ภาพพระบรมสารีริกธาตุ และพระธาตุที่บูชา

ในห้อง 'แจกฟรี แต่มีค่าส่ง' ตั้งกระทู้โดย ศักดิ์, 19 สิงหาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    ในภาพแรกจะเป็นพระโลหิตธาตุ สีออกแดง(ภาพไม่ชัด)ทั้งสององค์ผมเชิญท่านไว้ในผอบโลหะสีทองสององค์นี้ก็ได้ตอนทำบุญ(ก็เป็นความบังเอิญอีกแล้วที่เวลาทำบุญ เพื่อนคนอื่นมักจะได้พระพิมพ์ แต่ผมบังเอิญได้พระธาตุ...ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมมีเหตุ-มีปัจจัยทั้งสิ้น...ไม่มีความบังเอิญในพจนานุกรมของชาวพุทธdencee) ส่วนภาพถัดมาเป็นพระบรมสารีริกธาตุสัณฐานดังเมล็ดพันธุ์ผักกาด(ยังไม่เคยเห็นเมล็ดผักกาดจริงว่าเป็นอย่างไร)วรรณะเป็นเลื่อมมุกดาบางองค์จะออกสีทองอุไร ภาพที่3 จะสัณฐานเล็กๆน่าจะอยู่ในสัณฐานเมล็ดพันธุ์ผักกาดแต่มีสีขาว และสีออกชานหมาก
    ทางภาคเหนือมีความเชื่อในเรื่องการบูชาพระธาตุประจำปีนักษัต ซึ่งน่าสนใจ เช่นคนที่เกิดปีจอให้บูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีเจดีย์ บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์(ซึ่งพระธาตุส่วนใหญ่จะอยู่ทางภาคเหนือเป็นส่วนใหญ่และ ภาคอีสานบ้าง) ลองเข้าไปดูที่เวปลิงค์http://www.relicsofbuddha.com/page4-1.htm
     
  2. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    อนุโมทนาด้วยครับ 南
    พระโลหิตพระปัจเจกพุทธเจ้าควรเชิญท่านให้อยู่สูงกว่าพระอรหันตธาตุครับ เพราะพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านสังสมบารมีมามากกว่า และขออนุโมทนากับพระบรมสารีริกธาตุที่เสด็จมาเพิ่มด้วยใจสักการะครับ

    ขอบุญรักษาครับ
    พี่ศักดิ์dencee<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
     
  3. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    พระคาถาบูชาพระธาตุ 84000องค์ ในชมพูทวีป

    อัฏฐาระเส เทวะวะสุสสะเต ธัมมา โสโถ ราชาอะหุ
    จะตุราสี ติสสะหัสสา เจติยา จะ การาปิตา
    ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโย
    สัตตะโทนามิ ธาตุ ขัมภะทีเป ปะติฏฐิตา
    จะตุราสี ติสสะหัสสา เจติยา ปะติยา ปะติมัณฑิลา
    ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโย
     
  4. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    บูชาพระธาตุในพรหมโลกและดาวดึงส์

    พรัหมโลเกทุสสะธาตุ วามะอักขะกะธาตุโย
    สัพเพ พรหมาภิปูเชนติ ถูปัง ทะวาทะสะโยชะนัง
    ตาวะติงสะมหิเทวานะ จุฬามะณี จะ เกสะกัง
    สัพเพเทวา ภิปูเชนติ ถูปัญ จะ จะตุโยชะนัง
    ปูชิตา นะระเทเวหิ อะหัง วันทามิ ธาตุโยฯ
    http://www.geocities.com/wiboon_hod/page92.html
     
  5. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
    ว่าด้วยผลแห่งการบูชาพระบรมสารีริกธาตุ [๗๖] เมื่อพระโลกนาถผู้นำของโลกพระนามว่าสิทธัตถะปรินิพพานแล้ว เราได้นำพวกญาติของเรามาทำการบูชาพระธาตุ ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้บูชาพระธาตุใด ด้วยการบูชานั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผล แห่งการบูชาพระธาตุ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนา เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระธาตุปูชกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
    จบ ธาตุปูชกเถราปทาน. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก [​IMG] ว่าด้วยการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ [๒๘] พระมหาโคดมชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพานที่นครกุสินารา พระธาตุของพระองค์ เรี่ยรายแผ่ไปในประเทศนั้นๆ พระธาตุ ทะนานหนึ่ง พระเจ้าอชาตศัตรูทรงนำไปไว้ในพระนครราชคฤห์ ทะนานหนึ่งอยู่ในเมืองเวสาสี ทะนานหนึ่งอยู่ในนครกบิลพัสดุ์ ทะนานหนึ่งอยู่ในอัลลากัปปนคร ทะนานหนึ่งอยู่ในรามคาบ ทะนานหนึ่งอยู่ในเวฏฐาทีปกนคร ทะนานหนึ่งอยู่ในเมืองปาวาของ มัลลกษัตริย์ ทะนานหนึ่งอยู่ในเมืองกุสินารา โทณพราหมณ์ให้ช่าง สร้างสถูป บรรลุทะนานทอง กษัตริย์โมริยะผู้มีหทัยยินดี รับสั่งให้ สร้างสถูปบรรจุพระอังคาร พระสถูปบรรจุพระสารีริกธาตุ ๘ แห่ง เป็น ๙ แห่ง ทั้งตุมพเจดีย์ รวมพระอังคารสถูปด้วยเป็น ๑๐ แห่ง ประดิษฐานอยู่แล้วในกาลนั้น พระทาฐธาตุข้างหนึ่งอยู่ในดาวดึงส- พิภพ ข้างหนึ่งอยู่ในนาคบุรี ข้างหนึ่งอยู่ในเมืองคันธารวิสัย ข้าง หนึ่งอยู่ในเมืองกาลิงคราช พระทันตธาตุ ๔๐ พระเกศธาตุและพระ โลมาทั้งหมด เทวดานำไปไว้ในจักรวาลหนึ่งๆ จักรวาลละอย่าง บาตรไม้เท้าและจีวรของพระผู้มีพระภาค อยู่ในวชิรานครสงบอยู่ใน กุลฆรนคร ผ้าปัจจัตถรณะอยู่ในสีหฬ ธมกรกและประคตเอว อยู่ ในนครปาฏลิบุตร ผ้าอาบน้ำอยู่ในจำปานคร อุณณาโลมอยู่ใน แคว้นโกศล ผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ในพรหมโลก ผ้าโพกอยู่ในดาวดึงส์ (รอยพระบาทอันประเสริฐที่หิน เหมือนมีอยู่ที่กัจฉตบุรี) ผ้านิสีทนะ อยู่ในอวันตีชนบท ผ้าลาดอยู่ในดาวดึงส์ ไม้สีไฟอยู่ในมิถิลานคร ผ้ากรองน้ำอยู่ในวิเทหรัฐ มีดและกล่องเข็มอยู่ในอินทปัตถนคร ใน กาลนั้น บริขารที่เหลือ อยู่ในชนบท ๓ แห่งในกาลนั้น หมู่ มนุษย์ในกาลนั้นจักบูชาบริขารที่พระมุนีทรงบริโภค พระธาตุของ พระโคดมผู้แสวงหาคุณอันใหญ่หลวง กระจายแผ่กว้างไป เพื่อ อนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งหลายเป็นของเก่าในกาลนั้น ฉะนี้แล. จบธาตุภาชนียกถา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2011
  6. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘

    ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
    ๙. ปีตวิมาน ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในปีตวิมาน

    สมเด็จอัมรินทราธิราชตรัสถามนางเทพธิดาตนหนึ่งว่า

    [๔๗] ดูกรนางเทพธิดาผู้เจริญ ผู้นุ่งห่มผ้าล้วนแล้วด้วยสีเหลือง มีธงก็เหลือง
    ตกแต่งด้วยเครื่องอลังการเหลือง มีกายอันลูบไล้ด้วยจุณจันทน์เหลือง
    ทัดทรงดอกบัวหลวง มีปราสาทอันแล้วด้วยทองคำ มีที่นอนและที่นั่งสี
    เหลือง ทั้งภาชนะที่รองรับขาทนียะและโภชนียะสีเหลือง มีฉัตรสีเหลือง
    รถสีเหลือง มีม้าและพัดล้วนแล้วสีเหลือง เมื่อชาติก่อนท่านเป็นมนุษย์
    ได้กระทำบุญอะไรไว้ ฉันถามท่านแล้วขอท่านจงบอก นี้เป็นผล
    แห่งกรรมอะไร​

    นางเทพธิดาตอบว่า

    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันได้น้อมนำเอาดอกบวบขมซึ่งมีรสขม
    ไม่มีใครชอบ จำนวน ๔ ดอก ไปบูชาพระสถูปตั้งจิตอุทิศต่อพระบรม
    ธาตุของพระบรมศาสดา ด้วยจิตอันเลื่อมใสกำลังส่งใจไปในพระบรมธาตุ
    ของพระศาสดานั้น ไม่ทันได้พิจารณาถึงหนทางที่มาแห่งแม่โค ทันใด
    นั้น แม่โคได้ขวิดหม่อมฉันผู้มีความปรารถนาแห่งใจยังไม่ถึงพระสถูป
    ถ้าหม่อมฉันได้สั่งสมบุญนั้นไซร้ หม่อมฉันพึงได้ทิพยสมบัติยิ่งกว่า
    นี้เป็นแน่ ข้าแต่ท้าวมัฆวานจอมเทพผู้เทพกุญชร เพราะบุญกรรมนั้น
    หม่อมฉันละอัตภาพมนุษย์แล้ว จึงได้มาอภิรมย์อยู่กับพระองค์​

    ท้าวมัฆวานผู้เป็นอธิบดีแห่งทศเทพผู้ทรงเทพกุญชร ได้ทรงสดับเนื้อความ
    นี้แล้ว เมื่อจะทรงยังทวยเทพเจ้าชาวดาวดึงส์สวรรค์ให้เลื่อมใส ได้
    ตรัสกะมาตลีเทพบุตรว่า ดูกรมาตลี จงดูผลแห่งกรรมอันวิจิตรน่าอัศจรรย์
    นี้ ทานวัตถุแม้มีประมาณน้อยอันนางเทพธิดานี้ทำแล้ว ย่อมเป็นบุญมีผล
    มาก เมื่อจิตเลื่อมใสในพระตถาคตสัมพุทธเจ้า ในพระปัจเจกพุทธเจ้า
    หรือในสาวกของพระตถาคต ทักษิณา ย่อมไม่ชื่อว่ามีผลน้อยเลย มา
    เถิดมาตลี แม้เราทั้งหลายพึงรีบเร่งบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระตถา-
    คตให้ยิ่งๆ ขึ้นเถิด เพราะการสั่งสมบุญย่อมนำสุขมาให้ เมื่อพระตถาคต
    จะยังทรงพระชนม์อยู่ หรือเสด็จปรินิพพานไปแล้วก็ตาม เมื่อจิตสม่ำ
    เสมอผลก็ย่อมสม่ำเสมอ เพราะเหตุที่ตั้งจิตไว้ชอบธรรม สัตว์ทั้งหลาย
    ย่อมไปสู่สุคติ ทายกทั้งหลายได้กระทำสักการะบูชาในพระตถาคตเหล่าใด
    ไว้แล้ว ย่อมไปสู่สวรรค์ พระตถาคตเหล่านั้นย่อมเสด็จอุบัติขึ้น เพื่อ
    ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมากหนอ.

    จบ ปีตวิมานที่ ๙.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2011
  7. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒

    ทีฆนิกาย มหาวรรค ๓. มหาปรินิพพานสูตร (๑๖)
    ถูปารหบุคคล
    [๑๓๔] ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก ถูปารหบุคคล ๔ จำพวก
    เป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง สาวกของพระตถาคตเป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง พระเจ้าจักรพรรดิ เป็นถูปารหบุคคลจำพวกหนึ่ง ฯ

    ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมาก ยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ

    ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระปัจเจกสัมพุทธเจ้า
    จึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของ
    พระปัจเจกสัมพุทธเจ้านั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล พระปัจเจกสัมพุทธเจ้าจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ

    ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สาวกของพระตถาคต
    จึงเป็นถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของสาวกของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แล สาวกของพระตถาคตจึงเป็นถูปารหบุคคล ฯ

    ดูกรอานนท์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร พระเจ้าจักรพรรดิจึงเป็น
    ถูปารหบุคคล ชนเป็นอันมากยังจิตให้เลื่อมใสว่า นี้เป็นสถูปของพระธรรมราชาผู้ทรงธรรมนั้น พวกเขายังจิตให้เลื่อมใสในสถูปนั้นแล้ว เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์ข้อนี้แลพระเจ้าจักรพรรดิจึงเป็นถูปารหบุคคล ดูกรอานนท์ ถูปารหบุคคล ๔ จำพวกนี้แล ฯ
    จบถูปารหบุคคล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2011
  8. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕
    ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก
    ว่าด้วยการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ
    [๒๘] พระมหาโคดมชินเจ้าผู้ประเสริฐ เสด็จนิพพานที่นครกุสินารา พระธาตุของพระองค์ เรี่ยรายแผ่ไปในประเทศนั้นๆ พระธาตุ ทะนานหนึ่ง พระเจ้าอชาตศัตรูทรงนำไปไว้ในพระนครราชคฤห์ ทะนานหนึ่งอยู่ในเมืองเวสาสี ทะนานหนึ่งอยู่ในนครกบิลพัสดุ์ ทะนานหนึ่งอยู่ในอัลลากัปปนคร ทะนานหนึ่งอยู่ในรามคาบ ทะนานหนึ่งอยู่ในเวฏฐาทีปกนคร ทะนานหนึ่งอยู่ในเมืองปาวาของ มัลลกษัตริย์ ทะนานหนึ่งอยู่ในเมืองกุสินารา โทณพราหมณ์ให้ช่าง สร้างสถูป บรรลุทะนานทอง กษัตริย์โมริยะผู้มีหทัยยินดี รับสั่งให้ สร้างสถูปบรรจุพระอังคาร พระสถูปบรรจุพระสารีริกธาตุ ๘ แห่ง เป็น ๙ แห่ง ทั้งตุมพเจดีย์ รวมพระอังคารสถูปด้วยเป็น ๑๐ แห่ง ประดิษฐานอยู่แล้วในกาลนั้น พระทาฐธาตุข้างหนึ่งอยู่ในดาวดึงส- พิภพ ข้างหนึ่งอยู่ในนาคบุรี ข้างหนึ่งอยู่ในเมืองคันธารวิสัย ข้าง หนึ่งอยู่ในเมืองกาลิงคราช พระทันตธาตุ ๔๐ พระเกศธาตุและพระ โลมาทั้งหมด เทวดานำไปไว้ในจักรวาลหนึ่งๆ จักรวาลละอย่าง บาตรไม้เท้าและจีวรของพระผู้มีพระภาค อยู่ในวชิรานครสงบอยู่ใน กุลฆรนคร ผ้าปัจจัตถรณะอยู่ในสีหฬ ธมกรกและประคตเอว อยู่ ในนครปาฏลิบุตร ผ้าอาบน้ำอยู่ในจำปานคร อุณณาโลมอยู่ใน แคว้นโกศล ผ้ากาสาวพัสตร์อยู่ในพรหมโลก ผ้าโพกอยู่ในดาวดึงส์ (รอยพระบาทอันประเสริฐที่หิน เหมือนมีอยู่ที่กัจฉตบุรี) ผ้านิสีทนะ อยู่ในอวันตีชนบท ผ้าลาดอยู่ในดาวดึงส์ ไม้สีไฟอยู่ในมิถิลานคร ผ้ากรองน้ำอยู่ในวิเทหรัฐ มีดและกล่องเข็มอยู่ในอินทปัตถนคร ใน กาลนั้น บริขารที่เหลือ อยู่ในชนบท ๓ แห่งในกาลนั้น หมู่ มนุษย์ในกาลนั้นจักบูชาบริขารที่พระมุนีทรงบริโภค พระธาตุของ พระโคดมผู้แสวงหาคุณอันใหญ่หลวง กระจายแผ่กว้างไป เพื่อ อนุเคราะห์แก่สัตว์ทั้งหลายเป็นของเก่าในกาลนั้น ฉะนี้แล.
    จบธาตุภาชนียกถา. จบพุทธวงศ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2011
  9. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]
    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๘
    ขุททกนิกาย วิมาน-เปตวัตถุ เถร-เถรีคาถา
    จูฬรถวิมาน
    ว่าด้วยผลบุญที่ทำให้ไปเกิดในจูฬรถวิมาน
    พระมหากัจจายนเถระถามสุชาตกุมารว่า
    [๖๓] ท่านเป็นกษัตริย์ เป็นราชโอรส หรือเป็นพรานป่าพเนจร สพายธนู อันทำด้วยไม้แก่นอันมั่นคง ยืนอยู่? สุชาตกุมารตรัสตอบว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าเป็นราชโอรสของพระเจ้าอัสสกะ ผู้เป็นใหญ่ ในแคว้นอัสสกรัฐ เที่ยวไปในป่า ข้าแต่ภิกษุ ข้าพเจ้าจะขอบอกนามของ ข้าพเจ้าแก่ท่าน ชนทั้งหลายเรียกข้าพเจ้าว่า สุชาต ข้าพเจ้าเที่ยวลัดเลาะ ไปในป่าใหญ่แสวงหาหมู่เนื้อ ไม่ได้เห็นเนื้อ มาเห็นท่าน ข้าพเจ้าจึงได้ ยืนอยู่.
    พระมหากัจจายนเถระกล่าวว่า
    ดูกรท่านผู้มีบุญใหญ่ ท่านมาดีแล้ว อนึ่ง ถึงท่านมาไกลก็เหมือนมาใกล้ ขอท่านจงตักน้ำจากภาชนะนี้ล้างเท้าของท่านเสียเถิด น้ำนี้เย็นใสสะอาด อาตมภาพตักมาจากซอกเขา ดูกรพระราชบุตร ขอเชิญท่านดื่มน้ำจาก ภาชนะนี้แล้ว เชิญนั่งบนพื้นอันปูลาดเถิด.
    สุชาตกุมารตรัสถามว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เป็นมหามุนี วาจาของท่านนี้ไพเราะเสนาะโสต ไม่มีโทษ มีแต่ประโยชน์ จับใจนัก ให้เกิดปัญญา และท่านรู้ว่ามีประโยชน์แล้ว จึงพูด ข้าแต่ท่านฤาษีผู้องอาจ อะไรเป็นความยินดีของท่านผู้อยู่ในป่า ข้าพเจ้าถามท่านแล้ว ขอท่านจงบอก ข้าพเจ้าฟังถ้อยคำของท่านแล้วจะ ประพฤติอรรถธรรมให้สม่ำเสมอ.
    พระมหากัจจายนเถระตอบว่า
    ดูกรพระราชกุมาร อาตมภาพชอบการไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งปวง ชอบ การงดเว้นจากการลักขโมย จากการประพฤติล่วงละเมิดในหญิงที่เขา หวงห้าม จากการดื่มน้ำเมา และชอบความประพฤติชอบ ความเป็น พหูสูต ความกตัญญู เพราะธรรมเหล่านี้เป็นเหตุเกิดความสรรเสริญ วิญญูชนพึงสรรเสริญในปัจจุบันโดยแท้ ความตายของท่านใกล้เข้ามา แล้ว ท่านจักตายภายใน ๕ เดือน ดูกรพระราชบุตร ขอท่านจงรู้เถิด จงรีบปลดเปลื้องตนเสียเถิด.
    พระราชกุมารตรัสถามว่า
    ข้าพเจ้าพึงไปสู่ชนบทไหน ทำการงานอะไร ทำกิจอะไรของบุรุษ หรือ พึงเล่าเรียนวิชาอะไรหนอ จึงจะไม่แก่ไม่ตาย?
    พระมหากัจจายนเถระตอบว่า
    ดูกรพระราชกุมาร สัตว์พึงไปในประเทศใดแล้ว ประกอบการงานและ เล่าเรียนวิชา กระทำกิจของบุรุษ จะไม่แก่ไม่ตาย ประเทศเช่นนั้นจะ ไม่มีเลย แม้ชนทั้งหลายผู้มีทรัพย์มาก มีโภคสมบัติมาก เป็นกษัตริย์ ปกครองแว่นแคว้น มีทรัพย์และข้าวเปลือกมากมาย จะไม่แก่ไม่ตาย ไม่มีเลย ถึงชนเหล่านั้นจะเป็นลูกอันธกเวณฑะ มีเพลงอาวุธอันได้ ศึกษาแล้ว แกล้วกล้า องอาจ สามารถจะต่อสู้ศัตรูได้ก็ตาม แต่ชน เหล่านั้นก็ถึงความสิ้นอายุ จะดำรงยั่งยืนเหมือนพระจันทร์พระอาทิตย์ ก็หาไม่ เหล่าชนที่เป็นกษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ สูทร คนจัณฑาล คนหยากเยื่อ และชนชาติอื่นที่จะไม่แก่ไม่ตายก็ไม่มี ชนเหล่าใด เล่าเรียนมนต์อันประกอบด้วยองค์ ๖ ที่เป็นพรหมลิขิตและพวกที่เรียน วิชาเหล่าอื่น แม้ชนเหล่านั้นที่จะไม่แก่ไม่ตายก็ไม่มี อนึ่ง ฤาษีทั้งหลาย ผู้สงบสำรวมตนบำเพ็ญตบะ ก็จำต้องละทิ้งสรีระไปตามกาล ถึงพระ- อรหันต์ผู้มีอินทรีย์อันอบรมแล้ว เสร็จกิจแล้ว ไม่มีอาสวะ สิ้นบุญ และบาปแล้ว ก็ยังต้องทอดทิ้งร่างกายนี้ไป.
    พระราชกุมารตรัสว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เป็นมหามุนี คาถาของท่านเป็นสุภาษิตมีประโยชน์ ข้าพเจ้า โล่งใจเพราะวาจาอันท่านกล่าวดีแล้ว ขอท่านจงเป็นที่พึ่งของข้าพเจ้าเถิด.
    พระเถระกล่าวว่า
    ท่านอย่าถึงอาตมภาพเป็นที่พึ่งเลย จงถึงพระพุทธเจ้าผู้เป็นศากยบุตร เป็นมหาวีรบุรุษ ที่อาตมภาพถึงเป็นที่พึ่ง ว่าเป็นที่พึ่งเถิด.
    พระราชกุมารตรัสถามว่า
    ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ พระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมครูของท่านพระองค์นั้น เวลานี้ประทับอยู่ในชนบทไหน แม้ข้าพเจ้าก็จักไปเฝ้าพระพุทธเจ้าพระ- องค์นั้น ผู้ชนะมาร หาบุคคลเปรียบปรานมิได้?
    พระเถระตอบว่า
    แม้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น ผู้เป็นบรมครู เป็นบุรุษอาชาไนย ทรง สมภพในวงศ์แห่งพระเจ้าโอกกากราช อยู่ในชนบทปุรัตถิมทิศ แต่ว่า พระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว.
    พระราชกุมารตรัสว่า
    ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ ก็ถ้าพระพุทธเจ้าผู้เป็นบรมครูของท่านพึงยังดำรง พระชนม์อยู่ไซร้ ถึงจะประทับอยู่ไกลพันโยชน์ ข้าพเจ้าก็จะไปเฝ้าให้ จงได้ ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ ก็เพราะพระพุทธเจ้า ผู้เป็นบรมครูของท่าน เสด็จปรินิพพานแล้ว ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าซึ่งเสด็จปรินิพพานแล้ว เป็นมหาวีรบุรุษ เป็นที่พึ่ง อนึ่ง ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้ากับทั้งพระ- ธรรมอันยอดเยี่ยม และพระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐกว่า นรชน เป็นที่พึ่ง ข้าพเจ้าของดเว้นจากปาณาติบาต อทินนาทาน จะ ขอยินดีด้วยภรรยาของตนไม่พูดเท็จและไม่ดื่มน้ำเมา.
    พระเถระกล่าวว่า
    พระอาทิตย์มีรัศมีตั้งพัน โคจรไปในท้องฟ้าส่องแสงสว่างไปทั่วทิศ ฉันใด รถใหญ่ของท่านนี้ก็ฉันนั้น วัดโดยรอบยาวได้ร้อยโยชน์ หุ้ม ด้วยแผ่นทองคำรอบด้าน งอนรถนั้นวิจิตรด้วยแก้วมุกดา และแก้วมณี ลอยจำหลักเป็นรูปดอกไม้ลดาวัลย์ ตระการไปด้วยแก้วไพฑูรย์ อันบุญ กรรมตบแต่งแล้ว งามเพริดแพร้วด้วยทองคำและเงิน และปลายงอน รถนี้อันบุญกรรมตบแต่งด้วยแก้วไพฑูรย์ แอกรถวิจิตรไปด้วยแก้วทับทิม สายเชือกล้วนแล้วไปด้วยทองคำและเงิน อนึ่ง ม้าเหล่านี้ฝีเท้าว่องไว ดังใจ งามรุ่งเรือง ท่านยืนอยู่บนรถทองดูองอาจ ดุจท้าวสักกเทวราช ผู้เป็นใหญ่กว่าหมู่ทวยเทพ ผู้ทรงราชรถอันเทียมด้วยม้าอาชาไนยตั้งพัน ฉะนั้น อาตมภาพขอถามท่านผู้มียศ ผู้ฉลาด รถอันยิ่งใหญ่นี้ ท่านได้ มาอย่างไร?
    สุชาตเทพบุตรตอบว่า
    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ชาติก่อน ข้าพเจ้าเป็นราชบุตรนามว่า สุชาตกุมาร พระคุณเจ้าอนุเคราะห์สั่งสอนข้าพเจ้าให้ตั้งอยู่ในความสำรวม และ พระคุณเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้าจะสิ้นอายุได้ให้พระบรมสารีริกธาตุแก่ข้าพเจ้า โดย กล่าวว่า ดูกรสุชาตราชกุมาร ท่านจงบูชาพระบรมสารีริกธาตุนี้เถิด พระบรมสารีริกธาตุนี้ จักเป็นประโยชน์แก่ท่าน ข้าพเจ้าได้บูชาพระบรม สารีริกธาตุนั้น ด้วยของหอมและพวงมาลัย ขวนขวายในการทำบุญให้ ทาน ละร่างมนุษย์นั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดในสวนนันทวัน เดี๋ยวนี้ ข้าพเจ้ามีหมู่นางเทพอัปสรฟ้อนรำ ขับร้องห้อมล้อม รื่นเริงอยู่ในสวน นันทวันอันประเสริฐ น่ารื่นรมย์ เกลื่อนกล่นไปด้วยหมู่สกุณชาติ นานาชนิด.
    จบ จูฬรถวิมานที่ ๑๓.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2011
  10. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    ธรรมสวัสดี และขอความเจริญในธรรมแก่ทุกท่านครับ .
    ถ้าใครยังไม่มีพระบรมสารีริกธาตุไว้บูชาและอยากบูชาท่านด้วยปฏิบัติบูชา ให้Post ชื่อที่อยู่ของคุณ(แต่ขอสำหรับคนที่ตั้งใจจริงๆนะครับหรือไม่มีพระธาตุฯนะครับ) ส่งซองเปล่าติดแสตมป์จ่าหน้าถึงตัวคุณเอง แล้วส่งมาที่ คุณพงษ์ศักดิ์ วรพจน์มาศ 11/148 ถนนอาจณรงค์ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
    *มาช่วยกันปฏิบัติบูชาให้เกิดความสงบในใจของตัวคุณเอง และช่วยกันแผ่เมตตาให้ประเทศชาติเราเกิดสันติสุขร่วมกันนะครับ
    นโมพระโพธิสัตว์กวนอิม......
     
  11. ต้อมบ้านสวน

    ต้อมบ้านสวน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +264
    ผมขออธิฐานจิตแน่วแน่ในผลบุญที่ได้ทำในชาตินี้ขอแบ่งบุญอาราธนาพระธาตุจากคุณศักดิ์มาบูชาเพื่อเป็นศิริมงคลกับชิวิตของข้าพเจ้าด้วยเทอญสาธุสาธุ
    ชาตรี ชาวสอาด
    12/212ม.6 หมู่บ้านสัมพันธ์วิลล่า
    ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี 20000
    ขอผลบุญครั้งนี้จงดลบันดาลให้คุณศักดิ์และครอบครัวจงมีความสุขตลอดไปชั่วกาลนานเทอญ
     
  12. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    อนุโมทนาครับ

    [​IMG]






    ธรรมสวัสดีครับคุณชาตรี
    "ไม่มีอุปสรรค...กุศลย่อมไม่เกิด..."เป็นธรรมดาครับแต่ของให้มีจิตแน่วแน่กรอปด้วยปัญญาและศรัทธาทุกอย่างย่อมสำเร็จครับ สักวันพรุ่งนี้เดียวผมจัดมอบไปให้พร้อมกับพระธาตุฯ ที่น้องธีระพลขอมาด้วยครับเตรียมอนุโมทนาด้วยครับ เพื่อเปรียมด้วยศรัทธาต่อพระรัตนตรัย ผมขอมอบพระธาตุพระสีวลีไปด้วยจะได้ครับพระรัตนตรัย(พระธาตุพระสีวลีผมมีไม่กีองค์หรอกครับแต่มอบให้เพื่อยังให้เกิดศรัทธายิ่งๆขึ้น)
    ขอบุญรักษาครับ
    พงษ์ศักดิ์ วร.

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2008
  13. ต้อมบ้านสวน

    ต้อมบ้านสวน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +264
    อนุโมทนาสาธุบุญรักษาแก่คุณศักดิ์ด้วยครับ
     
  14. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    อัครสาวกเบื้องขวา พระสารีบุตร
    [​IMG]
    พระสารีบุตรเถระ เป็นบุตรชายนางสารีพราหมณี ท่านเป็นปฐมอัครสาวก ปรากฎด้วยปัญญา เมื่อพระผู้มีพระภาคปวารณาพระวัสสาแล้ว เสด็จออกจากเวฬุวนารามพร้อมพระสงฆ์เป็นอันมาก บ่ายพระพักตร์ต่อเมืองสาวัตถี ครั้นถึง พระพุทธองค์เสด็จสำราญอินทรีย์ในเชตวนาราม ฝ่ายพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรท่านกระทำวัตตปฎิบัติพระพุทธองค์แล้วออกมาสั่งอยู่ในที่สบายกลางวันแล้วได้เข้าสู่ผลสมาบัติ เป็นที่สบายระงับกระวนกระวายในกายา ออกจากผลสมาบัติ แล้วเกิดปริวิตกว่า องค์พระพุทธเจ้ากับอัครสาวกใครจะเข้าพระนิพพานก่อน เมื่อท่านรำพึงไปก็รู้แท้ว่า ธรรมดาพระอัตรสาวกทั้ง 2 ย่อมนิพพานก่อนพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ เมื่อท่านรู้ชัดฉะนี้แล้ว จึงเล็งแลพิจารณาอายุสังขารว่าท่านจะนิพพานเมื่อใด ครั้นพิจารณาไปก็รู้แจ้งว่ายังอีก 7 วัน จะเข้าสู่นิพพาน ครั้นพิจารณาถึงที่จะนิพพาน ท่านจึงระลึงถึงมารดา ก็ตระหนักว่ามารดาของท่านเป็นคนมีวาสนา ได้ทรงครรภ์พระอรหันต์ถึง 7 องค์ คือตัวท่านเอง พระเสนเถระ พระเรวัตเถระ พระอุปเสนเถระ พระภคินิยเถระ พระญาณอุปวาณะ พระสปวาลา แม้กระนั้นตัวมารดาของท่านจะได้มีน้ำใจเลื่อมใส ศรัทธาในพระพุทธคุณ พระสังฆคุณ ก็หามิได้ เมื่อท่านพิจารณาถึงอุปนิสัยของมารดาก็ทราบว่า อุปนิสัยพระโสดาปัตติมรรคมีอยู่ในสันดาน และเมื่อพิจารณาต่อไปว่า มารดาท่านชอบเทศนาของผู้ใด ก็เห็นว่าเฉพาะการเทศนาของท่าน มารดาจึงจะได้สำเร็จมรรคและผล ถ้าตัวท่านนิ่งเสีย ที่ไหนมารดาจะได้สำเร็จมรรคผล มหาชนจะนินทาว่า มารดาพระสารีบุตรเป็นมิจฉาทิฏฐิ ตัวพระสารีบุตรเป็นถึงอัครสาวก แต่จะโปรดมารดาให้เป็นสัมมาทิฏฐิก็ไม่ได้ จำท่านจะไปเทศนาโปรดมารดา แล้วตัวท่านก็จะเข้าพระนิพพานในห้องที่ท่านเกิดในบ้านนาลันทคาม ในการนี้ ท่านจะต้องไปทูลลาพระบรมศาสดาก่อน

    จากนั้นท่านได้พาภิกษุบริวาร ไปสู่สำนักพระบรมศาสดา กราบทูลขอลาเข้าสู่นิพพาน พระผู้มีพระภาคตรัสถาม ถึงสถานที่ที่จะเข้านิพพาน เมื่อพระสารีบุตรกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระพุทธองค์ให้พระสารีบุตรเทศนาให้ภิกษุทั้งหลายฟัง พระสารีบุตรได้ฟังพุทธฎีกา ก็แจ้งในพุทธฎีกานั้นว่า พระพุทธองค์ปราถนาจะให้ท่านสำแดงอิทธิปาฎิหาริย์ถวายนมัสการ ท่านจึงได้สำแดงเอนกปาฎิหาริย์มากกว่าร้อย แล้วจึงสำแดงธรรมเทศนาแก่บริษัทด้วยเอนกปาฎิหาริย์ เมื่อท่านได้แสดงปาฎิหาริย์แล้ว จึงได้มาถวายบังคมพระบรมศาสดา แล้วกราบทูลว่า ตัวท่านได้สร้างบารมีช้านาน ประมาณ อสงไขยแสนกัปป์ บัดนี้ได้สมประสงค์แล้ว จะขอเข้าสู่พระนิพพาน พระบรมศาสดาก็ตรัสว่า พระสารีบุตรจะนิพพานเมื่อใด ก็จงกำหนดกาลให้แน่นอนเถิด ครั้งนั้นได้เกิดอัศจรรย์ขึ้น ทั้งในแผ่นดินแผ่นน้ำและในห้วงนภากาศ ในขณะเมื่อพระสารีบุตรเถระ ท่านยืนประดิษฐาน จะไปเข้าพระนิพพานในนาลันทคามนั้น
    พระธรรมเสนาบดีสารีบุตร เดินเวียนวงประทักษิณสามรอบพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงถวายบังคมลาพระบรมศาสดาว่า ตัวท่านนี้ได้หมอบลงแทบพระบาท แห่งพระอโนมทัสสีพุทธเจ้าในที่สุดอสงไขยแสนกัปป์ ปรารถนาจะใคร่พบพระองค์ มาบัดนี้ก็ได้พบสมประสงค์แล้ว ครั้งนี้เล่าก็เป็นปัจฉิมที่สุด แล้วท่านก็เดินถอยหลังออกมา จนลับพระเนตรพระพุทธองค์ จากนั้นก็ได้บ่ายหน้าไปสู่นาลันทคาม พระผู้มีพระภาคจึงได้มีพุทธฎีกาตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย ท่านจงไปส่งพี่ชายของท่าน เป็นที่สุดครั้งนี้เถิด บรรดาภิกษุและมหาชนชาวเมืองสาวัตถีเมื่อรู้ว่าข่าว ต่างก็พากันไปส่งพระสารีบุตร พระสารีบุตรจึงเทศนาสั่งสอนว่า ท่านอย่าร้องไห้ร่ำพิไรไปเลย จงเร่งเคารพในพระรัตนตรัยอย่าได้ขาด จงกลับไปอาวาสที่อยู่ของท่านเถิด แล้วท่านก็พาบริวารเดินทางไป คนทั้งหลายในระหว่างทาง ก็เดินตามกันเป็นหมู่ๆ ไม่ขาดสาย พระสารีบุตรเถระก็กล่าวธรรมปริยายเทศนาว่า อันเกิดมาเป็นรูปกายแล้ว ก็มีแต่จะทำลายไปในที่สุด ตามอำนาจอนิจจัง อุปไมยเหมือนบุคคลเกิดมา มีแต่มรณาเป็นที่สุด

    พระสารีบุตรเถระรอนแรมมาได้ 7 ราตรี ก็บรรลุถึงนาลันทคาม จึงพาพระสงฆ์บริวาร เข้าหยุดอาศัยอยู่ใต้ไม้ไทรต้นหนึ่ง ขณะนั้น พระเรวัตเถระผู้เป็นหลานชายพระสารีบุตรเถระออกมาภายนอกบ้าน แลเห็นเข้าจึงเข้าไปถวายนมัสการ พระมหาเถระจึงสั่งให้ไปบอกมหาอุบาสิกาที่เป็นยายว่า ท่านได้มาถึงแล้วและจะขออาศัยอยู่สักราตรีหนึ่ง นางสารีพราหมณ์มารดาพระสารีบุตร เมื่อได้ทราบความจากพระเรวัตเถระก็คิดในใจว่า พระสารีบุตรคงจะสึกแล้วเป็นมั่นคง แล้วรำพึงว่าเมื่อยังหนุ่มแน่นก็ทำทนงบวชเสีย เมื่อตัวแก่ถึงเพียงนี้จะสึกออกมาทำไม คิดแล้วก็ให้จัดแจงที่อยู่ให้ ตามที่พระมหาเถระประสงค์ เสร็จแล้วจึงให้ไปอาราธนาพระมหาเถระ
    พระสารีบุตรเถระจึงเข้าไปสู่บ้านมารดา ไปอาศัยอยู่บนปราสาทที่เป็นที่ไสยาสน์ แต่หนหลังเมื่อครั้งเป็นคฤหัสถ์ เมื่อล่วงเข้าปฐมยาม ท่านอาพาธหนัก ลงโลหิตไม่หยุด ประกอบด้วยเวทนายิ่งนัก นางสารีพราหมณ์เห็นท่านเป็นไข้หนัก จะเข้าไปก็มิได้ เพราะในห้องนั้นเต็มไปด้วยภิกษุผู้เป็นบริวารจำนวนมาก นางจึงนั่งพิงประตูคอยดูอาการอยู่ ครั้งนั้นบรรดาเทวดาผู้ใหญ่ มีท้าวจตุมหาราชทั้ง 4 องค์ ท้าวโกสีย์ และท้าวมหาพรหม ต่างได้ทะยอยกันมาถวายนมัสการพระมหาเถระ

    เมื่อท่านว่าผู้ใดมานมัสการแล้ว ท่านก็บอกให้บรรดาผู้มานมัสการเหล่านั้น กลับไปที่อยู่ของตน นางสารีพราหมณีเห็นเทวดาทั้งหลาย เข้ามาสู่สำนักพระสารีบุตรเถระ นางไม่รู้ว่าเป็นเทวดา จึงถามพระจุนทภิกษุผู้เป็นลูกชายน้อย พระจุนทเถระจึงบอกมารดาว่า เทวดาเขามานมัสการพระมหาเถระ ฝ่ายพระสารีบุตรเถระได้ยินถามว่า อุบาสิกามาไยปานฉะนี้เล่า มารดาจึงบอกว่า มาถามถึงเทวดาที่มาเป็นอันมาก และถามว่าเทวดาเหล่านั้นมีนามใด พระมหาเถระตอบว่า เทวดาที่มาก่อนคือ ท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 นางได้ฟังก็มีความสงสัย จึงถามต่อไปว่า ท่านเป็นใหญ่กว่าท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 อีกหรือ พระมหาเถระตอบว่า ท้าวจาตุมหาราชนี้อุปมาเหมือนโยมวัด สำหรับได้ปฎิบัติพระสงฆ์ ปางเมื่อพระบรมครูของเรา ลงมาถือปฎิสนธิ์ในครรภ์พระมารดา ท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 องค์ ก็ประชุมสโมสร รักษาพระบรมโพธิสัตว์ทั้ง 4 ทิศ นางพราหมณีได้ฟัง จึงถามต่อไปถึงเทวดาที่เข้ามาองค์ต่อมา พระมหาเถระตอบว่าคือองค์ท้าวอินทรา เจ้าเมืองดาวดึงส์สวรรค์ นางได้ฟังจึงถามต่อไปว่า พ่ออุปดิสนี้เป็นใหญ่กว่าพระอินทราอีกหรือ พระมหาเถระตอบว่า ท้าวอินทรานี้อุปมาดังสามเณร สำหรับถือเครื่องบริขารแห่งพระพุทธเจ้า ปางเมื่อพระบรมครูเสด็จขึ้นไปสวรรค์ชั้นดาวดังส์ เทศนาพระสัตตปกรณาภิธรรมทั้ง 7 พระคัมภีร์ โปรดพุทธมารดาครั้งนั้น ครั้นสำเร็จแล้วจึงเสด็จลงมาจากดาวดึงส์ ท้าวอทรินทราธิราชถือบาตรและจีวรมาส่ง ตามเสด็จพระพุทธองค์ลงมา ตราบเท่าถึงแผ่นปฐพี นางพราหมณีจึงถามต่อไปว่า เทวดาผู้ที่มาเป็นคำรบ 3 คือใคร พระมหาเถระตอบว่า เป็นท้าวมหาพรหม ที่พวกพราหมณ์ทั้งหลายถือว่าเป็นครูอาจารย์ของตน นางพราหมณีจึงถามต่อต่อไปว่า พ่ออุปดิสนี้เป็นใหญ่กว่าท้าวมหาพรหมอีกหรือ พระมหาเถระตอบว่าปางเมื่อพระบรมโพธิสัตว์ประสูติจากคัพโภทรพระชนนี ท้าวจาตุมหาราชทั้ง 4 กับพวกท้าวมหาพรหมก็ชวนกันชื่นชม เอาข่ายทองมาประคองรับพระมหาบุรุษ พระบรมครูของเราเป็นใหญ่ยิ่งกว่าท้าวมหาพรหมได้ร้อยเท่าพันทวี

    นางพราหมณีได้ฟังแล้วก็คิดอยู่ในใจว่า แต่เจ้าอุปดิสลูกชายเรายังเป็นใหญ่กว่ามหาพรหมก็พระสมณโคดมที่เป็นครูของเจ้าอุปติส จะมีอิทธิศักดานุภาพสักปานใด เธอย่อมเป็นใหญ่กว่าเทวดาอินทร์พรหมเป็นแน่แท้ นางคิดพลางทางมีปิติโสมนัสในพระมหากรุณา ปิติทั้ง 5 ก็แผ่ซ่านไปทั่วสรีรกาย ปางนั้นเพราะมหาเถระก็รู้แจ้งด้วยพระญาณว่า บัดนี้ มารดาของท่านบังเกิดปิติโสมนัสในพระพุทธเจ้า บัดนี้ ก็เป็นกาลที่ท่านจะเทศนา ทดแทนคุณค่าน้ำนมของพระชนนีเถิด ท่านจึงอุตส่าห์กลั้นทุกเวทนาที่อาพาธ เทศนาสรรเสริญ พระคุณพระพุทธเจ้า เริ่มตั้งแต่ประสูติ เมื่อปีระกาวันพฤหัสบดี เพ็ญเดือนหก บังเกิดอัศจรรย์บรรลือลั่นทุกแห่งหน เมื่อเสด็จออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ ก็เป็นที่ชื่นชมยินดีกันไปทั่ว ครั้นเมื่อตรัสรู้พระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เมื่อปีวอก วันพุธ เพ็ญเดือนหก ก็เกิดแสนมหัศจรรย์ เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วทุกหมู่เหล่า เกิดความเกษมสันต์ต่อกันทุกตัวสัตว์ทั้งโลก มหาอัศจรรย์ตั้งแต่เบื้องต่ำ ตลอดถึงภพเบื้องบน เป็นโกลาหลอันใหญ่ยิ่ง พ้นที่จะคณนา เทพยดาทั้งหลายมาแต่หมื่นจักรวาฬ มาประชุมพร้อมกันในมงคลจักรวาฬนี้ ที่แต่พอจุปลายขนจามรี มีเทพยดานั่งกันอยู่ 10 องค์บ้าง 20 องค์บ้าง นิรมิตตัวน้อย ๆ ละเอียดเป็นอณูปรมาณู นั่งเสียดสีกันชมพระบารมีพระพุทธเจ้า กระทำสักการะบูชาพระพุทธเจ้า

    จากนั้น พระมหาเถระก็ได้สำแดงพระพุทธคุณโปรดมารดาต่อไปว่า อันว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใด ย่อมประกอบด้วยบุญราศีไม่มีผู้ใดจะเปรียบปาน ประกอบด้วยพระอนาวรณญาณมิได้มีที่จะสิ้นสุด ประกอบด้วยอิทธิศักดายิ่งกว่าผู้ใดในไตรภพ ประกอบด้วยพระคุณเป็นอนันต์อเนกา จะกำหนดนับมิได้ ด้วยพระนวหรคุณ คือ พระนามทั้ง 9 ว่า
    อิติปิโส ภควา ฯลฯ ภควาติ คือ
    พระองค์ทรงพระนามชื่อว่า อรหํ เหตุว่าพระองค์ทรงหักเสียซึ่งกงกำแห่งสังสารจักรอันพัดผันไปในเตภูมิกวัฏมิได้ขาดสายให้แตกหักไป
    พระนามคำรบที่ 2 ชื่อว่าสัมมาสัมพุทโธ เหตุว่าพระองค์ตรัสรู้ในไญยธรรมด้วยพระองค์เอง
    พระนามเป็นคำรบที่ 3 ชื่อว่าวิชาจรณสัมปันโน เหตุว่าพระองค์ประกอบไปด้วยวิชชา 8 และจรณธรรม 15
    พระนามเป็นคำรบที่ 4 ชื่อว่าสุคโต เหตุว่าพระองค์เสด็จพระดำเนินไปสู่ที่เกษม คือ พระอมตมหานิพพาน
    พระนามคำรบที่ 5 ชื่อว่าโลกวิทู เหตุว่าพระองค์ตรัสรู้ซึ่งโลก 3 ประการ
    พระนามเป็นคำรบที่ 6 ชื่อว่า อนุตตโร ปุริสทัมมสารถี เหตุว่าพระองค์ฉลาดที่จะทรมานเวไนยสัตว์ หาผู้เสมอมิได้
    พระนามคำรบที่ 7 ชื่อว่า สัตถา มนุสสานัง เหตุว่าพระองค์เป็นครูชักนำสัตว์ ให้พ้นจากกันดารได้ด้วยปัญญา
    พระนามคำรบที่ 8 ชื่อว่าพุทโธ เหตุว่าพระองค์ตรัสรู้พระอริยสัจ 4 ประการ
    พระนามเป็นคำรบที่ 9 ชื่อว่า ภควา เหตุว่าพระองค์ประกอบไปด้วยพระภาค คือบุญราศีอันสร้างสมมานาน

    ครั้นพระมหาเถระเทศนาจบลง นางสารีพราหมณีก็ได้พระโสดาปัตติผล เป็นอริยบุคคลในพระศาสนา นางยินดีปรีดาหาที่สุดมิได้ จึงมีวาจาว่า พ่ออุปดิส เป็นลูกชายร่วมชีวิตของแม่ พระพุทธเจ้ามีคุณถึงเพียงนี้ น่าอัศจรรย์ใจ เหตุไฉนพ่อจึงมิได้สำแดงให้แจ้งแก่มารดา ละไว้ให้เนิ่นช้าถึงเพียงนี้ ฝ่ายพระมหาเถระคิดอยู่ในใจว่า มารดาของท่านได้พระโสดาบันแล้ว ทำลายล้างเสียซึ่งมิจฉาทิฏฐิที่ถือผิดมาแต่หลัง มีปัญญาหยั่งลงสู่พุทธาธิคุณมิได้หวั่นไหว ท่านรำพึงแล้วจึงถามพระจุนทะว่า เพลานี้ล่วงไปได้สักเท่าใดแล้ว พระจุนทเถระจึงตอบว่า เพลานี้จวนสว่างอยู่แล้ว และเมื่อท่านทราบว่าพระสงฆ์ประชุมพร้อมกันอยู่แล้ว พระมหาเถระจึงลาพระสงฆ์ทั้งหลายว่า ท่านที่เป็นสัทธิวิหาริกก็ดี เป็นสิสสานุสิสของเราก็ดี ได้ตั้งใจภักดีตามปฏิบัติเรามาช้านาน ประมาณ 44 ปี เราได้กระทำผิดด้วยกายกรรมก็ดี วจีกรรมก็ดี มโนกรรมก็ดีท่านทั้งหลายจงอดโทษานุโทษในครั้งนี้ฝ่ายพระสงฆ์ทั้งหลายก็ขมาโทษพระธรรมเสนาบดีสารีบุตรสำเร็จแล้ว พระมหาเถระก็เอาชายจีวรปิดหน้า เอนกายเบื้องขวาลงเหนืออาสน์ ยังสีหไสยาสน์ ท่านก็เข้าสมาบัติ เป็นอนุโลมปฏิโลมถอยหน้าถอยหลัง ตั้งแต่ปฐมฌานเป็นที่สำราญแห่งพระอริยเจ้า ออกจากปฐมฌานแล้วก็เข้าทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน เป็นอนุโลม เป็นปฏิโลม ถอยหน้า ถอยหลัง ตั้งแต่จตุตถฌาน เป็นต้นไป ครั้นออกจากจตุตถฌานแล้วจึงเข้าตติยฌาน ทุติยฌาน ปฐมฌาน เป็นปฏิโลม ถอยหลังลงมาฉะนี้ เมื่อพระมหาเถระกลับย้อนเข้าฌานเป็นอนุโลมขึ้นไปแล้ว ครั้นออกจากจตุตถฌานก็ดับสูญเข้าสู่พระอมตมหานิพพาน ทั้งวิบากขันธ์และกรรมชรูปก็ดับสิ้นหาเศษมิได้ ขณะนั้นก็เกิดอัศจรรย์หวั่นไหวไปทั้งโลก

    ฝ่ายนางสารีพราหมณี เมื่อรู้ว่าพระมหาเถระดับสูญแล้ว ก็โศกาพิไรรำพันว่า แต่ก่อนตัวนางไม่รู้เลยว่า พระมหาเถระมีคุณถึงเพียงนี้ พอรู้ก็พอมาสิ้นชีวิตอินทรีย์เสีย ตัวนางตั้งใจจะกระทำการกุศลถวายไตรจีวร สร้างพระวิหารเป็นจำนวนมาก เป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย แล้วนางจึงเอาทองคำออกมาโกฏิหนึ่ง ให้นายช่างทำบุษบกห้าร้อยยอด สำหรับไว้พระศพพระมหารเถระ ทำพนมดอกไม้ 500 สำหรับเป็นเครื่องบูชาศพพระมหาะเถระ บรรดามหาชนที่มีศรัทธา ก็ชวนกันเล่นนักขัตฤกษ์ตามประสาสัปบุรุษ สิ้นคำรบ 7 วัน 7 ราตรี แล้วจึงกระทำเชิงตะกอนสำหรับปลงศพ เชิญพระศพขึ้นสู่เชิงตะกอน ถวายพระเพลิงในเวลาเย็นเป็นคำรบวัน 7 นั้น พระมหาเถระทั้งหลายก็สำแดงเทศนาสิ้นราตรียังรุ่ง ครั้งเพลาเช้า พระอนุรุทธิ์ ถือเอาน้ำหอมมาประพรมเถ้าถ่านเพลิงให้ดับสิ้น พระอนุรุทเถระเก็บพระธาตุเสร็จแล้วจึงเอาผ้ากรองน้ำห่อพระธาตุ จัดจีวรของพระสารีบุตรเถระ ปรารถนาจะนำไปถวายพระพุทธองค์ ณ เมืองสาวัตถี พระจุนทเถรได้นำพระธาตุกับบาตจีวรไปสาวัตถี เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลว่าพระสารีบุตรเถระนิพพานแล้ว บาตรจีวรและพระธาตุที่ห่อมา เป็นของพระสารีบุตรเถระ พระผู้มีพระภาครับเอาพระธาตุไว้ แล้วทรงเชิดชูในท่ามกลางพระสงฆ์ทั้งหลาย ตรัสว่า ธาตุนี้มีสีขาวดังสีสังข์ เป็นธาตุแห่งพระธรรมเสนาบดีสารีบุตร ผู้เป็นอัครสาวก พระธรรมเสนาบดีองค์นี้ได้สร้างบารมีมาช้านาน เป็นผู้มีปัญญาฉลาดยิ่งกว่าคนทั้งหลายในโลกธาตุ เว้นไว้แต่พระคถาคตผู้เดียว เป็นผู้มีปัญญามาก มีปัญญายังมหาชนให้ชื่นชม มีปัญญารวดเร็วมีปัญญาแหลมลึกละเอียด อาจจะกำจัดเสียได้ซึ่งคำปรัปปวาท อันเป็นเสี้ยนหนามในพระศาสนา มีสัลเลขสันโดษมักน้อยในจตุปัจจัยทั้ง 4 ย่อมติเตียนผู้เป็นอลัชชีใจบาปหยาบช้า สงฆ์ทั้งหลายจงเร่งนมัสการคุณพระสารีบุตร อันประกอบด้วยคุณวิเศษเห็นฉะนี้ แล้วพระพุทธองค์ก็ให้ก่อพระเจดีย์บรรจุพระธาตุไว้ในพระเชตวนาราม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2008
  15. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    พระมหาโมคคัลลานเถระ เป็นพระภิกษุอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระพุทธเจ้า เป็นพระอสีติมหาสาวกผู้เป็นเอตทัคคะในด้านผู้มีฤทธิ์
    [​IMG]
    ชาติกำเนิด
    พระมหาโมคคัลลานะ เป็นบุตรพราหมณ์นายบ้านในหมู่บ้านโกลิตคาม ได้ชื่อว่า “โกลิตะ” ตามชื่อของหมู่บ้าน มารดาชื่อ โมคคัลลี คนทั่วไปจึงเรียกท่านว่า “โมคคัลลานะ” ตามชื่อของมารดา ท่านเป็นสหายที่รักกันมากับอุปติสสมาณพ (พระสารีบุตร) เที่ยวแสวงหาความสุขความสำราญ ตามประสาวัยรุ่น และพ่อแม่มีฐานะร่ำรวย นอกจากนี้ยังมีอุปนิสัยใจคอเหมือนกัน และยังได้ออกบวชพร้อมกัน
    สาเหตุที่ได้เป็นเอตทัคคะ
    เมื่อนับถอยหลังไปด้วยระยะเวลาได้หนึ่งอสงไขยกัปและอีกหนึ่งแสนกัปจากภัทรกัปนี้ พระมหาโมคคัลลานะเถระบังเกิดเป็น สิริวัฑฒกุฏมพี อยู่ในตระกูลคฤหบดีมหาศาล และได้เป็นสหายกับ สรทมาณพ (พระสารีบุตรเถระ)ในอดีตชาติ สรทมาณพนั้นคิดจะออกบรรพชาแสวงหาโมกขธรรมจึงไปชวน สิริวัฑฒกุฎุมพี ๆ ปฏิเสธว่าไม่สามารถออกบรรพชาได้ แล้วสรทมาณพออกไปบรรพชาเป็นดาบสพร้อมด้วยบริวารเป็นจำนวนมาก ได้สำเร็จอภิญญา 5 และสมาบัติ 8 ประการ ต่อมาได้กระทำอธิสักการบูชาแด่พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า และตั้งความปรารถนาไว้ในที่เฉพาะพระพักต์เพื่อเป็นอัครสาวกเมื่อได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว พลันหวนนึกถึงสิริวัฑฒกุฎมพีผู้เป็นสหายขึ้นได้ จึงรีบไปที่บ้านของสิริวัฒกุฎมพีแต่ผู้เดียว และได้ชี้แจงให้ผู้เป็นสหายทราบและให้ปรารถนาตำแหน่งทุติยสาวก (สาวกเบื้องซ้าย) ในศาสนาของพระพุทธโคดม เช่นเดียวกับตน
    สิริวัฒกุฎมพี ได้ฟังดังนั้น จึงให้สรทดาบสไปนิมนต์พระพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า มาที่บ้านและทำการถวายมหาทานและเครื่องมหาสักการบูชามากมายตลอดเจ็ดวัน แล้วก็ประนมมือกราบทูลแทบพระบาทพระะอโนมทัสสีพุทธเจ้า ว่า สรทดาบสผู้เป็นสหายของข้าพระองค์ปรารถนาเป็นอัครสาวกของพระบรมศาสดาพระองค์ใด ข้าพระองค์ขอได้เป็นทุติยะสาวกของศาสดาพระองค์นั้นด้วยเถิดพระเจ้าข้าพระอโนมทัสสีพระพุทธเจ้าทรงพิจารณาดูอนาคตกาลแล้ว ทรงเห็นว่าความปรารถนาของสิริวัฒกุฏมพีจะสำเร็จสมมโนรถ จึงทรงพยากรณ์ว่า เมื่อเวลาล่วงเลยไปหนึ่งอสงไขยกับอีกหนึ่งแสนกัป นับจากกัปนี้ไป เธอจะได้เป็นทุติยสาวกของพระโคดมพุทธเจ้า
    สิริวัฒกุฎพีรับฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว มีใจร่าเริงยินดีเป็นที่สุด ราวกับว่าความปรารถนานั้นจะสำเร็จในวันพรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ฉะนั้น ฝ่ายพระอโนมทัสสีพุทธเจ้าเสวยพระกระยาหารเสร็จแล้ว เสด็จกลับพระวิหาร พร้อมด้วยพระภิกษุทั้งหลาย จำเดิมแต่วันนั้นมาสิริวัฒกุฎมพีได้กระทำกัลยาณกรรมอยู่เป็นประจำตลอดชีวิต ครั้นเขาสิ้นชีวิตแล้วขึ้นไปเกิดในกามาวจรเทวโลก ในวาระแห่งจิตที่ 2 และกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกในชาติต่อมา และในสมัยพระโคดมพระพุทธเจ้านี้ เกิดมาเป็นโกลิตมาณพ เพื่อนของอุปปติสสมาณพ
    เมื่ออุปติสสมาณพได้ไปพบพระอัสสชิในกรุงราชคฤห์ ได้ฟัง "พระคาถาเย ธัมมา" จากพระอัสสชิ ทำให้ได้ดวงตาเห็นธรรม คือ บรรลุโสดาบัน อุปติสสมาณพได้นำคำสอนของพระอัสสชิไปแจ้งให้โกลิตมาณพทราบ โกลิตมาณพก็ได้ดวงตาเห็นธรรมเช่นดียวกัน ทั้งสองมาณพได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้าที่วัดเวฬุวนาราม และได้ทูลขออุปสมบทต่อพระพุทธเจ้า พระองค์ก็ได้ทรงอนุญาตให้อุปสมบทเป็นภิกษุ โกลิตมาณพซึ่งอุปสมบทเป็นพระมหาโมคคัลลานะ บำเพ็ญความเพียงได้ 7 วัน ก็สำเร็จพระอรหันต์ ส่วนอุปติสสมาณพซึ่งอุปสมบทเป็นพระสารีบุตรอุปสมบทได้ 15 วัน จึงสำเร็จพระอรหันต์
    ในวันที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนมาฆะ ในคืนวันนั้น พระพุทธเจ้าทรงประทานพระโอวาทปาติโมกข์แก่จาตุรงคสันนิบาต จากนั้น พระพุทธเจ้าทรงประกาศแต่งตั้งพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกเบื้องขวา เลิศกว่าผู้อื่นในทางปัญญา พระมหาโมคคัลลานะเป็นอัครสาวกเบื้องซ้าย (ทุติยสาวก)เลิศกว่าผู้อื่นในทางฤทธิ์
     
  16. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    ธรรมสวัสดีครับ
    วันนี้ได้จัดมอบพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ(พระสีวลี)แก่ คุณชาตรีและน้องธีรพล แล้วถ้าได้รับช่วยโพสต์แจ้งให้ทราบด้วยครับ และวันนี้พระคุณเจ้าพระประทีป ปทีโป วัดพระราม9ฯได้ได้กรุณาเป็นธารบุญเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ ซึ่งผมจะได้จัดมอบถวายให้คงจะเป็นวันพรุ่งนี้
    ขอบุญรักษาและเจริญอยู่ในธรรมแห่งองค์พระศาสดายิ่งๆขึ้นทุกท่านครับ
    อนุโมทนาครับ

    [​IMG]





     
  17. ต้อมบ้านสวน

    ต้อมบ้านสวน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +264
    อนุโมทนาสาธุบุญที่คุณศักดิ์ได้ทำในครั้งนี้ด้วยครับขอให้มีคาวมสุขความเจริญตลอดไปครับสาธุสาธุ
     
  18. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    [​IMG]
    "คาถา ดับไฟนรก"
    เถโร โมคคลัลาโน นะระกัตตัง โลหะกุมภี ทิสะวา อัคคิปัตติ กัมปะติ

    คาถานี้ ให้ใช้คาถาบทนี้ เสกเป่าคนที่ถูกน้ำร้อน หรือไฟลวก
    แก้และถอนพิษไฟหายสิ้นไม่ร้อนไม่พอง หากใครถือขลังๆ
    ก็จะสามารถเอามือล้วงลงในกาน้ำร้อนเดือดๆ ได้สบายไม่รู้สึกร้อน
     
  19. ศักดิ์

    ศักดิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    1,187
    ค่าพลัง:
    +2,022
    ธรรมสวัสดี
    มีภาพพระบรมสารีริกธาตุมาให้ร่วมอนุโมทนาครับ ในภาพที่คล้ายแก้วสีขาวใสอมชมพูเป็นพระอาโปธาตุซึ่งผมเคยมอบพระธาตุฯแก่ผู้ที่ศรัทธาไปเมื่อช่วงต้นปีซึ่งผมมีอยู่ไม่กี่องค์ไว้บูชา(เมื่อปีที่แล้วไม่ได้คิดว่าจะมอบพระธาตุฯแต่มีเพื่อนสมาชิกอยู่ท่านหนึ่งขอมาก็เลยเกิดอาการthinkแว๊ป ช่วงที่มอบให้ท่านที่ศรัทธาจิตของผมเองก็รู้สึกเบา แรกก็คิดอยู่หลายวันแต่ก็คิดได้ว่าเรามีหน้าที่ดูแลเท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องน่าแปลกตรงที่ยิ่งจัดมอบให้ก็ดูเหมือนท่านยิ่งเพิ่มขึ้น)
     
  20. พระ ปทีโป

    พระ ปทีโป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +124
    เจริญพร.คุณโยม พงษ์ศักดิ์ อาตมาได้รับพระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุสีวลีแล้วพระบรมธาตุมีความสวยงามมาก อาตมาขอขอบคุณและขออนุโมทนาในกุศลเจตนาอันดีงามที่โยมพงษ์ศ์กดิ์ได้เผยแผ่พระบรมสารีริกธาตุและพระธาตุให้กับผู้ที่ศรัทธาได้สักการะบูชา.ขอความเจริญในธรรมและความรื่นเริงในธรรมจงมีแก่โยมและญาติธรรมทุกท่านเทอญ
    ขอมหาโมทนา.
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...