ภาพพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุที่บูชา

อานิสงส์ของการได้มีพระธาตุไว้บูชา


พระมหากัจจายนะได้ขึ้นไปบนสวรรค์ และสนทนากับสุชาตเทพบุตร ถึงเหตุที่ได้มาเสวยสุข ณ ที่แห่งนี้ว่า

"...ท่านยืนอยู่บนรถทองดูองอาจ ดุจท้าวสักกเทวราชผู้เป็นใหญ่กว่าหมู่ทวยเทพ ผู้ทรงราชรถอันเทียมด้วยม้าอาชาไนยตั้งพัน ฉะนั้น อาตมภาพขอถามท่านผู้มียศ ผู้ฉลาด รถอันยิ่งใหญ่นี้ ท่านได้มาอย่างไร?

สุชาตเทพบุตรตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
ชาติก่อน ข้าพเจ้าเป็นราชบุตรนามว่า สุชาตกุมาร พระคุณเจ้าอนุเคราะห์สั่งสอนข้าพเจ้าให้ตั้งอยู่ในความสำรวม

และ พระคุณเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าจะสิ้นอายุได้ให้พระบรมสารีริกธาตุแก่ข้าพเจ้า โดยกล่าวว่า ดูกรสุชาตราชกุมาร ท่านจงบูชาพระบรมสารีริกธาตุนี้เถิด

พระบรมสารีริกธาตุนี้ จักเป็นประโยชน์แก่ท่าน ข้าพเจ้าได้บูชาพระบรม สารีริกธาตุนั้น ด้วยของหอมและพวงมาลัย
ขวนขวายในการทำบุญให้ทาน
ละร่างมนุษย์นั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดในสวนนันทวัน

เดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้ามีหมู่นางเทพอัปสรฟ้อนรำ ขับร้องห้อมล้อม รื่นเริงอยู่ในสวน นันทวันอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์ เกลื่อนกล่นไปด้วยหมู่สกุณชาตินานาชนิด

 

ใครที่ชอบภาษาอังกฤษลองเข้าไปอ่านในเวปลิงค์ เกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุครับ
http://www.buddha.sg/htm/general/relic.htm

 

ธรรมสวัสดี และขอความเจริญในธรรมแก่ทุกท่านครับ .
ถ้าใครยังไม่มีพระบรมสารีริกธาตุไว้บูชาและอยากบูชาท่านด้วยปฏิบัติบูชา ให้Post ชื่อที่อยู่ของคุณ(แต่ขอสำหรับคนที่ตั้งใจจริงๆนะครับหรือไม่มีพระธาตุฯนะครับ) ส่งซองเปล่าติดแสตมป์จ่าหน้าถึงตัวคุณเอง แล้วส่งมาที่ คุณพงษ์ศักดิ์ วรพจน์มาศ 16/1 ซ.อ่อนนุช 74/1 ถ.อ่อนนุช แขวงประเวศ เขตประเวศ กรุงเทพฯ 10250 (มาช่วยกันปฏิบัติบูชาให้เกิดความสงบในใจของตัวคุณเอง และช่วยกันแผ่เมตตาให้ประเทศชาติเราเกิดสันติสุขร่วมกันนะครับ
นโมพระโพธิสัตว์กวนอิม......

 

คัดข้อความจากหนังสือ"ประมวลภาพอันเป็นที่สุดแห่งการสักการบูชา พระบรมสารีริกธาตุ" หน้า 8-10 เป็นพระราชหัตถเลขาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทอดพระเนตรเห็นปาฏิหาริย์ที่พระปฐมเจดีย์ถึงสองครั้งตามหลักฐานสำเนาพระราชหัตถเลขาซึ่งทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯพระราชบิดาและสำเนาพระราชหัตถเลขาตอบดังต่อไปนี้

สนามจันทร์
พระปฐมเจดีย์
วันที่ 26 ตุลาคม ร.ศ.128
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม
ด้วยเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคม ร.ศ.128 ตรงกับวันขึ้น 10ค้ำ เดือน11 เวลาดึก 2 ยามกับ 55นาที ข้าพระพุทธเจ้าได้นั่งอยู่ที่เรือนสนามจันทร์ มีข้าราชการและมหาดเล็กอยู่ด้วยเป็นอันมาก ได้เห็นองค์พระปฐมมีรัศมีสว่างพราวออกมาทั้งองค์ ดูประหนึ่งว่าองค์พระปฐมเจดีย์ด้านตะวันตก คือด้านที่เล็งตรงกับสนามจันทร์นั้น ทาด้วยฟอสฟอรัสพราวเรืองตั้งแต่คอระฆังลงมาหน่อยหนึ่ง คลอดขึ้นไปจดยอดมงกุฎ และซ้ำยังมีรัศมีพวยพุ่งสูงขึ้นไปอีกประมาณ 3-4วา ปรากฏแก่ตาอยู่อย่างนี้ 17นาที แล้วรัศมีตอนใต้แต่ปล้องไฉนตลอดยอดก็ดับลงไปทันที เหลือสว่างอยู่แต่ตอนช่วงมะหวดลงมา อีกสักไมถึงนาที ก็ดับหายไปหมด มืดแม้จะมองแต่รูปองค์พระก็ไม่ถนัด ข้าพระพุทธเจ้าได้นับผู้ที่เห็นในขณะนั้นตลอดจนทหารที่อยู่ยาม 4คน เป็นจำนวน 69คน

ข้าพระพุทธเจ้าลองคิดดูตามไซแอนซ์(science) ว่าบางทีจะเป็นด้วยตอนฝนตกหนัก ละออกฝนจะติดค้างอยู่ที่กระเบื้องที่ประดับองค์พระปฐมบ้าง ครั้งตอนดึก จวนพระจันทร์ตก แสงจันทร์ส่องทอตรง ได้ระดับฐานฉากกับองค์พระปฐม จึงได้เกิดแสงแพรวพราวฉะนั้นพอจันทร์เหลื่อมเข้าเมฆ แสงลับไป รัศมีที่อง๕พระปฐมก็หายไปด้วย คร้งรุ่งขึ้นได้ทราบเกล้าฯว่า จีนที่รับเหมาทำศาลารัฐบาลซึ่งอยู่ด้านตะวันออกองค์พระ และชาวตลาดอีกหลายคนซึ่งอยู่เหนือองค์พระ ก็ได้เห็นด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เข้าใจได้ว่า รัศมีได้พราวออกทั่วองค์พระเป็นอันพ้นวิสัยที่แสงจันทร์จะถึงได้ หรือว่าจะมีธาตุฟอสฟอรัสอยู่ในองค์พระธาตุนั้น จะส่องแสงแพรวพราวในเวลากลางคืนได้ ก็ต่อเมื่อได้ต้องแสงอาทิตย์ในเวลากลางวันมากพอ ในเวลากลางวันก็ชอุ่ม ตอนเย็นก็ฝนตก ไม่ใช่ธาตุฟอสฟอรัสแน่ จึงเป็นอันจนด้วยเกล้าฯ ที่อ้างแสงรัศมีนั้นเป็นด้วยเหตุไร นอกจากว่ามหัศจรรย์ยิ่ง

รุ่งขึ้นวันที่ 25 ข้าพระพุทธเจ้าได้นิมนต์พระสงฆ์ 10รูป มีพระนิกรมมนีเป็นประธาน สวดมนต์เย็นในพระวิหารองค์พระแล้วได้เดินเทียนสมโภชน์องค์พระ 3รอบ รุ่งขึ้นวันที่ 26เวลาเช้าพวกข้าราชการ พ่อค้า ราษฎรชาวพระปฐมเจดีย์ ได้มีความปิติยินดี ช่วยกันจัดของไปถวายและเลี้ยงพระหมดทั้งวัดพระปฐมเจดีย์เป็นจำนวน 68รูป เวลาค่ำ ได้มีละครเรื่องสุวรรณหงษ์ ตอนกุมพล ถวยม้า ฉลองหนึ่งคืน เป็นเสร็จการ เพราะฉะนั้น ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานถวายพระราชกุศล

ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า
วชิราวุธ

 

(พระราชหัตถเลขาตอบ)

ที่ 14/1136
ถึง มกุฎราชกุมาร
ได้รับหนังสือลงวันที่ 26 เดือนนี้ว่าด้วยได้เห็นองค์พระปฐมเจดีย์ มีรัศมีสว่างพราว ในคืนที่ 24ตุลาคม มีคนเห็นที่สนามจันทร์ 69คน แลว่ามีราษฎรซึ่งอยู่อีกด้านหนึ่งก็ได้เห็นด้วย รุ่งขึ้นได้มีการสวดมนต์ แลเลี้ยงพระในพระวิหารบนองค์พระแลเดินเทียนนั้นได้รับทราบแล้ว

เรื่องพระปฐมเจดีย์กระทำปาฎิหาริย์ ตามลักษณะที่เล่ามานี้ช่างไม่มีอะไรผิดกับที่เคยเห็น 2 คราวแต่สักนิดเดียว เวลาที่ได้เห็นนั้น คนมากยิ่งกว่าที่ได้นับมา เห็นปรากฎ ด้วยกันทั้งหมด จึงได้มีเรื่องตรวจตรา ซึ่งปรากฎอยู่ในหนังสือเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ พ่อเข้าใจในลักษณะที่เล่าว่าเป็นอย่างไร แลเชื่อว่าได้เป็นเช่นนั้นจริงเพราะเคยเห็น แต่จะเป็นด้วยอันใด เหลือที่จะยืนยัน ฤารับรองให้คนอื่นเห็นด้วยจริงได้ จึงไม่ได้เล่าให้ใครฟังในชั้นหลังๆนี้ เพราะห่างจากเวลาที่ได้เห็นนั้นมาก เข้าใจว่าการที่เป็นเช่นนี้ได้จะได้เป็นอยู่เนืองๆ แต่หากคนที่นั้น ตกค่ำลงก็เข้านอนเสีย ไม่ได้สังเกต แปลกอยู่หน่อยแต่ที่เวลาเป็น มักจะเป็นเดือน 11 เดือน 12 เดือนยี่ เวลาเดินบกมาถึงที่นั่น ฤาเสด็จออกไปหลายครั้ง ไม่เคยมีเลย ขออนุโมทนาด้วยในส่วนกุศลที่ได้ทำ

สยามินทร์

 

ลักษณะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ
1. พระบรมสารีริกธาตุก็ดี พระอรหันตธาตุก็ดี ย่อมีลักษณะแตกต่างจากอัฐิ หรือกระดูกของปุถุชนคนธรรมดา โดยที่ท่านเป็นผู้สำเร็จอรหัตผล และได้ปรินิพพานอันเป็นธรรมวิเศษ ยากที่ผู้ใดจะพึงบรรลุได้ดังนั้นพระธาตุจึงมีลักษณะผิดแผกจากปุถุชนคนธรรมดา
ก. มีลักษณะกลม เสี้ยว ยาวรี เป็นเหลี่ยม หรือแม้จะมีลักษณะคล้ายกระดูกคนก็จริง แต่มีรูปพรรณสัณฐานเป็นมันเลื่อมเสียส่วนมาก มีสีต่างๆ นับแต่สีทอง สีขาว สีงาช้าง สีแดงเรื่อๆ ระหว่างเหลืองปนแดง สีทวายตะคร้า เป็นต้น
ข. มีลักษณะถ้าจะมองดูเพียงผิวเผินคล้ายก้อนหิน กรวด หรือไข่มุกขนาดเล็ก แต่ถ้าจะพิจารณาโดยละเอียดแล้ว มิใช้หิน กรวดหรือไข่มุก เหตุด้วยมีน้ำหนักเบากว่ามาก และมีความดูดคล้ายแม่เหล็กแต่ไม่แรงขนาดแม่เหล็ก กล่าวคือดูดสิ่งของไม่ได้เหมือนแม่เหล็กแต่มักจะรวมตัวเข้าหากัน โดยเหตุนี้พระบรมธาตุขนาดเล็กบางองค์ที่ลอยน้ำได้ ถ้าลอยหลายๆองค์ มักจะรวมตัวติดกันเป็นกลุ่ม เป็นแพ อาศัยเหตุนี้เองท่านเกจิอาจารย์จึงกล่าวว่า ผู้ใดมีพระธาตุ ถ้าหมั่นบูชาและสักการะตามวิธีอันควรแล้วมักจะเป็นเหตุให้พระธาตุองค์อื่นๆ เสด็จมารวมอยู่ด้วย
ค. พระบรมสารีริกธาตุก็ดีพระอรหันตธาตุก็ดีถ้าเป็นขนาดเล็ก เช่นขนาดเมล็ดข้าวสารหัก เมล็ดพันธุ์ผักกาด หรือเมล็ดงา ถ้าเป็นสิ่งแท้แล้ว ท่านเสด็จประทับลอยเหนือน้ำได้โดยความอัศจรรย์ อันลักษณะที่ลอยนั้นถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นได้โดยแน่ชัดว่า ไม่ใช้ลอยอย่างท่อนไม้ลอยน้ำอย่างทำนองลอยครึ่งจมครึ่ง แต่พระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุจะประทับลงบนน้ำทำให้เห็นเป็นแอ่งหรือเป็นรอยบุ๋มลงไป ถ้าเป็นพระบรมสารีริกธาตุจะมีรัศมีของน้ำหรือประกายของน้ำปรากฏเป็นแฉกๆ พระบรมธาตุบางองค์อาจจมลงน้ำก็ได้ เมื่อได้ลอยมาแล้ว และถ้าเราช้อนขึ้นวางบนผิวน้ำใหม่ก็อาจลอยได้อีก ทั้งนี้เป็ฯความมหัศจรรย์อย่างยิ่งยวดซึ่งยากที่นักวิทยาศาสตร์จะสามารถพิสูจน์เหตุผลได้ว่าเป็นเพราะอะไร
ง. พระบรมธาตุหรือพระอรหันตธาตุขนาดใหญ่กว่าสัญฐานที่กล่าวไว้ในข้อ ค. มักไม่ลอยน้ำ อย่างไรก็ดีเป็นที่เชื่อกันในบรรดาท่านผู้รู้ทั้งหลายว่า พระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ มีพุทธาภินิหารในทางปรากฏเป็นรัศมีต่างๆ ในเวลาค่ำคืนบางเวลาเป็นปาฏิหาริย์และเป็นมหาสิริมงคลแก่บรรดาผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างยิ่งซึงได้ปรากฏในประวัติศาสตร์แล้วว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระพุทเจ้าหลวง และพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยทอดพระเนตรเห็นพระบรมสารีริกธาตุทรางแสดงปาฏิหาริย์โดยปรากฏเป็นรัศมีตางๆ โดยรอบองค์พระปฐมเจดีย์เป็นสีต่างๆ
2. ท่านผู้รู้ทั้งหลายมีความเชื่อว่า ผู้ใดมีพระธาตุอยู่ในครอบครอง แต่ไม่ประดิษฐานไว้ในที่อันควร และไม่หมั่นเคารพบูชาพระธาตุจะเสด็จไปที่อื่น แต่ถ้าประดิษฐานไว้ในที่อันควรและหมั่นเคารพบูชา ปฏิบัติบูชาอยู่อย่างสม่ำเสมอ จะปรากฏความมหัศจรรย์ คือพระบรมธาตุมักเสด็จมาจากที่อื่นมาประทับร่วมเพิ่มขึ้นได้
3. เป็นที่เชื่อกันในหม่ผู้รู้ทั้งหลายว่า พระธาตุเสด็จประทับอยู่ ณ ที่ใด สถานที่นั้นหรือบุคคลผู้ครอบครองนั้น มักจะประสบแต่ศิริสวัสดิ์พิพัฒนมงคลทั้งสิ้น

 

พระธาตุที่มีสัณฐานนอกเหนือจากตำราhttp://www.relicsofbuddha.com/page9-1.htm

 

ธรรมสวัสดีครับ
วันนี้ช่วงเช้าหลังจากสวดมนต์ไหว้พระฯทั้งเวอรชั้นไทย-บาลีและจีน(โหงวอิม)เป็นที่ชุ่มใจแล้ว อยู่ๆก็มีความรู้สึกต้องการชมพระบารมี พระธาตุฯ และโพสต์ที่แล้วก็ได้กล่าวถึงสัณฐานและวรรณะแห่งพระบรมสารีริกธาตุไปแล้ว พอชื่นชมพระบารมีเสร็จก็เลยขออนุญาตนำภาพมาฝากให้ร่วมอนุโมทนา พระธาตุที่นำมาให้ชมเป็นพระธาตุที่อยู่ที่บ้านที่คลองเตยครับเพราะช่วงหลังน้ำมันแพงผมเลยไม่ได้เข้าไปที่บ้านลาดกระบัง
ภาพแรกเป็นเจดีย์ฐานดอกบัวทำจากแก้วไม่ใช้เรซินภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุวรรณสีแดง ส่วนสัณฐานส่วนใหญ่เป็นเมล็ดถั่วแตก มีบางองค์ที่มีสัญฐานเป็นเมล็ดผักกาด(ได้มาจากเพื่อนสมาชิกท่านหนึ่งครับเห็นมีวรรณเดียวกันผมเลยเชิญท่านไว้ด้วยกัน)

 

ส่วนภาพจะเป็นพระธาตุฯที่มีสัณฐานดังเมล็ดถั่วแตก ก็จะมีหลายวรรณครับทั้งขาว สีทองอุไรแต่ส่วนใหญ่จะออกขาว เลยโพสต์มาให้ดู แล้วผมจะโพสต์สัณฐานต่างๆให้ได้ชมครับ

 

ในภาพเป็นพระบรมสารีริกธาตุหลายสัณฐานและมีวรรณเป็นเลือมมุกดา ภาพที่สองเป็นพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์สมเด็จปฐม(เพิ่งจะได้มาครับ) เป็นพระอาโปธาตุแห่งองค์พระศาสดา

 

ในภาพเป็นพระอรหันตธาตุแห่งพระสีวลี
สีวลี จะ มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโต โสระโหปัจจะยาทิมหิ สีวลี จะ มะหาเถโร ยักขาเทวาภิปูชิโต โสระโหปัจจะยาทิมหิ อะหัง วันทามิ ตังสะทา สีวลีเถรัสสะ เอตัง คุณัง สวัสดิลาภภัง ภะวันตุเมฯ
ตามตำราว่าลักษณะดังผลยอป่า เมล็ดมะละกอ เมล็ดในพุทรา สีพิกุลแห้ง แดงดังหม้อใหม่ เหลืองทวายตะค้า ขาวดังสีสังข์ เขียวดอกผักตบ พระสีวลีท่านเป็นสาวกผู้เลิศด้วยลาภสักการะ ด้วยเหตุนี้พระธาตุของท่านจึงเป็นที่ใฝ่หากันมาก เพราะเชื่อว่าบูชาแล้วจะได้รับบารมีของท่านบ้าง โดยองค์ท่านจะสร้างเป็นรูปพระภิกษุในท่าเดินธุดงถือกด(รม)พระธาตุส่วนใหญ่บูชามานานแล้วครับ ยกเว้นในภาพที่มีองค์เดียวเพิ่งจะได้มาเมื่อสัก2สัปดาห์ที่แล้ว

 

ขอบคุณมากได้รับความรู้เกี่ยวกับพระบรมธาตุมากมายเลยครับ ขอให้เจริญก้าวหน้าในธรรมอย่างรวดเร็วและตลอดไปนะครับ

 

พระอุปคุต ท่านว่าลักษณะหัวคอดท้ายคอด สีดอกพิกุลแห้ง หรือเปลือกหอมใหญ่ ท่านเกิดหลังพุทธกาลประมาณ200กว่าปี ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ประวัติวาเมื่อพระเจ้าอโศกได้ค้นพบพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหากัสสปะได้ใช้ฤทะนำมาจากเจดีย์ของกษัตริย์เมืองต่างๆ ที่ได้รับแบ่งไปในคราวถวายพระเพลิงมาฝังรวมกันไว้ พระองค์จึงทรงสร้างเจดีย์ 84000องค์บรรจุพระบรมสารีกธาตุประดิษฐานในที่ต่างๆ และให้มีการฉลองเป็นเวลา 7ปี ฝ่ายพญามารต้องการบันดาลให้เกิดความอดอยากยากแค้น การฉลองจะได้ทำไม่สำเร็จตามมุ่งหมาย พระอุปคุตจึงปราบพญามารโดยเนรมิตซากหมาเน่าแขวนไว้ที่คอ พญามารแก้ออกไม่ได้จึงขอยอมแพ้ แต่ใจจริงมิได้ยอมพระอุปคุตได้เอาซากหมาเน่าออกให้ แต่จับขังไว้ในภูเขา พญามารจึงนั่งเศร้าใจและระลึกถึงความโง่เขลาของตัวที่ได้ล่วงเกินพระพุทธเจ้าเป็นอันมากแต่พระองค์มิได้กระทำร้ายตอบตนได้ใจจึงทูลให้พระองค์ปรินิพพานด้วย คิดว่าตัวเองเป็นผู้มีอำนาจใหญ่ ความจริงพระองค์ทรงพระมหากรุณาธิคุณจิงมิได้กระทโทษแก่เรา ซึ่งถ้าจะทำก็คงกระทำได้โดยง่าย ดูแต่ภิกษุรูปนี้ไมมีชื่อเสียงเรียงนามยังสามารถทรมานเราได้โดยเราไม่มีทางต่อสู่เลย พญามารได้เกิดความสำนึกตื้นตันในพระคุณของพระพุทธเจ้าจึงปรารถนาจะบำเพ็ญบารมีเพื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในอนาคต พระอุปคุตได้ทราบความคิดของพญามารด้วยญาณแล้วจึงปล่อยและสั่งสอนการบำเพ็ญบารมีเพื่อพุทธภูมิ พระอุปคุตนี้ท่านมักนั่งสมาธิอยู่ใต้บาดาล จึงทำเป็นรูปพระมีใบบัวปิดเหนือศีรษะเป็นเครื่องหมาย มักบูชาโดยใส่พานโดยมีน้ำล้อมรอบ เรียกว่าพระบัวเข็ม
ในภาพเป็นพระอรหันตธาตุ และพระบัวเข็มหรือพระอุปคุต องค์แรกเป็นพระกริ่งอุปคุตยอดฉัตรของหลวงปู่ธรมรังษี วัดพระพุทธบาทพนมดิน อีกภาพเป็นพระอุปคุตของวัดสุทัศน์ ผมเชิญท่านไว้ใกล้พระธาตุฯ เพราะผมมีความเชื่อว่าท่านเป็นผู้คุ้มครองพระธาตุฯ และขจัดอุปสรรค

 

ได้ชมภาพพระอุปคุต(พระบัวเข็ม)ไปแล้ว ผมว่าที่ขาดไม่ได้ตามลักษณะพุทธแบบไทยๆ ก็ต้องมีพระคาถานะครับ
คาถาบูชาพระอุปคุต(พระบัวเข็ม) เพื่อขอลาภสักการะ
พระมหาอุปคุตโต มหาอุปคุตตัง กายะพันธะนัง อมยิสะ พุทธังทะเถโร ธัมมังทะเถโร สังฆังทะเถโร ประอัยยะ สุตัง อุปปัจสะอิ มหาอุปคุตโต จะมหาลาโภ พุทโธลาภัง ราชา ปุริโส อิตถีโย มามัง เอหิจิตตังปิยังมะมะฯ
คาถาบูชาพระอุปคุต (พระบัวเข็ม) เพื่อป้องกันอันตราย
อุปคุตโต จะ มหาเถโร สัมพุทเธนะ วิยากะโต มารัญจะ มาระพะรัญจะ โสอิทานิ มหาเถโร นะมัสสิตะวา ปะติฏฐิโต อะหังวันทามิ อิทาเนวะ อุปคุตตัง จะมหาเถรัง ยัง ยัง อุปัททะวังชาตัง วิทังเสติ อะเสตะโต นะโมพุทธายะฯ
เหตุที่เรียกว่าพระบัวเข็ม ถ้าสังเกตุองค์ท่านที่บริเวณไหล่ หัวเข่า หน้าผากจะทำเป็นตุ่มแต่เดิมคนโบราณจะสร้างองค์ท่านด้วยไม้โพธิ์ และบริเวณที่กล่าวมานิยมบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ และทำตุ่มเป็นสัญญลักษณ์ไว้ครับ คงด้วยความเชื่อว่าท่านเป็นพระอรหัตที่คุ้มครองพระธาตุฯ

 

เดิมเจดีย์องค์นี้เดิมเป็นสีเนื้อไม้(น่าจะเป็นไม้โพธิ์)ต่อมาปิดทองทั้งองค์ ภายในผมได้อัญเชิญพระธาตุแห่งพระปัจเจกพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่

 

พระบรมสารีริกธาตุชุดนี้ได้มาด้วยความบังเอิญ เมื่อปีที่แล้วผมนัดเพื่อนไปเจอกันที่Central World ก็เดินซื้อของshopping ตอนจะกลับว่าจะไปซื้อขนมปังใส้ถั่วแดงที่ร้าน Sun Moulin ปรากฏว่าระหว่างทางบริเวณโถงมีการจัดงานพระบรมสารีริกธาตุเป็นงานใหญ่ครับมีพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุสัณฐานและวรรณต่างให้ได้กราบสักการะ เหมือนงานพระบรมสารีริกธาตุที่จัดที่เมืองทองธานี ระหว่างสักการะก็มีน้องเจ้าหน้าที่จัดงานยื่นแผ่นพับมาให้และแจ้งว่าเวลาประมาณ4โมงเย็นจะมีการมอบพระบรมสารีริกธาตุ โดยประธานในพิธีที่มอบฯเป็นพระภิกษุ(ผมจำฉายาของท่านไม่ได้ ใบหน้าของท่านที่เปรียมเมตตาผมยังจำได้เสมอ)พอถึงเวลาผมกับเพื่อนๆก็ต่อคิวเป็นคนแรกๆ(เพราะเรานั้งคอยเวลาอยู่แถวๆนั้น) ท่านมอบให้ก็พรมน้ำพระพุทธมนต์ ท่านพูดกับผมว่า"รักษาไว้ให้ดีนะ เป็นสิ่งหายาก" ขณะนั้นจิตมันก็รู้สึกแปรบขึ้นมาบอกไม่ถูก และมักจะเกิดความรู้สึกอย่างนี้ทุกครั้งที่ได้รับพระบรมสารีริกธาตุ(ภาพดูไม่ค่อยชัด ผมถ่าย2ครั้งก็ไม่ชัด)วรรณจะเป็นลักษณะเหมือนเลือมมุกดา สวยมากครับ พวกเพื่อนได้ทีก็เลยอนุโมทนากับผมว่า ที่แรกพวกเพื่อนเดินผ่านมาท่านนี้ไมได้สังเกตุเห็นว่ามีงานฯ แต่พอมาเจอผมก็ได้มาชมงานและได้พระธาตุฯด้วย
ในภาพที่ 2 เป็นตู้ไม้สักจำลองที่พึงได้มาตอนเดินในงาน o-top ที่เมืองทองธานีเมื่อไม่นานนี้ น่าจะเป็นช่วงวันแม่ ชั้น1และ2ผมเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระปัจเจกพุทธเจ้าประทับอยู่ ส่วนชั้นสุดท้ายเป็นพระอรหันตธาตุ

 

ได้ความรู้เพิ่มเติมมากค่ะ มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการจัดวางพระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุพระปัจเจก พระอรหันตธาตุ และพระธาตุของพระเกจิอาจารย์ ท่านผู้ใดทราบรบกวนช่วยตอบข้อสงสัยด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

 

ถ้าจะกล่าวตามหลักของพุทธศาสนาพระท่านกล่าวว่าทุกสิ่งที่บังเกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นย่อมมีเหตุมีปัจจัยที่ถึงพร้อมแต่บ่อยครั้งที่ผมได้รับพระธาตุฯด้วยเหตุหรือปัจจัยที่ปัญญาของผมไม่อาจจะหาหรือให้คำตอบได้ชัดเจนนัก ผมก็มักจะใช้คำว่า"บังเอิญ" (ซึ่งเป็นวิธีคิดแบบง่ายๆไม่ยากคิดหรือคิดไม่ได้ )
ในภาพ(ไม่ค่อยชัดอีกแล้ว)พระธาตุฯส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นผลึกแก้วไม่ถึงขนาดที่ใสสนิท บางองค์เป็นสีคราม และมีอยู่องค์หนึ่งที่คล้ายสีงาช้าง ซึ่งก็ได้มาโดย"บังเอิญ"(หาคำตอบให้กับชีวิตไม่ได้) ซึ่งผมจะชอบองค์นี้เป็นพิเศษ(ผมก็เป็นคนที่ยังมีกิเลสอยู่เป็นธรรมดายังมีความรัก-ชอบอยู่แต่ก็พยายามกำหนดจิตให้รู้ทันบางไม่ทันบาง....)

 

ธรรมสวัสดีครับ ขออนุญาตตอบโดยร่วมๆ ดังนี้ครับ จากหนังสือ"พระบรมสารีริกธาตุ"
การจัดที่บูชาและปฏิบัติต่อพระบรมธาตุและพระธาตุต่างๆ
พระบรมธาตุเป็นธาตุรู้ เสด็จมาได้ตามคำอธิษฐานก็เสด็จไปเมื่อปฏิบัติไม่ถูก ฉะนั้น จึงต้องปฏิบัติต่อพระบรมธาตุเฉกเช่นพระพุทธองค์ ดังนี้
บรรจุไว้ในเจดีย์ไม้จันทน์ เจดีย์ไม้โพธิ์ เจดีย์แก้ว หรือผอบ โถกระเบื้องที่มีผาครอบก็ได้
ควรรองภายในด้วยสำลี ต้ดผ้าแดงให้พอดี วางบนสำลีตัดไหมเจ็ดสีเป็นเส้นเล็กๆ วางบนผ้าแดง แบ้วทับด้วยผ้าขาวอีกทีหนึ่ง แล้วจึงอัญเชิญพระบรมธาตุวางข้างบน โบราณกล่าวว่าใช้ไหมเจ็ดสีมณีเจ็ดอย่างจะถูกโฉลกในการบูชา
เจดีย์บรรจุพระบรมธาตุควรไว้สูงกว่าพระบูชา แต่ถ้าสถานที่ไม่อำนวย จะวางไว้หน้าพระบูชาก็ได้ แต่ควรมีพานรองรับ
ควรเน้นหนักในการปฏิบัติบูชา ด้านภาวนามากกว่าบูชาด้วยดอกไม้ ธูปเทียน หรืออื่นใด ไม่ควรบูชากราบไหว้ด้วยจิตที่เจือด้วยกิเลส พยายามผูกจิตระลึกถึงพระบรมธาตุด้วยการบริกรรมภาวนาพระคาถามงกุฎพระพุทธเจ้าให้มากที่สุด การบูชาพระธาตุนี้ มีผลานิสงส์มากนัก อาจให้สำเร็จประโยชน์และสุขสมบูรณ์ได้ทั้งในชาตินี้และชาติหน้าและประโยชน์อย่างยิ่งคือ "พระนิพพาน"
ผู้ไม่เชื่อและไม่เคยบูชาก็ไม่สามารถจะรู้ได้ เพราะผลานิสงส์ทั้งนี้จะเกิดปรากฏก็จะเกิดเฉพาะผู้ที่มีความเลื่อมใสและกระทำการสักการะบูชาโดยสุจริตเท่านั้น พระธาตุได้มีส่วนเกี่ยวกันกับพระพุทธศาสนาในประเทศไทยมาแต่โบราณอาจกล่าวได้ว่าทุกๆ เจดีย์หรือพระปรางค์จะมีพระธาตุบรรจุไว้ พระพุทธรูปสำคัญๆจะมีพระบรมธาตุหรือสาวกธาตุบรรจุอยู่ภายในองค์พระ พระบรมธาตุจะถูกบรรจุอยู่ในตลับทองคำ ตลับเงินตลับนาก ซ้อนกันเป็นชั้นๆ แล้วแต่กำลังทรัพย์และศรัทธาของผู้เป็นเจ้าของนอกนั้นเขาจะบรรจุอัญมณีล้ำค่าด้วย ถือว่าเป็นการสักการะพระบรมธาตุ บางแห่งก็จะบรรจุดอกพิกุลเงิน พิกุลทอง และไม้จันทน์ซีกเล็กๆ ไว้กับพระบรมธาตุ
การที่เอาผ้าแดงผ้าขาวรองใต้พระบรมธาตุ เพราะถือว่าพระธาตุมีเทพรักษา ผ้าขาวผ้าแดงเป็นอาภรณ์ของเทพยดา ส่วนพระอารหันตธาตุ ก็จัดที่บูชาต่ำรองลงมาเป็นลำดับ คือพระบรมธาตุ ธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้า แล้วจึงเป็นพระอรหันตธาตุควารจะแยกธาตุพระปัจเจกพุทธเจ้าไว้ต่างหาก หรือไว้ชั้นเดียวกันกับพระบรมธาตุ ก็ให้ดูสถานที่และความเหมาะสม

 

ขอบคุณพี่ศักดิ์มากเลยครับ สำหรับข้อความดีดี วันนี้ ผมโชคดีมากเลยครับ ได้รับพระโลหิตพระปัจเจกพุทธเจ้า จากคุณนาคเสน ขอบคุณมากครับ และได้รับหนังสือจากพี่พงษ์ศักดิ์ ผมเข้าใจว่าเป็นชื่อพี่มั้งครับ ได้ส่งหนังสือมาให้ ขอบคุณมากครับ

ผมขอถามว่า พระโลหิตพระปัจเจกพุทธเจ้า ไว้รวมกับพระอรหันตธาตุได้ไหมครับ ช่วยแนะนำหน่อย และที่เป็นข่าวดีอีกอย่างวันนี้ ไปดูซองพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่บนพาน ซึ่งตอนแรกได้รับมา 5 องค์ วันนี้ไปดูใหม่ โดยปกติแล้วจะไม่ค่อยได้ดู จะสวดมนต์ตามปกติอย่างเดียว ปรากฎว่าพระบรมสารีริกธาตุ เสด็จมาเพิ่มจากเดิม อีกหลายองค์พอสมควร

สาธุ....