ว่ากันเรื่อง วัดธรรมกาย

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย วิถีคนจร, 14 มกราคม 2011.

  1. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    เดลินิวส์ 1/5/2542

    ขู่ระเบิดวัดบวร!ลิขิตอีกฉบับธัมมชโยพระปลอม

    [​IMG]



    นรกจะกินหัว มารศาสนาขู่ระเบิดวัดบวรฯ หลังจากสมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิตให้จับ "ธัมมชโย" สึก ประมุขสงฆ์ทรงออกพระลิขิตอีกฉบับ ย้ำเจ้าอาวาสวัดฉาวปาราชิกฐานลักทรัพย์ โกงสมบัติวัดเป็นของตัว ไม่ใช่พระในศาสนาเป็นแค่คนใส่ผ้าเหลือง ให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปจัดการเอาเอง จับตาดาบ 2 ที่จะทรงใช้พระราชอำนาจตามกฎหมายสั่งสึกเลย ถ้ายังยึกยัก มั่นใจเดือนนี้ยุติแน่ กรมศาสนาทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีก ดึงเรื่องเสนอพระพรหมโมลีให้พิจารณา กะส่งเข้ามหาเถรฯ ให้ถกเถียงกันเข้าทางธรรมกายที่ประกาศชัดไม่ยอมรับพระลิขิตพระเถรสายธรรมยุติชักธงธรรมจักร ระบุงานนี้ไม่ขอนิ่งเฉยจะต้องลงมติไม่ปล่อยให้มหานิกายว่ากันเองอีกต่อไป

    ปัญหาธรรมกายทำท่ายืดเยื้ออีกครั้ง แม้ว่าสมเด็จพระสังฆราช จะมีพระลิขิตลงวันที่ 26 เม.ย. ให้จัดการสึกพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เนื่อง จากไม่โอนที่ดินที่ได้จากการเป็นพระให้วัด ส่อเจตนาจะเอาเป็นของตัวเอง ซึ่งวัดพระธรรมกายพยายามจะเรียกร้องให้มีการนำพระลิขิตเข้าที่ประชุมมหาเถรสมาคม(มส.) และสอดคล้องกับท่าทีของกรมการศาสนาที่จะทำตามโดยเสนอเรื่องเข้ามหาเถรสมาคมด้วยเช่นกัน จ พระลิขิตอีกฉบับข้อหาปาราชิก

    เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดญาณสังวราราม จ.ชลบุรีว่า สมเด็จพระสังฆราชได้ทรงจำวัดที่วัดญาณฯ ตั้งแต่คืนวันที่ 29 เม.ย. และในรุ่งเช้าวันนี้ได้มีการนำข่าวกรณีสมเด็จพระสังฆราช ที่มีพระลิขิตต้องการให้จัดการพระไชยบูลย์ในข้อหาปาราชิกถวายให้สมเด็จพระสังฆราช โดยหลังจากที่ได้ทรงอ่านข่าวแล้วก็มีพระลิขิตอีกฉบับ เพื่อขยายความหมายของพระลิขิตฉบับที่เพิ่งออกมา โดยมีเนื้อหาใจความว่า

    "การโกงสมบัติผู้อื่นตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไปคือประมาณไม่ถึง 300 บาทในปัจจุบัน ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิกฐานผิดพระธรรมวินัยพ้นจากความเป็นพระทันที ในกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการสั่งให้สึก ไม่ว่าจะมีการจับสึกหรือไม่ก็ตาม ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติ

    ที่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรก็เพื่อเตือนให้รู้ทั่วกันว่า ผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้นไม่ใช่พระในพุทธศาสนา เป็นเพียงผู้นำผ้ากาสาวพัตร์ไปครอง เป็นพระปลอม ต่อจากนั้นย่อมเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้รักษากฎหมาย หรือของผู้มีหน้าที่ในการพุทธศาสนา จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาไม่ให้มีพระปลอมมาทำลาย ทำให้เสื่อมเสีย เช่นที่ผู้รักษากฎหมายเคยทำมาแล้ว เคยบังคับให้เป็นผู้ปลอมเป็นพระ ถอดผ้ากาสาวพัตร์ออกจากตัว การปฏิบัติต่อพระปลอมต้องไม่มีแตกต่างกัน ต้องไม่มียกเว้นว่า คนนั้นปลอมได้คนนี้ปลอมไม่ได้ เป็นพระปลอมมีอยู่ในพุทธศาสนาไม่ได้ทั้งนั้น

    ประกาศนั้นเป็นคำบอกเล่าเป็นคำเตือนให้รู้ เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับมหาเถรฯไม่บังคับให้เชื่อ ไม่บังคับใครให้ทำอะไร แสดงความถูกผิดให้ปรากฏอยู่เท่านั้น ในฐานะที่เป็นประมุขแห่งสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จึงต้องทำหน้าที่ส่วนตนให้เรียบร้อยถูกต้อง บอกความจริงด้วยความหวังดีมิได้บังคับ จงเข้าใจทั่วกัน"

    ส่วนที่คณะเหลืองรังษี วัดบวรนิเวศฯในวันเดียวกัน ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีประชาชนโทรศัพท์มาสอบถามเรื่องนี้ตลอดไม่ขาดสาย ซึ่งพระได้แจ้งไปว่าสมเด็จพระสังฆราชทรงมีภารกิจเดินทางไปที่จังหวัดจันทบุรี เพื่อปฏิบัติศาสนกิจ

    ธรรมยุติชักธงลงมติในมส.

    ทางด้านพระราชรัตนมงคล พระเลขานุ การในสมเด็จพระสังฆราช เปิดเผยว่า อาตมาเพิ่งได้เห็นพระลิขิตฉบับนี้ยังไม่ได้กราบทูลถามรายละเอียด จากสมเด็จพระสังฆราช อย่างไรก็ตามเป็นเพียงพระลิขิตเท่านั้นไม่ใช่พระบัญชา ซึ่งผู้ที่ได้รับทราบก็ไม่ต้องสับสน เพราะได้ลิขิตโดยกล่าวถึงภาพรวมบทลงโทษ พูดตามหลักการพระวินัยไม่ได้เจาะจงไปที่วัดใดวัดหนึ่ง ดังนั้นไม่ว่าพระสงฆ์รูปใดก็ต้องถือปฏิบัติในลักษณะนี้ คือพระรูปใดที่ถือครองที่ดินของวัดจะต้องคืนให้วัดทันที การถือครองที่ดินวัดเป็นของตนเองนั้นถือเป็นความผิดทั้งสิ้น เป็นแนวทางที่ต้องปฏิบัติกันทั้งประเทศอยู่แล้ว ไม่ใช่เฉพาะที่วัดพระธรรมกาย สำหรับการดำเนินการต่อพระสงฆ์ที่ไม่ยอมโอนที่ดินนั้น ต้องมีโจทก์ฟ้องร้องมีเอกสารพยานชัดเจน โดยสามารถร้องเรียนได้ตามลำดับ การปกครองคณะสงฆ์ตั้งแต่เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด จนถึงเจ้าคณะภาค หากไม่สามารถดำเนินการได้ก็ให้เสนอมายังมหาเถรฯ

    ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อสมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิตเช่นนี้ ตามหลักการกรมการศาสนาต้องเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชเพื่อสอบถามแนวทางการปฏิบัติ หรืออาจหารือกับพระผู้ใหญ่ว่าจะต้องนำเข้าที่ประชุมมหาเถรฯหรือไม่ อย่างไรก็ตามกรณีวัดพระธรรมกาย ในการประชุมมหาเถรฯนั้นคณะกรรมการฝ่ายมหานิกายจะเป็นผู้พิจารณา ส่วนฝ่ายธรรมยุติร่วมฟังเฉย ๆ แต่เมื่อถูกต่อว่ามาก็จะต่อว่ามหาเถรฯทั้งหมด ถ้าทางฝ่ายธรรมยุติพูดก็จะมีปัญหาทะเลาะกันเปล่า ๆ แต่ต่อไปนี้คงนิ่งเฉยไม่ได้

    "หลังจากได้รับพระลิขิตแล้ว ทางกรมการศาสนาจะดำเนินการใน 2 แนวทาง คือนำเสนอให้กระทรวงได้รับทราบและนำไปมอบให้พระพรหมโมลี ส่วนอีกแนวทางหนึ่งนั้นอาจจะกราบขอคำแนะนำพระผู้ใหญ่ในมหาเถรฯว่าจะต้องนำเข้าที่ประชุมหรือไม่ แต่เท่าที่ดูในเอกสารแล้วน่าจะเป็นพระลิขิตตามพระดำริ จึงไม่มีผลทางกฎหมาย จะไปสึกเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายคงทำไม่ได้"

    พระลิขิตถูกต้องตามพระวินัย

    นายจรวย หนูคง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ นักวิชาการกรรมาธิการการศาสนา กล่าวว่าพระลิขิตที่เป็นพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราชครั้งนี้ไม่ขัดแย้งพระธรรมวินัย เพราะในปาราชิกมีเหตุ 4 เรื่องคือเสพเมถุน ลักทรัพย์ ฆ่ามนุษย์ อวดอุตริมนุสธรรม ซึ่งพระลิขิตกล่าวถึงเรื่องการลักทรัพย์ ที่ระบุไว้ว่าหนังสือ "วินัยมุข" เล่ม 1 หลักสูตรนักธรรมตรี อย่างชัดเจนว่า รวมถึงการยักยอก เบียดบัง หากว่าพระไชยบูลย์ไม่โอนที่ดินถือว่าเป็นการยักยอกได้ เนื่องจากคนมาทำบุญ เพราะเห็นเป็นพระให้ศาสนา แต่กลับเอาเงินไปซื้อที่ดิน ทางที่ดีกรมการศาสนาในฐานะเลขานุการมหาเถรฯ น่าจะนำเรื่องนี้เข้าพิจารณาในที่ประชุมมหาเถรฯ หากรูปใดไม่เห็นด้วยก็ว่ากันไป ไม่น่าไปใช้พระพรหมโมลีนำเข้าให้ กรมน่าจะเอาเข้าไปเองเลย ทางที่ดีกรมการศาสนาหรือพระพรหมโมลีติดต่อไปยังพระไชยบูลย์จะยอมโอนที่ดินให้หรือไม่ เพื่อจะได้ทราบคำตอบแน่นอน เพราะเชื่อว่าคำตอบที่ผ่านมาไม่ได้มาจากปากพระไชยบูลย์

    ม.ล.จิตติ นพวงศ์ ลูกศิษย์ห้องกระจก วัดบวรนิเวศ กล่าวว่าที่มีคนสงสัยพระลิขิตเป็นของปลอม หรือลูกศิษย์ทำขึ้นมาเองนั้น ใครจะพูดอะไรแล้วแต่ปัญญาจะมีมากน้อยแค่ไหน ตนและคนจำนวนมากรู้สึกดีใจที่สมเด็จพระสังฆราชกระทำในสิ่งที่ถูกต้อง อย่างน้อยท่านได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ไม่ได้บังคับใครให้ทำตาม เพียงแต่บอกให้พุทธบริษัทเข้าใจสิ่งที่ถูกต้กอง และในวันนี้ที่มีพระลิขิตออกมาอีก โดยไม่ได้มีการลงพระนามเพราะว่าท่านไม่ต้องการจะไปบังคับใคร เป็นการทำส่วนพระองค์ ฝ่ายบ้านเมืองจะทำตามหรือไม่แล้วแต่ไปพิจารณากัน

    จับตาดาบ 2 พระสังฆราช

    นายเสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต ให้ความเห็นว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระราชอำนาจ 2 ทางคือผ่านมหาเถรฯ กับใช้พระราชอำนาจโดยตรงในฐานะสกลมหาสังฆปริณายก ตามมาตรา 8 ของพระราชบัญญัติสงฆ์ พ.ศ. 2505 กรณีพระลิขิตนี้ยังไม่ถือเป็นคำสั่ง เพราะพระบัญชาต้องมีเลขหนังสือ และต้องลงพระนามถือได้ว่าเป็นเพียงแนวทางให้ปฏิบัติ แต่กรมการศาสนาสามารถปฏิบัติได้เลย เพราะถือเป็นพระวินิจฉัยแล้ว โดยสมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระลิขิตในลักษณะนี้มาแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2

    "ที่ผ่านมาสมเด็จพระสังฆราชทรงใช้พระคุณมากกว่าพระเดชผ่านที่ประชุมหาเถรฯ พระลิขิตครั้งแรกทรงต้องการให้ปฏิบัติตาม แต่มหาเถรฯยังไม่มีท่าทีชัดเจน ลูบหน้าปะจมูก ผมเข้าใจว่าถ้ายังไม่มีการปฏิบัติตามพระลิขิต จะมีพระบัญชาอย่างเป็นทางการออกมาแน่ มหาเถรฯและกรมการศาสนาคงต้องสำนึกให้มาก ใครเป็นประมุขสงฆ์และทรงประสงค์อะไร ท้ายสุดถ้าไม่ทำตามผมเชื่อว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 8 "

    นายเสฐียรพงษ์กล่าวอีกว่าพระลิขิตที่ออกมาเพราะการทำงานของมหาเถรสมาคมไม่มีการแก้ไขปัญหา มีพระลิขิตออกมาเพื่อให้สังคมรับรู้ สร้างแรงกดดันให้มีการปฏิบัติกันอย่างจริงจัง

    "แม้ว่าจะดึงกันไปกันมา ยืดเวลาออกไป แต่ที่สุดแล้วก็ต้องวินิจฉัยออกมาตามพระลิขิต หากว่าไม่ออกมาเป็นอย่างนั้น คิดว่าสมเด็จพระสังฆราชก็ต้องมีวิธีการดำเนินการขั้นต่อไป และคาดการณ์ไว้ว่า เรื่องนี้จะต้องจบในเดือนพฤษภาคมนี้อย่างแน่นอน ผมจะเข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชในเร็ว ๆ นี้"

    ขู่วางระเบิดวัดบวรฯ

    ทางด้านพ.ต.ท.เพทาย พอล้วนประเสริฐ สวป. สน.ชนะสงคราม เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการโทรศัพท์ไปข่มขู่ทางโรงพิมพ์ต่าง ๆ รวมถึงมีการฝากข้อความเข้าวิทยุติดตามตัวว่าจะมีการวางระเบิดวัดบวรนิเวศฯ ซึ่งคาดว่าคงเป็นผู้ไม่ประสงค์ดี

    พระมหาบุญถึง ชุตินธโร ผู้ช่วยอธิการ บดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวว่า ขอวิงวอนให้มหาเถรฯเคารพในพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ไม่ควรเตะถ่วง โดยเฉพาะการที่มีผู้มาพูดว่าพระลิขิตไม่ใช่พระบัญชานั้นความจริงเป็นข้อความที่พระองค์วินิจฉัยแล้ว ควรรับไปปฏิบัติไม่ใช่มาตีความพระวินิจฉัยให้มีค่าต่ำลง เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายควรจะรู้ตัว ถ้าเคารพในพระเถระผู้ใหญ่น่าจะปฏิบัติตาม เพราะช่วงนี้พระนิสิตที่ออกปฏิบัติศาสนากิจได้กลับมาแล้ว มหาจุฬาฯจะมีการประชุมกันเพื่อกดดันพระเถระให้ปฏิบัติตามพระลิขิต

    ขณะที่พ.อ.ทองขาว พ่วงรอดพันธ์ นายกสมาคมศิษย์เก่ามหาจุฬาฯแกนนำองค์กรพุทธสมาคม 172 องค์กร กล่าวว่า ผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาได้แล้วเพราะอะไรที่พระประมุขสงฆ์จึงต้องมีพระลิขิตเช่นนี้ โดยกระบวนการดำเนินงานของกรมการศาสนาเหมือนกับคนเอามือซุกหีบ บ่ายเบี่ยง ทั้งที่อธิบดีกรมการศาสนามีหน้าที่ต้องสนองพระบัญชา การที่พระไชยบูลย์นำเงินไปซื้อที่ดินจำนวนมาก เจ้าหน้าที่บ้านเมืองควรจะร่วม มือกับคณะสงฆ์เพื่อปฏิบัติสนองพระบัญชา ส่วนทางพุทธสมาคมจะรวบรวมแนวร่วมชาวพุทธทั่วประเทศ ร่วมกันผลักดันเรื่องนี้

    กรมศาสนาโยนลูกพระพรหมโมลี

    ทางด้านนายพิภพ กาญจนะ อธิบดีกรมการศาสนากล่าวว่า เพิ่งจะได้รับพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชจากพระราชรัตนมงคล ผู้ปฏิบัติหน้าที่พระเลขานุการในสมเด็จพระสังฆราชเมื่อเช้าที่ผ่านมา ซึ่งพระลิขิตดังกล่าวถือเป็นพระวินิจฉัยก็ได้ และจะนำพระลิขิตดังกล่าวเสนอต่อพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 พิจารณาว่าจะให้กรมการศาสนาดำเนินการอย่างไรต่อไป และควรที่จะนำพระลิขิตนี้เข้าที่ประชุมมหาเถรฯหรือไม่ โดยจะไปกราบนมัสการหารือเรื่องดังกล่าวในเร็ว ๆ นี้ แต่คงจะไม่เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราชอีก

    ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนายพิภพกล่าวว่าจะนำพระลิขิตฉบับล่าสุดที่ออกมาในวันนี้ เสนอพระพรหมโมลีให้พิจารณาด้วย แต่ยังเข้าพบไม่ได้เพราะพระพรหมโมลีติดกิจนิมนต์ โดยจะไปพบให้เร็วที่สุด

    "กรมการศาสนา ทำเรื่องที่ถูกต้องตามหลักการทุกอย่าง ยึดหลักการของมหาเถรฯและ มติมหาเถรฯ สนองแและประสานใกล้ชิดเพื่อให้เกิดความเรียบร้อย อาจดูล่าช้าไม่ทันใจคนแต่เราทำถูกต้องแล้ว"

    นายสำรวย สารัตถ์ ผู้อำนวยการสำนัก งานเลขานุการมหาเถรสมาคม เปิดเผยว่า พระลิขิตนี้ถือเป็นพระวินิจฉัยหรือพระดำริของสมเด็จพระสังฆราชไม่ใช่พระบัญชา เพราะพระบัญชา นั้นจะต้องได้รับการรับรองจากมหาเถรฯ ดังนั้นพระลิขิตนี้จึงไม่มีผลทางกฎหมายที่จะสามารถสึกเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้ ส่วนที่จะนำพระลิขิตเข้าหารือในที่ประชุมมหาเถรฯในครั้งต่อไปหรือไม่นั้น กรมการศาสนาต้องหารือกับพระผู้ใหญ่ซึ่งเป็นกรรมการมหาเถรฯก่อน แต่ในเบื้องต้นได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่นำพระลิขิตไปให้พระพรหมโมลีแล้ว

    "ขณะนี้ทางกรมคงไม่สามารถไปสึกพระธัมมชโย เพราะการสึกพระต้องมีหลักฐานความผิด ทั้งพยานเอกสาร และพยานบุคคลที่ชัดแจ้ง และเรื่องการถือครองที่ดินก็ไม่ถือว่าต้องปาราชิก เพราะในวินัยสงฆ์ได้บัญญัติเหตุที่จะทำให้พระต้องปาราชิกไว้เพียง 4 เรื่องคือ เสพเมถุน ฆ่าคนตาย ลักเงิน 5 มาสก และอวดอุตริมนุสธรรม ถึงแม้ว่าสมเด็จพระสังฆราชจะมีพระบัญชาอย่างหนึ่งอย่างใด แต่พระบัญชานั้นต้องไม่ขัดแย้งกับพระธรรมวินัยและกฎมหาเถรฯ สำหรับการถือครองที่ดินนั้นในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ที่ประชุมมหาเถรฯจะรับรองมติเรื่องไม่ให้พระถือครองที่ดินโดยภาพรวม ไม่ได้เจาะจงเฉพาะกรณีเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเพียงกรณีเดียว"

    ธรรมกายประกาศสู้

    ส่วนความเคลื่อนไหวที่วัดพระธรรมกาย ตั้งแต่คืนวันที่ 29 เม.ย.นั้น มีรายงานข่าวระบุว่า พระภาวนาวิริยคุณ (พระเผด็จ ทัตตชีโว) รองเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายได้เรียกประชุมพระผู้ใหญ่ของวัด รวมถึงผู้นำบุญจำนวนหนึ่ง ซึ่งจากการประชุมหารือนั้น ที่ประชุมได้มีความเห็นแตกกันเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายหนึ่งเสนอให้มีการเรียกผู้นำบุญและสาวกทั่วประเทศมาชุมนุม เพื่อกดดันพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชกับมหาเถรสมาคมที่จะมีการประชุมในวันที่ 4 พ.ค.นี้ ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าควรดำเนินการตามพระลิขิตอย่างเคร่ง ครัด ทำให้มีการถกเถียงกันนานกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งก็ไม่สามารถหาข้อยุติได้ ปรากฏว่าเมื่อเช้าวันที่ 30 เม.ย. พระไชยบูลย์ได้มีคำสั่งไปที่ทางมูลนิธิพระธรรมกาย ให้ติดต่อไปยังสายผู้นำบุญทั้งหมดให้ยกเลิกการชุมนุมภายในวัด โดยที่ไม่มีการชี้แจงเหตุผล ท่ามกลางความตกตะลึงของเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ

    ขณะเดียวกัน เวลา 09.00 น. พล.ต.ต. อชิระ สมแก้ว ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่งได้เดินทางไปวัดพระธรรมกายเพื่อตรวจความเรียบร้อย และสั่งการด้วยตนเองให้มีการจัดชุดสายตรวจและสายสืบเข้าไปรวบรวมข้อมูลภายในวัดให้มากที่สุด รวมถึงความเคลื่อนไหวอื่นๆในวัดพระธรรมกายด้วย ทั้งนี้ได้มีการสั่งให้จัดชุดสายตรวจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายแก่ทางวัด

    พล.ต.ต.อชิระกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อมที่จะดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนที่มีข่าวออกมาว่าพระไชยบูลย์ ธัมมชโยจะหลบหนี คงเป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ที่นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคอยสังเกตการณ์เนื่องจากได้ทราบว่า จะมีการชุมนุมของเหล่าสาวกและผู้นำบุญของวัด เกรงว่าจะบานปลายนำไปสู่เหตุร้ายได้ กรณีพระลิขิตยังไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการ ถ้ามีบัญชาหรือมีคำสั่งต้องประสานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และคงจะส่งกำลังมาดูแลเรื่องนี้

    จากนั้นพล.ต.ต.อชิระได้เดินทางมาสมทบกับพล.ต.ต.พิชิต ควรเตชะคุปต์ รองผบช.ภาค 1 ที่สภ.อ. คลองหลวง เพื่อประชุมนายตำรวจเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าวหลังจากมีข่าวว่าจะทำการจับสึก และวางนโยบายให้ตำรวจคลองหลวงเข้าไปสังเกตการณ์

    เวลา 11.00 น. ของวันเดียวกัน นายประทีป หงษ์โสภา ศึกษาธิการจังหวัดปทุมธานี พร้อมคณะได้เดินทางเข้าไปในวัดพระธรรมกาย เพื่อตรวจดูความเรียบร้อย และจะเข้านมัสการพระราชภาวนาวิสุทธิ์ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการจากกรมการศาสนา ไม่มีคำสั่งสด ๆ แต่วันนี้หลังจากมีข่าวก็จะเข้ามาตรวจตราดูแลตามภาระหน้าที่รับผิดชอบ เข้าไปข้างในไม่พบพระ ผู้ใหญ่เลย พบแต่บรรดาฝ่ายกฎหมาย ญาติโยม

    อ้างจะฟังแต่คำสั่งมหาเถรฯ

    ด้านนายมานิต รัตนสุวรรณ ที่ปรึกษาของมูลนิธิพระธรรมกาย เปิดเผยว่า พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชนั้นไม่ได้ระบุว่าเป็นเจ้าอาวาสใด ไม่ได้ระบุว่าเป็นวัดพระธรรมกาย จึงไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวสรุปออกมาว่าให้จับพระธัมมชโยสึก และยังไม่ได้รับจดหมาย ถ้าจะมาถึงก็จะต้องเป็นหนังสืออย่างเป็นทางการ เท่าที่ผู้เชี่ยวชาญกรมการศาสนาได้พูดก็ชัดเจนว่า พระลิขิตออกมาเป็นความเห็นส่วนตัวของสมเด็จพระสังฆราช ไม่ได้เป็นพระบัญชาหรือคำสั่ง เพราะถ้าเป็นพระบัญชาหรือพระคำสั่งไปที่กรมการศาสนาเพื่อลงเลขที่พระบัญชา กรณีนี้กรมการศาสนาจะต้องนำพระลิขิตเสนอมหาเถรฯเพื่อพิจารณา

    "แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าพระดำรินั้นไม่ได้ระบุตัวผู้ใด พูดเป็นกลางแสดงว่าเป็นความเห็น จริงๆแล้วเรื่องนี้ไม่มีการวินิจฉัย มหาเถรฯก็เหมือนกับศาล กฎหมายต้องมีผู้กล่าวหาและวินิจฉัย ในโอกาสนี้เรายังไม่ได้รับหนังสือใด ๆ จากมหาเถรฯซึ่งปกติจะมีการประชุมทุก 10 วัน คาดว่าน่าจะเป็นวันที่ 4 พ.ค.นี้ เรื่องนี้ก็จะต้องนำเข้าที่ประชุมหาเถรฯตัดสินอย่างไร ก็จะส่งเรื่องมาให้"

    แฉวัดฉาวโมเมไม่โอนที่

    ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. นายวิเชียร รัตนพีระพงศ์ อธิบดีกรมที่ดิน เปิดเผยถึงกรณีที่พระไชยบูลย์ ธัมมชโยไม่ยอมโอนที่ดินคืนให้แก่วัด โดยอ้างว่าไม่มีปัจจัยในการดำเนินการนั้นว่า ในการโอนที่ดินดังกล่าวพระไชยบูลย์จะต้องเสียภาษีตามกฎกระทรวงร้อยละ 2 ของราคาประเมินที่ดิน โดยจะได้รับการยกเว้นเฉพาะ 50 ไร่ ที่เป็นบริเวณที่ตั้งของวัดเท่านั้น ที่จ่ายค่าธรรมเนียมเพียงร้อยละ 0.01 ส่วนที่ดินบริเวณอื่น ๆ จะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะค่าธรรมเนียมและภาษีเงินได้

    รายงานข่าวจากกรมที่ดินเปิดเผย ถึงรายละเอียดในการโอน หรือบริจาคที่ดินให้กับวัดว่า ตามกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 47 ที่ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 กำหนดว่า การโอนที่ดินให้กับวัดมี 2 ประเภทคือ ให้พระสงฆ์เป็นผู้ถือแทนวัด โดยหากภายหลังพระสงฆ์มีเจตนาจะโอนที่ให้ตัวการหรือวัดจะไม่ต้องเสียภาษีหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ เพียงชำระเงินจำนวนแปลงละ 50 บาทเท่านั้น แต่หากเป็นแบบไม่มีทุนทรัพย์คือ พระสงฆ์หรือเจ้าอาวาสวัด เป็นผู้ลงนามในการรับมอบที่ดินจากการบริจาคไว้เอง และมีหลักฐานแน่ชัดว่า จะไม่มีการโอนคืนให้กับวัดแล้ว จะต้องเสียค่าธรรมเนียมตามปกติคือ ร้อยละ 2 ของราคาประเมินที่ดิน

    นอกจากนี้ ในการพิจารณาว่าพระสงฆ์ตั้งใจที่จะรับที่ดินไว้เองหรือต้องการจะโอนคืนให้วัดภายหลังนั้น จะต้องทำเรื่องให้กรมที่ดินพิจารณาหลักฐานเอกสาร ซึ่งพิจารณาค่อนข้างยาก โดยกรณีของพระไชยบูลย์ที่อ้างว่าไม่สามารถโอนที่ดินคืนให้วัดได้ เนื่องจากจะต้องรับภาระภาษีจำนวนมากนั้น จะต้องมีการพิจารณาเช่นกันว่า กรณีดังกล่าวอยู่ในหลักเกณฑ์ใด โดยหากมีเจตนาที่จะคืนที่ดินให้กับวัดจริง ก็ไม่ต้องเสียภาษีหรือค่าธรรมเนียมใด ๆ จ่ายเพียงแปลงละ 50 บาทเท่านั้นตามกฎกระทรวง

    ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิษณุโลกว่า ธุดงคสถานพิษณุโลก สาขาของวัดพระธรรมกาย บรรยากาศเงียบเหงาทันที ขณะที่มีญาติโยมที่เคยเข้าวัดบอกว่าพระที่วัดนี้ไม่รับกิจนิมนต์ บิณฑบาตในช่วงสาย ๆ และลูกชายก็บวชภาคฤดูร้อนที่วัดนี้ และอยากให้สึกมาเร็ว ๆ เพราะวัดนี้มีข่าวไม่สู้ดี กลัวถลำลึกยึดติดคำสอนของวัดพระธรรมกาย

    โทรฯ จวก "อาคม" แย่มาก

    ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงศึกษาธิการเพิ่มเติมว่า ได้มีโทรศัพท์จำนวนมากเข้ามาต่อว่าที่หน้าห้องนายอาคม เอ่งฉ่วน รมช.ศึกษาธิการ เพราะนายอาคมออกโทรทัศน์ในช่วงเช้ากล่าวว่ายังไม่ยืนยันมีพระลิขิต และอาจเป็นศิษย์พระสังฆราชทำ และในช่วงค่ำยังมีการออกข่าวอีกโดยนายอาคมมอบให้อธิบดีกรมการศาสนาไปประ สานกับพระพรหมโมลี ซึ่งโทรศัพท์ที่ต่อว่านี้ระบุว่านายอาคมแย่มาก ที่กล่าวอย่างนี้

    พ่อคูณหนุนสึกธัมมชโย

    ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครราชสีมารายงานว่า พระราชวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เกจิชื่อดังแห่งวัดบ้านไร่ ได้กล่าวสนับสนุนกรณีที่สมเด็จพระสังฆราช มีพระลิขิตให้เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายต้องปาราชิกและให้ดำเนินการขั้นเด็ดขาดว่า "กูอยากให้จัดการอย่างจริง ๆ จัง ๆ สักทีก็ดีเหมือนกัน ขืนปล่อยไป นาน ๆ เรื่องราวมันจะยิ่งบานปลายไปกันใหญ่"

    ด้านพระครูสังวรานุรักษ์เจ้าอาวาสวัดโคกรักษ์ ซึ่งเป็นลูกศิษย์ที่หลวงพ่อคูณโปรดปรานและให้ความไว้วางใจมากรูปหนึ่ง ได้กล่าวเสริมหลวงพ่อคูณด้วยว่า สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระลิขิตให้ดำเนินการเช่นนี้ อาตมาก็เชื่อว่าพระองค์ทรงมีพระวินิจฉัยเป็นที่ถูกต้องที่สุดแล้ว ทั้งนี้ใครก็ตามที่ทำให้เกิดสังฆเภทหรือการกระทำให้พระสงฆ์ต้องแตกแยกกัน นับเป็นการทำบาปอย่างมหันต์

    พระพุทธองค์ทรงสอนถึงกรรมที่เป็นบาปหนักของมนุษย์ 5 ชั้นอาทิ ปิตุฆาต มาตุฆาต ฆ่าพระอรหันต์ ทำให้พระโลหิตพระพุทธเจ้าตกลงฝ่าเท้า และสังฆเภท อธิบายได้ว่าการทำบาปด้วยการฆ่าพ่อ ยังไม่เท่ากับการฆ่าแม่ การฆ่าแม่ก็บาปน้อยกว่าการฆ่าพระอรหันต์ ขณะที่การฆ่าพระอรหันต์บาปจะน้อยกว่า ทำให้พระโลหิตของพระพุทธองค์ตกลงฝ่าเท้า และการทำบาปที่สุด เป็นการทำให้พระสงฆ์ต้องแตกแยกกันเป็นสองฝักสองฝ่าย ซึ่งนับเป็นบาปกรรมที่หาที่สุดไม่ได้

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าในขณะที่เจ้าอาวาส วัดโคกรักษ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวอยู่นั้น หลวงพ่อคูณจะคอยพูดเสริมตลอดเวลาว่า "ใช่-ใช่ กูก็ว่าจริงอย่างที่ท่านพูดนั่นแหละ ถูกต้อง ๆ"
     
  2. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    งานวิจัย
    ขอดเกล็ด 'ธรรมกาย-ธรรมโกย' ... หัวใจเธอมีหรือเปล่า ...
    จุฬาลงกรณ์ ฯ- หลวงพ่อเจ้าอาวาสสวมจีวรผ้าป่านจากสวิสหรูระยับ สร้างภาพสุด ๆ ให้เป็น บุคคลวิเศษ ศักดิ์สิทธิ์เหนือมนุษย์ถึงขั้นเป็นองค์อวตารต้นกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งปวงในจักรวาล เผยพิธีกรรมสุดอุตริ "ถวายข้าวแด่พระนิพพาน" ซึ่งอยู่ในแดนสุขาวดีผ่าน"พระธัมมชโย-แม่ชีจัน ทร์" แพร่ลัทธิอวดอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์เพื่อบรรลุแผนการระดมทุนหลากหลายรูปแบบด้วยกลยุทธิ์ได เร็คเซลล์-ฮาร์ดเซลล์ชี้เปรี้ยง"ธรรมกายขายบุญ"ให้คอมมิชชั่นเป็นรางวัลแก่เอเยนต์ด้วยการนำ
    "ขึ้นดอย" แฉปมปริศนาพระระดับนำ"ฆ่าตัวตาย"คาวัด
    จากกรณีที่"สยามธุรกิจ"ได้เสนอข่าว"ชำแหละวัดพระธรรมกาย"มาอย่างต่อเนื่อง ด้วย การตีแผ่พฤติกรรมอันไม่ชอบมาพากล เข้าข่าย 18 มงกุฎ หลาย ๆประการ เป็นต้นว่า การสร้าง เรื่องอวดอิทธิปาฎิหาริย์หลอกลวงศาสนิกชนการดำเนินการระดมทุนอันปรากฎชัดถึงกลวิธี"ขาย
    บุญ"ตลอดจนการเผยแพร่คำสอนประเภทเดียรัจฉานวิชชาอันบิดเบือนหลักธรรมคำสอนของพระ พุทธศาสนา
    ปรากฎว่าทางพระเถระและนักการศาสนาหลายท่านได้ส่งเอกสารข้อมูลที่เป็นประโยชน์มายัง
    "สยามธุรกิจ"จำนวนมากเพื่อใช้ในการตีแผ่ถึงความไม่ชอบมาพากลของวัดพระธรรมกาย ล่าสุด "สยามธุรกิจ"ได้รับเอกสารวิจัยวัดพระธรรมกายของศูนย์พุทธศาสน์ศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลและกิจกรรมต่างๆของวัดธรรมกายมาอย่างน่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อแวด
    วงพุทธศาสนาอย่างมาก
    โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้รับทุนสนับสนุนจากศูนย์พุทธศาสน์ศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเมื่อปี2538 และได้ทำสำเร็จลงในปี 2540 ผู้วิจัย คือ อาจารย์ดร.อภิญญา เฟื่องฟูสกุล ศิษย์เก่าคณะ อักษรศาสตร์ และรัฐศาสตร์มหาบันฑิตด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย จบปริญญาเอกด้านสังคมวิทยาศาสนาจากมหาวิทยาลัยบีเลเฟลด์ (Bielefeld) ประเทศเยอรมนี ปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    งานวิจัยชิ้นนี้ชื่อว่า "ศาสนทัศน์ของชุมชนเมืองสมัยใหม่ - ศึกษากรณีวัดพระธรรมกาย"ซึ่ง ในการทำวิจัย ดร.อภิญญาได้เข้าไปอยู่ที่วัดพระธรรมกายเป็นระยะๆ เพื่อศึกษาถึงกิจกรรม ของทางวัดและสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องในระดับต่างๆ ทั้งจากกัลยาณมิตรและบุคคลชั้นนำของวัด ตลอดจนถึงการศึกษาจากเอกสาร สิ่งพิมพ์ของวัด
    ผลงานการวิจัยของดร.อภิญญา ได้เปิดเผยให้เห็นถึงความเป็นมาของวัดพระธรรมกาย, แนวคิดของสำนักวัดธรรมกาย, โครงสร้างขององค์กรการบริหาร, กิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนความสัมพันธ์ขององค์กรบุคคลภายนอกซี่งงานวิจัยได้ตีแผ่ข้อมูลออกมาอย่างน่าสนใจและ เห็นได้ชัดเจนว่า วัดพระธรรมกายพยายามสร้างภาพความเป็นผู้นำศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อเจ้าอา วาสด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อให้ดูเหมือนว่า เจ้าอาวาสมีบารมี มีพลังอำนาจเหนือคนธรรมดา
    ขณะเดียวกัน ก็ใช้ปาฎิหาริย์เป็นตัวนำในการระดมทุนให้คนมาทำบุญอย่างชัดเจนโดยไม่สนใจ คำตำหนิว่าเป็นพุทธพาณิชย์ พร้อมกับวางแผนให้สมาชิกขายบุญโดยการกระตุ้นให้มีการแข่งขัน จนกระทั่งสร้างความเครียดให้กับสมาชิกบางคนถึงขั้นเคยเกิดกรณีพระชั้นนำฆ่าตัวตายในวัด
    นอกจากนี้ยังได้สร้างรูปแบบพิธีกรรมที่แปลกแหวกแนวคือการถวายข้าวพระแด่พระธรรมกาย
    ของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทุกพระองค์ซึ่งมีตัวตนเที่ยงแท้สถิตย์อยู่ในอายตนนิพพานโดย
    มีหลวงพ่อธัมมชโยและแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ใช้สื่อติดต่อและใช้สมาธิกลั่นของหยาบคือ อาหารหวานคาวให้เป็นทิพย์เพื่อถวายพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์
    สิ่งที่สำคัญ คือ หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดธรรมกายพยายามแสดงให้เห็นว่า ตนเป็น อวตารภาคหนี่งของ"องค์พระธรรมกายต้นธาตุ"อันเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งในจักรวาล

    สร้างภาพผู้นำศักดิ์สิทธิ
    ให้"ธัมมชโย"เหนือมนุษย์
    งานวิจัยชิ้นนี้ ระบุว่า วัดพระธรรมกายพยายามสร้างภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำศักดิ์สิทธิ์ของ หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาส ด้วยวิธีการต่าง ๆ นับตั้งแต่การเล่าถึงอัตตชีวประวัติของหลวงพ่อ ธัมมชโย ที่พยายามแสดงให้เห็นว่า บุคคคลผู้นี้มิใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้วิเศษที่ลงมาเกิด ชีวิต ในวัยเด็กถึงหนุ่มก็ล้วนดำเนินไปอย่างคนเหนือธรรมดา ขณะเดียวกัน วัตรปฎิบัติขณะเป็นพระก็ พยายามสร้างจารีตในวัดขึ้นมาเพื่อแสดงถึงความเหนือมนุษย์ของหลวงพ่อธัมมชโย
    กลไกสำคัญในเรื่องนี้ คือ การวางตัวในความสัมพันธ์กับสมาชิกวัด โดยดร.อภิญญากล่าวใน งานวิจัยว่า " ลักษณะการดำเนินเรื่องดังกล่าวเป็นการสร้างภาพผู้นำศักดิ์สิทธิ์ที่มี "นิมิตหมาย" หลายรูปแบบรวมทั้งการมีคุณสมบัติเหนือธรรมดา นอกจากการใช้สื่อสิ่งพิมพ์แล้วกลไกสำคัญใน การสร้างบารมี(charisma)ของผู้นำก็คือการจัด"ระยะห่าง"กับสมาชิกท่านเจ้าอาวาสจะไม่ฉันร่วม
    กับพระลูกวัดไม่ปรากฎกายให้เห็นบ่อยนักไม่รับแขกทั่วไปที่กุฎิยกเว้นบางรายเวลาที่ญาติโยมจะ
    ได้พบท่านจะมีการกำหนดในบ่ายวันอาทิตย์บางอาทิตย์ ท่านไม่ลงมาสอนสมาธิแก่สาธุชนทั่วไป ผู้จะได้เรียนกับท่าน คือ ผู้ที่ได้รับเลือกสรรว่า มีคุณสมบัติพิเศษหรือเป็นผู้ที่มีสมาธิแข็ง กล้าพอควร และต้องการเรียนวิชชาธรรมกายชั้นสูง
    นอกจากนั้น สิ่งสำคัญที่เป็นคุณสมบัติที่ทำให้เกิดความห่าง ก็คือ พลังอำนาจที่เกิดจากการทำ สมาธิ จากคำบอกเล่าของชาวธรรมกาย หลวงพ่อของเขาสามารถทำอิทธิปาฎิหาริย์ให้เห็นได้เมื่อ ท่านต้องการการคุยกันในเรื่องเหล่านี้รับฟังได้บ่อยครั้งมากในวงกินข้าวไปจนถึงการคุยอย่างจริง
    จังและมีปรากฎในข้อเขียนและสิ่งพิมพ์ของวัดอยู่บ่อยๆ บางคนเล่าถึงแสงรัศมีที่ฉายออกจากตัวท่าน ความสามารถในการรู้วารจิตผู้อื่น พรที่ท่านให้เชื่อกันว่า ขลังและศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งโครงการต่าง ๆ ที่ทำและจะทำกันหลายโครงการเป็นสิ่งที่ท่านมองเห็นมาก่อนในสมาธิ
    ดังนั้น การได้ใกล้ชิดท่านจึงเป็นอภิสิทธิ์ที่ใครๆ ปรารถนา การให้โอกาสตรงนี้จึงเป็น อีกวิธีหนี่งของการใช้ระยะห่างอย่างมีประสิทธิภาพเป็นวิธีการให้รางวัลอย่างหนึ่งและใน ด้านกลับกันก็สามารถเป็นวิธีลงโทษได้ด้วย

    [​IMG]


    ชวนขึ้นดอยฝึกสมาธิชั้นสูง
    จีวรสมภาร"ป่านสวิส"
    ดร.อภิญญา กล่าวในบทวิจัยว่า ในวาระพิเศษที่มีให้แก่ผู้ที่มีความสามารถในการทำสมาธิ หรือ ผู้ที่ทำงานอุทิศอย่างทุ่มเทก็คือ "การขึ้นดอย" หรือการได้ไปฝึกสมาธิขั้นสูงแบบเข้มข้นกับ หลวงพ่อโดยไปปฎิบัติในป่าบนเขาสูง เช่น ที่ภูกระดึง
    "หลวงพ่อจะเป็นผู้กำหนดเองในแต่ละครั้งว่าจะเลือกใครไปบ้าง บางครั้งก็กำหนดเวลาไป หลังงานบุญใหญ่เพื่อเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่งกับผู้ปฎิบัติงานด้วย ผู้ที่เคยไปมาแล้วจะกลับมาบอก เล่าถึงผลถึงความคืบหน้าที่น่าอัศจรรย์ เช่น "ได้สว่างพรึบพรั่บกันถ้วนหน้า" (หมายถึงได้เห็น องค์พระธรรมกายปรากฏ) ส่วนใหญ่ของผู้ได้ไปก็มักเป็น "พระใน" ( คือพระที่อุทิศตนบวชไม่สึก และเป็นระดันนำของวัด) เจ้าหน้าที่ฆราวาสระดับสูง สมาชิกฆราวาสผู้ใกล้ชิดหลวงพ่อและผู้ที่ ท่านเล็งเห็นว่า มีศักยภาพในด้านธรรมปฎิบัติ "
    นอกจากนั้น ในวัดแห่งนี้ ยังได้มีการแบ่งพระออกเป็น 2 กลุ่ม คือ "พระในกับพระนอก" พระในหมายถึงพระที่ปวารณาตัวเองไม่สึก มีไม่กี่รูป ซึ่งพระในเป็นผู้ที่มีตำแหน่งผู้บริหารระดับ สูงของวัด ส่วนพระนอกเป็นพระที่ปรารถนาจะสึกเมื่อไหร่ก็ได้
    ดร.อภิญญา กล่าวในบทวิจัยว่า "การปฎิบัติของชาววัดต่อพระในจะมีความเคารพนอบน้อม เป็นอย่างมากในงานพิธีต่างๆ ก็จะนั่งในตำแหน่งสำคัญ ๆ เช่น แถวหน้าหรือที่ที่ใกล้หลวงพ่อจะ เป็นของพระใน นอกจากนั้น จีวรก็เป็นสัญลักษณ์ของการแบ่งระดับชั้นด้วยในขณะที่จีวรของพระ นอกเป็นผ้าธรรมดา จีวรของพระในจะทำมาจากป่านสวิสราคาแพง เนื้อผ้าคุณภาพเยี่ยม ห่มแล้ว ไม่ร้อน และเมื่อย้อมสีก็จะได้สีเหลืองที่สว่างกระจ่างตา ยิ่งกว่าสีจีวรทั่วไป"

    ธรรมกายที่แท้ธรรมโกย
    สินค้าบุญวางขายเกลื่อน
    ข้อ 3.3 ของบทวิจัย ซึ่งดร.อภิญญาตั้งชื่อหัวข้อว่า "กระบวนการทำให้บุญเป็นสินค้า" ได้ระ บุว่า วัดธรรมกายได้ยึดเอาการทำบุญเป็นหัวใจของแผนยุทธศาสตร์ระดมทุนของวัด โดยไม่สนใจ ภาพพจน์ของการเป็น"พุทธพาณิชย์"แม้แต่น้อยทั้งนี้ในการระดมทุนทางวัดธรรมกายใช้หลักการ
    ตลาดสมัยใหม่เข้ามาเกี่ยวข้องเช่นวิธีการน็อคดอร์ด้วยการให้กัลยาณมิตรบอกบุญเข้าไปหา
    ลูกค้าและหากใครประสงค์จะมาทำบุญที่วัดทางวัดก็จัดรถอำนวยความสะดวกในการเดินทาง
    ตามจุดต่างๆไว้คอยบริการเมื่อมาถึงวัดก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆเตรียมรองรับไว้อย่าง
    พร้อมเพรียง
    ในวัดนั้นมีสินค้าบุญหลากหลายรูปแบบให้เลือก โดยดร.อภิญญา ระบุว่า"ในเรื่องของ product หรือตัวสินค้านั้น วัดมีเทคนิคมากมายที่จะทำให้สินค้าดูน่าดึงดูด เทคนิคทึ่สำคัญประการ แรก คือ จะต้องทำให้ตัวสินค้ามี "ความหลากหลาย" อีกนัยหนึ่ง คือทำให้ผู้บริโภคเพลิดเพลิน กับความรู้สึกว่า ตนมีโอกาสเลือกได้มากกว่าหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องมีการคิดค้นรูปแบบใหม่ ๆ ของ การทำบุญมาเสนอ
    ตัวอย่างกองบุญที่มีอยู่ คือ กองบุญภัตตาหาร กองบุญธุดงค์ กองบุญน้ำปานะ กองบุญยาน พาหนะ กองบุญพิมพ์พระไตรปิฎก กองบุญปล่อยนกปล่อยปลา กองทุนปัญญาบารมี (บริจาคเพื่อพัฒนา สื่อสารมวลชนของวัด) กองบุญ "สหวาร" ที่ชักชวนให้ผู้เกิดวันเดียวกัน (วันประจำสัปดาห์) มาร่วมทำบุญด้วยกัน นอกจากนั้นบางกองบุญยังทำเทคนิคการออมทรัพย์มาใช้ เช่น "แก้วมณีทวี บุญ" เป็นโครงการชักชวนให้ซื้อกระปุกออมสินเป็นพลาสติกใสทรงกลมเหมือนลูกแก้ว ผู้วิจัยเคย เห็นบางคนหยอดกระปุกนี้ด้วยแบงก์ร้อย เมื่อสะสมจนเต็มจะมีโอกาสเข้าถวายแก้วนี้แด่ท่านเจ้า อาวาส ซึ่งเป็นโอกาสที่หาได้ยากและถือกันว่า ได้บุญยิ่ง
    อีกโครงการหนึ่งที่น่าสนใจคือ "โครงการเศรษฐีถาวร" ในแผ่นพับที่โฆษณาโครงการนี้ อธิบายไว้ว่า มีการคำนวณว่าแต่ละเดือนวัดต้องเสียค่าใช้จ่ายด้านอาหารประมาณสองหมื่นบาท หากผู้ใดปรารถนาจะเกิดเป็นเศรษฐีทุกภพชาติ ก็ขอเชิญมาร่าวมบริจาคเข้ากองทุนนี้โดยมีเงี่อน ไขว่า ให้บริจาคเดือนละหนี่งพันบาทเพื่อกองทุนนี้ทุก ๆ เดือนตลอดชั่วชีวิต "ความร่ำรวยในชาติ ภพปัจจุบันเป็นเพียงผลพวงของการกระทำในอดีตชาติ ใครปลูกถั่วคนนั้นก็จะได้ถั่ว"
    "นอกจากกองบุญในลักษณะต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว วัดยังมีพิธีบุญใหญ่ประจำปี 3 งาน คือ มาฆบูขา วิสาขบูชาและกฐิน ความสำคัญประการหนึ่งของงานบุญทั้ง 3 อยู่ที่เป็นโอกาสหลักของ การระดมทุนในแต่ละปีช่วง 2 ถึง 3 เดือนก่อนหน้างานบุญใหญ่แต่ละครั้ง เป็นช่วงที่จะมีการเดิน สายบอกบุญอย่างเข้มข้นต่อเนื่องและเป็นระบบ
    นอกจากงานบุญใหญ่ทั้ง 3 นี้แล้ว วัดยังมีโครงการบุญเฉพาะกิจที่เสนอออกมาอยู่เรื่อย ๆ เช่น ในโอกาสระดมทุนหล่อพระพุทธรูปถวายวัดพุทธในต่างประเทศ ระดมทุนสร้างรูปหล่อพระ มงคลเทพมุนี (หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ) ระดมทุนสร้างวิหารหลวงพ่อสด ล่าสุดและที่โหมทุนโฆษ ณามากที่สุดเห็นจะเป็นโครงการสร้างมหาธรรมกายเจดีย์ ซึ่งภายในจะบรรจุพระพุทธรูปธรรม กายประจำตัวของผู้มีจิตศรัทธาสร้างองค์พระ มีพิธีตอกเสาเข็มต้นสุดท้ายไปเมื่อเดือนกันยายน 2539
    แต่ละโปรเจ็คของวัดจะมีลักษณะคล้ายคลึงกัน คือ ในแง่เป้าหมาย เป็นการตอกย้ำถึงอา นิสงส์ของบุญและการสร้างสมบารมี ในแง่เทคนิค มีการใช้รูปแบบประชาสัมพันธ์แบบต่าง ๆ ตั้ง แต่การใช้สื่อสิ่งพิมพ์ วีดิทัศน์ การเทศน์ไปจนถึงการใช้พิธีกรรมสร้างความรู้สึกศักดิ์สิทธิ์และใช้ เครือข่ายกลุ่มกัลยาณมิตรเป็นฐานการระดมทุน ความแตกต่างของแต่ละโปรเจ็คอยู่ที่ระดับความ เข้มข้นหรือขอบเขตการทุ่มเททรัพยากรว่า จะให้โหญ่โตเพียงใดเท่านั้น "

    นักบุญเฉพาะกิจ-ไดเร็กเซลล์
    ใช้ดวงแก้วเครื่องหมายการค้า
    การะดมทุนทำบุญของวัดธรรมกาย ได้ใช้เทคนิคการกระตุ้น และ สร้างกลุ่มผู้บอกบุญมา ใช้อย่างเข้มข้น โดยดร.อภิญญา ระบุว่า "ในช่วงก่อนงานบุญใหญ่ประจำปีทั้ง 3 หรืองานบุญใหญ่ เฉพาะกิจ มีการจัดตั้งกลุ่มกัลยาณมิตร "เฉพาะกิจ" ที่มีเป้าหมายและความเชี่ยวชาญเรื่องระ ดมทุนโดยเฉพาะ กลุ่มพิเศษนี้แต่ละกลุ่มจะประกอบไปด้วยเจ้าหน้าที่วัด สมาชิกฆราวาสที่กระตือรือ ร้นและมีประสบการณ์สูงในการระดมทุน และมี "พระใน" 1 รูป เป็นผู้ดูแล
    ปัจจุบันมีกลุ่มพิเศษดังกล่าว 10 ทีม แต่ละทีมมีชื่อที่ไพเราะและเป็นมงคล ดังนี้ คือ แก้วธรรมกาย แก้วกายธรรม แก้วเต็มคลัง แก้วประสานใจ แก้วขุนพล แก้วจักพรรดิ์ แก้วสัม พันธ์ แก้วดอยธรรม แก้วกัลยาณมิตรและแก้วภูธร จะเห็นว่า สำหรับชาวธรรมกาย "ดวงแก้ว" เป็นสัญลักษณะศักดิ์สิทธิ์ที่กลายมาเป็น "เครื่องหมายการค้า"ที่มีประสิทธิภาพ
    ซึ่งเราจะพบการใช้ดวงแก้วเป็นสัญญลักษณ์การระดมทุนหลายแบบ นอกจากใช้ตั้งชื่อกลุ่มระ ดมทุนเพื่อเอาเคล็ดเอาชัยแล้ว การใช้ดวงแก้วเป็นกระปุกออมสินในโครงการแก้วมณีทวีบุญยังสะ ท้อนการประสานสัญญลักษณ์ของระบบออมทรัพย์เข้ากับสัญญลักษณ์แห่งการปฎิบัติเพื่อไปพ้นโลกด้วย นอกจากนี้ ในสินค้าต่าง ๆ ที่มีจำหน่ายในวัด ก็มักใช้ดวงแก้วเป็นโลโก้เสมอ ๆ
    นอกจากการตั้งทีมเฉพาะกิจที่เชี่ยวชาญเรื่องระดมทุน ยังมีการตั้งตำแหน่งที่เรียกว่า "ประ ธานกอง" เมื่อผู้ใดถูกทาบทามเป็นประธานกอง ก็จะต้องพยายามหาลูกกอง คือ ผู้ที่ทำบุญร่วม ทีมด้วย จะเป็นกี่คนก็ได้ แต่ละกองจะได้รับแจกแผ่นพิมพ์สีสวยงามด้วยกระดาษอย่างดีให้กรอกชื่อ ที่อยู่ของประธานและลูกทีมร่วมกองและจำนวนเงินบริจาค ชาววัดมักแข่งกัน "ทำกอง"คือไป แสวงหาเพื่อนหรือผู้รู้จัก ซี่งไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกวัดเลยก็ได้ให้มาเป็นประธานกอง และประ ธานกองก็จะต้องไปหาลูกทีมมาร่วมบริจาค
    เทคนิคนี้ชี้ให้เห็นวิธีการกระจายภาระบอกบุญไปนอกเครื่อข่ายสมาชิก การตั้งตำแหน่งประ ธานรองและประธานกองนึ้จึงเป็นเคล็ดยุทธศาสตร์สำคัญของการขยายเครือข่ายการบอกบุญ ใน ลักษณะ"direct sale" ออกไปย่างไพศาลและซับซ้อน "

    [​IMG]
     
  3. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ติวเข้มเทคนิคการขูดรีดบุญ
    มอบโล่เกียรติคุณผู้ทำเป้า
    งานวิจัยกล่าวว่าการทำบุญดังกล่าวได้นำเอากลยุทธ์ทางการตลาดมาใช้ อย่างเต็มรูปแบบ บ่อยครั้งมีการฉายสไลด์เชิญวิทยากรมาอบรมเทคนิคให้กับเจ้าหน้าที่ระดมทุน มีการตั้งเป้าหมายทำ ยอดบุญ ตลอดจนแข่งขันทำยอดสร้างบุญและมีรางวัลให้
    ในรายงานการวิจัย ดร.อภิญญา กล่าวว่า "สำหรับเทคนิค promotion ที่นำมาใช้เพื่อ กระตุ้นกลุ่มนั้น มีการประชุมกลุ่มย่อยและประชุมหัวหน้ากลุ่มบ่อยครั้ง บรรยากาศในที่ประชุมคึก คักมาก มีการฉายสไลด์มัลติวิชั่น วีดิโอ เชิญวิทยากรมาให้ความรู้เกียวกับเทคนิคการจูงใจคน มี การวางแผนแบ่งกลุ่มจัดสายออกเพื่อบอกบุญประชาชน และเพื่อให้แต่ละคนทุ่เทเต็มที่ ก็มักมีการกำ หนดเป้าหมายว่า ตนจะ"ทำยอด"ได้สักเท่าใด การแข่งขันระหว่างกลุ่มต่าง ๆ จึงมีสูง
    มารตรการสำคัญที่เร้าให้ทุกคนทุ่มกายถวายชีวิตต่อกิจกรรมนี้ คือการสร้างแรงกระแสด้วย การตั้งรางวัลสำหรับผู้ที่สามารถ "ทำเป้า" ภายในเวลาที่กำหนดให้ได้ก่อนผู้อื่น เช่น ภายใน 2 หรือ 3 อาทิตย์ บอกบุญครบ 1,000 บาท ได้ลูกแก้วเล็ก ๆ ไว้ใช้ในการภาวนา 1 ลูก บอกบุญ ได้ 10,000 บาท ได้ล็อกเกตรูปคุณยายจันทร์ ทำเป้าครบ 20,000 บาท ได้พระพุทธรูปธรรม กายหน้าตัก 3 นิ้ว หากได้ยอด 100,000 บาท ได้พระพุทธรูปธรรมกายหน้าตัก 9 นิ้วเป็นต้น"
    "มาตรการปลุกกำลังใจอีกประการหนึ่ง คือ พิธีมอบโล่เกียรติคุณแด่ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเป็น "ยอดอาสากัลยาณมิตร" ที่สามารถทำเป้าสูงสุด พิธีนี้จัดขึ้นหลังงานบุญใหญ่ราวหนึ่งหรือสองอา ทิตย์ ในพิธีมีการสดุดีและเชิญผู้ได้รับคัดเลือกให้ผลัดกันขึ้นมาบนเวที เล่าถึงประสบการณ์การทุ่ม เทมอบกายถวายชีวิตแด่กิจกรรมนี้
    ครั้งหนี่งผู้วิจัยเข้าร่ามสังเกตุการณ์ด้วย ได้รู้สึกประทับใจกับเรื่องของยอดอาสากัลยาณม ติรผู้หนึ่ง ซึ่งถูกมะเร็งคุกคาม ขณะนอนในโรงพยาบาล ความอยากสั่งสมบารมีทำให้เธอพาก เพียบอกบุญกับหมอ พยาบาล ผู้มาเยี่ยมไข้และคนทุกคนที่โผล่เข้ามาในห้อง จนกระทั่งสา มารถลบอกบุญได้ทะลุหลักล้านทั้งที่นอนป่วยอยู่ และความปิติทำให้เธอเอาชนะโรคได้อย่างน่า อัศจรรย์
    อีกรายหนึ่งที่เชี่ยวชาญการกระจายสร้างทีมเล็ก ๆ หลายทีม และตั้งชื่อทีมในลักษณะปลุก เร้า เช่น "ฟ้าตะลุย" หรือ "สุดชีวิตของฟ้า" เล่าถึงประสบการณ์ของลูกทีมที่เป็นนักศึกษาที่ไม่ เคยบอกบุญมาก่อน ใช้วิธีอธิษฐานจิตให้เข้มแข็งจนสามารถบอกบุญได้ดะไปหมด ตั้งแต่คนแปลกหน้า ในรถเมล์ไปจนถึงลูกค้าในร้านก๋วยเตี๋ยว ผู้ที่ไม่มีโทรศัพท์ก็อาศัยโทรศัพท์บ้านเพื่อนทีละหลาย ๆ ชั่วโมง บอกบุญกันอย่างไม่คิดชีวิต สุดท้ายคือ การเทกระเป๋าตนเองจนถึงบาทสุดท้ายเข้าสมทบ"
    ซึ่งการทำอย่างอย่างสุดจิตสุดใจ ทำกันอย่างทุ่มเทเต็มที่นั้นก็เพราะเชื่อว่า หลวงพ่อธัมม ชโยเป็นบุคคลวิเศษสุดยอด โดยดร.อภิญญา ระบุว่า "สานุศิษย์ของหลวงพ่อธัมมชโย เชื่อมั่นว่า หลวงพ่อของพวกเขา คือ "รถไฟขบวนสุดท้าย" ที่จะขนพาสรรพสัตว์ข้ามวัฎฎสงสาร ดังนั้น ทางรอดทางเดียว ก็คือ การสั่งสมบุญอย่างสุดชีวิตเพื่อให้ปฎิบัติเข้าถึงพระธรรมกายให้ได้ ความสำคัญของการไปบอกบุญผู้อื่นจึงเข้าใจได้จากวิสัยทัศน์ดังกล่าวนี้เอง"

    แข่งขันบุญ - ปลุกเร้าความวิเศษ
    โศกนาฏกรรมพระชั้นนำฆ่าตัวตาย
    งานวิจัย เปิดเผยว่าในการทำบุญที่ทางวัดพระธรรมกายสนับสนุนให้มีการแข่งขัน รวมทั้ง การปลุกเร้าความวิเศษของธรรมกาย และ การบริหารองค์กรที่เน้นลำกับจากบนสู่ล่างได้ทำให้ เกิดความแข่งขันชนิดสุดฤทธิ์สุดเดชนจนเกิดความเครียดและลงเอยถึงขั้นเคยมีการฆ่าตัวตายเกิด ขึ้นในวัด
    ซึ่งดร.อภิญญาระบุว่า"ค่านิยมที่เน้นศักยภาพปัจเจกบุคคลและการแข่งขัน เมื่อมาผสม
    ผสานอยู่ภายใต้ระบบการตัดสินใจแบบบนลงล่าง และ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่เน้นลำดับขั้น มาก มีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความอึดอัดและตึงเครียดทางจิตใจแก่ผู้ปฎิบัติงานได้ง่าย ยิ่งกว่านั้น การโต้เถียงหรือระเบิดอารมณ์ถือว่าสะท้อนถึงการที่คนผู้นั้นไม่มีสมดุลย์ในจิตใจ แสดงว่า สมาธิยัง ไม่แกร่ง ยังไม่อาจประหารกิเลสหยาบ ๆ ได้และยิ่งหากระเบิดอารมณ์เข้าใส่ผู้ที่ฐานะสูงกว่า ด้วยแล้ว ก็เป็นสิ่งที่จะถูกติเตียน
    ค่านิยมที่เน้นการประนีประนอมทำให้ในหลาย ๆ กรณี ผู้ที่เป็นสาเหตุความขัดแย้งจะไม่มา พูดชี้แจงอธิบายจุดยืนหรือโต้กันแบบซี่งๆหน้า แต่จะใช้วิธีต่างคนต่างทำแบบที่ตนคิดว่าถูก ซึ่งหลายๆ ครั้งก่อความอึดอัดสับสนแก่เจ้าหน้าที่ชั้นรองๆที่เป็นผู้ปฎิบัติสิ่งที่ชี้ให้เห็นว่าวัดตระหนักถึงปัญหา ความเครียดก็คือ การให้เจ้าหน้าที่ได้หยุดงานและเข้าสมาธิร่วมกันเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งอา ทิตย์ในช่วงหลังงานบุญใหญ่เพื่อเป็นการพักผ่อน การเข้าสมาธิหมายถึงการทำสมาธิติดต่อกันวันละ 6 ถึง 8 ชั่วโมง ในแง่นี้นับว่า สมาธิมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดความกดดันในการบริหารองค์กร
    อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดก็ยังปรากฎให้เห็น ในกลุ่มเจ้าหน้าที่หญิงมีการคุยในลักษณะ ปรับทุกข์ ปลอบโยนและหลายๆ ครั้งก็ไปปรึกษาพระและบางรายก็แก้ปัญหาด้วยการพยายามวิ เคราะห์ตนเองว่าที่มาของปัญหาอยู่ที่ตัวของเขาเองอย่างไร
    พูดอีกนัยหนึ่งปัญหาในเชิงโครงสร้างการบริหารถูกสลายกลายระดับมาเป็นปัญหาส่วน บุคคล ในระดับบุคลิกภาพของปัจเจก อย่างไรก็ตาม มีบางครั้งที่การจัดการตนเองไม่เป็นผล ทางออกก็คือ ลาออกไป แต่ก็มีบางรายที่ลงเอยด้วยโศกนาฎกรรม พระภิกษุรูปหนึ่งเป็นกำลังสำ คัญในการก่อตั้งวัดมาตั้งแต่ต้น ได้ชื่อว่าอุทิศตนอย่างสุดจิตสุดใจและเป็นที่รักเคารพยิ่ง ของชาวธรรมกาย มรณภาพลงในวัดด้วยการฆ่าตัวตาย หลังจากทุกข์ทรมานด้วยอาการเครียด ของโรค schizophrenia อย่างแรงที่ท่านพยายามปกปิดอยู่เป็นปี "
    สำหรับการฆ่าตัวตายในวัดนั้น แหล่งข่าว"สยามธุรกิจ"เปิดเผยว่า หลายปีก่อน พระชิโตเป็น พระสำคัญรูปหนึ่งของวัดพระธรรมกายได้ฆ่าตัวตายอย่างมีปริศนา

    [​IMG]

    ถวายข้าวพระพุทธเจ้า-อรหันต์
    ผ่านสื่อพระธัมมชโย-แม่ชีจันทร์
    ในงานวิจัยข้อ 4.2.4 หัวข้อ "พิธีกรรมข้าวพระในพระนิพพาน : การทำให้พระนิพพาน เข้ามาอยู่ใกล้ตัว " ระบุไว้ว่า วัดธรรมกายเชื่อในความมีตัวตนของ"พระนิพพาน"ซึ่งความเชื่อใน เรื่องนี้ทำให้เกิดพิธีกรรมสำคัญพิธีหนึ่งขึ้นในวัดพระธรรมกาย ดร.อภิญญา ระบุว่า "ชาววัดได้ แสดงศรัทธาที่แรงกล้าต่อความเขื่อในเรื่องความมีตัวตน ของพระนิพพานผ่านพิธีกรรมสำคัญอันหนึ่ง ที่เรียกว่า การถวายข้าวพระในพระนิพพาน
    ซึ่งเป็นพิธีที่จัดทุกวันอาทิตย์ต้นเดือนของทุกเดือน โดยจะมีสมาชิกมาร่วมมากมายกว่าวันอา ทิตย์ในสัปดาห์อื่น ๆ ในระยะหลังความนิยมในพิธีนี้ของชาววัด เห็นได้จากการที่สมาชิกต่างจังหวัด ไกล ๆ เช่น ที่เชียงใหม่ก็จะจัดขบวนรถทัวร์นำสมาชิกมาร่วมพิธีนี้อย่างสม่ำเสมอ ชั้นตอนต่าง ๆ ของพิธีกรรมคล้ายคลึงกับพิธีกรรมของวันอาทิตย์อื่น ๆ...
    แต่สิ่งพิเศษที่เพิ่มเข้ามานอกจากจำนวนสมาชิกที่หนาตากว่าทุกอาทิตย์ ก็คือ มีการตก แต่งบริเวณงดงามกว่าปกติ เช่น เพิ่มพุ่มดอกไม้ แจกันและการประดับดอกไม้สดในบริเวณฐานพระ พุทธรูปและตรงที่นั่งของพระสงฆ์ มีโต๊ะตั้งอาหารหวานคาว ที่จัดอย่างประณีตเพื่อถวายแด่พระ ธรรมกายของพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทุกพระองค์ในพระนิพพาน คุณยายจันทร์ ขนนกยูงและ หลวงพ่อเจ้าอาวาสจะมาเป็นประธานในพิธีด้วย บรรยากาศจึงคึกคักเป็นพิเศษ
    หลังจากนั่งสมาธิและสวดมนต์ร่วมกันแล้ว คุณยายจันทร์จะเป็นประธานกล่าวคำถวายข้าว แด่พระธรรมกายในพระนิพพาน ให้ทุกคนกล่าวตาม เชื่อกันว่า การได้เข้าร่วมจรดใจน้อมใจ ถวายข้าวพระนี้ได้บุญมาก เพราะคุณยายและหลวงพ่อเจ้าอาวาสจะใช้พลังสมาธิของท่านเป็นสื่อ ติดต่อกับพระธรรมกายพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ซึ่งมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนราวเมล็ดทราย ในมหาสมุทร ซี่งสถิตย์อยู่ในอายตนนิพพานและใช้พลังสมาธิของท่านกลั่นของหยาบ คือ อาหาร หวานคาวให้กลายเป็นของทิพย์ที่มีธาตุอันละเอียดประณีตเพื่อถวายพระธรรมกาย พูดอีกนัยหนึ่ง ทุกคนในศาลาสามารถน้อมใจและถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้าในนิพพานผ่านสื่อกลาง คือ คุณ ยายและท่านเจ้าอาวาสได้ "
    สำหรับที่ประทับของพระพุทธเจ้าตามความเชื่อของวัดพระธรรมกายนั้น เชื่อว่า พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ที่"อายตนะนิพพาน"ซึ่งเอกสารเผยแพร่ของชาวธรรมกายระบุว่า "อายตนะ"นั้น "มี ลักษณะกลมรอบตัวขาวใสบริสุทธิ์ ... ขนาดนั้นสามารถวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว 141 ล้าน 3 แสน 3 หมื่นโยชน์ ขอบของอายตนะนิพพานหนาด้านละ 15,120,000 โยชน์ รวมขอบสองด้านก็ เป็น 30,240,000 โยชน์ ขอบนี้ก็กลมรอบตัวเช่นเดียวกัน ส่วนเนื้อที่อยู่ในขอบ เป็นที่ประทับ ของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ... เป็นสถานที่โอ่โถงปราศจากสิ่งอื่นใด ... สว่างไสวไปด้วยรัศมี ธรรมอันโชติช่วง ... กายธรรมที่บรรลุอรหัตตผลแล้ว ... มีกาย หัวใจ ดวงจิต และดวงวิญ ญาณวัดตัดกลาง 20 วาเท่ากันทั้งสิ้น หน้าตักกว้าง 20 วา สูง 20 วา เกศดอกบัวตูมขาวใส บริสุทธิ์ ... บางพระองค์ที่เป็นพระสัพพัญญูพระพุทธเจ้า ก็ทรงประทับอยู่ท่ามกลางพระอรหันต สาวกจำนวนมาก บางพระองค์ที่เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ... ก็ประทับโดดเดี่ยวอยู่โดยลำพัง ส่วนรังสีที่ปรากฎก็เป็นเครี่องบอกให้รู้ถึงการสร้างบารมีของพระพุทธเจ้า ... ว่ามากน้อยกว่ากัน เพียงไร"

    คลั่งใคล้อำนาจศักดิ์สิทธิ์-ละเลยหลักธรรม
    เจ้าอาวาสเป็นองค์อวตาร
    ในงานวิจัย ดร.อภิญญา ระบุว่า วัดธรรมกายมีความเชื่อและเน้นมากในเรื่องอิทธิปาฎิ หาริย์ "เราจะพบว่า พระธรรมกายเป็นที่พึ่งแก่สมาชิกได้มากในเรื่องนี้ แม้ผู้ที่ยังไม่อาจปฎิบัติถึงขั้น เห็นองค์พระธรรมกายในตัว ก็ยังมีพระผงของขวัญองค์เล็กที่หลวงพ่อวัดปากน้ำทำเอง ซึ่งขึ้นชื่อว่า ศักดิ์สิทธิ์นัก มีคุณสมบัติที่สามารถปกป้องภยันตรายต่าง ๆ อีกด้วย...
    แม้ในเทศนาหลาย ๆ แห่งของหลวงพ่อรองเจ้าอาวาส จะอธิบายถึงการใช้ธรรมเป็นเข็ม ทิศในการดำเนินชีวิตประจำวันก็ตาม เราจะพบว่า แรงดึงดูดของอำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่มีอิทธิฤทธิ์ดลบัน ดาลต่าง ๆ นั้น ดูจะมีเสน่ห์ดึงดูดมากกว่า เราจะพบการคุยกันเรื่องนี้ได้ในวงกินข้าวไปจนถึง การพิมพ์เล่าเผยแพร่ จนอาจจะกล่าวได้ว่า ประเด็นนี้เป็นจุดขายอย่างหนึ่งของสมาชิกวงใน ของวัดก็ได้
    ในจดหมายข่าวและวารสารกัลยาณมิตร จะมีคอลัมน์ประจำที่สัมภาษณ์ประวัติกัลยาณมิตร ซึ่ง ส่วนใหญมักจะเอ่ยถึงปาฎิหาริย์ต่าง ๆ ที่พระธรรมกายได้เข้ามาช่วยเหลือในยามวิกฤติ ที่พบค่อน ข้างมาก คือ รักษาอาการเจ็บป่วยของตนหรือของญาติใกล้ชิด หรือ การช่วยให้รอดพ้นอุบัติเหตุ อย่างอัศจรรย์ ทำให้เป็นจุดที่พลิกผันให้ผู้นั้นหันมาทุ่มเทอุทิศกายเพื่อวัดในที่สุด
    ในหนังสือ "พุทธานุภาพ" ก็รวบรวมบันทึกและประสบการณ์ของสมาชิกที่พบเห็นสิ่งอัศจรรย์ ในบริเวณโบสถ์วัดพระธรรมกาย เช่น เห็นองค์พระประธานลืมตา มีรัศมีสว่างสไว หรือปรากฎ ภาพพระธรรมกายซ้อนกันขึ้นภายในโบสถ์ เป็นต้น เช่นเดียวกับหนังสือประวัติคุณยายจันทร์และ หลวงพ่อวัดปากน้ำ ก็จะเน้นเหตุการณ์ที่คุณยายแสดงกตัญญูด้วยการช่วยวิญญาณคุณพ่อให้พ้นจาก ขุมนรกหรือเหตุการณ์ที่พระและแม่ชีวัดปากน้ำได้อธิษฐานจิตช่วยปัดลูกระเบิดญี่ปุ่นสมัยสงคราม โลกครั้งที่ 2 มิให้มาตกในกรุงเทพ"
    นอกจากนั้น บทวิจัยชิ้นนี้ยังระบุว่า ทั้งความเชื่อในเรื่องศาสนาตามแนวของวัดพระธรรม กาย ทั้งการให้ความสำคัญในเรื่องอิทธิปาฎิหาริย์ ตลอดจนรูปแบบพฤติกรรมระดมทุน"ขายบุญ"และ สร้างภาพมนุษย์เหนือมนุษย์ให้แก่เจ้าอาวาสทำให้ภาพลักษณ์ของเจ้าอาวาสในสายตาของสานุศิษย์ คือ บุคคลอันเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งปวงในจักรวาล น่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
    "ในยุคหลังมานี้ ภาพลักษณ์ของหลวงพ่อท่านเจ้าอาวาสพัฒนาเปลี่ยนไปจากการเป็นวีรบุรุษสำ คัญคนหนึ่งของฝ่ายขาว มาเป็นอวตารภาคหนึ่งของ "องค์พระธรรมกายต้นธาตุ"อันเป็นมูลการณ์ แห่งสรรพสิ่งเสียเอง ความกลัวเกรงที่มีต่อท่านจึงสูงยิ่ง คำพูดท่านจึงเป็นเสมือนวาจาสิทธิ์ที่ไม่มี ใครกล้าโต้แย้ง"
    สำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ได้เคยตีพิมพ์ในวารสาร"พุทธศาสน์ศึกษาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ฉบับเดือนมกราคม-เมษายน 2541

    [​IMG]
     
  4. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    เดลินิวส์ 25/1/2542

    จี้ชี้ขาดปัญหาวัดธรรมกาย
    กุล่มพุทธศาสนิกชนไทยถวายหนังสือสมเด็จพระสังฆราชขอให้ช่วยกระตุ้นมหาเถระฯชี้ขาดวัดพระธรรมกาย รวมทั้งให้สอบเจ้าคณะภาค 1 ด้วยหากพบมีเจตนาไม่เอาใจใส่ ขณะที่ "หลวงพ่อปัญญา" ออกโรงช่วยจี้ให้เร่งดำเนินการอีกแรง พร้อมเตือนชาวพุทธทำบุญด้วยเงินมาก ๆ หวังขึ้นสวรรค์เป็นเรื่องงมงาย ระบุคนที่เลื่อมใสวัดพระธรรมกายเป็นคนโง่ หากไม่รู้จักใช้ปัญญาจะถูกเขาหลอกเรื่อยไป วัดพระธรรมกายจัด "เทศน์แอนด์ทอล์ค" ถล่มสื่อมวลชน เปรียบเป็นหมาป่าจ้องหาเรื่องลูกแกะ ด้าน "มูลนิธิความหวังของชาวไทย" เปิดแถลงข่าวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาอ้างมีไอ้โม่งในกระทรวงศึกษาธิการฯ ปล่อยข่าวมุ่งทำลาย
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานีว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 24 ม.ค. ทางวัดได้จัดให้มีรายการ "เทศน์ แอนด์ทอล์ค" โดยพระสมชาย ฐานวุฑโฒ ผู้อำนวยการด้านเผยแพร่ศาสนา วัดพระธรรมกาย และนายมานิตย์ รัตนสุวรรณ โดยมีผู้สนใจร่วมฟังประมาณ 1,000 คน ทั้งนี้ ทางวัดได้มีการติดประกาศเชิญชวนให้ญาติธรรมร่วมรับฟังไปทั่ว โดยมีใจความว่า รวมใจกล้าตะวัน สู้บ่ยั่น พร้อมแจ้งว่าผู้ที่อยู่รับฟังจะมีรถบัสไปส่งให้ด้วย
    ก่อนรายการจะเริ่มขึ้นพิธีกรได้กล่าวกับผู้ที่ร่วมฟังว่าให้ช่วยกันชักชวนคนมาบวชอุบาสกแก้วใน
    ระบบ 1 ต่อ 10 ผู้ที่เป็นเจ้าของโรงงานก็ขอให้หยุดกิจการแล้วพาลูกน้องมา ซึ่งจะถือว่าเป็นการให้โบนัสอย่างหนึ่งกับลูกน้อง
    เมื่อถึงเวลาที่กำหนดพระสมชาย ฐานวุฑโฒ ได้ขึ้นเทศน์ว่า ข่าวสารความสับสนที่เกิดขึ้นกับวัดขณะนี้เป็นเรื่องของคนข้างนอกทำกัน วัดนี้สร้างมากว่า 29 ปีแล้ว และจากการได้สัมผัสกับผู้สื่อข่าวบางคนก็มาสารภาพว่าเบื่อหน่ายต่อข่าวนี้เหมือนกัน และต่อไปข่าวนี้ก็จะวนอยู่ในประเด็นซ้ำซากไม่มีอะไรใหม่ และจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอให้พวกเราร่วมกันต่อสู้ต่อไปแล้ววันหนึ่งชัยชนะจะเป็นของพวกเรา
    ด้านนายมานิตย์ รัตนสุวรรณ กล่าวว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่เข้ามาที่วัดนี้จึงถูกมองเหมือนอาชญากร อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณสื่อมวลชนที่ช่วยโฆษณาให้วัดไปทั่วประเทศ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมานี้ทางวัดไม่ต้องเสียค่าโฆษณาเลย และตนมั่นใจว่าวัดนี้จะไปรอดแน่ ขณะนี้ทางกรมการศาสนาและมหาเถรสมาคมก็กำลังลงมาตรวจสอบ ซึ่งทางวัดก็ต้องตอบคำถามและยินดีให้ตรวจสอบหลักฐานต่าง ๆ ถือเป็นการพิสูจน์ทางศาลอย่างเป็นทางการ แต่พระสงฆ์บางรูปที่อยู่นอกวัดและออกมาพูดถึงวัดน่าจะไม่เหมาะสมที่จะทำตัวเป็นศาลรายวัน อยากจะท้าพระดังที่ออกมาต่อต้านวัดพระธรรมกายให้ออกรายการทีวีพร้อมกัน
    นอกจากนี้นายมานิตย์ยังได้ยกเอานิทานอีสปเรื่องหมาป่ากับลูกแกะมาเปรียบเทียบสื่อมวลชน โดยระบุว่าสื่อมวลชนลงข่าวใส่ความวัดพระธรรมกายหลายประเด็น ซึ่งทางวัดก็แก้ได้ทุกประเด็น แต่สื่อมวลชนก็ยังพยายามหาเรื่องต่อไปอีก เหมือนในเรื่องหมาป่ากับลูกแกะที่เมื่อลูกไม่ผิดก็พยายามจะหาเรื่องไปถึงพ่อถึงปู่
    ส่วนการสร้างเจดีย์ที่มีการระบุว่ามีราคาแพงไม่เหมาะสมกับยุคนั้น นายมานิตย์กล่าวว่า ก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่มอง เจดีย์นี้สร้างต่อเนื่องมาหลายปีแล้ว สำหรับวิธีการบอกบุญแบบขายตรงซึ่งวิธีนี้จะต้องมีผู้ได้ประโยชน์ แต่ประโยชน์ก็คือได้บุญเป็นค่าคอมมิชชั่น ขณะที่เรื่องนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตานั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติ หากเอาความรู้เรื่องปริยัติมาถกเถียงกันก็ถือว่าเป็นปริยัติงูเห่า พระทางภาคอีสานบางรูปไม่มีความรู้เปรียญแต่ยังสามารถ
    ชี้แจงรายละเอียดของพระพุทธศาสนาได้ถูกต้องครบถ้วน
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ที่ธรรมสถาน จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย มีรายการบรรยายธรรมวันอาทิตย์ เรื่อง"นิพพานเป็นอนัตตาหรืออัตตา" โดยอาจารย์ สุชาติ ก่อไพศาล วิทยากรประจำธรรมสถาน ทั้งนี้อาจารย์สุชาติกล่าวว่า ถ้าเอานิพพานเป็นอัตตาก็ไม่ต่างกับลัทธิและศาสนาอื่น ๆ ถ้านิพพานเป็นอัตตาคิดว่าไม่ต้องเกิดก็ได้ พระพุทธเจ้าบอกว่าธรรมทิฏฐิสามารถสมมุติขึ้นมาได้เป็นตัวเป็นตน แต่นำมายืนยันเป็นตัวเป็นตนไม่ได้ เพราะเมื่อแยกจากธาตุที่สมมุติขึ้นมันก็จะหายไปถือเป็นความว่างเปล่า โดยในนิกายเถรวาทจะยึดถือว่าสุดท้ายคือความว่างเปล่า นิพพานในเถรวาทตรงกับคำว่าขันธ์ ซึ่งถ้าดับขันธ์แล้วก็จะไม่มีกิเลส
    "การที่พระสมชายออกมาทำแบบนี้เพื่อต้องการกระตุ้นอัตตาในตัวคนที่ชอบแสวงหาความสุข เงินทอง เพชรนิลจินดา และสิ่งของ ต่าง ๆ หากมีการสอนที่ไม่เหมือนคัมภีร์เกิดขึ้นและมีการดำเนิน
    การต่อไปในอนาคตศาสนาจะเกิดความแตกแยก ถกเถียง ไม่สามัคคี การพูดถึงนิพพานจะถูกตีความคิดไปเป็น
    กลุ่มเป็นสังคม โดยยกสิทธิมนุษยชนออกไป มันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก คำสอนของพระพุทธเจ้าจะไม่มีความเป็นเอกภาพ ดังนั้นควรจะมีองค์กรมาวางบรรทัดฐานหลักธรรมและหลักปฏิบัติเถรวาทให้ชัดเจนไปเลย"
    อาจารย์สุชาติกล่าวต่อไปว่า การที่พระสมชายบอกว่าอัตตาเป็นอภิปรัชญา แสดงให้เห็นว่าผู้ที่คิดเป็นแค่นักปรัชญาคนหนึ่งเท่านั้น พระที่คิดแบบนี้มันจะเป็นแค่ "มิจฉาทิฏฐิของคนพาล" มิใช่นักหาความจริง หากมีการเจาะลึกหรือศึกษาจริงๆจะรู้ว่ามันคือสัจจะ ตนขอท้าพิสูจน์ในเรื่องนี้กับพระสมชายในทุกเวที เพราะเรามีทั้งหลักการและเหตุผลสามารถชี้แจงได้ทุกอย่าง
    พระปริญญาโณ ภิกขุ วัดสันติธรรมาราม พุทธสถานบางเตย แสดงความคิดเห็นว่า พุทธศาสนาเข้าใจตรงกันหมดว่านิพพานเป็น "อนัตตา" เนื่องเพราะเป็นกฎแห่งธรรมชาติ การพูดของพระสมชายก็พูดได้แต่มันจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อพุทธศาสนา เนื่องจากพระคิดว่านิพพานเป็นอัตตาจึงเกิดการรวมศูนย์ กลายเป็นการก่อสร้างวัตถุที่ใหญ่โต ไม่ใช่ความว่างเปล่าที่พระพุทธเจ้าสอน สาเหตุที่วัดพระธรรมกายสอนให้เป็นอัตตา
    เพราะจริตของคนที่เกิดการยึดติด
    ทางด้านพระธรรมโกศาจารย์ หรือหลวงพ่อปัญญา นันทภิกขุ เจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ จ.นนทบุรี ได้บรรยายธรรมในโอกาที่เดินทางไปร่วมงานพิธีบำเพ็ญบุญเจริญบุญอายุครบ 5 รอบ ของพระราชปริยัติโมลี เจ้าคณะจังหวัดชุมพร ที่พระอารามหลวงวัดขันเงิน อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดยกล่าวเตือนชาวพุทธว่า การสร้างบุญด้วยเงินจำนวนมากๆโดยหวังวˆาจะช่วยนำทางไปสู่สวรรค์นั้นถือเป็นการงมงาย อย่างเช่นกรณีของวัดพระธรรมกาย ชาวพุทธต้องใช้ปัญญาอย่าหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ทำบุญไปแล้วจะได้ไม่ต้องเสียใจหรือร้อนใจภายหลัง
    สำหรับกรณีที่ทางมหาเถรสมาคมยังไม่ยอมออกมาชี้ขาดเกี่ยวกับข้อเคลือบแคลงต่างๆของวัดพระธรรมกายนั้น หลวงพ่อปัญญากล่าวว่า เถรสมาคมต้องแอคทีฟหน่อย ต้องทำงานไว ๆ ถึงแม้กรรมการเถรสมาคมจะเป็น
    คนแก่ที่อาจจะเชื่องช้าสักหน่อย แต่ปัญหานี้เป็นหน้าที่ของเถรสมาคมต้องแก้ไข ต้องจัดการ คนอื่นแก้ไม่ได้ รัฐบาลทำไม่ได้เพราะไม่ใช่หน้าที่
    หลวงพ่อปัญญากล่าวอีกว่า วัดพระธรรมกายมีการกระทำที่เป็นกระบวนการ มีการส่งคนออกไปหาสมาชิก ใช้วิธีการทางธุรกิจ เพราะ เจ้าอาวาสของวัดนี้เรียนมาทางมาร์เก็ตติ้ง เรื่องการตลาด ทำให้ดึงคนได้เยอะ ส่วนที่จะผิดแนวทางของพุทธศาสนาหรือไม่นั้น มองว่าบางอย่างก็ผิด
    "คนที่ไปเลื่อมใสแนวทางของวัดนี้นั้น เห็นว่าถ้าเป็นคนโง่ก็จะเลื่อมใส ถ้าเป็นคนฉลาดก็จะไม่เลื่อมใส อยากจะบอกว่าการเป็นชาวพุทธอย่ามักง่าย อย่าเชื่อง่าย ต้องคิดก่อนจึงเชื่อ เห็นเหตุผลถูกต้องจึงเชื่อ ถ้าเชื่อง่ายก็ถูกหลอกเรื่อยไป"
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา นายวรัญชัย โชคชนะ แกนนำกลุ่มพุทธศาสนิกชนไทย ได้เข้าถวายหนังสือต่อสมเด็จพระสังฆราช ที่วัดบวรนิเวศน์วิหาร เพื่อขอให้ช่วยเร่งรัดการพิจารณาของมหาเถรสมาคมกรณีของวัดพระธรรมกายโดยด่วน เพราะที่ผ่านมาเห็นว่ามหาเถรสมาคมไม่ได้ทำอะไรเลย และถ้าหากเห็นว่าการดำเนินการของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 หย่อนยานไม่ใส่ใจสอบสวนเรื่องนี้ก็ขอให้ปลดจากตำแหน่งและทำการสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตาม ทางแกนนำกลุ่มพุทธศาสนิกชนไทยไม่ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระสังฆราช โดยพระมหารัชมังคลาดิลก พระเลขาฯ ได้ออกมารับหนังสือดังกล่าวแทน
    นายวรัญชัยกล่าวภายหลังถวายหนังสือว่า ถ้าหลังจากนี้ไปกรณีของวัดพระธรรมกายยังไม่มีความคืบหน้าใดๆอีก ก็คงต้องพึ่งพลังมวลชนให้ช่วยกันออกมาเรียกร้องหาความกระจ่าง เหมือนที่ชาวพุทธเคยทำมาแล้วกับกรณีของพระยันตระ
    ในส่วนของความคืบหน้าเกี่ยวกับ "มูลนิธิความหวังของชาวไทย" ที่อาคารโฮปเพลซ เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นางรูบีน่า สุวรรณพงษ์ (กรัยวิเชียร) เลขาธิการคริสต์จักรความหวังกรุงเทพฯ มูลนิธิความหวังของชาวไทย ได้เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยนางรูบีน่าได้ปฏิเสธ ข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะกรณีที่มีการระบุว่ามูลนิธิดำเนินการในลักษณะของลัทธิ สอนให้เด็กเกลียดพ่อ-แม่ มีเงินทองทรัพย์สินก็เอามาบริจาคให้มูลนิธิหมด รวมถึงปฏิเสธกรณีที่มีการระบุว่านายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ผู้อำนวยการสถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา เป็นผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิด้วย
    นางรูบีน่ากล่าวว่า ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด มูลนิธิเคยถูกปล่อยข่าวโจมตีในลักษณะนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว อยากให้สื่อมวลชนช่วยสืบหาตัวไอ้โม่งที่ปล่อยข่าวมุ่งทำลายมูลนิธิด้วย ซึ่งตนสงสัยว่าอาจจะเป็นคนในกระทรวงศึกษาธิการ แต่ไม่ทราบว่าใคร
     
  5. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    วันนี้ก็ขอเอาข้อมูลมาให้อ่านเท่านี้ก่อนนะครับ เดี่ยวจะอ่านไม่หมดครับ
    ทำไมต้องทำบุญ 15000

    <iframe title="YouTube video player" width="960" height="750" src="http://www.youtube.com/embed/TIquj_lAOtQ?rel=0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    แถมอีกหน่อย อืมมมมมมมมมมมมมมม โฆษณาโดยมีบุญเป็นสินค้าฉบับ ธรรมกาย บิดเบือนศาสนาอีกต่างหาก
    โฆษณา เหมือนระบบขายตรงยังไงก็ไม่รู้นะครับ 555+
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กุมภาพันธ์ 2011
  6. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    วัดพระธรรมกายเจอกรณีพญามารก่อกวน เมื่อปี2540 - 2543

    แต่ในที่สุดก็มีคำสั่งศาลเป็นที่สุดออกมาแล้ว

    [​IMG]

    วิชชาธรรมกายนั้น เป็นวิชชาที่หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญท่านพบมาว่า

    เป็นวิชชาของพระพุทธเจ้าจริงๆ แต่ด้วยหลายปัจจัยจึงทำให้สูญหายไปในยุค

    พระสมนโคดมสัมมาสัมพุทธฌจ้า นี่เรื่องหลักวิชชาว่าถ้าจะเถึยงก็ไปเถียงกับ

    หลวงพ่อสดท่าน แม้รื่องนิพพานนั้น หสวงพ่อฤาษีลิงดำท่านก็ว่าตามนั้นน่ะ

    หลวงพ่อปานท่านก็ให้หลวงพ่อฤาษีไปเรียนวิชชาธรรมกายที่วัดปากน้ำ พระ

    ธํมมชโยท่านก็บรรลุธรรมกาย ด้วยญาณทัศนะสรรสร้างประโยชน์ให้พระ

    ศาสนา

    [​IMG]

    เมื่อก่อนผมก็ไม่ชอบวัดนี้ ผมเป็นลูกศิษย์ของแม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรมมา

    ก่อน ทุกวันอาทิตย์จะมี "คนมีปัญหา" มาไห้แม่ชีใช้ญาณทัศนะ "เปิดกรรม"

    ซึ่งมีกรณีธรรมกายมากๆๆๆ คนที่ล่วงเกินเจ้าอาวาสวัดนี้แล้วเจอปัญหาชีวิตนั้นมี

    มากๆๆ จนในที่สุด ผมถามท่านเป็นการส่วนตัวว่า วัดพระธรรมกายดีไหมครับ

    ท่านว่า "ดีน่ะ ดีมากด้วย" ผมก็ถามอีกว่า "ผมไปได้ไหม" ท่านก็ว่า "ไปซิ

    ลองไปดู ไปเลย" ผมก็เริ่มศึกษาวัดนี้ จนในที่สุดก็พบว่าดีจริงๆดังที่แม่ชี

    ท่านบอก


    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->


    [​IMG]


    เรื่องพระมหาธรรมกายเจดีย์นั้น ท่านให้สร้างเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมของพุทธศาสนิกชน เมื่อก่อนคนมาวัดน้อย แต่ต่อมามากขึ้นๆ ก็ต้องขยายไปตามจำนวนคน จะว่าใหญ่ไปจนฟุ่มเฟือยก็ไม่ได้ เพราะเหมาะกับจำนานคนและเนื้องาน

    มหาธรรมกายเจดีย์ มีพระพุทธรูปภายนอก 300,000องค์ ภายใน700,000องค์ สร้างด้วยวัสดุอย่างดี ทนฝน ทนกรด ทนเบส รากฐานพระเจดีย์ทนแผ่นดินไหวได้ประมาณ 9ริกเตอร์ ร่วมบุญเท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้าให้เติม1องค์ก็ 15,000บาท ตอนนี้ใกล้ครบ1ล้านองค์แล้ว

    คนบางคนบรรลุธรรมเพราะอรรถที่ว่าด้วยโทษของกาม

    คนบางคนบรรลุธรรมเพราะอรรถที่ว่าด้วยเรื่องทาน

    คนบางคนบรรลุธรรมเพราะอรรถที่ว่าด้วยเรื่องศีล

    คนบางคนบรรลุธรรมเพราะอรรถที่ว่าด้วยเรื่องนรก

    คนบางคนบรรลุธรรมเพราะอรรถที่ว่าด้วยเรื่องสวรรค์


    เรื่องที่ท่านสอนนั้นก็เป็นไปตามนั้นนั่นเอง ท่านไปรู้ไปเห็นด้วยญาณทัศนะโดย

    อาศัยวิชชาธรรมกายไปรู้ไปเห็นมาอย่างไรท่านก็ว่าตามนั้น มันเป็นกำลังใจใน

    การเดินทางสร้างบารมีแล้วแต่คนน่ะ ตามแต่ฐานบารมีที่บำเพ็ญมา ถ้ามีแต่

    สมถะแบบท่านพุทธทาสหมด ถามว่าคนอย่างที่เข้าวัดพระธรรมกายนับแสน ที่

    เค้าชอบแบบนั้นเค้าจะไปไหน อาจไม่เข้าวัดหรือเปลี่ยนศาสนาไปเลย

    แล้วท่านก็สอนแบบนี้แหละ จนทำงานใหญ่ด้านการเผยแผ่พระศาสนาได้อย่าง

    ที่ไม่คาดคิด

    [​IMG]

    โครงการบวช7,000รูป 7,000ตำบล สำเร็จแล้วพัฒนาเป็นบวชแสน

    [​IMG]

    โครงการอุปสมบทหมู่ 100,000 รูป กำลังจะบวชแสนที่3แล้ว

    [​IMG]

    โครงการอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน 1,000,000 คน กำลังจะโครงการที่4แล้ว

    [​IMG]
    โครงการตักบาตรพระ500,000รูป สำเร็จแล้ว
    และตอนนี้กำลังดำเนินงานตักบาตรพระ 1,000,000 รูป ทุกวัดทั่วไทย



    ทำไมไม่ลง VDO แบบนี้บ้าง


    ภาพบรรยากาศอุปสมบทหมู่ 100,000รูป

    โครงการ1


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ZWqELr-x9dM&feature=player_embedded"]YouTube - วันมหาปิติ บวชเป็นสามเณร100000รูป[/ame]


    ภาพบรรยากาศอุปสมบทหมู่100,000รูป โครงการ2(เข้าพรรษา)


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=fxkG2jaePOw"]YouTube - พิธีบรรพชาอุปสมบทหมู่เข้าพรรษา[/ame]


    โครงการ2 (เข้าพรรษา)

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=iUv5M2ICEUk&feature=player_embedded"]YouTube - A mass ordination of 100,000 monks - 20 July 2010[/ame]
     
  7. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    กรณีธรรมกายนั้น ผมเห็นว่าเป็ฯการขยายความที่เกินไป จนมากไปแล้ว

    อย่างที่ Page1 เจ้าของกระทู็นำ VDO อาคาร 100ปีคุณยายอาจารย์มาลงโดยปราศจากใคำอธิบาย ผมก็อยากจะอธิบายดังนี้ว่า

    อาคารนี้ สร้างให้คงทน อยู้ได้เป็นพันๆปี เพื่อรวมงานเผยแผ่พระศาสนา

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]



    หน่วยงานต่างๆ ที่จะเป็นแหล่งหาข้อมูลความรู้ได้อย่างครบวงจรภายในอาคาร 100 ปี
    <TABLE style="BORDER-COLLAPSE: collapse" border=0 cellSpacing=0 borderColor=#000000 cellPadding=3 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">โรงเรียนพระปริยัติธรรม การศึกษาพระปริยัติธรรมเป็นรากแก้วของการศึกษาให้พระภิกษุ สามเณรได้มีภูมิรู้ในเชิงปริยัติ ควบคู่ไปกับภูมิธรรมในเชิงปฏิบัติ อันจะก่อให้เกิดปฏิเวธ
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">งานผลิตสื่อธรรมะ เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">DMC Channel สื่อสีขาวที่จะนำเรื่องราวความเป็นจริงของชีวิต และความสุขที่แท้จริงอันเกิดจากการปฏิบัติธรรมไปสู่ใจชาวโลก
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">สื่อแอนนิเมชั่น งานสื่อภาพสามมิติที่สวยงามตระการตาซึ่งจะทำให้ผู้ชมเกิดความสนใจและมีความเข้าใจในเรื่องราวของอานิสงส์แห่งบุญและชีวิตในปรโลก
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">สื่อสิ่งพิมพ์ธรรมะและสื่ออื่นๆ อาทิ วารสารอยู่ในบุญ และงานผลิตสื่อธรรมะต่างๆ สื่อประเภท VCD และ Mp3 ซึ่งทุกภาพและทุกตัวอักษรจะก่อเกิดปัญญาบารมีอันสว่างไสวให้เพิ่มพูนขึ้นในใจของผู้อ่านที่มีอยู่ทั่วโลก
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">
    สื่ออินเทอร์เน็ตและวิทยุชุมชน การเผยแผ่ธรรมะผ่านทางเว็บไซต์ต่างๆ อาทิ www.dmc.tv, www.kalyanamitra.org, www.dhammakaya.net ฯลฯ สามารถเข้าถึงผู้คนได้ทั่วทุกมุมโลก ตลอดจนการเผยแผ่ผ่านวิทยุชุมชนที่สามารถเข้าถึงผู้ฟังกลุ่มใหญ่ซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">งานด้านต่างประเทศ อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ฯ จะเป็นที่ตั้งของสำนักงานที่จะใช้เป็นศูนย์กลางในการติดต่อสื่อสารกับวัดสาขาและศูนย์สาขาในทวีปต่างๆ ทั่วโลก ได้แก่ อเมริกา ยุโรป โอเชียเนีย เอเชีย และแอฟริกา รวมทั้งหมด 55 แห่ง
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">งานด้านการศึกษาและวิชาการ งานด้านต่างประเทศ อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ฯ จะเป็นศูนย์รวมของนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาทั่วโลก ที่จะมาแลกเปลี่ยนความรู้ และเป็นศูนย์รวมงานแปลพระไตรปิฎกและพระคัมภีร์ทุกนิกาย เพื่อนำมาศึกษาค้นคว้าหลักฐานเกี่ยวกับวิชชาธรรมกายและคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นอกจากนี้อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ฯ ยังใช้เป็นสถานที่ตั้งสำนักงานมหาวิทยาลัยธรรมกายนานาชาติ (DOU) มหาวิทยาลัยที่ส่งเสริมการศึกษาด้านพระพุทธศาสนาให้แพร่หลายให้ชาวโลกทุกเชื้อชาติ ศาสนา ได้มีโอกาสศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">งานอบรมและพัฒนาบุคลากร อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ฯ ใช้เป็นศูนย์กลางในการสร้างคนให้เป็นคนดีมีศีลธรรม พราะงานสร้างคนคือหนึ่งในแนวคิดดั้งเดิมของวัดพระธรรมกาย ซึ่งตลอดเวลากว่า 4 ทศวรรษที่ผ่านมา วัดพระธรรมกายได้อบรมศีลธรรมให้กับผู้คนนับล้านในโครงการต่างๆ อาทิ โครงการอบรมธรรมทายาท, โครงการเด็กดี V-Star ผู้นำฟื้นฟูศีลธรรมโลก, โครงการอบรมศีลธรรมบุคลากรภายนอก(โครงการสู่ความสำเร็จขององค์กร และโครงการองค์กรเปี่ยมสุข)
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">
    งานสร้างเครือข่ายคนดีทั่วประเทศ อาคาร 100 ปี คุณยายอาจารย์ฯ จะใช้เป็นศูนย์กลางในการสร้างเครือข่ายคนดี โดยผ่านทางโครงการต่างๆ อาทิ โครงการช่วยเหลือพุทธบุตร 266 วัด 4 จังหวัดชายแดนใต้ โครงการตักบาตรพระ 500,000 รูป 76 จังหวัดทุกวัดทั่วไทย โครงการสอบ World-PEC สำหรับบรรพชิตและประชาชนทั่วไป
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="2%">*
    </TD><TD vAlign=top width="50%">งานอาสาสมัครและบริการ งานอาสาสมัครเป็นงานที่เปิดโอกาสให้กับเยาวชน นิสิต นักศึกษา รวมถึงสาธุชน งานจัดหาเจ้าหน้าที่อาสาสมัครช่วยงานวัด งานฝึกอบรมและพัฒนาอาสาสมัคร งานด้านจราจร งานสิ่งแวดล้อมและงานและงานพัฒนาระบบสาธารณูปการภายในวัด เป็นต้น
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    ส่วนบางความเห็นที่ว่า บวชพระเป็นแสนแล้วลวนรกนั้น ผมไม่ทราบจะว่ายังไงกับวิบากที่ติดอยู่ในตัวคุณน่ะครับ


    การบวช คือการยกฐานะจากผู้นับถือพระรัตนตรัย ขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของพระรัตนตรัยเป็นหนทางสู่พระนิพพานการบวชเป็นสิ่ง

    ที่กระทำได้ยาก กว่าจะมีการ บวช ต้องถึงพร้อมด้วยองค์ประกอบหลายประการ ผู้บวชจะต้องเป็นสัมมาทิฎฐิ, ผู้บวชจะต้อง

    เกิดเป็นมนุษย์ไม่พิการและเป็นชายเท่านั้น การบวชนั้นมีอานิสงส์มาก บุคคลใดได้อุปสมบทตนเองในพระพุทธศาสนา

    ด้วยศรัทธาเลื่อมใสจะได้อานิสงส์ 64 กัป บิดามารดาได้อานิสงส์ 32 กัป บุคคลใดได้บรรพชาบุตรของตนก็ดีบุตรของผู้อื่น

    ก็ดี ก็จะไม่ไปสู่อบายภูมิ .........


    ครั้งหนึ่งใน ชีวิตของลูกผู้ชาย ต้องบวชให้ได้

    นับตั้งแต่สมัยพุทธกาล เมื่อย่างเข้าลู่ฤดูฝน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์อยู่จำพรรษา ตามวัดวา

    อารามหรือบริเวณที่กำหนดขึ้น งดการเดินทางไปยัง ถิ่นต่าง ๆ เป็นเวลา ๓ เดือน ข่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสดีที่ พระภิกษุสงฆ์

    จะได้ศึกษาพระธรรมวินัยและฝึกฝนธรรมปฏิบัติ อย่างเข้มข้น ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพ เพิ่มพูนคุณธรรม และ ปรับปรุง

    แก้ไขสิงที่ยังบกพร่องให้สมบูรณ์ยิ่ง ๆ ขึ้น


    [​IMG]


    ในฤดูเข้าพรรษาจึงมีประเพณีที่สืบเนื่องมาแต่โบราณ ที่ชายไทยทั้งหลายต่างนิยม อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เพื่อศึกษา และ

    ฝึกฝนอบรมตนเองให้ลามารถดำเนิน ชีวิตได้อย่างถูกต้อง ตามครรลองคลองธรรม เพื่อความสุขและความสำเร็จในชีวิต

    ด้วยเหตุนี้ คณะสงฆ์ทั้งแผ่นดินร่วมกับคณะกรรมาธิการ การศาสนาศิลปะและวัฒนธรรมสภาผู้แทนราษฎร จึงได้จัดให้มี

    โครงการอุปสมบทหมู่ ภาคฤดูร้อน ๑๐๐,๐๐๐ รูป ในระหว่าง วันที่ ๑๓ มี.ค. ถึง 30 เม.ย. พ.ศ. ๒๕๕๔ โดยได้รับ ความเมตตาจากสมเด็จ

    พระมหารัชมังคลาจารย์ เป็นประธาน ที่ปรึกษาโครงการ รวมทั้งยังมีพระเถระผู้ทรงภูมิรู้ภูมิธรรม ทั่วสังฆมณฑล

    เมตตามาแสดงธรรม และให้การอบรมตลอด ทั้งโครงการ ซึ่งผู้สมัครบวชทุกท่านไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น

    ภาพทัศนานุตริยะ อันหาได้ยากยิ่งในยุคนี้

    [​IMG]

    [​IMG]


    "ฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้" ตามศูนย์ต่างๆทั่วแผ่นดิน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ช่วงหลังๆของชีวิตสมณะทั้งแสนรูปในโครงการ จะเป็นการออกธุดงค์ ทั้งแผ่นดินไทย ไปตามวัดต่างๆใกล้ศูนย์อบรมนั้นๆ

    -ไปตามวัดร้างเพื่อพัฒนา ถึงกระทั่งว่ามีหลวงพี่ หลวงตาบางรูปที่บวชในโครงการ ตัดสินใจบวชตลอดชีวิตเพื่ออยู่ประจำในวัดร้างนั้นๆ

    -ไปตามวัดใกล้ร้าง ที่มีเพียงหลวงปู่สูงอายุ 1รูป เพื่อพัฒนา ปัดฝุ่น เช็ด ล้าง ขัด จนอารามนั้นๆเป็นที่หน้าเข้าไปปฎิบัติธรรม และเชิญชวนชาวบ้านใกล้เคียงที่ห่างเหินการบำรุงพระศาสนา แม้กระทั่งชาวบ้านที่เปลี่ยนใจไปนับถือต่างศาสนาแล้ว กลับใจมาศรัทธาในพระรัตนตรัย


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]




    [​IMG]



    COPY มา


    นั้นแล

    บวชพระแสนรูป

    พาคนตกนรกปีนึงเป็นแสน ไม่รู้ตัว

    บวชแต่ไม่ศึกษาธรรมวินัย ไม่ปฏิบัติ ไม่รู้ผลปฏิเวต

    ค้าบุญเกินควร

    เชื่อผิดๆ ทำผิดๆ

    แมวมันก็อยู่วัด กินข้าววัด นอนวัด เหมือนกัน

    <!-- google_ad_section_end -->

    ขอให้รับผิดชอบคำพูดด้วยน่ะครับ ท่านที่แสดงความเห็นไว้ จำไว้ดีๆน่ะครับ

    คำว่า "นรก"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2011
  9. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    ส่วนท่านที่ว่าวิชาธรรมกายที่วัดพระธรรมกาย เพี้ยน นั้น พระวิสุทธิวงศา

    จารย์(วิเชียร อโนมคุโณ ป.ธ.๙) ท่านเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะ

    ภาค7 วัดปากน้ำภาษีเจริญ ท่านเคยกล่าวว่า "...พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ท่าน

    เกิดมาเพื่อยังโลกนี้ให้สว่างไสว นำเอาวิชชาธรรมกายของหลางพ่อวัดปากน้ำ

    มาเผยแผ่ให้คนทั้งหลายที่ยังไม่ทราบใด้ทราบ ที่ทราบแล้วจะได้นำมาปฎิ

    บัติตาม ก็ยังจิตใจของเขานั้นให้สว่างไสวจากอวิชชา ท่านเจ้าคุณพระราช

    ภาวนาวิสุทธิ์ ถ้าจะว่ากันไปแล้ว ไม่ได้กล่าวเพียงยกย่องสรรเสริญ ท่านอาจ

    จะเป็นผู้ที่สร้างบารมี ซึ่งอาตมาเคยกล่าวว่า ท่านเป็นพี่ ถึงแม้ว่าอายุจะน้อย

    กว่า แต่ว่าท่านได้ ธรรมะอันลึกซึ้งกว่าอาตมา ตามหลักทางศาสนาก็ถือว่า

    ผู้นั้นเป็นพี่ในทางธรรม..."


    นี่เป็นเพียงบางส่วนที่ท่านกล่าวไว้ ณ วันที่22เมษายน 2552 ที่วัดพระ

    ธรรมกาย เนื่องในงานรับสังฆทานทั้วสังฆมณฑล 30,000กว่าวัดทั่วโลก

    พุทธบุตรกว่า1แสนรูป ดูเต็มๆได้ที่

    ความประทับใจจากพระสังฆาธิการ งานวันคุ้มครองโลก 22 UNITY


    พระวิสุทธิวงศาจารย์(วิเชียร อโนมคุโณ ป.ธ.๙)กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค7 วัดปากน้ำภาษีเจริญ



    [​IMG]

    ชาติภูมิ
    เดิมชื่อ วิเชียร นามสกุล เรืองขจร เกิดวันอาทิตย์ ที่ ๗ พฤศจิกายนพ.ศ. ๒๔๘๐ ปีฉลู
    ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๑๒ บ้านบางพลับ ตำบลบางพลับ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี

    บรรพชา
    ๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๙๔ ณ วัดดงตาล ตำบลบางพลับ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
    โดยมี พระครูอุภัยภาดารักษ์ วัดสองพี่น้อง เป็นพระอุปัชฌาย์

    อุปสมบท

    ๔ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๐ ณ วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพ ฯ
    โดยมี พระธีรสารมุนี วัดอัปสรสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพ ฯ เป็นพระอุปัชฌาย์

    วิทยฐานะ
    พ.ศ. ๒๔๙๒ จบประถมศึกษาปีที่ ๔ โรงเรียนวัดท่าจัด
    อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี
    พ.ศ. ๒๔๙๙ สอบได้นักธรรมเอก สำนักเรียนวัดปากน้ำ
    เขตภาษีเจริญ กรุงเทพ ฯ
    พ.ศ. ๒๕๑๖ สอบได้ ป.ธ. ๙ สำนักเรียนวัดปากน้ำ
    เขตภาษีเจริญ กรุงเทพ ฯ
    พ.ศ. ๒๕๔๔ ได้รับปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต
    กิตติมศักดิ์ สาขาวิชาภาษาบาลี จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

    การปกครอง
    พ.ศ. ๒๕๑๒ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ
    พ.ศ. ๒๕๒๑ เป็นรองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ
    พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็นพระอุปัชฌาย์ประเภทวิสามัญ
    พ.ศ. ๒๕๓๔-๒๕๓๘ เป็นรองเจ้าคณะภาค ๗
    พ.ศ. ๒๕๓๘-ปัจจุบัน เป็นเจ้าคณะภาค ๗

    งานการศึกษา
    พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นกรรมการตรวจประโยคธรรมสนามหลวง
    พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นกรรมการตรวจประโยคบาลีสนามหลวง
    พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นอาจารย์สอนบาลีประจำสำนักเรียนวัดปากน้ำ
    พ.ศ. ๒๕๑๑-ปัจจุบัน เป็นอาจารย์ใหญ่สำนักเรียนวัดปากน้ำ
    พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นกรรมการออกข้อสอบ ยกร่าง ตรวจร่างเฉลย
    ข้อสอบประโยคบาลีสนามหลวง
    พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นผู้อำนวยการตรวจธรรมสนามหลวงชั้นตรี ภาค ๗
    พ.ศ. ๒๕๓๕-๒๕๓๖ เป็นอาจารย์สอนบาลีประโยค ป.ธ.๗ ประจำโรงเรียน พระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ วัดสามพระยา
    พ.ศ. ๒๕๓๗ เป็นอาจารย์สอนบาลีประโยค ป.ธ.๙ ประจำโรงเรียนพระปริยัติธรรมของคณะสงฆ์ วัดสามพระยา
    พ.ศ. ๒๕๓๘-ปัจจุบัน เป็นรองแม่กองบาลีสนามหลวง
    พ.ศ. ๒๕๔๘ เป็นผู้อำนวยการจัดอบรมบาลีก่อนสอบภาค ๗
    พ.ศ. ๒๕๔๘ ตั้งโครงการส่งเสริมการศึกษาภาษาบาลีเพื่อดำรงพุทธศาสน์ คณะสงฆ์ภาค ๗

    ตำแน่งปัจจุบัน
    - รองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ พระอารามหลวง
    - อาจารย์ใหญ่สำนักเรียนวัดปากน้ำ
    - หัวหน้าสำนักฝึกอบรมพระธรรมทูต
    - หัวหน้าพระธรรมทูตสายที่ ๔
    - เจ้าคณะภาค ๗
    - รองแม่กองบาลีสนามหลวง
    - กรรมการมหาเถรสมาคม

    สมณศักดิ์
    พ.ศ. ๒๕๑๖ ได้รับพระราชทานแต่งตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระเมธีวราภรณ์
    พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้รับพระราชทานเลื่อนตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชปริยัติกวี
    พ.ศ. ๒๕๓๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ พระเทพสุธี
    พ.ศ. ๒๕๔๑ ได้รับพระราชทานเลื่อนตั้งสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรม ที่ พระธรรมธีรราชมหามุนี
    พ.ศ. ๒๕๔๙ ได้รับพระราชทานสถาปนาสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะเจ้าคณะรอง
    ชั้นหิรัณยบัฏ ที่ พระวิสุทธิวงศาจารย์ ญาณทัศนวิกรม พรหมจริยาธิมุต วิสุทธิธรรมานุจารี ตรีปิฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี


    [​IMG]
    พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หลวงพ่อธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2011
  10. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    ที่ผมหาข้อมูลมาลงนั้น ก็เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ความเห็นต่างๆเป็นความเห็นของเด็กอายุเพิ่งจะ19 ท่านใดเห็นต่างก็เชิญมาสนทนาธรรมกันครับ

    ผมเป็นเด็กที่ศึกษาทางนี้มาพอควร เข้าใจทุกสายปฎิบัติ อยู่บ้าง



    สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2011
  11. kamoochi

    kamoochi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +326
    หลวงปู่สดท่านเป็นพระอริยะเจ้า วิชาธรรมกายที่ท่านสำเร็จ ส่วนตัวเห็นว่าเจตนาของท่านนั้นไม่ได้มีเพื่อตั้งลัทธิอะไรขึ้นมาใหม่ และที่พอได้ยินมาอีกอย่างหนึ่ง หลังจากที่ท่านสำเร็จวิชาธรรมกายนี้แล้ว ท่านได้ไปสอบอารมณ์กับท่านเจ้าคุณโชดกและเรียนรู้สิ่งที่เรียกว่า วิปัสนาญานลำดับต่างๆ

    ธรรมกายในปัจจุบันนี่ต่างไป

    มีคำพูดพระ ท่านพูดว่าศึกษาธรรมะก็ให้มันรู้จักอิ่มรู้จักพอ ถ้ามันไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอพวกนี้ธรรมแบบวิสัยเปรต

    1.พวกนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาหากินตอบสนองกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตนเองหรือนำพระพุทธศาสนามาหากินแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตน ผมจะพูดให้ฟังง่ายๆว่า ความละอายและเกรงกลัวต่อบาปที่เป็นธรรมของเทวดานี่ไม่มี ไม่ต้องไปนึกถึงเทวดา

    2.ศีล5ความเป็นปกติของมนุษย์นี่ยังไม่มีเพราะหลอกลวงเบียดเบียนแม้แต่มนุษย์ด้วยกัน ธรรมของมนุษย์ไม่มีก็ไม่ต้องไปนึกถึงความเป็นมนุษย์

    3.เดรัจฉานเมื่ออิ่มแล้วก็หยุดหากิน พวกเต็มไปด้วยความไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพออันนี้วิสัยเปรต หลอกลวงหากินจากศรัทธาของมนุษย์เบียดเบียนชีวิตปลูกฝังความเห็นผิดให้แก่ผู้อื่นเพื่อสนองตัณหาของตนถือได้ว่ามีจิตใจโหดเหี้ยมทารุณอย่างมากเป็นการฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นอีกด้วย

    4.เอาความคิดบ้าๆมาพูดว่าเป็นพระสัทธรรมแล้วนำไปบอกกล่าวสั่งสอนให้คนเห็นผิดไปจากพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้าโดยเข้าใจว่าเป็นคำสอนของท่านเรียกได้ว่าบิดเบือนพระพุทธศาสนาทำให้คนเห็นผิดเป็นชอบเพื่อสนองกิเลสตัณหาของตนโดยไม่ยอมปรับปรุงแก้ไขในสิ่งผิด.......

    รวมๆความแล้วถ้าครบทั้งสี่ข้อก็ขอให้เตรียมทำบุญด้วยสบู่เหลว เผื่อจะได้สบู่เหลวทิพย์ไปอาบน้ำร้อนในนรกนู่น อ่อที่สำคัญเตรียมหาช่างแอร์ไปด้วยก็ดีเพราะได้ข่าวว่า นรกร้อนมาก
    ส่วนเรื่องไปนรกขุมเย็นนั้น ให้เตรียมนมข้นหวานกับเฮบลูบอยไปด้วยเพื่อความหรรษา

    เงินทองมีมากอย่างน้อยก็เอาแค่เศษๆของสะเก็ดเงินไปทำตามคำแนะนำของผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้างกับการทัวร์นรกของจานบินแอร์เวย์
     
  12. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    หลวงพ่อสดเลิกฝึกวิชชาธรรมกายจริงหรือ

    ผมขออนุญาตไว้ ณ ที่นี้ในการนำธรรมวิจัยของสายธรรมกายอื่นมาแสดง


    [​IMG]

    อย้อนไปเมื่อหลวง พ่อมาอยู่ใหม่ๆ มีปัญหามากคือญาติโยมบริเวณวัดไม่ศรัทธา ไม่มีใครเข้าวัด ตอนที่ท่านเล่าให้ฟัง แล้วรองเจ้าอาวาสก็เล่าให้ฟัง อดีตก่อนที่อาตมาจะเข้าไป มีปัญหาแม้กระทั่งญาติโยมที่ไม่พอใจ คนต่างจังหวัดมาทำบุญมากๆ เขาอิจฉา เขาหาว่าหลวงพ่อจะมาทำอะไรที่ล้ำหน้า แล้วก็เจริญเกินไป พอเด่นขึ้นมาจะต้องมีคนอิจฉา ถึงขนาดที่ว่ายิงท่าน ทำร้ายท่าน ใช้ปืนยิง ทะลุจีวรตามที่ทราบมา แต่หลวงพ่อก็ไม่เป็นอะไรหรอก หลวงพ่อก็อดทนตลอดมา ตั้งใจที่จะมาฟื้นฟูที่นี่ให้เป็นแดนพระพุทธศาสนา เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็เป็นศูนย์กลางของพระพุทธศาสนาซึ่งก็เป็นจริงในปัจจุบันนี้ วัดปากน้ำก็มีชื่อเสียง และเป็นศูนย์กลางและเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพระภิกษุสามเณร อุบาสกอุบาสิกาเป็นจำนวนมาก
    หลวงพ่อท่านจะไม่เหมือนคนทั่วไป ปกติท่านจะอยู่ในฌาณ ท่านมีฌาณสูงมากเลย การปฏิบัติของท่านคือท่านจะอยู่ในธรรมกาย จิตของท่านอยู่ในธรรมกายจะอยู่ในฌาณอยู่ในสมาบัติ ท่านไม่ใช่พระธรรมดา ท่านอยู่ในสมาธิ อันนี้เท่าที่อาตมาวัดได้นะ เพราะว่าท่านจะไม่มีการขาดสติ การทำอะไรโดยขาดสติจะไม่มี จะเป็นคล้ายๆ พระอรหันต์งั้นแหละ หลวงพ่อท่านเดินก็มีสติ เอี้ยวแขนก็มีสติ นอนก็มีสติ จะนั่ง จะฉัน จะเดิน จะทำอะไรรู้สึกว่าท่านมีสติเต็มบริบูรณ์ สิ่งนี้อาตมารู้สึกประทับใจแล้วก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่แปลก ซึ่งไม่เห็นจากพระองค์อื่นๆ เราเป็นเณร เราก็ช่างสังเกตนะ พระองค์อื่นตลกคะนอง หัวเราะเอิ๊กอ๊าก อยากหัวเราะก็หัวเราะ อยากกระโดด หรือวิ่ง หรืออะไร บางทีมันขาดสตินะ หลวงพ่อไม่มี เดินนี้คล้ายพระอรหันต์ เหมือนพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง เรื่องนี้แปลก อาตมามารู้ทีหลังตอนเรียนปริยัติแล้วว่า พระอรหันต์คือผู้ไม่ขาดสติ ทำอะไรทำด้วยสติ มาเจอกับหลวงพ่อวัดปากน้ำนี่แหละ

    สมัยที่อยู่ในโบสถ์รุ่นแรกๆ นั้น ในโบสถ์ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม คือเวลา ๑ ทุ่ม จะมีทั้งญาติโยม ทั้งพระเณรที่รักการปฏิบัติธรรมกาย จะมารวมกันเพื่อนั่งสมาธิ อาตมาก็นอนที่นั่น อยู่ที่นั่น ทำงานที่ในโบสถ์นั้น ก็ใช้เวลาส่วนมาก ทุกวันไม่ว่างเว้น ก็ต้องทำด้านสมาธิ ตามหลักการที่ทำในวันพฤหัส หรือสอนในโบสถ์ทุกเช้า หรือมีพระผู้ใหญ่ เช่น มหาโชดก ขอโยงซะเลย เพราะว่าเป็นหลักฐานที่สำคัญที่สุด

    มหาโชดก เป็นพระผู้ใหญ่ และมีตำแหน่งใหญ่ ควบคุมวัดปากน้ำด้วยในสมัยนั้น ท่านได้ไปเรียนกรรมฐานแบบสายยุบหนอ พองหนอ มาจากประเทศพม่า แล้วท่านก็จะมาเปลี่ยนแปลง หมายความว่า จะมาล้างสมองหลวงพ่อวัดปากน้ำ โดยท่านมีความเข้าใจว่า การปฏิบัติสายวัดปากน้ำ มันไม่ใช่พระพุทธศาสนา ไม่ใช่ทางวิปัสสนา ไม่ใช่ทางหลุดพ้น และก็ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง ที่ท่านไปได้มาจากพม่า สายยุบหนอ พองหนอ ท่านก็เดินทางไปปราบหลวงพ่อวัดปากน้ำ สมัยนั้น อาตมามีชีวิตอยู่ในเหตุการณ์เดียวกัน อยู่ในโบสถ์ หลวงพ่อก็ให้โอกาสพระผู้ใหญ่ โดยตำแหน่ง โดยยศแล้ว ท่านมหาโชดกใหญ่กว่า หลวงพ่อเราก็อ่อนน้อมถ่อมตน ก็นัดพบกันในโบสถ์เวลาบ่ายนะ จำได้ภาพยังปรากฏอยู่ในความทรงจำ เราก็ปูอาสนะสองที่ไว้ในโบสถ์ ต่อหน้าพระพุทธรูป ให้ท่านได้โต้ตอบกัน เรียกว่า เสือเจอสิงห์ แล้วเราก็ปิดประตูให้ท่านคุยกัน แล้วเจ้าคุณโชดกมาทราบทีหลังว่า ต้องการอยากจะไปปรับการสอนธรรมะ หรือการปฏิบัติของหลวงพ่อวัดปากน้ำให้เปลี่ยนแปลง ให้มาใช้สายวิปัสสนาแบบยุบหนอ พองหนอ ท่านอ้างว่า มันมีมาในพระไตรปิฎก มันถูกต้อง ส่วนสายธรรมกาย มันเพี้ยน มันไม่ถูกต้อง มันไม่มี อะไรทำนองนั้น

    เสร็จแล้วท่านก็ถกเถียงกัน เราก็อยู่ข้างนอก คอยปิดประตูโบสถ์ไม่ให้ใครเข้าไปก่อความรำคาญ ท่านก็เจอกันอย่างนี้อยู่หลายวัน เราก็ไม่ทราบผล ได้ผลยังไง ใครปราบใครยังไง เสร็จแล้วมารู้ทีหลังว่า หลวงพ่อด้วยความเกรงใจก็เลยให้รูปอันใหญ่ไปอันหนึ่ง ให้เจ้าคุณโชดก พร้อมทั้งเขียนข้อความว่า รูปนี้ให้ไว้เป็นที่ระลึก เนื่องในโอกาสพระเดชพระคุณได้มาสอนวิปัสสนากรรมฐานให้กระผม ซึ่งเห็นว่าถูกต้องทุกอย่าง

    ด้วยมารยาทและเป็นผู้น้อย หลวงพ่อก็ชมเชย และยอมก้มหัวให้ว่าของท่านโชดกถูกต้อง อันนี้เป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ซึ่งหลวงพ่อรู้จักวางตัวให้เกียรติกับพระเถระ ไม่ไปขัดข้องกับผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นสังฆาธิการปกครองเราด้วย หลวงพ่อถึงกราบก่อน ทั้งที่จริง อายุพรรษาของหลวงพ่อนั้นมากกว่า แต่เจ้าคุณโชดกเป็นรุ่นลูกรุ่นหลาน แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ เขามาหลวงพ่อก็กราบ แล้วเจ้าคุณโชดกก็กราบคืนนะ มาทราบว่าเป็นอย่างนั้น

    ก็มีปัญหาต่อมาว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำยอมสละทิ้งหลักการจริงหรือไม่ อาตมาบอกว่าไม่จริง ฝ่ายตรงข้ามบอกว่า ฝ่ายมหาโชดกเป็นฝ่ายชนะ โดยที่หลวงพ่อรับว่าตัวเอง ยอมรับนับถือฝ่ายการปฏิบัติสายยุบหนอ พองหนอ อันนี้จะตัดสินอย่างไร ในความคิดเห็นของอาตมามีความเห็นว่า ไม่ใช่ หลวงพ่อไม่เคยทิ้งหลักการวิชชาธรรมกาย สั่งสอนมาตลอด ไม่มีเทปม้วนไหน ไม่มีคำพูดใดเลยที่หลวงพ่อบอกว่า ของเรามันผิดนะลูกทั้งหลาย ให้เลิกนะ หันไปนับถือสายยุบหนอพองหนอ ทำแบบวัดมหาธาตุนะ ไม่มี แต่ฝ่ายทางโน้น เอาหลักเกณฑ์ เอาคำพูดที่หลวงพ่อให้เกียรติท่านเจ้าคุณโชดกนี้เป็นตัวตั้ง เสร็จแล้วก็โพนทะนาว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำทิ้งหลักการ และก็ยกย่องฝ่ายยุบหนอ พองหนอว่าถูกต้อง ธรรมกายผิดพลาด นี่เขาพูดเอาเอง ตามความรู้สึกของอาตมา ยืนยัน นั่งยัน นอนยันได้เลยว่า ที่พูดของเขามันก็ไม่ถูกเหมือนกัน เขาไม่ได้ชนะหลวงพ่อก็ไม่ได้แพ้ และก็ไม่ได้ทิ้งหลักการ หลวงพ่อวัดปากน้ำก็ไม่ได้สอนธรรมะใหม่ สอนการปฏิบัติใหม่แต่อย่างใด

    อาตมาลาสิกขาตอนอายุ ๒๕ ปี ไปเรียนนิติศาสตร์ รามคำแหง พอจบปริญญาตรีก็ไปต่อปริญญาโท ปริญญาเอกด้านกฏหมายที่มหาวิทยาลัยอิลินอย สหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาบวชอีกครั้ง ในปี ๒๕๓๘ มีหลวงพ่อพระเทพกิตติปัญญาคุณบวชให้ ปัจจุบันอาตมาอายุ ๖๒ ปี ก็ขอทำหน้าที่ลูกศิษย์ทายาทธรรมของหลวงพ่อให้ดีที่สุด
    พระดร.มหาทวนชัย อธิจิตโต

    ในช่วงปี 2490-2497 ชื่อเสียงของหลวงพ่อวัดปากน้ำซึ่งมิได้มีเปรียญธรรมชั้นใด แต่กลับมีผู้คนศรัทธากราบไหว้มากกว่าพระมหาเถระรูปใดๆ ในประเทศไทย

    เวลานั้น คนที่อิจฉาท่านก็ออกมาโจมตีว่า ท่านสอนผิดๆ ทั้งยังมีข่าวลืออกุศลว่าที่วัดมีแม่ชีมาก และไปทำวิชากัน เขาก็ลือกันไปในทางเสียหาย แม้แต่พระสังฆราชในเวลานั้น (ถ้าจำไม่ผิด)คือกรมหลวงวชิรญาณวัดบวรฯ ท่านได้ข่าวอกุศลนี้เช่นกันจึงได้นิมนต์ให้พระอริยคุณาธาร(เส็ง ปุณโส) ซึ่งเป็นพระเถระผู้ใหญ่ลูกศิษย์รุ่นแรกๆของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเชี่ยวชาญทั้งปริยัติ และปฏิบัติ เป็นสปายไปสืบเรื่องหลวงพ่อฯ

    ต่อมาท่านก็ได้ตระหนักถึงบุญบารมีของลพ.วัดปากน้ำว่าเป็นนักสมาธิจริงๆ มีความสนใจเฉพาะเรื่องของการปฏิบัติธรรม จึงนำความไปกราบทูลพระสังฆราช ข่าวอกุศลก็ดับไป

    ต่อมา พระพิมลธรรม (อาจ อาสภเถระ) อธิบดีสงฆ์ วัดมหาธาตุ ซึ่งกำลังสนใจเรื่องอภิธรรมที่ได้รับจากพระพม่า อีกทั้งท่านยังเป็นเจ้าคณะพระนคร คุมวัดปากน้ำด้วย ท่านต้องการให้พระในสังกัดท่านสนใจเรียนอภิธรรมเพื่อให้วิชาอภิธรรมแพร่หลาย จึงไปกราบอาราธนาลพ.วัดปากน้ำให้มาฝึกวิชานี้ด้วย

    อันลพ.วัดปากน้ำเป็นผู้มีนิสัยใฝ่ศึกษามาแต่ครั้งยังเยาว์และท่านก็เคย เรียนสมาธิในทางอื่นมาก่อนทั้งพุทโธ และสติปัฎฐาน ทั้งท่านก็ให้ความนับถือเจ้าคุณวัดมหาธาตุดี เคยไปเทศน์ให้วัดมหาธาตุ ตามที่ท่านเจ้าคุณอาราธนาอยู่บ่อยครั้ง จึงรับที่จะเรียนวิชายุบหนอพองหนอ ท่านเจ้าคุณอาสภะให้ท่านเจ้าคุณโชดกมาสอนวิชายุบหนอกับหลวงพ่อ หลวงพ่อก็เรียนอยู่ราวสองสัปดาห์ ภายหลังเมื่อเรียนแล้วท่านก็ให้ความนับถือวิชายุบหนอของวัดมหาธาตุเช่นกัน

    ท่านอจ.โชดกได้ขอให้หลวงพ่อเขียนวิจารณ์สิ่งที่ท่านได้เรียน หลวงพ่อก็เขียนจดหมายสั้นๆ ดูเหมือนจะมีภาพลพ.ด้วย ว่าวิชาที่เรียนตรงกับหลักสติปัฏฐานทุกประการ เรื่องก็มีเท่านี้

    แต่ผมไม่เข้าใจว่าสำนักเรียนวัดมหาธาตุรวมทั้งศิษยานุศิษย์สายนี้เขามีเจตนาอย่างไรแน่จึงนำหนังสือที่ลพ.เขียนรับรองมาลงพิมพ์
    รวมทั้งที่หน้าวัดอัมพวันของหลวงพ่อจรัล ก็เอาภาพนี้มาติดไว้ด้วย
    ภ าพ นี้อ่านดูอย่างไรไม่สามารถแปลได้ว่าลพ.วัดปากน้ำได้เลิกวิชาธรรมกาย หรือแปลว่ายุบหนอเหนือกว่าวิชาธรรมกายตามที่ฝ่ายผู้เรียนวิชายุบหนอพองหนอ พยายามจะกล่าวอ้างและบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างน่าเกลียด

    อันที่จริงพระพิมลธรรมท่านก็เป็นพระแท้มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย แต่ความเคร่งครัดนำมาซึ่งพระเดช การใช้อำนาจต่อพระอริยสงฆ์อย่างลพ.วัดปากน้ำทั้งที่พระพิมลธรรมเป็นพระเด็ก แต่ได้เปรียญธรรมก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร ความดีและไม่ดีของท่านก็เป็นกรรมที่สนองท่านเองในเวลาต่อมา

    วันที่ 21 เม.ย.2505 ท่านถูกใส่ร้ายและถูกจอมพลสฤษดิ์ฯ สั่งให้จับกุม คุมขัง และจับท่านสึกหาลาเพศ แต่ท่านไม่ยอมเปล่งวาจาสึกท่านต้องโทษทัณฑ์จากทางการอยู่สิบปี ในที่สุดศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ท่านพ้นผิด โดยในคดีนั้นปรากฏว่ามีความอิจฉาริษยากันในหมู่สงฆ์ และพระสังฆราชพระองค์หนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้เช่นกันศาลได้กล่าวใน ตอนหนึ่งว่ากรรมที่ท่านถูกใส่ร้ายก็ขอให้เป็นอโหสิกรรมแก่กัน

    เมื่อพระพิมลธรรมพ้นโทษแล้วก็ได้รับสมณศักดิ์คืน จนได้เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์วัดมหาธาตุ แต่ภายหลังท่านควรได้เป็นพระสังฆราช แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นตำแหน่งพระสังฆราชตกแก่พระญาณสังวร โดยที่ท่านอาสภะเถระได้ขอถอนตัวโดยเห็นแก่ความสามัคคีแห่งสังฆมณฑล เมื่อใกล้มรณภาพ เลขาของท่านยังต้องคดีปาราชิก ทำให้ตำรวจมาค้นกุฏิท่าน แต่ก็ไม่ได้พบอะไรที่ผิดปก แน่นอนชื่อของท่านก็มามีมลทินเพราะพระเลขาสมีเจี๊ยบแท้ๆ ตราบจนท่านมรณภาพไป

    ตัวอย่างชีวิตของท่าน เป็นตัวอย่างพระที่มีทั้งสุขและทุกข์โคจรมา

    สำหรับหลวงพ่อจรัลนั้นก็เคยไปฝึกวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อวัดปากน้ำแต่ไม่ ถูกอัธยาศรัย จึงเปลี่ยนมาฝึกยุบหนอพองหนอ ซึ่งท่านก็ได้รับผลสำเร็จตามส่วนแห่งธรรม

    หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นผู้มีเมตตา อัธยาศรัยดีและใจกว้างมาก ศิษย์หลายคนได้เปลี่ยนไปเรียนกับครูท่านอื่น อาทิ แม่ชีกบิล วรมัย กบิลสิงห์ ได้ย้ายไปเรียนวิชาที่วัดโสมนัส แล้วคิดว่าตนเองบรรลุธรรมจึงมากราบเรียนแนะหลวงพ่อ หลวงพ่อฟังโดยสงบ และกล่าวสั้นๆ ว่า เอ็งยังเห็นดวงธรรมในท้องหรือเปล่า เมื่อแม่ชีบอกว่าเห็น หลวงพ่อก็พูดว่า เออ ดีแล้ว ขอให้เห็นดวงธรรมในท้องเอ็งจะไปเรียนวิชาอะไรก็ช่างเถอะ หลวงพ่อฤษีลิงดำ หลวงพ่อจรัลเหล่านี้ล้วนเคยเรียนวิชากับท่านมาทั้งนั้น ภายหลังไปเรียนวิชาอื่น ท่านก็ไม่ว่ากล่าวใคร

    คุณเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อบุดดา ถาวโร วัดศรีประจันต์ จ.สิงห์บุรีหรือไม่ คนเขาลือว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์แล้ว เมื่อหลวงปู่มรณภาพคนเขาไปรื้อย่ามท่าน มีพระอยู่องค์หนึ่งคือ พระของขวัญวัดปากน้ำรุ่นหนึ่ง

     
  13. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649



    มีคำพูดพระ ท่านพูดว่าศึกษาธรรมะก็ให้มันรู้จักอิ่มรู้จักพอ ถ้ามันไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพอพวกนี้ธรรมแบบวิสัยเปรต

    ประโยคนี้คุณปรามาสพระศาสดาหรือ พระองค์ทรงนั่งที่ควงไม้โพธิ ิธิษฐานหากไม่บรรลุธรรม จะไม่ยิมลุกขึ้นแม้เลือดจะเหือดแห้ง ศึกษาธรรมะต้องถึงที่สุด จนกว่าจะบรรลุไม่งั้นไม่เลิก เหมือนครั้งที่หลวงพ่อสดท่านจะบรรลุธรรมกายท่านก็ใช้วิธีเดียวกันกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


    1.พวกนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาหากินตอบสนองกิเลสตัณหาความทะยานอยากของตนเองหรือนำพระพุทธศาสนามาหากินแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตน ผมจะพูดให้ฟังง่ายๆว่า ความละอายและเกรงกลัวต่อบาปที่เป็นธรรมของเทวดานี่ไม่มี ไม่ต้องไปนึกถึงเทวดา

    อ่านดูแล้ว ดูเหมือนว่าคุณคงอ่านความเห็นผมที่แล้วๆมายังไม่จบ แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตนยังไงไม่ทราบ หรือการที่ผมทำบุญ หาบุญใส่ตัวนั้นบาป พระพุุทธเจ้าท่านว่าไว้ จงอย่าอิ่มในบุญเลย


    2.ศีล5ความเป็นปกติของมนุษย์นี่ยังไม่มีเพราะหลอกลวงเบียดเบียนแม้แต่มนุษย์ด้วยกัน ธรรมของมนุษย์ไม่มีก็ไม่ต้องไปนึกถึงความเป็นมนุษย์

    ใครไปหลอกใครหรอครับ ส่วนตัวผมนั้นผมมีครูบาอาจารย์สายปฎิบัติทุกสาย ผมรักในสังฆมณฑล ผมอยากให้ทุกคนรักทุกสายโดยเฉพาะสายที่มักโดนเพ่งโทษคือ วัดพระธรรมกาย แต่จากการที่ผมศึกษา+ถามพระผู้ทรงณานมามาก ถามผู้มีอภิญญามามาก ก็ทราบแล้วว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เค้ากล่าวหาเลย ผมไม่อยากให้คนที่ยังไม่ได้ศึกษาวัดนี้อย่างจริงจัง แต่ไปแสดงความคิดเห็นอย่างจริงจังน่ะครับ ผมเห็น caseแบบนี้มากที่ต้องไปขอขมา ผมเห็นที่วัดพิชัยญาติครับ แม่ชีทศพร ท่านเปิดกรรม


    3.เดรัจฉานเมื่ออิ่มแล้วก็หยุดหากิน พวกเต็มไปด้วยความไม่รู้จักอิ่มไม่รู้จักพออันนี้วิสัยเปรต หลอกลวงหากินจากศรัทธาของมนุษย์เบียดเบียนชีวิตปลูกฝังความเห็นผิดให้แก่ผู้อื่นเพื่อสนองตัณหาของตนถือได้ว่ามีจิตใจโหดเหี้ยมทารุณอย่างมากเป็นการฆ่าคนให้ตายทั้งเป็นอีกด้วย

    วิสัยเปรตคงหมายถึงไม่รู้จักอิ่ม ไมรู้จักพอในกามมั่งครับ แต่การไม่อิ่มในณาน ไม่อิ่มในการให้ทาน ไม่อิ่มในบุญ ไม่อิ่มในการรักษาศีล ไม่อิ่มในการคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะช่วยพระศาสนาอย่างไรในฐานะที่เป็นอุบาสก อุบาสิกา อย่างนี้มันพระโพธิสัตว์ชัดๆ

    4.เอาความคิดบ้าๆมาพูดว่าเป็นพระสัทธรรมแล้วนำไปบอกกล่าวสั่งสอนให้คนเห็นผิดไปจากพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้าโดยเข้าใจว่าเป็นคำสอนของท่านเรียกได้ว่าบิดเบือนพระพุทธศาสนาทำให้คนเห็นผิดเป็นชอบเพื่อสนองกิเลสตัณหาของตนโดยไม่ยอมปรับปรุงแก้ไขในสิ่งผิด.......

    บิดเบือนตรงไหนครับ คงหนีไม่พ้นเรื่องทำบุญอีกกระมัง อนาถบิณฑิกเศรษฐีทำบุญเลี้ยงพระจนเงินหมด เหลือแต่น้ำผักดอง ก็ไม่เข้าเฝ้า ทูลถามพระศาสดา พระพุทธเจ้าท่านก็ยังว่าให้ทำทานต่อ นำน้ำผักดองนั้นแลมาถวาย




    แปลกน่ะ คนเราไม่ได้ศึกษาเขาที เพียงแค่ฟังๆมาก็เป็นตุเป็นตะแล้ว เห็นคนทำทานมากๆ เห็นคนรักษาศีลมากๆ เห็นคนเข้าวัดมากๆแล้วเดือดเนื้อร้อนใจ
     
  14. kamoochi

    kamoochi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +326
    ขอโทษนะครับคุณวงบุญพิเศษ

    ผมพูดถึงคนที่ศึกษาธรรมะแล้วไปทำบ้าๆบอๆครับ ไม่ได้พูดถึงคนที่เรียกว่าผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่ได้หมายความรวมถึงทุกคนที่ศึกษาธรรมกายครับ

    ต้องขอโทษจริงๆนะครับหากทำให้คุณต้องเข้าใจผิดในคำพูดผม

    และมีคำกลอนดีๆที่พระท่านแต่งไว้มาอ่านกันเล่นครับ

    ใดใดในโลกล้วน.....อนิจจัง

    คงแต่บาปบุญยัง.....เที่ยงแท้

    คือเงาติดตัวตรัง-.....ตึงแน่น อยู่นา

    ตามแต่บาปบุญแล้...ก่อเกื้อรักษา


    (จาก....ลลิตพระลอ)

    ******************

    แต่เมื่อใด บุคคลเห็น ด้วยปัญญา

    ที่เกิดแต่ ภาวนา อยู่เสมอ

    ว่าสังขาร ไม่เที่ยง...เป็นทุกข์เจอ

    อนัตตาธรรม ล้ำเลิศเลอ ไม่เผลอใจ



    ********************


    เห็นกันอยู่เมื่อเช้า......สายตาย

    สายอยู่สุขสบาย........บ่ายม้วย

    บ่ายยังรื่นเริงกาย.......เย็นดับ ชีพนา

    เย็นอยู่หยอกลูกด้วย....ค่ำม้วยอาสัญ



    **********************

    ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ธมฺมา

    อาตาปิโน ฌายโต พฺราหฺมณสฺส

    อถสฺส กงฺขา วปยนฺติ สพฺพา

    ยโต ปชานาติ สเหตุธมฺมํ.

    ***** ***** *****

    ยโต ขยานํ ปจฺจยานํ อเวทิ.

    ***** ***** *****

    วิธูปยํ ติฏฺฐติ มารเสนํ

    สูโรว โอภาสยมนฺตลิกฺขนฺติ.



    ******************

    ในกาลใด ธรรมทั้งหลาย ปรากฏชัด

    แก่ผู้เพียร ปฏิบัติ เพ่งเสมอ

    ความสงสัย ทั้งปวง ที่เคยเจอ

    ย่อมหมดไป เพราะไม่เผลอ รู้ตามจริง


    ได้รู้ชัด วิปัสสนา รูป-นามนี้

    ผัสสะมี...เวทนา...ตัณหายิ่ง

    เกิดยึดมั่น ในขันธ์ห้า น่ารักจริง

    สงสัยยิ่ง ในขันธ์ห้า น่าครอบครอง


    แต่พอรู้ ความจริง เพียงนาม-รูป

    ตัวกิเลส ให้ใคร่ลูบ จูบสนอง

    อยากผัสสะ รูปมายา พาลิ้มลอง

    ผลลัพธ์ต้อง ครองทุกข์ สุขนิดเดียว


    เพราะมารู้ ธรรมทั้งหลาย เกิดแต่เหตุ

    กองกิเลส เหตุจิตหลง คงท่องเที่ยว

    หากละเหตุ กิเลสได้ ง่ายนิดเดียว

    ไม่เปล่าเปลี่ยว เที่ยววนทุกข์ สุขนิพพาน


    รีบเดินทาง ตามรอย พุทธบาท

    ทรงโอวาท ทางสายเอก ที่สุขศานต์

    ทางดับทุกข์ วิปัสสนา-มรรคญาณ

    สู้นฤพาน ผ่านพ้นภัย ให้สุขเย็น.



    *********

    มัคคานัฏฐังคิโก เสฏโฐ, สัจจานัง จตุโร ปทา,

    วิราโค เสฏโฐ ธัมมานัง, ทิปทานํ จ จกฺขุมา. (ธป.อ. สตฺตโม ภาโค).


    *********

    ทางทั้งหลาย ที่ว่าดี...ประเสริฐ-เลิศ

    อริยมรรค ประเสริฐกว่า...ทางทั้งหลาย

    อริยสัจ สี่ประการ ท่านอธิบาย

    ประเสริฐกว่า สัจจะทั้งหลาย ที่เคยมี


    บรรดาธรรม ที่ว่าดี...ประเสริฐ-เลิศ

    วิราคะธรรม ประเสริฐกว่า...ธรรมทุกที่

    สัตว์สองเท้า มนุษย์โลก ประเสริฐดี

    พระภูมี จักษุธรรม ล้ำเลิศเอย.



    ขอเจริญในธรรมโดยทั่วกัน

    จาก...ธัมโมชญา


    การปฏิบัติไม่ว่าสายไหนอย่างไร นามรูปนี้ที่พระพุทธท่านสอนอยู่เสมอ ละความอยากในรูปธรรมไปแสวงเอาตามอยากในนามธรรม มันก็ยังอยากอยู่ การสั่งสอนคนไม่ควรสอนให้วิ่งหนีสิ่งที่มีที่เป็นอยู่นี้ ไม่ใช่หนีอัตภาพ ผมคงพูดอะไรไม่ได้มาก นอกจากคำว่า ทำอะไรก็แล้วแต่คนควร รู้ตนรู้ประมาณ ดำเนินตามทางสายกลางที่พระพุทธองค์ว่าไว้ มองหากิเลสตัณหาอุปทานในรูปในนามในตัวในตน บุญจริงๆย่อมปราศจากอามิส

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กุมภาพันธ์ 2011
  15. แฟรงค์MBT

    แฟรงค์MBT สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2011
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +0
    คุณ วงบุญพิเศษ ข้ออ้าง108 ก็หาได้ทำให้ผมเชื่อคุณไม่

    หลงพ่อนะจ๊ะ ผมด่า ผมปรามาส ทำไมหน้าที่การงานของผม
    มันเจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆล่ะ

    บุคคลที่คุณนำมากล่าวอ้างนั้น ไม่มีน้ำหนักพอที่จะหักล้างข้อกล่าวหา
    จากที่เห็นๆกันอยู่ได้หรอกครับ

    จงหลงลมหลงพ่อนะจ๊ะต่อไป
    จนกว่าคุณจะสิ้นเนื้อประดาตัวไม่มีเงินทำบุญ
    จนต้อง กู้สหกรณ์เพื่อนำเงินไปทำบุญนะครับ
     
  16. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ก็ขอประกาศให้ทราบอีกรอบ ครับ


    เผื่อใครยังที่ไม่เข้าใจนะครับ ผมกำลังศึกษาต่อว่า วิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด
    กับวิชาธรรมกายของวัพระธรรมกายเป็นยังไง
    ก็ต้องศึกษากันต่อนะครับ
     
  17. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
  18. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
  19. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
  20. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226

แชร์หน้านี้

Loading...