ลำนำเพลงรักของนักกลอน

ถูก     ต้อง   ครับ  โลกุตรธรรม ๙ หรือที่ เรียกว่า 
          มรรค  ๔   ผล   ๔   นิพาน   ๑   ครับ
          อนุโมทนา  บุญ กับ คำตอบ ครับ

 

ยินดีที่ได้มีโอกาสตอบและสนทนาธรรมะ และขอบคุณ คุณครูติง
  วันนี้เลยทานข้าว กับ  ลูกยอ  ของครูติง ครับ

ครูนั้นหรือ  คือแสงทอง   ส่องชีวิต
            ครูเป็นมิตร   มีดวงจิต    อันสูงค่า
               ครูคือผู้   รู้ผู้ให้    ใฝ่วิชา
                  ครูผู้พา   ศิษย์เรา   ให้   ก้าว    ไกล

สาระธรรมวันนี้  อุปนิสัยอินทรีย์    ครับ
         

 

เมื่อใดที่ใจรู้สึกเหงา
แวะเวียนเข้ามาทางนี้
มีฉันคอยอยู่นะคนดี
เพื่อนคนนี้พร้อมรับฟัง

ยามนี้เธอยังเศร้าใช่ไหม
เรื่องราวเป็นยังไงบ้าง
เล่ามาให้หมดทุกอย่าง
เพื่อนคนนี้จะได้รู้ว่าเป็นมายังไง

 

    ถ้าเธอต้อง  ร้อนรน   น้องทนได้
        รักมากมาย  อย่างนี้   จะดีหรือ
            อยากจะลอง   รักสักหน  ให้คนลือ
                ใจน้องซื่อ   ยึดถือรัก   จาก  ดวง  ใจ
     

 

เมื่อวันศุกร์  เธอนั้น  มันสุดเศร้า
       รอวันเสาร์  เช้านี้   คงดีหน่อย
            จะคอยเธอ  แม้นรักนั้น   มันเลื่อนลอย
                 จะรอคอย  ที่หอพัก   ฉัน  รัก   เธอ

 

"อุปนิสัยอินทรีย์"....ติงไม่เคยได้ยินคำนี้ค่ะ
"อุปนิสัย" ติงรู้จักความหมาย
"อินทรีย์" ติงรู้จักความหมาย
อุปนิสัยอินทรีย์ เป็นคำสมาสหรือเปล่าคะ

อุปนิสัย...มีสองนัย คือบารมีและอุปบารมี
ติงคิดว่าท่านน่าจะหมายถึงอุปบารมี คือการพยายามทำกิจใดๆบ่อยๆ จนชิน จนคงที่ จนสม่ำเสมอ เป็นอัตโนมัติ

อินทรีย์ คือความสามารถหลักทางจิต ๕ ประการ ได้แก่
๑. สัทธินทรีย์ คือ ความศรัทธา ในโพธิปักขิยธรรม
๒. วิริยินทรีย์ คือ ความเพียร ในสัมมัปปธาน
๓. สตินทรีย์ คือ ความระลึกได้ ในสติปัฏฐาน
๔. สมาธินทรีย์ คือ ความตั้งมั่น ในญาณ
๕. ปัญญินทรีย์ คือ ความเข้าใจ ในอริยสัจ

สรุป อุปนิสัยอินทรีย์ น่าจะหมายถึง การอบรมตนให้ชำนาญในอินทรีย์ ๕

(ติงยังห่างไกลทุกๆข้อค่ะ ถือว่าอินทรีย์ยังอ่อนนัก)
สาธุค่ะ.

ปล. ความหมายของอินทรีย์ติงcoppyมาค่ะ ไม่ได้พิมพ์เอง

 

เค้าว่ากันว่าเหรียญมีสองด้าน(จริงๆติงว่าเหรียญมีมากกว่าสองด้านค่ะ)
ลูกยอก็เช่นกัน มีทั้งประโยชน์และโทษ
ลูกยอดิบนำมาตำรับประทานได้เหมือนส้มตำ แต่คนมีครรภ์อ่อนๆทานอาจแท้งได้...
ลูกยอสุก นำมาดองทำยา นำมาทำน้ำลูกยอรับประทานได้
...ฮิฮิ...

 

ยิ่งหนี ยิ่งผูกมัด ยิ่งกอดรัด ปัดคลายได้
รักเอย รักมากมาย ร้อนรนใด ไม่เปรียบปาน
พิษรัก จักกัดกร่อน เหมือนจักต้อน ไปประหาร
เราหรือ แสนร้าวราน แทบวายปราณ รักปักใจ

 

วันนี้ ยังมีรัก แน่ใจนัก รักมอบให้
รักที่ มอบให้ไป ให้หมดใจ ไม่รับคืน

 

ยามเหงา เราอ้างว้าง สุดหนทาง จักขัดขืน
ทุกข์ทน จักกล้ำกลืน ล้มทั้งยืน สุดฝืนใจ

 

ที่นี่ มีเพื่อนแท้ ไม่ผันแปร คอยปลอบใจ
ทุกข์ร้อน ประการใด เชิญพักให้ สบายเอย.

 

วันเสาร์ เฝ้าแอบหวัง
ว่าเธอยัง เป็นเหมือนเดิม
เหมือนรัก คราแรกเริ่ม
ฉันคอยเสริม ให้มั่นคง

 

กระทู้กลอนมีแต่ง สองห้อง
น้องกิ๊บกลอนเก่า ห่างหาย
คุณครูใจดี สุขสบาย
สมาชิกมากมาย ชมคำ

 

ลองรัก ดูสักหน ดูใจตน ดูสักครา
ความรัก จักนำพา ทุกข์อุรา พาเศร้าซม

 

ท่านเจ้าคะ ติงดำเนินการแล้วเรียบร้อย
ขอน้อมอนุโมทนาบุญเจ้าค่ะ

 

วันนี้ ยังไม่ได้อ่านนิทานธรรมคำกลอนจากคุณคมสันต์เลยค่ะ
เด็กๆติงเคยชอบนิทาน ได้ดีเพราะนิทาน(นิทานชาดก กฎแห่งกรรมของคุณ ท.เลียงพิบูลย์ นิทานอิสปและนิทานพื้นบ้าน)
โตมาก็ยังชื่นชอบนิทานค่ะ
วันนี้ จะมีบุญได้ฟังนิทานก่อนนอนหรือเปล่าคะ

 

ความใจร้อน มีดี ที่ตรงไหน
ดุจดวงใจ ถูกไฟ เข้าแผดเผา
เย็นสักนิด ช้าสักหน่อย ค่อยบรรเทา
โบราณเขา สอนว่า ช้ามีคุณ

 

ต้นกล้า แห่งพระธรรม
ช่วยน้อมนำ จิตใจให้
เบิกบาน ชุ่มชื่นใจ
พร้อมก้าวไป ในความดี

 

ติงมีเรื่องน่ารักๆ ของเด็กๆมาเล่าให้ฟังนะคะ
ด้วยความที่ติงสอนนักเรียนชั้น ม.๑ ซึ่งถือว่ายังไร้เดียงสาอยู่มาก
ดังนั้น ก่อนถึงวันไหว้ครู ติงก็จะสอนเกี่ยวกับเรื่องนี้
สอนการทำกรวยใบตอง ที่บรรจุดอกไม้ ธูป เทียน
ที่ขาดไม่ได้คือหญ้าแพรก ดอกมะเขือและข้าวตอก
อธิบายถึงความหมาย...ให้เขาฟัง
นักเรียนก็น่ารักมาก ทำตามที่คุณครูสอน
เขาจะมีกรวยใบตอง ที่ทำเองบ้าง คุณยายทำให้บ้าง คุณแม่ทำให้บ้าง
บรรจุดอกไม้ที่หาได้ในบ้าน และที่สำคัญไม่ลืมสิ่งที่คุณครูสอน
คือธูป เทียน หญ้าแพรก ดอกมะเขือ และข้าวตอก

ปีที่แล้ว มีเด็กๆเอาหญ้าเจ้าชู้ใส่ในกรวยมาไหว้ครู ด้วยความเข้าใจว่าเป็นหญ้าแพรก
มาปีนี้ มีหญ้าชนิดหนึ่งโผล่มา ๓ กรวย
ชาวบ้านเรียกหญ้านี้ว่าหญ้าไข่เหาค่ะ หญ้ากำลังออกดอกเหมือนไข่เหาพอดี

 

เด็กๆที่ติงดูแล ขึ้นชื่อเรื่องความซน
โด่งดัง เป็นที่รู้จักของครูทั้งโรงเรียน
ใครๆที่ได้สอน มักถามว่าใครเป็นครูที่ปรึกษา(๕๕๕)
เด็กๆ ชั้น ม.๑ ปีนี้ เอามาลัยกรมาไหว้ครู
เขาก็มาขอไปใส่พานของเขา(พานของชั้นเรียน ใช้ในการทำพิธีในหอประชุม) ครูก็ให้
เด็กๆ ชั้น ม.๑ เอามาลัยกรมาไหว้ครูอีก เขาก็ขอเอามาลัยนั้น ไปใส่พานมาไหว้ครูบ้าง
(เพราะมาไหว้ครู จะได้ทานขนม แล้วครูก็จะผูกข้อมือและอวยพรให้)
เวียนเทียนกันเป็นที่สนุกสนาน ดูน่ารักเหมือนเด็กๆอนุบาล ทั้งที่เรียนชั้นม.๒ แล้ว
(เด็กๆ ดูเหมือนจะมีความสุขมาก)
วันนี้ ขอนินทานักเรียนสักวันนะคะ