผ้าม่านสีเทาอ่อน มีแจกันดอกไม้ขนาดใหญ่ปักดอกกุหลาบและดอกไฮเดรนเยียหลากสีตั้งอยู่ 2 แจกัน แจกัน ด้านซ้ายมีตราพระมหาพิชัยมงกุฎประดับอยู่ ส่วนแจกันด้านขวามีผอบทองประดับอยู่ ถัดไปทางด้านหลังทั้งสองด้านมีกระถางไม้ประดับตั้งอยู่

    มุมบนด้านซ้ายมีตัวอักษรสีเหลือง ข้อความว่า ส.ค.ส.สวัสดีปีใหม่ 2554 มุมบนด้านขวามีข้อความภาษาอังกฤษ Happy New Year 2011

    ด้านล่างของ ส.ค.ส. มีข้อความเป็นตัวหนังสือพิมพ์ด้วยสีน้ำเงินว่า ขอจงมีความสุข ความเจริญ มุมล่างขวา มีข้อความ ก.ส.9 ปรุง 121923 ธ.ค.53 พิมพ์ที่โรงพิมพ์สุวรรณชาด ท.พรหมบุตร, ผู้พิมพ์โฆษณา Printed at the Suvarnnachad publishing, D Bramaputra, Publisher กรอบของ ส.ค.ส.พระราชทานฉบับนี้เป็นภาพใบหน้าคนเล็กๆเรียงกันด้านละ 3 แถว ทุกหน้ามีแต่รอยยิ้ม



    [​IMG]กิจกรรมวันขึ้นปีใหม่

    กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันขึ้นปีใหม่ คือ

    [​IMG] เก็บกวาดทำความสะอาด ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน

    [​IMG] ทำบุญตักบาตร กรวดนำอุทิศส่วนกุศลให้ญาติและผู้มีพระคุณที่ล่วงลับไปแล้ว

    [​IMG] ไปวัดเพื่อทำบุญ ถือศีล ปฏิบัติธรรม หรือฟังพระธรรมเทศนา ฯลฯ เพื่อให้จิตใจสดชื่นแจ่มใสเบิกบาน ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่

    [​IMG] ไปกราบขอพรจากผู้ใหญ่ และอวยพรเพื่อนฝูง ด้วยการมอบของขวัญ ช่อดอกไม้ หรือการ์ดอวยพร

    [​IMG] ตรวจ สอบตัวเองเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำมาตลอดปี ว่ามีความเจริญก้าวหน้าสำเร็จลุล่วงไปได้แค่ไหน หากมีสิ่งใดคั่งค้างก็ต้องเร่งขวนขวายปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องของตน ถ้าอยู่ในเกณฑ์ดีก็ให้ตั้งใจทำให้ดียิ่งๆ ขึ้นไป และควรให้อภัยกับผู้ที่มีเรื่องบาดหมางหรือขุ่นเคืองกัน เพื่อสานความสัมพันธ์ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยดี

    [​IMG] จัดงานรื่นเริงในหมู่เพื่อนฝูง ญาติพี่น้อง หรือสถานที่ต่าง ๆ

    [​IMG] จัดกิจกรรมร่วมนับถอยหลัง เพื่อก้าวสู่วันใหม่

    [​IMG] จัดกิจกรรมการกุศลตามสถานที่ต่าง ๆ


    [​IMG]


    เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นี้ Kapook.com ขอให้เพื่อน ๆ คิดดี ทำดี และพบเจอแต่สิ่งดี ๆ ตลอดปี ตลอดไป ขออวยชัยให้มีสุขสมหวัง มีพลังในการต่อสู้ ขอให้มีความสุขกาย สบายใจ ปราศจากทุกข์โศก โรคภัยทั้งหลายทั้งปวง ... Happy Happy ตลอดไปค่ะ




    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]

    - banfun.com
    - bmaeducation.in.th
    - thaigoodview.com
    - tumsrivichai.com
    - eduzones.com
    - ru.ac.th
    - duangden.com


    .

    -http://hilight.kapook.com/view/18913-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 01.jpg
      01.jpg
      ขนาดไฟล์:
      90.8 KB
      เปิดดู:
      261
    • 02.gif
      02.gif
      ขนาดไฟล์:
      31.5 KB
      เปิดดู:
      346
    • 2530.jpg
      2530.jpg
      ขนาดไฟล์:
      25 KB
      เปิดดู:
      248
    • 2547.jpg
      2547.jpg
      ขนาดไฟล์:
      44.2 KB
      เปิดดู:
      246
    • 03.gif
      03.gif
      ขนาดไฟล์:
      63 KB
      เปิดดู:
      240
  6. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ปีใหม่แห่ซื้อทองสำรองเงินสดอื้อ


    <!-- end articleDetailPanel --><?XML:NAMESPACE PREFIX = G /><G:pLUSONE size="tall"></G:pLUSONE>
    <IFRAME class="twitter-share-button twitter-count-vertical" title="Twitter Tweet Button" style="WIDTH: 55px; HEIGHT: 62px" src="http://platform.twitter.com/widgets/tweet_button.1324331373.html#_=1325422285515&_version=2&count=vertical&enableNewSizing=false&id=twitter-widget-0&lang=en&original_referer=http%3A%2F%2Fwww.posttoday.com%2F%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%2F%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%2F129812%2F%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD&size=m&text=%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%20-%20%E0%B9%82%E0%B8%9E%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B9%8C%20%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88-%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99&url=http%3A%2F%2Fwww.posttoday.com%2F%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A8%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A9%25E0%25B8%2590%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2588-%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599%2F%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%2F129812%2F%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B7%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD&via=posttoday" frameBorder=0 scrolling=no allowTransparency></IFRAME><SCRIPT src="http://platform.twitter.com/widgets.js" type=text/javascript></SCRIPT>
    <!-- end tweetmeme_button --><SCRIPT>var fbShare = {url: 'http://bit.ly/sU1x0K' }</SCRIPT><SCRIPT src="http://widgets.fbshare.me/files/fbshare.js"></SCRIPT><IFRAME src="http://widgets.fbshare.me/files/fbshare.php?size=large&url=http://bit.ly/sU1x0K&title=ปีใหม่แห่ซื้อทองสำรองเงินสดอื้อ - โพสต์ทูเดย์ ข่าวเศรษฐกิจ-หุ้น" frameBorder=0 width=53 scrolling=no height=69 allowTransparency></IFRAME>
    <!-- end facebook-share -->
    <!-- end main-sns --><!--end articleDetailPanel-->ประชาชนแห่ซื้อทองรับปีใหม่อย่างคึกคัก คาดแนวโน้มค่าเงินบาทปี55 อ่อนตามเศรษฐกิจโลก
    นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ในวันที่ 31 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่า บรรยากาศร้านขายทองย่านเยาวราชคึกคัก มีประชาชนมาซื้อทองรูปพรรณจำนวนมาก เพื่อเป็นของขวัญและของกำนัลในช่วงปีใหม่
    ทั้งนี้ ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่บาทละ 2.35 หมื่นบาท และทองคำรูปพรรณขายออกอยู่ที่บาทละ 2.39 หมื่นบาท ทั้งนี้ในวันที่ 1-2 ม.ค. 2555 ร้านทองเยาวราชจะหยุดปีใหม่
    สำหรับค่าเงินบาทในวันสุดท้ายของปีนี้ เงินบาทร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 16 เดือน เป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินยูโรจากความกังวลต่อวิกฤตหนี้ยุโรปที่ยังมีทีท่าว่าจะไม่จบลงง่ายๆ เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.52 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
    ทั้งนี้ในปี 2554 เงินบาทอ่อนค่าลงโดยเฉลี่ย 4.47% เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชีย รองจากเงินรูปีของอินเดียซึ่งร่วงลง 15.88%
    อย่างไรก็ดี แนวโน้มค่าเงินบาทในปี 2555 มีแนวโน้มอ่อนค่าตามภาวะเศรษฐกิจโลก และการแข็งค่าของเงินเหรียญสหรัฐ
    ทางด้านการสำรองเงินสดเพื่อรองรับการเบิกจ่ายของประชาชนในเทศกาลปีใหม่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ความต้องการใช้ธนบัตรของประชาชนในเทศกาลปีใหม่จะอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าปกติ คาดว่าในเดือน ธ.ค. 2554 ธนาคารพาณิชย์จะเบิกจ่ายธนบัตรและนำฝากธนบัตรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2553 อยู่ที่ 3%
    ธปท.คาดว่า การเบิกจ่ายเงินจะมีมูลค่าประมาณ 2.7 แสนล้านบาท และมูลค่านำฝากประมาณ 1.495 แสนล้านบาท ทำให้มียอดเบิกจ่ายสุทธิประมาณ 120,500 ล้านบาท
    ประมาณการธนบัตรออกใช้หมุนเวียน ณ สิ้นปี 2554 มีมูลค่า 1.238 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าสิ้นปี 2553 11 %
    ทั้งนี้ ธปท.ได้เตรียมสำรองธนบัตรชนิดราคาต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการเบิกจ่ายได้อย่างเพียงพอ โดยมีธนบัตรสำรองไว้ประมาณ 4.7 แสนล้านบาท m
    ที่มา โพสต์ทูเดย์ ออนไลน์
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .
    จาก pm (Private Message)


    Private Message: ขอร่วมบริจาค <table id="post" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> [​IMG] วันนี้, 10:08 AM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right">
    </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> Nui28
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Nov 2011
    ข้อความ: 0
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> <center>ขอร่วมบริจาค

    </center>
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> เรียนคุณสิทธิพงศ์
    จาก การที่ได้ติดตามอ่านเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดร ผมมีความศรัทธาในหลวงปู่จึงขอร่วมทำบุญ ซึ่งผมอยากได้พระปิดตาพิมพ์หลวงพ่อแก้วกับพระผงวาสนาที่หลวงปู่ทั้ง 5 องค์ปลุกเสกคับ ส่วนการทำบุญผมจะทำตามที่คุณสิทธิพงศ์ได้แนะนำคุณ Trainsss ในหน้าพระวังหน้าก็ได้คับ ส่วนแต่ละที่จะให้ร่วมบริจาคเท่าไรนั้นคุณสุทธิพงศ์ช่วยระบุให้ด้วยคับ ขอขอบคุณที่ให้ความรู้คับ
    </td></tr></tbody></table>

    --------------------------------------------------------------------------



    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">คุณ sithiphong [​IMG]
    .

    ขอโมทนาบุญครับ

    [​IMG]

    สำหรับการทำบุญ ยินดีครับ

    แต่ว่า ในปัจจุบัน มีการให้เช่าพระวังหน้าด้วยจำนวนเงินที่สูงมาก บางเว็บฯยังนำพระเก๊มาให้เข่าองค์ละ 5,000 บาท ก็ยังมี

    หากต้องการที่จะได้จริงๆ ผมให้ร่วมทำบุญ 6,000.- บาท โดยแบ่งการทำบุญดังนี้

    1.มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ จำนวนเงิน 1,000.-บาท

    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]


    2.มูลนิธิชัยพัฒนา จำนวนเงิน 1,000.-บาท
    ชื่อบัญชี มูลนิธิชัยพัฒนา
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 067-2-00011-9
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยสวนจิตรลดา
    เมื่อโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ให้เขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ให้ชัดเจนแล้วส่งไปที่เบอร์FAX 0-2282-3339
    โทรศัพท์ 0-2282-4425-8 ,0-2282-3338

    3.สภากาชาดไทย จำนวนเงิน 1,000.-บาท
    ชื่อบัญชี : สภากาชาดไทย เพื่อการรับ
    บริจาคเงินต่าง ๆ
    เลข ที่ : 045-2-88000-6
    ประเภท : ออมทรัพย์
    ธนาคาร : ไทยพาณิชย์
    สาขา : สภากาชาดไทย
    หมายเหตุ :แฟกซ์ใบนำฝากพร้อมชื่อ-ที่อยู่ ที่หมายเลข 0-2256-4064
    สอบถามโทร 0-2256-4068
    หรือแฟ็กซ์ที่หมายเลข0-2256-4069
    สอบถามโทร. 02-256-4000
    ต่อ 3293 และ 3299
    E-mail finance@redcross.or.th


    4.ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร 1,000.-บาท
    ชื่อบัญชี "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" (pratom foundation)
    บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9
    บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส)

    5.งานบุญต่างๆจา่กกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิจำนวนเงินร่วมทำบุญ 1,000.-บาท
    บัญชีบมจ.ธ.กรุง ไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ


    6.ร่วมสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง จำนวน 1,000.-บาท
    กระทู้ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    -http://palungjit.org/threads/ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิต-พระเณร.21733/page-123-

    เมื่อร่วมทำบุญแล้ว ให้โพสสลิปลงในกระทู้พระวังหน้าฯ
    ในกรณีโพสสลิป ให้ขีดชื่อ - นามสกุล ,ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของท่านออก ให้เหลือแค่รายละเอียดการโอนเงินร่วมทำบุญเท่านั้น

    ผมจะจัดส่งพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา ให้ 1 องค์ และพระปิดตา พิมพ์หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ให้ 1 องค์ครับ
    [​IMG]


    ส่วนค่าจัดส่ง ไม่ต้อง ผมจ่ายให้เองครับ
    (มีน้องของผมบางท่าน ได้ร่วมจ่ายค่าจัดส่งให้เช่นกัน)


    ส่วนเรื่องของการศึกษา คงต้องใช้ความพยายามในการอ่านในกระทู้พระวังหน้าฯเท่านั้นครับ ผมไม่มีการลงในเว็บอื่นๆ แต่อาจจะมีบางเรื่องที่ผมไม่ได้ลงในกระทู้พระวังหน้าฯเว็บพลังจิต แต่ผมไปลงในเว็บใต้ร่มธรรมครับ



    .

    </td></tr></tbody></table>

    ในชีวิตผมนี้ ตั้งแต่ได้พบได้เห็นบุคคลต่างๆมากมาย

    ผมยังไม่เคยเห็นใคร หรือ ท่านใด ที่ช่วยเหลือผู้คนได้มากขนาดในหลวง

    สำหรับบุคคลธรรมดา ที่ไม่ใช่พระสงฆ์ ในหลวงเป็นบุคคลที่สุดยอดของโลกนี้แล้วครับ

    ทำบุญร่วมกับพระองค์ท่าน ต้องดีเลิศแน่นอน

    ผมรับประกันได้ครับ

    ผมเองอย่างที่เคยบอกไว้ในกระทู้พระวังหน้าฯ ผมเองทำบุญเกือบทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ที่บางครั้งก็ลืมทำ ผมจะมีอยู่ 1 กล่องที่ผมทำบุญกับมูลนิธิราชประชาฯ หรือ มูลนิธิชัยพัฒนา หรือ สภากาชาดไทย ครับ

    .

    การร่วมทำบุญเืพื่อรับพระวังหน้าในกระทู้พระวังหน้าฯและกระทู้ที่sithiphong ได้ตั้งขึ้นเพื่องานบุญทุกๆงาน

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ พระ พิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วง การซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระพิมพ์(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่อง ของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่ พระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต ระหว่างปี พ.ศ.2400- 2428 หรือ พระที่สร้างขึ้นที่วังหลวง นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ปี พ.ศ.2429-2434

    แต่ หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่ง เรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ
    </td> </tr> </tbody></table>

    ผมให้เวลาตัดสินใจจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2555

    หลังจากนั้น หากไม่มีงานบุญที่ผมบอกในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ ผมต้องให้ร่วมทำบุญไม่น้อยกว่า องค์ละ 10,000.-บาท

    เพราะว่า ปัจจุบัน พระวังหน้าฯ ขนาดเก๊ บางเว็บฯยังขายกันองค์เป็นหมื่นก็มีครับ

    แจ้งมาเพื่อทราบครับ




    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    27-10-2011, 04:59 PM #47149

    rung847 สมาชิก

    วันที่สมัคร: Jul 2011
    ข้อความ: 72
    พลังการให้คะแนน: 13

    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ rung847 [​IMG]
    บุคคล ใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ ......rung847............. ขอตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ,พระมหาโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ , คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) ,พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา , พยามัจจุราชเจ้า , นายนิริยบาลทั้ง 8 ท่าน และเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดินว่า

    ข้าพเจ้าตั้งจิต ตั้งสัจจะ สาบานว่าขอปฏิบัติดังนี้

    1.ข้าพเจ้าขอดูแล , รักษา , ปกป้อง ประเทศไทยให้รอดปลอดภัยจากการประสงค์ร้ายต่างๆจากทั้งในประเทศไทยและนอกประเทศไทย.

    2.ข้าพเจ้าขอดูแล , รักษา และปกป้อง ศาสนาพุทธ ตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.

    3.ข้าพเจ้าขอดูแล , รักษา และปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย.

    4.ข้าพเจ้าขอปฏิบัติสมาธิภาวนาทุกวัน วันละไม่น้อยกว่า 5 นาที.

    5.ข้าพเจ้าขอห้อยพระวังหน้าที่ข้าพเจ้าได้รับจากบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ sithiphong ที่ได้มอบให้ข้าพเจ้าทุกวันตลอดชีวิต ยกเว้นในวันที่ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะห้อยพระวังหน้าที่ข้าพเจ้าได้รับจาก บุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ Sithiphong ที่ได้มอบให้ข้าพเจ้าได้เช่น ข้าพเจ้าป่วยอยู่ในโรงพยาบาลที่หมอไม่อนุญาตให้ข้าพเจ้าห้อย หรือในเหตุอื่นๆที่มีความจำเป็น เป็นต้น.

    6.ข้าพเจ้า ขอดูแล , รักษา และปกป้อง พระพิมพ์และวัตถุมงคลที่วังหน้า สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ดีที่สุดตามกำลังของ ข้าพเจ้า.


    ข้าพเจ้าขอรับพระวังหน้าจากบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อsithiphong จำนวน 1 องค์ โดยไม่ระบุว่าเป็นพิมพ์ไหน ให้เป็นความประสงค์ของบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อsithiphongที่จะมอบพระ วังหน้าให้ข้าพเจ้า.


    เมื่อข้าพเจ้าได้รับพระวังหน้าที่ข้าพเจ้าได้รับจากบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ sithiphong ที่ได้มอบให้ข้าพเจ้าแล้ว หากข้าพเจ้าปฏิบัติตามที่ข้าพเจ้าได้ตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบาน ขอให้ข้าพเจ้าจงประสบกับความสำเร็จในสิ่งที่ดีที่งาม ให้มีดวงตาที่เห็นธรรมโดยเร็ว ขอให้เกิดในยุคที่มีพระพุทธศาสนา ขอให้ได้พบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าสู่พระนิพพาน จนกระทั่งข้าพเจ้าถึงซึ่งพระนิพพาน แต่หากข้าพเจ้าปฏิบัติตามที่ข้าพเจ้าได้ตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบานไม่ได้ในวันไหน นับตั้งแต่วันนั้น ขอให้ข้าพเจ้าจงประสบกับความล้มเหลว ขอให้เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนา และ เกิดในกลียุคตลอดกาล.


    ข้าพเจ้า ได้อ่านและหรือได้พิมพ์ข้อความนี้และหรือได้คัดลอกข้อความนี้ลงในกระทู้พระ วังหน้าและพิมพ์ชื่อที่ใช้ในเว็บพลังจิตและหรือชื่อนามสกุลจริงของข้าพเจ้า และหรือเว็บพลังจิตในการที่ข้าพเจ้าขอรับพระวังหน้าจากบุคคลใช้ชื่อในเว็บ พลังจิตชื่อsithiphong ข้าพเจ้าได้เข้าใจในทุกกรณี หากแม้ว่าข้าพเจ้าไม่เข้าใจในส่วนหนึ่งส่วนใดหรือไม่เข้าใจทั้งหมด แต่หากว่าข้าพเจ้าได้พิมพ์ข้อความนี้และหรือได้คัดลอกข้อความนี้ลงในกระทู้ พระวังหน้าและหรือเว็บพลังจิตในการที่ข้าพเจ้าขอรับพระวังหน้าจากบุคคลใช้ ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อsithiphong ให้ถือว่าข้าพเจ้าได้เข้าใจในทุกกรณี และไม่มีการยกเลิกการตั้งจิตตั้งสัจจะและสาบานในครั้งนี้ตลอดกาล.


    ลงชื่อ ........rung847...........................ผู้ตั้งจิตตั้งสัจจะและสาบาน.

    </td></tr></tbody></table>
    -------------------------------------------------------

    [​IMG] [​IMG]


    .__________________ __________________.__________________ __________________.

    27-10-2011, 11:57 PM #47165

    อนัตตัง สมาชิก
    วันที่สมัคร: Feb 2011
    ข้อความ: 459
    พลังการให้คะแนน: 56 [​IMG]



    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ อนัตตัง [​IMG]
    การ ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ ผมขอมอบพระวังหน้าให้ฟรี(ไม่ต้องร่วมทำบุญใดๆ)โดยมีเงื่อนไขให้กับบุคคลที่ เชื่อในเรื่องของพระวังหน้า โดยผมจะเป็นผู้ที่เลือกพิมพ์ให้ท่านเอง และให้ท่านตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบาน ตามข้อความด้านล่าง เพียงท่านคัดลอกหรือพิมพ์ข้อความ แล้วโพสลงในกระทู้พระวังหน้าฯ ส่วนค่าจัดส่งไม่ต้อง ผมออกให้เองครับ

    ------------------------------------

    บุคคล ใช้ชื่อในเว็บไซด์พลังจิตชื่อ ...........อนัตตัง........... ขอตั้งจิต,ตั้งสัจจะและสาบานต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ,พระมหาโพธิสัตว์และพระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ , คณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) ,พระแม่ธรณี , พระแม่คงคา , พยามัจจุราชเจ้า , นายนิริยบาลทั้ง 8 ท่าน และเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดินว่า

    ข้าพเจ้าตั้งจิต ตั้งสัจจะ สาบานว่าขอปฏิบัติดังนี้

    1.ข้าพเจ้าขอดูแล , รักษา , ปกป้อง ประเทศไทยให้รอดปลอดภัยจากการประสงค์ร้ายต่างๆจากทั้งในประเทศไทยและนอกประเทศไทย.

    2.ข้าพเจ้าขอดูแล , รักษา และปกป้อง ศาสนาพุทธ ตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.

    3.ข้าพเจ้าขอดูแล , รักษา และปกป้อง สถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย.

    4.ข้าพเจ้าขอปฏิบัติสมาธิภาวนาทุกวัน วันละไม่น้อยกว่า 5 นาที.

    5.ข้าพเจ้าขอห้อยพระวังหน้าที่ข้าพเจ้าได้รับจากบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ sithiphong ที่ได้มอบให้ข้าพเจ้าทุกวันตลอดชีวิต ยกเว้นในวันที่ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะห้อยพระวังหน้าที่ข้าพเจ้าได้รับจาก บุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ Sithiphong ที่ได้มอบให้ข้าพเจ้าได้เช่น ข้าพเจ้าป่วยอยู่ในโรงพยาบาลที่หมอไม่อนุญาตให้ข้าพเจ้าห้อย หรือในเหตุอื่นๆที่มีความจำเป็น เป็นต้น.

    6.ข้าพเจ้า ขอดูแล , รักษา และปกป้อง พระพิมพ์และวัตถุมงคลที่วังหน้า สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้ดีที่สุดตามกำลังของ ข้าพเจ้า.


    ข้าพเจ้าขอรับพระวังหน้าจากบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อsithiphong จำนวน 1 องค์ โดยไม่ระบุว่าเป็นพิมพ์ไหน ให้เป็นความประสงค์ของบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อsithiphongที่จะมอบพระ วังหน้าให้ข้าพเจ้า.


    เมื่อข้าพเจ้าได้รับพระวังหน้าที่ข้าพเจ้าได้รับจากบุคคลใช้ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อ sithiphong ที่ได้มอบให้ข้าพเจ้าแล้ว หากข้าพเจ้าปฏิบัติตามที่ข้าพเจ้าได้ตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบาน ขอให้ข้าพเจ้าจงประสบกับความสำเร็จในสิ่งที่ดีที่งาม ให้มีดวงตาที่เห็นธรรมโดยเร็ว ขอให้เกิดในยุคที่มีพระพุทธศาสนา ขอให้ได้พบองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าสู่พระนิพพาน จนกระทั่งข้าพเจ้าถึงซึ่งพระนิพพาน แต่หากข้าพเจ้าปฏิบัติตามที่ข้าพเจ้าได้ตั้งจิต ตั้งสัจจะ และสาบานไม่ได้ในวันไหน นับตั้งแต่วันนั้น ขอให้ข้าพเจ้าจงประสบกับความล้มเหลว ขอให้เกิดในยุคที่ไม่มีพระพุทธศาสนา และ เกิดในกลียุคตลอดกาล.


    ข้าพเจ้า ได้อ่านและหรือได้พิมพ์ข้อความนี้และหรือได้คัดลอกข้อความนี้ลงในกระทู้พระ วังหน้าและพิมพ์ชื่อที่ใช้ในเว็บพลังจิตและหรือชื่อนามสกุลจริงของข้าพเจ้า และหรือเว็บพลังจิตในการที่ข้าพเจ้าขอรับพระวังหน้าจากบุคคลใช้ชื่อในเว็บ พลังจิตชื่อsithiphong ข้าพเจ้าได้เข้าใจในทุกกรณี หากแม้ว่าข้าพเจ้าไม่เข้าใจในส่วนหนึ่งส่วนใดหรือไม่เข้าใจทั้งหมด แต่หากว่าข้าพเจ้าได้พิมพ์ข้อความนี้และหรือได้คัดลอกข้อความนี้ลงในกระทู้ พระวังหน้าและหรือเว็บพลังจิตในการที่ข้าพเจ้าขอรับพระวังหน้าจากบุคคลใช้ ชื่อในเว็บพลังจิตชื่อsithiphong ให้ถือว่าข้าพเจ้าได้เข้าใจในทุกกรณี และไม่มีการยกเลิกการตั้งจิตตั้งสัจจะและสาบานในครั้งนี้ตลอดกาล.


    ลงชื่อ ............................อนัตตัง...........................ผู้ตั้งจิตตั้งสัจจะและสาบาน.
    </td> </tr> </tbody></table>


    [​IMG] [​IMG]



    -http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.22445/page-2358#post5284264-


    -http://palungjit.org/threads/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89.22445/page-2359-

    .
     
  10. ake7440

    ake7440 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,528
    ค่าพลัง:
    +405
    โห..ยังว่องไวปานกามนิตหนุ่มตลอด
    ขอบพระคุณมากครับพี่ แต่ผมว่าน่าจะเจอพี่วันที่ 7 ก่อนได้เจอพี่ใหญ่นะครับ
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    มารยาสาไถย 'มอมยา!’ อาชญากรสายสมรหลอกปลดทรัพย์
    โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
    1 มกราคม 2555 22:59 น.


    [​IMG]

    จับแก๊งต่างชาติมอมยารูดทรัพย์-ล้วงกระเป๋า!
    เร่งแกะรอยล่าแก๊งสาวแสบมอมยารูดทรัพย์ ผอ.โรงเรียน!
    กะเทยแสบมอมยาชาวดูไบ!
    2สาวพัทยาลวงฝรั่งเข้าโรงแรม.มอมยารูดทรัพย์เกลี้ยง!

    บ่อยครั้งที่เราพบเห็นข่าวการรูดทรัพย์ ปลดทรัพย์ จากหลากหลายกลเม็ดของพวกสาวเพื่อนเที่ยวตามสถานบันเทิงต่างๆ ที่แสนจะแพรวพราว ทั้งการล่อลวง การใช้นางนกต่อ หรือแม้กระทั่งการมอมยา

    ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้มักจะเกิดขึ้นกับเหล่าชายหนุ่มที่ซื้อบริการทางเพศ ซึ่งนางโจรทั้งหลายก็จะฉวยโอกาสยามที่เหยื่อเผลอปลดทรัพย์สินไปหมด โดยเฉพาะข่าวที่พาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ เมื่อผู้อำนวยโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครพนม เจอฤทธิ์แม่โจรสาวรูดทรัพย์ไปถึง 300,000 บาท หรือล่าสุดชาวซามูไรก็ตกเป็นเหยื่อแก๊งมอมยาชาวตากาล็อกที่แฝงตัว ทำทีมาเดินตลาดนัดจตุจักร แล้วหลอกเหยื่อไปพูดคุยที่บ้าน ก่อนที่จะมอมยา แล้วปลดทรัพย์จนเกลี้ยง

    ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้เอง ได้สร้างความสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงได้เกิดขึ้นชนิดไม่มีวันหยุด แถมยังรุนแรงมากขึ้นอีกต่างหาก

    เปิดเทคนิคการมอมยา

    แน่นอนจุดตายที่สำคัญสุดของเรื่องนี้ก็คือ ความง่ายและความคุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะหากลองกลับมาคิด ก็จะพบว่าวิธีการที่ใช้นั้นเป็นเทคนิคเดิมๆ อยู่เสมอ

    และเพื่อความเข้าใจแบบง่ายๆ ก็จะขอแบ่งรูปแบบส่วนใหญ่ก็จะล่อลวงตอนที่เผลอไม่รู้เนื้อรู้ตัว จากนั้นก็จะอาศัยจังหวะในช่วงที่เหยื่อกำลังอยู่ในเวลาเปล่าเปลี่ยว อยู่ตามลำพังหรือกำลังจะทำธุระ เช่นเข้าห้องน้ำ หรือนั่งดื่ม เหล่ามิจฉาชีพในคราบบริกรหรือสาวนั่งดริงก์ก็จะใช้ช่วงเวลาทองนี้ให้เกิด ประโยชน์จากอาการมึนเมาของเหยื่อ บวกกับความมือไวแอบฉกฉวยของมีค่าโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว

    บางคนก็มาในรูปของหญิงสาวที่ออกมาลวงล่าสวาท ชักชวนให้เหยื่อมีเพศสัมพันธ์ด้วย การที่จะอาศัยจังหวะทีเผลอใส่ยาลงไปในจุดต่างๆ ตั้งแต่เครื่องดื่ม ยันไปถึงอวัยวะเพศ หรืออย่างบนปทุมถันบนหน้าอกงามเหมือนท่านผู้อำนวยการโรงเรียนเพิ่งเจอไปไม่ นานนี้

    แล้วยาที่ใช้นั้น ส่วนใหญ่ก็จะเน้นการออกฤทธิ์เร็ว นาน และโดนไปแล้ว ไม่สามารถจดจำเรื่องราวใดๆ ได้ พูดง่ายๆ ก็คือใครโดนเข้าไปเป็นอันสลบทุกราย เพราะยาพวกนี้ หากไม่ใช่ยานอนหลับอย่าง Dormicum ซึ่งเป็นยานอนหลับแบบเม็ด ที่ถูกดูดซึมได้ดีที่สุดจากทางเดินอาหารเมื่อเทียบกับยานอนหลับตัวอื่นๆ สามารถออกฤทธิ์ได้ภายใน 15 นาที หรือจะเป็น Rohypnol ที่มีลักษณะเป็นเม็ดเช่นกัน จะมีฤทธิ์จะอยู่นานประมาณ 8-12 ชั่วโมง

    ก็มักจะเป็นยาที่มีฤทธิ์ต่อประสาทโดยตรง หรือบางทีก็อาจจะถึงขั้นเป็นสารเสพติด อย่าง Ketamine หรือที่รู้จักกันในชื่อ ยาเค ที่โดนเข้าไปแล้วจะรู้สึกเคลิบเคลิ้ม มึนงง มีอาการสูญเสียกระบวนการทางความคิด ความคิดสับสน การรับรู้ และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมทั้งภาพ แสง สี เสียงจะเปลี่ยนแปลงไป หรือ GHB (gamma-hydroxybutyrate) ที่อาศัยระยะเวลาในการออกฤทธิ์เพียง 10-20 นาทีเท่านั้น แถมยังมีฤทธิ์คงทนนานถึง 2-4 ชั่วโมงเลยทีเดียว

    แถมวิธีการส่วนใหญ่ก็ยังใช้งานง่าย เพราะมีรูปแบบที่หลากหลายทั้งที่เป็นเม็ดและของเหลวใส ซึ่งแต่ละชนิดก็ละลายในของเหลวได้ง่าย เหมาะสุดๆ สำหรับการใส่ลงในแอลกอฮอล์ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า แค่อาศัยความเร็ว ความไว และไหวพริบสักหน่อยก็ทำได้แล้ว

    'เจาะปม' มอมยา

    พอเห็นกระบวนการรวดเร็วและแสนง่ายของเหล่าอาชญากรสายสวาทกันไปแล้ว คราวนี้ก็จะมาลองลึกถึงสาเหตุและเหตุผลที่ทำให้กระบวนการนี้จึงยังยืนระยะ อยู่คู่สังคมไทยมานานนับ 30-40 ปีได้

    จากการพูดคุยกับ พ.ต.ต.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล ประธานบริหารหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ วิทยาลัยบริหารธุรกิจและรัฐกิจ มหาวิทยาลัยรังสิต ทำให้ทราบว่า เรื่องแบบนี้ย่อมเกิดขึ้นอยู่แล้ว ตราบใดที่ความต้องการเงินของผู้คน โดยไม่สนใจกฎหมายบ้านเมืองยังมีอยู่มาก และด้วยความที่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ก็ย่อมนำมาสู่กระบวนการเลียนแบบได้ง่ายๆ

    “พวกกลุ่มผู้กระทำผิดอาจจะมีหลายแก๊ง แล้วก็อาจจะมีเพื่อนของเพื่อนบอกต่อๆ กัน เพราะรูปแบบในการกระทำความผิ จริงๆ แล้วมันมีหลายรูปแบบ ไม่ใช่เพราะการมอมยาอย่างเดียวเท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะพบว่า ผู้กระทำความผิดแบบนี้มักจะเป็นผู้หญิง โดยจะใช้วิธีติดต่อมา หรืออาจจะเดินเข้าไปคุย ส่วนเหยื่อก็จะมีลักษณะการแต่งกายแบบคนที่น่าจะมีทรัพย์สิน น่าจะมีเงินมีทอง แล้วก็เข้าไปพูดคุย ตีสนิท ซึ่งถ้าผู้หญิงเหล่านี้ได้รับการศึกษา มีช่องทางในการหารายได้ที่ถูกกฎหมาย เขาก็คงไม่ทำแบบนี้”

    ประกอบกับเรื่องต้นตอของยา ถึงแม้จะมีกฎหมายควบคุมเอาไว้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่ของหายากอะไร เพียงแค่ค้นอินเทอร์เน็ตสักหน่อยก็เจอแล้ว แถมราคาขายในตลาดมืดก็ไม่แพงอย่างที่คิด อย่างยา Dormicum ก็เพียงแค่ 1,300 บาทเท่านั้นเอง

    “ยานอนหลับเป็นยาที่ไม่สามารถซื้อได้ตามร้ายขายยาทั่วไป ถึงแม้จะมีใบสั่งแพทย์ก็ตาม ส่วนที่นำไปมอมกัน เขาจะซื้อตามตลาดมืด ในเน็ตก็มีขายเกลื่อนกลาดนะ มีให้เลือกเยอะแยะ ซึ่งนอกไปจากยานอนหลับแล้ว ก็จะมียาที่มีฤทธิ์กล่อมประสาท สารเสพติดที่ทำให้เกิดอาการมึนงง เกิดภาพหลอน” ภก.จิรายุพงศ์ สุขสมหทัย ในฐานะผู้ศึกษาเรื่องยากล่าว

    ทำอย่างไรถึงจะรอด!!!

    เมื่อปัจจัยพร้อม อาชญากรพร้อม และวัตถุดิบพร้อม คำถามต่อมาก็คือ แล้วเหยื่อจะทำตัวอย่างไรถึงจะรอดล่ะ

    ซึ่งในประเด็นนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเภสัชกร บอกว่า 'สติ' นั้นแหละสำคัญที่สุด โดยเฉพาะคนที่ชอบออกไปท่องเที่ยวซดแอลกอฮอล์ตามผับตามบาร์ หรือเป็นคนที่มักจะหิ้วสาวเพื่อนเที่ยวมากอดคลายเหงา ก็พึงระมัดระวังตัวเองไว้ให้ดี เพราะพวกมิจฉาชีพเหล่านี้จ้องรอเหยื่ออย่างไม่คลาดสายตา แต่ถ้าหากคุณไม่อยากจะเป็นเหยื่อก็คงต้องมีสติ และต้องรู้จักสังเกต ระแวดระวังตัวจากสถานการณ์ที่มองแล้วว่าไม่แคล้วเป็นเหยื่อมอมยาแน่นอน

    “ก่อนอื่นเลยคุณต้องไม่รับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า เมื่อต้องเข้าห้องน้ำหรือออกไปเต้นรำ กลับมาแล้วอย่าลืมที่จะเปลี่ยนแก้วใหม่ และเมื่อเริ่มรู้สึกว่ามีอาการแปลกๆ หรือรู้สึกเมาหลังจากดื่มไปได้เพียงเล็กน้อย ให้รีบขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่ไว้ใจ ซึ่งอาการที่จะบ่งบอกว่าเราโดนมอมยาเข้าแล้วก็คือ รู้สึกมึนเมาทั้งที่ดื่มเพียงเล็กน้อย รู้สึกมึนงงและง่วงนอนโดยไม่ทราบสาเหตุ”

    แต่ถ้าหากคุณเป็นเป็นคนที่มักซื้อบริการทางเพศ การป้องกันตัวอาจจะดูยากขึ้น เพราะถึงแม้คุณไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่แอบผสมยานอนหลับ แต่คุณก็อาจโดนมอมยาจากการที่โจรทายาไว้ตามหน้าอกหรือปทุมถัน ทำให้คุณหลับใหลอยู่ในห้วงนิทรา แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็เหลือตัวเปล่า เพราะทรัพย์สินโดนรูดไปจนเกลี้ยงแล้วนั่นเอง ทางออกแบบกำปั้นทุบดิน ก็คืออย่าได้ริไปสัมผัสยังจุดเสี่ยงดังที่กล่าวมานั้นก็คงเพียงพอ

    ขณะเดียวกันก็ต้องศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับยาต่างๆ ที่ใช้ในการมอมเหยื่อ ให้ทราบถึงรูปแบบการใช้และผลที่เกิดขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันตนเองหรือสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้อื่นได้ เพราะจากคำอธิบายของ พ.ต.ต.ดร.กฤษณพงค์ ทำให้วิธีการทำงานของอาชญากรนั้นไม่เปลี่ยนไปสักเท่าใด คือใช้วิธีเดิมๆ

    เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเข้าข่ายของความเป็นเหยื่อเช่นสวมสร้อยมาเต็มคอ ก็ต้องพึงระวังไว้ให้ดี ไม่เช่นสุดท้ายอาจจะไม่รอดวัฏจักรนี้ไปได้
    >>>>>>>>
    เรื่อง : ทีมข่าว CLICK

    Daily News - Manager Online -
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    คุณเห็นอะไรในภาพ งานศิลป์ สุดบรรเจิด ชิ้นนี้บ้าง

    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]






    คุณเห็นอะไรในภาพ งานศิลป์ สุดบรรเจิด ชิ้นนี้บ้าง รูปวาด งานศิลป์ ภาพศิลปะ ภาพวาดลายเส้น ที่นำเอา ภาพเล็กๆลงไปซ่อนอยู่ในภาพใหญ่ งานศิลป์ อาร์ตๆแบบนี้เล่นเอา พิศวงไปเลยทีเดียว ว่าแต่ชมแล้วเห็นอะไรใน ภาพลาดเส้น งานศิลป์ ชิ้นนี้บ้างเอ่ย

    -http://play.kapook.com/photo/show-122716-

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • art1.jpg
      art1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      233.4 KB
      เปิดดู:
      351
    • art2.jpg
      art2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      241.1 KB
      เปิดดู:
      536
    • art3.jpg
      art3.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.5 KB
      เปิดดู:
      488
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .

    เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ และท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้าทุกๆท่าน

    ท่านใดว่าง พบกันวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2555 ประมาณ 8.30 น. ด้านหน้าที่วังหน้าครับ


    .
    </td> </tr> </tbody></table>

    ผมเตรียมใส่ไปแน่นอน

    เป็นพิมพ์ฝีพระหัตถ์พระปิ่นเกล้า (2408) และ พิมพ์ราชกุมาร


    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .


    [FONT=Tahoma,]อัครศาสนูปถัมภก "ในหลวง"กับพระสงฆ์[/FONT]

    [​IMG]

    [FONT=Tahoma,]พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก

    พระองค์ เสด็จพระราชดำเนินไปยังพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อทรงประกาศพระองค์เป็นพุทธมามกะท่ามกลางที่ชุมนุมสงฆ์ทั้งปวง

    ต่อ มาเมื่อมีโอกาสอันสมควร ได้เสด็จออกทรงพระผนวช โดยมี สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (ม.ร.ว.ชื่น นพวงศ์) เป็นพระราชอุปัธยาจารย์

    ยิ่ง ไปกว่านั้นยังทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจด้วยสัมมาปฏิบัตินานัปการ ทรงสร้างสมพระราชกุศลสมภารบารมีมิได้ว่างเว้น ทรงอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนาเป็นอเนกประการ และบ่อยครั้งพระองค�เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระคณาจารย์ยังวัดต่างๆ

    สร้างความปลื้มปีติแก่คณะสงฆ์และพสกนิกรที่เฝ้าฯรับเสด็จเป็นล้นพ้น
    [/FONT]

    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdNVEF5TURFMU5RPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1pMHdNUzB3TWc9PQ==-

    . __________________ __________________.
    . __________________ __________________.
    . __________________ __________________.


    [FONT=Tahoma,]ปีติภาพมงคล เฉลิมพระบารมี[/FONT]



    [FONT=Tahoma,]<table align="left" border="0" cellpadding="0" cellspacing="5" width="360"><tbody><tr><td align="center" bgcolor="#E0E0E0" valign="top">[​IMG]</td></tr></tbody></table>ผ่าน พ้นปีมหามงคลแห่งการเฉลิมฉลองวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษามาแล้ว ภาพมงคลในปีที่ผ่านมายังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำ ทั้งในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2554 วันเสด็จทอดพระเนตรระดับน้ำเจ้าพระยา ที่ท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช วันที่ 14 พฤศจิกายน รวมถึงภาพบรรยากาศการจัดงานเทิดพระเกียรติที่พระบรมมหาราชวัง ช่วงวันที่ 3-9 ธันวาคม และงานแสดงพลุนานาชาติเฉลิมพระเกียรติที่พัทยา วันที่ 17 ธันวาคม[/FONT]


    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVEF5TURFMU5RPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1pMHdNUzB3TWc9PQ==-


    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ต้องมีความเฉลียวกันในเรื่องของผู้ที่แอบอ้างเป็นองค์พระศรีอาริยเมตตรัย

    และ เรื่องการแอบอ้างเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อๆไป


    บางกลุ่ม พวกลูกศิษย์ก็หาวิธีการโปรโมท สร้างเรื่องเพื่อโปรโมทพระภิกษุขึ้นมา จะแจ้งให้ทราบว่า พระภิกษุบางรูปที่มีการอุปโลกจะเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระภิกษุบางกลุ่ม บางพวก อีกนานมาก ยังต้องปฎิบัติดี(กว่าในปัจจุบันอีกมากมหาศาล) ปฎิบัติชอบ(กว่าในปัจจุบันอีกมากมหาศาล) อีกนานแสนนาน


    ดังนั้น ผู้ที่ไปพบเจอต้องใช้สติและปัญญาในการพิจารณาให้ดี อย่าหลงกลไปเป็นเครื่องมือให้เขา


    พวกนี้ เป็นพวกที่ต้องสร้างความน่าเชื่อถือ พอมีความน่าเชื่อถือแล้วก็หารายได้


    ต้องระมัดระวังกันไว้




    .__________________ __________________.
    .__________________ __________________.
    .__________________ __________________.

    เรื่องของเด็กชายปลาบู่



    ----------------------------------------------------------


    (สารคดีตามรอยพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์)

    (เด็กชายปลาบู่ได้บอกไว้ว่า สมัยพุทธกาลตอนเองชื่อ ” อชิตะภิกษุ ” ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทำนายไว้ว่าจะได้เป็น “พระพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย” ในอนาคต สาเหตุที่มาเกิดเพราะต้องการให้พ่อ(ทองใบ คำสี) เป็น “สื่อ” ให้มีการแก้ไขปัญหาเรื่องเขื่อนพังจากแรงแผ่นดินไหวและอื่น ๆ ในปีที่ 38 หลังจากตนเองเสียชีวิต (ตรงกับ พ.ศ.2555))

    -http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B9%88.317307/-

    ----------------------------------------------------------


    **********************

    หาข้อมูลเรื่องอชิตะภิกขุ เพื่อประกอบการพิจารณา ข้อสงสัยเรื่องพระอชิตะ


    เรื่องพระอชิตะ อธิษฐานรับบาตรพระพุทธเจ้า มาจาก พระปฐมสมโพธิกถา 29 ปริจเฉท

    29 ปริเฉท อย่างย่อ
    :ที่มาจากมหาลัยศิลปากร

    พุทธประวัติ เริ่มเรื่องตั้งแต่ปริเฉทที่ 1 เรื่อยไปจนถึงปริเฉทที่ 29 ดังจะกล่าวถึง
    รายละเอียดแต่ละปริเฉทโดยย่อตามลำดับ ดังนี้

    ปริเฉทที่ 1 วิวาหมงคลปริวรรต กล่าวถึงความเป็นมาของวงศ์ทางพระชนกและ
    พระชนนีของเจ้าชายสิทธัตถะ คือพระเจ้าสุทโธทนะ (ศากยวงศ์) และพระนางศิริมหามายา
    (โกลิยวงศ์) เป็นลำดับ จนถึงตอนอภิเษกสมรสของทั้ง 2 พระองค์

    ปริเฉทที่ 2 ดุสิตปริวรรต กล่าวถึงเทพยดาทั้งหลายอันมีท้าวมหาพรหมเป็นประธานได้
    อัญเชิญโพธิสัตว์จุติลงสู่พระครรภ์ของพระนางศิริมหามายา

    ปริเฉทที่ 3 คัพภานิกขมนปริวรรต กล่าวถึงพระนางศิริมหามายาประสูติพระราชโอรส
    ณ. สวนลุมพินีวันพร้อมด้วยสหชาติทั้ง 7 คือ นางพิมพา (อัครมเหสี) พระอานนท์ (พุทธอุปัฏฐาก)
    นายฉันนะ (ผู้นำเสด็จออกผนวช) ม้ากัณฐกะอัศวราช (ม้าที่นำเสด็จออกผนวช) ไม้มหาโพธิ์
    (ต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าประทับตรัสรู้) ขุมทองทั้ง 4 และกาฬุทายีอำมาตย์ (ผู้อัญเชิญพระพุทธเจ้า
    เสด็จโปรดพุทธบิดา)

    ปริเฉทที่ 4 ลักขณปริคคาหกปริวรรต กล่าวถึงสิทธัตถะกุมารทรงทำปาฏิหารย์เสด็จขึ้น
    ไปยืนบนชฎาของกาฬเทวิลดาบสหลังประสูติได้ 5 วัน ต่อมาพระราชบิดาได้เชิญพราหมณ์ผู้ทรง
    วิชา 8 คนมาทำนายลักษณะของพระกุมาร การทำนายในครั้งนั้นพราหมณ์ 7 คนได้ทำนายเป็นอย่าง
    เดียวกันว่า หากพระกุมารอยู่ในเพศฆราวาสจะได้เป็นพระมหาจักพรรดิ์แต่หากบรรพชาจะได้ตรัสรู้
    เป็นพระศาสดา มีโกณฑัญญะพราหมณ์ผู้เดียวที่ถวายคำทำนายเป็นอย่างเดียวว่าพระกุมารจะเสด็จ
    ออกผนวชและได้บรรลุโพธิสมภาณ

    ปริเฉทที่ 5 ราชาภิเษกปริวรรต กล่าวถึงการสิ้นพระชนม์ของพระราชมารดาของ
    เจ้าชายสิทธัตถะหลังประสูติได้ 7 วันแล้วได้บังเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิตตามประเพณีของพุทธมารดา
    พระเจ้าสุทโธทนะซึ่งตั้งพระทัยจะให้สิทธัตถะกุมารได้เป็นพระมหาจักพรรดิ์จึงบำรุงบำเรอ
    ความสุขทุกประการต่อโอรส โดยสร้างปราสาท 3 ฤดูประทานและได้ตรัสขอพระราชธิดาจากพระ
    ญาติให้ เมื่อเจ้าชายมีพระชนมายุได้ 16 พรรษาได้ประลองศิลปศาสตร์ให้เป็นที่ประจักต่อพระญาติ
    ทั้งหลาย ทั้งหมดจึงพร้อมใจกันยกพระราชธิดารวม 40,000 นางให้เป็นชายา เจ้าชายสิทธัตถะได้
    ยกพระนางพิมพาขึ้นเป็นพระอัครมเหสี

    ปริเฉทที่ 6 มหาภินิกขมณปริวรรต เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะพระชนมายุได้ 29 พรรษา ได้
    เสด็จประพาสอุทยานพบกับคนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะที่เทวดานิมิต ทรงสังเวชพระทัยจึง
    ตัดสินใจออกผนวชในคืนวันนั้น ก่อนออกผนวชพระองค์ได้เสด็จไปทอดพระเนตรพระราหุล
    โอรสที่เพิ่งประสูติและพระนางพิมพาพระชายาแล้วจึงเสด็จพร้อมด้วยนายฉันนะและม้ากัณฐกะ
    เมื่อถึงริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราจึงได้ตัดพระเกศาลาเพศฆราวาส พระอินทร์จึงอัญเชิญพระเกศานั้นไป
    ประดิษฐานยังเจดีย์จุฬามณีบนดาวดึงส์สวรรค์ ฝ่ายท้าวฆฎิกาพรหมได้นำอัฐบริขารทั้ง 8 มาถวาย
    พร้อมทั้งอัญเชิญพระภูษาไปประดิษฐานยังทุสสเจดีย์บนพรหมโลก

    ปริเฉทที่ 7 ทุกรกิริยาปริวรรต นายฉันนะและม้ากัณฐกะนำอาภรณ์ของสิทธัตถะกลับ
    กรุงกบิลพัสดุ์แต่ม้ากัณฐกะอกแตกตายด้วยความเศร้าก่อนถึงพระนคร
    ข้างฝ่ายพระสิทธัตถะได้เข้าศึกษายังสำนักต่างๆแต่ไม่พบหนทางตรัสรู้ จึงเสด็จไปยัง
    ตำบลอุรุเวลาพบกับพราหมณ์ทั้ง 5 คือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และอัสสชิ
    พราหมณ์ทั้ง 5 ได้ปรนนิบัติพระองค์ขณะที่ทรงกระทำทุกรกิริยาเป็นเวลา 6 พรรษา แต่ด้วยการ
    กระทำที่ตึงจนเกินไปนี้พระอินทร์จึงได้ดีดพิณ 3 สายถวายเพื่อชี้ให้เห็นถึงทางสายกลาง ครั้นเมื่อ
    พระพุทธองค์เลิกกระทำทุกรกริยาแล้วพราหมณ์ทั้งหมดจึงละทิ้งพระองค์ไป

    ปริเฉทที่ 8 พุทธบูชาปริวรรต กล่าวถึงนางสุชาดาและบริวารได้หุงข้าวมธุปายาสถวาย
    ต่อพระสิทธัตถะ หลังจากพระพุทธองค์เสวยแล้วได้ทรงลอยถาดที่ใส่ของถวายพร้อมทั้งตั้งอธิฐาน
    จิตหากได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขอให้ถาดนั้นลอยทวนกระแสน้ำ ถาดนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำ
    ตามที่ทรงอธิษฐานราว 80 ศอกจึงจมลงสู่วิมานของพระยานาคราชกระทบกับถาดของพระอดีต
    พุทธเจ้าทั้ง 3 พระองค์ที่เคยอธิษฐานไว้เช่นเดียวกัน

    ปริเฉทที่ 9 มารวิชัยปริวรรต พระยาวัสดีมารได้ยกกองทัพมารมาสำแดงอิทธิฤทธิ์
    นานัปการจนเทวดาที่มาเฝ้าแหนชื่นชมบารมีต่างหลบหนีไปสิ้น พระสิทธัตถะจึงเหยียดนิ้วพระ
    หัตถ์ลงธรณีเรียกพระแม่ธรณีขึ้นมาเป็นพยานการประกอบทานบารมีของพระองค์ในอดีตชาติ พระ
    แม่ธรณีจึงปรากฏเฉพาะพระพักตร์บิดเอาน้ำจากพระโมฬีที่สิทธัตถะเคยหลั่งทักษิโณทกใหลท่วม
    จนกองทัพมารแตกพ่ายไป

    ปริเฉทที่ 10 อภิสัมโพธิปริวรรต พระสิทธัตถะทรงประทับสมาธิใต้ต้นพระศรีมหา
    โพธิ์ในวันเพ็ญเดือน 6 ยามปฐมยาม มัชฌิมยาม และปัจฉิมยาม พิจารณาญาณต่างๆจนตรัสรู้
    อริยสัจ 4

    ปริเฉทที่ 11 โพธิสัพพัญญูปริวรรต ภายหลังตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระ
    พุทธองค์ทรงเสวยวิมุติสุข ณ. สัตตมหาสถานทั้ง 7 แห่ง แห่งละสัปดาห์ ดังนี้
    สัปดาห์ที่ 1 ประทับบนรัตนบัลลังก์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ท่ามกลางเทพยดา
    ที่มาชื่นชมบารมี
    สัปดาห์ที่ 2 ประทับลืมพระเนตรพิจารณามหาโพธิบัลลังก์ (อนิมิสเจดีย์)
    สัปดาห์ที่ 3 ประทับจงกรม
    สัปดาห์ที่ 4 ประทับนั่งในเรือนพิจารณาหลักธรรมจนบังเกิดฉัพพรรณรังสี
    รอบพระวรกาย
    สัปดาห์ที่ 5 ประทับเสวยวิมุติสุขใต้ต้นอัชปาลนิโครธ (ต้นไทร) ในครั้งนี้ธิดา
    พระยาวัสดีมารได้เข้ายั่วยวนด้วยกิเลสทั้งปวงแต่พระพุทธองค์ทรงขับไล่จนแตกพ่ายไป
    สัปดาห์ที่ 6 ประทับเสวยวิมุติสุขใต้ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) ครั้นประทับอยู่ฝนได้
    ตกลงมาอย่างหนัก พระยานาคมุจลินท์จึงขึ้นมาแผ่พังพานปกคลุมพระวรกาย หลังฝนหยุดตกแล้ว
    จึงแปลงกายเป็นหนุ่มน้อยถวายอัญชลีต่อพระพุทธองค์
    สัปดาห์ที่ 7 ประทับเสวยวิมุติสุขใต้ต้นราชายตนะพฤก พระอินทร์ได้ลงมา
    ถวายผลสมออันเป็นทิพย์โอสถ และในสัปดาห์นี้พานิช 2 พี่น้องคือ ตปุสสะและภัลลิกะได้นำ
    สตุก้อนและสตุผงมาถวาย พระพุทธองค์ทรงรับสตุนั้นด้วยบาตรที่ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ได้นำมา
    ถวายโดยสมานให้เป็นใบเดียว

    ปริเฉทที่ 12 พรหมัชเฌสนปริวรรต ท้าวสหัมบดีพรหมและเหล่าเทวดาลงมาอาราธนา
    พระพุทธองค์แสดงธรรมโปรดสัตว์ทั้งหลาย

    ปริเฉทที่ 13 ธัมมจักกปริวรรต พระพุทธองค์เสด็จสู่ป่าอิสิปตนมฤคทายวันในวันขึ้น
    15 ค่ำ เดือน 8 ทรงแสดงปฐมเทศนาโปรดปัญจวัคคีจนบรรลุโพธิญาณ

    ปริเฉทที่ 14 ยสบรรพชาปริวรรต กล่าวถึงยสะบุตรของเศรษฐีผู้หนึ่งซึ่งเกิดความเบื่อ
    หน่ายในกามคุณ ได้ดำเนินไปยังป่าอิสิปตนมฤคทายวันพบกับพระพุทธองค์ที่กำลังจงกรมอยู่ พระ
    พุทธองค์ได้เทศนาอริยสัจ 4 โปรดยสะจนได้ดวงตาเห็นธรรมขอบรรพชาเป็นพระสงฆ์สาวกใน
    พุทธศาสนา ฝ่ายบิดาของพระยสะได้ออกตามหาบุตรครั้นเห็นรองเท้าวางอยู่ในที่ประทับของพระ
    พุทธองค์จึงเข้าไปอภิวาท พระพุทธเจ้าได้แสดงธรรมโปรดบิดาแห่งพระยสะจนบรรลุโสดาบัน
    บิดาของพระยสะจึงประกาศตนเป็นปฐมอุบาสกในพุทธศาสนา
    เศรษฐีได้อาราธนาพระพุทธเจ้าและพระยสะเข้าไปฉันอาหารยังเคหะสถาน ครั้งนั้น
    พระพุทธเจ้าได้เทศนาโปรดมารดา ภรรยา และเหล่าสหายของพระยสะจนบรรลุโสดาบัน มารดา
    และภรรยาของพระยสะจึงประกาศตนเป็นปฐมอุบาสิกาคู่แรก ฝ่ายสหายของพระยสะต่างบรรพชา
    เป็นสาวกของพระพุทธองค์

    ปริเฉทที่ 15 อุรุเวลคมนปริวรรต กล่าวถึง พระพุทธองค์ทรงโปรดชฎิล 3 พี่น้อง คือ
    อุรุเวลกัสสปะ นทีกัสสปะ และคยากัสสปะ ชฎิลทั้ง 3 ล้วนมีทิฐิต่อพระพุทธองค์จึงทรงแสดง
    ปาฏิหาริย์ปราบจนทั้ง 3 ยอมแพ้ขออุปสมบทพร้อมด้วยเหล่าบริวาร

    ปริเฉทที่ 16 อัครสาวสกบรรพชาปริวรรต ครั้งนั้นอุปติสะกับโกลิตะบุตรพราหมณ์ได้
    เลื่อมใสในพุทธศาสนาจึงพากันมาพร้อมด้วยบริวารเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อขออุปสมบท ภายหลัง
    อุปสมบทแล้วอุปติสได้นามว่าพระสารีบุตร ส่วนโกลิตะได้นามว่าพระโมคคัลลานะ พระที่บวชใน
    คราวนั้นล้วนแต่บรรลุอรหันต์ก่อนทั้งหมด ยกเว้นพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะที่บรรลุใน
    ภายหลัง

    ปริเฉทที่ 17 กปิลวัตถุคมณปริวรรต เมื่อพุทธบิดาสุทโธทนะทราบข่าวพระพุทธองค์
    ทรงตรัสรู้ จึงได้ส่งอำมาตย์พร้อมด้วยบริวารมาอาราธนาทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์ถึง
    9 ครั้ง เนื่องด้วยอำมาตย์และบริวารเหล่านั้นต่างศรัทธาในพุทธศาสนาขออุปสมบทเสียทุกครั้ง ใน
    ครั้งที่ 9 กาฬุทายีอำมาตย์พร้อมบริวารก็ได้อุปสมบทเช่นเดียวกันแต่หลังจากอุปสมบทแล้ว 7 วันได้
    ทูลเชิญพระพุทธเจ้าเสด็จกรุงกบิลพัสดุ์เพื่อโปรดพุทธบิดา พระพุทธองค์ได้ตรัสพระธรรมเทศนา
    เรื่องมหาเวสสันดรชาดกประทานพุทธบิดาและเหล่าประยูรญาติ

    ปริเฉทที่ 18 พิมพาพิลาปปริวรรต พระนางพิมพาได้ชี้แนะให้พระราหุลโอรส
    ทอดพระเนตรพุทธบิดาขณะกำลังบิณฑบาตในกรุงกบิลพัสดุ์ พระเจ้าสุทโธทนะทราบดังนั้นจึงทูล
    เชิญพระพุทธเจ้าเข้าบิณฑบาตภายในเคหะสถาน นางพิมพาทรงน้อยพระทัยที่พระพุทธองค์ทอดทิ้ง
    จึงไม่ออกมาเข้าเฝ้า พระพุทธองค์จึงแสดงธรรมเทศนาจันทกินรชาดกโปรดนางพิมพาจนบรรลุ
    โสดาบัน

    ปริเฉทที่ 19 สักยบรรพชาปริวรรต เหล่าประยูรญาติของพระพุทธจ้า ทั้งพระอานนท์
    พุทธอนุชา พระราหุลโอรส พระเทวทัตต์และอีกหลายพระองค์ได้ทูลขออุปสมบท ต่อมาพระ
    เทวทัตต์คิดร้ายต่อพระพุทธองค์กลิ้งหินลงมาจากเขาคิชกูฏจนข้อพระบาทห้อพระโลหิต อีกทั้งยัง
    ปล่อยช้างนาฬาคีรีประทุษร้ายขณะทรงบิณฑบาต ท้ายที่สุดพระเทวทัตต์จึงถูกแผ่นดินสูบจม
    หายไป

    ปริเฉทที่ 20 เมตตไตยพยากรณ์ปริวรรต พระเมตไตยโพธิสัตว์ซึ่งถือกำเนิดเป็นโอรส
    ของพระเจ้าอชาตศัตูมีนามว่าอชิตกุมาร ต่อมาได้อุปสมบทและได้รับพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าว่า
    จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป

    ปริเฉทที่ 21 พุทธปิตุนิพพานปริวรรต ครั้นเมื่อพระพุทธเจ้าทราบว่าพุทธบิดาประชวร
    หนักจึงเสด็จไปเยี่ยมและแสดงธรรมถวายจนบรรลุอรหันต์ก่อนนิพพาน ต่อมาพระพุทธองค์ทรงมี
    พุทธานุญาติให้สตรีสามารถอุปสมบทเป็นภิกษุณีได้จากการทูลอ้อนวอนขอของพระอานนท์

    ปริเฉทที่ 22 ยมกปาฎิหารย์ปรวรรต เศรษฐีแห่งกรุงราชคฤห์ได้ประกาศท้าให้พระ
    ผู้สำเร็จอรหันต์เหาะขึ้นไปเอาบาตรที่แขวนอยู่บนยอดไม้ พวกเดียรถีย์ได้ขันอาสาแต่ไม่สามารถ
    เหาะได้ พระบิณโฑลภารทวาชและพระโมคคัลลานะจึงได้แสดงปาฏิหาริย์เหาะนำบาตรนั้นลงมา
    เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบจึงทรงห้ามปรามไม่ให้ภิกษุสงฆ์แสดงปาฏิหารย์อีกต่อไป
    ฝ่ายเดียรถีย์ซึ่งเหาะไม่ได้แต่ได้พูดโอ้อวดตนไม่ลดละ พระพุทธเจ้าจึงตรัสจะกระทำ
    ปาฏิหาริย์ให้ประจักษ์ในวันเพ็ญเดือน 8 ใต้ต้นมะม่วง ณ. กรุงสาวัตถี เมื่อถึงกำหนดพระพุทธองค์
    จึงเสด็จจงกรมกระทำยมกปาฏิหาริย์ปราบเหล่าเดียรถีย์จนหลบหนีไป

    ปริเฉทที่ 23 เทศนาปริวรรต พระพุทธองค์เสด็จขึ้นไปยังดาวดึงส์สวรรค์เพื่อรอพระ
    อินทร์อัญเชิญพุทธมารดาลงมาจากสวรรค์ชั้นดุสิต แล้วจึงแสดงธรรมเรื่องสัตตปกรณาภิธรรม
    โปรดพุทธมารดาจนบรรลุโสดาบัน

    ปริเฉทที่ 24 เทโวโรหนปริวรรต พระพุทธองค์ทรงจำพรรษาบนดาวดึงส์สวรรค์เป็น
    เวลา 3 เดือนจึงเสด็จลง ในครั้งนั้นพระอินทร์ได้เนรมิตบันไดเงิน บันไดทอง และบันไดแก้วพาด
    จากยอดเขาพระสุเมรุลงสู่เมืองสังกัสสะ และเสด็จพร้อมด้วยพระพรหมและเทวดาทั้งหลายมาส่ง
    เสด็จ

    ปริเฉทที่ 25 อัครสาวกนิพพานปริวรรต ในพรรษาที่ 45 ของพระพุทธองค์ พระ
    สารีบุตรได้กราบลากลับบ้านเกิดเพื่อเยี่ยมเยียนพระมารดาและทูลขอนิพพาน ฝ่ายพระโมคคัลลานะ
    ได้ประสบกรรมเก่าถูกพวกโจรทุบตีจนกระดูกแหลกจึงทูลลานิพพานต่อพระพุทธองค์เช่นเดียวกัน

    ปริเฉทที่ 26 มหาปรินิพพานปริวรรต เมื่อพระพุทธองค์มีพระชนม์ 80 พรรษา พระ
    ยาวัสดีมารได้ทูลอาราธนาให้เสด็จสู่นิพพาน พระพุทธองค์ตรัสรับนิพพานนั้น เมื่อครบกำหนด 3
    เดือนจึงเสด็จนิพพาน ณ. กรุงกุสินาราในวันเพ็ญเดือน 6

    ปริเฉทที่ 27 ธาตุวิภัชนน์ปริวรรต ในวาระที่ถวายเพลิงพระศพของพระพุทธองค์ไม่
    สามารถจุดไฟให้ติดได้ จนกระทั่งพระมหากัสสปะได้มากราบพระบาทไฟจึงจุดติด หลังถวาย
    เพลิงพระศพแล้ว โทณพราหมณ์ทำหน้าที่แบ่งพระธาตุให้กับกษัตริย์ทั้งหลายแต่ตนเองกลับ
    ซุกซ่อนพระเขี้ยวแก้วเบื้องขวาไว้ที่มวยผม พระอินทร์จึงลอบหยิบพระเขี้ยวแก้วนั้นอัญเชิญไป
    บรรจุไว้ในพระจุฬามณีเจดีย์บนดาวดึงส์สวรรค์ซึ่งบรรจุพระเกษาของพระพุทธองค์ครั้งทรงผนวช

    ปริเฉทที่ 28 มารพันธปริวรรต พระมหากัสสปะเกรงว่าพระสารีริกธาตุจะมีอันตรายจึง
    ปรึกษากับพระเจ้าอชาตศรัตรูสร้างเจดีย์ครอบไว้ หลังจากนั้นอีก 218 ปี พระเจ้าอโศกมหาราชจึง
    ได้รื้อสถูปและนำพระธาตุนั้นแจกจ่ายไปประดิษฐานตามเมืองต่างๆพร้อมทั้งสร้างเจดีย์บรรจุพระ
    บรมสารีริกธาตุส่วนที่เหลือ พระยาวัสดีมารจะเข้าทำลายพิธีเหล่าภิกษุสงฆ์จึงอัญเชิญพระอุปคุปต์
    มาปราบปราม

    ปริเฉทที่ 29 ธาตุอันตรธานปริวรรต กล่าวถึงการเสื่อมสูญของพุทธศาสนาอันเกิดจาก
    สาเหตุ 5 ประการ คือ
    1. ภิกษุทั้งหลายขัดสนด้วยจตุปัจจัย พระไตรปิฎกไม่มีใครเรียนรู้
    2. ภิกษุเกิดความเหนื่อยหน่ายที่จะรักษาศีลให้บริสุทธิ์
    3. เมื่อการปฏิบัติเสื่อมลงจะไม่มีผู้ใดบรรลุโสดาบัน
    4. เมื่อภิกษุเสื่อมสูญมารยาท ผู้คนสิ้นความเลื่อมใสต้องหันไปประกอบอาชีพ
    อื่น
    5. เมื่อความศรัทธาเสื่อมถอยไปหมดไม่มีใครบูชาพระธาตุที่ประดิษฐานใน
    สถูปเจดีย์ต่างๆ

    29 ปริเฉท อย่างย่อ
    :ที่มาจากมหาลัยศิลปากร

    ส่วนเรื่อง อชิตมาณพ ศิษย์พราหมณ์พาวรี อยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๒ ขุททกนิกาย จูฬนิทเทส
    อชิตมาณวกปัญหานิทเทส ว่าด้วยปัญหาของท่านอชิตะ

    เพื่อให้อ่านง่าย ก็สรุปเรื่องราวได้ดังนี้
    พระอชิตเถระ
    ชาติภูมิ
    ท่านพระอชิตะ เกิดในตระกูลพราหมณ์ กรุงสาวัตถี เดิมชื่อว่า อชิตมาณพ เมื่อมีอายุสมควรแก่การเล่าเรียนแล้ว มารดาบิดาได้นำไปฝากให้เป็นศิษย์เล่าเรียนศิลปะ ในสำนักของพราหมณ์พาวรีผู้เป็นปุโรหิตของพระเจ้าปเสนทิโกศล ครั้นเมื่อพราหมณ์พาวรีคิดเบื่อหน่ายในฆราวาสวิสัย จึงได้ถวายบังคมลาพระเจ้าปเสนทิโกศลออกจากหน้าที่ปุโรหิต ออกบวชเป็นชฎิล ประพฤติพรตตามลัทธิของพราหมณ์ ตั้งอาศรมอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวารี ที่พรมแดนแห่งเมืองอัสสกะและอาฬกะต่อกัน เป็นอาจารย์ใหญ่บอกไตรเพทแก่หมู่ศิษย์ อชิตมาณพพร้อมกับมาณพอื่นได้ออกบวชติดตามด้วย และอยู่ศึกษาศิลปวิทยาในสำนักของพราหมณ์พาวรีนั้นฯ

    พราหมณ์พาวรีผูกปัญหาให้ไปทูลถามพระบรมศาสดา

    ครั้นต่อมา พราหมณ์พาวรีได้ทราบข่าวว่า พระสิทธัตถราชกุมาร ผู้เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าศักยะทรงผนวช ปฏิญญาของพระองค์ว่าเป็นผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ แสดงธรรมสั่งสอนประชาชน มีคนเชื่อและเลื่อมใสยอมเป็นสาวกปฏิบัติตามคำสั่งสอนเป็นจำนวนมาก พราหมณ์พาวรีประสงค์จะสืบสวนให้ได้ความจริง จึงเรียกมาณพผู้เป็นศิษย์สิบหกคน มีอชิตมาณพเป็นหัวหน้าผูกปัญหาให้คนละหมวด ๆ ให้ไปกราบทูลลองถามดูจึงอชิตมาณพพร้อมด้วยมาณพอีกสิบห้าคน ลาพราหมณ์พาวรีผู้เป็นอาจารย์ แล้วพากันไปเฝ้าพระบรมศาสดาที่ปาสาณเจดีย์ แคว้นมคธ กราบทูลขอโอกาสถามปัญหาคนละหมวด ๆ เมื่อพระบรมศาสดาทรงประทานโอกาสอนุญาตแล้ว อชิตมาณพผู้เป็นหัวหน้า จึงกราบทูลถามปัญหาทีแรก ๔ ข้อว่า

    โลก คือ หมู่สัตว์อันอะไรปิดบังไว้ จึงหลงดุจอยู่ในความมืด เพราะอะไรเป็นเหตุจึ้งไม่มีปัญญาเห็นปรากฏ พระองค์ตรัสว่าอะไรเป็นเครื่องฉาบไล้สัตว์โลกนั้นให้ติดอยู่ ตรัสว่าอะไรเป็นภัยใหญ่ของสัตว์โลกนั้น

    พระบรมศาสดาทรงพยากรณ์ว่า โลก คือ หมู่สัตว์อันอวิชชา คือ ความไม่รู้แจ้งปิดบังไว้ จึงหลงดุจอยู่ในที่มืด เพราะความอยากมีประการต่าง ๆ และความประมาทเลินเล่อ จึงไม่มีปัญญาเห็นปรากฏ เรากล่าวว่า ความอยากเป็นเครื่องฉาบไล้สัตว์โลกให้ติดอยู่ และเรากล่าวว่า ทุกข์เป็นภัยใหญ่ของสัตว์โลกนั้น ฯ

    อชิตมาณพ

    ขอพระองค์จงตรัสบอกว่า อะไรเป็นเครื่องห้าม เครื่องปิดกั้นความอยาก ซึ่งเป็นดุจกระแสน้ำหลั่งไหลไปในอารมณ์ทั้งปวง ความอยากนั้นจะละได้เพราะธรรมอะไร?

    พระพุทธเจ้า

    เรากล่าวว่า สติเป็นเครื่องห้าม เป็นเครื่องป้องกันความอยาก และความอยากนั้น จะละได้เพราะปัญญาฯ

    อชิตมาณพ

    ปัญญา สติ กับ นามรูปนั้น จะดับไป ณ ที่ไหน ข้าพระพุทธเจ้ากราบทูลถามแล้ว ขอพระองค์ตรัสบอกความข้อนี้แก่ข้าพระพุทธเจ้า?

    พระพุทธเจ้า

    เราจะแก้ปัญหาที่ท่านถามถึงที่ดับของนามรูปทั้งหมด ไม่มีเหลือแก่ท่าน เพราะวิญญาณดับไปก่อน นามรูปจึงดับไป ณ ที่นั้นเองฯ

    อชิตมาณพ

    ชนได้เห็นธรรมแล้ว (ได้บรรลุมรรคผลแล้ว) และชนผู้ยังต้องศึกษาอยู่สองพวกนี้มีอยู่ในโลกเป็นอันมาก ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบทูลถามถึงความประพฤติของชนพวกนั้น พระองค์มีปัญญาแก่กล้า ขอจงตรัสบอกแก่ข้าพระพุทธเจ้า?

    พระพุทธเจ้า

    ภิกษุผู้ได้เห็นธรรมแล้ว และชนผู้ต้องศึกษาอยู่ต้องเป็นคนไม่กำหนัดในกามทั้งหลาย มีใจไม่ขุ่นมัว ฉลาดในธรรมทั้งปวง มีสติอยู่ทุกอิริยาบถฯ

    บรรลุพระอรหันต์

    ครั้นสมเด็จพระบรมศาสดา ทรงพยากรณ์ปัญหาที่อชิตมาณพกราบทูลถามอย่างนี้แล้ว ในที่สุดการแก้ปัญหา อชิตมาณพก็ได้สำเร็จพระอรหัตผล (ก่อนอุปสมบท) เมื่อจบโสฬสปัญหาพยากรณ์แล้ว อชิตมาณพพร้อมด้วยมาณพสิบห้าคน กราบทูลขออุปสมบทในพระธรรมวินัย พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้เป็นภิกษุด้วยวิธีเอหุภิกขุอุปสัมปทา ท่านพระอชิตะดำรงชนมายุอยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธปรินิพพานฯ...

    ปล.ข้อสังเกตุ เรื่อง พระอชิตะอธิษฐานรับบาตรพระพุทธเจ้า ไม่มีในพระไตรปิฎกฉบับเถรวาท แต่พบใน พระปฐมสมโพธิกถา 29 ปริจเฉท ซึ่งเป็นวรรณคดีสมัยรัตนโกสินทร์ พระนิพนธ์ของสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทำนองแต่ง- ใช้ร้อยแก้ว มีคาถาบาลีแทรกบ้าง
    เรื่อง ย่อ - เรื่องแบ่งออกเป็น ๒๙ ปริจเฉท เริ่มต้นลำดับศากยวงศ์ จนถึง พระสิทธัตถะอภิเษกกับนางพิมพา เสด็จออกผนวช บรรลุพระโพธิญาณ เสด็จกลับมาโปรดพุทธบิดาและนางพิมพา เสด็จปรินิพพาน พราหมณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุ พระเจ้าอโศกมหาราชทรงแบ่งพระบรมสาริกธาตุออก ๘๔,๐๐๐ ส่วน ตอนท้ายกล่าวถึงอันตรธาน ๕ ในอนาคต ได้แก่ อันตรธานแห่งพระปริยัติ การปฏิวัติ การตรัสรู้มรรคผล สมณเพศและธาตุ
    ข้อ คิดเห็น - เนื้อเรื่องปฐมสมโพธิกถานี้ มีคติทางมหายานและหินยานปนกันอยู่ เช่น กล่าวถึงพระศรีอารยเมตไตรย เป็นต้น หนังสือเรื่องนี้ อำนวยประโยชน์ทั้งทางศาสนาและวรรณคดี ทางศาสนาได้ความรู้เกี่ยวกับพุทธประวัติอย่างพิสดาร ทางวรรณคดีเป็นแบบอย่างแห่งความเรียงพรรณนา ใช้สำนวนโวหารสูง คำศัพท์ส่วนมากเป็นศัพท์บาลี ทำให้ได้ความรู้ทางภาษาเป็นอันมาก

    ขอขอบคุณที่มาคะ
    ปฐมสมโพธิกถา - วรรณคดีสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ | กลุ่มจุดตะเกียง

    โพสโดยคุณ k.kwan
    -http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B9%88.317307/-

    **********************​
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .

    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    .
    จาก pm (Private Message)


    Private Message: ขอร่วมบริจาค <table id="post" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> [​IMG] วันนี้, 10:08 AM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right">
    </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> Nui28
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Nov 2011
    ข้อความ: 0
    พลังการให้คะแนน: 0 [​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> <center>ขอร่วมบริจาค

    </center>
    <hr style="color:#FFFFFF; background-color:#FFFFFF" size="1"> เรียนคุณสิทธิพงศ์
    จาก การที่ได้ติดตามอ่านเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดร ผมมีความศรัทธาในหลวงปู่จึงขอร่วมทำบุญ ซึ่งผมอยากได้พระปิดตาพิมพ์หลวงพ่อแก้วกับพระผงวาสนาที่หลวงปู่ทั้ง 5 องค์ปลุกเสกคับ ส่วนการทำบุญผมจะทำตามที่คุณสิทธิพงศ์ได้แนะนำคุณ Trainsss ในหน้าพระวังหน้าก็ได้คับ ส่วนแต่ละที่จะให้ร่วมบริจาคเท่าไรนั้นคุณสุทธิพงศ์ช่วยระบุให้ด้วยคับ ขอขอบคุณที่ให้ความรู้คับ
    </td></tr></tbody></table>

    --------------------------------------------------------------------------



    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">คุณ sithiphong [​IMG]
    .

    ขอโมทนาบุญครับ

    [​IMG]

    สำหรับการทำบุญ ยินดีครับ

    แต่ว่า ในปัจจุบัน มีการให้เช่าพระวังหน้าด้วยจำนวนเงินที่สูงมาก บางเว็บฯยังนำพระเก๊มาให้เข่าองค์ละ 5,000 บาท ก็ยังมี

    หากต้องการที่จะได้จริงๆ ผมให้ร่วมทำบุญ 6,000.- บาท โดยแบ่งการทำบุญดังนี้

    1.มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ จำนวนเงิน 1,000.-บาท

    [​IMG] [​IMG]


    [​IMG] [​IMG]


    2.มูลนิธิชัยพัฒนา จำนวนเงิน 1,000.-บาท
    ชื่อบัญชี มูลนิธิชัยพัฒนา
    บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 067-2-00011-9
    ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยสวนจิตรลดา
    เมื่อโอนเงินร่วมทำบุญแล้ว ให้เขียนชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ให้ชัดเจนแล้วส่งไปที่เบอร์FAX 0-2282-3339
    โทรศัพท์ 0-2282-4425-8 ,0-2282-3338

    3.สภากาชาดไทย จำนวนเงิน 1,000.-บาท
    ชื่อบัญชี : สภากาชาดไทย เพื่อการรับ
    บริจาคเงินต่าง ๆ
    เลข ที่ : 045-2-88000-6
    ประเภท : ออมทรัพย์
    ธนาคาร : ไทยพาณิชย์
    สาขา : สภากาชาดไทย
    หมายเหตุ :แฟกซ์ใบนำฝากพร้อมชื่อ-ที่อยู่ ที่หมายเลข 0-2256-4064
    สอบถามโทร 0-2256-4068
    หรือแฟ็กซ์ที่หมายเลข0-2256-4069
    สอบถามโทร. 02-256-4000
    ต่อ 3293 และ 3299
    E-mail finance@redcross.or.th


    4.ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ ท่านอาจารย์ประถม อาจสาคร 1,000.-บาท
    ชื่อบัญชี "ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร" (pratom foundation)
    บัญชีออมทรัพย์ หมายเลข 348-1-23245-9
    บัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส)

    5.งานบุญต่างๆจา่กกระทู้ขอเชิญร่วมสร้างพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ณ สำนักสงฆ์ผาผึ้ง อ.บ้านเขว้า จ.ชัยภูมิจำนวนเงินร่วมทำบุญ 1,000.-บาท
    บัญชีบมจ.ธ.กรุง ไทย สาขาลาดพร้าว102 บช.ออมทรัพย์เลขที่1890-13128-8 บัญชี นางพิชญ์สินี ชาญปารีสชญา,นายอุเทน งามศิริ,นายสิรเชษฎ์ ลีละสุนทเลิศ


    6.ร่วมสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทอง จำนวน 1,000.-บาท
    กระทู้ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิตพระเณรบช.ออมทรัพย์ 2030-06304-5 บัญชี รร.พระปริยัติธรรมบ่อเงินบ่อทองบมจ.ธ.กรุงไทย สาขาพนมสารคาม
    -http://palungjit.org/threads/ขอความเมตตาช่วยต่อชีวิต-พระเณร.21733/page-123-

    เมื่อร่วมทำบุญแล้ว ให้โพสสลิปลงในกระทู้พระวังหน้าฯ
    ในกรณีโพสสลิป ให้ขีดชื่อ - นามสกุล ,ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของท่านออก ให้เหลือแค่รายละเอียดการโอนเงินร่วมทำบุญเท่านั้น

    ผมจะจัดส่งพระสมเด็จเนื้อผงยาวาสนา ให้ 1 องค์ และพระปิดตา พิมพ์หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ให้ 1 องค์ครับ
    [​IMG]


    ส่วนค่าจัดส่ง ไม่ต้อง ผมจ่ายให้เองครับ
    (มีน้องของผมบางท่าน ได้ร่วมจ่ายค่าจัดส่งให้เช่นกัน)


    ส่วนเรื่องของการศึกษา คงต้องใช้ความพยายามในการอ่านในกระทู้พระวังหน้าฯเท่านั้นครับ ผมไม่มีการลงในเว็บอื่นๆ แต่อาจจะมีบางเรื่องที่ผมไม่ได้ลงในกระทู้พระวังหน้าฯเว็บพลังจิต แต่ผมไปลงในเว็บใต้ร่มธรรมครับ



    .

    </td></tr></tbody></table>

    ในชีวิตผมนี้ ตั้งแต่ได้พบได้เห็นบุคคลต่างๆมากมาย

    ผมยังไม่เคยเห็นใคร หรือ ท่านใด ที่ช่วยเหลือผู้คนได้มากขนาดในหลวง

    สำหรับบุคคลธรรมดา ที่ไม่ใช่พระสงฆ์ ในหลวงเป็นบุคคลที่สุดยอดของโลกนี้แล้วครับ

    ทำบุญร่วมกับพระองค์ท่าน ต้องดีเลิศแน่นอน

    ผมรับประกันได้ครับ

    ผมเองอย่างที่เคยบอกไว้ในกระทู้พระวังหน้าฯ ผมเองทำบุญเกือบทุกวัน ยกเว้นวันอาทิตย์ที่บางครั้งก็ลืมทำ ผมจะมีอยู่ 1 กล่องที่ผมทำบุญกับมูลนิธิราชประชาฯ หรือ มูลนิธิชัยพัฒนา หรือ สภากาชาดไทย ครับ

    .

    การร่วมทำบุญเืพื่อรับพระวังหน้าในกระทู้พระวังหน้าฯและกระทู้ที่sithiphong ได้ตั้งขึ้นเพื่องานบุญทุกๆงาน

    หมายเหตุ 1 ผมไม่ถ่ายรูปพระพิมพ์ลงในเว็บครับ

    หมายเหตุ พระ พิมพ์(พระเครื่อง)ที่ผมจะมอบให้เพื่อเป็นพุทธานุสติและเพื่อบูชานั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง)ที่ไม่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่องไทย(วง การซื้อ-ขายพระ) ได้ หากท่านต้องการพระพิมพ์(พระเครื่องที่สามารถนำไปซื้อขายในวงการพระเครื่อง ของเมืองไทย (วงการซื้อ-ขายพระ) ก็ไม่ต้องร่วมทำบุญและรับพระพิมพ์(พระเครื่อง)ไป

    แต่ พระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่ผมมอบให้นั้น เป็นพระพิมพ์(พระเครื่อง) ที่สร้างขึ้นที่วังหน้า โดยกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญ มีพระบัณฑูรให้สร้างขึ้น โดยช่างสิบหมู่แห่งวังหน้าเป็นผู้สร้าง และนำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่วัดบวรสถานสุทธาวาส (พระอุโบสถประจำวังหน้า) มีการอาราธนาคณะหลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) และ หรือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี และ หรือ กลุ่มหลวงปู่องค์อภิญญาใหญ่ (เช่น หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน , หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า , หลวงปู่ภู วัดอินทรวิหาร , หลวงปู่กรมพระยาปวเรศ เป็นต้น) อธิษฐานจิต ระหว่างปี พ.ศ.2400- 2428 หรือ พระที่สร้างขึ้นที่วังหลวง นำเข้าพระราชพิธีพุทธาภิเษกหลวงที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) ปี พ.ศ.2429-2434

    แต่ หากจะนำไปเพื่อเป็นพุทธานุสติ และหรือการห้อยคอเพื่อคุ้มครองตนเอง และหรือการบูชาต่างๆ เพื่อเป็นการบูชาพระคุณองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามกุกุกสันโธ ,องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนาม สมณโคดม ,หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดร ,สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ( การบูชาพระคุณพระสิวลีเถระเจ้า ,พระอนุรุธเถระเจ้า ,พระอุปคุตเถระเจ้า เนื่องจากการนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกเพิ่มเติม) ,การบูชาพระคุณองค์พระมหากษัตริย์ไทยทุกๆพระองค์ ,พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ,พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ,องค์อุปราชวังหน้า รัตนโกสินทร์ทุกๆพระองค์ และทั้งช่างสิบหมู่แห่งวังหน้า ,วังหลวง ,วังหลัง ,ช่างราษฎร์ทุกๆท่านและเทพเทวาทั้ง 16 ชั้นฟ้าและที่อยู่ในองค์พระพิมพ์(พระเครื่อง)ครับ

    ซึ่ง เรื่องที่ผมได้บอกนั้น เป็นความเชื่อ ,ความเห็นของผม รวมทั้งคณะของผม ซึ่งก็แล้วแต่ท่านผู้ร่วมทำบุญและท่านผู้อ่านทุกๆท่าน จะมีความคิดเห็นอย่างไร ก็สุดแล้วแต่ครับ

    โมทนาบุญทุกประการกับทุกๆท่านครับ
    </td></tr></tbody></table>
    .__________________ __________________.

    ผมให้เวลาตัดสินใจจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2555

    หลังจากนั้น หากไม่มีงานบุญที่ผมบอกในกระทู้พระวังหน้าฯนี้ ผมต้องให้ร่วมทำบุญไม่น้อยกว่า องค์ละ 10,000.-บาท

    เพราะว่า ปัจจุบัน พระวังหน้าฯ ขนาดเก๊ บางเว็บฯยังขายกันองค์เป็นหมื่นก็มีครับ

    แจ้งมาเพื่อทราบครับ




    .
    </td> </tr> </tbody></table>

    .__________________ __________________.

    จากเดิม ผมให้เวลาตัดสินใจจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2555

    ตอนนี้ผมเปลี่ยนใจแ้ล้ว ให้ตัดสินใจว่า จะร่วมทำบุญหรือไม่ ไม่เกินวันศุกร์ที่ 6 มกราคม 2555 ครับ



    .
     
  20. TrainSSS

    TrainSSS สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +4
    เรียนคุณเพชร. ผมได่้นั่งสมาธิก่อนปีใหม่รวม18นาทีแล้วครับเมื่อคืนวันที่31ที่ผ่านมา. และสวดมนต์บทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกเรียบร้อยแล้วครับ.
    สวัสดีปีใหม่ครับ
    เทรน
     

แชร์หน้านี้

Loading...