ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม "องค์สิ้นภพจบชาติ" หน้าตัก ๕.๙ เมตร ที่ภูเก็ต

ขอร่วมบุญสร้างสมเด็จองค์ปฐม องค์สิ้นภพจบชาติ องค์ที่ ๕
โอน 100 บาท เข้าบัญชี ธ.กสิกรไทย พระครูวินัยธรยุคลธรณ์ ธัมมปุตโต
วันที่ 6 พฤษภาคม 2556

ขออนุโมทนากับทุกๆท่านในงานบุญครั้งนี้ด้วยครับ

 

ขออนุโมทนาบุญครับ

 

ก่อนพิธีบายศรีจะเริ่มผมเองก็ได้เห็นภาพที่น่ายินดีอยู่ภาพหนึ่งจนอดใจที่จะเก็บมาให้ทุกๆ ท่านชมกันไม่ได้ นั้นก็คือมีชาวต่างชาติท่านหนึ่งมาร่วมงานบุญในครั้งนี้ด้วย
คนนี้มาแต่เช้าหลังจากที่ทำบุญปิดแผ่นทองคำเปลวเสร็จเรียบร้อยก็นำนพรัตน์ธารามาโปรยที่ก้นหลุม แล้วก็เข้ามากราบพระอาจารย์อย่างงดงามเพื่อรับแจกผ้ายันต์พระสัมปัจเจกพุทธเจ้า
นึกในใจนี่ขนาดชาวต่างชาติยังเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาขนาดนี้และได้มีบุญวาสนาบารมีสูงมากจนได้มามีส่วนร่วมในการสร้างสมเด็จองค์ปฐม อย่างนี้ไม่ธรรมดานะครับถึงแม้ว่าแดนเกิดจะอยู่ไกลจากเขตที่มีพระพุทธศาสนารุ่งเรื่องอยู่ แต่เมื่อมีบุญเนื่องกันมาแต่เก่าก่อนในวันหนึ่งก็ได้เข้ามาสร้างบารมีกันต่อตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

พุทธอาณาเขตขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิมีประมาณ ขอให้จิตถึงมีบุญเนื่องกันมาแต่เก่าก่อนอยู่ที่ไหนวันหนึ่งก็จะได้มาเจอกับพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์เอง

 

ก่อนพิธีบวงสรวงจะเริ่มคณะเจ้าภาพในการสร้างสมเด็จองค์ปฐม "องค์สิ้นภพจบชาติ" ได้นำนพรัตน์ธารามาโปรยที่ก้นหลุมมากหน้าหลายตา มาดูกันครับว่าใครเป้นใครกันบ้างเอาเท่าที่ผมพอจะรู้จักนะครับ


นายก อบต. ราไวย์


คุณ อุไรรัตน์เจ้าภาพใหญ่ ต้นบุญในการสร้างครับ

 

พระอาจารย์ท่านก็ได้นำคณะบุญ จ. ภูเก็ตสมาทานพระกรรมฐานก่อนที่จะทำการเทปูนรองก้นหลุมเสาเอกของฐานองค์พระสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๕.๙ เมตร
ทุกคนที่มาตั้งจิตตั้งใจกันมากครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆ ท่านด้วยครับ


คุณย่าคุณยายท่านก็มา


คนที่มาในพิธีมิใช่น้อยๆ ครับ


ในภาพนี้มีทั้ง สส. สว. และนายกอบต. มาร่วมงานในครี้งนี้ครับ

 

ในระหว่างที่ทำพิธีบายศรีก็ดี กรรมฐานก็ดี มีเรื่องน่าแปลกอยู่เรื่องครับ คือ อยู่ดีๆ ก็มรก้อนเมฆก้อนหนึ่งสีดำมาบดบังแสงแดดในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างพอดิบพอดี ทั้งๆ ที่ในวันนั้นก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะมีเมฆฝนแต่อย่างใด ท้องฟ้าสดใสสว่างมาก แสงแดดในวันนั้นก็จัดว่าอยู่ในระดับรุนแรงพอสมควร แต่ก็ยังมีเมฆลอยมาบังแสงแดดทำให้บรรยายกาศร่มเย็นสบายขึ้นมาทันที

 

เมื่อพิธีการทุกอย่างเสร็จสิ้นลง ลำดับต่อไปก็คือการเทปูนรองก้นหลุมครับ ละแล้วปูนโม่แรกในการสร้างสมเด็จองค์ปฐม "องค์สิ้นภพจบชาติ" หน้าตัก ๕.๙ เมตร จ. ภูเก็ตก็เริ่มขึ้นด้วยกำลังใจและแรงกายของทุกๆ คนที่มาร่วมงาน ขออนุโมทนาบุญกับบุญกุศลของทุกๆ ท่านด้วยครับ


ตอนนี้กำลังวางศิลาฤกษ์ครับ






โม่ปูน กองทราย เตรียมพร้อม


คนพร้อม


เริ่มกันแล้วครับ กระป๋องต่อกระป๋องจากคนสู่อีกคน

 

และก็เป็นที่น่าอัศจรรย์อีกครั้ง (ครั้งที่ ๒) เมื่อในระหว่างที่กำลังเทปูนรองก้นหลุมกันอยู่นั้น เมฆดำอีกก้อน (คนละก้อนกับเมื่อตอนบวงสรวง) ก็ลอยมาบดบังแสงแดดจากดวงอาทิตย์ให้คณะบุญได้สร้างบุญบารมีกันอย่างร่มเย็น ผมต้องรีบเก็บภาพตรงส่วนนี้มาบอกเล่าให้กับทุกๆ ท่านที่ไม่มีโอกาสได้ไปร่วมพิธีได้เห็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจในการที่พระอาจารย์ยุคลธรณ์และคณะเจโตวิมุตติพร้อมด้วยหลายๆ ท่านที่มีเจตนาดี เจตนาบริสุทธิ์ มาร่วมกันสร้างคุณงามความดี แม้แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านก็ยังรับรู้และร่วมโมทนาบุญในครั้งนี้


ภาพปูนกองแรกที่เทลงไปยังก้นหลุมเสาเอกของฐานพระ


เมฆดำลอยมาบังแสงแดด

 

ภาพในพิธีวางศิลาฤกษ์การสร้างสมเด็จองค์ปฐม หน้าตัก ๕.๙ เมตร คงมีเพียงเท่านี้ครับ และต่อจากนี้ทั้งคณะต้องเดินทางไปบวงสรวงกันต่อที่บ้านลิพอน เพื่อสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก ไว้เป็นพระประธานในศาลาปฏิบัติกรรมฐานของสำนักปฏิบัติธรรมปฐมพุทธสถาน ณ บ้านลิพอน

 

สำนักปฏิบัติธรรมปฐมพุทธสถานเป็นสถานที่ที่ลูกศิษย์ของพระอาจารย์ยุคลธรณ์ได้ถวายให้ไว้เพื่อสร้างสถานปฏิบัติธรรมสำหรับเหล่าลูกศิษย์ของพระอาจารย์ซึ่งยึดมั่นในการประพฤติปฏิบัติตามแนวทางคำสั่งสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ โดยที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตอ. ถลาง ห่างจากสนามบินภูเก็ตไม่เกิน ๒๐ กิโลเมตร จากพื้นที่เปล่า ๆ ขณะนี้มีสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก ประดิษฐานอยู่เพื่อเป็นพระประธานในศาลาปฏิบัติกรรมฐานพร้อมด้วยห้องน้ำอีกจำนวน ๕ ห้อง

เก็บภาพบรรยากาศในพิธีเทปูนหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอกมาให้ชมกันครับ
หลังจากเสร็จพิธีวางศิลาฤกษ์ที่วัดสว่างอารมณ์ อ.ราไวย์พระอาจารย์พร้อมด้วยคณะศิษย์และคณะบุญ จ. ภูเก็ต ต้องเดินทางมายังบ้านลิพอนซึ่งห่างจากวัดราไวย์ประมาณเกือบ ๔๐ กิโลเมตรเพื่อมาให้ทันบวงสรวงพิธีเทปูนหล่อสมเด็จองค์ปฐฒหน้าตัก ๔ ศอกในเวลา ๑๐.๐๐ น. ตามเวลาที่กำหนดไว้


ป้ายสำนักฯ ถวายมาโดยคณะพระเจ้าบุญล้น

 

เมื่อพิธีบวงสรวงที่บ้านลิพอนเสร็จสิ้นลงลำดับต่อไปก็เป็นการเทปูนหล่อสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก
การหล่อครั้งนี้ใช้พิมพ์พระแบบสำเร็จรูปยกมาเป็นชิ้นๆ ประกอบเทปูนได้โดยทันที ทำให้พระองค์ท่านสร้างเสร็จเร็วมากๆ โดยคณะพระเจ้าบุญล้นก็ได้เป็นเจ้าภาพในการนำพิมพ์นี้มาสร้างครับ

เริ่มส่วนแรกคือหน้าตักครับ ส่วนนี้หนักมากๆ ต้องใช้คนถึง ๑๕ คน ในการยกลงมาจากรถบรรทุก ดังนั้นในการยกส่วนหน้าตักขึ้นไปวางบนฐานจึงต้องใช้เครนครับ
คนที่มาในวันนั้นต่างร่วมด้วยช่วยกันเต็มที่ แม้ว่าช่วงเวลาดังกล่าวจะมีแดดที่ร้อนมากๆ ก็ไม่ย่อท้อครับกำลังใจดีๆ กันทุกๆ คน ขออนุโมทนาบุญครับ

 

เมื่อเทหน้าตักเต็มแล้วก็หยุดพักรับประทานอาหาร โรงทานที่นำอาหารมาเลี้ยงคนทำบุญมากมายจริงๆ ครับ ทั้งน้ำทั้งข้าว ขนม ไอศครีม ผมเองก็อยากกินทุกๆ อย่างให้ครบแต่ไม่มีเวลา อีกอย่างด้วยอากาศที่ร้อนมากๆ ทำให้อยากดื่มน้ำมากกว่าจะกินข้าว แต่ขอบอกครับไอศครีมอร่อยมากๆ

และด้วยสำนักฯ แห่งนี้สร้างมาที่ดินเปล่ายังไม่มีสิ่งปลูกสร้างแม้แต่อย่างใดทำให้พระอาจารย์เองและหลวงพี่ที่มาจากเมืองกาญจน์ต้องฉันเพลกันตามความเหมาะสมของสถานที่ และจำวัดก็ที่เดียวกันกับที่ฉันเพลนี่แหละครับ


สถานที่ฉันเพล

 

หลังจากกินอิ่มกันเต็มที่แล้วก็เริ่มการเทปูนกัน ส่วนต่อไป คือ องค์พระ ส่วนนี้ค่อยเบาแรงหน่อยครับสามารถช่วยกันยกได้
เวลาที่หล่อส่วนนี้ก็รู้สึกว่าจะเป็นเวลาประมาณเที่ยงๆ แดดตรงหัวแต่คนภูเก็ตก็ยังสู้ครับ

เห็นคนภูเก็ตที่มาร่วมงานช่วยกันยกน่าปิติยินดียิ่งนัก หวังว่าหล่อพระองค์ใหญ่มาร่วมกันอีกนะครับ

 

ต่อจากนั้นก็เป็นการบรรจุหัวใจ พระอาจารย์ท่านให้เจ้าของที่เป็นคนบรรจุเองกับมือครับ ขออนุโมทนาบุญกับท่านเจ้าของที่ด้วยครับที่ถวายที่ดินมาให้พวกผมได้สร้างบุญบารมีกันครับ

พระอาจารย์ท่านกล่าวว่า "ที่ดินก็คือภาชนะสำหรับรองรับบุญ บุญทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีที่ดินรองรับ คนที่ถวายที่ดินก็ดี ซื้อที่ดินถวายวัดก็ดี เป็นบุญใหญ่มาก จะเป็นวิหารทาน ศาลาปฏิบัติกรรมฐาน ก็ต้องมีสถานที่ก่อนเป็นอันดับแรกจึงจะสามารถสร้างสิ่งต่างๆ ได้"

 

และคนทำดีก็ต้องได้ดี คำกล่าวนี้ยังคงใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย เมื่อเกิดบุญใหญ่ในที่ดินที่เจ้าของที่ถวาย บุญใหญ่ที่ว่าก็คือการสร้างสมเด็จองค์ปฐมหน้าตัก ๔ ศอก ผลแห่งความดีก็ตอบสนองต่อท่านเจ้าของที่โดยทันที
อย่างที่เจ้าของที่เองก็ไม่คาดคิดมาก่อน ยังไงหรือครับผมจะเล่าให้ฟัง

วันนี้นอกจากจะเป็นวันหล่อพระแล้วยังเป็นวันหวยออกด้วยครับ และเจ้าของที่ก็ซื้อสนุกๆ ไม่ค่อยเล่นบ่อยนักเพราะตัวเองอยู่ต่างประเทศ ปรากฏว่าถูกหวยครับเลขท้าย ๒ ตัว ๕๘ ถูก ๕๐๐ บาท คิดเป็นเงินรางวัลก็ประมาณ ๓๐,๐๐๐ กว่าบาท ส่วนผมฝากเงินไว้กับเจ้ามือหวยอีกงวดยังไม่มีโอกาสได้ทอน

เห็นกันแบบชัดเจนไหมครับบุญฉับพลัน

 

เสร็จจากองค์พระต่อไปก็ส่วนของพระพักตร์ พระพักตร์องค์นี้เป็นพิมพ์เดียวกันกับสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุงที่อยู่ในวิหารสมเด็จองค์ปฐมทุกประการ งดงามดูแล้วอิ่มใจยังไงบอกไม่ถูก


ส่วนนี้ใช้นิลที่นำมาจาก จ. กาญจนบุรีผสมเทครับ

 

และส่วนสุดท้ายที่สำคัญที่สุด คือ พระเกศเพลิง เปรียบดังเปลวเพลิงที่เผาผลาญกิเลสที่อยู่ในใจให้หมดสิ้นไปจากดวงจิต

องค์นี้พระอาจารย์ท่านใช้พระเกศเพลิงที่ทำมาจากทองเหลืองสัมฤทธิ์พร้อมปิดทองคำเปลว ด้วยเหตุผลที่ว่าจะมีอายุคงทนกว่าปูนมาก

และครั้งนี้โชคดีได้ช่างปิดทองจากในวังมาช่วยปิดให้ สวยสดงดงามมากจริงๆ ในพระเกศเพลิงพระอาจารย์ท่านได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จองค์ปฐมไว้อยู่ภายในด้วยครับ
ส่วนนี้พระอาจารย์ท่านให้คณะบุญ จ. ภูเก็ตร่วมกันยกมาบรรจุครับ


ทาสีเตรียมปิดทองคำเปลวครับ


ปิดทองคำเปลวเสร็จ งดงามจับใจจริงๆ

 

เมื่อทุกส่วนมาประกอบครบพระองค์ท่านก็เสร็จสมบูรณ์ ในเวลาอันรวดเร็วมากๆ ผมจำได้ว่าเริ่มเทปูนเวลาประมาณ ๑๐.๐๐น. เสร็จจริงๆ เวลาประมาณบ่าย ๒ โมงกว่า นี่ร่วมเวลาพักกินข้าวเที่ยงด้วยนะครับ เป็นพระทันใจสร้างเสร็จภายในเวลาครึ่งวัน เร็วและงดงาม มาดูภาพที่ต่อพระหัตถ์ติดพระเนตรเรียบร้อยกันนะครับ


คณะเจ้าภาพภูเก็ตร่วมถ่ายรูปกับพระอาจารย์ไว้เป็นที่ระลึก ผมไม่ใช่เจ้าภูเก็ตแต่ก็ขอกับเขาสักนิดอยู่ด้านหลังสุดๆ เลยครับ


ตกแต่งรอยตะเข็บให้เรียบร้อยโดยช่างปั้นจากในวัง (คนเดียวกับที่ทำบายศรี)

 

คราวนี้มาดูตรงส่วนของคณะบอกบุญกันบ้างนะครับ วุ่นวายกันพอสมควรทั้งเขียนแผ่นทอง ทำบุญนพรัตน์ธารา ทำบุญพระเนตร ทำบุญพระนลาฏ ฯลฯ แต่หากว่าไม่มีตรงส่วนนี้งานบุญนี้ก็คงจะไม่สำเร็จ

 

ผมเก็บภาพน่ารักๆ มาให้ชมกันจะว่าน่ารักก็คงจะไม่ถูกต้องนักต้องเรียกว่า "ภาพแห่งกำลังใจ" ถึงจะเหมาะกว่า

เป็นภาพที่คณะบุญภูเก็ตที่มาร่วมงานแต่งตัวสวยงามด้วยชุดสีขาว แต่เมื่อบัดจะทำบุญสร้างบารมีสร้างคุณงามความดีแล้วหละก็ ไม่ห่วงสวยกันแล้วเอาบุญกันก่อน

ขออนุโมทนาบุญกับกำลังใจของคนในภาพด้วยครับ