วิญญานอาฆาตที่ราชประสงค์

รบกวนท่านเมตตาเป้นธรรมทาน ช่วยอธิบายหน่อยครับ
ผมคิดว่าหลายท่านในที่นี้ก้อคงเป้นนักปฎิบัติมาบ้างไม่มากก้อน้อย
หากท่านอธิบายไว้ ย่อมเป้นธรรมทาน และผมเชื่อว่าธรรมะเป้นเรื่องธรรมชาติ
แม้ว่ายากยิ่ง ก้อน่าจะอธิบายหรือบอกเล่าได้บ้างไม่มากก้อน้อย
เหมือนครูบาอาจารย์ที่ได้ปฎิบัติธรมขั้งสูงสามารถเล่าให้ลูกศิษย์ฟังได้ ยากบ้างง่ายบ้าง
เป้นไปตามภูมิธรรมแต่ละท่าน รบกวนด้วยครับขอกราบอนุโมทนาสาธุการในกุศลจิต
ของท่านนะครับ

 

*********************
ผมขอบังอาจแนะนำ ให้ศึกษาคำสอนของหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุงครับ
พระอาจารย์ท่าน บรรยาย และรวมทั้งคำสอนที่ละเอียดในการฝึกจิต
ตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงอภิญญา ครับ
ในเวปของเราก็มีไฟล์เสียง จำนวนมากครับ
เพราะคำสอนของพระสุปฏิปันโน จะไม่มีเรื่องของการผิดศีลในข้อ
มุสา และการอวดตริมนุษยธรรม ครับ

ผมไม่เห็นประโยชน์ของการที่จะเลิกถกกันนะ เพราะการที่ถกกันด้วย
ใจที่เปิดกว้างก็จะมีการเปิดรับข้อมูลในมิติที่ต่างกัน
เพื่อจะได้แง่คิิดมมุมองที่เปรียบเทียบ คิดไตร่ตรอง ก็จะเป็นความจริง

แล้วจะได้ เริ่มต้นได้อย่างไม่ติดขัดคับข้องภายในใจ หรือหลงผิด
การทำความจริงให้กระจ่างนั้น เป็นทางพุทธอยู่แล้วครับ

เพราะพระพุทธองค์ท่าน ให้ถือหลัก กาลมะสูตร
ในการเชื่อคิดและตัดสินใจครับ
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

 

ขอฟังเสียงของหลวงตาที่พูดหน่อยได้ไหมคับ เพราะว่าทุกครั้งที่หลงตาเทศน์จะมีการอัดเทปไว้เพื่อแจกจ่ายญาติโยม แค่ตัวหนังสือ หลักฐานยังไม่พอขอฟังเสียงหลวงตาหน่อยก็แล้วกันคับท่านCHAYA MARUTY

 

ในขบวนการเสื้อแดงแรกเริ่มจะบอกกับมวลชนว่าจงรักภักดีต่อสถาบันแต่แท้ที่จริงแล้วระดับแกนนำของเสื้อแดงเกือบทั้งหมดเป็นอดีตคอมมิวนิสต์ซึ่งก่อนเกิดเหตุการณ์บ้านเมืองย่ำแย่นี้ได้มีการประชุมของพรรคคอมมิวนิสแห่งประเทศไทยขึ้นเมื่อปี 2546 ที่ตึกช้างโดยมีวาทะเด็ดที่ได้กล่าวในงานประชุมครั้งนั้นว่า " ไม่ว่าเหตุการณ์และเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรแต่อุดมการณ์ของพวกเรายังคงเดิม " อยากรู้ว่าเรื่องราวจริงเป็นยังงัยลองไปศึกษาดู

 

ความฝันของพระเจ้าปเสนทิโกศล และคำทำนายของพระพุทธเจ้าทั้ง 16 ประการ มีดังนี้
1. ทรงฝันว่า มีโคตัวผู้สีเหมือนดอกอัญชัญ 4 ตัว ต่างคิดจะชนกัน ก็พากันวิ่งมาสู่ท้องพระลานหลวงจาก 4 ทิศ ฝูงชนต่างรอดู โคทั้งสี่ก็ส่งเสียงคำรามลั่น แต่แล้วต่างก็ถอยออกไป ไม่ชนกัน - พระพุทธเจ้าได้ทรงทำนายว่า ในอนาคตในชั่วศาสนาของพระองค์ เมื่อโลกหมุนไปถึงจุดที่เสื่อมลง มนุษย์ไม่ตั้งอยู่ในศีลในธรรม ฝนฟ้าจักแล้ง ทุพภิกขภัยจักเกิดขึ้น คล้ายเมฆตั้งเค้าจะมีฝน มีเสียงคำรามกระหึ่ม แต่แล้วก็ไม่ตก กลับเลยหายไป เหมือนโคตั้งท่าจะชนกัน แต่ไม่ชนกันฉะนั้น


2. ทรงฝันว่า ต้นไม้เล็กๆ และกอไผ่ที่โตเพียงคืบบ้าง ศอกบ้าง ก็ออกดอกออกผลแล้ว - พระพุทธองค์ทรงทำนายว่า ต่อไปเมื่อโลกเสื่อม มนุษย์แม้จะมีอายุเยาว์ มีวัยยังไม่สมบูรณ์ก็จะมีราคะกล้า และสมสู่กันตั้งแต่อายุยังน้อย และจะมีลูกแต่เด็กๆ เหมือนต้นไม้เล็กๆ แต่ก็มีผลแล้ว


3. ทรงฝันว่า ทรงเห็นแม่โคใหญ่ๆ พากันดื่มนมของฝูงลูกโคที่เพิ่งเกิด - ทรงทำนายว่า ต่อไปในอนาคตการเคารพนบนอบผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ ครูบาอาจารย์จะเสื่อมถอย คนเฒ่าคนแก่พ่อแม่เมื่อหมดที่พึ่ง หาเลี้ยงตนไม่ได้ ก็ต้องง้อ ต้องประจบเด็กๆ ดังที่แม่โคที่ต้องกินนมลูกโคฉะนั้น


4. ทรงฝันว่าผู้คนไม่ใช้วัวตัวใหญ่ ที่สมบูรณ์แข็งแรงเทียมแอกลากเกวียน กลับไปใช้โครุ่นๆ ที่ยังปราศจากกำลังมาลาก เมื่อมันลากเกวียนให้แล่นไม่ได้ มันก็สลัดแอกนั้นเสีย - ทรงทำนายว่า ในภายหน้าเมื่อผู้มีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม แทนที่จะยกย่องและมอบหมายหน้าที่ ให้กับผู้มีสติปัญญา ความรู้ กลับไปมอบยศศักดิ์ให้กับคนหนุ่มที่อ่อนหัด ด้อยประสบการณ์ ทำให้ปฏิบัติหน้าที่ได้ไม่ดี กิจการต่างๆ ก็ไม่สำเร็จ ก็เหมือนใช้โครุ่นมาเทียมแอก เกวียนก็แล่นไม่ได้ฉันใด ก็ฉันนั้น


5. ทรงฝันว่าเห็นม้าตัวหนึ่ง มีปากสองข้าง ฝูงชนก็เอาหญ้าไปป้อนที่ปากทั้งสองข้าง มันก็กินทั้งสองข้าง - ทรงทำนายว่า ในอนาคตเมื่อผู้บริหาร หรือผู้มีอำนาจไม่ดำรงอยู่ในธรรม ตั้งคนพาล หรือคนไม่มีศีลธรรมไว้ในตำแหน่งอันมีผลต่อผู้อื่น คนเหล่านั้นก็จะไม่นึกถึงบาปบุญ คุณโทษ แต่จะตัดสินคดีต่างๆ ตามแต่ใจชอบ โดยเอาสินบนจากทั้งสองฝ่ายเป็นประมาณ ดังม้าที่กินหญ้าทั้งสองปาก


6. ทรงฝันว่าฝูงชนเอาถาดทองราคาแพง ไปให้หมาจิ้งจอกแก่ตัวหนึ่ง พร้อมเชื้อเชิญให้หมาจิ้งจอกตัวนั้น ถ่ายปัสสาวะใส่ถาดทองนั้น - ทรงทำนายว่า ต่อไปคนดีมีสกุลทั้งหลายจะสิ้นอำนาจวาสนา คนตระกูลต่ำ หรือคนพาลจะได้เป็นใหญ่เป็นโต และคนมีตระกูล ก็จะต้องยกลูกสาว ให้แก่ผู้ไร้ตระกูลเหล่านั้น เหมือนเอาถาดทองไปให้หมาปัสสาวะรด


7.ทรงฝันว่า มีชายคนหนึ่งนั่งฟั่นเชือก แล้วหย่อนไปในที่ใกล้เท้า แม่หมาจิ้งจอกโซตัวหนึ่ง นอนอยู่ใต้ตั่งที่บุรุษนั้นนั่งอยู่ แล้วก็กัดกินเชือกนั้น โดยที่เขาไม่รู้ตัว - ทรงทำนายว่า ในกาลข้างหน้า ผู้หญิงจะเหลาะแหละ โลเล ลุ่มหลงในสุรา เอาแต่แต่งตัว เที่ยวเตร่ ประพฤติทุศีล แล้วก็จะเอาทรัพย์ที่สามีหาได้ด้วยความลำบากไปใช้ หรือให้ชายชู้ เหมือนนางหมาโซที่นอนใต้ตั่ง คอยกัดกินเชือกที่เขาฟั่น และหย่อนลงไว้ใกล้เท้า


8. ทรงฝันว่ามีตุ่มน้ำเต็มเปี่ยมตุ่มหนึ่งวางอยู่ตรงประตูวัง แวดล้อมด้วยตุ่มว่างๆ เป็นอันมาก แต่คนก็ยังไปตักน้ำใส่ตุ่มที่เต็มอยู่ จนล้นแล้วล้นอีก โดยไม่เหลียวแลจะตักใส่ตุ่มที่ว่างๆ นั้นเลย - ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อศาสนาเสื่อม คนเป็นใหญ่หรือมีอำนาจ จะเบียดเบียนหรือเอาเปรียบผู้ด้อยกว่า คนที่รวยอยู่แล้ว ก็จะมีคนจนหารายได้ ไปส่งเสริมให้รวยยิ่งขึ้น ดังฝูงชนที่ต้องตักน้ำใส่ตุ่มใหญ่ที่เต็มอยู่แล้วจนล้น ส่วนตุ่มที่ว่างอยู่กลับไม่ไปใส่น้ำ
9. ทรงฝันเห็นสระแห่งหนึ่ง มีบัวนานาชนิดขึ้นอยู่เต็ม และมีท่าขึ้นลงโดยรอบ สัตว์ต่างๆ ก็พากันดื่มน้ำในสระ แต่แทนที่น้ำบริเวณที่สัตว์เหยียบย่ำจะขุ่น กลับใสสะอาด ส่วนน้ำที่อยู่ลึกกลางสระที่สัตว์ไม่ไปดื่มหรือ เหยียบย่ำแทนที่จะใส กลับขุ่นข้น - ทรงทำนายว่า ต่อไป เมื่อคนมีอำนาจไม่ตั้งอยู่ในธรรม ขาดเมตตา คอยใช้อำนาจ รีดนาทาเร้นหรือกินสินบน ชาวบ้านชาวเมือง ก็จะหนีไปอยู่ตามชายแดนหรือที่อื่นๆ ทำให้ที่นั้นๆ ที่คนพากันไปอยู่มีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น เหมือนน้ำรอบๆ สระที่ใส ส่วนเมืองหลวงกลับว่างเปล่า เหมือนกลางสระที่ขุ่น


10. ทรงฝันว่า เห็นข้าวที่คนหุงในหม้อใบเดียวกัน สุกไม่เท่ากัน โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ ข้าวแฉะ ข้าวดิบ และข้าวสุกดี - ทรงทำนายว่า ในอนาคต เมื่อคนทั้งหลายไม่อยู่ในศีลในธรรมกันมากขึ้น ก็จะทำให้ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล หรือตกไม่ทั่วถึง ทำให้การเพาะปลูกบางแห่งได้ผล บางแห่งก็ไม่ได้ผล เช่นเดียวกับข้าวที่มีสุกบ้าง ดิบบ้าง และแฉะบ้าง


11. ทรงฝันว่าคนนำแก่นจันทน์ที่มีราคาแพง ไปแลกกับเปรียงเน่า (อ่านว่า เปฺรียง มี 3 ความหมาย คือ 1. นมส้มผสมน้ำแล้วเจียวให้แตกมัน 2.น้ำมันจากไขข้อวัว และ 3.เถาวัลย์เปรียง แต่ในที่นี้น่าจะหมายถึงเถาวัลย์เปรียง เทียบกับแก่นจันทน์ที่เป็นไม้เหมือนกันมากกว่า 2 ความหมายแรก) - ทรงทำนายว่า กาลภายหน้า พระภิกษุอลัชชีเห็นแก่ได้ทั้งหลาย แทนที่จะนำธรรมะ ที่พระพุทธองค์สอน ไปสอนสั่งให้คนหลุดพ้นจากความทุกข์ และละความโลภ กลับใช้เป็นเครื่องมือเพื่อหากิน หาปัจจัยบริจาคเข้าตัวเอง เหมือนเอาแก่นจันทน์ (ธรรมะคำสอนที่ดี) ไปแลกเอาเถาวัลย์เน่า (ลาภอามิสที่ได้รับมา ซึ่งไม่จีรังและไม่ช่วยให้พ้นทุกข์จริงๆ ได้)


12. ทรงฝันเห็นกระโหลกน้ำเต้าจมน้ำได้ - ทรงทำนายว่า ต่อไปคำพูดของคน ที่ไม่ควรจะได้รับความเชื่อถือ กลับจะได้รับความเชื่อถือ โดยเปรียบถ้อยคำของคนที่ไม่น่าเชื่อว่ามีน้ำหนักเบาเหมือนกับผลน้ำเต้า ซึ่งปกติจะลอยน้ำ แต่เมื่อคนเชื่อว่าคำพูดเหล่านั้นมีน้ำหนัก หรือหนักแน่น จึงเปรียบคำพูดนั้นว่ามีน้ำหนัก ราวกับน้ำเต้าที่จมน้ำได้


13. ทรงฝันว่าศิลาแท่งทึบขนาดเรือน ลอยน้ำได้เหมือนเรือ - ทรงทำนายว่า ถ้อยคำของคนที่ควรได้รับการเชื่อถือ ซึ่งหนักแน่น มีน้ำหนักเปรียบประดุจแท่งศิลา กลับไม่ได้รับความเชื่อถือ หรือกลายเป็นถ้อยคำที่ไม่มีน้ำหนักเหมือน เรือที่ลอยได้ ข้อนี้ตรงกันข้ามกับข้อที่แล้ว คือ คนหันไปเชื่อคำพูดคนที่ไม่ควรเชื่อ เหมือนสิ่งที่ควรลอยกลับจม สิ่งที่ควรจมกลับลอย


14. ทรงฝันว่า ทรงเห็นฝูงเขียดตัวเล็กๆ วิ่งไล่กวดงูเห่าตัวใหญ่ และกัดเนื้องูเห่าขาดเหมือนกัดก้านบัว แล้วกลืนกินเข้าไป - ทรงทำนายว่า เมื่อมนุษย์ปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส ราคะ สามีจะตกอยู่ในอำนาจของเมียเด็ก และจะถูกดุด่าว่ากล่าวเช่นเดียวกับคนรับใช้ เหมือนเขียดตัวเล็กๆ แต่กลับกินงูได้


15. ทรงฝันว่า ฝูงพญาหงส์ทอง ที่มีขนเป็นทอง ถูกแวดล้อมด้วยกา - ทรงทำนายว่า ในอนาคตผู้มีตระกูลต้องไปเที่ยวประจบ และสวามิภักดิ์ต่อผู้ไม่มีตระกูล เหมือนหงส์ทองแวดล้อมด้วยกา


16. ทรงฝันว่า ฝูงแกะพากันไล่กวดฝูงเสือเหลือง และกัดกิน ทำให้เสืออื่นๆ สะดุ้งกลัว จนต้องหนีไปแอบซ่อนตัวจากฝูงแกะ - ทรงทำนายว่าต่อไปภายหน้า คนชั่ว หรือคนที่ไม่ดีจะเรืองอำนาจ และใช้อำนาจเป็นธรรม ทำให้คนดีถูกทำร้าย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ต้องหลบหนี ซ่อนตัวจากภัยร้ายเหล่านี้ เหมือนเสือซ่อนตัวจากแกะ

 

<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

​

 

คำว่า " สามัคคี "<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>​

" คำว่า สามัคคีนี้ ฟังแล้วก็เบื่อ ทุกคนฟัง เวลาไปที่ไหน ท่านผู้ใหญ่ไปที่ไหน บอกว่าจงอยู่ในสามัคคีธรรม ขอให้ตั้งอยู่ในสามัคคีธรรม คนไทยตั้งอยู่ในสามัคคีธรรมจึงจะรอดพ้น ฟังแล้วอาจจะเบื่อก็ได้คำว่าสามัคคี แต่ว่าถ้ามาคิดอย่างสามัคคีคืออะไร สามัคคีคือการร่วมแรงกัน ทำงานอย่างหนึ่งก็เป็นสามัคคี แต่สามัคคีคือครบถ้วนก็เป็นสามัคคี ดังที่เรียกว่าสมังคี สมังคีหรือสามัคคีก็เหมือนกัน สมังคีก็ฟังได้ชัดขึ้นหน่อยว่าแปลว่าให้พร้อม ให้ไปด้วยกันหรือให้มาอยู่ด้วยกัน"

" ถ้าหากว่าพูดถึงเรื่องอื่่นที่กว้างขวางออกไป จะเป็นการปฏิบัติกิจใด ทำอะไรก็ตามมันต้องหลายส่วนไม่ใช่ส่วนเดียว ทุกอย่างต้องไปพร้อมกัน คือ ในการปฏิบัติตนในอาชีพการงานของแต่ละคนๆ คนหนึ่งคนใดนั้นไม่ได้ทำอย่างเดียว ทำทุกอย่างทำหลายอย่าง แต่ว่าก็อาจจะหนักไปในทางหนึ่งทางใด เพราะมีหน้าที่ต่างกัน แต่ว่าถ้าไม่สอดคล้องกัน มันก็เป็นการเป็นเบียดเบียนกัน ก็ไม่สมังคี งานการนั้นๆ ก็ไม่ก้าวหน้า ยิ่งขยายออกไปเป็นเรื่องของส่วนรวม จะเป็นส่วนรวมของคณะ หรือส่วนรวมของสมาคม หรือส่วนรวมของสถาบัน จนส่วนรวมของประเทศชาติ ถ้าไม่สามัคคีกัน ถ้าไม่สมังคี ถ้าไม่พร้อมเพรียงกันเป็นการขัดขากัน ไม่ไปไหน แล้วทั้งหมดก็เสีย"

" สามัคคีอีกอย่างก็คือสามัคคีในจิตใจ คือปรองดองกันโดยเมตตากรุณากัน คนเราถ้าทำงานแล้วไม่เมตตากัน ไม่กรุณากัน มันแห้งแล้ง แห้งแล้งแล้วไม่รู้ว่าทำงานทำไม มีชีวิตทำไม แล้วก็ลงท้ายคนที่มีชีวิตมาแล้วก็ย่อมมีชีวิต คนที่เกิดมาเขาไม่ตาย ถึงเวลาเขาก็ตาย แต่ว่าคนที่เกิดมาต้องมีชีวิต เมื่อมีชีวิตแล้วก็แห้งแล้งมันก็อยากตาย ถ้าอยากตายมันก็ไม่มีประโยชน์ เพราะว่าถ้าจะไม่ตายมันก็ตาย มันเป็นธรรมดา ฉะนั้นถ้ามีชีวิตอยู่ก็ต้องมีชีวิตทำงานทำการและมีความคิด ถ้ามีความเมตตากรุณาซึ่งกันและกันชีวิตก็ไปได้ เมื่อชีวิตไปได้แล้วส่วนรวมก็ไปได้ ถ้าหากว่าสามัคคีในทางเมตตากรุณา ก็หมายความว่าถ้าเห็นคนอื่นเขาทำอะไรก็ช่วยเขา ถ้าเขาทำดีก็ชื่นชม ถ้าเขาทำไม่ดีก็ตักเตือน ถ้าตักเตือนก็ไม่ใช่ไปตักเตือนเขาอย่างที่จะทำให้เขาเจ็บใจเปล่าๆ ก็ไปตักเตือนเขาอย่างทำให้เขามีกำลังใจ เห็นว่าตรงไหนบกพร่องให้เขาเข้าใจ ถ้าเขาเข้าใจแล้วเขาก็อาจจะเห็นว่าเขาบกพร่องตรงนั้นไ แก้ไขอย่างไรนั่นนะเป็นเมตตา ที่ว่าพ่อแม่ตีลูกรู้สึกว่าดุร้าย ที่จริงการตีลูกนั้นก็เป็นความเมตตากรุณา เพราะว่าเป็นการตักเตือน ถ้าหากว่าพ่อแม่ตีลูกด้วยโทสะ ด้วยความโกรธเคือง นั้นนะไม่ดี แต่ถ้าตีลูกเพราะอยากให้เข้าใจ นั้นนะเป็นเมตตา เมตตากรุณานั้นไม่ได้หมายความว่าให้มานั่งยอกัน ชมกัน เมตตากรุณานี้บางทีก็เป็นการตักเตือนกันช่วยกันแต่อย่างนุ่มนวล ไม่ใช่ตักเตือนอย่างรุนแรงที่จะเป็นการที่เรียกว่าด่ากัน ความจริงเวลามีใครมาตักเตือนเราแล้วเราก็รู้สึกว่าไม่ค่อยพอใจอยู่เสมอ รู้สึกขุ่นเคืองแล้วก็หาว่าเขาด่า แต่ว่าบางทีพิจารณาแล้วเขามาตักเตือนอย่างนิ่มนวล แล้วเรารู้ว่าเขาหวังดีจริงๆ ก็ไม่โกรธ แล้วก็เป็นประโยชน์ ไม่เป็นการด่า ฉะนั้น การตักเตือนก็เป็นเมตตากรุณาอย่างหนึ่งเหมือนกัน อันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของสามัคคีด้านจิตใจ ฉะนั้น ถ้าแต่ละคนเข้าใจถึงคำว่าสามัคคี ก็เป็นบทเรียนที่ ๑ ที่ทำให้บ้านเมืองนี้จะมีความเจริญ จะมีความมั่นคงปลอดภัยได้ส่วนหนึ่ง อย่างแน่นอน "

(พระราชดำรัส ในโอกาสที่คณะบุคคลต่างๆ เฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย วันศุกร์ ที ๔ ธันวาคม ๒๕๒๔)<o></o>
<o> </o>

 

ผล นั้นเกิดแด่เหตุ
บาปกรรม ย่อมเกิดจากการกระทำกรรม

ถ้ามีคนคิดต่างกันแล้ว
คนที่มีกำลังมากกว่าแก้ปัญหาด้วยทำให้เกิดความกลัว
โดยการฆ่า แบบเชือดไก่ให่ลิงดูนั้น
ไม่ทราบว่าคนทำจะได้ผลบุญตรงใหน
เพราะบาปที่เกิดก็คือการฆ่าไก่อย่างตั้งใจแล้ว
กรรมหนัก ซ้ำยังก่อให้เกิดบาปกรรมต่อเนื่องไปถึง
ลิงที่อยุ่ด้วยความหวาดกลัวและสาปแช่ง
การสาปแช่งนั้น มีพลานุภาพเหมือนกับการอธิฐาน
แต่ส่งผลกรรงข้ามกัน

แล้วคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องยังกับเหตุการไม่มากก็น้อย
ไม่ว่าในฝ่ายใด ทั้งคนยั่ว และคนฆ่ายื่นหน้าสลอนกันในสังคม
บางออกมาสอนคนอื่นว่าอย่าทำชั่วอีก
น่าเศร้าใจครับ สงสารคนที่ความเมตตา
ไม่สามารถกระเทาะเปลือกแห่ความโลภโกรธ หลง
ไปถึงมโนจิตจนสามารถ เลือกหยุด กระทำกรรมชั่วได้

ผมว่าอย่ามาเกี่ยงกันเลยครับ มาช่วยกันหาวิธีจะทำอย่างไร
เพื่อให้เงื่อนไขการสร้างกรรมเวรได้หมดจากแผ่นดินเกิดของเรา

แน่นอนครับ ผลเกิดแต่เหตุ
เราจะแก้ที่เหตุ หรือจะแก้ที่ปลายของเหตุึคือผลนั้น
ถ้าคิดผิด ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้

 

ลุงคนเชียงใหม่ ครับ คนคิดดีทำดี ย่อมต้องเจอมารร้าย เป็นธรรมมะดา ครับ
คนเสื้อแดง คิดว่าเลว คนเสื้อเหลือง คิดว่าดี แล้วใครจึงจะบอกได้ว่า
คนเสื้อนั้นเสื้อนี้ถูก ต้องปล่อยให้ กรรม เป็นผู้ตัดสินเถอะ

 

********************************************
การโปรดสัตว์ให้พ้นจากบ่วงกรรมนั้น
หรือเป็นการบรรเทาผลกรรมนั้นให้เบาบางลง
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทางปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง
พระองค์จะโปรดโดยใช้ญานตรวจดูก่อน

แต่อย่างเราๆผมเห็นด้วยกับ คุณวิกรมหลานพระคุณลุง
เจ้าของกระทู้นะครับ
ว่าเราทำหน้าที่ในการแจ้งเตือนข่าวร้าย
ขยายทิศทางผลแห่งการกระทำดี
เขาอาจจะไม่มีบุญร่วม กับเราเขาก็ไม่ทราบหรือ
ไม่มีผลคิดกลับใจมาทำดี แต่อย่างไรก็ตาม
เราก็ได้กระทำดีแล้ว จิตเราที่เป็นกุศลอยากเห็นเขาพ้นทุกข์
จากกรรมตกนรก ก็น่าจะเป็นช่องทางการทำบุญอย่างหนึ่ง

ส่วนเขาจะเชื่อหรือไม่อย่างไร ก้เป็นเรื่องของกรรม

 

จะสีไหนก็คนไทยด้วยกัน เราถูก นักธุรกิจการเมือนปั่นห้วเล่นอยู่ เอาไปดูคลายเครียดครับ พอ ฮา ๆๆ น่ะ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=gi0ZT0Onl7g&feature=player_embedded]YouTube - ถ้าพ่อใหญ่ทักษิณกลับมานะ[/ame]

 

เฝ้าดูกระทู้นี้มาพอสมควร

เห็นว่าจิตวิญญานคนเป็นที่เข้ามาโพสต์ในกระทู้นี้ มาความอาฆาตชิงชังกันมากกว่าพวกที่ตายที่ราชประสงค์อีก นะครับ

จริงๆทั้งเสื้อเหลืองเสื้อแดงก็เคยจองเวรรบราฆ่าฟันกันแบบนี้มาหลายภพชาติแล้ว
ส่วนตัวยังเชื่อว่าคงไม่เลิกรากันไปง่ายๆ ยังต้องดูรอบต่อไปใครจะเป็นเหยื่อสังหารกันอีก

อยากจะเห็นบ้านเมืองสงบสุขจริงๆในช่วงชีวิตนี้ ควรจะหาหนทางให้อยู่รอดไปถึงปี 2563 ให้ได้แล้วกัน ไม่ต้องไปรบราจองเวรกับใคร มุ่งทำดีสร้างบารมีเท่านั้นแหละ

เพราะพวกที่ยังรบกันอยู่นี้ ไม่ว่าจะเป็นผีหรือเป็นคน ก็ยังจะรบต่อๆไปอีกหลายชาติ

 

อยู่เฉยๆดีกว่าน่ะ ไฟมันไหม้ทำตัวเป็นหญ้าแห้งก็ไหม้ไปด้วย ทำอะไรไม่ได้ก็เป็นหญ้าสด ไฟมาถึงมันก็ไม่ไหม้เรา

ก็เราไม่ใช่น้ำนิ จะได้ดับไฟได้

 

จบยาก รุ่นสู่รุ่น ไม่หยุด ก้อตามสู้ไป

 

ท่านที่พยายามหาเหตุผลเข้าข้างการฆ่า
ผมขอถามความรู้สึกท่านต่อการตายของคนกว่าร้อยคน
ไม่ว่าเรื่องตั้งต้นจะเป็นอย่างไร
ผมเชื่อว่าในจำนวนนั้นมีผู้บริสุทธิอย่างมากมายครับ
ถ้าหนึ่งในนั้นเป็นญาติ หรือคนในครอบครับท่าน
โดยมีคนอื่นอ้างเหตุผล มาฆ่านั้นท่านจะรู้สึกโกรธแค้นหรือไม่
และคนตายนั้นเป็นท่านๆจะรู้สึกอย่างที่ท่านกำลังหาเหตุอ้างหรือไม่

ผมว่าผมเข้าใจความรู้สึกของผู้เขียนกระทู้
หรือถ้าคนตายผม หรือผมเป็นญาติคนตาย
ด้วยเหตุผลทางโลกนั้น ก็คงรู้สึกไม่แตกต่าง
สิ่งที่ผู้ตั้งกระัทู้เขียนถึงสัมผัสทางจิตมา
ก็คงไม่แตกต่างกับความรู้สึกที่ผมคิดตามนะครับ

ที่ผมกลัวคือท่านที่เห็นดีเห็นงามด้วยกับการฆ่า
ท่านกำลังเข้าไปแบกรับเสียงสาปแช่งนั้นด้วยครับ
ความรูู้้สึกว่าการฆ่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องกับเหตุอ้างนั้นจะติดจิตของท่านไป
และวันที่ท่านตายก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งทำให้จิตเศร้าหมอง
ก็เหมือนกับการอนุโมทนาการฆ่านั้นแหละครับ

ท่านกล้าไปยืนขอบเหวนรกครับ ช่างกล้าเสี่ยงจริงๆครับ

 

***********************************
โห เล่นตอบซะไม่อยากต่อเลยครับ
กลัวตกนรกไปด้วย แต่ในฐานะที่เกิดเหตุผมพักอยู่แถวซอยรางน้ำ
เห็นการฆ่าแล้วก็คิดว่าไม่มีทางจบครับ
เพื่อนผมที่เสียพี่ชายไป ชีวิตเขาก็เปลี่ยนไปเลยครับ
จากคนที่ไม่ค่อยสนใจอะไรมาก ตอนนี้กลายเป็นคนรุนแรง
และพร้อมที่จะลุยอะไรก็ตามที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา

ผมยังไม่มีช่องที่จะเข้าถึงเขาเพื่อพูดคุยเรื่องกรรมเวรร่วม
กลัวมันกระโดดเตะเอาครับ เพราะที่บ้านเขานั้นยังเก็บของทุกชิ้น
ของคนตายไว้ในบ้าน ป้าๆ น้าๆ อาๆ และญาติๆ
ไม่เห็นมีใครจะยกโทษให้ เพราะพี่ชายเพื่อนผม
เขาแค่เดินไปซื้อของแต่โดนยิงครับ

 

หากลบกระทู้นี้ไป จะทำให้ลดอารมณ์ขุ่นมัวของคนในนี้ได้บ้างมั้ยอ่ะจ้า

 

ซุ่มยิงหัวคนที่ไม่เคยรู้จัก หรือโกรธแค้นกันมาก่อน ไม่เคยทำให้คนที่ยิงเขาเดือดร้อนยิงเขาทำไม ฆ่าเขาทำไม พวกเขาตาย ญาติพี่น้อง พ่อแม่ ลูกเมียเขาละ แล้วมาพูดว่าให้แล้วกันไป ผู้ที่พูดอย่างนี้ ถ้าคนที่ตายเป็นพี่น้อง ลูกหลานคุณ จะทำอย่างไร.........?????
............ผู้สมรู้ร่วมฆ่า ท่านก็ต้องได้รับกรรมที่ทำไว้ในนรกวาศนาบารมีของท่านช่วยท่านไม่ได้นะ จะบอกให้.................เพราะในนรกมีมาตรฐานเดียว

 

ผมเหยียบแมลง สาบ ยังสลดเลย จิตใจหดหู่ วิตก กลัวปาบ กรรม ............... แล้ว............ จบไม่อยากพูดต่อ ............

 

ศีลข้อที่ 1 ก็ผิดแล้ว ไม่ว่าจะเจตนา หรือ ไม่เจตนา ทุกชีวิตมีค่า
สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ขอแผ่เมตตาให้กับวิญญานทั้งหลายด้วยเทอญ.....