พระเครื่อง/เครื่องรางทั่วไป

ปลัดขิกrาแกะ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ

หุ้มนาค ห่วงทองคำแท้ รับประกัน ที่มาดีครับ

บูชา 8,500 บาท

 

บูชา 2,700 บาท

 

ลูกอม หลวงปู่ดู่ วัดสะแก

เม็ดเล็ก ขนาดเท่าไข่จิ้งจก หายาก มากๆ รับประกันทุกสนาม แกะออกจากกรอบพลาสติกเดิมแล้วครับ

บูชา 2,600 บาท

 

ปิด



พระกลีบบัวหลังพระนาคปรก หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์

บูชา 1,800 บาท

 

ปิดแล้วครับ




ตะกรุดเงินทุบไตรมาศหลวงพ่อโต วัดบ้านกล้วย (โคราช)

ตะกรุดในตำนานของเมืองโคราช ตัวจริงที่หายากมากๆ หลวงพ่อโต วัดบ้านกล้วย ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์เมืองโคราช เป็นศิษย์ของ "หลวงปู่หริ่ง สุวณฺณโชติ วัดบ้านตะบอง อ.พิมาย" ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมากในสมัยสงครามโลก ยุคใกล้เคียงกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
...การสร้างมงคลวัตถุมงคลยุคแรก ส่วนใหญ่เป็นเครื่องรางเช่น ตะกรุดโทน , ตะกรุดแคล้วคลาดเมตตา , เชือกผูกเอว , เสื้อยันต์ , ผ้ายันต์

ตะกรุดเงินทุบเป็นอีกชิ้นหนึ่งที่นักสะสมรุ่นเก่าถึงปัจจุบันเสาะแสวงหากันมาก ใครมีต่างสุดรักสุดหวงสำหรับตะกรุดเนื้อเงินทุบจากเหรียญเงิน ร.5 ของท่าน ว่ากันว่าเป็นยุคแรกๆจริงๆท่านปลุกเสกดูฤกดูยามกันเป็นพรรษาเลยทีเดียว
ประสบการณ์ทั้งปืน เอ็ม16 /.38 และ ผีสะบัดหลุด เยอะมากมายครับ ดอกนี้ ขนาด 2.5 นิ้ว เลี่ยมพร้อมบูชา รับประกัน


1.) ประวัติหลวงปู่โต วัดบ้านกล้วย (ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมจากที่เข้าใจกันมา)
หลวงปู่โต วัดบ้านกล้วย หรือนามเดิม โต สินนา ท่านเป็นชาวบ้านกล้วย ต.ท่าหลวง (ปัจจุบันเป็น ต.ดงใหญ่) อ.พิมาย โคราช โดยกำเนิด ท่านเกิดวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2427 ละสังขาร 16 กันยายน พ.ศ. 2523 สิริรวมอายุ 96ปี (ไม่ใช่ 106ปี ตามที่บางท่านเข้าใจกัน) ท่านเป็นบุตรของ คุณพ่อดี คุณแม่พูน สินนา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 5 คนคือ 1.ปู่บุญ สินนา 2.หลวงปู่โต 3.ย่าจีน พี่พิมาย 4.ปู่อินทร์ สินนา 5.ย่าจันทร์ อิ่มพิมาย

พระอาจารย์องค์แรกคือหลวงปู่เฒ่าปาน วัดบ้านกล้วยซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของหลวงปู่โต (หลวงปู่เฒ่าปานเป็นอาของพ่อดี สินนา พ่อของหลวงปู่โต) และหลวงปู่เฒ่าปานท่านนี้นี่เองที่มีอายุ 106ปี หลังจากบวชอยู่กับหลวงปู่เฒ่าปานได้ 16ปี ก็สึกไปมีครอบครัวสิบกว่าปีแล้วกลับมาบวชใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้มีหลวงปู่หริ่ง สุวณฺณโชติ วัดบ้านตะบอง ศิษย์เอกของหลวงปู่เฒ่าปานที่คอยชี้แนะและครอบครูให้ ถึงแม้ท่านจะเคยเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องเรียนตำราเล่มเดียวกันมาแต่หลวงปู่โตก็นับถือหลวงปู่หริ่งเป็นพระอาจารย์องค์ที่ 2 หลวงปู่โตท่านเป็นเถระที่มีเมตตาธรรมสูง ชาวบ้านอาศัยในกระท่อมโทรมๆท่านก็รับกิจนิมนต์โดยไม่เลือกยากดีมีจน ท่านช่วยเหลือทุกคนที่เดือดร้อน โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาชาวบ้านกล้วยและชาวบ้านละแวกไกล้เคียงต่างนำบุตรหลานมาพึ่งบารมีหลวงปู่ให้ช่วยอุปการะเรื่อยมา ซึ่งท่านก็ไม่เคยปฏิเสธ ท่านจึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของสาธุชนทั้งหลาย อีกอย่างคือความสมถะไม่ยึดติดกับวัตถุ ตลอดอายุขัยของท่านได้สร้างคุณประโยชน์ไว้มากมายในการทำนุบำรุงศาสนาและชุมชน เช่น สร้างโรงธรรม สร้างสะพานไม้ขนาดใหญ่ข้ามลำน้ำเค็ม ฯลฯ เป็นต้น ถึงแม้ท่านจะละสังขารไปแล้วในงานฌาปนกิจศพของท่านก็ยังมีปัจจัยเหลือพอที่จะสร้างกุฏิเป็นที่พำนักสงฆ์ได้อีกหนึ่งหลัง ชาวบ้านกล้วยได้อาศัยบารมีหลวงปู่โตด้วยดีตลอดมาจากอดีตจวบจนปัจจุบัน

ด้านวัตถุมงคลท่านมีชื่อเสียงในพื้นที่ช่วงต้นสงครามโลกครั้งที่ 2 ราวปี พ.ศ. 2483 แต่ยังไม่โด่งดังเท่าไรนัก แต่เพชรจะฉายแสงแล้วจะมีอะไรมาบดบังใด้ เล่ากันต่อๆมาว่าคราหนึ่งลูกน้องคนสนิทของท่านจอมพล ป. พิบูลสงคราม (อดีตนายกรัฐมนตรีผู้มีความอัศจรรย์ เช่น โดนยิงหลายครั้งแต่ก็ไม่ตาย โดนทิ้งระเบิดคราวกบฎแมนฮัตตันก็รอดมาได้) โดนลอบยิงระยะเผาขนแต่ไม่เป็นอะไร จอมพล ป. จึงใด้สอบถามกับนายทหารผู้นั้นว่ามีอะไรดีจึงยิงไม่เข้า นายทหารคนนั้นจึงควักตะกรุดเงินทุบหลวปู่โต วัดบ้านกล้วยขึ้นมาให้ดู สอบถามใด้ความว่าท่านเป็นเขยโคราช เหตุการณ์นั้นจึงนำมาซึ่งเหตุฎีกานิมนต์ของท่านจอมพล ป. นำขึ้นทูลถวายรายชื่อของพระเกจิที่ทรงคุณวิเศษแต่ละท่านให้องค์สมเด็จพระสังฆราช(แพ)ทรงพิจารณาเมื่อครั้งจะทรงนิมนต์เกจิมาเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเศกพระพุทธชินราชอินโดจีน ณ วัดสุทัศน์ในปี 2485 เพื่อแจกเป็นขวัญกำลังใจทหาร จึงเน้นคงกระพันแคล้วคลาดมหาอุด พระสังฆราช(แพ) ก็หาใด้เชื่อเสียที่เดียวแต่ทรงกระทำการทดสอบตามวิธีของท่านก่อนคือท่านจะทรงมอบแผ่นทอง 2 แผ่นให้เกจิแต่ละท่านลงอักขระเลขยันต์ที่เป็นยันต์ตัวเก่งที่มั่นใจว่าเหนียวจริงๆแล้วส่งกลับมาที่วัดสุทัศน์พร้อมทั้งพิสูจน์โดยการหย่อนแผ่นทอง1แผ่นลงไปในเบ้าหลอมดูว่าจะละลายหรือไม่ กลับปรากฎสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นตรงหน้าคือนอกจากไม่ละลายแล้วยังลอยทวนขึ้นมาโดยที่ไม่จมอีกต่างหาก หลวงปู่โตจึงได้รับเลือกเป็น 1 ในคณาจารย์ผู้เข้มขลังจากทั่วประเทศรวม 108องค์เข้าร่วมในพิธีดังกล่าว ซึ่งเป็นพิธีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งแรกของประเทศไทย ท่านเป็นความภูมิใจของชาวเมืองพิมาย ขนาดมีคนตั้งฉายาว่าเป็น “เทพเจ้าแห่งเมืองพิมาย” ซึ่งในยุคก่อนหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ ไม่มีใครไม่รู้จักหลวงปู่โต วัดบ้านกล้วย ชื่อเสียงของท่านขจรขจายไปทั่วทุกสารทิศ ถึงแม้การสื่อสารและการเดินทางในยุคสมัยนั้นจะไม่สะดวกสบายเท่ายุคนี้ก็ตาม จะเห็นได้จากหลักฐานการเดินทางไปร่วมปลุกเสกตามจังหวัดต่างๆ หรือแม้แต่งานฌาปนกิจศพของท่าน 9-11 มีนาคม 2527 ราวกับว่าถนนทุกสายรถทุกคันต่างมุ่งตรงมายังวัดบ้านกล้วย ทำให้รถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตร จนต้องจอดรถเดินเท้าเข้าไปให้ทันงานฌาปนกิจศพเพื่อร่วมสักการะท่านเป็นครั้งสุดท้ายให้ได้

หลวงปู่โตท่านบวชเรียนสมัยเป็นเด็ก และอุปสมบทในปี พ.ศ. 2448 กับพระอาจารย์คนแรกคือหลวงปู่เฒ่าปาน ด้วยความอายุยืนยาวคนเฒ่าคนแก่บ้านกล้วยจึงเรียกกันว่าหลวงปู่เฒ่า (ไม่เรียกชื่อท่าน) จนทำให้ชาวบ้านรุ่นหลังๆเข้าใจกันว่าหลวงปู่เฒ่าก็คือหลวงปู่โต หลวงปู่เฒ่าปานนอกจากเป็นเกจิที่มีพุทธาคมเข้มขลังแล้วท่านยังเป็นผู้มีความรู้เรื่องตำรายารักษาโรคต่างๆรวมถึงยาอายุวัฒนะ ท่านเดินธุดงค์ไปหลายพื้นที่ รวมทั้งจำพรรษาอยู่ที่เมืองเขมรถึง 2ปีเต็ม ท่านได้นำตำรับตำราไสยเวทย์ภาษาขอมกลับมาเป็นเล่มเกวียน ในการบวชเป็นพระครั้งแรกของหลวงปู่โตนั้นท่านได้ร่ำเรียนวิชาต่างๆจากหลวงปู่เฒ่าปานร่วมกับหลวงปู่หริ่ง สุวณฺณโชติ วัดบ้านตะบองซึ่งเป็นศิษย์เอกหลวงปู่เฒ่าปานขณะนั้น หลวงปู่โตได้ร่ำเรียนวิชาอาคมจากตำราไสยเวทย์ภาษาขอมกับหลวงปู่เฒ่าปานรวมทั้งตำรายาต่างๆ ถึง 17ปีเต็ม ก่อนลาสิกขามามีครอบครัวในปี 2465 มีภรรยาชื่อ นางมาก สินนา มีบุตรด้วยกัน 2 คน ขณะเป็นฆราวาสท่านก็ยังช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากมาตลอด โดยเฉพาะช่วงที่มีการระบาดของโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ ท่านก็จะทำตะกรุดให้แขวนเป็นกำลังใจและทำยาต้มให้ทาน ชาวบ้านกล้วยไม่มีใครเสียชีวิตจากไข้ทรพิษเลย เรียกว่าเป็นที่พึ่งของชาวบ้านตลอดถึงแม้สึกจากเพศบรรพชิตมาแล้วก็ตาม

ปี 2475 หลังจากหลวงปู่เฒ่าปานได้ละสังขาร วัดบ้านกล้วยไม่มีพระอาวุโสเลย ญาติโยมชาวบ้านกล้วยจึงอยากจะให้ หลวงปู่หริ่ง วัดตะบอง ซึ่งเป็นลูกศิษย์เอกและเถระที่มีอาวุโสสูงสุดในละแวกนั้นนำตำราไสยเวทย์และวัตถุมงคลต่างๆของหลวงปู่เฒ่าปาน ไปเก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านตะบอง หลวงปู่หริ่งก็รับปากว่าจะดูแลให้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะมอบกลับมาให้เก็บรักษาที่วัดบ้านกล้วยต่อไป (ซึ่งในขณะนั้นชาวบ้านกล้วยได้นิมนต์หลวงพ่อเฉยมาเป็นรักษาการเจ้าอาวาส) ชาวบ้านได้ทำหอสูงเป็นที่เก็บศพหลวงปู่เฒ่าปานไว้นานถึง3ปี โดยที่ศพท่านไม่เน่าเปื่อย ก่อนที่จะทำการฌาปนกิจในปี 2478 ซึ่งมีหลวงปู่หริ่งเป็นประธานในพิธี หลวงปู่โตได้บวชเป็นเณรหน้าไฟในงานฌาปนกิจศพหลวงปู่เฒ่าปาน หลังจากเสร็จงานก็ถามพี่น้องว่าจะช่วยเลี้ยงหลานให้ได้ใหม (เพราะนางมากภรรยาเสียชีวิตมาได้ปีกว่าแล้ว) ถ้าได้ก็จะทำการบวชเป็นพระต่อและจะไม่สึกอีกเลย ซึ่งย่าจีน สินนาและพี่น้องคนอื่นๆก็รับปากว่าจะดูแลครูยอดให้เป็นอย่างดี หลังจากบวชครั้งล่าสุดหลวงปู่โตก็ได้ไปศึกษาอยู่กับหลวงปู่หริ่ง สุวณฺณโชติ ศิษย์ผู้พี่ที่คอยแนะนำประสิทธิ์ประศาสตร์วิชาที่วัดตะบองด้วยระยะหนึ่ง หลวงปู่โต ท่านเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนถึงแม้จะเคยเป็นศิษย์อาจารย์เดียวกัน แต่หลวงปู่โตก็ให้ความเคารพนับถือหลวงปู่หริ่งเป็นอาจารย์ของท่าน เช่นกันกับหลวงปู่หริ่งก็ให้ความเมตตาหลวงปู่โตเป็นอย่างดี เมื่อศึกษามาได้ระยะหนึ่งหลวงปู่หริ่ง ก็เห็นสมควรว่าต้องส่งมอบตำราไสยเวทย์และวัตถุมงคลต่างๆที่เป็นสมบัติส่วนตัวของหลวงปู่เฒ่าปานให้กับหลวงปู่โต นำกลับคืนมาเก็บรักษาตามสัญญาที่ให้ไว้กับชาวบ้านกล้วย ในขณะที่หลวงพ่อเฉยซึ่งเดิมไม่ใช่คนบ้านกล้วย หลังจากรักษาการเจ้าอาวาสมาได้ประมาณ 2ปี ได้เห็นความรู้ความสามารถของหลวงปู่โตและวัฏปฎิบัติอันเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านกล้วย จึงคิดว่าเป็นเวลาอันควรแล้วที่จะยกตำแหน่งเจ้าอาวาสให้กับหลวงปู่โต โดยชาวบ้านต่างก็เห็นดีเห็นงามด้วย

หลวงปู่โตท่านเกิดมาในยุคที่มีสงครามต่างๆมากมาย ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามเกาหลี สงครามอินโดจีน ยุคข้าวยากหมากแพงหลังสงครามมีการปล้นชิงวิ่งราวกัน จนถึงยุคสงครามต่อต้านคอมมิวนิส ด้วยความหวาดกลัวของผู้คนจึงต่างแสวงหาเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ รวมถึงเหล่าทหารที่ต้องออกไปรบกับข้าศึกศัตรูต่างวิ่งหาวัตถุมงคลไว้คุ้มกายเป็นขวัญกำลังใจ หลวงปู่โตท่านจะเมตตาทหารที่จะไปแนวหน้าเป็นพิเศษ นอกจากวัตถุมงคลต่างๆแล้วท่านยังระดมชาวบ้านมาช่วยกันทำอาหารและจัดที่หลับนอนให้ทหารค้างคืนที่วัด เพื่อรอทำพิธีรดน้ำมนต์และจารน้ำมันให้เป็นพิเศษ จะมีทหารแวะเวียนมาหาท่านตลอดไม่ขาดสายและทหารผ่านศึกเหล่านี้เองที่รอดชีวิตกลับมาเล่าปากต่อปากเกี่ยวกับประสบการณ์ปาฏิหาริย์ต่างๆมากมาย ในยุคที่ท่านมีชีวิตอยู่จึงได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆไว้อย่างมากมายตั้งแต่ก่อนปี 2500 ไม่ว่าจะเป็น ตะกรุด เชือกคาดเอว ผ้ายันต์ เสื้อยันต์ พระเหรียญ และพระหล่อโบราณพิมพ์ต่างๆ มากมายหลายพิมพ์ ซึ่งคาดว่าได้แรงบันดาลใจจากรูปปั้นเก่าแก่ในปราสาทหินพิมาย ที่ยุคก่อนปี2500 ได้มีการเริ่มสำรวจเพื่อบูรณะปรับปรุง ไม่ว่าจะเป็น พระนาคปรก พระพุทธ พระร่วง พระพิฆเนศ หรือพิมพ์อื่นๆเช่น พระประจำวัน พระสีวลี พระสังกัจจายน์ รูปหล่อลอยองค์ นางกวัก ขุนแผน พระปิดตา พระปิดทวาร ฯลฯ

โดยมีช่างลา ศิริไธสงศิษย์เอกของพระเทวาภินิมมิต(ฉาย เทียมศิลป์ไชย) ช่างลาคือผู้สร้างตำนานงานพุทธศิลป์คู่พุทธคุณร่วมบุญกับหลวงพ่อโตและเมืองพิมายมาโดยตลอด กล่าวถึงพระเทวาภินิมมิต ผู้ได้รับงานเป็นแม่กองเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนัง ที่ระเบียงคต วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ช่วงปี 2472-2474 ในคราวปฏิสังขรกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 150 ปี (2475) ซึ่งต้องลบของเดิมออกแล้วเขียนใหม่ ขณะนั้นช่างลาอายุได้ 27ปี ได้เป็น 1ในกองช่างของพระเทวาภินิมมิต โดยท่านพระเทวาภินิมมิตได้ให้เหล่าบรรดาลูกศิษย์ทำงานศิลป์ส่งเข้าประกวด ซึ่งมีทั้งหมด15ท่านที่ผ่านการคัดเลือก ช่างลาได้รับคัดเลือกเป็นอันดับ 2 ใน 15คน จากการแกะเมล็ดข้าวสารเป็นช้างชนกัน จึงจะเห็นได้ว่าพระเครื่องหลวงพ่อโตฝีมือช่างลานั้นจะมีความละเอียดอ่อนมีหน้าตาคมชัดเห็นคิ้วเห็นเม็ดตา ปากได้รูปงดงามตามศิลปะระดับช่างวังหลวง นอกจากช่างลาผู้แกะพิมพ์พระหล่อโบราณจากหินสบู่และต้นแบบจากงาช้าง ก็จะมีคุณตาสุ่มที่ชาวบ้านกล้วยรู้จักกันเป็นอย่างดี ตาสุ่มจะทำงานแกะเป็นหลักโดยใช้แค่ปลายมีดตอกในการแกะชิ้นงานต่างๆจาก งา กะลา เขาสัตว์ ไม้มงคล อีกท่านคือคุณตาสังวาลย์ ชาวพิมายที่เป็นช่างหล่อพระ และช่างอื่นๆที่วงการนักสะสมเรียกกันว่าศิลป์ชาวบ้าน ซึ่งฝีมือก็จะลดหลั่นกันไปแต่พุทธคุณความเข้มขลังที่ผ่านการปลุกเสกโดยหลวงปู่โตแล้วนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามถึงแม้ในยุคนั้นท่านจะสร้างวัตถุมงคลไว้มากมายหลายพิมพ์หลายยุค แต่บางพิมพ์กลับพบเห็นน้อยมากซึ่งทีมงานจะทยอยลงให้ศึกษาและรวบรวมลงในหนังสือให้ทราบต่อไป

ผู้รวบรวม Jook Payakdam ชมรมอนุรักษ์พระเครื่องหลวงปู่โต วัดบ้านกล้วย 09/03/2560 (ประวัติฉบับเต็มจะลงรายละเอียดในหนังสือต่อไป)

ผู้ให้ข้อมูลประวัติส่วนตัว (บางส่วน)
1.) คุณตาอ่อน สินนา ปัจจุบันอายุ 91ปี หลาน
2.) คุณยายแรม เลียนอย่าง ปัจจุบันอายุ 97ปี ผู้อาวุโสชาวบ้านกล้วย
3.) คุณยายควาย เชิดชื่อ ปัจจุบันอายุ 98ปี ผู้อาวุโสชาวบ้านกล้วย
4.) คุณตาเจิม ผ่องพันธ์ ปัจจุบันอายุ 81ปี อดีตเด็กวัด (ได้ร่วมเดินทางไปพิษณุโลกและโดนลองของ)
5.) คุณตาอิ่ม เจนพิมาย ปัจจุบันอายุ 89ปี อดีตเจ้าอาวาส (ได้ร่วมเดินทางไปพิษณุโลกและโดนลองของ)
6.) คุณตามหาทอง สินนา ปัจจุบันอายุ 80ปี หลาน
7.) คุณตาถัง สุขก้อง ปัจจุบันอายุ 85ปี อดีตเด็กวัด
8.) คุณตายิ้ม ส่วนบุญ ปัจจุบันอายุ 81ปี อดีตมัคทายก และเป็นพี่เลี้ยงพระบวชใหม่ วัดบ้านกล้วย
9.) คุณตาทองอยู่ ธิติเสรี ปัจจุบันอายุ 88ปี ผู้อาวุโสชาวบ้านกล้วย
(ท่านๆอื่นๆอีกมายที่ไม่ได้สามารถเอ่ยนามได้หมด ซึ่งจะนำไปลงไว้ในหนังสือจนครบทุกท่านต่อไป)

 

ปิดครับ



เหรียญกรมหลวงชุมพร ปี2513

เจ้าคุณนร ปลุกเสก เหรียญสวยเดิมๆ เลี่ยมพร้อมบูชา


เหรียญกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ รุ่นเขี้ยวฉลาม ปี 2513 เนื้อทองแดง ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต วัดเทพศิรินทร์ฯ ร่วมอธิฐานจิต ลักษณะเป็นเหรียญพิมพ์ข้าวหลามตัด ด้านหน้ากรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ด้านหลังเป็นยันต์น้ำเต้า และรูปเขี้ยวฉลาม สร้างแจกในหน่วยงานของทหารเรือ เป็นอีกรุ่นนึง ของพระบิดาทหารเรือไทยที่นิยมสะสมกัน ปัจจุบันพบเห็นน้อย เหรียญของท่านบางทีทหารเรือสร้างมาเพื่อแจกจ่าย แก่ทหารมีหลายรุ่น ที่เรารู้ประวัติบ้าง ไม่รู้ประวัติบ้างแต่เก็บต่อๆกันมา พอตกถึงลูก ถึงหลานไม่ทราบประวัติการสร้างเลยก็มี ก็ว่ากันไปเอาที่เราศรัทธา ก็แล้วกัน ส่วนเหรียญนี้จัดเป็นเหรียญดี ปีลึก ราคาเบาๆ น่าบูชา ประวัติชัดเจน

 

สิงห์หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ

 

จอวเหรียญพระอ.ฝั้น/เหรียญข้าวหลามตัด

 

ขอบคุณครับผม

 

ปิดครับ



เหรียญหลวงพ่อแดง แจกแม่ครัว บ่าจุด

มี 2 เหรียญ บูชาเหรียญละ 2,200 บาท

 

หลวงปู่ทวด พิมพ์เตารีดใหญ่ วัดบวรนิเวศวิหาร

สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ (สมเด็จพระญาณสังวรฯ) ทรงอธิษฐานจิต ปี 2543 เนื้อโลหะผสม คอจุด หมายเลข 504 ตอกโค๊ตพระนามย่อทั้งด้านหน้าด้านหลังและโค้ตนะ พิธีพุทธาภิเษกยิ่งใหญ่หลายวาระ ร่วมพิธีเสาร์ 5 วัดสุทัศน์ พิธีที่วัดช้างให้ และวัดบ้านสวน รวมทั้งพิธีหลักเมืองประจวบคีรีขันธ์อีกด้วย

เลข 064 บูชา 450 บาท

 

ปิดครับ



ภาพหลวงปู่มหาเจิม วัดสระมงคล

ภาพขนาดเล็กแขวนบูชา ทันท่านปลุกเสก

บูชา 500 บาท

 

หลวงปู่ทวด พิมพ์พระรอดเล็ก เนื้อว่าน ปี2497

เลี่ยมทองพร้อมบูชา รับประกันสากล

สนใจทักครับ 6*,***

 

ปิดแล้วครับ



พระกริ่งคลองตะเคียน

พร้อมบัตรสมาคม ให้บูชาเฉพาะพระ

 

นางกวักโภคทรัพย์ หลวงปู่หมุน วัดบ้านจาน

พร้อมกล่องเดิม รับประกัน

บูชา 7,500 บาท

 

ตะกรุดไม่ทราบที่

ด้านนอกเป็นเนื้อเงินเก่า เป็นจารสด นูนเหมือนปั๊ม ด้านในเป็นตะกรุดทองคำแท้ ตีเป็นเกจิยุคเก่าๆ ได้หลายหลวงพ่อครับ เผื่อท่านใดชอบ

บูชา 20,000 บาท

 

เหรียญหลวงพ่อหอม วัดชากหมาก รุ่นแรก 2498

บูชา 1,500 บาท

 

ปิดครับ




หล่อโบราณนั่งวันทา ทองแดงเถื่อน

บูชา 1,500 บาท

 

เหรียญนั่งพานเศรษฐีแสนล้าน ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาณ

เนื้ออัลปาก้าหน้ากากทองทิพย์ สร้าง 1,999 เหรียญ เลข ๘๖๔ คุณโทน บางเเค จัดสร้าง เพื่อการกุศลและสาธารณะประโยชน์

บูชา 1,500 บาท

 

จองแล้ว



เหรียญหล่อโบราณหลวงพ่อโต พิมพ์พระสาม วัดวิหารทอง จังหวัดชัยนาท

เหรียญหล่อโบราณ พิมพ์พระพุทธ หลังยันต์ เนื้อชินตะกั่วเก่าๆ สร้างประมาณปี๒๔๕๗ เป็นต้นมา โดยหลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ชัยนาทวงการให้การยอมรับเนื่องจากเชื่อกันว่า พระเนื้อตะกั่วของหลวงพ่อโต นั้นท่านได้นำเนื้อชนวนตะกั่ว ที่เหลือจากการสร้างพระของหลวงปู่ศุข มาหลอมผสมเป็นชนวนด้วย และยังได้นิมนต์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า มาช่วยปลุกเศกด้วย เชื่อมั่นในพุทธคุณได้เหมือนกับพระหลวงปู่ศุขราคาแพงๆได้เลยครับ...ของดีไม่ต้องแพง.. ขอให้แท้และทัน.เพราะหลวงพ่อโต ท่านเป็นลูกศิษย์ หลวงปู่ศุข เรื่องพุทธคุณนั้นหายห่วง ดีครบในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะเมตตามหานิยม เขาว่ายอดเยี่ยมนัก

วัดวิหารทอง หมู่ที่ ๗ ตำบลเที่ยงแท้ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท เดิมเป็นวัดร้าง มีมาแต่โบราณเก่าแก่มาก
เหลือเพียงองค์พระเจดีย์เก่าๆให้พบเห็น ท่านเจ้าคณะเมืองสวรรคบุรี นามว่า "หลวงวัง" ผู้ที่มีฐานะมั่งคั่ง ได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์ ให้กลับมามีสภาพเป็นวัดขึ้นใหม่
โดยมีหลวงพ่อสอนเป็นเจ้าอาวาส องค์แรกระหว่างในปีพ.ศ. ๒๔๕๓-๒๔๖๐ เมื่อท่านมรณภาพแล้วหลวงพ่อเมฆ จึงได้เป็นเจ้าอาวาสต่อมา จนถึงปี พ.ศ. ๒๔๖๕ หลวงพ่อโตก็ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบแทน จนท่านมรณภาพในปี พ.ศ. ๒๔๘๕ สิริอายุได้ ๘๔ ปี พรรษาที่ ๖๓

หลวงพ่อโต ท่านเป็นคนตำบลดงคอน อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาทโดยกำเนิด ท่านเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๑ โยมบิดาชื่อโยมเงิน โยมมารดาไม่ปรากฏชื่อ หลวงพ่อโตท่านรักการบวชเรียนมาตั้งแต่เล็ก โดยลงมาบวชอยู่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ศึกษาอยู่ในสำนักใดไม่ปรากฏ ต่อมาท่านได้กลับขึ้นมาจำพรรษาอยู่ที่วัดวิหารทอง และท่านได้เข้ามาเป็นศิษย์ศึกษากับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พร้อมกับหลวงพ่อคง วัดใหม่บำเพ็ญบุญ เมื่อท่านกลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดวิหารทอง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่มาแต่โบราณ ท่านก็ได้ทำนุบำรุงซ่อมแซมสร้างเสนาสนะ และถาวรวัตถุ ซึ่งกำลังทรุดโทรมให้กลับคืนสภาพดีดังเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระอุโบสถ ซึ่งเป็นศิลปะอยุธยา ที่มีลีลาอ่อนช้อยสวยงามมาก และท่านก็ได้สร้างมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาท นอกจากนี้ท่านยังสร้างพระอุโบสถวัดดงคอน วัดสกุณาราม วัดโพธิ์ทอง และวัดศีรษะเมือง อีกด้วย
หลวงพ่อโตท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านเป็นอย่างมาก จนกระทั่งได้รับตำแหน่งเจ้าคณะแขวงบ้านเชี้ยน(หันคา) อยู่ระยะหนึ่ง แต่ต่อมาท่านก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง ท่านเป็นพระเถระซึ่งมีญาณแก่กล้ารูปหนึ่ง บำเพ็ญสมาธิจนเกิดอภิญญา วาจาสิทธิ์ พูดคำใดเป็นคำนั้น มีความรู้ในวิทยาคุณแก่กล้าหลวงพ่อโตท่านเป็นพระที่มีกิตติคุณต่างๆ มากมาย ของขลังที่ท่านทำแจกลูกศิษย์มีผู้ได้รับประสบการณ์ต่างๆ มากมาย
ท่านหลวงพ่อโต มีคุณวิเศษเหนือเกจิองค์อื่นอยู่อย่างหนึ่งคือ ท่านเป็นพระที่มีตบะแก่กล้าที่สุด เคยได้ยินและได้ฟังมาว่า เวลาที่วัดมีงานตำรวจก็ไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยในงานได้ มักจะมีการจี้ ลักขโมยกันเป็นประจำ เพราะสมัยนั้นกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีน้อย บางวัดถึงกับต้องมานิมนต์ท่านไปคุมงาน...!!
ครั้งหนึ่งในงานทำบุญประจำปี ได้เกิดเหตุคนร้ายกระตุกสร้อยคอ ผู้หญิงวัยกลางคน เป็นชาวบ้านในย่านนั้น ได้วิ่งร้องไห้มาบอกหลวงพ่อว่า "ถูกคนร้ายกระตุกสร้อยคอทองคำหนักสองสลึงไป"
หลวงพ่อท่านก็ปลอบว่า "เดี๋ยวก็ได้คืน มันเอาไปไม่ได้หรอก"
ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็สงสารเจ้าของสร้อยคอ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปตามที่ไหน อีกสักพักก็มีคนนำสายสร้อยมาถวายให้กับหลวงพ่อโต
หลวงพ่อก็เลยถามว่า "นึกอย่างไรจึงนำมาถวาย" คนร้ายรับสารภาพว่า "หาประตูทางออกจากวัดไม่เจอ วิ่งวนอยู่หลายรอบก็หาไม่เจอ เจอแต่กำแพงวัดทั้งนั้น ทั้งๆ ที่เคยเข้าออกประตูวัดอยู่ประจำ วิ่งจนเหนื่อยอ่อนไปหมดแล้วครับ คิดในใจว่าหลวงพ่อคงไม่ให้ออกจากวัดแน่ จึงนำสร้อยมาคืนครับ"
หลวงพ่อจึงเทศนาสั่งสอนว่า " ไม่ใช่ของของเราอย่าไปเอาเป็นเงินร้อน นอนไม่เป็นสุขอีกทั้งจะต้องรับเคราะห์กรรมต่อไปในชาติหน้าอย่าทำอีกเลย"
คนร้ายก็ให้สัจจะ แล้วหลวงพ่อก็มอบสร้อยคืนเจ้าของไป

หลวง พ่อโตท่านเริ่มสร้างวัตถุมงคลเป็นครั้งแรกราวปี พ.ศ. ๒๔๕๗ โดยสร้างเป็นพระเนื้อชินตะกั่ว รูปทรงห้าเหลี่ยมเป็นพระพุทธลีลา บนบัวสองชั้น ด้านหลังเรียบ และมักจะจารอักขระตัวนะไว้แทบทุกองค์ นอกจากนี้ท่านยังสร้างพระพุทธรูปปางนั่งสมาธิ ด้านหลังเรียบ และมักจารอักขระขอมไว้เช่นเดียวกัน เครื่องรางของขลังของท่านก็จะมีแหวนพิรอด ผ้าประเจียด และตะกรุด เป็นต้น
ส่วนเหรียญนั้นท่านก็ได้สร้างไว้สองเหรียญ คือเหรียญรูปท่านและเหรียญพระพุทธลีลา
เหรียญรูปท่านนั้นเป็นเหรียญรูปไข่ เป็นรูปท่านครึ่งองค์ ไม่ปรากฏอักษรใดๆ ด้านหลังเป็นยันต์ ๔ ซ้อนกันอยู่สองยันต์ เป็นเหรียญเนื้ออัลปาก้า อีกเหรียญที่เป็นพระพุทธลีลานั้นเป็นเหรียญรูปทรงเสมา ไม่มีอักษรระบุไว้เช่นกัน มีแต่อักขระขอม มะ อะ อุ ด้านหลังเป็นยันต์และมีตราอกเลา เป็นเหรียญเนื้อทองแดงกะไหล่ทอง
เหรียญหลวงพ่อโต วัดวิหารทองนี้เป็นที่นิยมกันมาก และเป็นที่หวงแหนของชาวสรรคบุรีเป็นอย่างมาก ปัจจุบันหาชมได้ยากไม่ค่อยได้พบเห็นกันนัก พุทธคุณพระเครื่องและเหรียญของหลวงพ่อโต วัดวิหารทองนี้ เด่นในด้านอยู่ยงคงกระพัน และแคล้วคลาด มีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย

ลองอ่านเทียบเคียงกับปูม เกี่ยวกับหลวงปู่ศุข ที่กล่างถึงเหตุการณ์เมื่อปี ๒๔๕๙ ดังนี้
พระเครื่อง-เครื่องรางของขลังของหลวงปู่ศุข
การที่ท่านทำพระเครื่องรางของขลัง ได้ประสิทธิ์ มี ฤทธิ์ มีเดช ทั้งๆที่อักษรเลขยันต์พื้นๆนั้น เป็นเพราะอำนาจจิตที่ท่านได้ฝึกฝนมานั้น กล้าแกร่งยิ่งนัก โดยเฉพาะกสิณธาตุทั้งสี่ มี ดิน น้ำ ลม ไฟ นั้นเป็นพื้นฐานที่สำคัญ เป็นบ่อเกิดแห่งอำนาจอิทธิฤทธิ์ทางใจเลยทีเดียว สำหรับการสำเร็จวิชาชั้นสูงเรียกว่า มายาการ คือความเชื่อถือและการปฏิบัติ ที่มุ่งหมายให้เกดิผลด้วยการ ใช้พลังหรืออำนาจเหนือธรรมชาติ เช่นของขลัง พิธีกรรม หรือ หลีกลี้ลับ บังคบให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ เช่น ท่านเสกใบมะขาม ให้เป็น ตัวต่อ ตัวแตน เสกหัวปลีให้เป็นกระต่าย ตลอดจนการผูกหุ่นพยนต์ด้วยฟางข้าว เสกคนให้เป็นจระเข้เป็นต้น มันเป็นมายาการชั้นสูง คือการบังคับให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ
แท้ที่จริงแล้วใบมะขามก็ยังคงเป็นใบมะขาม หัวปลี ก็ คงเป็นหัวปลี และหุ่นฟาง ก็คงเป็นหุ่นฟางเหมือนเดิม เว้นแต่อำนาจจิตของท่านทำให้เราเห็นไปเอง จากหนังสือ "พระกฐินพระราชทาน สมาคมศิษย์อนงคาราม ปี ๒๕๑๙ เรื่องพระใบมะขาม ท่านผู้เขียนอดีตเป็นพระมหา มีหน้าที่ไปอุปัฏฐากหลวงปู่ศุขขณะที่อาราธนาท่านมาปลุกเสกพระชัยวัฒน์ และพระปรกใบมะขาม (พ.ศ.๒๔๕๙)ได้กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า เมื่อข้าพเจ้าไปอุปัฏฐากหลวงพ่อแล้ว มีชาวบ้านชาววัดมาขอให้หลวงพ่อลงกระหม่อมบ้าง ลงตะกรุดพิสมรบ้าง โดยยื่นแผ่น เงิน ทอง นาก ให้ลงคาถา บางคนขอเมตตา บางคนขอการค้าขาย หลวงพ่อให้ข้าพเจ้าเป็นผู้ลง ข้าพเจ้าถามว่า การค้าขายจะให้ลงว่ากระไร ท่านบอกว่า "นะเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู " ข้าพเจ้าจึงบอกว่า "หลวงพ่อครับ ผมไม่มีความขลัง ลงไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร " หลวงพ่อบอกว่า " มันอยู่ที่ผมเสกเป่านะคุณมหา" ข้อนี้ยืนยันว่าเป็นความจริง เพราะระหว่างนั้นข้าพเจ้าให้หลวงพ่อลงกระหม่อม และท่านเสกเป่าไปที่ศรีษะตั้งหลายครั้ง เมื่อท่านเป่าที่กระหม่อมทีไร ข้าพเจ้าขนลุกชันทั่วทั้งตัวทุกครั้ง ทั้งที่ข้าพเจ้าฝืนใจไม่ให้ขนลุก ก็ ลุกซู่ทุกครั้งที่ท่านเป่า ข้อนี้เป็นมหัศจรรย์ จริงๆ ข้าพเจ้าคิดว่าจะเป็นแต่ข้าพเจ้าคนเดียว ไปสอบถามภิกษุอุปัฐาก รูปอื่นๆ ก็ได้รับคำตอบเช่นเดียวกัน ข้อนี้ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า "ท่านสำเร็จสมถะภาวนาแน่ๆ"
อนึ่งท่านเป็นพระที่น่าเคารพนับถือ สำรวมในศีลเป็นอย่างดี ไม่ใคร่พูดจานั่งสงบอารมณ์ เฉยๆ ไม่ถามอะไร ท่านก็ไม่ตอบไม่พูด บางอย่างข้าพเจ้าถามหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ตอบเลี่ยงไปทางอื่น เช่น " เขาว่าหลวงพ่อเสกใบไม้เป็นต่อ และเสกผ้าเช็ดหน้าเป็นกระต่ายได้ และแสดงให้กรมหลวงชุมพรฯเห็นจนท่านยอมเป็นศิษย์ " หลวงพ่อตอบข้าพเจ้าว่า ลวงโลก แล้วท่านก็นิ่งไม่ตอบว่า อะไรอีก หลวงพ่อพูดต่อไปว่า "เวลานี้ กรมหลวงชุมพรฯไปต่างประเทศ (เข้าใจว่าไปรับเรือพระร่วง ) ถ้าอยู่ก็ต้องมาหาท่าน และปรนนิบัติ ท่านจนท่านกลับวัด และว่ากรมหลวงชุมพรฯ นี้ ตกทะเลไม่ตาย แม้จะมีสัตว์ร้ายก็ไม่ทำอันตรายได้ "
ท้ายบท
การที่เราคนรุ่นหลังจักเขียนเรื่องราวและวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ศุข ซึ่งท่านมรณะภาพล่วงไปแล้วกว่าครึ่งศตวรรษให้ได้ใกล้เคียงกับความจริงนั้น นับว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ อาศัยหลักฐานทางเอกสารที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง จากการสอบถามบรรดาลูกศิษย์ ลูกหาของท่าน ซึ่งส่วนมากจะล้มหายตายจากกันไปเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นการที่ท่านได้รับรู้จากการเขียน ของ "ท่านมหา" ซึ่งเคยเป็นอุปัฏฐากหลวงปู่ จึงใกล้เคียงความจริงเท่าที่จะหาได้มากที่สุด

องค์นี้เจ้าของเดิมใช้แขวนบูชามาหูจึงขาด เนื้อเก่าถึงยุคจริง ไขขึ้นตามธรรมชาติ แขวนบูชาได้สบายใจ