ว่ากันเรื่อง วัดธรรมกาย

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย วิถีคนจร, 14 มกราคม 2011.

  1. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226

    อณุโมทนาสาธุอย่างมากครับ
     
  2. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    หลักตัดสินพระธรรมวินัย ๘ ประการ

    ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ

    1. วิราคะ ความคลายกำหนัด, ไม่ติดพัน มิใช่เพื่อความกำหนัดย้อมใจ<WBR> การเสริมให้ติด

    2. วิสังโยค ความหมดเครื่องผูกรัด, ความไม่ประกอบทุกข์ มิใช่เพื่อผูกรัดหรือประกอบ<WBR>ทุกข์

    3. อปจยะ ความไม่พอกพูนกิเลส มิใช่เพื่อพอกพูนกิเลส

    4. อัปปิจฉตา ความมักน้อย มิใช่เพื่อความมักมาก

    5. สันตุฎฐี ความสัน...โดษ มิใช่เพื่อความไม่สันโดษ

    6. ปวิเวก ความสงัด มิใช่เพื่อความคลุกคลีอยู่ใ<WBR>นหมู่

    7. วิริยารัมภะ การประกอบความเพียร มิใช่เพื่อความเกียจคร้าน

    8. สุภรตา ความเป็นคนเลี้ยงง่าย มิใช่เพื่อความเลี้ยงยาก

    ธรรมเหล่านี้พึงรู้ว่าเป็นธ<WBR>รรม เป็นวินัย เป็นสัตถุสาสน์ (คำสอนของพระศาสดา) ตรงข้ามจากนี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่สัตถุสาสน์
     
  3. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ลัทธิธรรมกายแผ่ไปภาดเหนือแล้ว มีธุรกิจลูกข่ายอีกมากมาย เฮ้อ............................
     
  4. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649


    อนุโมทนาครับ ทำวัดไหนก็ได้ ทำทุกวัด ศรัทธาทั้งสังฆมณฑล อย่างนี้ซิครับ สุดยอด
     
  5. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649

    โชคดีเช่นกันครับ

    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
     
  6. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649



    จาก ฉักกนิบาต - ทุติยปัณณาสก์ - ๑. มหาวรรค - ๕. ทารุกัมมิกสูตร


    ทารุกัมมิกะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในครั้งหนึ่ง และครั้งนั้นพระพุทธองค์

    ทรงตรัสถามว่าเธอยังทำบุญทำทานอยู่บ้างหรือไม่ ทารุกัมมิกะกราบ

    ทูลว่าเขายังทำบุญทำทานอยู่ และเป็นการถวายทานแด่พระอรหันต์

    ผู้อยู่ป่าเป็นวัตร ผู้เที่ยวบิณฑบาตรเป็นวัตร ผู้นุ่งห่มผ้าห่อศพเป็น

    วัตรนั่นหมายความว่าทารุกัมมิกะตัดสินพระอรหันต์จากวัตรปฏิบัติที่ทำ

    อยู่เป็นประจำ ภิกษุใดเคร่งครัดเข้มงวด อยู่ในป่าเขา หาข้าวด้วย

    ลำแข้ง (คือไม่ใช่เอาแต่รอรับนิมนต์) และใช้เครื่องนุ่งห่มแบบมักน้อย

    คือพระอรหันต์สำหรับเขา


    พระพุทธเจ้าปรารถนาจะสงเคราะห์ทารุกัมมิกะและบุคคลผู้ไม่รู้ทั้ง

    หลาย จึงตรัสว่า

    ดูกรพ่อค้าฟืน เธอเป็นชาวบ้าน บริโภคกาม อยู่ครองเรือน นอน

    เบียดเสียดบุตร บริโภคจันทน์แคว้นกาสี ทัดทรงดอกไม้ของหอม

    และเครื่องลูบไล้ ยินดีในเงินทองอยู่ จึงยากที่จะทราบว่าภิกษุใดเป็น

    พระอรหันต์ ดูกรพ่อค้าฟืน ถ้าแม้ภิกษุซึ่งถือการอยู่ป่าเป็นวัตรนั้น

    เป็นผู้ฟุ้งซ่าน ถือตัว เห่อ ปากกล้า พูดพล่าม มีสติเลอะเลือน

    ไม่มีสัมปชัญญะ มีใจไม่ตั้งมั่น มีจิตพลุ่งพล่าน ไม่สำรวมอินทรีย์

    เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็สมควรถูกติเตียน

    นอกจากนั้นพระพุทธองค์ยังตรัสจาระไนโดยพิสดาร สรุปความว่าจะ

    อยู่ป่าหรืออยู่บ้าน จะบิณฑบาตหรือรับนิมนต์ จะใช้ผ้าห่อศพหรือรับ

    จีวรที่ชาวบ้านถวาย ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย สำคัญที่จิตอันเป็น

    ของภายใน ว่าดีหรือไม่ดี ถ้าจิตดีแล้วท่านจะมีวัตรอย่างไรก็สมควร

    แก่การสรรเสริญทั้งสิ้นและในเมื่อชาวบ้านผู้บริโภคกามไม่อาจรู้ตื้นลึก

    หนาบางอันเป็นของภายในจิตของภิกษุได้ ดังนี้จะควรทำเช่นไร?

    พระพุทธเจ้าตรัสสรุปว่า

    ดูกรพ่อค้าฟืน เธอจงให้สังฆทานเถิด เมื่อเธอให้สังฆทานอยู่ จิตจัก

    เลื่อมใส และเมื่อเธอเป็นผู้มีจิตเลื่อมใส เมื่อตายไปก็จะเข้าถึงสุคติ

    โลกสวรรค์
     
  7. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649

    "ธุรกิจลูกข่าย" รับผิดชอบคำพูดน่ะครับ ผมเคยเจอCaseนี้ ที่วัด

    พิชัยญาติ ให้แม่ชีทศพรเปิดกรรมครับ ชายวัยกลางคน จู่ๆถูกไล่

    ออกจากบริษัท พร้อมตั้งข้อหาฉ้อโกง ประกอบกับการเงินพลิกผัน

    1เดือนเป็นหนี้ร่วม30ล้าน ธุรกิจล้มหมดเลย แม่ชีได้ใช้ญาณทัศนะ

    ตรวจดู ก็พบว่า เคยไปวัดพระธรรมกาย แล้ว "คิดในใจ" ว่า วัด

    นี้เป็นพุทธพาณิชย์ วัดนี้เป็นธุรกิจ บุพกรรมนี้เองจึงทำให้มีปัญหา

    เข้ามาเมื่อทานบารมีอ่อนตัว ชายคนนั้นยิ้มไม่ออกเลยครับ เพราะ

    เป็นจริงดังว่า ทางแก้คือต้องบวชขอขมาน่ะครับ แต่มีข้อแม้ ต้อง

    บวชจนได้ณาน4น่ะครับ ไม่งั้นวิบากจะตามไม่หยุด หวังดีน่ะเนี่ย

    ถึงได้บอกทางแก้ไข


    อย่างไรก็ถวายสังฆทานบ่อยๆน่ะครับ จะได้ช่วยยืดเวลาออกไปอีกหน่อย




    เออ...ไม่ต้องห่วงครับ งานพระศาสนาของทางวัดคุมไปทุกทวีปทั่วโลกแล้วครับ โดยเฉพาะในประเทศไทย ช่วงนี้โครงการบ้านกัลยานมิตร ดังมากๆ ยอดทั่วประเทศเพิ่มไปหลายสิบล้านคนแล้วครับ
     
  8. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เพิ่งเข้ามาอ่าน

    เรื่องพากันไปตกนรกนั้น

    เราฟังจากพระสุปติปันโนแถวเชียงใหม่ แต่ขอรับไว้เอง


    เราอยู่เชียงใหม่ รู้อะไรดีๆเกี่ยวกับวัดธรรมกายเยอะ

    ล่าสุด ชาวบ้านไม่ต้องเข้าวัด พระนำสวดมนต์ถึงบ้าน มีเงินเดือนด้วย จริงหรือเปล่า

    ข้อนี้ฟังจากพระที่ไปสวดนะ

    อีกข้อนึง เรื่องตักบาตรพระหมื่นรูป เราไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง

    แต่ฟังจากพระ มีรถไปรับกันทั่วจังหวัด และจังหวัดใกล้เคียง

    เพราะมีแจกซอง แต่เอาเข้าจริงไม่ถึงหมื่น

    เหมือนจัดฉาก เอารูปมาให้ดู ( อันนี้อยู่ในเหตุการณ์ เซ็ง )

    อ้าวชูรูปทางซ้ายหน่อยค๊าบ

    อ้าวชูรูปทางขวาหน่อยค๊าบ

    ร่วมทำบุญภาพบุชา 100 ค๊าบ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 กุมภาพันธ์ 2011
  9. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    เรื่องบุญ ทำบุญย่อมได้บุญเป็นเรื่องปกติ

    จะทำวัดธรรมกาย หรือ วัดไหนก้บุญเหมือนกัน

    วัดธรรมกายมีจุดขาย คือสร้างมหาบุญ บุญใหญ่

    ทีนี้มาดูว่าใหญ่จริงรึเปล่า

    บุญ ประกอบด้วย ผู้ให้บริสุทธิ์ ของที่ให้บริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์

    กรณีนี้ การเชิญชวนทำบุญเพื่อ สวรรค์ แหวนส้มตำปูนั้น

    เป็นการทำบุญหวังอา ผุ้ให้มีความโลภในใจ บุญคงได้ไม่เต็มหน่วย

    ทีนี้

    ผู้รับ เจตนา ชวนเชื่อ สร้างโน่น บริจาคนี่ สร้างดวงตาพระพุทธรูป จะได้มีปัญญาเห็นธรรม

    ในความเป็นจริง เป็นไปไม่ได้

    ผู้รับ นั้น เราไม่รู้อยู่วัด ปฏิบัติตัวเยี่ยงไร อยู่แอร์ กินเหลา เดินไม่เป็นกันรึเปล่าอันนี้ไม่ได้กล่าวหาใคร

    แต่ถ้าผู้รับก็ไม่บริสุทธิ์ บุญจะเหลืออะไร
     
  10. Satanloki

    Satanloki สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +3
    เหมือนๆ จะขู่เลยนิ!
     
  11. ฐาณัฏฐ์

    ฐาณัฏฐ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2008
    โพสต์:
    6,197
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,075
    กระจ่างครับ

    ทอง อยู่ที่ไหนย่อมเป็น ทอง

    ขอหยุดวิจารณ์วัดธรรมกายแค่นี้แล้วกัน

    อยากจะถ่ายรูปคู่คุณ OLDMAN AND A CAR เป็นที่ระลึกด้วย แต่ไม่เจอตัวซักทีหุหุ
     
  12. Satanloki

    Satanloki สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2011
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +3
    วนเถ้าอังคารขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือพระบรมสารีริกธาตุนั้น ทรงตรัสให้แบ่งไปบูชาทั่วทุกแคว้น

    และยังกล่าวอีกว่า "...อัฐิธาตุของบุคคลที่ควรบูชาได้แก่ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ และพระเจ้าจักรพรรดิเป็นการสร้างมงคลให้กับตนเองอย่างสูงสุด"

    เห็นได้ชัดเจนว่า "ให้สร้างเจดีย์"
    เรียนคุณวงบุญพิเศษ
    ขอความกระจ่างในประโยคดังกล่าวด้วยครับ ในความเข้าใจของผม สาเหตุที่พระพุทธองค์ทรงให้แบ่งพระสารีริกธาตุ ก็ด้วยเจตนามิให้เกิดการแก่งแย่งหรือสงครามระหว่างแคว้น ไม่ใช่เจตนาเพื่อให้สร้างเจดีย์ อันเป็นเกียรติคุณแต่อย่างใด(วางตนอุเบกขา เมตตาต่อผู้อี่น) ส่วนผู้ได้รับพระธาตุของอริยบุคคลดงกล่าวย่อมเป็นมงคลต่อตนจริงแน่นอนครับ
     
  13. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649

    โครงการบ้านกัลยานมิตร นำพาเพื่อนบ้านมาสวดมนต์ ทำวัตรเย็นและนั่งสมาธิที่บ้านอย่างน้อยสัปดาห์ละ1ครั้งและอาจนิมนต์พระอาจารย์ไปเทศน์ด้วยหรือไม่ก็ไม่CDธรรมะเปิดดูกัน และนำพามาที่วัดพระธรรมกายเดือนละ1ครั้ง โครงการนี่กระมังครับที่คุณว่าคนไม่ต้องเข้าวัด อิอิ ดูไปไกลๆหน่อยครับ เมื่อคนศรัทธาในพระพุทธศาสนามากเท่ามากแล้ว อย่าว่าแต่บวชแสนรูป บวชเป็นล้านรูปก็คงไม่ไกลแล้ว พระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองเฟื่องฟูเหมือยนย้อนยุคพุทธกาล


    เรื่องงานตักบาตรพระล้านรูปทั่วประเทศนั้น แต่ละครั้งแต่ละจังหวัดพระเป็นพันบ้าง เป็นหมื่นบ้าง เราจัดกันยังไงคุณรู้ไหม ขับรถตระเวนไปนิมนต์พระทุกวัดทั้งจังหวัด หรือถ้าขยันหย่อยก็เอาจังหวัดข้างเคียงด้วย เหนื่อยน่ะ ทำไมต้องตักบาตรมากๆรู้ไหม เพราะหากปล่อยให้ภาครัฐจัดหรือไม่ทำอะไรเลย มันก็ซังกะตายไปวันๆ ประเพณีตักบาตรในคนรุ่นใหม่ไม่ค่อยได้เห็น คุณรู้ไหม พระเวลามาเห็นสหธรรมิกมากๆท่านก็ปลื้มใจ พระเวลาเห็นอุบาสก อุบาสิกามากๆ ยังเหนียวแน่นน่ะ มันเป็นการให้กำลังใจพุทธบุตร แล้วภาพแบบนี้มีมากเข้าๆ คุณไปลองดูในเน็ตซิ มันเป็นทัศนานุตริยะ เห็ฯแล้วน่าทำตามปฎิบัติตาม

    ส่วนเรื่องแจกซองนั้น มันเป็นอย่างนี้ครับ ถ้าทางวัดไม่สามารถไปเองได้ คือหารถไปไม่ได้ เราจะจัดหารถไปรับถึงวัดเลย ปัจจัยที่ถวายพระคือรูปละ1,000บาท ซึ่งก็มาจากเจ้าภาพงานตักบาตรในแต่ละครั้ง เจ้าภาพมีตั้งแต่3,000 5,000 10,000 20,000 30,000 50,000 เงินพวกนี้ก็แบ่งเป็นค่าน้ำมันรับพระที่มางาน แบ่งให้ทางทหารด้วยเพรมะเข้าต้องมาช่วยงานตั้งแต่ล้างถนนกันเลย แต่ก็ใส่ซองถวายปัจจัย นี่ปกติอยู่แล้ว


    จำนวนพระที่ระบุแต่ละครั้งเท่ากับจำนวนพระที่มาครับ อันนี้ตรวจสอบกันอยู่แล้ว แต่มักจะเกินน่ะ ส่วนเรื่องชูภาพนั้น เป็นการชูภาพพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อบันทึกภาพประวัติศาสตร์ ก็ไม่เห็ฯจะมีอะไรนี่


    ภาพที่ให้บูชาภาพละ100บาทนั้น เป็นภาพพระธรรมกาย เงินนั้นเราก็ถวายเจ้าคณะจังหวัดครับ เพราะงานใหญ่อย่างนี้ท่านคงต้องมา
     
  14. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ก็ยังไงก็ต้องรอดูกันนะครับ ว่าทำไมบางคนถึงเรียกว่าบริษัทธรรมกาย
    เพราะผมก็ทราบมาว่าพระภิษุที่บวชแสนรูป แล้วเป็นพระแก่ชรา ไม่มีความสามารถ บรรยายไม่เก่ง เชิญคนทำบุญไม่ได้ก็จะโดนลอยแพครับ

    ส่วนธุรกิจที่ลูกศิษย์วัดลงทุนแต่ใช้เงินบริจาคก็รอดูแล้วกันนะครับเพราะทุกวันนี้2554ไม่ใช่2543จะได้ลงหนังสือพิมพ์กันโจ่งครึ้ม เพราะการเมืองมันหนุนหลัง ก็ศึกษาลึกๆแล้วกันนะครับ ว่าพระธมชัยโย รอดคดีเพราะอะไร และเพราะใคร อ่านข้อมูลอีกด้านนะครับ ตอนนี้ธรรมกายแพร่ไปถึงภาคเหนือกำลังขยายวงกว้าง อยู่ในภาวะที่ต้องจับตาดูอย่างยิ่ง

    ผมทั้งกระทู้นี้ขึ้นมาค่อนค้างมีเนื้อหาแรงครับ ผมก็ได้ปรึกษาผู้ใหญ่ คณาจารย์แล้ว......ท่านก็ลงความเห็นว่าวัดพระธรรมกาย ออกนอกทางสู่มรรคผลจริง
     
  15. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649

    ผมมิได้มีเจตนาเป็นอื่น ผมเห็นว่าการนำภาพงานของคุณยาย

    อาจารย์ขึ้นมาเปรียบเทียบกับภาพของอริยสงฆ์ท่านพุทธทาสนั้น

    เป็นไปเพื่อให้ผู้ได้พบเห็นเกิดอกุศลจิตกับทางวัดพระธรรมกาย ซึ่ง

    ผมก็เห็นว่า หากจะเล่นลิ้น เล่นภาพ เล่นคำกัน ผมก็ทำได้ โดย

    การเปรียบเทียบคำที่พระพุทธเจ้าท่านว่าไว้กับงานของท่านพุทธทาส

    ก็แค่นั้นเอง พระองค์ท่านให้สร้างพระสถูปเจดีย์ ใว้ที่ทางสี่แพร่ง

    เพื่อการสักการะและบุญที่เกิดกับผู้บูชา ดังในพระสุตตันตปิฎกมีกล่าว

    ถึงอานิสงค์การสร้างเจดีย์เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระ

    พุทธเจ้าพระองค์ก่อนไว้มากมาย


    ส่วนสาเหตุที่พระพุทธองค์ทรงให้แบ่งพระสารีริกธาตุ ก็ด้วยเจตนามิ

    ให้เกิดการแก่งแย่งหรือสงครามระหว่างแคว้น นั้นถูกต้องแล้วครับ
     
  16. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649

    แล้วแต่มุมมองแล้วล่ะครับ ทางผมก็มีครูบาอาจารย์หลายสำนักซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางวัดใดใดน่ะครับ ท่านยังว่า "ปฎิบัติที่วัดพระธรรมกายนิพพานได้"



    แม้ท่านจะลาพุทธภูมิแล้ว สมัยที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำกำลังบำเพ็ญเพื่อ

    พระโพธิญาณในอดีต มีลูกหลานมากมายตามติดสร้างบารมีกัน

    คราวนี้หลวงพ่อธัมมชโยกำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ ปรารถนาเป็นพระ

    พุทธเจ้าผู้ที่มีวิริยาธิกะพิเศษคือรื้อสัตว์ทั้งหมดทั้งมวลไม่ให้เหลือเข้าสู่

    พระนิพพาน ก็มีลูกหลานมากมายตามติดติดตามสร้างบารมีเช่นกัน
     
  17. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    ขอยกมาวินิฉัยอีกรอบ

    หลักตัดสินพระธรรมวินัย ๘ ประการ

    ธรรมเหล่าใดเป็นไปเพื่อ

    1. วิราคะ ความคลายกำหนัด, ไม่ติดพัน มิใช่เพื่อความกำหนัดย้อมใจ การเสริมให้ติด
    สังเกตุวัตถุสิ่งปลูกสร้างอันเกินประมาญ รถหรูๆที่พระวัดธรรมกายนั่งกัน

    2. วิสังโยค ความหมดเครื่องผูกรัด, ความไม่ประกอบทุกข์ มิใช่เพื่อผูกรัดหรือประกอบทุกข์
    สังเกตุที่ แนะนำ ให้ทำบุญโดยให้หวังถึงอามิส มีชาติมีพบต่อ
    3. อปจยะ ความไม่พอกพูนกิเลส มิใช่เพื่อพอกพูนกิเลส
    สังเกตุ พระวัดธรรมกาย ละวางอัตตาแค่ไหนครับ มีความยินดีในทรัพย์สิน ที่อยู่รึเปล่า

    4. อัปปิจฉตา ความมักน้อย มิใช่เพื่อความมักมาก
    สังเกตุจากกุฏิพระวัดพระธรรมกาย

    5. สันตุฎฐี ความสัน...โดษ มิใช่เพื่อความไม่สันโดษ
    คงไม่ต้องอธิบายครับ

    6. ปวิเวก ความสงัด มิใช่เพื่อความคลุกคลีอยู่ในหมู่
    ก็สังเกตุกุฏิท่านครับแบบคอนโดครับ คณะสงฆ์ไม่ควรยินดีในการคลุกคลีในหมู่คณะ

    7. วิริยารัมภะ การประกอบความเพียร มิใช่เพื่อความเกียจคร้าน
    อันนี้ผมไม่ทราบครับ

    8. สุภรตา ความเป็นคนเลี้ยงง่าย มิใช่เพื่อความเลี้ยงยาก
    อันนี้ผมไม่ทราบครับ

    ธรรมเหล่านี้พึงรู้ว่าเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นสัตถุสาสน์ (คำสอนของพระศาสดา) ตรงข้ามจากนี้ไม่ใช่ธรรม ไม่ใช่วินัย ไม่ใช่สัตถุสาสน์
     
  18. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    เอามาอ่านกันครับ:d

    ๒๗. พระสุภัททะไม่ชอบใจพระพุทธเจ้าเรื่องอะไร
    ถาม พระสุภัททะผู้บวชเมื่อแก่ โกรธไม่ชอบใจพระพุทธเจ้าเรื่องอะไร เมื่อรู้ว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว จึงกล่าวว่า การที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปนั้นดีแล้ว เพราะเวลาที่ทรงพระชนม์อยู่นั้น มีแต่ทรงห้ามไม่ให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ เมื่อพระองค์ปรินิพพานแล้ว พวกเราก็จักทำตามชอบใจได้

    ตอบ เรื่องที่พระสุภัททะผู้บวชเมื่อแก่ ไม่ชอบพระพุทธเจ้านั้น มีเรื่องเล่าไว้ในอรรถกถามหาปรินิพพานสูตรว่า สุภัททภิกษุนั้นบวชเมื่อตอนแก่ จึงเรียกกันว่า วุฑฒบรรพชิต
    สำหรับเรื่องที่ท่านอาฆาตพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น มีเรื่องเล่าว่า สุภัททะนี้เดิมเป็นช่างตัดผมอยู่ในเมืองอาตุมา ได้ออกบวชตอนแก่ ท่านทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากกรุงกุสินาราไปยังนครอาตุมาพร้อมด้วยภิกษุ ๑,๒๕๐ รูป จึงคิดว่าจักทำยาคูถวายเป็นทาน ในเวลาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมา จึงเรียกบุตร ๒ คนที่กำลังเตรียมตัวจะบวชเป็นสามเณรมาสั่งว่า ให้เจ้าถือเครื่องมือตัดผมพร้อมกับทะนานและถังไปตามลำดับบ้าน แล้วรวบรวมเอาเกลือบ้าง น้ำมันบ้าง ข้าวสารบ้าง ของเคี้ยวบ้าง เราจักทำยาคูถวายพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้จะเสด็จมา
    บุตรทั้งสองก็ได้ไปตามสั่ง ก็เด็กชายทั้งสองนั้นเป็นคนมีเสียงเพราะ มีไหวพริบดี ผู้คนบางคนก็ต้องการจะตัดผม แต่บางคนก็ไม่ต้องการ ถึงกระนั้นทุกคนก็ให้ตัดผมของตนเพื่อจะให้เป็นค่าจ้าง เด็กทั้งสองก็ขอรับเอาของที่บิดาสั่งโดยบอกว่า พวกผมไม่ต้องการสิ่งอื่น แต่ต้องการของสำหรับที่หลวงพ่อของผมจะทำยาคูถวายในเวลาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาเท่านั้น คนเหล่านั้นก็ให้สิ่งที่เด็กทั้งสองต้องการ
    ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาถึงอาตุมานคร สุภัททภิกษุก็เข้าไปยังประตูบ้าน บอกชาวเมืองว่า “ข้าวสารเป็นต้นของอาตมามีพร้อมแล้ว พวกท่านจงทำงานฝีมือเถิด” เมื่อชาวเมืองถามว่าจะให้ทำอะไร ท่านก็บอกให้ช่วยสร้างเตาไฟที่วิหาร ตัวท่านเองนุ่งผ้าย้อมน้ำฝาดดำผืนหนึ่ง แล้วสั่งว่า จงทำสิ่งนี้ ครุ่นคิดอยู่ตลอดคืน สละทรัพย์ ๑ แสนให้เขาจัดยาคูสำหรับดื่มกิน จัดน้ำผึ้ง น้ำอ้อยงบ เป็นต้น
    รุ่งขึ้นเช้าตรู่ พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปบิณฑบาตในเมืองอาตุมากับภิกษุสงฆ์ คนทั้งหลายก็บอกสุภัททภิกษุว่า พระพุทธเจ้าเสด็จมาแล้ว สุภัททภิกษุทั้งๆ ที่ยังนุ่งห่มผ้ากาสาวะสีดำอยู่นั่นแหละ ได้เข้ามาคุกเข่าข้างขวาลงที่พื้นดิน มือหนึ่งถือกระบวย อีกมือหนึ่งถือทัพพี ถวายบังคมพระพุทธเจ้า แล้วทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า โปรดทรงรับยาคูของข้าพระองค์เถิด”
    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามและฟังคำทูลแล้วทรงติเตียนสุภัททภิกษุเป็นอันมาก อาศัยเหตุนั้นทรงบัญญัติ ๒ สิกขาบท คือสิกขาบทว่าด้วยการชักชวนในสิ่งที่เป็นอกัปปิยะ คือสิ่งที่ไม่สมควรแก่สมณะ และสิกขาบทว่าด้วยการรักษาเครื่องมีดโกน
    ตรัสติเตียนว่า “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหล่าภิกษุผู้แสวงหาโภชนะล่วงไปถึงหลายโกฏิกัป พวกเธอบริโภคโภชนะที่เป็นอกัปปิยะของพวกเธออันเกิดขึ้นโดยไม่ชอบธรรม จักต้องไปเกิดในอบายทั้งหลายหลายแสนอัตภาพ เธอจงหลีกไปอย่ามายุดไว้” ดังนี้แล้วได้เสด็จบ่ายพระพักตร์ไปเที่ยวภิกษา แม้ภิกษุรูปหนึ่งที่ตามเสด็จก็มิได้รับอะไรๆ เลย
    พระสุภัททะเสียใจ ผูกอาฆาตพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านี้เข้าใจว่าพระองค์ทรงรู้ทุกสิ่ง เมื่อไม่ประสงค์จะรับ ก็ควรส่งคนไปบอก ขึ้นชื่อว่าอาหารที่สุกแล้วนี้ อย่างมากก็เก็บไว้ได้เพียง ๗ วัน แต่ของที่เราเตรียมไว้นี้ เราจัดไว้ตลอดชีวิต แต่พระองค์มาทำให้พินาศเสียสิ้น พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงหวังดีต่อเราเลย แต่เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ ก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะคิดว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบวชจากตระกูลสูง ถ้าเราพูดอะไรออกไป เราก็จะถูกคุกคาม
    ดังนั้นพอทราบว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วเท่านั้น ก็ร่าเริงยินดี รู้สึกโล่งอกหายใจคล่องทีเดียว จึงได้กล่าวแสดงความโล่งใจที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานเสียแล้ว ภิกษุทั้งหลายจะได้ไม่ต้องถูกบีบบังคับให้ทำสิ่งที่ไม่ชอบใจ คราวนี้ชอบใจทำอะไรก็ทำได้ตามใจ ไม่มีใครห้าม ซึ่งเมื่อท่านพระมหากัสสปเถระได้สดับคำสุภัททภิกษุเช่นนั้นแล้ว ก็เกิดธรรมสังเวชว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จปรินิพพานไปเพียง ๗ วันเท่านั้น เสี้ยนหนามใหญ่เกิดขึ้นแก่พระศาสนา รวดเร็วนัก ก็คนบาปนี้เมื่อเติบโตมีพวกมาก ก็อาจทำให้พระศาสนาเสื่อมได้
    ท่านพระมหากัสสปเถระอาศัยเหตุนี้จึงปรารภการสังคายนาพระธรรมวินัย นี้จึงเป็นเหตุให้เกิดการทำสังคายนาครั้งแรกขึ้น

    อ้างอิง http://www.84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=27


    ________________________________________
     
  19. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    อันนี้น่าสนใจครับ เรื่องเทวดา

    ๒. เทวดาตายเพราะหมดบุญใช่ไหม
    ถาม เทวดาท่านตายเพราะหมดบุญใช่ไหม ถ้าไม่หมดบุญก็ไม่ตายใช่ไหม

    ตอบ เทวดาท่านมิได้ตายเพราะหมดบุญเพียงอย่างเดียว แต่เทวดาตายด้วยเหตุ ๔ ประการด้วยกันคือ
    ๑. ตายเพราะสิ้นอายุ คืออายุในสวรรค์ชั้นนั้นมีกำหนดเท่าใด เช่น ๕๐ ปีทิพย์ ท่านก็อยู่ในสวรรค์ชั้นนั้นจนครบอายุแล้วจึงตาย ภาษาธรรมะเรียกการตายว่าจุติ ซึ่งหมายถึงการเคลื่อนจากภพ
    ๒. ตายเพราะสิ้นบุญ คือเทวดาบางองค์ทำบุญไว้น้อย เมื่อมาเกิดเป็นเทวดา ก็เกิดอยู่ได้ไม่นาน คืออยู่ไม่ครบอายุขัยของเทวดา ก็หมดบุญที่นำเกิด จึงต้องจุติคือตายลง เช่นขึ้นไปเกิดในสวรรค์ได้เพียง ๗ วันก็ตายเป็นต้น อย่างนี้เรียกว่าตายเพราะหมดบุญ
    ๓. ตายเพราะอดอาหาร ที่ว่าอดอาหารนี้ไม่ใช่ว่าเทวดาไม่มีอาหารกิน ท่านมีอาหารทิพย์กินแต่เมื่อได้รับความสุขอันเป็นทิพย์ก็เพลิดเพลินยินดี เพราะเหตุที่ไม่เคยพบพานมาก่อนก็หลงไหลยินดีจนลืมบริโภคอาหารทิพย์ เพียงลืมบริโภคอาหารครั้งเดียวเท่านั้นร่างกายก็ทนไม่ได้ ทั้งนี้เพราะไฟธาตุที่ย่อยอาหารของเทวดามีกำลังเผาผลาญมาก เมื่อไม่มีอาหารให้ย่อย ก็เผาผลาญร่างกายให้ทำลายไป เทวดานั้นจึงต้องตายเพราะลืมบริโภคอาหาร
    ๔. เทวดาตายเพราะโกรธ ความโกรธเผาผลาญใจเขาจนแตกสลายตายไป เทวดาพวกนี้มักมีความริษยาแรงกล้า ทั้งนี้เพราะทนเห็นเทวดาองค์อื่นมียศ มีรัศมี มีสมบัติยิ่งกว่าตนไม่ได้เป็นต้น แต่การตายของเทวดาต่างกับมนุษย์ตรงที่ตายแล้วไม่มีซากศพปรากฎแต่หายไปทั้งร่าง เพราะฉะนั้นเมื่อเทวดาจุติ เพื่อนเทวดาด้วยกันก็ไม่ทราบ
    เทวดาก่อนที่จะจุติจะต้องมีนิมิต ๕ ประการปรากฏขึ้น คือ
    ๑. ดอกไม้ทิพย์เครื่องประดับเหี่ยวแห้ง
    ๒. ผ้าทรงเศร้าหมอง
    ๓. มีเหงื่อไหลออกจากรักแร้สองข้าง
    ๔. ทิพยอาสน์ คือที่นั่งที่นอนที่เคยสบาย กลับแข็งกระด้าง
    ๕. ร่างกายเศร้าหมอง รัศมีกายก็พลอยเศร้าหมองด้วย

    __http://www.84000.org/tipitaka/book/nana.php?q=2____________________________________
     
  20. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    จริงๆแล้วเราไม่มีมิทธิ์อะไรจะไปวินิจฉัยพระน่ะ ยังอยู่ในกาม แต่ไปยุ่งงานบรรพชิต กรณีนี้คุณวินิจฉัย ผมขอเป็นทนายให้กับพระศาสนาและพระในวัดพระธรรมกายร่วมหมื่นรูปก็แล้วกัน

    ธรรมเหล่านี้พึงรู้ว่าเป็นธรรม เป็นวินัย เป็นสัตถุสาสน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...