ฤๅจะเป็นพระราชปณิธานที่หาญมุ่งขององค์มหาราชพระองค์ดำ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ภาวิโต, 12 พฤษภาคม 2008.

  1. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,349
    ค่าพลัง:
    +3,864
    มาขอร่วมล้อมวงด้วยคนค่ะ..
     
  2. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    เดิมทีได้ตั้งใจว่าจะมาช่วยกันคาดเดาว่าการศึกครั้งนี้สมเด็จพระนเรศวรและพระเอกาทศรถ น่าจะใช้พื้นที่บริเวณใดเป็นพื้นที่รวมพลสำหรับกำลังกองทัพจำนวน 200,000 คนขึ้นไป ยังไม่นับไพร่พลลูกหาบในขบวนลำเลียง และช้างม้า วัวควาย อีกจำนวนมาก ที่แน่ๆน่าจะไม่เข้าในเมืองเชียงใหม่แน่ คงใช้เป็นแค่ฐานทัพ ตามที่เราได้คาดเดากันไว้ในตอนต้น ซึ่งจำเป็นจะต้องใช้แผนที่ขนาดมาตราส่วน 1:250,000 ได้ขอยืมทางทหารเขาไว้ จะได้ในวันนี้ ที่ค่อนข้างจะกล้ายืนยันว่าทั้งสองพระองค์น่าจะตัดสินพระทัยปลงทัพอยู่นอกเมืองเชียงใหม่ก็เพราะกำลังมากขนาดนี้ หากจะเข้าไปในเมืองก็จะเกิดความคับคั่งแออัด แล้วก็จะเกิดปัญหาทางธุรการต่างๆตามมา ข้อสำคัญการมาเชียงใหม่ในคราวนี้เป็นการมาสงคราม ไม่ใช่การมาท่องเที่ยว และทั้งสองพระองค์ก็คงจะใช้เวลาส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดอยู่กับบรรดาทหารหาญ และอีกประการหนึ่งพระองค์ก็คงมีพระทัยที่ไม่ตั้งอยู่ในความประมาท เพราะพระเจ้าเชียงใหม่ในเวลานั้นคือมังมหานรธาช่อ เป็นพม่า เป็นโอรสของพระเจ้าบุเรงนอง ต่างมารดา กับพระเจ้านันทบุเรง ถึงแม้ว่าพระเจ้าเชียงใหม่จะอยู่ในฐานะพระสัสสุระ(พ่อตา) ของสมเด็จพระนเรศวร ก็ตาม พระองค์ก็น่าทรงกริ่งพระทัยไม่ไว้วางใจ
     
  3. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    หากพิจารณาในแง่ยุทธศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยาในรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถ้าพระองค์ไม่ทรงสิ้นพระชนม์เสียก่อนที่เวียงแหงแล้ว การบุกเข้ายึดเมืองนายน่าจะสำเร็จได้ง่าย เพราะไทใหญ่เองก็มีใจอยู่ด้วยกับศรีอยุธยาอยู่แล้ว ทางด้านยุทธวิธีสมเด็จพระนเรศวรทรงใช้รูปแบบการเข้าตีสองทิศทาง อาจจะคล้ายกับเป็นรูป
    คีมหนีบ หรือเป็นลักษณะค้อนกับทั่งก็ได้ โดยกำลังทัพของสมเด็จพระนเรศวรยกเข้าตีตรงหน้า วางกำลังเป็นเสมือนทั่ง ในขณะเดียวกันกำลังทัพของสมเด็จพระเอกาทศรถเปรียบเสมือนค้อนก็จะรุกเข้ามาทางด้านบน และเมื่อทัพศรีอยุธยายึดได้เมืองนายแล้วก็คงจะสนธิกำลังกันเพื่อรุกต่อไปยังกรุงอังวะ ด้วยสภาพของกรุงอังวะในขณะนั้นที่เพิ่งเริ่มจะตั้งตนเป็นใหญ่ไหนเลยจะสามารถต้านทานทัพศรีอยุธยาที่กำลังแข็งแกร่งและฮึกเหิมได้ ในที่สุดก็คงจะพ่ายแพ้หรือยอมสวามิภักดิ์ต่อกรุงศรีอยุธยาเหมือนดังมังมหานรธาช่อ พระเจ้าเชียงใหม่ก็ได้ หลังจากนี้เราลองหันมาพิจ
    ณาในกรอบยุทธศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยาที่ได้ออกมาแล้วว่าต้องยึดครองพม่า เพราะฉนั้นเราก็น่าจะได้คำเฉลยแล้วว่าภายหลังที่ทัพศรีอยุธยายึดได้อังวะ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าก็น่าจะนำทัพรุกลงมาทางทิศใต้ยึดหงสาวดีเพื่อลบรอยแค้นในพระทัย(หงสาวดีในขณะนั้นก็เหมือนหมดสภาพแล้ว) ตองอูก็อ่อนแอ (ได้เข้ามาสวามิภักดิ์ต่ออยุธยาในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ) แปรก็คงจะยอมสวามิภักดิ์ด้วยเช่นกัน จะเห็นว่าโอกาสที่มอญจะรวมกันเป็นประเทศก็จะมีมาก เพราะองค์สมเด็จพระนเรศวรเจ้าก็ดูจะทรงโปรดพวกมอญอยู่มากทีเดียว คงเหลือแต่ยะไข่ ที่อยู่ถัดจากอังวะ ลึกเข้าไปในพม่า ที่พระองค์อาจจะทรงเก็บไว้ก่อนหรือมอบให้สมเด็จพระเอกาทศรถยกทัพไปจัดการเสียให้หมดเสี้ยนหนามก็เป็นไปได้ เสียดายนะครับทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน ไม่อาจกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ เป็นการสูญเสียโอกาส
    ครั้งสำคัญที่สุดและมีครั้งเดียวเท่านั้น ไม่เฉพาะแต่เพียงไทยเราประเทศเดียว ไทใหญ่และมอญก็สูญเสียโอกาสทองที่จะรวมประเทศให้เป็นไทใหญ่ และมอญ ไปด้วยอย่างน่าเสียดาย ต้องใช้คำว่าสุดแสนเสียดาย โอกาสทองอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2008
  4. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    โอ้อาดูรพระทูลกระหม่อมแก้ว
     
  5. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    ยอดเยี่ยมครับ อ่านแล้วมองเห็นภาพและเข้าใจความรู้สึกของทั้งคนมอญและของไทใหญ่มากเลยครับ คนมอญคงไม่มีโอกาสแล้ว แต่ไทใหญ่พวกหนุ่มศึกหาญอะไรนี่ รู้สึกว่าจะยังต่อสู้อยู่นะครับ แต่ก็คงอ่อนแรงเต็มทีแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2008
  6. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ต้องขออนุญาตเรียนต่อเพื่อนสมาชิกและท่านผู้รู้ไว้ก่อนว่า สิ่งที่ผมได้เขียนไปแล้วและที่กำลังจะเขียนต่อไปนั้นมิได้มีเจตนาที่จะคัดง้าง เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ หรือต่อต้านทฤษฎีหรือแนวความคิดของท่านผู้รู้ท่านใดแม้แต่น้อย ในทางตรงข้ามผมล้วนได้อาศัยข้อมูล ทฤษฎีและแนวความคิดทั้งหลายมาใช้เป็นแนวทางและเป็นประโยชน์ทั้งสิ้น ผมมีความเชื่อมั่นว่าท่านผู้รู้ทุกๆท่านรวมทั้งเพื่อนสมาชิกและตัวผมเองต่างก็มีหัวใจและความรู้สึกที่สามารถนำมาร้อยเรียงร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวคือความจงรักภักดีและความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้า จนสุดที่จะประมาณ กล่าวได้ว่าแม้นพระองค์จะทรงเสด็จสู่สวรรคาลัยนานถึงสี่ร้อยปีเศษแล้ว แต่พวกเรายังคงรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์อยู่เสมอมิเสื่อมคลาย ยังมีความรู้สึกประหนึ่งว่าพระวิญญาณของพระองค์ยังทรงห่วงใยคุ้มครองปกป้องผองภัยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ผมพยายามที่จะเสนอมุมมองเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับยุทธวิธีในการรบของพระองค์ท่านโดยนำยุทธวิธีและหลักการรบสมัยใหม่มาใช้เทียบเคียงซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ยุทธวิธีและหลักการสงครามในปัจจุบันส่วนใหญ่ต่างอาศัยพื้นฐานและหลักการสงครามสมัยโบราณเกือบทั้งสิ้น มีหลายท่านที่ได้เขียนถึงการรบแบบกองโจร ที่สมเด็จพระนเรศวรทรงเป็นกษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่นำยุทธวิธีนี้มาใช้อย่างได้ผลดียิ่ง ซึ่งจะไม่ขอกล่าวถึงในรายละเอียด เพียงแต่ว่าเราจะต้องนำปัจจัยนี้มาใช้ในการพิจารณาและวิเคราะห์การวางแผนการรบของพระองค์ท่านร่วมด้วยเสมอ นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะเสนอบางมุมมองทางด้านการรบ ที่พอจะมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง โดยที่ยังไม่พบว่ามีผู้รู้ท่านใดได้เคยรจนาไว้ก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2008
  7. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    <SUP>พอดีได้พบคำฉันท์ดีๆ " ในหลวง พ่อเรา " ของคุณคมทวน คันธนู เป็นวสันตดิลกฉันท์ครับ</SUP> :ในหลวงพ่อเรา:

    <SUP>๑๔</SUP>@ เป็นพ่อพระผู้พิริยะภาพ
    พสกซาบและซึ้งทรวง
    พ่อเป็นเกราะป้องบุตรปวง
    ภัยะร้อนก็ผ่อนราน

    @ ยิ้มพ่อสิก่อกุศลเกื้อ
    สละเหงื่อและแรงงาน
    พ่อยิ้มเพราะลูกประลุประสาน
    กิจพ่อมิรอพัก


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2008
  8. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ฤาจะเป็นพระราชปณิธานที่หาญมุ่งขององค์มหาราชพระองค์ดำ

    ขออนุญาตเปลี่ยนชื่อกระทู้จากเดิม"พิธีบุญถวายฯที่วัดวรเชษฐ์ อยุธยา วันนี้" เป็นชื่อใหม่ "ฤาจะเป็นพระราชปณิธานที่หาญมุ่งขององค์มหาราชพระองค์ดำ"เพื่อให้สอดคล้องและดูเหมาะสมกับเนื้อหาสาระอันเป็นพระกฤษดาภินิหารอันไม่สามารถบดบังได้ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครับ
     
  9. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ฤาจะเป็นพระราชปณิธานที่หาญมุ่งขององค์มหาราชพระองค์ดำ

    เพื่อให้ดูสอดคล้องกับชื่อกระทู้ที่เปลี่ยนใหม่ จึงใคร่ขอนำเรื่องการถวายเครื่องสักการะบูชา ต่อดวงพระวิญญาณของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จากหนังสือ "อภินิหารสมเด็จพระนเรศวรมหาราชฯ "โดยพันโท กิตติพงษ์ ศรีนันทลักษณ์
    เครื่องสังเวยที่ควรถวาย
    ๑. ดอกกุหลาบสีแดง
    ๒. ดอกจำปี และดอกมะลิ หรือ พวงมาลัย
    ๓. น้ำผึ้งหลวง (น้ำผึ้งแท้)
    ๔. พระกระยาหารไทยแบบง่ายๆ และอาหารแบบเดินทัพต่างๆ เช่นเครื่องของแห้งและของเค็ม เป็ด ไก่ ปลาต้ม ไข่ต้ม ข้าวต้มผัด อันเป็นอาหารสำหรับเดินทัพ
    ๕. ของหวาน ผลไม้แบบไทย น้ำเปล่า น้ำชา
    ๖. น้ำจัณฑ์
    ๗. ไก่ชน พระแสงดาบ
    ๘. ช้าง ม้า พระแสงปืน เรือรบ
    ๙. พระมาลา ฉลองพระองค์ ฉลองพระบาท
    ๑๐. เครื่องถวายแก้บนทรงโปรดดาบไทยครั้งละสองเล่ม และปืนใหญ่จำลอง ประทัด
    เมื่อจะขอพระบารมี ต้องจุดธูป ๑๖ ดอก กลางแจ้ง แล้วกราบถวายบังคมขอพระราชทานพระบารมีเพื่อให้ทรงช่วยเหลือตามที่ต้องการ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2008
  10. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ฤาจะเป็นพระราชปณิธานที่หาญมุ่งขององค์มหาราชพระองค์ดำ

    ที่ได้เคยเรียนไว้ว่าได้ขอยืมแผนที่ขนาดมาตราส่วน 1:250,000จากทางทหารไว้หนึ่งระวางนั้นได้มาแล้วครับแต่ยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ที่เราจะต้องพิจารณาทั้งหมด ขาดอีก 3 ระวางหรือ 3 แผ่น แต่ในหนึ่งระวางที่ได้มาแล้วนี้ ก็สามารถเห็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชตามข้อพิจารณาและการค้นคว้าของอาจารย์ ชัยยง ไชยศรี ที่ชี้ให้เห็นว่าสถานที่ที่สมเด็จพระนเรศวรสิ้นพระชนม์นั้นควรจะเป็นที่เวียงแหงไม่ใช่เมืองหาง และแนวเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรนั้นน่าจะเป็นแนวเส้นทางตามแนวลำน้ำแม่แตงส่วนทัพของพระเอกาทศรถนั้นมุ่งตรงขึ้นไปทางด้านเหนือสู่เมืองฝาง ทีนี้ถ้าท่านใดมีแผนที่ทางเหนือที่ครอบคลุมเชียงใหม่ จะเป็นแผนที่เส้นทางหลวงที่มีขายโดยทั่วไปก็ได้ ลองลากเส้นตรงเชื่อมระหว่าง อ.เวียงแหง กับ อ.ฝาง หลังจากนั้น ณ ที่จุด อ.เวียงแหง และที่จุด อ.ฝาง ให้ลากเส้นตรงตั้งฉากออกไปที่เส้นเขตแดนไทย-พม่า จะสามารถคาดคะเนได้ด้วยสายตาว่าความยาวของเส้นตั้งฉากนั้นมีระยะใกล้เคียงกันโดยประมาณนะครับ ตรงนี้แหละครับที่น่าจะเป็นสิ่งบอกเหตุที่สำคัญอะไรบางอย่าง และอาจจะเป็นมุมมองอีกมุมมองหนึ่งที่อาจจะนำไปสู่การพิจารณาค้นคว้าว่าสถานที่ที่สมเด็จพระนเรศวรเสด็จสวรรคตนั้น น่าจะเป็นที่ใดกันแน่
     
  11. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    เห็นด้วยค่ะ
     
  12. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    นั่งรอตอนต่อไปค่ะ
     
  13. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    มีเรื่องแจ้งให้ทราบค่ะ

    ถนนจากเชียงใหม่ไปอ. ชัยปราการ จากสี่แยกไป พร้าว-เวียงป่าเป้าลงมา อ. พร้าว มีผู้รู้บอกผ่าน (มีพลังงานมาแจ้ง) ว่าเป็นเส้นเดินทัพพระนเรศ

    ผุ้รู้ท่านนี้กรุณาบอกด้วยว่า บริเวณใกล้วัดดอยแม่ปั๋ง (เดียวกัน) ฝั่งตรงข้ามถนนติดลำธารเป็นที่พักทัพ มีการรักษาพยาบาลทหารเจ็บ มีทหารล้มตาย พระนเรศเจ้าเองได้ประหารชีวิตทหารหนีทัพหลายคนที่นั่น (กม. 70 เศษ)

    ต่อมาผู้ผ่านไปแถวนั้นท่านหนึ่งเห็นค่ายทหารปลุกสร้างริมลำธารดังกล่าว มีศีรษะทหารหนีทัพปักยอดไม้เรียงรายริมลำธาร

    ได้พบและสนทนากับผู้รู้ทั้งสองท่านด้วยตนเอง จึงเรียนมาเพื่อทราบเผื่อประกอบบทความของคุณภาวิโตค่ะ ถึงมิได้ทราบด้วยตนเองแต่เชื่อว่าถูกต้อง เพราะมีการขุดพบภาชนะบรรจุยาในบริเวณดังกล่าวขณะบุกเบิกที่ดินค่ะ เจ้าของที่ดิน (เสียชีวิตแล้ว) เล่าให้ฟังค่ะ

    ลำธารตรงนั้นมีแร่กำมะถัน เป็นน้ำซับร้อน คิดว่าเหมาะแก่การพักรักษาตัวค่ะ
     
  14. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ขอบพระคุณครับ นับว่าเป็นข้อมูลประกอบที่สำคัญข้อมูลหนึ่ง แม้นจะเป็นข้อมูลทางด้านจิตวิญญาณก็ยังดีกว่าไม่มีนะครับ น่าจะสามารถใช้เป็นสิ่งบอกเหตุที่จะนำไปสู่การพิจารณาค้นคว้าเพิ่มเติมได้ เนื่องจากเราไม่อาจสามารถหาหลักฐานทางกายภาพอื่นใดมาช่วยประกอบการพิจารณาได้ ด้วยระยะเวลาผ่านไปนานมาก การวิเคราะห์หาความเป็นไปได้จึงต้องอาศัยจากข้อพิจารณาในเรื่องของหลักการสงครามเป็นหลัก แล้วนำมาพิจารณาประกอบกับภูมิประเทศจริง (จากแผนที่)ว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งจะต้องพิจารณาควบคู่ไปกับเหตุผลที่เป็นข้อเท็จจริงอีกด้วย เช่นข้อเท็จจริงในเรื่องการเคลื่อนย้ายทางเรือของทัพศรีอยุธยานั้น น่าจะเป็นเพียงบางส่วน ส่วนที่เหลือก็ยังคงต้องเดินทางด้วยเท้ารอนแรมกันมาในภูมิประเทศพร้อมด้วย ช้างม้า วัวควาย เพราะการจะเคลื่อนย้ายกองทัพที่มีกำลังจำนวนแสน หรือครึ่งแสนพร้อมกันนั้นคงจะต้องใช้เรือจำนวนมาก คงจะทำได้ไม่ง่ายนัก ดังนั้นกำลังพลส่วนที่มาโดยทางเรือและส่วนที่เดินทางด้วยเท้า ภายหลังจากที่มาสมทบกันที่จุดใดจุดหนึ่งแล้ว ก็จะต้องเดินลัดตัดตรงมุ่งสู่เชียงใหม่ เนื่องจากกำลังส่วนนี้จะต้องมุ่งตรงขึ้นไปฝาง ดังนั้นเมื่อทัพกรุงศรีอยุธยาผ่านลำปาง ลำพูน ก็น่าจะเลยไปปลงทัพที่บริเวณพื้นที่ราบระหว่างอ.พร้าวและ อ.แม่แตง ซึ่งมีพื้นที่กว้างใหญ่พอที่จะรับทัพกรุงศรีอยุธยา 100,000 คน และทัพเชียงใหม่อีก 100,000 คนอีกทั้งมีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ อยู่กลาง(ปัจจุบันเป็นเขื่อนแม่งัด)และแน่นอนทัพศรีอยุธยาน่าจะเลือกชัยภูมิอยู่ที่ อ.พร้าว ด้วยเหตุผลในทางยุทธวิธี เป็นสำคัญ ประการหนึ่ง เหตุผลรองลงมา เพราะบริเวณแถวพร้าวมีลำธารที่เป็นน้ำพุร้อน เหมาะสำหรับการบำบัดรักษาโรคผิวหนัง เนื่องด้วยการเดินทัพที่ต้องรอนแรมมาไกลไพร่พลไม่ได้มีโอกาสอาบน้ำชำระเหงื่อไคลกันได้บ่อยนัก ด้วยปัจจัยเกื้อหนุนในข้อนี้พื้นที่บริเวณ อ.พร้าวจึงน่าจะเหมาะสมสำหรับการปลงทัพ สำหรับทั้งสองพระองค์ก็น่าที่จะประทับที่กองบัญชาการกองทัพศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งในบริเวณเดียวกันนั้น ในชั้นต้น
     
  15. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    จะมีความเป็นไปได้ไหม ที่ทัพศรีอยุธยาจะเดินทัพเข้าไปที่ตัวเมืองเชียงใหม่หรือใกล้เข้าไปเชียงใหม่มากกว่านี้ ไม่น่าจะเป็นไปได้หรือมีความเป็นไปได้น้อยมาก ประการแรก เพราะกำลังของกรุงศรีอยุธยา มีเพียงหนึ่งแสนหรืออาจน้อยกว่าถ้าต้องรอกำลังจากหัวเมืองรายทางมาสมทบ แล้วก็เป็นกำลังที่เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางรอนแรมมาไกล หากเข้ามาอยู่ในเชียงใหม่หรือใกล้เชียงใหม่มากเกินไป ถ้ามังนรธาช่อเจ้าเมืองเชียงใหม่ (เป็นพม่า)เกิดทรยศหักหลังขึ้นมา ทัพศรีอยุธยาก็จะลำบาก ด้วยวิสัยของนักรบ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชย่อมจะทรงระมัดระวัง จึงน่าจะทรงหยุดยั้งทัพอยู่ที่พร้าวจะปลอดภัยมากกว่า สำหรับในทางยุทธวิธี การเดินทัพจากพร้าวมุ่งต่อไปยังฝางก็จะมีระยะทางใกล้มากกว่าที่จะเดินทัพออกจากเชียงใหม่ด้วย
     
  16. Fort_GORDON

    Fort_GORDON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +488
    พอจะมองเห็นภาพของที่รวมพลของกองกำลังทหารไทย(กองทัพศรีอยุธยา+กองทัพเชียงใหม่)ที่บริเวณพื้นที่ราบระหว่างอ.แม่แตง กับ อ.พร้าว เป็นพื้นที่ที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์เพียงพอสำหรับทหาร และช้าง ม้า วัว ควาย อีกจำนวนมาก เมื่อทัพศรีอยุธยาตั้งกองบัญชาการที่ พร้าว ทัพเชียงใหม่ก็เหมาะที่จะใช้พื้นที่บริเวณ แม่แตง เป็นที่ตั้งกองบัญชาการนะครับ ขอร่วมเดาด้วยคนครับ
     
  17. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    แน่นอนครับทัพเชียงใหม่ต้องเลือกแถวบริเวณแม่แตงเป็นที่รวมพลแน่นอน เพราะเดินทัพใกล้ จากเชียงใหม่ออกมาก็ประมาณ 50 กม. กองทัพก็คงจะเดินทางกันประมาณค่อนวันหรือวันหนึ่ง ข้อสำคัญเส้นทางรุก(ทางเดินทัพของกองกำลังส่วนนี้)จะต้องรุกจากแม่แตงไปตามแนวลำน้ำแม่แตงสู่เวียงแหง ก็จะสะดวกด้วยประการทั้งปวงอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปใช้เส้นทางอื่นเป็นแน่ครับ
     
  18. อุดรเทวะ

    อุดรเทวะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,925
    ค่าพลัง:
    +130
    <DL><DD>ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ <DD>ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว <DD>ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ <DD>ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง </DD></DL><DL><DD><DL><DD>จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด <DD>จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง <DD>จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง <DD>จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา </DD></DL></DD></DL><DL><DD>ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร <DD>ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา <DD>ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา <DD>ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป </DD></DL><DL><DD><DL><DD>นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง <DD>หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส <DD>ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด <DD>ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน </DD></DL></DD></DL><DL><DD>โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่ <DD>เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน <DD>ยังคงหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ <DD>ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย </DD></DL>เพลงนี้ฟังแล้วเศร้าแต่ก็ทำให้รู้สึกฮึกเหิมรักบ้านเกิดเมืองนอนของตนได้เป็นอย่างดี ขออนุโมทนาครับ
     
  19. ภาวิโต

    ภาวิโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +268
    ขออนุโมทนาและขอบคุณ คุณอุดรเทวะ โดยส่วนตัวแล้วชอบเพลงนี้มากครับ สมัยยังทำงานอยู่ ที่หน่วยงานผม จะยึดถือ "จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา" เป็นหลักประจำใจในการทำงานครับ
     
  20. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    ถนนจากเชียงใหม่ (เส้น ๑๐๐๑) ไปพร้าวออกจากถนน ring road ไปเลยไม่เข้าใกล้กำแพงเมืองเชียงใหม่ ผ่านแม่โจ้เข้าพร้าว

    อาจตัดบนเส้นทางคมนาคมเดิม จึงอาจเป็นเส้นเดินทัพเดิมก็ได้

    ตำแหน่งที่มีคนขุดเครื่องยาได้ อยู่บนเนินเขาใกล้ลำธาร ห่างจากถนนใหญ่สัก ๓๐๐-๕๐๐ เมตร

    มีผู้รู้บอกว่าฮวงจุ้ยสถานที่ดี และดีในแง่การทหาร บอกว่าเป็นกองบัญชาการจะเหมาะมาก ด้านหลังเป็นเขาใครโอบตีไม่ได้ ป่าอุดมมีหน่อไม้ สมุนไพร และผักหญ้า มีน้ำไหล ทุกอย่างบริบูรณ์

    ที่ทราบข้อมูลเรื่องที่เยอะเพราะเป็นบ้านของสมาชิกในครอบครัวค่ะ

    เรื่องฌานทรรศนะก็เล่าตามที่ทราบมาจากผู้พูดนะคะ ไม่ใช่ฟังเขามาหลายๆต่อ
     

แชร์หน้านี้

Loading...