วิริยาธิกะพิเศษบันทึก

8.16 น ท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาส หลวงพี่ชัยวัฒน และหลวงพี่วิชิตเดินทางมาถึงวิหาร บรรยากาสที่วิหารตอนเช้าก่อนบวงสรวงมีการถวายสังฆทาน

 

9.21 น เริ่มพิธีบวงสรวง

 

9.29 น บวงสรวงเสร็จ ท่านเจ้าคุณและหลวงพี่ชัยวัฒนกล่าวนำญาติโยมขอขมาพระรัตนไตร

 

9.40 เมื่อขอขมาพระรัตนไตรเสร็จ ท่านเจ้าคุณนำสวดอิติปิโสหนึ่งจบ แล้วต่อด้วยพระคาถาเงินล้าน จากนั้นท่านก็พาญาติโยมเจริญพระกรรมฐานใช้เวลาประมาณ 5 นาที

ขณะที่จะเริ่มเจริญพระกรรมฐานฝนก็ตกลงมาปรอยๆ เมื่อเลิกพระกรรมฐานฝนก็เลิกตกเหมือนกัน ตามธรรมเนียมของพ่อปู่และคณะที่นี่พอให้รู้

 

9.49 น เสร็จจากเจริญพระกรรมฐาน ท่านเจ้าคุณพร้อมคณะก็กลับลงไปรับสังฆทานต่อที่ด้านหน้าวิหารจนถึงเวลาถวายอาหารเพล

 

สวัสดีท่านทั้งหลาย

ขออนุโมทนา ในกุศลเจตนาที่ท่านทั้งหลายได้กระทำแล้ว ที่วิหารน้ำน้อย ด้วยเทอญ สาธุ

วิหารน้ำน้อย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ สร้างไว้เพื่อปกป้องคุ้มครอง ภาคใต้ทั้งหมด และเพื่อป้องกัน ไม่ให้ ภาคใต้ ต้องถูกแบ่งแยกดินแดนไป
(เขียนไปตามความรู้สึกนะ ผิดพลาดอะไรไป กราบขออภัยด้วย)

 

10.20 น พระสงค์เริ่มสวดเจริญพุทธมนต์ จากนั้นก็กล่าวถวายภัตราหาร ฉะเพาะที่วิหารน้ำน้อยผมได้มีวาสนาเป็นเจ้าภาพอาหารพระมาตั้งแต่ปี2540ติดต่อกันโดยขอจองตลอดชีวิต ขอโอกาสกับทุกๆคน จะขอเอาไว้เป็นทุนเพื่อเดินทางไกลสุดประมาณนี้ เมื่อเขารู้ว่าปรารถนาพระโพธิญาณหมู่คณะเขาก็ให้โอกาส แต่ก็ทำตัวแค่เป็นศูนย์กลางตัวนำ แล้วก็บอกบุญกับทุกคน แล้วก็ให้ทุกคนเป็นเจ้าภาพร่วมกัน


หวังต้องการให้ทุกคนหากว่ายังต้องท่องเที่ยวไปในวัฏสงสารยังไม่บรรลุมรรคผลเข้าถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด จะเกิดอีกเมื่อใดเท่าไรชาติกันก็ตาม คำว่ายากจนเข็ญใจคำว่าไม่มี คำว่าขัดข้อง จงอย่าได้มีกับท่านทั้งหลาย ไม่มีคำว่าเป็นทาษ เป็นลูกจ้าง เป็นบ่าวไพ่ผู้ใดหากไม่เต็มใจปรารถนา ไม่เป็นแต่เพียงผู้อาศัยใบบุญแต่ของผู้อื่นอีกต่อไป ไม่มีความจำเป็นต้องอาศัยร่มไม้ชายคาผู้ใดอีก หากจะมีก็ต้องมีแต่การเชื้อเชิญที่ดีเท่านั้นถึงจะไป ขอทุกท่านจงเป็นแต่เพียงเจ้าของกิจการ เป็นนายดุจดังการเป็นเจ้าภาพอาหารและของบริวารทั้งหลายเหล่านี้ ขอทุกท่านจงตั้งใจเป็นเจ้าภาพร่วมกันนะครับ

 

อาหารที่ถวายพระก็มีญาติโยมนำมาร่วมถวายจำนวนมาก ทั้งสองแก้วก็เป็นฝ่ายจัดการทุกอย่าง วันนี้แก้วพิเศษก็มาร่วมถวายด้วย อาหารนั้นรวมแล้วเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าใครจะมาร่วมอย่างไรแก้วใหญ่จะเป็นคนช่วยจัดหาภาชนะมาช่วยจัดถวายให้ทุกคนรักษากำลังใจของคนที่มาร่วมเป็นอย่างดี

 

สตางค์ของคุณpomsakda 10,500 บาท และ ของคุณพงค์ภูพานผมได้รับแล้ว โมทนาสาธุอย่างยิ่ง ขอจงสมความปรารถนาในทุกประการโดยฉับพลันทันทีครับ

 

คัดลอกบางตอนมาให้ระลึกถึงกันว่าสถานที่แห่งนี้มีความสำคัญมากอย่างไร จากหนังสือประวัติพระวิหารน้ำน้อย

ในวันที่อัญเชิญพระประธานขึ้นไปบนแท่นในวิหารนั้น หลังจากหลวงพ่อทำพิธีบวงสรวงเสร็จแล้ว ท่านได้เล่าว่า เมื่อสักครู่นี้ พรหมท่านขยับเลื่อนองค์พระใต้ดินให้เข้ามาอยู่ใต้พระประธาน ซึ่งอยู่ในวิหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้เพราะจุดที่ฝังพระไว้ใต้ดิน ไม่สามารถตอกเสาเข็มลงไปได้ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อพระพุทธรูปใต้ดิน หรือห้องใต้ดิน ที่คนสมัยก่อนสร้างเอาไว้ได้

พระพุทธรูปองค์นี้ สร้างสมัย พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มีการทำพิธีตรึงแผ่นดินไทยไว้ ทิศเหนือที่เชียงแสน ทิศใต้ที่สงขลา เลยเขตนี้ออกไปไม่แน่นอน ยามใดไทยถอยอำนาจลงก็แยกตัวออกไปเป็นประเทศอื่น แต่ว่าสมัยต่อไปภายหน้า พวกดังกล่าวนี้คือ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู เป็นต้น
และดินแดนเหนือเชียงรายขึ้นไป จะกลับมารวมกับไทยอีก ทั้งนี้เพราะเขาเห็นว่าไทยรวย จะมาช่วยกันใช้เงินของไทย ฉะนั้นต่อไปถึงสมัยที่คนไทยส่วนใหญ่เป็นคนดีมีศีลธรรมแล้ว พระพุทธรูปทองคำองค์นี้จะขึ้นมาอยู่บนพื้นดินให้คนสักการบูชา


เมื่องานก่อสร้างพระวิหารเสร็จลง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพร้อมด้วย สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ฯ เพื่อทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในพระเกศมาลาของพระพุทธรูป เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๖ ส.ค. ๒๕๑๙
พระสงฆ์ที่ร่วมพิธีในวันนั้น นอกจากหลวงพ่อแล้วยังมีพระสุปฏิปันโน อีก ๗ รูป คือ หลวงปู่คำเสน คุณาลังกาโร, หลวงปู่บุดดา ถาวโร, หลวงปู่ชุ่ม โพธิโก, หลวงปู่ชัยวงศ์, หลวงปู่กล่อม วัดบุปผาราม, หลวงปู่มหาอำพัน และ หลวงปู่ธรรมชัย ธัมมชโย อีกด้วย

 

ภาพประวัติสาตร์ควรค่าแก่การทรงจำ 19 สิงหาคม 2519

 

ภาพประวัติสาตร์ควรค่าแก่การทรงจำ 26 สิงหาคม 2519 ณ พระวิหารน้ำน้อย

 

ภาพประวัติสาตร์ควรค่าแก่การทรงจำ หลวงพี่ชัยวัฒน ในอดีตที่พระวิหารน้ำน้อยสมัยยังไม่ได้บวชเป็นพระ

และในปัจจุบันท่านกำลังเล่าเรื่องราวในอดีตของสถานที่แห่งนี้

 

สวัสดีท่านทั้งหลาย

ได้อ่านตามที่ท่านพี่ PCO บอกมาแล้ว ก็ชื่นใจ สิ่งต่าง ๆ ก็เป็นอดีตไปแล้ว แต่ความดีนั้นยังคงอยู่ไปตลอด

ยังมีคนไทยอีกจำนวนมาก ที่ไม่มีความเข้าใจในเรื่องทำนองนี้ และจำนวนไม่น้อย ที่ไม่มีความภูมิใจที่ได้เกิดมาบนผืนแผ่นดินไทย ถ้าเขาได้ล่วงรู้ว่า บรรพบุรุษของไทยแต่โบราณ ตลอดจนพระสุปฏิปัณโณทั้งหลาย ได้ทำสิ่งที่ดีงามต่าง ๆ ไว้ให้แก่แผ่นดินไทยมากมายเพียงไร เขาจะภูมิใจ และดีใจ ที่ได้มีโอกาสเกิดมาบนแผ่นดินไทย อันเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์

คำว่า แผ่นดิน ธรรม แผ่นดิน ทอง หลาย ๆ คนก็อาจจคิดไปว่าเป็นเพียงคำเปรียบเปรยเท่านั้นนะ แต่ที่จริงแล้ว เราว่าเป็นคำกล่าวแบบตรง ๆ เลยหละ ก็แผ่นดินไทย หรือว่าประเทศไทย เป็นดินแดนแห่งพระพุทธศาสนา มีพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า แผ่ไพศาลไปทั่วแดน และแผ่นดินไทย ก็อุดมไปด้วยทองคำ ย้ำนะว่า ทองคำแท้ ๆ ที่พวกท่านทั้งหลายต้องไปซื้อมาจากร้านขายทองนั่นแหละ

ทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ที่มีคุณค่า ไม่ว่าจะเป็นทองคำ น้ำมัน และอื่นๆ ก็กำลังจะปรากฏให้เห็น ให้ประชาชนชาวไทย ได้ใช้ แต่จะเป็นเมื่อไรนั่น อันนี้ ก็ขึ้นอยู่กับ คนไทยทั้งหลายโดยส่วนใหญ่นั่นแหละนะ หมายถึงว่า ความดีของคนไทย มีมากเพียงพอ ที่จะทำให้เทวดาที่เขารักษาทรัพย์เหล่านั้นอยู่จะ ยอมปล่อยให้ได้รู้ ได้ใช้หรือไม่อย่างไร

ก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะ เทวดาเขากลัวว่า ถ้าได้เห็นมีทองคำมาก มีน้ำมันมาก ผู้คนก็จะเกิดความโลภ จนขาดสติ และก่อกรรมทำเข็ญ ทำบาปอกุศล เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่ง ทรัพย์สมบัติเหล่านั้น ก็จะเป็นผลเสียต่อผู้คนเอง และประเทศชาติ

ของดี ต้องคู่กับคนดี ฉะนั้น ทรัพยากรธรรมชาติต่าง ๆ ที่มีค่ามาก ทองคำก็ดี น้ำมัน ก็ดี จะปรากฏให้ ประชาชนชาวไทยได้รู้ ได้ใช้งาน ก็ต่อเมื่อ เมืองไทย คือคนไทย มีจิตใจ ที่รักษาศีล รักษาธรรม กันนะ

เมื่อผู้คน มีศีลห้า และกุศลกรรมบทสิบประการ ตลอดจน หิริ และโอตัปปะ ประจำใจ ด้วยอานุภาพแห่งศีลนี้ จะทำให้เทวดาท่าน ใจอ่อน เห็นในความดีของผู้คน จึงจะยอมให้ทรัพย์เหล่านั้น ปรากฏให้เห็น ให้ได้ใช้งานกันนะ

และก็ต้องทำความเข้าใจให้ดีนะ ไม่ใช่ว่า รักษาศีล รักษาธรรม เพียงเพื่ออยากได้ทองคำ อยากได้น้ำมัน ไม่ใช่อย่างนั้น การทำความดี ก็เพื่อความสุขใจ เพื่อความสงบสุข ร่มเย็นของผู้คนอย่างแท้จริง คือทำความดีด้วยใจจริงนะ ไม่ใช่แสร้งทำ เพื่ออยากได้ของแลกเปลี่ยน

ถ้าเป็นอย่างนั้น เทวดาเขารู้ได้ ก็ไม่มีทางได้เห็นทรัพย์สมบัติต่าง ๆ หรอกนะ เพราะเหตุว่า ทองคำ หรือว่า เพชร นิล จินดา อัญญมณีต่าง ๆ ก็ดี ก็เป็นเพียงวัตถุธาตุ ธรรมดาเท่านั้น มนุษย์เรา หรือว่าคนเรา คิดกันไปเอง สมมุติกันไปเอง ว่ามีค่า มีราคา ที่จริง ทรัพย์เหล่านั้น ก็เป็นเพียงแค่ ธาตุดิน เป็นเพียงแค่ ก้อนกรวด ก้อนทราย ไม่มีค่าอะไรหรอกนะ

สิ่งที่มีคุณค่าอย่างแท้จริง ก็คือ ศีล ธรรม ภายในใจของผู้คนนั่นแหละนะ

ก็เอาเป็นว่า รักษาศีล รักษาธรรม กันไว้ให้ดีนะ ส่วนในเรื่องทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ทองคำ น้ำมัน อัญญมณีต่าง ๆ ก็ดี คิดซะว่าเป็นของแถมนะ ทำเป็นลืม ๆ เดี๋ยว ก็ได้มาเองแหละ

ในความรู้สึกของเรานะ ทองคำต่าง ๆ ก็ดี อยู่ใต้ดิน และก็เลื่อนไป เลื่อนมา คือเปลี่ยนสถานที่ได้ จะขุดหาอย่างไร ก็ไม่มีทางพบเจอได้หรอกนะ เทวดาเขาไม่ให้เจอ ก็ไม่มีทางได้เจอ คือเขาบังเอาไว้หมด น้ำมันก็เหมือนกัน เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่เลยหละ แต่ว่า ขุดอย่างไรก็ไม่เจอหรอกนะ เทวดาเขาบังเอาไว้เช่นเดียวกัน

ถ้าขืนให้ขุดเจอกันได้ง่าย ๆ ประเทศชาติจะวุ่นวาย ผู้คนจะรบราฆ่าฟันกันจำนวนมาก เพียงเพราะความโลภ ทำให้ต้องก่อกรรมทำเข็ญกันอย่างมากมาย เทวดาเขาไม่ยอมให้เกิดขึ้นหรอกนะ

ของดี ต้อง คู่ กับคนดี

 

ใช่อย่างที่คุณน้อง03พูดทุกประการ ของดีมีค่ามันควรที่จะคู่กับคนดี
ผู้ชายไทยเราเมื่อบวชเรียนแล้วเขาก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ มีสติยั้งคิด หากจะมีครอบครัวผู้ใหญ่เขาก็จะช่วยจัดการให้ เขาเชื่อว่าได้อบรมบ่มนิสัยมาดีแล้วในเบื้องต้นแม้แค่ระดับคิหิปฏิบัติ ธัมมะปฏิบัติสำหรับฆราวาสผู้ครองเรือน ก็ถือรู้เรื่องรู้ประสาพอที่จะออกเรือน ฉะนั้นชายไทยสมัยก่อนเมื่อสึกจากการเป็นนักบวชจึงเรียกว่าทิศนำหน้า คำว่าทิศในความหมายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหมายถึงทิศทั้งหก

แต่แค่ทิศเบื้องหน้าอย่างเดียวหากทำได้มันก็พอจะเป็นผู้รับมรดกสืบทอดสิ่งต่างๆได้

ในด้านทิศต่างๆเช่นทิศเบื้องหน้า ปุรัตถิมทิศ มารดา บิดา ในที่นี้อยากจะรวมไปถึงแผ่นดินถิ่นเกิด

หากกตัญญูรู้คุณมันก็ควรจะมีคุณธรรมเหล่านี้ติดตัวประจำใจ

1 ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เราเลี้ยงท่านเป็นการตอบแทน
2 ทำกิจของท่าน ทำกิจของหน้าที่พลเมือง
3 ดำรงวงศ์สกุล
4 ประพฤติตนให้เป็นคนควรรับทรัพย์มรดก
5 เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

หากคนที่อาศัยผืนแผ่นดินไทยนี้เป็นแดนเกิด หรือแม้เข้ามาอาศัยผืนแผ่นดินถิ่นนี้ประกอบอาชีพการงานเลี้ยงตัว ประพฤติต่อแผ่นดินนี้แค่คิหิปฏิบัติ ผมก็เชื่อว่าเทวดาพ่อปู่ที่รักษาทรัพย์อยู่ท่านก็ไม่หวงแหน

คงจะหานางแก้วมาให้ คงจะยกทรัพย์สินให้ไม่ยาก ก็ขอให้ทุกคนเป็นคนมีใจเป็นไทตามคติที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านแนะนำพร่ำสอน ทรัพยากรณ์ของชาติก็จะได้มีโอกาสนำขึ้นมาใช้ประโยชน์กัน ตามตำราบอกว่าอีกสี่พันกว่าปีดวงอาทิตย์ดวงที่สอง สามสี่ห้าหกเจ็ดดวง จะโคจรมาจอดเทียบโลกมนุษย์แวะเติมน้ำมันเข้าห้องน้ำฟัดกาแฟ กว่าจะไปต่อได้สิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็ตายหมด เรามีเวลาใช้น้ำมันไม่นาน ฉะนั้นรีบเป็นคนดีแต่เนิ่นๆ

 

พี่บุญทรงวันนี้ผมได้โอนเงินจากกองทุนวิริยาธิกะมาร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐมกับพี่ อีก5,000บาทครับ

บุญทุกรายการกับพี่นะครับ

แล้วก็โอนไปทำบุญ ค่าดินปรับพื้นที่เทพื้นการก่อสร้างศาลาบาตร วัดหนองเรือ อ เมือง จ ลำพูน ธ กรุงไทย เลขบัญชี 511-0-61483-0 1,000บาท

 

กลับมาเรื่องงานบุญที่วิหารน้ำน้อยต่อก็มีเรื่องเล่านิดหน่อยขณะที่พระท่านฉันภัตราหารเพลในห้องชั้นล่างของวิหาร ซึ่งปีนี้ติดเครื่องปรับอากาศสามเครื่องเย็นสบายดีมาก ข้างนอกวิหารก็ปรากฏว่าฝนเทลงมาต้องรีบเก็บข้าวของกันเป็นการใหญ่สนุกสนานกันทั่ว ต้องพูดอย่างหลวงพ่อพูด ใครเปียกน้ำฝนมากรวยมาก ใครเปียกน้อยก็รวยมาก ไอ้พวกผมนั่งเฝ้าหลวงพี่อยู่ในห้องอาหาร เมื่อออกมาฝนหยุดไปแล้ว ก็เลยต้องพาหมู่คณะที่ไม่รู้เรื่องฝนข้างนอกตกใหญ่กับเขา ก็ขอว่าใครที่ไม่รู้เรื่องฝนตกกับเขา ก็จงรวยมากแบบไม่รู้เรื่องกับเขาบ้าง

ที่ต้องพูดถึงเพราะฝนตกแบบไม่ต้องมีเมฆหมอกหรือมีเค้าฝน ตกอย่างแรง ตกแบบไม่มีเหตผล แล้วก็หยุดแบบทันทีทันไดเล่นเอากรรมการบางคนที่เก็บข้าวของถูพื้นบันไดเพราะว่ามันลื่นมาก เกรงจะเป็นอันตรายต่อคนที่ขึ้นลงวิหาร ถึงกับบอกว่าอย่าเอาถึงกับต้องเดือดร้อน ตกน่ะตกได้ แต่อย่าเอากันถึงลำบาก นั่นพวกเราก็เอาเรื่อง ไม่กลัวเทวดาเหมือนกัน ทำให้เปียกหลบฝนกันจ้าละหวั่นแล้วไม่มาช่วยถูพื้นซะด้วยนะ

ตอนประมาณ10.34น แดดยังจ้าแต่ไม่ร้อนไม่มีอาการฝนจะตกแม้แต่น้อยผมเองยังนึกในใจว่าตามธรรมเนียมฝนต้องพรหมลงมาพอให้พวกเราได้ชื่นใจ ว่าผู้ใหญ่ท่านมากันมาก เห็นแดดจ้าแบบนี้จะมีฝนยังไง

ก็มีการฝนตกโชว์เลยเหมือนกัน พอช่วงบวงสรวงเสร็จหลวงพี่พากันขึ้นไปบนวิหารนำญาติโยมขอขมาพระรัตนไตรขณะทำพิธีบนวิหารฝนก็ปรอยๆพรำลงมา เมื่อสวดพระคาถาเงินล้านเสร็จตอนหลวงพี่ออกจากวิหารฝนก็หยุดหายไปเลย แล้วมาหวดเอาขนาดใหญ่ตอนพระฉันภัตราหาร ผมก็นั่งกันสะบายในตัววิหารเฝ้าหลวงพี่ข้างใน ข้างนอกฝนเทลงมาเข้าให้ แต่ก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมากเพราะเต๊นใหญ่คลุมเต็มพื้นที่ เมื่อพากันออกมาข้างนอกวิหารเก็บของกันหมดแล้ว

ออกมาลืมถ่ายรูปฝนตกไว้มีแค่รูปนี้เอาดาบน้ำพี้ไปเข้าพิธีบวงสรวงด้วยเขาเลยจับถ่ายรูปเข้าไว้ ก็มีร่องรอยฝนคงเหลืออยู่

 

({) สวัสดีครับพี่ พีซีโอ พี่ๆน้องๆทุกๆท่าน ต้องขออนุโมทนาสาธุเป็นอย่างสูง ด้วยเงินเข้ามาในบัญชีเมื่อวาน ๕,๐๐๐ บาท ยังไม่รู้ของใคร เมื่อวาน สมหมายได้ นำทราย ๑๐ คิว หิน ๑๐ คิวมาให้ สิบล้อ หลังรถพ่วง ก็ยังไม่มีโอกาศเข้ามา วันนี้ ก็ล่อ ช่วยกันขุดหลุม ขุดก็ยากไม่ค่อยเข้า ขนาด เอาน้ำหล่อเลี้ยงไว้ ๔ วัน วันนี้เลยทำแค่ ๑ ทุ่มกว่าๆ ไม่เคยออกแรงแบบนี้มานาน ตก ๑๐ ปี เล่นเอาเปี้ยเลย พรุ่งนี้ว่าจะทำตอม้อ พระใต้ฐานพระให้เสร็จ แล้วค่อยเท ฐานทีหลัง หาคนงานยาก เลยทำกันเอง แค่ลูกหลาน ๓ คน

วันนี้ ก็อยากจะนอนพักผ่อน แต่ทนไม่ได้ ว่าใครโอนเงินเข้ามา จึงเข้ามาดู ก็รู้ว่าพี่เป็นคนโอนเงินเข้ามาครับ เงินทุกบาทของพี่ ผมใช้อย่างคุ้มค่า ใช้เหล้ก ๔ หุน ทำตอม้อ จะได้อยู่นานๆ องค์พระใช้ ๓ หุน บางที่เขาไม่ใช้เหล็กกัน ก็คงอยู่ไม่ทน ผมจะให้อยู่นานๆหน่อยน่ะครับ องค์พระจะหล่อตัน น้ำหนักมากหน่อย เดี๋ยวถ้าหล่อฐานเสร็จ จะถ่ายภาพ มาลงให้พี่ได้ดูและโมทนาสาธุกันครับผม ตอนนี้ขอตัวไปนอนก่อนครับ ขอบารมีพระรัตนตรัย ทั้ง ๓ พรหม เทวดา พระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย บารมีหลวงปู่หลวงพ่อ ทุกๆพระองค์ และบุญกุศลที่ทำในครั้งนี้ ขอให้พี่และคณะ ทุกคน และผู้อ่านทุกๆท่าน จงประสบสุข สมหวังทั้งทางโลกและทางธรรมด้วยกันทุกท่านทุกคนเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมธามิ

 

โมทนาสาธุทุกประการกับพี่บุญทรงนะครับ

เรื่องออกแรงพี่ก็เอาแค่ทำไหวก็พอได้แค่ใหนเอาแค่นั้น ผมดูแล้วงานของพี่ใหญ่มากคงไม่เสร็จได้ง่ายก็ค่อยเป็นค่อยไปครับ

 

ที่น้ำน้อยต่อนะครับ 11.57 หลวงพี่ท่านเจ้าอาวาสและคณะออกจากวิหารไปแวะที่วัดชัยชนะสงครามหาดใหญ่