มาร่วมกันเล่านิทาน,นิยายสงครามใหญ่ใช้นิวเคลียร์,น้ำแข็งละลาย,แผ่นดินไหวใหญ่,เกิดสึนามิใหญ่โดนทั้งโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ด้วยรัก30, 24 พฤศจิกายน 2022.

  1. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223
    คำถาม คำตอบน่าสนใจ
    1 อะไร คมที่สุด
    พราหมณ์ตอบว่า มีดที่ลับหินดีแล้ว คมที่สุด
    พระพุทธเจ้าตอบว่า. วาจาที่ใส่ร้ายผู้อื่น ทำร้ายหัวใจผู้อื่น คมที่สุด
    2 อะไร ไกลที่สุด
    พราหมณ์ตอบว่า ดวงอาทิตย์ สุดขอบจักรวาล ไกลสุด
    พระพุทธเจ้าตอบว่า. อดีดที่ผ่านมาตั้งหลายกัปหลายกัลป์ ยาวที่สุด
    3 อะไร ใหญ่ที่สุด
    พราหมณ์ตอบว่า. ภูเขา โลก มหาสมุทร ใหญ่ที่สุด
    พระพุทธเจ้าตอบว่า. ตัณหาความทยานอยาก ไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้ก่อภพก่อชาติ ใหญ่ที่สุด
    4 อะไร หนักที่สุด
    พราหมณ์ตอบว่า. หิน เหล็ก แร่ ดิน น้ำ หนักที่สุด
    พระพุทธเจ้าตอบว่า. คำสัญญาใดๆ ที่พูดง่ายแต่ทำยาก คำสัญญานั้นแล เป็นสิ่งที่หนักสุด
    5. อะไร เบาที่สุด
    พราหมณ์ตอบว่า. นุ่น สำลี ลม ใบไม้แห้ง
    พระพุทธเจ้าตอบว่า. การปล่อยวาง การรู้เท่าทันว่า เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป แบบนี้แล เบาที่สุด
    6. อะไร ใกล้เราที่สุด
    พราหมณ์ตอบว่า. พ่อแม่ ญาติ ใกล้เราที่สุด
    พระพุทธเจ้าตอบว่า. ความตายที่วิ่งตามเหมือนเงาตามตัวต่างหาก ที่ใกล้ตัวเราที่สุด
    7. อะไร ง่ายที่สุด
    พราหมณ์ตอบว่า กิน นอน พูด หายใจ ง่ายที่สุด
    พระพุทธเจ้าตอบว่า. การพูดธรรมะ แบ่งปันให้แสงสว่างแก่ผู้อื่น ง่ายที่สุด เป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วย
    พราหมณ์ได้ฟังคำตอบจากพระพุทธเจ้าแล้ว ไตร่ตรองพิจารณา โดยเหตุผลแล้ว จึงยอมมอบกายถวายตัวยอมสมาทานศีล เป็นพุทธมามะกะ และได้ดวงตาเห็นธรรมโดยทั่วกัน. พร้อมกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้าว่า สัถถาเทวะมนุสสานัง พระองค์เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายโดยแท้จริง
    พระพุทธองค์ตรัสว่า "บุคคลแม้ไม่มีทรัพย์สินเงินทองแต่ก็สามารถให้ทานกับผู้อื่นได้ด้วยสิ่งของ 5 ประการ"
    1. ใบหน้าเป็นทาน : สามารถให้รอยยิ้มความสดใส
    2. วาจาเป็นทาน : พูดให้กำลังใจ ชื่นชมและปลอบประโลมผู้อื่นให้มาก
    3. จิตใจเป็นทาน : สามารถเปิดอกเปิดใจกับผู้อื่น ด้วยความนอบน้อมและจริงใจ
    4. ดวงตาเป็นทาน : ใช้แววตาแห่งความหวังดีความโอบอ้อมอารีย์ให้กับผู้อื่น
    5. กายเป็นทาน : สามารถใช้เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น
    อย่าได้ตระหนี่ในการให้ต่อผู้อื่น ประโยชน์จะเพิ่มพูนมหาศาล ร่ำรวย มั่งคั่ง
    ทุกๆ วันหลังตื่นนอน ให้ยกมืออธิษฐาน รวบรวมจิตให้นิ่ง กล่าวว่า "ข้าพเจ้าขออนุโมทนาบุญกับท่านผู้ประกอบคุณงามความดีทุกๆ ท่านเทอญ" บุญกุศลที่ใครในสากลโลกได้ทำความดี เช่น ตักบาตร กรวดน้ำ ให้ทาน ถวายสังฆทาน ล้วนเราได้รับอานิสงส์ทั้งหมด
    สรุป
    ชีวิตที่เรียบง่าย ให้ความสุข ความสะดวกกับ
    การใช้ชีวิตที่เหลืออยู่
    ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้อง :
    บำรุง
    ไม่กระหายแต่ก็ต้อง :
    ดื่มน้ำ
    ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้อง :
    ปล่อยวาง
    มีเหตุมีผลแต่ก็ต้อง :
    ยอมคน
    มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จัก :
    ถ่อมตน
    ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้อง :
    พักผ่อน
    ไม่รวยแต่ก็ต้อง :
    รู้จักพอเพียง
    ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้อง :
    รู้จักพักผ่อน
    หมั่นเตือนตน :
    ชีวิตนี้สั้นนัก
    หากเวลาของคุณ
    ยังมีเหลือเฟือ ส่งต่อข้อความเหล่านี้
    ให้เพื่อนของคุณ ให้เพื่อนได้อ่านบ้าง เพื่อจะได้ใส่ใจตัวเองบ้าง
    ดังนั้น อยากกิน กิน
    อยากเที่ยว เที่ยว
    เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้
    สุขสบายทุกเพลา
    เวลาที่ยังจับมือไหว
    ให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์
    เวลาที่ยังกอดไหว ให้โอบกอดให้ชื่นใจ
    ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง
    เพื่อนที่ดีต่อไป
    เวลาที่อยู่ด้วยกัน
    อย่าได้โกรธกัน
    ง่ายๆ
    https://palungjit.org/threads/สถานที่ปลอดภัย-ในยามเกิดภัยพิบัติ.63707/page-5
    ลองขับรถ ตามหาจุดปลอดภัย ของพระคุณลุงดูค่ะ เริ่มจากวัดป่าดาราภิรมณ์ ซึ่งมีพระเขี้ยวฝาง ขององค์สมเด็จพระพุทธเจ้า และพระเจดีย์มีพระบรมสารีริกธาตุ (กำลังบูรณะ ค่ะ ) ที่วัดนี้ มีที่ปฎิบัติธรรมด้วยนะค่ะ ตัวเองได้เข้ากรรมฐาน ที่นี่ด้วยค่ะ เมื่อสองสามวันที่แล้ว
    เล่าต่อ ขับรถไปพระพุทธบาทสี่รอย ระหว่างทางพยายามมองหา หมู่บ้านญี่ปุ่น และหมู่บ้านพุทธบุตร แต่ก็ไม่เห็นนะค่ะ คิดว่าคงอยู่ห่างไกลจากถนนค่ะ แต่มาเอะใจที่ คุณลุงบอกว่า จุดกึ่งกลางระหว่างวัดป่าดาราภิรมณ์ และพระพุทธบาทสี่รอย มีเขาล้อมรอบ ชาวบ้านปลูกมัน ปลูกถั่ว คิดว่าเจอละแวกนั้นแล้วค่ะ ดูอุดมสมบูรณ์ ดีค่ะ ระหว่างทางไปวัดพระพุทธบาทสี่รอย ชาวบ้านขายของข้างทางมี มัน มีสารพัดถั่ว ข้าวมันปู ข้าวแดงๆ ม่วงๆ และสมุนไพรค่ะ แต่มีวัดที่น่าสนใจนะค่ะ คือวัดหนองก๋าย เป็นวัดโบราณ มีที่ปฎิบัติธรรมด้วยค่ะ น่าจะเป็นจุดปลอดภัยนะค่ะ สำหรับผู้ที่คิดหาที่หลบภัยแถวนี้ ชาวบ้านก็ดู น่ารักนะค่ะ เพราะหลงทาง ถามทางเค้าก็ตั้งใจอธิบายทาง เราขวางทางที่ถนน คนขี่มอไชค์ผ่านมาก็ไม่ว่าแถมยิ้มให้ บอกไม่เป็นไร คงเป็นทางเลือกให้ท่านได้นะค่ะ ขอพูดถึงวัดป่าดาราภิรมณ์ หน่อยค่ะ เป็นวัดที่น่าสนใจนะค่ะ ท่านเจ้าคุณ ท่านเทศน์สอนทุกวันค่ะ ตอนทำวัตรเย็น มีการนั่งสมาธิ ทุกเย็น คนนอกเข้าร่วมได้ หรือต้องการปฎิบัติธรรม ท่านก็ยินดีต้อนรับค่ะ ทุกเย็นจะมีพระอาจาร์ย คอยสอบอารมณ์ ให้ค่ะ
    มาปฎิบัติธรรมที่นี่ ตัวเองมีพลังค่ะ เพราะนั่งกรรมฐานใต้พระเขี้ยวแก้ว รู้สึกดีมากค่ะ และที่วัดนี้ ก็คิดว่าเป็นที่ๆปลอดภัยอีกแห่งนะค่ะ ท่านสร้างพระอุปคุตรุ่นคุ้มภัย แจกฟรีค่ะ (ทำบุญหนึ่งร้อยสำหรับไปทำบูญเก้าวัดค่ะ เป็นทุน) ถามพระอาจาร์ย ว่าป้องกันภัยพิบัติเหรอเจ้าค่ะ ท่านบอกว่า ใช่ แล้วมวลสารเข้มข้นมาก ใครไปเชียงใหม่ ต้องแวะมากราบให้ได้นะค่ะ แล้วตอนนี้จะได้ร่วมสร้างบุญด้วยค่ะ ทางวัดกำลังบูรณะ พระเจดีย์บรรจุ พระบรมสารีริกธาตุค่ะ
    เล่าสู่กันฟังค่ะ เผื่อเป็นประโยชน์บ้างน่ะค่ะ

    ผมก็เพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านมาแวะไปผ่านทางที่ว่ามาเหมือนกันครับ
    ทริปนี้ ผมขับรถเจ้าเขียวคู่ใจลองไปตามเส้นทางที่กำหนด แล้ว
    สรุปแล้วยอมรับว่าเหนื่อยเหมือนกัน นี่ยังไม่นับว่าจะเกิดเหตุการณ์แล้ว
    เกิดการเสียหายของถนนรนแคมต่างๆ ที่ทางก้คงยากกว่านี้มาก
    ระหว่างไปตั้งเต๊นท์นอนที่วัดพระบาทสี่รอย ไปพบกับอดีตครูดอยท่านหนึ่ง
    พูดคุยกัน ท่านกลับมองรถวิบากเจ้าเขียว kawa 250 ของผมแล้วหัวเราะ
    บอกว่า ในยามทางยากจริงๆ สู้เจ้าฮอนด้าดรีมไม่ได้
    เพราะน้ำหนักเบากว่าในยามเข็นจะผ่านจุดที่เป็นอุปสรรรคได้ดีกว่า
    และอีกอย่างบริโภคน้ำมันน้อยกว่าทำให้ไปได้ไกลกว่า
    ใครมีความคิดเห้นหรือประสพการณ์บ้างใหมครับ รบกวนแชร์หน่อยครับ
    ถ้าเป้นไปอย่างที่ว่า ก็จะได้เปลี่ยนรถ ครับ
    ในส่วนบ้านญี่ปุ่นกับ หมู่บ้านพุทธบุตร แฮะๆ หา 2วันไม่เจอเหมือนกันครับ
    คาดว่าคงจะอยู่ใกล้จมูก แต่ก็เหมือนปลายจมูกตัวเองที่เราเห็นได้ยากครับ
    แต่ผมคิดว่าอย่าหาเลยครับ เพราะท่านคงไม่สะดวกรับแขกจริงๆ ม่ายงั้นคง
    แจ้งและเปิดกับเราแล้วครับ แต่ผมจินตนาการดูนะครับ
    ถ้าเปิดจริง เฉพาะสมาชิกเวปเรา ก้คงรับแขกแทบจะไม่มีเวลาจริงๆครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 มีนาคม 2024
  2. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    มากมายหลายกระแสทั้งผู้รู้จริงและผู้ที่คาดเดาเอาตามกระแส
    จนถึงทุกวันนี้ก็มีเพียงกลุ่มคนเล็กๆเท่านั้นที่มีการเตรียมตัวกันอย่างจริงจัง
    ลุงพบมีคนญี่ปุ่นกลุ่มหนึ่งมาตั้งหมู่บ้านเล็กๆของเขาในเขตชนบท ห่างจากหมู่บ้านอื่นๆพอสมควร
    ช่วงรอยต่อของอำเภอสะเมิงกับอำเภอแม่ริม ใช้ชีวิตกันแบบพึ่งพาภายนอกชุมชนน้อยมาก
    พื้นที่บริเวณหมู่บ้านมีการปลูกพืชอาหาร ที่เพียงพอกับคนในกลุ่มบ้านนั้น(ประมาณ 20 หลังคาเรือน)
    เช่นพวกกันแกว มันฝรั่ง เผือก(เขาเน้นอาหารที่มีหัวในดิน คิดว่าเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นจะมีเพียงอาหารพวกนี้แหละที่ปลอดภัยอยู่ในดินไม่ต้องมาเก็บไว้ในบ้าน นานหลายเดือน)
    ลุงไปเที่ยวพูดคุยกับเขา พบว่าเป็นช่วงที่เขากำลังจัดงานปิดไฟฟ้าไม่พึ่งพาอาหารนอกชุมชน
    ประทับใจมากเพราะเขาสามารถอยู่กันได้โดยไม่ต้องอาศัยไฟฟ้า
    และไม่ไปซื้ออาหารจากนอกชุมชน เลย เป็นเวลา 7 วัน (คงเป็นการทดสอบระบบ)
    ทุกบ้านมีแท้งPVC ขนาดใหญ่ที่เก็บน้ำที่พอใช้บริโภคได้เป็นเดือน
    รวมทั้งมีโรงพยาบาลเล็กๆในชุมชนที่มีความพร้อมขนาดที่ลุงเห็นแล้วตกใจ
    บ้านเก็บทุกหลังสร้างจากไม้ หลังคามุงสังกะสีทับด้วยหญ้าคา
    (คงป้องกันการพังทลายจากเหตุแผ่นดินไหว)
    มีห้องประชุมกลางของหมู่บ้านที่ทำเป็นเหมือนหลุม ขนาดใหญ่และใช้ซุงทำเป็นคล้ายกระโจมร้อยด้วยเชือกสลิงทำเป็นหลังคา (คงเอาไว้หลบภัยถ้ามีอะไรตกจากท้องฟ้าลุงเดาเอา)
    ทุกหลังคาเรือนมีระบบไฟสำรองคือแบตเตอรี่บ้านละ 5-10ลูกไม่นับไฟฉาย
    มีถ่านฟื้นทุกบ้านกองเบ้อเริ่ม
    และอะไรๆอีกมากมายเล่าไม่จบ
    สิ่งที่ทุกคนในชุมชนเล็กๆนี้ พูดคุยกันตลอดก็คือ
    BEST PLACE หรือบ้านที่ปลอดภัยทั้งร่างกายและจิตใจ
    เขาอนุญาตให้คนนอกชุมชนเข้าไปน้อยครั้งอย่างที่รู้เรื่องนะ
    แต่เวลาขับรถผ่านถ้าไม่ลงไปถามลักษณะภายนอกก็ดูเหมือนชุมชนชนบทบ้านเราหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่งเท่านั้นเอง
    ลุงไปเจอและรู้จักเขาเพราะบังเอิญเจอกันที่วัดเลย รู้เรื่องเอา(ขออนุญาตไม่ระบุที่ชัดเจนนะเพราะรับปากเขาไว้แล้ว เขาขี้เกียจมีคนไปรบกวนและตอบคำถามคนที่ไปเยาะเย้ยถางถางว่าบ้าอะไรพรรณ์นี้)

    คนจากประเทศอื่นกว่าครึ่งร้อยกำลังมาเตรียมพร้อมในบ้านเรา
    ลุงถามว่าทำไมเลือกตรงนี้ เขาตอบว่ามีคนคำนวนทั้งทางธรณีวิทยา และศาสตร์ต่างๆแล้วที่นี่ปลอดภัยที่สุดทั้งจากภัยทางธรรมชาติทางน้ำ ทางแผ่นดินไหว(อันนี้ไม่แน่ใจบ้านลุงไหวมา หลายครั้งแล้วในช่วงนี้แรงด้วย แต่คงน้อยกว่าที่ญี่ปุ่น ) และความมีน้ำใจของคนที่จะไม่ฆ่าฟันกันเองในขณะที่เกิดความอดอยาก เพราะมีทางเลือกด้านอาหารมากกว่าภาคอื่นๆ
    ที่สำคัญคือ เขามีการเตรียมตัวกันอย่างจริงจัง และเป็นกลุ่มที่มีอะไรจะได้ช่วยกันได้เต็มที่
    มากกว่าคนที่รู้แล้วต่างคนต่างเตรียม
    ลุงอยากจะชวนให้มีกลุ่มคนที่มีความเชื่อมั่นและพร้อมที่จะเลือกชุมชนใหม่ด้วยกันมาคิดร่วงมกันมา
    ทำชุมชนอย่างนี้ด้วยกันจะดีใหมครับ
    มีใครสนใจบ้างครับ
    เราลองมาจับกลุ่มใหญ่ๆคุยกันและหาหมู่บ้านเพื่อการอยู่รอดกันดีใหมครับ

    ขอกราบโมทนาในข่าวสารข้อมูล และความตั้งใจดีของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ด้วยอย่างยิ่งครับ
    วัตถุประสงค์ที่แท้จริงของผมที่เข้ามาลงกระทู้ต่างๆในเวปพลังจิตนี้ก็เพื่อที่จะให้ข่าวสารข้อมูลความรู้ และวิชชาต่างๆที่ผมได้รู้มา ก็เพื่อที่จะช่วยผู้คนจากภัยพิบัติครั้งนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ


    ดังนั้นขอให้คุณลุงและบุคคลท่านอื่นที่มีความเข้าใจตรงกันตรงนี้ มาร่วมกันใช้พื้นที่ในกระทู้นี้เป็นศูนย์กลางการประชุมได้เลยครับ

    ปัญหาที่แท้จริงของการเตรียมตัวเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัตินั้น มีดังนี้ครับ

    1.ทุกคนไม่รู้กำหนดเวลาที่แน่นอนของภัยพิบัติ(เนื่องจากฝ่ายมาร ผู้มีหน้าที่กวาดล้างได้ปิดไว้ บังไว้ เพราะเขาก็ต้องการกวาดล้างให้มากที่สุด สะอาดที่สุด ฝ่ายเราก็อยากช่วยให้มากที่สุดเช่นกัน) ดังนั้นเหตุการณ์ที่เลื่อนออกไปทำให้หลายๆคนเสียความเชื่อมั่นและความเชื่อถือจากคนที่ได้ไปช่วยเตือน

    2.การเตรียมการเรื่องนี้ขาดการประสานงานที่ดี ต่างกลุ่ม ต่างคนต่างทำ เตรียมตามกำลังของตัว ทำให้ขาดประสิทธิภาพ

    3.หลายกลุ่มก็ปิดเป็นความลับไม่บอกใคร ว่าเตรียมอะไรไปแล้วบ้าง บางกลุ่มก็เปิดตัว

    4.หลายๆคน รู้เชื่ออยากทำแต่ไม่มีทุนจะทำ ลำพังใช้ชีวิตปรกติก็ฝืดเต็มที

    5.หลายคนอยาก ลงมือทำ ออกไปอยู่ต่างจังหวัดในจุดที่ปลอดภัย แต่ไม่สามารถ ไปอยู่ได้ เนื่องจากไม่สามารถปล่อยมือจากธุรกิจที่ทำอยู่ปัจจุบันนี้ได้ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ขึ้นเมื่อไหร่ จะทิ้งไปตอนนี้เลยหรือ แล้วถ้าเหตุการณ์เลื่อนอีกจะทำอย่างไร

    ลุงมีข้อมูลที่เขาคาดเดาว่าอะไรจะเกิดเล่าให้ฟัง
    1.เขาเชื่อว่าภัยพิบัติจะเกิดจากแผ่นดินไหว ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา เขาเชื่อว่ามังกร(ประเทศญี่ปุ่นจะบินขึ้นผงาดบนฟ้าแล้วหายไป คงหมายถึงประเทศญี่ปุ่นหายไป) จะทำลายโลกอย่างแน่นอนและปรากการณ์อย่างหนึ่งคือพื้นหินชั้นใต้ดินที่เก็บน้ำไว้จะแตกหัก ถ้านำไม่ลงไปข้างล่างก็จะขึ้นมาข้างบนจะทำให้ขณะเกิดเหตุน้ำจะเจิ่งนองไปหมด ยังไม่นับที่เขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำต่างๆพังทลายลงไป ลองนึกภาพ เขื่อนใหญ่ทั้งหมดของเราแตกพร้อมกัน ทำให้นึกถึงภาพขนาดของน้ำจำนวนมหาศาลที่จะกวาดลงไปตั้งแต่จังหวัดเชียงใหม่ ที่มีเขื่อนแม่งัดแม่กวง เขื่อกิ่วลมที่ลำปาง เขื่อสิริกิตต์ที่อุตรดิตถ์ เขื่อนภูมิพลที่ตาก แตกพร้อมๆกันขณะเกิดแผ่นกดินไหวที่บ้านพักอาศัยพังทลายไปแล้ว ทุกอย่างก็จะถูกกวาดไปลงทะเล (อย่าลืมคิดคำนวนปริมาณน้ำที่โผล่ออกมาจากใต้ดินที่เกิดจากชั้นหินที่เก็บน้ำไว้ถูกทำให้แตกหักทำลาย)
    2.ความอดอยาก จะตามมาหลังเหตุการณ์ที่ 1 ที่ตามก็คือน้ำที่มีอยู่ก็จะหายไปอย่างรวดเร็วจากที่ชั้นหินที่อยู่ไต้ดินที่ทำหน้าที่อุ้มน้ำมีรอยรั่ว บ่อน้ำที่มีอยู่จากบ่อน้ำหรือที่หาได้ก็จะหมดไป น้ำสะอาดจะหายากขึ้น ยังไม่พออาหารเท่าที่มีจะถูกกวาดไป คือแผ่นดินไหวทำลาย แล้วน้ำก็กวาดไปทิ้ง ที่เหลืออยู่ก็ไม่พอบริโภค
    3.สงครามแย่งอาหาร และสงครามเต็มพื้นที่

    ดังนั้นเขาจึงเตรียม สถานที่ๆไม่ถูกทำลายจากแผ่นดินไหว เลือกภูเขาที่ไม่สูงห่างจากแนวร่องลำน้ำที่มีเขื่ออยู่ต้นน้ำ เตรียมน้ำ อาหาร และยารักษาโรคอย่างพอเพียง(มากกว่าคน100 คนต้องการร่วม10เท่า) รวมทั้งมีการใช้วิทยุคลื่นสั้นติดต่อกันระหว่างบ้าน แทนที่จะเลือกใช้การสื่อสารที่ทันสมัยอย่างอื่นๆ

    ลุงอยากจะหาแนวร่วมที่อยากมาอยู่เชียงใหม่ด้วยกัน
    ศึกษาหาพื้นที่ที่ปลอดภัย(ไม่ได้กลัวตายนะ แต่อยากเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและความเปลี่ยนแปลง ไม่อยากตายตอนหัวม้วน เพราะตอนกลางเรื่องอาจจะได้เห็นอะไรที่ทั้งชีวิตไม่เคยเจอมา)
    หวังว่าจะมีผู้ร่วมบุญกับลุงมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
    ขอบุญกุศลคุ้มครองทุกคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  3. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    การฝึกสมาธิ การฝึกกาย
    ไม่มีหรอกครับ ใครที่จะพ้นความตายไปได้
    เพียงแต่เรารู้ว่าเราต้องอยู่รอดเพื่ออะไร ต้องรักษาอะไร
    และเลือก ที่จะตายอย่างมีค่า หรือไร้ค่า

    1.ต้องมีการรวมกลุ่มกัน ให้มั่นคง และชัดเจน จากประสพการณ์ที่ผมเคยจัดประชุมเรื่องภัยพิบัติเมื่อหลายปีก่อน พบว่า จะมีบางคนที่อยากช่วยคนจริงๆ ส่วนใหญ่เป็นประเภท อยากรู้ อยากฟังไว้เป็นข้อมูลสำหรับตัวเองและครอบครัว แถมมีอีกคน สองคน เป็นผู้เข้ามาทำลายงานซะอีก

    ดังนั้นเมื่อมีการรวมกลุ่มกัน ควรมีการลงทะเบียนเพื่อเป็นที่อยู่อ้างอิงในการติดต่อกัน บอกความสามารถที่จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม บอกวัตถุประสงค์ที่ขอเข้าร่วมกลุ่ม ว่าต้องการมาช่วยทำงาน หรือ ต้องการข่าวสารข้อมูล หรือต้องการให้ข้อมูล จากนั้นเอารายละเอียดที่ได้มาแบ่งงานกระจายงานความรับผิดชอบกัน

    2. รูปแบบของการประสานงานกันในแบบชุมชนย่อยแบบนี้ ให้ลองสอบถามจากสมาชิกของเวบนี้ที่สนใจ เชื่อ และกระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ เป็นแกนกลางในการประสานงานในแต่ละชุมชน

    3.รูปแบบการดำเนินงานในช่วงต้นควรมี การทำงานชุดพิเศษคณะหนึ่ง ออกแบบ ชุดความรู้ (Packageknowlege) ไว้

    เช่นการสร้างบ้านดิน สร้างบ้านด้วยอิฐประสาน วท.
    การทำปุ๋ย EM. ใช้เอง
    การดัดแปลงเครื่องปั่นไฟฟ้าขนาดเล็ก
    ความรู้ในการทำเครืองกรองน้ำ
    ความรู้ในการทำเครื่องกรองอากาศ
    การทำเกษตรปลอดสารเคมี
    การแปรรูปอาหาร
    การดูแลปฐมพยาบาลผู้ป่วย
    การปฏิบัติตนเมื่อเกิดภัยพิบัติ แบบต่างๆ
    ความรู้เรื่องการใช้สมุนไพรเบื้องต้น
    การฝึกสมาธิ การฝึกกาย

    เหล่านี้เป็นต้นครับ ความรู้อื่นๆเพิ่มเติมขึ้นกันอยู่กับพื้นที่ นั้นๆครับ

    4.จากนั้นก็ศึกษาพื้นที่ ดูลักษณะทางกายภาพ วิเคราะห์ด้านความเสี่ยงทางธรณีวิทยา ทั้งทางด้านแผ่นดินไหว พายุ น้ำท่วม

    5.จากนั้นรวบรวมกลุ่มคนที่สนใจที่จะไปอยู่ที่นั่น โดยรวมตัวกันในรูปสหกรณ์นิคมเศรษฐกิจพอเพียง ใครที่จะไปอยู่ก็สมัครเป็นสมาชิก เจ้าของพื้นที่ก็เป็นผู้จัดการสหกรณ์ เสาร์อาทิตย์ก็ลงพื้นที่ไปช่วยกันทำช่วยกันสร้าง หรือจะจ้างแรงงานพื้นที่ก็ได้

    ที่สำคัญ ควรจัดตั้งเป็นศูนย์สาธิต ถ่ายทอดระบบสังคมคุณธรรมและ เศรษฐกิจพอเพียงด้วย
    เพื่อ ช่วยเหลือคนในพื้นที่ให้มีความรู้ และเป็นคนดี

    เพื่อถวายงานแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    เพื่อให้ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐ และสามารถขอกู้เงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์อื่นๆได้

    เพื่อเป็นการมีส่วนร่วมในการเสริมสร้างคุณธรรมในสังคมและพัฒนาประเทศไทย

    ถ้าดำเนินการด้วยวิธีการดังกล่าวนี้ สามารถ ทำได้เลยทันที เนื่องจาก

    ลงทุนน้อย หาแหล่งเงินทุนและความรู้อื่นมาช่วยได้ง่าย ที่สำคัญไม่ว่าเหตุการณ์ จะเลื่อนหรือไม่เลื่อนก็สามารถอยู่ได้ พึ่งตัวเองได้ เนื่องจากเป็น ที่หลบภัยที่ใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง

    แถมยังมีรายได้เพื่อนำมาพัฒนาชุมชนที่สร้างนี้ให้ใหญ่ขึ้นครบถ้วนขึ้นจาก

    1. ที่พักอาศัย บ้านดิน ในช่วงก่อนเกิดภัยพิบัติ ก็ทำเป็นลองสเตย์โฮมไปก่อน
    2.การขายพืชผลปลอดสารพิษ
    3.การขายปุ๋ย ขายกล้าไม้

    ส่วนค่าใช้จ่ายในชุมชนแทบไม่มี

    ถ้าวางระบบแบบนี้ถูกที่สุด และทำได้เลยครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  4. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    นาที37เล่าว่าในป่าอันตราย

    ลองนึกภาพที่บ้านของเรา
    วันนี้แผ่นดินไหว ตึกใหญ่ บ้านปูนพังยับ
    ถนนที่มีอยู่ใช้การไม่ได้ พังยับเยิน
    ปั้มน้ำมันระเบิดไฟใหม้จนแทบไม่เหลือ
    ไฟฟ้าดับหมด โรงไฟฟ้าพังยับเยิน
    อาหารไม่มีคนขาย เพราะบ้านส่วนใหญ่พังหมด (คงมีการไหวของแผ่นดิน 15-20 ริกเตอร์ หรือมากกว่า เพราะขนาดที่มีการทำนายกันไว้ว่าแผ่นดินแยก เหมือนมีงูยักษ์มุดออกมาจากแผ่นดินต้องไหวระดับแรงหินใต้ดินโก่งตัวอย่างรุนแรง)
    ทุกคนอยู่ในอาการกระวนกระวายร้องให้เพราะความสูญเสีย อาหารที่มีในมือก็พอกินได้ อีก2-3 มื้อ
    เป็นปรกติแล้วที่เราจะมีอาหารอยู่ประมาณนั้น ที่เหลือพึ่งตลาด
    เพราะอาหารในตู้เย็นเริ่มเสียแล้วเนื่องจากไฟดับ
    หรือ ถูกบ้าน(โดยเฉพาะแบบสร้างด้วยปูน)ถล่ม
    อาหารขาด เงินจำนวนมากเท่าไดก็ไม่สามารถแลกอาหารได้มากพอ เริ่มมีการแก่งแย่งกันเกิดขึ้น
    หลายพอเริ่มจะตั้งหลักกันได้
    คนที่เริ่มคิดได้ก็จะไปริมทะเลเพื่อมองหาอาหารแล้ว คลื่นยักษ์ที่เกิดจากแผ่นดินไหว ก็พากันกวาดเอาคนจำนวนมาลงทะเล
    จนคนจำนวนมากไหวหวั่น กระวนกระวาย
    การจราจรแย่งอาหารเกิดขึ้นในเขตเมืองก่อน
    แล้วค่อยลามมายังเขตปริมณฑลที่ยังพอมีอาหารมากกว่า
    วันที่ 3ก็มาถึง น้ำเหลือจำนวนมากมายก็พากันหลั่งโหมเข้ามากวาดเอาคนต้อนคนที่บนทรากปรักหักพังลงสู่ท้องทะเล
    เสียงกรีดร้องน้ำตา จากความเศร้าเสียใจของคนที่เหลือเพียงไม่กี่คน
    ตำนวนของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่เลือกอยู่บนยอดดอย เพราะเขามีการสอนกันมาว่าเขาคือผู้ที่รอด
    ในบ้านนอกมียุ้งข้าวที่กินได้
    มีฟักข้างบ้าน มีไก่เลี้ยงตามใต้ถุน มีหมูที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน
    แล้วเราคนในเมืองหละถ้าวันี้ ต่อไปอีก 3วันตลาดไม่มีอะไรเลย(เพราะถนนพังทั้งหมด
    ไม่มีอุปกรณ์หุงหาอาหาร เพราะไฟฟ้าดับหมด
    มองในมุมร้าย หรือมองโลกในแง่ร้ายมากไปหรือเปล่า
    แต่ชักชวนครับผมกำลังจำทำเรื่องเช่าที่ส่วนป่าเสื่อมโทรมบริเวณประมาณ 300 ไร่
    กำลังหาสมาชิก เพื่อจะมาร่วมมือกันคิดกันอย่างจริงจัง
    ถ้าทำแบบที่ญี่ปุ่นทำกัน ผมดูแล้วบ้านที่ปลอดภัยจากแผ่นดินไหว
    หลังละไม่กี่หมื่นเท่านั้นเอง(เขาบอกว่าต้องเป็นวัสดุที่ล้มไปแล้วนำมาประกอบใหม่ได้)
    อุปกรณ์กลางเช่น เครื่องทำน้ำจากอากาศ โรงพยาบาลเล็กๆ
    แหล่งหลบภัยกรณีมีอะไรตกจากฟ้า

    อยู่ร่วมกันอยู่เหมือนบ้านที่มีการเตรียมพร้อมทั้งจิต และกาย อาหาร สิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย
    เพื่อจะได้เป็นผู้รอดที่มีพลังพอจะช่วยเหลือมนุษย์โลกที่เหลือต่อไป
    ในรูปแบบ นิคมพุทธหรืออะไรอย่างนี้ก็ไม่เลวนะ
    เพราะวันนั้นแล้ว ถ้าพลังไม่พอเหล่ามารคงไม่พอใจที่มีพวกที่รอดอย่าง
    เข้าใจและมีพลังก้าวเดินต่อไปอีกจำนวนมาก
    ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีบริเวณที่เป็นที่ลุ่มรอยต่อระหว่างฝั่งดอยสะเก็ดกับฝั่งแม่ริม
    ทางฝั่งดอยสะเก็ด ติดค่อนไปทางเชียงรายที่มีเหตุการแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง
    ฝั่งอำเภอแม่ริม อำเภอสะเมิง อำเภอแม่แตงตอนบน(เหนือเขื่อแม่งัด) จะติดค่อนไปทางแม่ฮ่องสอน
    บ้านของลุงเองอยู่คนละฝั่งแม่น้ำปิงกับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งก่อน คราวที่ไหว 5.1ริกเตอร์
    ทางฝั่งโน้น บ้านร้าว ของตกระเนระนาด
    แต่ฝั่งบ้านลุงเอง ไม่รู้สึกรุนแรงเหมือนในข่าว ยิ่งคนแถบสะเมิง ไม่มีความรู้สึกเลย(อันนี้น่าคิดนะ เพราะระยะห่างจากจุดศูนย์กลางพอๆกับอำเภอเมือง ขณะที่อำเภอเมืองไหวจนวิ่งกันหน้าตั้ง แต่อำเภอสะเมิงหลับกันสบาย ไม่รู้สึกซักกะแอะ) แต่อย่างไรก็ตามบ้านลุงเองก็ยังไม่ปลอดภัยเพราะปีที่ผ่านมาน้ำที่ไม่เคยท่วมกลับมีน้ำหลากมาจากบริเวณภูเขา กวาดเอาบ้านไกล้ๆพังไปหลายหลัง
    แต่ได้เตรียมการหาที่เหมาะสมสำหรับทุกคน คิดว่าน่าจะซัก 20 ครอบครัว ไม่เกิน 100 คนน่าจะมีกำลังเพียงพอในการที่จะเผชิญปัญหาที่จะเกิดขึ้นหรือจำเป็นต้องเริ่มต้นชีวิตในโลกที่สูญสิ้นไปเกือบสิ้นเชิง เช่นสงครามแย่งชิงอาหาร โรคระบาด หรือโลกมืดไป47วัน
    อยากได้ข้อมูล
    1.แบบบ้านที่ทนต่อแผ่นดินไหว
    1.1 ที่ราคาไม่แพง
    1.2 รองรับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ แผ่นดินไหว น้ำท่วมหลาก(น้อยๆเพราะอยู่บนเขาอยู่แล้ว)
    2. รูปแบบของการจัดการระบบอาหาร แบบไม่พึ่งไฟฟ้า
    3. การจัดการระบบพลังงานในพื้นที่(กรณีที่โลกมืดไป 7ราตรีเหมือนคำทำนายของหลายๆฝ่าย)
    4. ระบบการจัดการชุมชนให้สามารถอยู่ได้
    5. ระบบการสื่อสาร/รับข้อมูล
    6. การเตรียมการด้านสิ่งเหนือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ(ที่คนอื่นจะเข้าใจ) เช่นกรณีเกิดภูตผีปีศาจ
    7.การเคลื่อนเข้าสู่ชุมชนของสมาชิกในหมู่บ้านกรณีเกิดปัญหาขึ้น(เตือนกันอย่างไรดี หรือใครตัดสินใจที่จะเตือนสมาชิกเข้าสู่ชุมชน)
    ขอส่งข้อมูลให้ลุงเรื่อยๆนะแม้จะเริ่มแก่แล้ว
    (ยืนยันนะว่าไม่ได้กลัวตาย เพราะชีวิตที่ผ่านมาเพียงพอแล้วหละ ทำบุญมามากพอที่จะไม่ตกนรกและไม่มีพลาดตอนอาสัญนกรรมแน่เพราะปลงกับความตายตั้งแต่ตอนเรียนผ่าศพแล้วหละ)
    แต่ก็อยากดูสิ่งที่เราฟังมาตลอดชีวิตกลัวมันจะเกิดหลังวันที่เราตายไปแล้ว 1 วัน
    จิตอย่างนี้เป็นห่วง จนเป็นเหตุให้เป็นเดรัจฉานหรือเปล่าก็ไม่รู้
    เอ้าช่วยๆกันหน่อย
    ใครจริงจัง กับลุงไปด้วยก็เตรียมตัวคุยกันต่อไปนะ
    ขอบคุญและยินดีกับคำแนนำที่ผ่านๆมา และผู้ที่ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย
    รายละเอียดและที่ตั้งที่ได้มีการศึกษาจากกลุ่มคนที่ทำงานกับลุงมา2-3 ปีแล้ว
    ในการหาว่าจุดที่ปลอดภัยควรจะเป็นจุดใด
    ทั้งจาก น้ำ แผ่นดินไหว ภัยสงคราม
    และรังสีจากการมีสงครามนิวเครียส์
    เมื่อเลือกกันทั้งหมดแล้ว ก็เลือกกันว่า
    พื้นที่ๆพอมีแผ่นดินไหวบ้าง
    แต่มีความสามารถในป้องกันภัยด้านอื่นได้
    น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
    จึงเลือกเอาบริเวณเหนือหมู่บ้านของชาวญี่ปุ่นไปประมาณ 2 กิโลกว่าๆ
    ซึ่งน่าแปลกใจที่แผ่นดินไหวคราวที่แล้วห่างจากบริเวณนี้ไปประมาณไม่ถึง 30 กิโลเมตร แต่ฝั่งนี้กับไม่รู้สึกเลย(อาจเป็นเปลือกหินคนละก้อนกัน)
    ใครมีจุดที่ดีกว่า หรือมีข้อมมูลที่ๆลูกเลือกแล้วมันอันตราย ปรือปลอดภัยมากกว่าลุง ส่งมาให้ลุงด้วย
    บริเวณที่ตั้งที่ลุงกับเพื่อนๆเลือก เป็นเขตบ้านนอกแนวสันเขาด้านหลังมีทิวเขาห่างไปพอสมควรเป็นแนวกั้นลมได้ดี พื้นเป็นดินยังมีความสมบูรณ์ ปลูกมัน เผือกได้ขนาดใหญ่มาก(ดูจากของญี่ปุ่นปลูก) เป็นจุดกึ่งกลางระหว่างวัดพระบาท4รอย กับวัดป่าดาราภิรมย์(มีพระเขี้ยวแก้วของพระพุทธเจ้า ที่จะพบรังสีม่วงในคนที่ฝึกสมาธิมาถึงระดับสัมผัสจิตอรหันต์) ที่ทั้ง2ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเชียงใหม่ ที่ได้รับการพยากรณ์ว่าจะอยู่จนครบ 5000 ปี

    "ตามที่พระอาจารย์เคยบอกนิมิตรไว้ว่าภาคเหนือจะได้รับภัยก่อน แล้วก็จะหยุดก่อน
    แต่ที่เหลือจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาก ตามมาภายหลัง
    ในส่วนภาคอีสาน พระอาจารย์ บอกไว้ว่าคนเกือบทั้งหมดจะข้ามไปอยู่ฝั่งลาว
    เพราะบ้านเราไม่มีอาหารเพียงพอ และหนาวมากจนไม่มีฟืนไปในพื้นที่พอจุดกองไฟประทังหนาว
    ภาคเหนือหลังจากเกิดเหตุแล้ว เมืองลี้เมืองลาวจะหนาว ทุ่งนาจะเป็นสีขาว ต้นไม้สูงยาวจะเฉาตายทั้งป่า ฝูงปลาจะพากันแข็งตาย (สงสัยมีหิมะตกแล้วต้นไม้พากันตายหมด เสียดายที่ไม่ได้ทันถามรายละเอียดเพราะตอนนั้นยังไม่แน่ใจเท่าวันนี้)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  5. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    จากที่เคยเห็นจากนิมิต เช่น แถวบางกะปิ น้ำจะท่วมถึงประมาณ ตึกหกชั้น
    ซึ่งจะเกิดก็ดี หรือไม่เกิดก็ดี ก็ควรเริ่มเตรียมตัวกันไว้ก่อนนะครับ ไม่เสียหลาย
    ที่เห็นก็อาจจะผิดพลาดได้ครับ
    แดนใดเป็นที่ประดิษฐานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีมาแต่โบราณ แดนนั้นคือชัยภูมิแห่งความรอด
    แต่จงอย่าลืมว่า เกราะคุ้มภัยชั้นดีมีอยู่ที่ตัวของทุกคนแล้ว จงอย่าวิตกหากท่านคือผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และได้แบ่งปันธรรมะให้แก่ผู้อื่นอย่างสม่ำเสมอ
    ลุงไม่แน่ใจนะว่าสิ่งที่ลุงเห็น เป็นอะไรแต่ส่วนหนึ่งที่ลุงตัดสินใจที่จะเดินหน้า
    และยิ่งมีความมั่นใจ เมื่อพบกับกลุ่มบ้านคนญี่ปุ่นที่ เมื่อสอบถามประวัติหลังจากรู้จักกันดีแล้ว
    ส่วนใหญ่พอเอ่ยชื่อ ต้องตกตะลึง ที่เจ้าของบริษัทใหญ่ๆมารวมกันที่นี่
    นักวิทยาศาสตร์ ชั้นยอดเกี่ยวกับนาโนเทคโนโลยี่ขอญี่ปุ่น
    ใช้เวลาปีละกว่า 5-6 เดือนอยู่ที่นี่
    ขอเล่านิมิตรของลุงให้ฟังก็แล้วกัน ไม่ต้องเชื่อนะ เพราะระดับการฝึกจิตของลุงยังไม่ถึงขั้นที่
    จะบอกตัวเองได้ถึงขั้นใหน การถอดจิตยังไม่เป็นวสีได้
    แต่อย่างไรก็ตามภาพที่เห็นในนิมิตรนั้น
    ตัวเมืองเชียงใหม่พังยับเยิน หลังจากเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
    หลังจากนั้นเขื่อนที่เกิดรอยร้าวก็ทลายลง
    คนในตัวเมืองและระหว่างทางไหลของน้ำ ต้องก้มหน้าร้องไห้กับความสูญเสีย
    แต่ไม่ทันที่คนจากภาคอื่นจะเข้ามาช่วยนั้น
    ก็เกิดแผ่นดินไหว ซ้ำจนร่องลำน้ำแม่ปิงหายไป
    ทุกอย่างดับมืดไปหมด ตึกสูงระเนระนาด
    ลุงเห็นภาพลุงกำลังใส่บาตรพระที่พายเรือ
    เห็นยอดแหลมดผล่ขึ้นมา
    พระท่านยิ้มแล้วบอกว่า เป็นส่วนหนึ่งของเจดีย์ที่เป็นสัญลักษณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยา
    แผ่นดินที่อิสานแตกร้าวไปทั่ว น้ำที่เจิ่งนอกในภาคอีสาน กินไม่ได้แม้แต่หยดเดียว
    (คงเป็นวิบากกรรมของคนอีสานเรื่องน้ำ) คนอีสานบ้านเรานำโดยพระอาจารย์หูเป็นรอยปาน
    ข้ามลำน้ำโขงไป อยู่ที่ฝั่งลาว
    ใช่แล้วครับ คุณลุง ตัวเมืองเชียงใหม่ จะเกิดแผ่นดินไหวและทรุดกลาย เป็น แหล่งน้ำขนาดใหญ่ เชียงใหม่ทางฝั่งตะวันออก ไม่ปลอดภัย ส่วนตัวผมแนะนำ สถานที่ปลอด ภัยที่ดีที่สุดที่ผม ทราบมา คือ อำเภอ แม่ริม ครับ

    พระอาจารย์ของพระคุณลุงเชียงใหม่บอกบอกไว้เมืองชื่อ สองลำ สองเชียงแม้จะได้รับอันตรายน้อยที่สุด
    แต่ก็จะประสพภัยพิบัติก่อนส่วนใหญ่จะเกิดจากแผ่นดินไหว(ยักษ์หินตื่นขึ้นมา
    ใครที่ไปอ่านตำนานของเปรตหินที่ พระบาทสี่รอยจะเข้าใจมากขึ้น )
    บ้านเรือนที่สร้างจากปูน หลังคาบ้านที่ทำจากของแตกจะเสียหายทั้งหมด
    ส่วนผู้คนฆ่าสัตว์น้ำเป็นอาชีพ และคนที่ผิดศิลข้อมุสา
    ทำให้คนโกรธเกลียดกัน จะได้ชดใช้กรรมที่ได้รับอันตรายจากน้ำ
    จะมีคนตายเพียงส่วนหนึ่ง
    สัญญานเตือนด้วยน้ำตาและสายเลือดของคน สองลำ สองเชียง
    ที่เกือบทั้งเมืองแหลกสลาย คนที่เตรียมตัวไว้แล้ว
    ควรตัดสินใจขึ้นไปทางเหนือ เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์
    ซึ่งจะเป็นพื้นที่ได้รับอันตรายน้อยที่สุด
    หลังจากวันเตือน
    (พระอาจารย์...)สัญญานเตือนที่สองฝนจะตกหนักต่อเนื่องกัน
    แผ่นดินไหวอีกครั้ง เจดีย์กลางน้ำโผล่ขึ้นมา
    แล้ว...ทุกอย่างมันจะเริ่มต้น

    ข้างล่างคำสอนของท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรี
    หนังสือโลกลี้ลับ ฉบับที่265 หน้าที่ 62
    ครูบาอาจารย์ท่านได้เมตตาเล่าให้ฟังอยู่ที่ใดภัยก็เอื้อมถึงทั้งนั้น สำคัญว่าคุณเป็นคนอย่างไร ประเทศอื่น คนไม่ดี 100 คนจะรอดได้ประมาณ 10 คน ประเทศไทย คนไม่ดี 100 คนจะรอดประมาณ 20 คน ผมได้ถามท่านว่าทำไม ยังมีคนที่รอดอยู่ทั้งที่เป็นคนไม่ดี ท่านเล่าว่า คนไม่ดีบางคน กรรมชั่วก็เยอะ กรรมดีก็เยอะ เรียกว่าบุญก็ทำกรรมก็สร้าง เลยยังมีโอกาส ต้องสำรวจใจท่านเองครับว่าท่านเป็นคนเช่นไร หากเป็นคนดี คงจะรอดได้ไม่ยากนัก หากชั่ว ก็ต้องดูว่าชั่วถึงระดับใด ยังมีบุญค้ำอยู่ไหม หากบุญเหลือน้อย ก็ต้องระวัง เร่งสร้างสม บุญ-บารมี ให้เพิ่มขึ้นให้ทันกาล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  6. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    ลุงคงช่วยอะไรไม่ได้มากเนื่องจากระดับจิตของลุงยังไม่สามารถเห็นภาพ
    ที่อยู่ไกลออกไปมาก แต่จะพยายามถามพระอาจาย์ซึ่งช่วงนี้ท่านกำลังเดินทางไปหนองคาย และ
    จะเข้าไปที่ประเทศลาว (ลุงไม่แน่ใจพระอาจารย์จะกลับมาเมื่อไหร่)
    แต่สิ่งที่สบายใจกันได้ก็คือ (สิ่งนี้พระอาจารย์จะไม่ค่อยพูดถึง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะมากและรุนแรง จนทำให้คนที่เต็มไปด้วยกิเลสหลงชีวิต ที่เต็มไปด้วยบาปกรรม จะยิ่งเบียดเบียนคนอื่น เพื่อตัวเองจะรอด(คิดว่าจะรอด) จะทำให้สถานที่ที่เต็มไปด้วย ความโลภ ความโกรธ ความหลงนั้น หนักจนพื้นหินทรุด และการที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับมารมากๆ จะทำให้การเลื่อนระดับจิตของตนเองยากยิ่งขึ้น)
    พระอาจารย์ย้ำเสมอ ขอให้เชื่อว่าศาสนาพุทธจะอยู่บนแผ่นดินสุวรรณภูมิไปจนถึง 5,000ปี
    และเหตุร้ายที่เกิดนั้น จะเกิดขึ้นรุนแรงในความรู้สึกของคุณที่ติดอยู่ใน ความโลภ ความโกรธและความหลง รับไม่ได้กับการที่ต้องเริ่มต้นใหม่เกือบทั้งหมด และประมาทในชีวิต
    แต่ในคนที่ เข้าใจในสัจจธรรม
    ทุกอย่างมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สิ่งที่เรามี เราเห็น นั้นเป็นเพียงของสมมุตินั้น
    การสูญเสีย คนที่เรารัก ผูกพันธ์ ของที่เราหามาได้และผูกพันธ์จิตกับมันเช่นบ้านรถ
    และที่สำคัญคือไม่กลัวกับความตายก็จะมีสติ
    มองเห็นภาพที่เกิดขึ้นเหมือนเราอยู่บนฝั่งมองทะเลบ้าคลั่งเท่านั้นเอง
    แต่จุดที่ลุงกำลังชวนหลายคนมารวมกันหรือคิดร่วมกันก็คือ
    จุดบนฝั่งที่ปลอดภัย เพื่ออย่างน้อยเราอาจจะเป็นคนที่มีเรี่ยวแรงไปช่วย(ทำบุญ)
    กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
    (ลุงเห็น ภาพ) คนที่หิวกระหาย ทั้งอาหารและน้ำ จะรวมกลุ่มกันรื้อค้น ทุกหย่อมหญ้าเพื่อหาอาหารมาประทังความหิว คนชั่งที่คิดว่าโลกสิ้นสุดแล้ว จะตามข่มขืน ฆ่า ความไม่พอใจโกรธเคืองกันที่อยากจะฆ่าฟันที่อยู่ในใจจะระเบิดขึ้นมา(แต่ไมรู้ว่าเป็นจุดใหนนะ)
    (ลุงเห็น ภาพ) คนตัวสั่นงันงก ต่อเสียงกรีดร้องของ ดวงวิญญานที่รับไม่ได้กับการตายของตนเอง ดังก้องไปทุกโสตประสาท(จิตของมนุษย์หยาบลงจนสัมผัสเสียงของ สัมภเวสี เปรตอสุรกายได้ เนื่องจากความหวาดกลัว จึงมีหลายสำนักแนะนำให้ไหว้พระ สวดมนต์จิตจะได้ไม่อยู่ในภาวะหวาดกลัว ซึ่งจะสัมผัสมากขึ้นไปอีก) ขอให้รีบไปฝึกในการปลงอสุภะ ภาพที่เกิดขึ้นก็จะเบาบางลง ในจิตของเรา
    (ลุงเห็น ภาพ) ภาพน้ำไหลข้ามภูเขา ปลาตัวเท่าวัวเท่าควาย ถูกซัดไหลมาตามทำให้ต่างตื่นกลัวจนลนลาน พื้นที่ติดกับขอบฟ้าที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้น(น่าจะเป็นชายฝั่งตอนเหนือนะ)จะปลอดภัยจากแผ่นดินไหวแต่หลังจากนั้นต้องรีบไปอยู่ที่อื่น ให้ไกลๆ
    คุณpinkrosepaper
    สัญญานเตือนที่ เริ่มต้น วันใดเมืองเชียงใหม่ ยับเยินลงไปแล้ว
    เรามีเวลาอีก 3วัน 7วัน ขอให้ไปอยู่ในที่คิดว่าตัวเองจะปลอดภัย
    ขอให้ผู้ที่มีอภิญญาทั้งหลายได้โปรดเมตตา
    สงสารแก่เพื่อนมนุษย์
    (ลุงคงมีกรรมที่จนถึงวันนี้ยังไปไม่ได้ไกล
    คงเป็นเพราะจิตยังติดห่วงในกระแสกรรมบางสิ่ง
    ที่ยังเห็นเพื่อนมนุษย์ได้รับ จากการไปในครั้งแรกๆของจิตของลุง
    แล้วไม่อาจทิ้งภาพนั้นไปได้จนสนิท จนเกิดเป็นตะกอนในจิต ที่ยังไม่สามารถกำจัดออกไปด้วย
    ตนเองในขณะนี้ได้)
    ขอท่านทั้งหลายได้เตรียมตัว กับส่งที่จะเกิดขึ้น
    ในเชียงใหม่เองที่จะโดนหนักมีสองเรื่องคือ ฟังวลีนี้ไว้แล้วคิดตัดสินด้วยนะ
    น้ำปิงจะกลายเป็นสันดอย บ้านคนควันจะลอยอุ้ม คนหนุ่มจะกำมีดมาฆ่ากั๋น เป็น100 วันบาตรแก่นน้อยก่อปะเต็ม
    คนบ่าหันต๋ายจะก๋ายเป่นผีบ้า ป่าเฮ้วป่าช้าบะปอฝังผี คนดีจะมีในป่า คนใจ๋บาปหยาบจ้าจะไปฆ่ากั๋นในเวียง เมียบะนับผัว ผัวบะนับเมีย ลูกจะขุดเซาะหาป้อ หมองีบก่อบะได้นอน แฮ้งก๋าบินฮ่อนมืดเต๋มเวียง
    จ๋นวันตี้ฟ้ามีเสียงเหมือนโลกแตก ตี้เป่นดอยก็จะแยกเป๋นตี้เปียง คนตี้เปียงจะเสี้ยงตี้ยืน คนเป่นหมื่นจะปาต๋ายเกือบเสี้ยง เจ๊ามีเสียงดังเต๊าหมาตดคนก็กั๋ว ก้มหัวกราบขอบะหื้อต๋าย"
    แปลเผื่อคนที่ไม่ใช่คนเหนือ
    "แม่น้ำปิงจะหายกลายเป็นสันดอย(ภูเขา) บ้านคนจะมีควันลอยคลุมไปหมด(น่าจะควันจากไฟใหม้)
    คนวัยหนุ่มสาวจะมืออาวุธอกมาเข่นฆ่ากัน นานนับร้อยวันที่ที่แม้แต่บาตรที่เล็กที่สุดของพระก็ไม่เคยได้เข้าเต็มบาตร
    คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า(รับไม่ได้กับความตาย)ป่าช้าจะไม่มีที่พอกลบฝังศพ
    คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง(คงแย่งสมบัติกัน) ผัวเมียจะไม่ถือว่าเป็นผัวเมียกัน ลูกจะเที่ยวขุดพื้นดินหาพ่อของตัวเอง หมอรักษาโรคแทบจะไม่ได้นอน แร้งกาบินว่อนเต็มเมือง
    จนวันที่มีเสียงเหมือนฟ้าแตก ที่บนดอยจะทลายลงเป็นที่ราบ ที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน
    คนนับหมื่นจะพากันตาย คนกลัวหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต"
    ลองแปลความให้ดูนะ น้ำปิงจะหายกลายเป๋นสันดอย (เพราะฉนั้น สถานที่ไม่ปลอดภัยน่าจะเป็นพื้นที่ๆติดกับน้ำปิงทั้งหมด) เจดีย์โผล่ออกมา [ลุงไม่แน่ใจนะว่าที่พระอาจารย์เอ่ย จากพื้นดินหรือจากน้ำถ้ามาจากน้ำทางเหนือก็สัณนิฐานได้2 ที่คือที่ชุมชนเก่าเมืองเชียง(ที่พระนางจามเทวีมาพักหลังจากเดินทางมาจากขอม ก่อนมาเข้าเมืองลำพูน ที่พระฤาษีวาสุเทพ สร้างถวาย ) ที่ถูกน้ำท่วมไปจากการสร้างเขื่อนภูมิพล ซึ่งหมายถึงน้ำในเขื่อนหมดไปแล้วนั่นเอง หรือจากบริเวณ ชุมชน และกตอนเหนือของเขื่อนแม่กวง ]
    ช่วงนี้เผ่นดินไหวที่เชียงใหม่บ่อยขึ้นคงใกล้แล้วหละ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  7. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    ข้อความดั้งเดิมโดยพระคุณลุงคนเชียงใหม่
    ประเทศไทยหลังสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
    ได้มีการสร้างพระสยามเทวาธิราช
    เพื่อเป็นเทพประจำเมือง มีพลังบารมีแผ่ไปทุกสารทิศ
    อันนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองของ รัตนโกสินทร์
    วันนี้ปรากฏการณ์บ้านเมืองมากมาย
    พลังของเทพสยามเทวาธิราช มีพลังไม่พอที่จะ
    ปกป้องภัยต่างๆที่เกิดจากความเสื่อมศีลธรรมของคนในประเทศนี้ได้
    เพราะพลังของเทพปกป้องเมือง ส่วนสำคัญเกิดจาก
    พลังของผู้มีศีลธรรม กระแสพลังแห่งความดี
    วันนี้กระแสนี้ลดลง ทำให้พลังของเทพประจำเมืองลดลง
    จตุคามรามเทพที่เป็นเทพประจำเมือง
    นครศรีธรรมราช ที่ตั้งมาก่อนกรุงศรีอยุธยา
    ที่ถูกทำลายล้างไปอย่างสมบูรณ์ในสมัยกรุงธนบุรี
    แต่เมืองที่ถูกสถาปนามาโดยเชิญองค์เทพจตุคามรามเทพ
    มาเป็นเทพประจำเมืองยังไม่ได้ถูกยกเลิก
    ในช่วงนั้นพลังขององค์เทพจะลดลง
    ต่อมาในสมัยรัตนโกสินทร์เพื่อสร้างพลังด้านบวกแก่เมืองได้ทำพิธี
    อัญเชิญพระสยามเทวาธิราชมาสถิตย์ประจำเมือง
    โดยไม่ได้สนใจทำพิธีอัญเชิญเทพต่างๆมาร่วมกันเป็นจตุรเทพ
    แบบจตุคามรามเทพ
    วันนี้ เทพประจำเมืองพระสยามเทวาธิราช ลดกำลังลง
    ทำให้พลังของจตุคามรามเทพที่เคยถูกกดทับไว้
    ได้แสดงฤทธิ์ออกมาให้กับคนที่นับถือ
    เพื่อเข้ามาเป็นพลังหนุนแก่พลังของจตุคามฯอีกนัยหนึ่ง
    วันนี้น่าเป็นห่วงชะตากรรมของบ้านเมือง ประเทศเรา
    หลายท่านคงจำได้ที่เคยมีการพยากรณ์กันว่าราชวงค์จักรีจะถึง 10 พระองค์
    ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
    ในยามที่กรุงศรีแตกคราวใด
    เมืองต่างๆที่เป็นขบถ หรือแข็งเมืองสังเกตุดูส่วนมากจะเป็นเมืองเก่า
    ที่มีเทพประจำเมืองทั้งนั้น
    เช่นกรุงแตกครั้งที่ 2 มี นครศรีธรรมราช พิษณุโลก พิมาย และฯลฯรวมเจ็ดก๊ก
    วันนี้ เทพประจำนครศรีธรรมราชเริ่มแสดงพลังออกมาใน ฤทธาขององค์จตุคามรามเทพ
    วิกฤติการทางภาคใต้ ที่ไม่มีวี่แววว่าจะจบอย่างไร
    วิญญานของเจ้าผู้ครองเมืองทางใต้ที่ถูกประหารล้างโคตรในสมัยนั้น หลายร้อยชีวิต
    และมีการกล่าวคำอาฆาตไว้ จะย้อนกลับมาอย่างไร
    หรือปรากฏการณ์จตุคามรามเทพ จะเป็นตัวบอกหรือสัญญานที่ประเทศไทยจะเกิดวิกฤติการณ์
    ครั้งใหญ่ ดวงเมืองที่อ่อนล้า องค์พระสยามเทวาธิราชฤทธิอ่อนล้าลง
    สิ่งที่จะเกิดเหมือน คราวเสียกรุงหรือไม่
    สิ่งที่จะช่วยกันได้ก็คือ เทพประจำเมืองจะมีพลัง
    ก็ต่อเมือ คนในเมืองมีพลังกระแสแห่งความดีมีศิลธรรม
    รวมทั้งการแผ่พลังไปยังเทพประจำเมือง
    ของทุกคนได้ร่วมกัน
    1.ทำสมาธิแผ่อุทิศพลังผลบุญที่ได้กระทำไปยังเทพประจำเมือง
    2.ให้อโหสิกรรมแก่กันและกันในสิ่งที่ผ่านมาเพราะพลังแห่ความอาฆาตแค้นกัน
    จะส่งผลต่ออสูรต่างๆที่อยู่ในเมืองมีพลังมากขึ้น อันจะสร้างความอ่อนล้าแก่เทพประจำเมือง
    ซ้ำเติมไปอีก
    3.ตั้งใจประกอบกรรมดี และชักชวนผู้คนในเมืองให้มากขึ้นร่วมกระทำความดี
    (รวมทั้งหยุดเติมพลังให้กับเทพองค์อื่นๆเช่นเทพจตุคามเป็นต้น)
    ขอบ้านเมืองได้สงบสุข
    เพราะมีวิกฤติที่เราต้องพบมากมาย
    หลังจากสงกรานต์เป็นต้นไป
    หลานคุณลุงฯ
    เรื่อง เดิมที่เคยโพสส์ไว้เมื่อนานมาแล้ว
    ตั้งแต่ในช่วงที่มีกระแส จตุคามรามเทพเต็มบ้านเต็มเมือง
    วันนี้เรื่องราวก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
    พระอาจารย์ที่ถ้ำตุ๊ปู่ บอกให้ฟังถึง
    ดวงวิญญานของคนที่ขัดแย้งกันคือดวงวิญญานที่เคยพยาบาลอาฆาตแค้นกันมาแต่
    ก่อนตั้งกรุงสุโขทัยด้วยซ้ำ
    ในยามที่ฝ่ายหนึ่งอ่อนแอกว่าก็จะหลบลี้หนีหน้า
    แต่พอมีพลังขึ้นมาก็จะรบกันอย่างนี้
    ซึ่งช่วงนี้ต่างฝ่ายต่างมีกำลังพอๆกัน
    เหตุการ์จะดำเนินไปอย่างนี้
    จนกว่าจะเกิดการอโหสิกรรม ซึ่ง จะเป็นในช่วงของการเข้าสู่
    ยุคของจักรพรรดิราช
    (ซึ่งจะมีคนกลางที่มีบารมีมากพอเข้ามาไกล่เกลี่ยจนจิตอาฆาตพยาบาททั้งสองฝ่าย
    เมื่อเกิดการอภัย หรืออโหสิกรรมของกลุ่มดวงจิตทั้งสองฝ่ายแล้ว
    บ้านเมืองของเราจะเจริญอย่างยิ่งศาสนาจะได้รับการทำนุบำรุงให้กลับเจริญเฟื่องฟูขึ้นมาอีกครั้งจน
    ทอดยาวไปถึงองค์พระอริยเมตไตร)
    ทางออกตอนนี้ที่พอจะเสนอให้บรรเทาได้
    1.ทำบุญด้วยการถือ ทาน ศีล สมาธิ และอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาไปยังเทพประจำเมืองของ
    ประเทศไทยคือ พระสยามเทวาธิราช และปฏิบัติอันถึงซึ่งอภัยทานด้วยจิต
    ต่อดวงจิตและบุคคลที่มีเวรต่อกัน จนเป็นอโหสิกรรมบริสุทธิ์ อย่างต่อเนื่องและทุกผู้ ทุกคน
    2.ลดการทำชั่ว คิดชั่ว ที่จะเป็นพลังในกระแสลบที่จะทำให้หมู่(จิต)มารมีพลังจนเกิดการทำลายล้างกัน
    3.ใช้หลักกาลมสูตร ในการฟังคิด อ่านเขียน สิ่งที่น้อมนำเข้ามาสู่จิตตนเอง
    ชักพาผู้คนเข้าสู่กระแสแห่งธรรม
    4.เร่งปฏิบัติตนเองให้ก้าวสู่อริยบุคคล เพื่อเพิ่มพลังฝ่ายดีแก่ผืนดินพุทธภูมิแห่งนี้
    ขอทุกท่านที่ร่วมอนุโมทนา ช่วยทำบุญต่อด้วยการกระจาย
    ทางบรรเทาภัยของบ้านเรา ออกไปเป้นธรรมทานด้วยเถิด
    ขอบารมีแห่ง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โปรดปกปักรักษา
    ทุกท่านให้อยู่ในกระแสแงธรรมด้วยเถิด
    หลานพระคุณลุงเชียงใหม่
    23/09/2551
    ปล.พระคุณลุงยังจำพรรษาอยู่ที่จีนตอนใต้คาดว่าหลังออกพรรษาจะกลับมาที่
    ตอนเหนือของ จังหวัดแม่ฮ่องสอนครับ
    กระแสดำมืดกดดันประเทศไทย
    แสงเหนือไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความกระจ่างชัด
    ในมิติแห่งจิต หันกลับไปมอง ในทิศที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร
    กลับเห็นภาพที่เศร้าหมอง
    กลุ่มอมุษย์ จำนวนมากหลั่งไหลกันไปยังแดนที่เศร้าหมองนั้น
    เหมือนมีแรงดึงดูด ให้เคลื่อนเข้าไป
    แต่ในจุดกลางของความเศร้ามึดหมองนั้น
    ก็ยังมีแสงสว่างขาวใสที่เป็นจุดขาวสุกสกาว
    แม้จะดวงเล็กๆเมื่อเทียบกับการขนาดการเคลื่อนเข้าไปของกลุ่มอมนุษย์
    ผมคงช่าวยอะไรไม่ได้มากนักเพราะภูมิจิตของผม แม้จะเอ่ยปากในโลกของจิต
    ยังไม่ได้มากนักเลย
    ขอบุญบารมีของ พระพุทธ พระธรรม พระอริยะสงฆ์
    โปรดเมตตาคุ้มครองประเทศเราที่ประเทศไทย
    ที่จะต้องอยู่เป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธให้ยืนยาวต่อไป
    โดย คุณวิกรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  8. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    รัชกาลที่ ๑๐ นี่ชาววิไล ถึงเวลาสบายซะที เพราะรัชกาลที่ ๙ วางพื้นฐานเอาไว้ดีแล้ว พอรัชกาลที่ ๑๑ ก็ ไทยมหารัฐ เริ่มมีอำนาจขึ้นมารอบข้างเราต้องพึ่งพา พอรัชกาลที่ ๑๒ จักรพรรดิราช ถึงเวลาประเทศอื่นๆ เขาปกครองด้วยระบบพระมหากษัตริย์ก็ต้องลอกเลียนแบบของเราไป ก็เท่ากับว่ามาจากของเรานั่นเอง ว่าไปเรื่อยเดี๋ยวครบ ๑๕๐ รัชกาลแล้วจะยุ่ง
    ตอบ : บอกว่าอยู่เป็นพันปี ตอนนี้เพิ่ง ๒๒๐ ปี เมื่อวานมีใครไป วัดพระแก้ว มั่งมั้ย ประสาทพระเทพบิดร เปิด พระบรมรูปทั้ง ๘ รัชกาลก็อยุ่ที่นั่น พระบรมอัฐิก็อยู่ที่นั่น ถ้ามีโอกาสก็ไปกราบไหว้ให้เป็นสิริมงคลแก่ตัวบ้าง พวกเรานานๆ ไปนี่จิตสำนึกเกี่ยวกับชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์มันจางลงๆ ต้องไปดูจะได้รู้ว่าบรรพบุรุษของเราน่ะทำมาอย่างไร ? ปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ? ประเทศชาติบ้านเมืองทุกตารางนิ้วสละเลือดทาแผ่นดินเอาไว้เขาว่าอะไร ..ดาบไทยหลายแสนเล่มตกอยู่เต็มปฐพี
    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนเมษายน ๒๕๔๕
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  9. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    ป็นแผนที่ ที่ผมได้รับจาก
    พระคุณลุงหลายปีแล้วครับ
    เก็บไว้เพื่อวางแผนสำหรับกลุ่มในการเตรียมการมาตลอด
    ซึ่งตอนนี้ทางกลุ่มหมู่บ้านพุทธบุตรได้เตรียมพร้อม
    สำหรับเผชิญหน้ากับภัยพิบัติตามที่มีการทำนายไว้
    สำหรับนำไปวางแผนสำหรับกำหนด
    ปลอดภัยในยามเกิดภัยพิบัติ
    วิกรม หลานพระคุณลุง
    วงที่ 1
    สามจุดที่กำหนดคือ
    ด้านบนคือ พระธาตุดอยตุง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย(เชียงที่1)
    ฐานด้านซ้ายคือ พระธาตุดอยสุเทพ อำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่(เชียงที่2)
    ซานด้านขวาคือ พระธาตุลำปางหลวง อำเภอเกาะคาจังหวัดลำปางที่จะครอบลำพูนบางส่วนไปด้วย (สองลำ)
    ส่วนเชียงที่ 3 นั้นมีข้อขัดแย้งกันระหว่างเชียงตุง กับเชียงทอง(ตอนนี้จมไปแล้วเนื่องจากอยู่ใต้น้ำหน้าเขื่อนภูมิพล)
    วงที่สองคือ
    บนเป็นพระธาตุหริกุญชัย อำเภอเมืองจังหวัดลำพูน
    ฐานด้านซ้ายคือ พระธาตุศรีจอมทอง อำเภอจอมทองจังหวัดลำพูน
    ฐานด้านขวคือ พระธาตุลำปางหลวง อำเภอเกาะคาจังหวัดลำปาง
    และเมื่อนำไปประกบกับพื้นที่ ที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้ขีดไว้ให้ในพื้นที่อำเภอลี้
    ก็จะเกิดเป็น 4 เหลี่ยมคลุมในพื้นที่ลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ และเชียงทองคือตอนใต้ของอำเภอดอยเต่า
    วงเล็กๆอีกมากมายครับผมจะทะยอยเอามาเป็นพื้นที่ปลอดภัยที่กำหนดขึ้น
    แต่อีกวงที่น่าสนใจคือครอบคุลหมู่บ้านพุทธบุตร
    และหมู่บ้านของชาวญี่ปุ่นที่มาเตรียมการก่อน
    หลายปีแล้วก็คือ พื้นที่
    จุดบนเป็น พระบาทสี่รอย
    ฐานซ้ายเป็นพระธาตุห้วยส้มสุก
    ฐานขวาเป็น วัดป่าดาราภิรมณ์ที่มีพระบรมสารีริกธาตุพระเขี้ยวแก้วบรรจุอยู่
    สังเกตุใหมครับว่าพื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกมาร์คด้วย
    เป็นพื้นที่ที่อยู่ระหว่างกลางของพระธาตุต่างๆที่
    ถูกวางไว้เป็นจุดๆ
    ข้อมูลที่ผมได้รับก็คือ
    1.ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ แต่จะน้อยกว่าพื้นที่อื่น
    2.ปลอดภัยจากการอสูรภูติ สัตว์นรก อมนุษย์ต่างๆ
    ที่เกิดจากการเคลื่อนของมิติช่วงการเปลี่ยนแปลง
    3.ผู้คนในพื้นที่นี้มีเจ้ากรรมนายเวรที่จะมาเบียดเบียน
    น้อยกว่าพื้รนที่อื่นๆ ทำให้ได้รับผลกระทบจากกรรม
    ที่มาเบียดเบียนในรูปแบบต่างๆน้อยกว่า
    ผมกำลังรวบรวม พื้นที่ที่ครูบาอาจารย์ได้ เมตตากำหนดเป็นพื้นที่
    ปลอดภัยไว้ โดยพระคุณลุงได้รวบรวมไว้สมัยยังไม่ได้บวช ผมจะพยายามหาพิกัด
    เพราะส่วนใหญจะเป็นพื้นที่ๆเกี่ยวข้องกับวัดที่มีพระบรมสารีริกธาตุ
    เป็นแลนด์มาร์ค ซึ่งบางวัดผมไม่เคยไป ถ้าไม่มีข้อมูลในอินเตอร์เนต
    ก็ไม่สามารถกำหนดจุดผ่านแผนที่ใน google map ได้
    จะพยายามหาข้อมูลให้เร็วที่สุดครับ
    กำหนดพื้นที่ๆอีสานนะครับ
    สามเหลี่ยมที่ 1คือ
    จุดบนเป็น พระธาตเรณู อ.เรณนคร
    ฐานด้านขวาคือ พระธาตพนม อ. ธาตุพนม
    ฐานด้านซ้ายคือ พระธาตศรีคูณ อ. นาแก
    เป็นพื้นที่ครูบาอาจรย์กำหนดไว้ สำหรับเป็นพื้นที่ปลอดภัย
    นอกจากจุดที่ตั้งเจดีย์เป็นพื้นที่โซนแล้ว
    ยังมีจุดที่กำหนดไว้เพื่อเป็นแหล่งสัญลักษณ์
    ของการเสด็จของพระพุทธองค์ เช่น
    พระพุทธบาทสี่รอยที่เชียงใหม่
    พระพุทธบาทสระบุรี
    ในส่วนภาคใต้ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
    จังหวัดนครศรีธรรมราช
    ทำไมพื้นที่สองลำสามเชียงเป็นพื้นที่ในตำนาน
    และมีความสัปปายะเหมาะสมอย่างไร
    แต่เมื่องมองย้อนกลับไปดูข้อมูลเกี่ยวกับพระอรหันต์ในบ้านเรา
    หลายคนคงแปลกใจนะครับว่าทำไมพระอรหันต์ในยุคของเรา
    เช่น พระอาจารย์มั่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ชอบ หลวงปู่สิม
    ล้วนแต่มาบรรลุธรรมที่จังหวัดเชียงใหม่
    หรือแม้แต่พระโพธิสัตว์ อย่างครูบาเจ้าศรีวิชัย
    ก็มาสร้างบารมีในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
    ทั้งๆที่ท่านเป็นพระที่พื้นเพอยู่ที่วัดบ้านปาง
    อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน
    ท่านที่มีบารมีธรรมที่สามารถแยกกายจิตได้แล้วนั้น
    จะเห็นความแตกต่างในการมาบำเบ็ญบารมีในเขต
    พื้นที่ที่ได้กำหนดกล่าวไว้ในตำนาน ครับ
    ขอบุญบารมีของ พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์
    ได้โปรดเมตตา คุ้มครองให้ทุกท่าน ด้วยเทอญ
    ทำไมพื้นที่นี้จึงต้องดำรงอยู่ไม่ถูกทำลายมากนักในยามเกิดภัยพิบัติ
    หลายคนคงทราบเกี่ยวกับตำนานพระพุทธบาทสี่รอย
    คือมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าทั้งสี่พระองค์ที่ล่วงมาแล้ว
    ในภัทรกัป นี้คือ
    ๑. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากกุสันโธ
    ซึ่งเป็นรอยแรก เป็นรอยใหญ่ยาว ๑๒ ศอก
    ๒. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโกนาคมโน
    ซึ่งเป็นรอยที่ ๒ ยาว ๙ ศอก
    ๓. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้ากัสสโป
    ซึ่งเป็นรอยที่ ๓ ยาว ๗ ศอก
    ๔. รอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าโคตโม (องค์ปัจจุบัน)
    ซึ่งเป็นรอยที่ ๔ ยาว ๔ ศอก
    และมีพุทธพจน์ขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า
    ที่ตรัสแก่พระอานนท์และได้บันทึกไว้
    เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสแก่สาวกทั้งหลายเสร็จแล้ว
    พระองค์ก็เสด็จประทับพระบาทซ้อนรอยพระบาท
    ของพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ พระองค์ แล้วก็ทรงอธิษฐานว่า
    ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว
    เทวดาทั้งหลายก็จักนำเอาพระธาตุของกูตถาคต
    มาบรรจุไว้ที่รอยพระพุทธบาทนี้
    ในเมื่อกูตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒,๐๐๐ ปี
    พระพุทธบาทสี่รอยนี้ ก็จักปรากฏแก่ปวงมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย
    เพื่อมนุษย์และเทวดาทั้งหลายจักได้มากราบไหว้และสักการะบูชา
    เมื่อทรงอธิษฐานและทำนายไว้ดังนี้แล้ว
    จึงมีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า ๔ พระองค์
    จึงกำเนิดเป็นพระพุทธบาทสี่รอย
    เมื่อพระพุทธองค์ทรงประทับรอยพระพุทธบาทแล้ว
    ก็เสด็จไปเขตวันอาราม อันมีในเมืองสาวัตถีนั้นแล
    เมื่อพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว
    เทวดาทั้งหลายก็นำเอาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์
    มาบรรจุไว้ที่พระพุทธบาทสี่รอย
    หมายถึงเป็นแลนด์มาร์ค ที่พระพุทธเจ้าุกพระองค์ในมหากัปต์นี้ได้
    กำหนดอธิฐานไว้ว่าจะต้องคงอยู่จนกว่าจะถึงยุคพระศรีอริยเมตไตย์
    เพื่อจะเสด็จมาโปรดเปรตหิน ที่เป็นแท่นที่หินประทับรอยพระบาทให้พ้นจาก
    การเป็นเปรตหินและบำเพ็ญเพียรจน สามารถบรรลุธรรมเป็น
    พระปัจเจกพุทธเจ้า
    ดังนั้น จึงเป็นเหตุหนึ่ง ที่สถานที่ในเขตโซนนี้จึงต้องคงสภาพ
    พื้นที่นี้ไปจวบจน ถึงซึ่งยุคพระศรีอริยเมตไตย์
    ซึ่งในส่วนของพระพุทธบาทอื่นๆนั้นไม่มีพุทธพจน์
    ทำนายไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  10. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    กรุงเทพมีประมาณ หกล้านแปดแสนกว่าๆ ตามทะเบียนราษฎร
    ภาคกลางไม่รวมกรุงเทพมี ประมาณ 16 ล้าน
    ภาคใต้ ประมาณ 9.3ล้าน
    ภาคอีสาน 22.8ล้าน
    ภาคเหนือ 12.1ล้าน
    เมื่อนำมาเทียบสัดส่วนกับคนที่ถูกพยากรณ์ว่าจะรอดในพื้นที่ต่างๆแล้วชักใจแป๊วเหมือนกัน
    แม้จะเตรียมการณ์ล่วงหน้ามานานเพียงใดเหตุแห่งกรรม ก็จะชักนำให้ไปพบกับชะตากรรมนั้นอยู่ดี
    เตรียมทุกอย่างดีเพื่อว่า เราอาจเป็นผู้ถูกเลือกให้รอด(จากภัยพิบัติ) เพื่อช่วยคนอื่นหรือรอดเพื่อรับกรรมอื่นต่อหรือเราไม่รอด แต่เป็นการเตรียมให้กับคนที่มีหน้าที่ที่ต้องอยู่รอดเพื่อเขาจะได้อยู่รอดโดยไม่เหนื่อยยากมากเท่านั้นเอง
    หลายๆคนที่มีนิมิตล่วงหน้าเค้าจึงแค่มาเตือนให้รู้ว่าเกิดแน่ๆแต่ไม่รู้ว่าจะเกิดวันใดชัดเจน เพราะเป็นกรรมส่วนบุคคลเขามาเตือนเพื่อให้เราเตรียมจิตในการพร้อมที่จะอยู่หรือพร้อมจะไป
    สำคัญว่าเรามีสติพร้อมหรือไม่?
    พร้อมจะสูญเสีย พร้อมจะปล่อยวางแล้วหรือยัง เมื่อทรัพย์ที่หามาด้วยความเหนื่อยยากต้องมลายไปในพริบตา
    หากจิตยึดมั่นหวงแหนมากก็ทุกข์มากจิตยึดมั่นน้อยก็ทุกข์น้อย
    (ในวัตถุ สิ่งของ หรือบุคคลอันที่เป็นที่รักและหวงแหน)
    วัดความพร้อมของจิตเราได้จากอาการร้อนรนทุรนทุรายของจิต เมื่อกำลังอยู่ในภาวะจะสูญเสียกำลังสูญเสียและเมื่อได้สูญเสียไปแล้ว
    แต่เรื่องนี้ต้องขอบคุณผู้ที่มาเตือนทุกๆคนมากเลยค่ะ...เพราะทำให้ได้สำรวจจิตตนจริงๆจังๆเสียที ว่ามีความพร้อมอยู่ระดับใด
    ผมทราบข่าวจากเพื่อนนักท่องเที่ยวเรื่องหมู่บ้านญี่ปุ่น
    ที่กลุ่มเพื่อนเดินป่ากันและ Advanture โดยจักรยานเสือภูเขา
    ในย่านนั้น(ตามแผนที่)โดยไปเจอชาวญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่ ที่กำลังออกกำลังกายกัน
    จึงคิดว่าน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการไป ค้นหาหมู่บ้านพุทธบุตร
    ของคุณวิกรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  11. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    นิมิตเรื่องกรุงเทพ เห็นปลายของพระธาตุวัดอรุณฯ
    ของพระคุณลุง อยู่กลางน้ำเห็นเพียงสวนยอดคงไม่ไกลต่อไปอีกแล้ว
    ผมได้รับปากเรื่องการแสวงหาสถานที่ปลอดภัย
    สำหรับใช้ชีวิตในช่วงวิกฤติ นั้นผมเสนอบางส่วนที่ผมเพิ่งไปสัมผัสมา
    ที่อำเภอลี้จังหวัดลำพูนมีส่วนหนึ่งเรียกว่า "ก๊อ"
    เป็นพื้นที่กึ่งอุทยานและประชาชนอยู่ร่วมกัน
    มีความพร้อมให้เหมาะสำหรับเป็นสถานที่หลบภัยครับ
    สถานที่ดี ผู้คนดี มีอาหารค่อนข้างบริบูรณ์ผู้คน
    เมื่อท่านไปลองเพ่งจิตดูจะพบบว่า
    เป็นคนที่มี จิตในด้านมืดค่อนข้างน้อย
    มีสัมปรวิญญาน ที่ดี ที่อธิฐานจะไปเกิดใยยุคที่ครูบาศรีวิชัย
    เป็นพระพุททธเจ้า ที่ต้องการอนุโมทนาบุญมากมายครับ
    ใครที่ไม่เคยไปเที่ยวบริเวณนั้นในช่วงหยุดหลายวัน
    เดือนธันวาคม หรือช่วงหยุดปลายปี
    ผมเสนอให้ท่าน ที่ยังไม่มีที่ไปในกรณี
    ท่านจำเป็นต้องมีชีวิตรอด หลังเกิดเหตุการณ์
    ที่ครั้งนี้แม้จะเป็นครั้งมี่เตือนเท่านนั้นแต่ก็แรงพอ
    ที่จะทำให้คนที่เคยปฏิบัติสั่งสมบุณมา
    มีจิตละกิเลศความโลภ เพื่อตั้งใจแสวงในทางธรรมมากขึ้น
    ฝากมาสำหรับ ผู้ที่ยึดมั่นปฏิบัติในทางธรรมครับ
    และขออนุโมทนาบุญด้วยครับ
    หลานคุณลุง คนเขียงใหม่ ครับ
    ขอให้ทุกท่านจงจำไว้
    อย่าไปมองดูความเลวของคนอื่น
    มองดูความเลวของตน
    ไม่ต้องไปปรับปรุงบุคคลอื่น
    ปรับปรุงเราเองให้มันดีที่สุด
    ด้วยบุญกุศลที่ข้าพระพุทธเจ้า ได้ตั้งใจกระทำบำเพ็ญไว้แล้วด้วยดี ขอจงมาเป็นเครื่องกำกับ รักษากาย วาจา ใจ อีกทั้งธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้ ของข้าพระพุทธเจ้า มิให้กระทำบาปอกุศล ทุกชนิด ด้วยกาย วาจา ใจ และขอให้บุญกุศลทั้งหลายเหล่านี้จงมาเป็นเครื่องหนุนนำให้ข้าพระพุทธเจ้า ได้สร้างสมแต่บุญกุศลโดยถ่ายเดียว นับแต่ปัจจุบันกาลนี้และตลอดไปทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งเข้าสู่พระนิพพาน ถึงที่สุดแห่งธรรม จงทุกประการเทอญ
    ได้ข่าวตอนนั้นหลวงลุงยังอยู่ที่บริเวณพม่าตอนบนเขตติดต่อกับจีนตอนล่าง
    ผมไปกราบ นมัสการ หลวงลุงและพระอาจารย์โสณะ อุปปัชชาย์ ของหลวงลุง
    ยังไม่มีโปรแกรมกลับมาบ้านเรา ที่นั่นสัปปญะมากครับ
    มีพระ นักบวช จากธิเบต เนปาล และจากพม่าหลายรูปจำวัดอยู่ใน
    บริเวณภูผาถ้ำ บริเวณที่คนแถวนั้นเรียกว่าเวียงกุน
    แล้วสองครั้ง ที่นั่นเป็นดินแดนที่ใกล้รอยต่อของดินแดนภพภูมิต่างๆ
    อีกจุดหนึ่ง คนที่ฝึกปฏิบัติวิปัสสนาสมาธิ ก็คงไม่ยากที่จะสัมผัสดินแดนนี้เพียง
    แต่จะเข้าจากดินแดนในส่วนใหนของท้าวทั้งสี่ครับ
    ใครที่สามารถแยกร่างจิตได้ ถ้าอยาไปกราบพระอาจารย์โสณะและ
    หลวงลุงคนเชียงใหม่ด้ครับ โดยหลังจากแยกจิตแล้ว
    ให้กำหนดจิตไปทางทิศเหนือ อธิฐาน
    ถึงพระอาจารย์ โสณะ จะเห็นกลุ่มแสงสีขาว
    (รูปดอกอะไรไม่ชัด แต่รู้ว่าเป็นรูป 6 เหลี่ยม)
    ปกติช่วงประมาณ 6โมงถึงสองทุ่ม
    (เวลาบ้านเรา) พระอาจารย์จะแสดงธรรมทุกวัน มีเทพ ครุฑ นาค
    มาฟังธรรมทุกวันครับ
    ขอให้เร่งปฏิบัติธรรมกันนะครับ
    สิ่งที่หลายคนประมาทว่าจะไม่เกิดแล้วนั้น
    เหตุที่ยังเลื่อนออกไปเพราะเมตตาของ
    พระอริยบุคคลจำนวนมาหลายองค์ที่กลับมาจากธุดงค์ในเขต
    รอยต่อภพภูมิ เพื่อปฏิบัติธรรมและโปรดสัตว์นรกนั้น
    ได้แผ่เมตตาให้สิ่งเหล่านั้นได้บรรเทา ชลอลง
    แต่ไม่สามารถลดการเคลื่อนของการเปลี่ยนแปลง
    ขออนุโมทนาจิตกัท่านที่กำลังฝึกปฏิบัติ ทุกท่านครับ
    ข้อความข้างล่างมีคนนิมิตรเห็นเพราะการเก็บกวาดครั้งนี้มันขึ้นอยู่กับบุญของพวกเขาแต่ละคนจริงๆ ทุกอย่างรู้ได้เฉพาะตนจริงๆ งานนี้สถานที่ที่คิดว่าปลอดภัยอาจจะไม่ใช่สำหรับทุกคนเสียแล้ว รู้แล้วแต่ไปไม่ถึงเกิดเหตุก่อนถึง หรือถึงอยู่ได้แต่ไม่รู้ว่าอยู่ได้กันกี่วัน เพราะเรื่องที่จะเกิดครั้งนี้ในนิมิตที่หนูเห็นกับตาตัวเองนั้นร้ายแรงมาก มีไม่กี่คนที่จะรอดได้ ขอบคุณค่ะขอให้เร่งสร้างบุญกันให้มาก นั่งสมาธิกันพร้อมทั้งฝึกเตรียมสมาธิ เตรียมตัวยามเกิดภัยเถิด
    ในการเตรียมตัว ขออนุญาตให้ข้อมูลเพิ่มเติม
    เป็นพื้นที่ที่ผมต้องผ่านเข้ากราบคุณปู่จั๋น เพื่อศึกษาทางจิตเพิ่มเติม
    จึงได้รับคำแนะนำจากปู่จั๋น ถึงพื้นที่ปลอดภัย จึงไปสำรวจ ในพื้นที่ จังหวัดลำพูน
    เขตอำเภอลี้ พื้นที่ๆพวกเราทราบกันว่าเป็นบ้านเกิดของครูบาศรีวิชัย วัดบ้านปาง
    วัดพระบาทห้วยต้ม คนที่ไม่เคยเข้าไปเมื่อไปถึงจะแปลกใจ เพราะว่า
    ในบริเวณนั้นมี หลายหมู่บ้าน และบางตำบล
    ที่เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยง จะทานเจกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
    และที่ต้องติดตามคือ มีการอธิฐานจิตสำหรับคนเฒ่าคนแก่
    ที่ตายอย่างมีสติ จะขอตามไปเกิดเป็นศิษย์ของครูบาศรีวิชัย
    ในยามที่สำเร็จตรัสรู้เป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ครูบาท่านอธิฐานจิตไว้
    ชาวบ้านที่นั่นยังนับถือครูบาขาวปี หลวงครูบาวงศา ลูกศิษย์ครูบาศรีวิชัย
    และชาวบ้านจากที่นี่เองครับที่ไปเป็นกำลังแรงงานที่สำคัญ
    ในการขุดถนนขึ้นวัดพระธาตุดอยสุเทพครับ
    ใครที่ฝึกปฏิบัติสมาธิ ถ้าเข้าไปในพื้นที่ที่ผมแนะนำ
    โดยเฉพาะตำบลก้อจุดใหนก็ได้ครับ จะพบถึงความสัปปายะ
    ผมไปตั้งเต๊น ไปกราบอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย
    ครูบาวงศา ครูบาขาวปี และถือโอกาสปฏิบัติธรรม
    ที่บริเวณใกล้เคียงกับน้ำตกก๊อหลวง
    ทุ่งกิ๊ก และบริเวณติดกับน้ำปิง ตอนบนของเขื่อนภูมิพล
    รวม 7 วัน
    บริเวณนี้ จะปลอดภัยแน่นอนครับ
    เพราะครูบาศรีวิชัย ได้ตั้งจิตเป็นพระพุทธเจ้า
    จึงยังพระโพธิสัตว์เวียนว่ายอยู่ในสัมปรภพ ยังแผ่พระบารมี
    ยังปกแผ่มายังพื้นที่ๆ คนอธิฐานจิตไปเกิดเป้นพระสาวก
    ของพระองค์ให้พ้นภัย ไม่ถึงกับสิ้นสูญ และบุญของคน
    ในบริเวณนี้ที่ส่วนใหญ่ยังทานเจมาชั่วหลายอายุคน
    จะปกปักรัษาให้พ้นภัย ในพื้นที่เองขณะนี้การเป็นอยู่ส่วน
    ใหญ่ยังคงมีความเป็นชนบทที่บริสุทธิ อาหารในพื้นที่ยังอุดมสมบูรณ์และ
    มีมากพอ หลายครอบครัวที่ผมไปพูดคุยด้วย จำนวนมากที่ไปตลาดเดือนละครั้งเท่านั้นเอง
    เพื่อซื้อของที่จำเป็นจริงๆ ครับ
    และจิตที่ผมสัมผัสได้ในสมาธิ ถึงภยันตรายที่นี่จะน้อยมาก
    เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาเตรียมตัวน้อย แต่ต้องการแสวงหาพื้นที่ปลอดภัยในยามบ่ายหน้าขึ้นเหนือ ในยามเกิดภัยพิบัติ มาให้พ้นกับภัยจากภูเขามายังพื้นที่นี้จะปลอดภัยครับ
    ช่วงนี้ที่ ต้องทำคือการปฏิบัติความดี และแผ่บุญถึงเจ้ากรรมนายเวร ให้เป็นอโสิกรรม
    ไม่เข้ามาเป็นกรรมที่จะมาเบียดเบียนให้ต้องตกตายก่อนถึงพื้นที่ปลอดภัยครับ
    อย่าละเลยและปฏิบัติธรรม ทำความดี ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  12. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    ตอนนี้ควรคิดเอาไว้ว่าจะฝังสิ่งไดเอาไว้ในดินนะแล้ว--ทำเครื่องหมายจำให้ดี..ที่ควรมีที่สุดคือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแบบฆ่าได้หลายสายพันธ์หน่อยถามเภสัชเอาไม่แพงหรอก และยาแก้ปวด....พื้นฐานที่สุดแล้ว..ใส่ภาชนะที่ปิดมิดชิด.ใส่ถุงดูดความชื้นผสมเข้าไป
    เช่นของผมจะมี..ยาดีคอลเจน สัก 50 แผง ทะยอยซื้อ providien..20 ขวดใส่แผลหาย คาดว่าคงมีคนเป็นแผลเยอะแน่ๆ....และ amoxy 100 mg หรือยาฆ่าเชื้อนั่นแหละ แบบแคบซูล เม็ดก็ดี ประมาณ 1000 เม็ด ด่างทับทิม เอาไว้แช่ผักผลไม้ก่อนกิน เสื้อกันหนาว-กางเกงขายาว รองเท้าเซฟตี้ ถุงมือ ถุงเท้า แว่นกันลม เวลาเดินทางไกลๆ หมวกไหมพรม ไฟแชค ส่วนอาหาร นั้น ผักผลไม้มีอยู่ทั่วไปสบายมาก แม้ไบไม้ สองสามกัมมือ ก็อยู่ได้ ถ้าเราอยู่ในสภาวะสมาธิ หรือจำศีลนั่นเอง มีดแรมโบ้ จอบ เอาด้ามออกก่อนนะ ด้ามค่อยตัดเอาทีหลัง หม้อต้มสักใบ ผ้าห่มหนาหน่อยนะ อณาคตหิมะจะตกซะด้วย..เรื่องจิงนะ มุ้ง--สำคัญมาก ถ้าไม่อยากติดโรคระบาดละก้ออย่ามองข้าม..ที่สำคัญพระพุทธรูป 1องค์ ไว้บูชาทุกคืนจะมีกำลังใจ ทั้งหมดใส่ถังพลาสติกไบใหญ่ ..เท่านี้ก็อยู่ได้แล้ว..จะให้ดีจากนี้ไปฝังปีละ 1 ถัง รอบๆบ้านท่าน...ขุดลึกๆนะ หมาจะเขี่ยะเอา เหอๆๆๆ..อ้อถ้าตังเยอะก็ หน้ากากกันก๊าชพิษด้วยยิ่งดี...โชคดีแมน และท้ายสุด คาถา ถึงเจ้ากรรมนายเวร สดๆร้อนจากใจ เหอๆๆๆ
    โอ้อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    ถึงเวลา พิพากษา มาแล้วหนอ
    แม้นตัวเรา จักบ่มี บารมีพอ
    ก็ไม่ขอ หลงไหล ไม่ระวัง
    หากว่าเรา ผิดพลั้ง เมื่อครั้งเก่า
    ไฉนเจ้า จึงได้เฝ้า จะจองผลาญ
    เหตุเกิดทุกข์ บ่มิสิ้น อนันต์กาล
    จะล้างผลาญกันทำไม ใคร่ครวญดู
    แม่น้ำปิงจะหายกลายเป็นสันดอย(ภูเขา) บ้านคนจะมีควันลอยคลุมไปหมด(น่าจะควันจากไฟใหม้)
    คนวัยหนุ่มสาวจะมืออาวุธอกมาเข่นฆ่ากัน นานนับร้อยวันที่ที่แม้แต่บาตรที่เล็กที่สุดของพระก็ไม่เคยได้เข้าเต็มบาตร คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า(รับไม่ได้กับความตาย)ป่าช้าจะไม่มีที่พอกลบฝังศพ คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง(คงแย่งสมบัติกัน) ผัวเมียจะไม่ถือว่าเป็นผัวเมียกัน ลูกจะเที่ยวขุดพื้นดินหาพ่อของตัวเอง หมอรักษาโรคแทบจะไม่ได้นอน แร้งกาบินว่อนเต็มเมืองจนวันที่มีเสียงเหมือนฟ้าแตก ที่บนดอยจะทลายลงเป็นที่ราบ ที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน คนนับหมื่นจะพากันตาย เช้าขึ้นมาผู้คนพากันกลัวจนหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต
    เล่าเรื่องที่เหลือต่อกัน บ้านคนจะมีควันลอยคลุมไปหมด(น่าจะควันจากไฟใหม้) คนวัยหนุ่มสาวจะมืออาวุธออกมาเข่นฆ่ากัน นานนับร้อยวันที่ที่แม้แต่บาตรที่เล็กที่สุดของพระก็ไม่เคยได้เข้าเต็มบาตร
    ภาพของความจราจลหลังการเกิดแผ่นดินไหวที่รุนแรง มากจนความเสียหายที่เกิดไม่มีคนมีกำลังมากพอที่จะไปช่วยกันดับไฟ หรือเกิดจากการปล้นสะดมเพื่อแย่งอาหาร เพราะประโยคต่อไป ตามด้วยเหตุการณ์ที่คนออกมาเข่นฆ่ากัน จนบรรยายเห็นภาพว่า แม้แต่พระสงฆ์องค์พระเจ้าทั้งหลายก็มีอาหารไม่พอฉัน นานร่วมร้อยวัน (น่าเป็นห่วงนะ สำหรับพระที่ไม่เคยปฏิบัติ เคร่งครัดแต่เรื่องธรรมวินัยไม่เคยฝึกจิตมีเป็นจำนวนมาก ยิ่งพระที่เป็นพระพุทธพานิชย์คงอดอาหารที่3-7วันฉัน 1มื้อ แต่พระสายพระป่าคงไม่ยากหรอก ใครที่ฝึกปฏิบัติกับพระอาจารย์ที่ระดับจิตสูงๆแล้ว ท่านมักจะแนะนำให้ฝึกถือศิลอดนะลองถามดูท่านจะยิ้มๆถึงเหตุผล คงให้เตรียมตัวไว้
    คนบ่าหันต๋ายจะก๋ายเป่นผีบ้า ป่าเฮ้วป่าช้าบะปอฝังผี คนดีจะมีในป่า คนใจ๋บาปหยาบจ้าจะไปฆ่ากั๋นในเวียง
    แปล คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า(รับไม่ได้กับความตาย)ป่าช้าจะไม่มีที่พอกลบฝังศพ คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง(คงแย่งสมบัติกัน)
    คนที่ไม่เห็นหรือรู้จักความตายจะเป็นบ้า ถ้าท่านเป้นคนหนึ่งที่ยังมีน้ำตาเสียใจคร่ำครวญกับความตายของญาติหรือคนที่รักของท่านแสดงว่าท่านไม่รู้จักความตายว่าเป็นสัจจธรรม วันที่เกิดเหตุการณ์ ท่านจะรับไม่ได้กับความสูญเสีย ลองสมมุติภาพนะว่าทั้งบ้านพ่อแม่พี่น้องตายหมดเหลือเพียงท่านคนเดียว ท่านจะอุเบกขากับเหตุการณ์นั้นได้หรือไม่ ถ้ายังไม่ได้(ต้องอย่างรวดเร็วด้วยนะ)
    ท่านอาจกลายเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
    ป่าช้าจะไม่มีที่พอกลบฝังศพ คงบรรยายภาพจำนวนคนที่ต้องจากเราไปนะว่าจำนวนเท่าใด
    คนดีมีอยู่ในป่า คนที่โลภทรัพย์สินหรือคนบาปจะเข้าไปฆ่ากันในเมือง
    คนที่ยังอยู่ในพื้นที่ที่ประสพภัยพิบัติอย่างรุนแรง คือ
    1.คนที่ยังติดโลภ ติดหลง กับทรัพย์สมบัติ กับชีวิตของผู้จากไป ทำให้ไม่จากไปใหน
    2.คนที่ทั้งชีวิตเป็นเด็กในเมือง ไม่มีตลาดไม่เคยรู้ว่า จะไปหาอะไรกินได้จากใหน
    นึกไม่ออกว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไรถ้าไม่มีตลาด เขาก็จะไปแก่งแย่งเข่นฆ่ากันตามซากซุเปอร์มาร์เกตทั้งหลาย
    รวมทั้งคนที่ไม่ได้เตรียมตัว+เตรียมใจ+ไม่เชื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์+ไม่มีแผนอะไรไว้ในใจ ที่จะออกจากพื้นที่ ที่เป็นปัญหา
    ผัวเมียจะไม่ถือว่าเป็นผัวเมียกัน ลูกจะเที่ยวขุดพื้นดินหาพ่อของตัวเอง หมอรักษาโรคแทบจะไม่ได้นอน ภาพต่างคนต่างเอาตัวรอด คนที่แต่งงานกันเพราะความอยากในกาม ก็จะทิ้งกันเอาตัวรอด ภาพของเด็กที่ไปคุ้ย ซากปรักหักพังเพื่อหาศพพ่อแม่ ท่ามกลางเสียงร้องไห้กระจองอแงเศร้าโศรกเสียใจ ภาพหมอที่ต้องรักษาคนที่บาดเจ็บจนแทบจะไม่ได้นอนคงพอเห็นภาพอะไรนะ
    แร้งกาบินว่อนเต็มเมืองจนวันที่มีเสียงเหมือนฟ้าแตก ที่บนดอยจะทลายลงเป็นที่ราบ ที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน คนนับหมื่นจะพากันตาย เช้าขึ้นมาผู้คนพากันกลัวจนหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต"
    และบทสุดท้ายก็คือ
    แร้งกาจะบินว่อนเต็มเมือง หมายถึงมีศพมามายจนคนที่เหลือไม่มีกำลังพอที่จะกลบฝัง
    แล้วก็มีเสียงดังเหมือนฟ้าแตก **ลุงไม่แน่ใจว่าจะดังขนาดไหน แต่พระอาจารย์ว่าคนที่ไม่สามารถแยกจิตออกจากกาย หลังจากวันนั้นเขาจะไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย(คงแก้วหูแตก)พื้นที่ๆเป็นภูเขาจะกลายเป็นที่ราบ พื้นที่ราบจะหายไปจนไม่มีที่ยืน อันนี้ลุงเดาเอาเองนะไม่ได้ถาม ถ้าน้ำท่วมที่ราบหมด พื้นที่เราเห็นว่าสูงๆก็จะเป็นที่ราบไปเอง หรือไม่ก็ทรุดลงไปจริงๆ
    คนนับหมื่นจะพากันตาย เช้าขึ้นมาผู้คนพากันกลัวจนหวาดผวา ได้ยินเสียงเท่าหมาตด ก็กลัวจนต้องก้มลงกราบขอชีวิต
    คนตายจำนวนมาก คนที่เหลืออยู่ก็อยู่ในภาวะหวาดกลัว จนเปรียบเทียบว่าเสียงดังเท่าหมาตดก็ก้มลงกราบขอชีวิต ดังแค่ใหนไม่ทราบเพราะลุงก็ยังไม่เคยได้ยินหมาตดเลยในชีวิต
    ข้อความทั้งหมดที่ลุงคัดลอกมาจากบันทึกที่ลุงได้มีโอกาสไปปฏิบัติธรรมและบวชอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อแยกกายจิตได้ พระอาจารย์ท่านก็เมตตา เล่าให้ฟัง
    เรื่องราวเหล่านี้พระอาจารย์จำนวนมากทราบแต่ ติดที่ศิลของท่านที่ไม่สามารถเล่าเรื่อง
    ให้อนุสัมปัน(คนที่มีศิลต่ำกว่าฟังได้)
    และท่านอาจารย์ยังย้ำนะว่าให้ไปฝึกจิตให้เลื่อนระดับสูงขึ้นไป
    เพราะหลังจากเหตุการร์เกิดขึ้น ในโลกของอสุร ก็จะเต็มไปด้วยอสุรที่เกิดใหม่ ไม่มีอาหารเพียงพอในโลกนั้น ก็จะเข้ามาเบียดเบียนมนุษย์
    ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยคนที่มีจิตสูงเข้าไปช่วยเหลือ รวมทั้งทำทานอาหารให้สรรพสัตว์ในภพภูมินี้
    ได้อยู่อย่างสงบด้วย หมายถึงโลกจะสงบจากการเข้ามาเบียดเบียนของอสุระกายต่างๆหมายถึงต้องมีผู้รอดที่มีความพร้อมในการทำทาน แผ่ส่วนกุศลแบบไม่มีประมาณให้สรรพสัตว์เหล่านี้ด้วย
    เสียดายที่ไม่มีโอกาสพบเจอกับหลายคนที่ขึ้นมาเชียงใหม่ในขณะที่ลุงเดินทางมาที่อิสาน
    เพื่อกราบมนัสการพระอารย์ที่เคารพนับถือ ตอนนี้ส่งครูบาข้ามไปฝั่งลาวเรียบร้อยแล้ว
    ข้อมูลที่สูงกว่านี้ลุงคงต้องรอครูบากลับมาจากลาวไม่แน่ใจว่าเมื่อไหร่
    แล้วจะขอท่านเมตตา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  13. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    เคยได้ยินมาว่า พอถึงเวลานั้น พระศรีอารยเมตรไตร จะลงมาโปรด หลังจากภัยพิบัติสงบแล้ว มีข้อมูลหลายแหล่งบอกมาว่า ตอนนี้ท่านได้ลงมาจุติบนโลกมนุษย์แล้ว เท็จจริงอย่างไร รบกวนผู้รู้ หรือ ผู้มีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้มาช่วยบอกเล่าหน่อยนะครับ และมีอีกเรื่องหนึ่งที่ว่า พอถึงวันที่ภัยพิบัติเกิดขึ้นภูเขาบริเวณเมืองเชียงใหม่ หรือ รอบนอก ที่ไหนซักแห่งจะทรุดตัวลงและจะมีเพชรนิลจินดา ทองคำ และแร่อัญมณีที่มีค่า จะโผล่ขึ้นมาจากพื้นพิภพ และผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะหลั่งไหลเข้ามา รวมทั้งกองทัพจากต่างประเทศด้วย ต่างฆ่าฟันกันเพื่อที่จะได้ครอบครองอัญมณีที่มีค่าเหล่านั้น เลือดจะหลั่งนองท่วมเมือง
    ชุมชนที่มี sizeใกล้เคียงกับหมู่บ้านญี่ปุ่นคือ
    ประมาณ 20 หลังคาเรือน เพราะใหญ่กว่านี้คงบริหารจัดการยาก
    แต่ลุงชักชวน ให้เกิดชุมชนขนาดเล็กๆอย่างนี้ในพื้นที่ใกล้ ปลอดภัย(น่าจะใช้คำว่าได้รับอันตรายน้อยนะ เพราะทุกที่โดนหมด)มาอยู่ไกล้เคียงกัน เพื่อจะได้เป็นกลุ่มบ้านที่พึ่งพาอาศัยกันในระยะต่อไป
    มีการเตรียมการและโครงสร้างคล้ายๆกัน
    ในกลุ่มของลุงเอง มีการประมาณการกันในกลุ่มเบื้องต้นเรื่องการจัดสร้าง
    บ้านพักที่แข็งแรงพอ ที่จะทนกับแผ่นดินไหว ทนกับการตกกระทบจากท้องฟ้าโดยวัตถุอะไรก็ตามความหนาวเย็น ลมแรง ฝนตกหนัก หรือแม้แต่การรุกรานจากคนนอกชุมชน จุดนี้สำคัญถึงต้องอยู่กันเป็นกลุ่มบ้านและมีอาหาร น้ำดื่มเพียงพอในช่วงวิกฤติ ได้ประมาณอย่างน้อย 1 เดือน
    มี3แบบคือ
    1.บ้านโครงสร้างเหล็กทั้งหมด ไม่มีการเชื่อมอ๊อก ใช้เจาะร้อยน๊อต หลังคาแผ่นเหล็กโค้ง โครงสร้างหลังคาเหล็กเจาะร้อยน๊อต ขนาด 4 คน แบบนี้แพงหน่อย และลุงดูแล้วไม่น่าอยู่เลย
    2.บ้านโครงสร้างไม้ หลังคาสังกะสีหนา ขนาด 2 คน แบบนี้น่าอยู่หน่อยราคาไม่แพงมาก
    แต่ต้องรวมกันหลายๆหลังเพื่อจะได้มีกำลังช่วยกันจากภัยมนุษย์(บ้าคลั่ง) แต่เป็นห่วงเรื่องไม่ทนไฟ
    3.แบบผสม ห้องนอนโครงเหล็ก+หลังคาแผ่นเหล็กโค้ง พื้นที่ใช้สอยอื่นเป็นไม้ประกอบ(ไม้ไผ่เป็นหลัก)แบบนี้พอดี แพงขึ้นหน่อย แต่ก็อุ่นใจเรื่องการพังทลายทั้งหมด
    ที่ต้องคิด หลายแบบเพราะให้ไม่มีขีดจำกัดเรื่องเงินทุนของแต่ละคน
    ซึ่งแบบบ้านทั้งหมดกำลังอยู่ในช่วงของการทดสอบความทนต่อแรงบิด เค้นต่างๆ อันนี้ลุงไม่ค่อยเข้าใจมากเพราะมีเพื่อนของลุงที่เป็นวิศวกรแก่ๆ เขาทำอยู่
    เรื่องพูดคุยกันนั้นคงหลังจากที่ลุงกลับจากอีสานแล้วค่อยว่ากันนะ
    ปรกติลุงไปวัดปฏิบัติธรรมอยู่ 3 ที่ คือ วัดป่าหมู่ใหม่ วัดป่าอรัญวิเวก และก็วัดป่าดาราภิรมย์
    พระอาจารย์ที่เคารพนับถือมาก อยู่ที่เชียงรายตอนนี้ท่านไปอิสาน(ข้ามไปฝั่งลาวแล้ว)
    แต่ลุงแนะนำว่าควรจะมีการจับกลุ่มกันในกลุ่มที่รู้จักเข้าใจกันอยู่เดิม
    เพราะไม่ต้องเริ่มเรียนรู้กันใหม่ ทั้งทางโลกและทางธรรม
    จากนั้นมาเลือกที่จัดตั้งชุมชนขึ้นมา และควรหากลุ่มที่มีความหลากหลาย
    ที่จะช่วยกันในกลุ่มชุมชนได้ จากนั้นค่อยเชื่อมโยงกันระหว่างกลุ่มชุมชน
    ลุงชักชวนให้กลับมาใช้วิทยุสื่อสารกันใหม่นะ
    เพราะในยามที่พลังงานมีน้อยและมีขีดจำกัดแล้ว อุปกรณ์สื่อสาร
    ที่ดีที่สุดน่าจะเป็นวิทยุสื่อสาร เหมือนตอนเกิดสึนามิ ที่ระบบอื่นๆล่มหมด
    ขอบคุณ คำแนะนำเรื่องการจัดตั้งหมู่บ้านทั้งหลายที่ส่งผ่านอีเมลล์ของลุงจำนวนมาก
    ตอนนี้ลุงคิดว่าถ้ามีปัญหาเรื่องที่ดิน
    ลุงเคยนิมนต์พระอาจารย์เรื่องการจัดตั้งชุมชนพุทธ หรือสำนักสงฆ์ขนาดใหญ่
    ที่พวกเราก็กลายไปเป็นญาติโยมในสำนักสงฆ์กันโดยปริยาย ซึ่งการจัดการเบื้องต้นไม่ยากนัก
    แบบบ้านในส่วนของฆาราวาสก็ทำเป็นคล้ายกุฎิ
    เอาไว้ได้ข้อสรุปอย่างไรแล้วจะมาส่งข่าวเรื่อยๆ
    มีชุมชนหนึ่งน่าสนใจนะ คือที่บ้านผาแด่น อำเภอแม่แตง
    ที่หลวงปู่ชอบท่านจำพรรษาอยู่ที่นี่นานหลายปีมาก เคยมีญาติโยมที่อยู่ที่นั่นเล่าให้ฟัง
    ก่อนท่านจะกลับไปจำพรรษาปฏิบัติธรรมอยู่ที่อิสาน ในช่วงท้ายก่อนจะมรณภาพ ที่คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่าจะตามไปอยู่ด้วย ก็ได้รับการห้าม และเตือนให้อยู่กันที่นี่ดีแล้ว
    "อยู่กันที่นี้ดีแล้ว จักได้อยู่กันเช่นลูกเช่นหลาน
    หากินกันไม่สบายหน่อย แต่ต่อไปจะไม่ลำบากเหมือนที่อื่นเขา"
    ส่งสัญญานอะไรหรือเปล่าลุงไม่แน่ใจ
    ส่วนใหญ่เป็นคนกะเหรี่ยง และคนอีสาน(ที่ตามหลวงปู่ชอบมาสมัยโน้น) ชุมชนน่ารักครับ
    ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 40 กิโลเมตร ห่างจากจุดที่ลุงวางจุดตั้งชุมชนไปทางเหนือประมาณ10กว่ากิโลเมตร (เดินผ่านทางบนภูเขา ประมาณ 2 ชั่วโมง)
    เข้าไปเเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ก้เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ แต่ชุมชนใหญ่ประมาณ 100หลังคาเรือน
    อุณภูมิในหมู่บ้านตอนนี้ตอนเช้า(เทียบกับปีที่แล้วที่ลุงไปปฏิบัติธรรมน่าจะประมาณ ไม่เกิน10องศา)
    ใครที่สนใจจะมาอยู่ร่วมชุมชนกับลุง
    ส่งเบอร์โทร ที่ติดต่อได้มาให้ลุงด้วยเมื่อลุงประสานเรื่องพื้นที่ได้แล้ว
    จะติดต่อกลับไปครับ เตรียมไว้แล้ว 2 พื้นที่ครับ
    คือในรูปแบบชุมชนหมู่บ้านและแบบชุมชนบริวารของสำนักสงฆ์ครับ
    ภาพชุมชนที่เกิดขึ้นใหม่ที่ออกแบบไว้นั้น
    ในเบื้องต้นคงป็นพื้นที่บนเขาไม่สูงมากที่มีพื้นที่
    ประมาณ 300ไร่ ต่อ 20ครอบครัว
    ก็หมายถึง ครอบครัวหนึ่งจะมีพื้นที่สำหรับทำกินและเป็นแหล่งสร้าง
    จุดสะสมอาหารไว้ในพื้นที่ประมาณ 15 ไร่ โดยไม่เข้าไปตัดทำลายนะ
    โดยพื้นฐานแล้วก็คงต้องแบ่งเป็น2 ช่วงเตรียมความพร้อมคือ
    ช่วงที่ 1 ในช่วงก่อตั้งต่างครอบครัวคงต้องมองหาอาชีพรายได้ที่จะมา
    จุนเจือสังขารก่อน และยังไม่เคลื่อนเข้าชุมชนอย่างเต็มเวลา แต่ต้องเข้า
    ไปเตรียมสรรพอาหาร สมุนไพร และอะไรๆจำนวนมากในพื้นที่
    ในระยะยาว คงเป็นลักษณะชุมชนวิถีพุทธ ที่ให้บริการท่องเที่ยว
    แก่นักท่องเที่ยวที่เข้ามาฝึกปฏิบัติทางจิต ธรรมชาติ สปา
    และการผลิตสินค้าประเภทอาหารปลอดสารพิษ (ส่วนหนึ่งเตรียมไว้เพื่อเป็นอาหารสำรองสำหรับชุมชน)
    2.ในส่วนของการดูแลชุมชนน่าจะมีการจัดตั้งเป็นบริษัท(ในเมืองก่อน)ประกอบการต่างๆ ที่สามารถ
    ระดมความสามารถที่แท้จริง ลุงมีภาพชุมชนที่ขอยกตัวอย่างชุมชนในทะเลทรายของอินเดียที่เป็นบริษัทผลิตSolf ware ที่เล็กแต่มีประสิทธิภาพระดับแนวหน้าของโลก
    แต่ที่ลุงสนใจคือ ชุมชนพึ่งตนเองของอิสราเอล ที่ผลิตอุปกรณ์ปีนเขา/อุปกรณ์ช่วยชีวิตชนิดพกพา
    ชุดอาหารแห้งแบบพกพาสำหรับทหาร ที่เก็บไว้ได้นานร่วม 2 ปี
    อุปกรณ์สำหรับcamping มีด สินค้าเน้นคุณภาพเกรดสูงผลิตในชุมชนทะเลทราย
    เป็นสินค้าหลัก และส่งออกไปทั่วโลก ทั้งหมดโดยอาศัยสมองในการออกแบบคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย และ
    ผลิตเทคโนโลยีที่ไม่สูงมากนัก สามารถทำได้ในชุมชน และมีตลาดรองรับ และสามารถทำเป็นการค้าขายผ่านระบบอินเตอร์เนตได้
    มีสังเกตุนะว่าเป็นการผลิตสินค้าที่ยามเกิดภัยขึ้นมา สินค้านั้นเขาจะนำมาใช้ได้เองเลย
    ลุงคิดว่ามีจำนวนผู้ที่ ต้องการอุปกรณ์เหล่านี้จำนวนมาก สำหรับคนทั่วโลก
    สำหรับกลุ่มที่ยังไม่สามารถย้ายที่เข้ามาในพื้นที่ได้
    ซึ่งลุงเองคิดว่า ในแต่ละชุมชนย่อยต้องมาระดมสรรพกำลังจุดแข็งของแต่ละกลุ่ม
    ในการเตรียมความพร้อม เหมือนกับทั้ง 20ครอบครัวกลายเป็นหุ้นส่วนชีวิตกันก่อน
    ให้เกิดแนวทางที่ดีที่สุดของสมาชิกที่จะเข้าไปอยู่ในแต่ละกลุ่มบ้าน
    ในการระดมทุนเพื่อสร้าง/สะสม อุปกรณ์สาธารณูปโภค อาหาร และทุกอย่างเข้าชุมชน
    ลุงสนใจวิธีคิดของคุณสัปเหร่อนะ ซึ่งดีง่ายสำหรับคนที่มีกำลังทรัพย์เพียงพอ และสามารถทดแทนด้วยกำลังกายกำลังสมองของคนที่กำลังทรัพย์ยังไม่เพียงพอ สร้างเป็นบ้านที่สอง
    สมาชิกมีได้ 2 ส่วนคือ กลุ่มที่1 ครอบครัวเคลื่อนมาอยู่เชียงใหม่(หรืออยู่ๆแล้ว)และ กลุ่มที่2 ครอบครัว/สมาชิกอยู่นอกพื้นที่ ในกลุ่มที่2 นั้นต้องเตรียมความพร้อมตัวเองมากขึ้นนะ ในการที่จะเดินทางที่จะเคลื่อนเข้าสู่บ้านหรือชุมชนภายใน 3-5 วันหลังมีสัญญานเตือนที่ชัดเจน (แต่ต้องพร้อมจริงๆ เพราะสัญญานเตือนคงเป็นแผ่นดินไหว ถนนจะพังหมด ต้องออกแบบวางแผนการเดินทางให้ดี ลุงเองเริ่มกลับมาใช้มอร์เตอไซย์วิบากและขับบ่อยๆให้คล่องมากขึ้น จักรยานวิบากที่ต้องปั่นระยะไกลๆพร้อมเครื่องหลัง และออกกำลังกายให้สามารถวิ่งเดินได้ต่อเนื่องกัน และซ้อมเดินจากบ้านของลุงปัจจุบันไปยังจุดพื้นที่ไว้แล้ว หลายครั้ง)
    รายละเอียดยังไงคงต้องมานั่งคุยกัน ตอนนี้ในกลุ่มของลุงมีทั้งหมด 7 ครอบครัว ประมาณ 27 คนที่กำลังเตรียมความพร้อมกันอยู่ คาดว่าชุมชนที่ 1 คงรับได้อีกประมาณ 10 -13 ครอบครัวตามแปลนที่วางไว้ครับ ซึ่งได้ดำเนินการไประยะหนึ่งแล้ว ในกลุ่มนี้มีอาชีพ เป็นแพทย์ วิศวกร ข้าราชการบำนาญ
    นักธุรกิจเล็กๆ อาจารย์ ไกด์นำเที่ยว และนักวิจัย 7 ครอบครัว ครับ
    สัญญานเตือน
    ยามเมื่อคนก้มหน้าร้องไห้ทั้งแผ่นดิน จนสิ้นสุดเสียงร้อง
    วันต่อมาที่ท้องฟ้าสงบ ผู้คนเพิ่งตื่นจากหลับไหล
    เสียงดังก้องจากพื้นดิน สิ่งที่คนไม่ถวิลหา ก็มาทดแทน
    ประโยคนี้ลุงไม่แน่ใจว่าอะไรนะ จากพระอาจารย์เปรยๆ
    แต่คิดว่าคงเป็นการสูญเสียคนสำคัญของแผ่นดิน
    หลังจากวันนั้นก็คงเริ่มอะไรต่อๆมากมาย
    ลุงเองไม่อยากเล่า เพราะภาพที่ลุงเห็น
    มันเกี่ยวข้องกับคำทำนายประเทศไทยไว้
    ที่ผ่านมา ลุงก็ไม่คิดว่ามันจะรุนแรงระดับนี้
    (ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยถึงนิมิตรของตนเองให้ใครฟัง
    เพราะกระทบกับรั้ววัง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  14. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    ลุงได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจมาก
    ผ่านมาทางอีเมลล์ของลุง
    เสนอให้ปรับหรือสร้างบ้านมาจากตู้คอนเทนเนอร์เก่า
    ที่ตู้เป็นโครงสร้างเหล็กอยู่แล้ว ราคาไม่แพง ขนาดก็พอดี
    ที่สำคัญมีอยู่เป็นจำนวนมาก ในขณะนี้ มีให้เลือกหลายราคาตามกำลังทรัพย์ของแต่ละคน
    จากนั้นนำมาทำเป็นบ้าน เจาะ ประตูหน้าต่างๆ เสริมความแข็งแรง
    คงคล้ายแบบที่ใช้ในงานก่อสร้างต่างๆแต่ปรับให้ใช้ประโยชน์มากกว่า
    (ลองประมาณการ ว่า 1 ตู้ ต่อ 2 คน ครอบครัว 4 คน
    ก็ใช้ประมาณ 3 ตู้ เป็นห้อง นอน 2 ตู้
    ห้องใช้ประโยชน์ ใช้สอยทั่วไป)
    ยิ่งเป็นตู้ห้องเย็นซึ่ง มีความแข็งแรงข้างในมีการบุโฟม
    สามารถ ป้องกันความร้อนความหนาวได้ด้วย
    การดูแลรักษาและป้องกันอันตรายก็ง่าย
    สามารถขยับปรับเปลี่ยน รูปแบบในชุมชนก็ทำได้ง่าย
    เหมาะสมกับที่ตั้ง เมื่อต้องการระดับความปลอดภัยได้
    การขนย้าย ก็ง่าย และไม่มีปัญหาในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐาน มาก
    ทำให้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวน้อย
    ค่อนข้างจะลงตัวนะ
    ใครมีความรู้ ช่วยลุงคิดหน่อย และน่าสนใจมาก
    ออกแบบช่วยกันหน่อย หรือจะผลิตในหมู่บ้านเพื่อส่งจำหน่ายก็ไม่เลว นะ
    อุตสาหกรรม เพื่อความดำรงอยู่ของคนไทย
    เพราะทุกคนสามารถเตรียมตัวที่บ้านได้เลย
    จวนใกล้เหตุหรือมีความพร้อมแล้วก็เคลื่อนย้าย
    โดยยกใส่รถมาในพื้นที่ๆเราเตรียม ความพร้อมด้านอาหาร
    และอื่นๆไว้พร้อมแล้ว
    หรือท่านมาเตรียม คอนเทนเฮาร์(ตั้งชื่อให้เท่หน่อย)ในพื้นที่ๆกำหนดไว้
    เวลาไม่อยู่ก็ปิดไว้ หรือไม่พอใจก็ยกกลับ
    ชักเห็นแนวทางการทำงานในชุมชน
    ผลิตบ้าน+อุปกรณ์ยังชีพ+อาหาร+ฝึกจิต+บริการท่องเที่ยว+สปา+ยาสมุนไพร
    อีกมากมายหลายเรื่องนะ
    ลุงได้ขออนุญาตใช้พื้นที่ ในในนามมูลนิธิพุทธบุตร เพื่อจัดตั้งเป็นสำนักสงฆ์ให้การอบรมและเผยแผ่การอบรมทางจิตขึ้น กำหนดให้กลางพื้นที่ตรงกลางเป็นที่ตั้งของสำนัก ที่จะ เป็นแหล่งยึดมั่นด้านจิตใจในเบื้องต้น (เหมือนชาวบางระจัน) จากนั้นก็เริ่มสร้างชุมชนรอบๆสำนักสงฆ์ที่จัดตั้งขึ้น ระบบน้ำไฟสามารถทำเป็นในรูปของส่วนกลางที่มีระบบสำรองขนาดใหญ่ รองรับคนเข้ามาอบรมทางจิตด้วย เราก็ร่วมกันทำบุญจัดสร้างขึ้นมา (ได้สองต่อนะ) และสมาชิกเราก็ไปใช้ร่วมกับพระท่านในยามวิกฤติ
    แต่ในยามปรกติ ต้องมีใช้และสำรองของแต่ละครอบครัว ที่หนักใจเรื่องลงทุน เพราะต้องทำแหล่งกักเก็บน้ำนี้แหละครับ
    ถึงต้องมีชุมชนละ 20 หลังคา เพราะจะได้ไม่หนักมากในการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำส่วนกลางขึ้นมา
    การจัดตั้งชุมชน ถ้าไม่มีการตัดถางทำลายป่าไม้ปกติก็ไม่มีการไล่จากเจ้าหน้าที่ และเสียภาษีการเข้าไปใช้ประโยชน์
    แล้วทางป่าไม้ยิ่งไม่ไล่เลย (นายกสรยุทธ์ ยังใช้สิทธินี้เพื่อส่วนตัวเฉยเลย)
    ในระยะนี้ จะมีสองส่วนคือส่วนที่ทำงานอยู่นอกพื้นที่และในพื้นที่ เตรียมชุมชนอยู่ในระยะที่ 3
    คือสามารถพึ่งตนเองได้ในระยะยาว
    สมาชิกเข้าอยู่ร่วมในชุมชน โดยมีงานอยู่ในรูปบริษัท
    1. ผลิตภัณฑ์โดยชุมชน โรงงานเล็กๆ ขายสมอง เช่นการผลิตอุกรณ์ยังชีพสำหรับสมาชิกในกลุ่มบ้านอื่นทั่วประเทศ/ทั่วโลก(ค้าขายผ่านอินเตอร์เนต)ที่จัดตั้งขึ้น ทั้งอาหารสำรองเก็บไว้นาน อุปกรณ์ต่างๆ ชุดแพ๊คเก็ตที่ครอบครัวจำเป็นต้องมีในยามประสพภัย(ที่ผ่านการกลั่นกรองความเหมาะสมแล้ว) ชุดเบ๊เตรียมความพร้อมสำหรับสมาชิกทุกคนยามเจอวิกฤติ พร้อมคำแนะนำ ในราคาที่ไม่แพงสำหรับสมาชิกที่ไม่มีเวลาเตรียมตัวแต่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    ไปแขวนไว้ที่บ้าน เมื่อเกิดปัญหาขึ้น ก็มารถแบกเป้พร้อมอุปกรณ์ที่เราเตรียมไว้เดินทางได้เลย
    2.สถานที่ให้การอบรมทางจิต และการฝึกใช้ชีวิตกับธรรมชาติ
    2.1 สมาชิกที่ต้องการเข้ามาเพื่อฝึกทางจิตโดยเฉพาะ(ไม่รับทำบุญแบบไม่เข้าใจหรือเอาหน้า เสียเวลา)
    2.2 อบรมสมาชิกที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน ต้องการเข้ามาศึกษาเพื่อจัดตั้งในพื้นที่อื่นๆ
    3. สถานที่รักษาคนป่วยแบบธรรมชาติ หรือแบบพิเศษ ex ชีวจิตสำหรับผู้ศรัทธา รักษาด้วยพลังจิต
    รักษาด้วยการทำบุญฝึกจิตในกลุ่มที่มีปัญหาโรคกรรมต่างๆ ที่คนอื่นที่ไม่เคยฝึกทางจิตจะเข้าใจ
    4.เป็นแหล่งผลิตยาและเวชภัณฑ์ จากสมุนไพร มีการปลูกและกระบวนการผลิตในชุมชน
    5.เกษตรแบบพึ่งตัวเอง เช่น ผลิตเห็ด(พืชชนิดเดียวที่อยู่ในร่มและจะไม่กระทบต่อละอองรังสี สารพิษต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยไม่ใช้แสง) พืชอาหารทุกชนิด เพื่อรองรับสมาชิกข้อ 2และ3 ในยามปกติและใช้เองในยามวิกฤติ
    ภาพทั้งหมดเป้าหมายไปสู่ความพร้อมของชุมชนที่จะพึ่งพาตัวเองได้ในทุกมิติ
    ทุกคนมีความพร้อมในการปฏิบัติธรรมเพื่อพัฒนาระดับจิตไปด้วย
    ลุงได้อธิบายภาพที่ได้มีการเตรียมการไปให้เกือบทั้งหมดแล้วครับ
    เหลือเพียงการเตรียมการศึกษาให้กับเด็กในชุมชน ในมิติใหม่
    และระบบจัดการภายในชุมชน
    กติกาชุมชน กติกาของเมืองลิจฉวี ก็คงไม่ล้าสมัยเกินไปนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  15. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    ช่องทางที่ต่อจากเชียงแสนมายังเชียงใหม่มีดอยนางแก้ว
    วางขวางอยู่ตั้งแต่แม่สายไปจนต่อกับดอยขุนตาลของลำปาง
    ลองดูแผนที่และเป็นสาเหตุหนึ่งที่พะเยาไม่อยู่ในพื้นที่ทำนาย
    ของพื้นที่ปลอดภัย
    ภาพที่น้ำข้ามภูเขามาลุงได้บอกไว้แต่ต้นแล้วหละ
    ดูตามรูปที่ลุงแนบมาด้วยนะ (เป็นรูปที่พวกลุงและกลุ่มเพื่อนได้ศึกษาพื้นที่กัน
    นอกจากการดูกันทางจิตและก็คำทำนายทุกอย่างที่มีอยู่แล้วครับ )
    ส่วนทางทิศตะวันตกของเชียงใหม่ ที่น้ำมาจากสาละวิน (ต้นน้ำจากหิมาลัยเช่นกัน)
    จะมีเทือกเขาบรรทัดกันอยู่ สูงกว่าเทือกเขาดอยนางแก้วอีก
    สบายใจได้ครับ
    ในส่วนอากาศหนาวเจอแน่นนอนครับทุกที่ ยกเว้นส่วนที่จมทะเลไปแล้ว
    น้ำจากทางเหนือเป็นน้ำที่เกิดจากการทะลัก
    ลุงไม่แน่ใจนะว่าเกิดอย่างที่คุณหนุมานเอ่ยอ้าง
    แต่ลุงคาดว่าเกิดจากเขื่อนของจีนต้นน้ำโขงพังทะลายลง
    และความอดอยากจะรุนแรงในแหล่งที่ไม่มีอาหารในพื้นที่เช่นเขตเมือง
    ที่แค่ไฟฟ้าดับก็ทำอะไรไม่ถูกแล้ว แต่ในแหล่งที่มีพืชอาหารในพื้นที่
    สบายครับ
    ส่วนภาคกลางจะรุนแรงมากเท่าไรลุงไม่มีภาพที่เห็นนะ
    พูดคุยกับเพื่อนที่ ภาคอีสาน
    ลุงเพิ่งถึงบางอ้อว่าทำไมอีสาน
    ถึงมีน้ำที่กินไม่ได้เต็มพื้นที่(ตามคำทำนาย)
    เพราะเพิ่งทราบว่าใต้พื้นดินอีสานเต็มไปด้วย(เกลือสินเทาว์ โปแตส)
    ทำให้น้ำที่จะทะลักขึ้นมาจากพื้นหินใต้ดินแตกหัก
    จะใช้ได้ไม่กี่วันก็จะเค็ม จนใช้ไม่ได้ พืชอาหารตายหมด
    จนต้องข้ามไปฝั่งลาว( เหมือนที่ลุงเคยได้รับการบอกเล่า
    คงเป็นเหตุหนึ่งที่วันหนึ่งลาวกับไทยจะเป็นประเทศเดียวกัน)
    เมื่อเตรียมบ้านได้มีความพร้อมแล้ว
    ก็ยกมาวางที่มีความพร้อมในตัวเองระดับหนึ่งที่เราได้เตรียมชุมชน
    พืชอาหาร น้ำ สมุนไพร และมิตรในชุมชนพร้อมแล้ว
    จากนั้นก็สร้างบ้านแบบชนบทที่เราต้องการ(แบบเดียวกันทั้งชุมชน)
    คลุมไปอีกชั้นหนึ่ง เราก็จะมีบ้านที่มีพื้นที่ทั้งส่วนที่ปลอดภัย
    ทั้งจากการพังทลายจนหมดสิ้นที่เกิดจากแผ่นดินไหวของบ้าน
    มีพื้นที่ที่ป้องกันความหนาวเย็น ความร้อนจัด
    หรือสัตวร้าย หรือภัยคุกคามในยามที่ต้องการความมิดชิด
    เช่นการตื่นกรูของแมลงที่ต้องการหนีอะไรก็ตามหรือแม้แต่งู
    ที่บ้านปรกติจะป้องกันได้เฉพาะตอนที่ยังปกติ
    (ไม่พังจากแผ่นดินไหว)
    ราคาตั้งต้นสำหรับการเป็นบ้านเล็กๆที่มีความพร้อมก็คงไม่มากมายเกินไป
    สำหรับบ้านที่มีความพร้อม(ในยามวิกฤติ)ที่ไม่เกิน 100,000 บาท
    ยิ่งกรณีมาทำเองน่าจะยิ่งถูกกว่านี้อีกนะครับแต่ได้บ้าน
    ซึ่งสามารถป้องกันได้ ทั้งจาก
    1.ภัยจากท้องฟ้า(ที่บ้านหลังคากระเบื้องรับไม่ได้แน่นอน)
    2.ภัยจากแผ่นดินไหว (เพราะบ้านที่มีฐานรากยึดกับพื้นจะถูกจับแล้วเขย่าแต่บ้านที่วางลอยกับพื้นจะเกิดพียงเคลื่อนหรือไหลไปกับพื้น ถ้าสร้างที่กันให้ดีก็ไม่ไถลไกล)
    3.ภัยจากอากาศเปลี่ยนแปลง เราก็จะมี Safe Zone ทั้งอากาศหนาวลมแรง
    ที่จะเกิดขึ้นหลังการเปลี่ยนแปลง ทีบ้านปรกติอาจมีปัญหาหลังเกิดแผ่นดินไหว
    4. บ้านที่มีพื้นที่ Safe Zoneระดับหนึ่งจากภัยคุกคามต่างๆที่ต้องการ
    ความมิดชิด และควบคุมได้ จากมนุษย์ สัตว์ หรือแม้แต่ภูตวิญญานทั้งหลาย
    5.บ้านที่มีความยึดหยุ่นในการย้ายชุมชนหรือพื้นที่ตั้ง ในการจัดรูปแบบกลุ่มบ้าน
    ในกรณีเกิดภัยคุกคามที่ไม่คาดคิดในรูปแบบอื่นๆ เช่น นำมาตั้งใกล้ๆกันแบบเดียวกับ
    รถของขบวนคาราวานคาวบอยในการป้องกันภัยจากอินเดียแดง(สมัยก่อน)
    ตั้งป็นรูปป้อมปราการในการควบคุมความปลอดภัย
    ปรับปรุงเป็นโรงพยาบาลพื้นที่สะอาดในการรักษาคนเจ็บ
    หรือห้องผ่าตัดเล็กๆได้
    ลองช่วยๆกันคิดและหาทางออกด้วยกันนะครับ
    ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครองทุกคน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  16. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223

    ลุงมานิตย์(เพื่อนลุงเอง)ได้คำนวนการทนต่อของบ้านดินต่อแผ่นดินไหว
    เนื่องจากฐานรากหลักอยู่บนพื้นดิน ไม่เกิน 7-9 ริกเตอร์ ก็จะมีความเสียหาย
    แต่ที่ลุงเองเตรียมการณ์กันนั้น เตรียมการหนักถึง การไหว ระดับที่
    สิ่งก่อนสร้างทั้งที่มีอยู่เสียหายพังทลายลง (ไม่รู้เท่าไหร่)
    แล้วจะเหลืออะไรบ้าง ที่พอจะทำให้พึ่งพาได้ อย่างปลอดภัย
    ตรงจุดที่ตั้งคงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องน้ำ เพราะที่ตั้งนั้นต้องคำนวน
    เพื่อให้พ้นจากน้ำท่วมเป็นหลักก่อน จากนั้นก็วางแผนในประเด็นอื่นๆ
    (ฝากทีมอื่นที่กำลังดำเนินการกันอยู่ แม้แต่ผผู้มีพลังจิตระดับสูงก็ตาม
    การเตรียมการใดๆก็ยากที่สุดถ้าอยู่ในเขตพื้นที่น้ำท่วมน้ำหลาก
    เพราะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดและควบคุมได้ยากมากกว่าพท้นที่ไม่ถูกน้ำท่วลและการเตรียมการในเรื่องอาหารและอื่นๆไม่ต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามาก ในกลุ่มของลุงคำนวนกันอย่างนี้นะ)
    ในส่วนความร้อนคงไม่ต้องเป็นห่วงเพราะ อย่างไรตู้คอนเทนเนอร์
    ก็ทำเป็นเพียงห้องหนึ่งในบ้านที่จะประกอบขึ้น
    จากวัสดุอื่นๆ เช่นหลังคามุงจาก หรือหญ้าคา
    หรือสังกะสีอีกรอบอยู่แล้ว
    คงไม่ใช้ไปตั้งโด่เด่อยู่อย่างนั้น
    ลุงขอข้อมูลและสมาชิกที่ต้องการเตรียมอย่างจริงจังนะ
    และคาดว่าจะเข้ามาอยู่ในชุมชนอย่างแท้จริง
    เพื่อมาร่วมคิดด้วยกัน
    เพราะรู้สึกนะว่าพูดคุยกันในเวบส่วนใหญ่ ไปอย่างนั้นแหละ
    แต่คนที่จริงจังคงมีไม่กี่คน
    เสียดายนะคนที่รับรู้
    แต่อ้างขีดจำกัดอะไรก็ตาม(คงเป็นกรรมด้วย)
    ที่จะไม่เตรียมตัว อย่างจริงจัง วันหนึ่งก็จะเสียดายโอกาศ
    ที่ได้รับรู้ คนที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนก็จะไม่สับสน คิดมากว่าเป็นอะไร
    แต่คนที่รู้แล้ว ทราบว่าจะต้องเตรียมตัวอย่างไร
    เพียงแต่ไม่ทำ อันนี้น่าเสียดาย
    คงเหมือนคนอยู่ข้างวัด ฟังพระสวดทุกวัน แต่ไม่เคยศึกษา
    และเรียนรู้อะไรเพื่อพัฒนาตนเองนะ
    ลุงแบ่งคนเป็น4 กลุ่มนะ
    1.ไม่รู้ ไม่เชื่อ และจะต้องเผชิญภัยวิบัติที่เกิดขึ้นตามยะถากรรมและก้มหน้าครำครวญในส่งที่เกิดขึ้น
    2.กลุ่มที่รู้ แต่ไม่เชื่อ กลุ่มนี้จะเผชิญภัยพิบัติถ้าในพื้นที่เขาไม่รุนแรง และมีพื้นฐานทางจิตดีพอสมควรก็จะรอดมาได้ แต่หลังจากนั้นก็จะ ไม่รอดเพราะไม่รู้จะดำรงชีวิตอยู่ต่ออย่างไรดี
    3.กลุ่มที่รู้ เชื่อ แต่ประมาทไม่มีการเตรียมการอย่างจริงจัง
    เขาจะรู้สึกเจ็บปวดมากในวันที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นแล้ว แต่ไม่ได้เตรียมความพร้อมเอง
    แต่อย่างไรก็ตามก็จะเป็นผู้รอด และเป้นกลุ่มที่เดินทางไกลอย่างเหน็ดเหนื่อย
    เพื่อแสวงหาจุดช่วยเหลอ
    4.กลุ่มที่รู้ เชื่อและไม่ประมาท มีความพร้อมและเตรียมทั้งตัวทั้งใจอย่างจริงจัง
    ก็จะเป็นกลุ่มที่ไม่จบตรงหัวม้วน
    จะจบเมื่อสิ้นอายุขัยจริงๆ
    เลือกด้วยตัวเอง
    เพราะการที่มาเสียดายที่ไม่ได้ทำเมื่อเวลามาถึง
    มันน่าเสียดายกว่าที่ไร้นะ
    ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรม
    ลุงเริ่มต้นศึกษาการปลูกพืชระบบหมุนเวียนใน
    ห้องวงจรปิด
    ลุงเริ่มทำด้วยตัวเองในการเพาะเลี้ยงเห็ดที่ ใช้พื้นที่ไม่มากแต่ได้อาหารเพียงพอ
    สำหรับคนที่ทานอาหารน้อยๆ ได้
    คนที่คุ้นเคยกับการทาน 1มื้ออย่างยาวนานได้
    คำนวนแล้ว ขนาดพื้นที่ 6x6 เมตร
    สามารถเพาะเลี้ยง เห็ด3ชนิด จนทานได้เพียงพอสำหรับ 2 คนได้ทั้งปี
    ซึ่งเมื่อเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง
    จนทุกอย่างพินาศลงนั้นยังพอมีอาหารในพื้นที่บ้างพอสมควร
    แต่ถ้ามีแสงเหนือ(ลุงคิดว่าเป็นการระเบิดของนิวเครียร์) จะทำให้อาหารที่มีอยู่นอกสถานที่ปิด
    เป็นพิษหมดเลย
    ลุงและทีมได้เตรียมตัวไปมากแล้ว เหลือเพียงสมาชิกอีก 7 ครอบครัว
    และชุมชนข้างเคียงอีก 4 ชุมชน(ตามแปลนที่วางไว้ทั้งระบบจำนวน 80 ครอบครัว)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2024
  17. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223



    สุวรรณภูมิในอนาคตโดยพระราชพรหมเถระ(วีระคณุตุตโม)รองเจ้าอาวาสและพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ วัดปากน้ำ
    หลวงพ่อพูดถึงให้ระวังภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้นในอนาคตประเทศเราจะได้รับผลกระทบบ้างเท่านั้นมีบาดเจ็บบ้างล่ะถ้ามันเป็นกรรมก็หนีไม่รอด แต่คงไม่หนักหนาเหมือนประเทศอื่นๆเขาหรอก ประเทศเรานี้ล่ะ จะเป็นแหล่งอาหารเลี้ยงโลกนี้ทั้งใบ เค้าจะได้รู้จัก สุวรรณภูมิแผ่นดิน ที่มีค่าเหมือนกันปูด้วยทองคำ เป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ที่มีพระมหากษัตรย์มี พระพุทธศาสนา และเค้าจะต้องคอยรักษาเรากันทั้งโลก ไม่อย่างนั้นจะอดตายกันทั้งโลกล่ะ ต่อไปภายหน้าทั้งโลกเค้าจะรู้จักเรา เมืองไทยเค้าจะรักเรา คอยระวังรักษาเรา เรานี่ล่ะจะเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ คอยเลี้ยงโลก เค้าจะไม่มีอะไร กินกันล่ะมันกินอะไรไม่ได้ เป็นพิษเป็นอันตรายไปหมด คอยดูให้ดี ที่ดินของเรานี่ล่ะสุวรรณภูมิ มีคาอย่างกับทองคำ เป็นภาคผู้เลี้ยงเชียวน่ะ จะได้เห็นกันล่ะ รักษาไว้ให้ดีนะที่ดินพื้นดินของเรานี่ เป็นมงคลมีค่ามากนะ เคยพูดให้ฟัง อยู่หลายๆครั้ง ในช่วงนี้ท่านแข็งแรงออก สอนภาวนา ต่อวิชชาให้ในช่วงเย็นๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2024
  18. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223
     
  19. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223
     
  20. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    4,029
    ค่าพลัง:
    +1,223
     

แชร์หน้านี้

Loading...