เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

หลวงปู่แหวนมาโปรดในนิมิตร(ฝัน)

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย psombat, 18 มีนาคม 2010.

แท็ก: แก้ไข

หน้า 250 ของ 430

Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 พฤษภาคม 2011

โพสต์:

361

ค่าพลัง:

+1,181
[FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot]หลังจากได้สัญจรกันไปตามสถานที่ต่างๆก็กลับคืนสู่ฐานที่ตั้ง มาพบกันในบอร์ดแลกเปลี่ยนประสบการณ์เล่าสู่กันฟัง จากสถานที่หนึ่ง.. จากกาลเวลาหนึ่ง..จากการรับรู้ของจิตหนึ่ง..
ขออนุโมทนากับท่านที่ได้รับธรรมะจากพ่อแม่ครูอาจารย์ หรือจากสิ่งต่างๆที่ได้สัมผัสรับรู้จากการเดินทาง น้อมนำมาเป็นอุบายธรรมสำหรับตนเองในการพัฒนายกระดับจิตให้ยิ่งๆขึ้นนะครับ
[/FONT][FONT=&quot]ตอนนี้ผมก็ได้คืนสู่รังแล้วเช่นกัน ระหว่างการสัญจรก็หาโอกาสที่จะเข้ามาพูดคุย และหาความสะดวกเหมือนอยู่ที่ฐานได้ยากยิ่ง คงรอโอกาสกลับมาพบปะพูดคุยกันในบอร์ดหลังจากได้กลับคืนสู่ถิ่นฐานกันแล้ว[/FONT][FONT=&quot]
ผมไม่ได้เดินทางไปกับคณะธรรมสัญจรครั้งที่๒นี้ ด้วยจังหวะเวลาที่หมุนไปไม่ตรงกัน และองค์ประกอบไม่อำนวย ทั้งที่บางสถานที่ที่ไปเป็นสถานที่เดียวกันแต่เป็นคนละเวลา ได้แต่นึกถึงว่าหลังจากนี้ไปอีก...เท่านี้วัน คณะธรรมสัญจรของพ่อแม่ครูอาจารย์จะได้มายังสถานที่แห่งนี้ น่าเสียดายที่ไม่อาจเหนี่ยวรั้งเพื่อรอเวลานั้นได้ คงรอรับฟังจากเพื่อนนักรบธรรม
หลายท่านคงมีเรื่องราวมาแบ่งปันเล่าสู่กันฟังนะครับ
ขอเจริญในธรรมครับ

[/FONT]
Phoobes, 18 พฤศจิกายน 2011

#4981
Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 พฤษภาคม 2011

โพสต์:

361

ค่าพลัง:

+1,181

ติงติง said: ↑

อนุโมทนาค่ะ อย่ากังวลใจไปเลยนะคะ
อย่างติงก็เลยเวลาที่มีคนทำนายเอาไว้ ๒ ปีแล้วค่ะ
ไม่คิดมากในเรื่องนี้ เพราะเชื่อว่าเราได้เตรียมตัวตายมาพอสมควรแล้ว
เราคิดถึงความตายบ่อยๆนั้นดีค่ะ ช่วยด้านจิตใจได้มากที่สุด

สาธุค่ะ ติงติดตามกระทู้นี้มานานแล้วค่ะ ติดตามอ่านเพราะเป็นกระทู้ที่มีประโยชน์มาก เพียงแต่ไม่กล้าโพสต์ข้อความค่ะ เกรงว่าข้อความที่โพสต์จะรกกระทู้ของท่านค่ะ
Click to expand...

ยินดีต้อนรับคุณครูติง และดีใจครับ ที่เข้ามาพุดคุยกับเรา ซึ่งเราต่างก็เดินในเส้นทางบุญ อันมีจุดหมายปลายทางเดียวกัน และในกาลข้างหน้าคงได้มีโอกาสสร้างกุศลร่วมกันนะครับ
ขอเจริญในธรรมครับ

Phoobes, 19 พฤศจิกายน 2011

#4982
Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 พฤษภาคม 2011

โพสต์:

361

ค่าพลัง:

+1,181

chantasakuldecha said: ↑

โมทนาบุญ สาธุ สาธุ
เรียนท่าน นรธทุกๆท่านวันนี้ผมได้โอนเงินร่วมบุญกับพ่อแม่ครูอาจารย์ ธรรมสัญจรครั้งที่2 9999บาทครับ

เมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ผมได้รับพลังพุทธะอย่างหนักหน่วง จนถึงปัจจุบันนี้ครับ
Click to expand...

IT Man said: ↑

สวัสดีครับเหล่านักรบธรรมและญาติธรรมทุกท่าน ขณะนี้คณะของพ่อแม่ครูอาจารย์ได้จาริกมาถึงเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจักเดินทางกลับภูดานไหในวันพรุ่งนี้เช้า ส่วนรายละเอียดต่างๆ ทางคณะฯจักลงรายละเอียดให้ทราบเมื่อกลับถึงบ้านแต่ละท่านแล้ว

เมื่อช่วงเย็นวันนี้ คุณณัฐวุฒิ ได้ติดต่อมายังคุณแม่ชม เพื่อแจ้งการโอนเงินร่วมทำบุญสร้างศาลาปฏิบัติธรรม ณ ภูดานไห ซึ่งตอนนั้นพ่อแม่ครูอาจารย์กับพวกเราได้รับทราบโดยตลอด ผมจึงขอเป็นตัวแทนในการโมทนาสาธุบุญกับคุณณัฐวุฒิด้วยนะครับ
Click to expand...

อนุโมทนาบุญกับคุณศรุต และคุณณัฐวุฒิ ด้วยนะครับ ขอเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ

Phoobes, 19 พฤศจิกายน 2011

#4983
Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 พฤษภาคม 2011

โพสต์:

361

ค่าพลัง:

+1,181

ซึ้งบน said: ↑

เวลาพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านพูดคุยกับเรา ด้วยเรื่องราวต่างๆ บางครั้งเราก็ฟังแบบผ่านๆไป ในขณะนั้น แต่เมื่อไรที่เรานำมาทบทวน ก็จะพบว่าท่านสอนธรรมเราอยู่เสมอ (บางครั้งแม่ชม ก็จะช่วยเฉลยบ้างว่าท่านกำลังสอนธรรม ข้อนี้นะ เราก็จะถึงบางอ้อ ทันที) ถ้าใครคิดได้นำไปต่อยอด ก็จะได้ประโยชน์มาก

มีอยู่เรื่องหนึ่ง ท่านพูดอยู่เนืองๆว่า คนเราเวลาจะตาย เวลาธาตุขันธ์จะแตกนั้น ทุกขเวทนาทั้งหลายจะรุมเร้าตัวเรา ทั้งความกลัว ความกังวล ห่วงบิดามารดา ห่วงสามีภรรยา บุตรหลาน ห่วงทรัพย์สมบัติ ต่างๆนาๆ ทำให้จิตใจของเราตอนนั้นมีแต่ความเศร้าหมอง ความทุกข์ ความยึดติด ฯลฯ ซึ่งความรู้สึกอย่างนั้นมันจะนำเราไปสู่อบายภูมิ ไปสู่ทุคติ ไปสู่คติที่เราไม่พึงปรารถนา เราจะต้องต่อสู้กับจิตใจของเราเอง โดยการมีสติรู้ ในการรับมือกับความตายในขณะนั้น

ในชีวิตประจำวัน ในขณะร่างกายของเรายังปกติ หมั่นเรียนรู้ศึกษาให้เห็นว่า เมื่อมีสิ่งใดมากระทบที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อย่าได้มีความยึดมั่น อย่าได้มีความผูกพัน ฝึกจิตใจของเราให้มีสติอยู่เสมอ จึงจะเป็นการเตรียมตัวรับมือกับความตาย อย่างมีสติได้ และเมื่อความตายมาถึง ด้วยเราอาจจะเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยอย่างหนัก ในขณะที่เราอาจมีเวลารู้สึกตัวได้เพียง 2-3 นาที ในขณะนั้นให้น้อมจิตของเรา ให้ละวางทุกอย่าง อย่าได้ยึดติด อย่าได้มีความกังวลห่วงใย และเมื่อเราจะดับขันธ์จากร่างนี้ไป ก็อย่าได้มีความผูกพันกับสิ่งอื่นสิ่งใดอีก คุณความดีในทางพระพุทธศาสนา เราก็ได้ทำตามกำลังอย่างที่สุดแล้ว

ถ้าเราไม่ตั้งใจประพฤติปฏิบัติเสียตั้งแต่วันนี้ พอถึงเวลาวิกฤตจริงๆจะทำใจไม่ได้ เพราะจิตใจของเรามีแต่ความเคยชิน กับการยึดมั่นถือมั่น เมื่อเกิดเหตุการประสบอุบัติเหตุ เกิดอันตรายขึ้นมา เกิดทุกขเวทนาขึ้นมา ใจเราจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไม่มีสติ ไม่มีปัญญา เราก็จะตายไปด้วยความทุกข์ ความหวาดกลัว เพราะฉะนั้นเราต้องหัดละวาง ความยึดมั่นถือมั่นให้เป็นนิสัย ถ้าฝึกหัดให้มากๆก็จะทำให้กิเลสในใจของเราหมดไปหรือลดน้อยลง จิตเข้าถึงความสงบได้ง่าย เมื่อถึงเวลาที่เราจะตายจริง เราก็จะจากไปด้วยความสงบ ด้วยความไม่มีห่วงใดๆทั้งสิ้น

เราพยายามอย่าลืมความตาย ขอให้เราระลึกถึงความตายอยู่เสมอ เข้าใจในความตาย แล้วน้อมเอาความตายนั้นมาใช้เป็นประโยชน์กับตัวเราให้มาก หากว่าเราประมาทเราไม่เริ่มต้น บางทีเราอาจจะไม่มีโอกาสได้ตั้งจิตใจ ในทางที่ดีที่ถูกเลยก็ได้

หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
"ผู้ทำความดีย่อมมีสุคติเป็นที่หมาย ผู้ทำความชั่วย่อมมีทุคติเป็นที่หมาย"

ข้อความนี้ผมเขียนด้วยความเข้าใจของผมเอง ถ้าท่านใดเห็นว่าไม่ถูกต้องหรือขาดตกบกพร่องประการใด ช่วยชี้แนะด้วย จักเป็นพระคุณกับผมและท่านผู้อ่านท่านอื่น อย่างยิ่งครับ
Click to expand...

ขออนุโมทนาครับที่ได้ถ่ายทอดธรรมจากพ่อแม่ครูอาจารย์ให้ได้น้อมระลึกเพื่อฝึกฝนและปฏิบัติ สิ่งต่างๆที่เราศึกษา น้อมนำมาประพฤติปฏิบัติกันก็เพื่อเวลานี้ เวลาแห่งความตายมาถึง

Phoobes, 19 พฤศจิกายน 2011

#4984
ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

26 กุมภาพันธ์ 2011

โพสต์:

225

ค่าพลัง:

+377

Phoobes said: ↑

ขออนุโมทนาครับที่ได้ถ่ายทอดธรรมจากพ่อแม่ครูอาจารย์ให้ได้น้อมระลึกเพื่อฝึกฝนและปฏิบัติ สิ่งต่างๆที่เราศึกษา น้อมนำมาประพฤติปฏิบัติกันก็เพื่อเวลานี้ เวลาแห่งความตายมาถึง
Click to expand...

สาธุกับคุณ Phoobes ด้วยที่น้อมนำมาประพฤติปฏิบัติ เพื่อเวลาแห่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เราจะต้องไม่ประมาท เพราะเราเกิดมาก็ต้องโทษประหารกันทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งครับ

ผมนำคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ กับปาฐกถาธรรมของ พระอาจารย์ดุษฏี เมธังกุโร มาศึกษาเพื่อให้เข้าใจถึงวิธี ที่จะต้อนรับความตาย โดยพิจารณาความจริงที่ว่า ความตายเป็นความเที่ยงแท้ที่ไม่แน่นอน ครับ

ซึ้งบน, 19 พฤศจิกายน 2011

#4985
Indhus เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

2 ตุลาคม 2010

โพสต์:

84

ค่าพลัง:

+113
Phoobes said: ↑

ขออนุโมทนาครับที่ได้ถ่ายทอดธรรมจากพ่อแม่ครูอาจารย์ให้ได้น้อมระลึกเพื่อฝึกฝนและปฏิบัติ สิ่งต่างๆที่เราศึกษา น้อมนำมาประพฤติปฏิบัติกันก็เพื่อเวลานี้ เวลาแห่งความตายมาถึง
Click to expand...

คำกล่าวของคุณภูเบศ ทำให้ผมนึกถึง สำนวนฝรั่ง สำนวนหนึ่งที่เคยฟังที่ไหนสักแห่งในช่วงปีที่ผ่านมา จำได้แต่สำนวนว่า Human was born to be sentenced for dead but nobody know who is the first..อาจจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก แต่ก็ทำให้ผมระลึกถึงคำนี้บ้าง แต่ก็ลืมซะส่วนใหญ่ วันนี้ทำให้ผมระลึกได้อีกครั้ง
Indhus, 19 พฤศจิกายน 2011

#4986
Phoobes เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 พฤษภาคม 2011

โพสต์:

361

ค่าพลัง:

+1,181

ซึ้งบน said: ↑

สาธุกับคุณ Phoobes ด้วยที่น้อมนำมาประพฤติปฏิบัติ เพื่อเวลาแห่งลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เราจะต้องไม่ประมาท เพราะเราเกิดมาก็ต้องโทษประหารกันทุกคนอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าไม่วันใดก็วันหนึ่งครับ

ผมนำคำสั่งสอนของพ่อแม่ครูอาจารย์ กับปาฐกถาธรรมของ พระอาจารย์ดุษฏี เมธังกุโร มาศึกษาเพื่อให้เข้าใจถึงวิธี ที่จะต้อนรับความตาย โดยพิจารณาความจริงที่ว่า ความตายเป็นความเที่ยงแท้ที่ไม่แน่นอน ครับ
Click to expand...

Indhus said: ↑

คำกล่าวของคุณภูเบศ ทำให้ผมนึกถึง สำนวนฝรั่ง สำนวนหนึ่งที่เคยฟังที่ไหนสักแห่งในช่วงปีที่ผ่านมา จำได้แต่สำนวนว่า Human was born to be sentenced for dead but nobody know who is the first..อาจจะไม่ถูกต้องเท่าไหร่นัก แต่ก็ทำให้ผมระลึกถึงคำนี้บ้าง แต่ก็ลืมซะส่วนใหญ่ วันนี้ทำให้ผมระลึกได้อีกครั้ง
Click to expand...

อนุโมทนาสาธุครับ การถ่ายทอดธรรมได้ยังประโยชน์ให้แก่ผู้น้อมนำไปประพฤติปฏิบัติ หรือแม้แต่ผู้ที่ได้ระลึกถึง อย่างน้อยก็เป็นการสะกิดเตือนใจไม่ให้ประมาทในการใช้ชีวิต ที่เรามักคิดว่าช่วงเวลาแห่งชีวิตของเรานั้นยาวเหลือเกิน
เมื่อครั้งที่ผมได้ศึกษาปฏิบัติอยู่กับหลวงปู่สิม ที่ถ้ำผาปล่อง ท่านมักเทศนาในเรื่องระลึกถึงความตายให้ฟังบ่อยๆ หลวงปู่ยกเอาคำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ตรัสถามพระอานนท์ว่าในวันหนึ่งได้ระลึกถึงความตายวันละกี่ครั้ง พระอานนท์ทูลว่าวันละหลายครั้ง พระพุทธองค์ทรงตรัสว่านั้นยังประมาทอยู่ ต้องระลึกให้ได้ทุกลมหายใจเข้าออก จึงจะถือว่าเป็นผู้ไม่ประมาท
อย่างเราในวันหนึ่งระลึกได้สักครั้งก็เป็นบุญแล้ว คงต้องหาอุบายเพื่อสะกิดเตือนใจให้หมั่นระลึกถึงความตายอยู่เสมอๆ จะได้สลัดตัดวางสิ่งรกพะรุงพะรังในชีวิตออกไปได้บ้าง ไม่ต้องดิ้นรนขวนขวายสิ่งที่เกินความจำเป็น หรือเกินความพอดี ต่อการดำเนินชีวิต
ผมยังรอฟังประสบการณ์ตรงของคุณอ้านอยู่นะครับ ที่ว่าเกือบเป็นผู้ได้รับผลจากสึนามิที่ญี่ปุ่นว่าเป็นมายังไงจึงเป็นผู้รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนั้น เหตุการณ์นั้นคงเป็นอนุสติให้ได้ระลึกถึงความตายนะครับ อย่างไรแบ่งปันประสบการณ์เล่าสู่กันฟังครับ

Phoobes, 19 พฤศจิกายน 2011

#4987
"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 ตุลาคม 2011

โพสต์:

521

ค่าพลัง:

+1,157

เรียนทุกท่าน
เมื่อคืน(18 พย.2554) ผมแยกทางกันกับพ่อแม่ครูอาจารย์ที่พิษณุโลก หลังจากได้ไปกราบพระพุทธชินราชแล้วประมาณเกือบหนึ่งทุ่ม โดยคุณสมบัติได้แยกกันก่อนที่ลำปางประมาณช่วงบ่าย ส่วนผมแยกกับคุณเก๋(มานพ) ที่พิษณุโลกประมาณสามทุ่ม ผมถึงโคราชประมาณตีสามซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับคณะของพ่อแม่ครูอาจารย์ก็เดินทางถึงวัดภูดานไหเช่นเดียวกัน แม่ชมโทรมาบอกผมในช่วงนั้นพอดี แม้จะดึกดื่นแค่ไหน พ่อแม่ครูอาจารย์ตลอดจนคุณแม่ชมและคณะต่างเป็นห่วงซึ่งกันและกัน เมื่อแต่ละคนกลับถึงบ้านแล้ว ก็จึงอนุโมทนาสาธุ

อนึ่ง การไปแสวงธรรมในครั้งนี้ ทุกคนได้พัฒนาวิถีปฏิบัติและการรับรู้ธรรมที่สูงขึ้น นักรบธรรมที่ได้ร่วมเดินทางกันในครั้งนี้ คงจะทยอยเขียนเล่าเหตุการณ์และประสบการณ์สู่กันฟังในโอกาสต่อๆไปครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
19 พฤศจิกายน 2554

Links: พ.สุรเตโช พระผู้มาโปรดโลก http://surateacho.blogspot.com/

"นนต์", 19 พฤศจิกายน 2011

#4988
สาวกธรรม1 เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

12 พฤศจิกายน 2010

โพสต์:

341

ค่าพลัง:

+173

"นนต์" said: ↑

เรียนทุกท่าน
เมื่อคืน(18 พย.2554) ผมแยกทางกันกับพ่อแม่ครูอาจารย์ที่พิษณุโลก หลังจากได้ไปกราบพระพุทธชินราชแล้วประมาณเกือบหนึ่งทุ่ม โดยคุณสมบัติได้แยกกันก่อนที่ลำปางประมาณช่วงบ่าย ส่วนผมแยกกับคุณเก๋(มานพ) ที่พิษณุโลกประมาณสามทุ่ม ผมถึงโคราชประมาณตีสามซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับคณะของพ่อแม่ครูอาจารย์ก็เดินทางถึงวัดภูดานไหเช่นเดียวกัน แม่ชมโทรมาบอกผมในช่วงนั้นพอดี แม้จะดึกดื่นแค่ไหน พ่อแม่ครูอาจารย์ตลอดจนคุณแม่ชมและคณะต่างเป็นห่วงซึ่งกันและกัน เมื่อแต่ละคนกลับถึงบ้านแล้ว ก็จึงอนุโมทนาสาธุ

อนึ่ง การไปแสวงธรรมในครั้งนี้ ทุกคนได้พัฒนาวิถีปฏิบัติและการรับรู้ธรรมที่สูงขึ้น นักรบธรรมที่ได้ร่วมเดินทางกันในครั้งนี้ คงจะทยอยเขียนเล่าเหตุการณ์และประสบการณ์สู่กันฟังในโอกาสต่อๆไปครับ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
19 พฤศจิกายน 2554
Click to expand...

อนุโมทนาสาธุ กับเหล่าแม่ทัพของนักรบธรรมด้วยครับที่ได้ไปฝึกวิทยายุทธ(ธรรม)กันเพื่อที่จะได้มา ขลัดเกลาเหล่าขุนศึกธรรมในกาลต่อไป

สาวกธรรม1, 19 พฤศจิกายน 2011

#4989
chantasakuldecha เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

27 เมษายน 2008

โพสต์:

991

ค่าพลัง:

+2,331
นำมาฝากครับ

ข้อควรระวังการปฏิบัติกรรมฐาน ระหว่างที่ปฏิบัตินั้น ผู้ปฏิบัติแต่ละรายมักประสบปรากฎการณ์รูปแบบต่างๆ หรือหลายอย่าง ที่เรียกว่า วิปัสสนูกิเลส 10 ประการ (อาจเทียบว่าเป็นญาณก็ได้) คือ

1) โอภาส แสงสว่าง คือ แสงสว่างที่เกิดขึ้นในใจของผู้ปฏิบัติ บางทีแสงสว่างนี้เท่าดวงแรงเทียน บางทีก็เท่าไฟฉาย พุ่งออกจากตัวผู้ปฏิบัติ บางคนเห็นเท่าตารถยนต์ บางทีแสงสว่างไปหมดทั้งห้องเหมือนกลางวัน จนทำให้ผู้ปฏิบัติคิดว่า เรานี้คงบรรลุผลแน่แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับตนมาก่อน จึงหยุดการปฏิบัติเพียงนี้ แท้ที่จริงเป็นทางผิด

2) ปิติ ความอิ่มใจ คือ ปิตินี้เกิดขึ้นได้หลายอย่าง อาจเป็นทั้งความสุข หรือความอิ่มใจ และอาจจะรู้สึกธรรมดา แล้วแต่อารมณ์ของแต่ละบุคคล บางทีก็สุขเบ่าๆ ปิตินี้มี 5 ชนิด คือ

- ขุททกาปิติ ปิติเล็กน้อย ทำให้คนลุกชูชัน ขนหัวลุกพองขึ้น บางครั้ง หมือนมดหรือไรมาไต่ตอม แต่อาจเกิดขึ้นเล็กน้อยแล้วหายไป

- ขณิกปิติ เหมือนกับสายฟ้าแลบแปล๊บเดียวก็ลับไปจากสายตาแล้ว เกิดขึ้นเล้กน้อยแล้วหายไป

- โอกกันติกาปิติ ปิติเป็นพักๆ คือ มีลักาณะเหมือนคลื่นกระทบฝั่ง บางทีทำให้ตัวหมุน บางทีเหมือนแผ่นดินผลิก เกิดขึ้นแล้วก็จางหายไป บางทีก็ทำให้ตัวโอนเอน โคลงเคลง บางทีเหมือนตกหล่มลงไป บางคนนั่งเนื้อตัวกระตุก อาจถึงกับสั่นไปทั่งตัว เกิดความรำคาญขึ้นได้

- อุพเพงคาปิติ ปิติโลดโผน ทำให้ตัวเบา บางทีลอยตัวขึ้น บางทีลอยขึ้นเหนือพื้นดิน บางทีทำให้ตัวโงนเงนไปมา และนั่งไม่เมื่อย ของน้อง Harry น่าจะเป็นข้อนี้คะ

- ผรณาปิติ ปิติซาบซ่าน ทำให้อิ่มไปทั่วสรรพค์กาย ใครพบปิติชนิดนี้จะรู้สึกอิ่มไปนาน แม้ออกจากสมาธิแล้วก็ยังอิ่ม

3) ปัสสทธิ ความสงบกายสงบจิตอย่างยิ่ง คำว่า กาย ในที่นี้หมายถึงตัวเจตสิกธรรมที่เกิดขึ้นกับใจ มัน สงบ เยือกเย็น จะเดินจะทำอะไรมันนิ่งสงบเย็น ไม่โกรธ ไม่ถือสาอะไรกับใคร บางคนเข้าใจว่าตนเองบรรลุแล้ว มักหยุดการบำเพ็ญ

4) อธิโมกข์ ความเชื่ออย่างมาก อย่างมั่นคง เช่น เชื่อในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างลึกซึ้ง อย่างไม่เคยมีมากก่อน โดยคิดว่า เมื่อออกจากการปฏิบัติครั้งนี้แล้ว จะต้องไป ชักชวนญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาปฏิบัติให้ไดเนื่องจากความศรัทธาแรงกล้า ทำให้เข้าใจผิดว่าคงบรรลุแล้ว จึงงดการปฏิบัติ

5) ปัคคาหะ ความเพียร เมื่อเกิดปัคคาหะขึ้น ย่อมทำให้ผู้ปฏิบัติมีความเพียรอย่างแรงกล้า แต่สม่ำเสมอ
ไม่เกียจคร้านจะนั่งสมาธิหรือจะเดินจงกรม เพราะตนเองเห็นแล้วว่านี้คือหนทางแห่งความสุข ทำให้ตนเองคิดว่าบรรลุแล้ว

6) สุข ความสุขในที่นี้ บางท่านอาจนึกว่าไม่เคยพบความสุขอย่างลึกซึ้งพิเศษเช่นนี้มาก่อน ซึ่งไม่มี ความสุขอื่นทางกามเทียบได้เลย คิดว่า นี้เป็นมรรคผล จึงเลิกปฏิบัติเสีย

7) ญาณ ความรู้ คือความรู้ลึกซึ้ง ปัญญาเฉียบแหลม คิดอะไรได้คล่องแคล่ว สมองปลอดโปร่ง มันเป็น
ความมหัศจรรย์ทางจิตที่ฝึกเข้า คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานี้ เราบรรลุแล้ว

8) อุปัฎฐาน ความแนบแน่นของจิตใจ คือ มีจิตตั้งมั่นไม่หวั่นไหวแน่วแน่ มั่นคงไม่วอกแวก นิ่งสงบ
แนบแน่น เลยหยุดการภาวนา

9) อุเบกขา ความวางเฉย คือ ผู้ปฏิบัติบางท่าน เมื่อจิตสงบแล้วเกิดความวางเฉยในทุกสิ่งทุกอย่างในสังขารทั่งปวง ในเพื่อนฝูง ในวัดวา ในการงาน ทิ้งหมดทุกอย่าง วางเฉยไม่ดีใจไม่เสียใจ วางเฉยอยู่อย่างนั้น เข้าใจว่าตนเองคงบรรลุมรรคผลแน่แล้ว

10) นิกันติ ความติด คือความอาลัยในอุปกิเลสเหล่านี้ ตัวนี้เป็นกิเลสโดยตรง ความติดในอุปกิเลสข้อใด ข้อหนึ่งหรือหลายข้อซึ่งเกิดขึ้นว่า สิ่งเหล่านี้เลอเลิศเหลือเกิน เป็นของเราแท้ ของดีแท้ จึงคิดติดในอุปกิเลสนี้ ตัวเองคิดว่าการติดแบบนี้เป็นความดี จึงหยุดการปฏิบัติกรรมฐานภาวนาไป

ขอให้สังเกตว่า วิปัสสนูปกิเลส 10 อย่างนี้ แท้ที่จริงข้อ 1 ถึงข้อ 9 เป็นกุศลทั้งสิ้น ไม่ใช่กิเลสเลย ถ้าเกิดขึ้นกับใคร ไม่ใช่กิเลสเลย ถ้าไม่ติด แต่ข้อ 10 นี้ถือเป็นกิเลสโดยตรง เพราะทำให้ผู้ปฏิบัติติดด้วยอำนาจตัณหา มานะ และทิฎฐิ

อย่างไรก็ตามผู้ที่ผ่านการปฏิบัติวิปัสสนาโดยตรง หรือผ่านการปฏิบัติสมถะ เข้าสู่วิปัสสนา เมื่อพบเห็นสิ่งเหล่านี้แล้ว แสดงว่าตนได้ผ่านมายังปากทางที่จะไปสู่พระนิพพานแล้ว หากว่ายังไม่หยุดการปฏิบัติไปเสีย ก็มีหวังบรรลุมรรคผลในที่สุดอย่างแน่นอน แต่ก็มีคนเป็นจำนวนมาก เมื่อพบสิ่งเหล่านี้แล้วดีใจ ปลื้มใจว่า ตนเองได้บรรลุมรรคผลแล้ว จึงหยุดการบำเพีญเสีย

วิปัสสนูกิเลส 10 อย่างนี้ จะเกิดขึ้นกับบุคคลดังต่อไปนี้เท่านั้น

ปฏิบัติถูกทาง แต่จะไม่เกิดขึ้นกับคนที่ปฏิบัติผิดทาง

ผู้ที่ขยันบำเพีญเพียร แต่จะไม่เกิดขึ้นกับคนขี้เกียจ

ผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติ แต่จะไม่เกิดขึ้นกับคนที่ทอดธุระหน้าที่ในการปฏิบัติ

ปุถุชนผู้ปฏิบัติถูกทาง แต่จะไม่เกิดขึ้นกับพระอริยเจ้า

สิ่งสำคัญที่ควรทราบว่าระหว่างการปฏิบัติกรรมฐาน ผู้ปฏิบัติบางรายอาจตั้งจิตรวบรวมสมาธิญาณ หรือปรากฎการณ์ทางจิตที่เรียกว่า อภิญญา คือการได้วิสัยที่เหนือมนุษย์

อภิญญา แปลว่า รู้ยิ่ง รู้พิเศษ ซึ่งมีความหมายในที่นี้ว่า เป็นญาณที่ เกิดความรู้พิเศษ ถึงกับบันดาลให้เกิดสิ่งที่ตนปรารถนาได้ อภิญญา มี ๒ ประเภท คือ

1. โลกุตตรอภิญญา วิชาญาณรู้ที่ทำให้สิ้นกิเลส อาสวะกิเลสคือพ้นทุกข์

2. โลกียอภิญญา เป็นอภิญญาที่ถือว่าเป็นระดับญาณที่ยังทำไม่ให้เกิดภาวะพ้นทุกข์ในวัฎฎะสงสาร มี 5 อย่าง คือ

(1). อิทธิวิธอภิญญา หรือ อิทธิวิธญาณ เป็นความรู้ที่แสดงฤทธิได้ (ฤทธิ=ความสำเร็จ) ซึ่งจำแนกออกได้เป็น ๑๐ ประเภท อาทิ เนรมิตตัวเป็นหลายกาย แปลงกายเป็นผู้อื่น ย่อขยายตัว สร้างเครื่องป้องกันกายไม่ให้เกิดอันตราย การใช้คาถาอาคม อำนาจกรรมที่เคย สะสม เช่นพลังของเทวดา เป็นต้น

2). ทิพพโสตญาณ คือ หูทิพย์ ที่สามารถได้ยินเสียงที่ไกลมาก หรือเสียงที่เบาที่สุดได้

3) เจโตปริยญาณ คือ กำหนดใจคนอื่นได้

4) ปุพเพนิวาสานุสสติ คือ ระลึกถึงชาติได้

5) ทิพพจักขุ คือ มีตาทิพย์

6) อาสวักขยญาณ คือ ญาณที่ทำให้อาสวะสิ้นไป

ห้าข้อแรกเป็นโลกียะ (โลกียอภิญญา) ข้อท้ายเป็นโลกุตตระ พระพุทธเจ้าเจ้าตรัสว่า 5 ข้อแรกเป็น “อจินไตย” ควรละเว้นไม่ควรใส่ใจ เพราะไม่ใช่ทางแห่งการหลุดพ้น หากใครมีเกิดในตัวให้กำหนดเป็นการแผ่เมตตาจิตออกไปเป็นการเจริญเมตตาเจโตวิมุติ พรรณาปิติ
คลายขันธ์ตามอวัยวะต่างๆ ให้รู้สึกเย็นเอิบอาบไปทั่วทั้งตัว

เท่าที่ทราบ และคัดลอกมาบางส่วนนะคะ ขอให้เจริญในธรรมคะ
อ้างอิง

chantasakuldecha, 19 พฤศจิกายน 2011

#4990
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 ตุลาคม 2011

โพสต์:

521

ค่าพลัง:

+1,157

ขอบคุณเจ้าภาพธรรมสัญจรครั้งที่ 2

เรียนทุกท่าน
ผมและคณะของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช ต้องขอขอบพระคุณเจ้าภาพในการเอื้อเฟื้อและอำนวยความสะดวกในการแสวงบุญ "ธรรมสัญจรครั้งที่ 2" สายภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 11 - 18 พฤศจิกายน 2554 ตลอดจนผู้ที่โอนเงินร่วมทำบุญ และผู้ที่เข้ามาอนุโมทนาทุกๆท่าน ผมและคณะของพ่อแม่ครูอาจารย์จึงขออนุโมทนาบุญ และขอให้ผลบุญที่ทุกท่านได้กระทำแล้วทุกประการ จงย้อนกลับไปคุ้มครอง ปกปักรักษา และส่งผลให้ทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญ สว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมจนกว่าจะเข้าแดนพระนฤพานทุกๆท่านเทอญ

ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
20 พฤศจิกายน 2554

แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2011

Links: พ.สุรเตโช พระผู้มาโปรดโลก http://surateacho.blogspot.com/

"นนต์", 20 พฤศจิกายน 2011

#4991
"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 ตุลาคม 2011

โพสต์:

521

ค่าพลัง:

+1,157
ขอบคุณเจ้าภาพในการถวายบริการรถตู้อันหรูหราและสะดวกสบายตลอดเส้นทางแด่พ่อแม่ครูอาจารย์และคณะนักรบธรรมคือ คุณอู๊ดและคุณบี้ สองสามีภรรยาผู้ใจบุญ ซึ่งทั้งสองยังได้ร่วมปฏิบัติธรรมตลอดเส้นทางอีกด้วย ขอให้ท่านทั้งสองและครอบครัวจงมีแต่ความสุขความเจริญ มากมายด้วยทรัพย์สินเงินทอง และมีความเจริญในธรรมไปจนกว่าจะเข้าพระนิพพานทุกท่านเทอญ

อนึ่ง แม้เราจะพบกันครั้งแรก แต่ความผูกพันกับทั้งสองท่านดูประหนึ่งเหมือนกับเป็นพี่เป็นน้องที่ร่วมบำเพ็ญบุญบารมีกันมาหลายภพหลายชาติ จึงดึงดูดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ นี้แหละหนอ กระแสบุญกระแสธรรมมันยิ่งใหญ่จริงหนอ
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
20 พฤศจิกายน 2554
ไฟล์ที่แนบมา:
- DSCN4561.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  410.1 KB
  
  เปิดดู:
  
  514
- DSCN4681.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  480.6 KB
  
  เปิดดู:
  
  512
แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2011

Links: พ.สุรเตโช พระผู้มาโปรดโลก http://surateacho.blogspot.com/

"นนต์", 20 พฤศจิกายน 2011

#4992
"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 ตุลาคม 2011

โพสต์:

521

ค่าพลัง:

+1,157
ขอขอบคุณเจ้าภาพหลักที่แม่สอดคือ คุณสมบัติและน้องสาว(แฟนคุณสมบัติ) เจ้าของบ้านไม้สักอันงดงามและสงบร่มเย็น ที่อำนวยความสะดวกทั้งเรื่องที่พักอาศัย อาหารการกิน และนำทางในการแสวงบุญในครั้งนี้ อนึ่ง ยังมีเจ้าภาพถวายภัตตาหารแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ร่วมกันกับคุณสมบัติ และยังได้ร่วมฟังธรรมในขณะที่อยู่แม่สอดอีกหลายท่าน ผมและคณะของแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช จึงขออนุโมทนา และขอให้ผลบุญที่ทุกท่านได้กระทำแล้วทุกประการ จงย้อนกลับไปคุ้มครองและส่งผลให้ท่านมีแต่ความสุขความเจริญ และสว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานกันทุกท่านเทอญ
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
20 พฤศจิกายน 2554
ไฟล์ที่แนบมา:
- DSCN4700.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  552.1 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,628
- DSCN4702.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  562.8 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,634
- DSCN4701.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  523.1 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,629
- DSCN4708.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  493.4 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,627
Links: พ.สุรเตโช พระผู้มาโปรดโลก http://surateacho.blogspot.com/

"นนต์", 20 พฤศจิกายน 2011

#4993
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 ตุลาคม 2011

โพสต์:

521

ค่าพลัง:

+1,157
ขอขอบคุณเจ้าภาพหลักที่แม่ฮ่องสอนคือ คุณไพและคุณผู้ชายอีกสองท่าน(ขออภัยที่ผมจำชื่อท่านไม่ได้) ที่ได้เป็นเจ้าภาพในการถวายที่พักซึ่งเป็นรีสอร์ทใหม่ที่ยังไม่ได้เปิดให้บริการ ตั้งอยู่ใกล้กับเมืองแม่ฮ่องสอน สถานที่สงบร่มรื่นดีมาก อีกทั้งยังได้ถวายภัตตาหารร่วมกับญาติธรรมผู้ที่ทำงานในสายเดียวกันกับคุณสมบัติ และยังมีข้าราชการโรงพยาบาลแม่ฮ่องสอนอีกหลายท่าน ได้เข้ามาร่วมฟังธรรมทั้งตอนกลางคืนและตอนเช้า และพ่อแม่ครูอาจารย์ได้มอบพระพุทธปฐวีธาตุให้แก่ญาติธรรม เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจครบทุกคน

ผมและคณะของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช จึงขออนุโมทนา และขอให้ผลบุญที่ทุกท่านได้กระทำแล้วทุกประการ จงย้อนกลับไปคุ้มครองและส่งผลให้ท่านมีแต่ความสุขความเจริญ ร่ำรวยเงินทอง และสว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานกันทุกท่านเทอญ
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
20 พฤศจิกายน 2554
ไฟล์ที่แนบมา:
- DSCN4841.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  463.6 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,604
- DSCN4843.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  485.9 KB
  
  เปิดดู:
  
  2,632
- DSCN4827.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  396.9 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,537
- DSCN4834.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  448.9 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,498
- DSCN4830.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  537.3 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,533
- DSCN4846.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  524.9 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,510
- DSCN4823.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  387.2 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,521
แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2011

Links: พ.สุรเตโช พระผู้มาโปรดโลก http://surateacho.blogspot.com/

"นนต์", 20 พฤศจิกายน 2011

#4994
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
Jokky เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

21 มีนาคม 2011

โพสต์:

85

ค่าพลัง:

+154

"นนต์" said: ↑

ขอขอบคุณเจ้าภาพหลักที่แม่สอดคือ คุณสมบัติและน้องสาว(แฟนคุณสมบัติ) เจ้าของบ้านไม้สักอันงดงามและสงบร่มเย็น ที่อำนวยความสะดวกทั้งเรื่องที่พักอาศัย อาหารการกิน และนำทางในการแสวงบุญในครั้งนี้ อนึ่ง ยังมีเจ้าภาพถวายภัตตาหารแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ร่วมกันกับคุณสมบัติ และยังได้ร่วมฟังธรรมในขณะที่อยู่แม่สอดอีกหลายท่าน ผมและคณะของแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช จึงขออนุโมทนา และขอให้ผลบุญที่ทุกท่านได้กระทำแล้วทุกประการ จงย้อนกลับไปคุ้มครองและส่งผลให้ท่านมีแต่ความสุขความเจริญ และสว่างไสวทั้งทางโลกและทางธรรมจนกว่าจะเข้าพระนิพพานกันทุกท่านเทอญ
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
20 พฤศจิกายน 2554

อนุโมทนาบุญกับคณะนักรบธรรมทุกๆประการทุกๆท่านด้วยนะครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ (kiss)
Click to expand...

Jokky, 20 พฤศจิกายน 2011

#4995
"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 ตุลาคม 2011

โพสต์:

521

ค่าพลัง:

+1,157

คณะผู้ร่วมเดินทางธรรมสัญจรครั้งที่สอง (ภาคเหนือ) ประกอบด้วย พ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช, คุณแม่ชม, ดร.นนต์, คุณสมบัติ, ครูร่วมชาติ, คุณเก๋, คุณอู๊ด, คุณบี้ และคุณแม่เชิญ รวม 9 ชีวิต ขออนุโมทนาสาธุ

Links: พ.สุรเตโช พระผู้มาโปรดโลก http://surateacho.blogspot.com/

"นนต์", 20 พฤศจิกายน 2011

#4996
"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 ตุลาคม 2011

โพสต์:

521

ค่าพลัง:

+1,157

ยินดีต้อนรับ คุณติงติง และคุณpimmarka ที่เข้ามาเยี่ยมเยียน และขออนุโมทนาที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันกับเหล่านักรบธรรม หวังว่าคงได้พบกันนะครับ
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
20 พฤศจิกายน 2554

Links: พ.สุรเตโช พระผู้มาโปรดโลก http://surateacho.blogspot.com/

"นนต์", 20 พฤศจิกายน 2011

#4997
"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 ตุลาคม 2011

โพสต์:

521

ค่าพลัง:

+1,157
12 พฤศจิกายน 2554
คณะของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช และเหล่านักรบธรรม ได้ไปชมวัดโพธิคุณ (ห้วยเตย) ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาใกล้เส้นทางหลักก่อนถึงแม่สอดไม่กี่กิโลเมตร วัดแห่งนี้มีพระอุโบสถที่สวยงามสร้างตามรูปแบบอยุธยาตอนปลาย คือ มีท้องแอ่นเหมือนเรือสำเภา สวยงามมาก อีกทั้งบริเวณก็สงบร่มรื่นดีมาก

หลังจากนั้น คณะพ่อแม่ครูอาจารย์และเหล่านักรบธรรม ได้ไปกราบนมัสการพระพุทธรูปและรูปหล่อพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ถ้ำอินทนิล อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญภาวนาของหลวงปู่เจี๊ยะ พระอรหันต์เจ้าสายหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว นอกจากนั้นภายในถ้ำยังมีรูปหล่อของหลวงปู่โต พรหมรังสีอยู่ด้วย สถานที่ร่มรื่น เงียบสงบเหมาะสำหรับบำเพ็ญภาวนาเป็นอย่างยิ่ง พ่อแม่ครูอาจารย์และพวกเรานั่งภาวนาสมาธิประมาณสิบนาที ส่วนผมเองสมาธิดิ่งสงบเร็วมาก ใครมีโอกาสลองแวะเข้าไปกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือนั่งภาวนาที่ถ้ำแห่งนี้ดูนะครับ
ไฟล์ที่แนบมา:
- DSCN4570.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  522.8 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,553
- DSCN4574.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  507.3 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,529
- DSCN4586.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  496.4 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,501
- DSCN4598.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  573.2 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,499
- DSCN4605.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  482.7 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,459
- DSCN4609.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  503.4 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,455
- DSCN4610.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  510.8 KB
  
  เปิดดู:
  
  1,465
Links: พ.สุรเตโช พระผู้มาโปรดโลก http://surateacho.blogspot.com/

"นนต์", 20 พฤศจิกายน 2011

#4998
- ถูกใจ x 1
- ดูรายการ
"นนต์" เป็นที่รู้จักกันดี

วันที่สมัครสมาชิก:

30 ตุลาคม 2011

โพสต์:

521

ค่าพลัง:

+1,157
13 พฤศจิกายน 2554 (วันที่สาม ณ แม่สอด)
คณะพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช และเหล่านักรบธรรม ได้ไปเดินชมตลาดอำเภอแม่สอด ขณะเดินอยู่ที่บริเวณร้านขายพระและอัญมณีร้านแรก ได้พบกับคุณวรางคณา บุญศรีกุล เจ้าของร้านคุณณา ผู้ใจดี เมื่อเธอเห็นพ่อแม่ครูอาจารย์และพวกเรา เธอกุลีกุจอเข้ามาต้อนรับตามธรรมเนียม แต่สิ่งหนึ่งที่เธอเอ่ยกระซิบกับผมขึ้นมาว่า "ไม่รู้เป็นอะไรเมื่อเจอคณะของท่านจึงอยากถวายสิ่งของให้" เธอได้ถวายสร้อยประคำหยกสีเขียวแด่พ่อแม่ครูอาจารย์ และมอบสร้อยประคำหยกขาวให้พวกเราจำนวนแปดเส้น หลังจากนั้นไม่นาน เธอได้หยิบแก้วขนเหล็กจำนวนหนึ่งชิ้นขึ้นมาวางไว้บนตู้กระจกและเอ่ยขึ้นมาว่า อยากมอบให้เหล่านักรบธรรม แต่พวกเราไม่ได้แสดงอาการใดๆ(นิ่งเฉย) เนื่องจากเธอไม่ได้ระบุว่าจะมอบให้ผู้ใด ผมจึงหยิบแก้วขนเหล็กนั้นขึ้นมาอธิษฐานจิตเพิ่มพลานุภาพ เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่างในตัวผมประมาณ 4-5 นาที แล้วจึงยื่นกลับไปให้เธอและบอกให้เธอลองสัมผัสพลังดู (ผมรู้ว่าเธอมีญาณสัมผัสได้) ปรากฏว่า เธอระล่ำระลักออกมาว่า ทำไมลูกแก้วขนเหล็กเปลี่ยนสีได้คือเปลี่ยนจากสีขาวใสเป็นสีดำเข้มขึ้น และมีพลังมหาศาลจนมือไม้เธอสั่นพร้อมกับระล่ำระลักพูดออกมาว่า "ฉันขอแก้วขนเหล็กชิ้นนี้คืนไว้ที่ร้านนะคะ" ผมจึงบอกให้เธอเก็บไว้ให้ดี ต่อมาเธอแอบถามคุณบี้กับคุณอู๊ดว่า ผมเป็นใคร... ซึ่งคุณอู๊ดกับคุณบี้อยู่ในเหตุการณ์นี้ตลอดเวลา อันนี้เป็นประสบการณ์เล็กๆน้อยๆที่นำมาเล่าสู่กันฟัง ผมมิได้มีเจตนาให้ผู้ใดลุ่มหลง เพียงแต่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่างเท่านั้น (จงโปรดใช้วิจารณญาณ)

อย่างไรก็ตาม คณะของพวกเราก็ได้ตอบแทนน้ำใจของเธอ โดยได้บูชาพระแก้วโป่งคราม แก้วขนเหล็ก และอื่นๆจำนวนหนึ่ง

อนึ่ง ก่อนเดินออกจากร้านผมได้กระซิบกับเธอว่า เป็นบุญของเธอแล้วที่ได้ทำบุญกับพ่อแม่ครูอาจารย์ เพราะมีผู้คนจำนวนหลายๆล้านคน ที่ไม่มีโอกาสเช่นนี้ เธอได้แต่อนุโมทนาสาธุ หลังจากนั้นพวกเราจึงขอไปเดินชมที่อื่น พอเดินกลับมาขึ้นรถเดินผ่านร้านเธออีกครั้ง เธอพร้อมสามีได้เตรียมพลอยสีต่างๆจำนวนมากใส่ถุงพลาสติกไว้หลายถุง หนักหลายกิโลกรัม ถวายแด่พ่อแม่ครูอาจารย์อีกครั้ง จึงขออนุโมทนากับเธอด้วยนะครับ

ปล. ณ ร้านแห่งนี้ คุณแม่ชมได้พบกับสภาวะธรรมที่สูงซึ่งเกิดขึ้นกับแม่ชมเองจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ดังจะได้เล่ารายละเอียดให้ฟังต่อไป ขอให้คุณสมบัติเข้ามาเล่าเสริมด้วยนะครับ
ขอเจริญในธรรม
ดร.นนต์
20 พฤศจิกายน 2554
ไฟล์ที่แนบมา:
- DSCN4682.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  463.9 KB
  
  เปิดดู:
  
  2,965
- DSCN4684.jpg
  
  ขนาดไฟล์:
  
  467.1 KB
  
  เปิดดู:
  
  2,945
แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2011

Links: พ.สุรเตโช พระผู้มาโปรดโลก http://surateacho.blogspot.com/

"นนต์", 20 พฤศจิกายน 2011

#4999
manopk Active Member

วันที่สมัครสมาชิก:

23 กรกฎาคม 2011

โพสต์:

73

ค่าพลัง:

+61

สวัสดีครับพี่ๆทุกๆคน
ผมกลับมาถึงบ้านแล้วโดยปลอดภัยครับ
มานพ

ต้องให้สมกับที่เป็นศิษย์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ พ.สุรเตโช

manopk, 20 พฤศจิกายน 2011

#5000

(คุณต้องเข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน เพื่อที่จะโพสต์)

หน้า 250 ของ 430

แชร์หน้านี้

Loading...