หลวงพ่อพลองวัดเพรชดอนยางชัยภูมิเหรียญถุงเงินมหาโภคทรัพย์หลวงพ่อแพวัดพิกุลทอง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1718417195694.jpg
    ประวัติหลวงปู่สม สุชีโว
    ชื่อ พระครูโสภณสิริธรรม ฉายา สุชีโว วัด โพธิ์ทอง เลขที่ 46 หมู่ที่ 9 ตำบล / แขวง คำหยาด อำเภอ/เขต โพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง
    ชื่อเดิม บุญสม นามสกุล พรหมทอง วัน/เดือน/ปี เกิด 10เมษายน2473
    สัญชาติ ไทย เชื้อชาติ ไทย
    สถานที่บ้านเกิด หัวหาด ตำบล บางหลาง อำเภอ สรรพยา จังหวัด ชัยนาท
    นามบิดา นายหวล นามสกุล พรหมทอง
    นามมารดา นางละมาย นามสกุล พรหมทอง
    อุปสมบทเมื่อ 18กรกฎาคม2497ที่วัด สวนลำใย ได้รับฉายาว่า สุชีโว
    ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 57 หมู่ที่ ถนน ตำบล บางหลวง อำเภอ สรรพยา จังหวัด ชัยนาท
    นามพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมวิทยโสภณ (หลวงพ่อชม วัดตลุก)
    สังกัดวัด อินทราราม ตำบล ตลุก อำเภอ สรรพยา จังหวัด ชัยนาท
    มรณภาพ 10 มิถุนายน 2557 สิริรวมอายุ 85 ปี พรรษา 61 ปี
    หลวงพ่อสม หรือ พระครูโสภณสิริธรรม สุชีโว วัดโพธิ์ทอง ต.คำหยาด อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นพระแพทย์แผนโบราณ เป็นพระนักการศึกษา พระนักปกครอง และพระนักพัฒนาพร้อมกันไป ชื่อเสียงของหลวงพ่อสม จึงได้ขจรขจายไปทั้งเมืองอ่างทอง เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านโดยทั่วไป
    พระครูโสภณสิริธรรม สุชีโว มีนามเดิมว่า สม พรหมทอง เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2473 บิดา-มารดา ชื่อนายหวล และนางละมาย พรหมทอง เกิดที่บ้านบางลำพู ข้างวัดสังเวชวิศยาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ท่านเป็นบุตรชายคนโต ต่อมา ได้อพยพครอบครัวไปตั้งรกรากอยู่ที่ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท
    ด้วยความที่บิดามีความสนิทสนมกับสมภารวัดที่อยู่ใกล้กับบ้าน คือ หลวงพ่อทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดตลุก) จึงได้นำบุตรชายไปฝากให้เป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ในกิจการต่างๆ รวมทั้งอบรมสั่งสอนเล่าเรียนวิชาการต่างๆ จากหลวงพ่อทรัพย์ และโรงเรียนประชาบาลที่อยู่ภายในวัดอินทาราม จนจบการศึกษาอันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียน
    นอกจากวิชาสามัญในโรงเรียนแล้ว หลวงพ่อทรัพย์ ยังได้อบรมสั่งสอนวิชาแพทย์แผนโบราณ ทั้งภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติให้ เนื่องจากหลวงพ่อทรัพย์ เป็นหมอยาไทยที่มีชื่อเสียง จะมีผู้คนมาให้ท่านรักษากันมาก จึงมีหน้าที่ปรุงยาไทยให้หลวงพ่อทรัพย์ ตามใบกำกับยาที่ท่านสั่งให้ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้หลวงพ่อสม ได้สั่งสมความรู้ทางแพทย์แผนโบราณอย่างดี
    จนอายุ 17 ปี ด.ช.สม พรหมทอง ได้บรรพชาเป็นสามเณรอยู่ที่วัดอินทาราม (วัดตลุก) ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 ตำบลตลุก อำเภอสรรพยา และเรียนพระปริยัติธรรมอยู่ที่สำนักเรียนวัดอินทาราม พ.ศ.2490 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี พ.ศ.2491 สอบได้นักธรรมชั้นโท
    นอกจากนี้ ยังได้เรียนวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เดินทางมาอยู่ปริวาสที่วัดอินทาราม เช่น หลวงพ่อรุ่ง และหลวงพ่อเดิม พระเกจิชื่อดังแห่งวัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ จนอายุ 19 ปี ได้ลาสึกออกมาด้วยเหตุที่โยมบิดา-มารดามีอายุชราภาพมากขึ้น จำต้องออกมาช่วยงานหาเลี้ยงครอบครัว คือ การควบคุมเรือบรรทุกสินค้าล่องมาค้าขายที่กรุงเทพฯ
    จนเมื่ออายุ 24 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดอินทาราม มีพระครูธรรมวิริยโสภณ (ทรัพย์) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์สนิท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เส็ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “สุชีโว” มีความหมายว่า “ผู้มีชีวิตอันงาม”
    หลังอุปสมบทจึงหมั่นศึกษาต่อจากที่ได้เล่าเรียนเมื่อครั้งเป็นสามเณร จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ครั้นหมดภาระทางการศึกษาพระปริยัติธรรม จึงหันไปศึกษาตำราแพทย์แผนโบราณต่อจากที่เคยได้ศึกษาไว้เมื่อครั้งเป็นสามเณร จากหลวงพ่อทรัพย์ เจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดตลุก) ท่านได้ศึกษาอย่างจริงจัง เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง ด้วยความ มุ่งมั่นเกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยยาสมุนไพร ทำให้หลวงพ่อสม ได้รับนิมนต์ให้ไปบรรยายวิชาแพทย์แผนโบราณแก่หน่วยงานของทางราชการ และหน่วยงานเอกชน
    ยามว่างงานด้านการรักษาโรค ก็ศึกษาข้อกัมมัฏฐาน และหมั่นเพียรปฏิบัติสมาธิกัมมัฏฐานอย่างเอาจริงเอาจัง นอกจากนี้ หลวงพ่อทรัพย์ ได้ฝึกอบรมหลวงพ่อสม ด้วยการให้ท่านเขียนลบเลขยันต์ต่างๆ ในแผ่นกระดานชนวนอยู่อย่างนั้นนับแรมปี ด้วยสิ่งใดก็ตามเมื่อทำอย่างซ้ำๆ จะเป็นผลดีในการฝึกจิตแบบอดทนนอกจากนี้
    หลวงพ่อสม ได้ไปศึกษาวิทยาคมเพิ่มเติมกับน้าแท้ๆ ของท่าน คือ หลวงน้าเก็บ หรือหลวงพ่อเก็บ แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท กล่าวได้ว่า หลวงพ่อเก็บ เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า พระเกจิชื่อดัง
    ครั้งหนึ่ง หลวงพ่อสม ได้มาอยู่กับหลวงน้าของท่านที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้ตั้งใจศึกษาวิทยาคมสายหลวงปู่ศุขอย่างจริงจัง จนมีความสำเร็จ และมีประสบการณ์ให้ได้เห็นกันในปัจจุบัน ส่งผลให้วัตถุมงคลที่ท่านได้ร่วมนั่งปรกอธิษฐานจิตมีความเข้มขลัง ได้รับการยอมรับจากบรรดานักสะสมนิยมพระเครื่องเป็นอย่างยิ่ง
    หลวงพ่อสม ได้ฝึกจิตด้วยความเพียร โดยเห็นว่า “จิตเป็นที่ตั้งแห่งความดีและความชั่ว ความดีและความชั่วนั้นต่างมีพลังงานในตัวของมันเอง และพลังงานของทั้ง 2 ฝ่ายเป็นปฏิปักษ์กันโดยธรรมชาติ มีการต่อสู้กันอยู่เนืองนิตย์ จิตใจเป็นสนามต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย”
    “ผลแห่งการต่อสู้นั้นด้วย คือ พลอยเป็นสุขเมื่อความดีชนะ พลอยเป็นทุกข์เดือดร้อนเมื่อความชั่วชนะ จิตใจย่อมมีอิสรเสรีที่จะเข้ากับฝ่ายใดก็ได้ เมื่อพิจารณาด้วยปัญญาแล้วเห็นควรเข้ากับฝ่ายใด และมีทางเอาตัวรอดจากอำนาจทั้ง 2 ฝ่ายนั้นด้วย”
    พ.ศ.2525 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทอง อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ต่อมา ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามพระครูโสภณสิริธรรม
    พ.ศ.2549 เป็นเจ้าคณะอำเภอโพธิ์ทอง ในปีเดียวกัน หลวงพ่อสมได้เข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตวัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี จนจบหลักสูตรพุทธศาสตรบัณฑิต
    หลวงพ่อสม มีชื่อเสียงเกียรติคุณในด้านการจัดสร้างพระผง ได้มีการนำมวลสารผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงมหาราช ผงตรีนิสิงเห ที่ได้ผ่านการเขียนสูตร เรียกสูตร ลบสูตรทุกขั้นตอนตามแบบโบราณหลวงพ่อสม ได้บอกเล่าถึงกระบวนการทำผงมวลสารวัตถุมงคลว่า “ต้องหาที่มุมสงบเพื่อให้จิตนิ่งเป็นสมาธิแล้วเขียนสูตรพร้อมเรียกสูตรไปที ลบตัวอักขระ จนครบทุกตัวอักขระเลขยันต์บนกระดานชนวน 1 ครั้ง หรือ 1 รอบ ต้องใช้เวลาเขียนสูตร เรียกสูตร ลบสูตรเป็นเวลาถึง 3 ชั่วโมงครึ่ง รวมทั้งการหาฤกษ์เขียนสูตรผง จะต้องเป็นฤกษ์ที่สมบูรณ์ที่สุด เพื่อให้ผงนั้นมีพุทธคุณเข้มขลังมากที่สุด”
    ขอบคุณเพจ [https://mgronline.com/local/detail/...mIPjhpluCfU2Wm-ma4YH6Wifb5m66xX-pnUnVJyD8m7g)
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ขุนแผนรุ่นแรกหลวงปู่สมวัดโพธิ์ทอง ๒ องค์ ให้บูชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240615_090344.jpg IMG_20240615_090407.jpg IMG_20240615_090314.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1718553949298.jpg
    หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม องค์นี้ แม้แต่พระอภิญญาอย่าง หลวงพ่อฤาษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง ยังยกย่องและยอมรับว่าหลวงพ่อจวนท่านนี้เก่งจริงๆๆพลังจิตกล้าแกร่งเหลือเกิน
    หลวงพ่อจวน เป็นพระองค์หนึ่ง ที่หลวงพ่อฤาษีฯ ให้ลูกศิษย์ไปกราบ และทำบุญด้วย เนื่องจากหลวงพ่อ ไปเจอหลวงพ่อจวนที่พระจุฬามณี โดยหลวงพ่อจวนไปทั้งกายเนื้อ
    มีอยู่เที่ยวหนึ่งหลวงพ่อท่านบอกว่า " เฮ้ย ! พวกแกลองสืบดูซิ มีหลวงตาองค์หนึ่งขาว ๆ ท้วม ๆ ล่ะนะ ชื่อ จวน อยู่สิงห์บุรี ลองดูสิว่ามีพระชื่อนี้อยู่สิงห์บุรีวัดไหน ช่วยบอกให้ด้วยหาไม่ยากหรอก ท่านดังด้วย หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม"
    ถาม : หลวงพ่อหาทำไมครับ
    ท่านบอกว่า : "วันก่อนขึ้นไปพระจุฬามณีเห็นหลวงตาจวนเดินตุ๊บ ๆ ตั๊บ ๆ อยู่ เขาเก่งว่ะ เขาไปทั้งตัวเลย ไม่ได้ใช้มโนมยิทธิถอดจิตไปนะนั่น เล่นไปทั้งตัวเลยล่ะ"
    ถาม : ยังอยู่ไหมครับ ?
    ตอบ : เรียบร้อยไปแล้ว ถ้าอยู่ไม่กล้าเล่ากลัวท่านเหยียบเอา (หัวเราะ) วัดหนองสุ่ม ขาว ๆ ยิ้มทั้งวันน่ะ น่ารักมาก....
    "สมัยที่หลวงพ่อจวนยังอยู่ จะไม่ให้ทำหนังสือวัตถุมงคล ท่านบอกว่า ของ ๆ ฉันถ้าจะดังเดี๋ยวดังเอง"
    หลวงพ่อจวนได้ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๓๖ สิริอายุได้ ๗๙ ปี พรรษา ๕๕
    หมายเหตุ: "พระจุฬามณี"
    หมายถึง เจดีย์พระจุฬามณี"บนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีปราสาทเนรมิต กับมี พระเจดีย์จุฬามณี อันเป็นที่ประดิษฐานพระเมาลีของพระพุทธเจ้าเมื่อครั้งเสด็จออกมหาภิเนกษกรมณ์ และเมื่อพระพุทธองค์นิพพานแล้วก็ได้เป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วองค์ขวาด้วย
    พระสมเด็จหลังรูปเหมือนเนื้อผงน้ำมัน เหรียญรุ่นสร้างศาลาปี ๒๕๒๕ ๒ องค์
    บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240616_230259.jpg IMG_20240616_230322.jpg IMG_20240616_230232.jpg IMG_20240616_230120.jpg IMG_20240616_230158.jpg
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1367532-10fe4.jpg
    ประวัติ หลวงพ่อคง จตฺตมโล
    วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล ท่านมีนามเดิมว่า คง นามสกุล บุญเอก ท่านถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2456 ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ณ หมู่บ้าน โนนพุดซา ตำบลกระชอน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
    โยมบิดาของท่านมีนามว่า ดี โยมมารดามีนามว่า แจ้ง นามสกุล บุญเอก ซึ่งมีอาชีพกสิกรรมทำนาทำไร่ ท่านถือกำเนิดเกิดมาเป็นทายาทคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน จนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีแต่พวกน้อง ๆ ที่เป็นหญิง ซึ่งมีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นถึงแก่กรรมไปตามกาลเวลา
    ในการการศึกษา ในปฐมวัยหลวงพ่อเคยเป็นเด็กวัดหัดเรียนเขียนอ่านอักษรธรรม อักษรขอมและอักษรไทยในระยะเวลา 2 ปี แต่จำต้องมาช่วยบิดามารดาในการประกอบอาชีพกสิกรรมทำไร่ไถนา
    ต่อมาเมื่ออายุครบกำหนด 20 ปี จึงได้มีการเข้าวัดไปเป็นนาค แล้วได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยติธรรมอยู่เป็นเวลา 3 พรรษา และได้ขออนุญาติจากโยมบิดามารดา เพื่อเดินทางลงมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ แต่ท่านก็ไม่ได้รับอนุญาติจากโยมบิดามารดา ท่านจึงไม่มีโอกาสเดินทางลงมาศึกษาเล่าเรียนดังที่ตั้งใจไว้
    ดังนั้นท่านจงลาสิขาจากเพศบรรพชิตออกไปดำรงวิถีชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสวิสัย ซึ่งในที่สุดท่านก็ได้แต่งานมีครอบครัวไป โดยตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ท่านมีบุญธิดารวมทั้งหมด 7 คน แต่ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ 1 คน จึงยังคงเหลือบุตรธิดาที่มีชีวิตอยู่ต่อมาเพียง 6 คนเท่านั้น ซึ่งทุกคนต่างก็ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นหลักปักฐานไปหมดทุกคนแล้ว
    ต่อมาในช่วงเวลาที่หลวงพ่อคง ท่านยังอยู่ในเพศฆราวาส ในปี พ.ศ. 2504 นั้น ก็ได้มีพระคุณเจ้า หลวงพ่อพระมหาธนิต ปญญาปสุโต ปธ.9 นักวิปัสสนาจารย์ชื่อดังได้เดินธุดงค์มาและ ได้เข้าจำพรรษาสอนวิปัสสนาแก่ญาติโยม อุบาสกอุบาสิกาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่อยู่วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชสีมา ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อคงยังเป็นอุบาสก คง อยู่นั้นเอง ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้น้อมกายใจ เข้าไปรับการปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อมหาธนิตอย่างเคร่ง ครัดอยู่เป็นเวลา ถึง 7 ปี
    เมื่อมีศรัทธาแก่กล้า อุบาสกคง บุญเอก จึงได้ตัดสินใจสละเหย้าเรือน ออกไปมอบกายถวายตนเข้ารับการอุสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาอีกหน ณ พัทธสีมา วัดบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 12 เพื่อพฤษภาคม พ.ศ. 2511 โดยมีพระเดชพระคุณท่านคุณ พระปทุมญาณมุนี วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัด นครราชสีมา เป็นพระอุปชฌาย์ ซึ่งเป็นผู้ทำการอุปสมบทให้
    ต่อมาหลังจากออกพรรษแล้ว ตกมาถึง ปี พ.ศ. 2516 หลวงพ่อได้ดำรงปฏิปทาเป็นพระป่าออกสัญจรธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรอยู่ เรื่อยมาจนถึงลุถึงซึ่งดินแดนถิ่นป่าใหญ่ มวลหมู่พฤกษาร่มรื่นน่าอภิรมย์ ซึ่งเป็นสถานที่ถูกกกับจริยาวัตรสำหรบนักปฏิบัติธรรมในการเจริญภาวนากรรมฐาน หลวงพ่อคงท่านได้เข้าอาศัยอยู่ถ้ำพระอรหันต์ ตามนิมิต ได้ทำการเจริญจิตภาวนา แล้วก็เลยอยู่จำพรรษา ณ สถานที่วิเวกแห่งนั้น ในพรรษที่ 6
    และแล้วหลวงพ่อคงท่านก็ได้ยึดสถานวิเวกแห่งนั้นในการปฏิบัติธรรมอยู่จำพรรษา เรื่อยมาจนถึงกาลเวลามรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2536 ณ โรงพยาบาลศิริราช อายุรวมกัน ได้ 80 ปี 9 เดือน 3 วัน 26 พรรษา
    1367532-29194.jpg
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จไตรมาสหลวงพ่อคง เขาสมโภชน์ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ


    IMG_20240616_230005.jpg IMG_20240616_230028.jpg IMG_20240616_225941.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มิถุนายน 2024
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1718561143333.jpg

    ประวัติหลวงพ่อหวล หาริโต วัดพิกุล
    พระครูนวการโกศล (หลวงพ่อหวล) นามเดิมชื่อ นายหวล เป็นบุตรของ นายโบ้ และ นางเจิม บัวเล็ก เกิดเมื่อวันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2451 เดือน 5 ปีวอก ที่ตำบลหลักสอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี (ที่อยู่ในสมัยนั้น) ท่านมีพี่น้องเกิดร่วมท้องเดียวกันทั้งหมด 6 คน คือ
    1. นายผ่อง ทรัพย์สำรวย
    2. นายทรัพย์ บัวเล็ก
    3. พระครูนวการโกศล (นายหวล บัวเล็ก)
    4. นายช้อย บัวเล็ก
    5. นางจวน เขม้นงาน
    6. นางสำเภา บัวแดง
    เมื่อเยาว์วัยไม่เคยศึกษาจากโรงเรียนใดเลย แต่มีความสามารถมานะพยายามศึกษาเล่าเรียนเองอยู่กับบ้าน จนสามารถอ่านหนังสือออกเขียนหนังสือได้ เมื่อเติบใหญ่ได้ช่วยบิดามารดาทำสวนมาโดยตลอด จนกระทั่งอายุได้ 25 ปี ได้ขออุปสมบท ณ วัดรางบัว อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี มีพระพุทธพยากรณ์ เป็นอุปัชฌาย์ หลวงพ่อพึ่ง วัดรางบัว เป็นกรรมวาจาจารย์ พระอธิการหนู วัดนิมมานรดี เป็นอนุสาวนาจารย์ อยู่ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อพึ่ง นั้น 3 พรรษา เพื่อแทนคุณของบุพพการรี และด้วยศรัทธาอันแน่วแน่ของท่านเพื่อเรียนวิชาแพทย์โบราณมารักษามารดาที่ป่วยอยู่
    ด้วยแรงกตัญญูกตเวที ที่มีต่อมารดาท่านจึงได้เดินทางมาเรียนวิชาแพทย์แผนโบราณที่ วัดโพธิ์ล้ม (วัดโพธิ์บางระมาด) ตำบลบ้านไทร (บางระมาด) อำเภอตลิ่งชัน จังหวัดธนบุรี ทั้งที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดรางบัว ด้วยความวิริยะอุตสาหะท่านก็ประสบความสำเร็จในการศึกษาและได้กลับมารักษาโรคของมารดาจนทุเลาจากอาการป่วย และมีชีวิตต่อมาได้อีกหลายปี หลวงพ่อหวลท่านเป็นหนึ่งที่ทรงวิทยาคุณทางด้านแพทย์แผนโบราณ ท่านได้จำพรรษาอยู่ที่วัดรางบัว เป็นเวลา 3 พรรษา ต่อจากนั้นท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่ วัดโพธิ์ล้ม เป็นเวลา 9 พรรษา และในขณะที่ท่านอยู่ที่วัดโพธิ์ล้ม ท่านได้ช่วยเจ้าอาวาสหลวงพ่อนวล บูรณปฏิสังขรณ์
    ต่อจากนั้นท่านได้กลับไปเรียนวิชากับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ผู้ทรงคุณวิทยาอันเลิศ และท่านก็กลับไปจำพรรษอยู่ที่วัดโพธิ์ล้ม จนอยู่ที่วัดได้ 9 พรรษา จนถึง พ.ศ. 2487 ด้วยความสามารถทางด้านการก่อสร้างและพัฒนา พระมหาโพธิวงศาจารย์ (หลวงพ่อสาลี) วัดอนงคาราม เจ้าคณะจังหวัดธนบุรี เกรงว่าวัดพิกุล จะเป็นวัดร้าง เพราะพระน้อยและเจ้าอาวาสได้ลาสิกขาไป พระมหาโพธิวงศาจารย์ และชาวบ้านร่วมกันขอให้หลวงพ่อหวลมาเป็นเจ้าอาวาสวัดพิกุล
    ในที่สุดท่านก็ตอบตกลงตอนนั้นท่านอายุ ราว 40 เห็นจะได้ เป็นเจ้าอาวาสให้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2487 เป็นต้นมา ท่านได้พัฒนาวัดพิกุลให้เจริญเป็นอันมาก เช่น สร้างโรงเรียนประชาบาล (วัดพิกุล) สร้างอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิ หอระฆัง ถนน สะพาน เมรุ ฯลฯ จนกระทั้งถึงปี พ.ศ. 2518 ท่านก็เริ่มล้มป่วยลงด้วยโรคปอด และโรคแทรกอื่นๆ เนื่อกจากท่านได้ปฏิบัติพระกัมมัฏฐานและรักษาสีลาจารวัตรอย่างเคร่งครัด จึงไม่ใคร่ยินยอมที่จะไปรับการรักษายังโรงบาล แต่กลับพอใจที่จะรักษาตัวเองอยู่ที่วัด และมิเคยได้หยุดพักงานต่างๆ หากยังสามารถลุกเหินเดินได้ จึงเป็นเหตุให้โรคไม่หายขาด และทรุดลงเรื่อยๆจนในที่สุดเมื่อเวลา 08.05 น. วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2522 ท่านก็ได้มรณภาพลง โดยเสมือนทราบเวลาล่วงหน้า จึงได้กำหนดเวลาให้ลูกศิษย์ที่เฝ้ารักษาพยาบาลท่านให้ทราบล่วงหน้า และได้สั่งเสียการงานที่ยังไม่สำเร็จให้ช่วยดำเนินการก่อสร้างให้สำเร็จ ได้แก่ เมรุ และศาลาบำเพ็ญการกุศล รวมทั้งกิจการดูแลในวัดด้วยสติปชัญญะอันสมบูรณ์ พอถึงเวลาที่กำหนดคือ เวลาประมาณ 08.05 น. ท่านมรณภาพด้วยอาการสงบหลับไปไม่มีวันตื่น แต่วัตถุพยานและความเป็นเลิศในทางวิทยาคุณของท่านยังคงอยู่เป็นพยานให้สาธุชนและศิษยานุศิษย์ได้น้อมรำลึกเคารพสักการบูชาชั่วกาลนาน

    FB_IMG_1718560421536.jpg
    เหรียญพระครูนวการโกศล (หลวงพ่อหวล) วัดพิกุล ธนบุรี รุ่น สาม ปี 2517 ที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมาวัดพิกุล ต.บางเชือกหนัง อ.ตลิ่งชัน จ.กรุงเทพมหานครฯ ด้านหลังใช้ยันต์เกาะเพชร หลวงพ่อหวล วัดพิกุล อดีตเกจิดังฝั่งธนบุรี เขตภาษีเจริญ ท่านสำเร็จวิชายันต์เกราะเพชร เป็นเกจิร่วมสมัยกับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี หลวงพ่อโชติ วัดตะโน หลวงพ่อแช่ม วัดนวลนรดิศ ท่านเป็นหนึ่งในศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เป็นศิษย์ยุคต้น รุ่นพี่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านเป็นพระเงียบๆ สมถะ สันโดษมาก แต่คนพื้นที่รู้จักกันดี เพราะพระทุกรุ่นที่ท่านปลุกเสกแจกจ่ายให้ฟรี ล้วนมีประสบการณ์ทุกรุ่น แม้กระทั่งรูปถ่ายเลี่ยมพลาสติกธรรมดาของท่าน เด่นด้าน แคล้วคลาด เมตตา คงกะพัน อย่างยิ่ง นับเป็นเกจิดังฝั่งธนฯ ศิษย์หลวงพ่อปาน สุดยอดตำนานยันต์เกราะเพชร ที่วัตถุมงคลของท่าน เหนียว แคล้วคลาดและ กันผี ชะงัดนัก ด้านเมตตาค้าขายก็ใช้ได้เลย ละคราฟ *****วัดพิกุล สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๓๒๓ ปลายสมัยธนบุรี ไม่ทราบนามและประวัติผู้สร้าง เกี่ยวกับนามวัดอาจบ่งบอกถึงนามผู้สร้างวัด แต่ยังหาหลักฐานที่แน่ชัดไม่ได้ การบูรณะพัฒนาวัดในระยะเริ่มมาเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็นต้นมา ทำให้วัดเจริญรุ่งเรือง เป็นที่รู้จักกันทั่วไป อดีตเจ้าอาวาสที่มีชื่อเสียงของวัดนี้คือ หลวงพ่อหวล หรือ พระครูนวการโกศล (ชั้นเอก) นี้ ได้รับคำจากพระผู้ใหญ่ให้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดพิกุลเพราะเห็นว่าวัดใกล้จะ ร้างเต็มที ตอนนั้นท่านอายุ ราว ๔๐ เห็นจะได้ ท่านเป็นศิษย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา เช่นเดียวกับหลวงพ่อนวลที่วัดโพธิ์ ตลิ่งชัน ที่ไปเรียนวิชายันต์เกราะเพชร จากหลวงพ่อปานมาด้วยกัน สมัยหนึ่งยันต์เกราะเพชรของวัดโพธิ์กับวัดพิกุลจึงแทบจะแยกกันไม่ออก ***หลวงพ่อหวล ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๔๕๑ วันพุธ ปีวอก ต.หลักเมือง อ.ภาษีเจริญ ธนบุรี เมื่ออายุ ๒๕ ปี ได้อุปสมบท ณ วัดรางบัว มีพระพุทธพยากรณ์ เป็นอุปัชฌาย์ หลวงพ่อพึ่ง วัดรางบัว เป็นกรรมวาจาจารย์ พระอธิการหนู วัดนิมมานรดี เป็นอนุสาวนาจารย์ อยู่ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อพึ่ง ซึ่งเป็นเกจิดังยุคนั้น ๓ พรรษา แล้วไปศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณและวิชาต่างๆกับหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา ด้วยความวิริยะอุสาหะหลวงพ่อได้ศึกษาวิชาจนสำเร็จมีความเชี่ยวชาญ และกลับมารักษามารดาของท่านที่ป่วยจนหาย ในช่วงนี้ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิ์บางระมาด กับหลวงปู่นวล(พระครูโพธิสารคุณ) และได้พบกับหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก ได้ศึกวิชาต่างๆที่วัดนี้ด้วย หลวงพ่อจงมาหาหลวงปู่นวลเสอมท่านเป็นสหายธรรม. กล่าวสำหรับหลวงพ่อนวล วัดโพธิ์บางระมาด เปนเกจิอาจารย์ดังองค์หนึ่งในย่านตลิ่งชัน ที่ไปเรียนวิชายันต์เกราะเพชร จากหลวงพ่อปานมาด้วยกันกับหลวงพ่อหวช สมัยหนึ่งยันต์เกราะเพชรของวัดโพธิ์กับวัดพิกุลจึงแทบจะแยกกันไม่ออก…เล่ากันอีกว่าเมื่อบวชมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว หลวงพ่อหวลกับหลวงพ่อนวลก็ไปลาหลวงพ่อปานว่าจะออกธุดงค์กัน หลวงพ่อปานก็ทำนายไว้ว่า “ไปสองจะกลับมาแค่หนึ่ง” ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น เพราะหลวงพ่อนวลมรณภาพระหว่างออกธุดงค์ หลวงพ่อหวลจำพรรษาอยู่วัดโพธิ ๙ พรรษา จนถึงพ.ศ.๒๔๘๗ พระมหาโพธิวงศาจารย์(สาลี)วัดอนงคารามเจ้าคณะจังหวัดธนบุรีและชาวบ้านร่วมกันขอให้ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดพิกุล หลังจากรับตำแหน่งแล้วท่านใด้พัฒนาวัดพิกุลให้เจริญเป็นอันมาก เช่น สร้วงโรงเรียนประชาบาล สร้างพระอุโบสถ ศาลาการเปรียน กุฏิ หอระฆัง สร้าง ถนน สะพาน เมรุ ฯลฯ คนในตลิ่งชันศรัทธาหลวงพ่อหวลมาก เพราะในอีกด้านหนึ่งนั้น ท่านเป็นพระหมอด้วย ค่าครูสลึงเดียว รักษาพวกกระดูกแตก กระดูกหัก ผีเข้าสิง เจ็บไข้ ตอนรักษาก็ให้มาจดชื่อ เขียนวันเดือนปีเกิด แล้วก็ไล่กลับบ้าน แต่ใครไปกะเกณฑ์ท่านไม่ได้ อย่างถ้าท่านขึ้นทำโบสถ์ใหม่ มีคนมาหา ชักดิ้นชักงออยู่ที่ลานวัด ท่านก็ไม่ลงจนกว่าจะได้เวลาของท่าน ปีพ.ศ.๒๕๑๘ ท่านเริ่มป่วยด้วยท่านปฏิบัติพระกัมมัฏฐานและรักษาสีลาจารวัตรเคร่งครัดไม่ยอมไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและไม่หยุดพักงานต่างๆ ถึงพ.ศ.๒๕๒๒ เสมือนท่านรู้ล่วงหน้าได้สั่งเสียการงานต่างๆกับศิษย์ แล้วเวลา ๐๘.๐๕ น.วันที่ ๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๒ ท่านก็จากไปอย่างสงบ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างไวัคือ พระสมเด็จเนื้อผงรุ่นแรกพ.ศ.๒๔๙๖ รุ่นมสอง พ.ศ.๒๕๐๐ รุ่นสาม พ.ศ ๒๕๐๖ รุ่นสี่ พ.ศ. ๒๕๑๓-๒๕๑๔ เหรียญรุ่นแรก (หลวงพ่อนวล-หลวงพ่อหวล) พ.ศ.๒๕๐๒ รุ่นสอง พ.ศ.๒๕๐๕ รุ่นสาม พ.ศ. ๒๕๑๗ รูปหล่อโบราณพ.ศ.๒๕๑๕ ไม่เกิน ๑๐๐ องค์ พระบูชารุ่นแรก ปี ๒๕๑๗ พระกริ่งนวการ๕๐๐ องค์ รูปเหมือน ๕ นิ้วพ.ศ.๒๕๒๒ จำนวน ๕๐๐ องค์ ทั้งนี้ ผู้รู้บางท่านระบุว่า พระเครื่องของหลวงพ่อหวลบางชนิดสร้างร่วมกับหลวงพ่อนวล วัดโพธิ์บางระมาด และหลวงพ่อบุญมาก ศิษย์เอกของท่าน ผู้สืบทอดตำนานยันต์เกราะเพชรอีกองค์ ประสบการณ์พระเครื่องของท่าน ชาวบางเชือกหนัง,วัดไก่เตี้ย ซอยพาณิชย์ธนฯรู้กันทุกคนว่า "เหนียว แคล้วคลาดและ กันผี ชะงัดนัก ด้านเมตตาค้าขายก็ใช้ได้เลย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญเสมาหลังยันต์เกราะเพชรรุ่น ๓ ปี๒๕๑๗ หลวงพ่อหวลวัดพิกุล
    ให้บูชา
    350 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    (ปิดรายการ)
    IMG_20240617_004556.jpg IMG_20240617_004628.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2024
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    02_sittisasalopon.jpg

    ประวัติ
    พระสิทธิสารโสภณ ( สงวน โฆสโก )
    พระสิทธิสารโสภณเป็นพระอาจารย์วิปัสสนากรรมฐาน ที่มีชื่อเสียงเรียบๆ เป็นที่รู้เฉพาะบรรดาศิษยานุศิษย์ และท่านที่เคารพนับถือเท่านั้นคนภายนอกยังไม่รู้จักกท่านเท่าที่ควรว่าท่าน มีคุณวุฒิในทางไหน ต่อมาเมื่อเร็วๆนี้ได้มีศิษย์ของท่าน จำนวนหนึ่งได้ร่วมกันสร้าง เหรียญรูปเหมือนของท่านขึ้น และปรากฏว่า เหรียญรูปเหมือนนี้ได้นำไปมอบให้ท่าน ปลุกเสกเดี่ยว เพื่อนำเงินไปจัดสร้างพระอุโบสถที่ยังค้างอยู่ ปรากฏว่าได้เกิดอภินิหารขึ้น ประชาชนจึงค่อยรู้จักท่านมาตามลำดับ พระสิทธิสารโสภณ วัดอาวุธวิกสิตาราม บางพลัดนอก แขวงบางพลัด เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เดิมชื่อ สงวน สีตลายัน เกิดที่ตำบลบ้านแหลม หรือคลองพระอุดม 2 ใกล้กับวัดสะพานสูงปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นบุตรของนายเย็น นางเครื่อง สีตลายัน เมื่ออายุ 8 ขวบได้ศึกษาอักษรสมัยมูลบท บรรพกิจ จบหลักสูตรสมัยนั้นอายุ 12 ปี พระครูโสภณศาสนกิจ(กลิ่น) เจ้าอาวาสวัดสะพานสูงจึงได้ส่งไปอยู่กับท่านพระมหายา จะได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดจักรวรรดิราชาวาส(สามปลื้ม) ได้ศึกษามูลกัจจายน์ บาลีพอสมควร และได้ลาสิกขาบทไประยะหนึ่ง ต่อมาเมื่ออายุ 14 ปีได้ไปอยู่ที่วัดราชาธิวาส สามเสน กรุงเทพ กับท่านเจ้าคุณพระอริยกวี (เซ่ง)/ ได้รับบรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุ 16 ปี โดยมีพระอธิการท่วม วัดบางขวาง นนทบุรี เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ศึกษานักธรรมและบาลี ณ วัดราชาธิวาส ต่อมาได้ติดตามพระครูพุทธมนต์ ปรีชา (เทศน์ นิเทสโก) วัดเกาะ
    เมื่ออายุได้ 20 ปี ได้ผสมบทเป็นภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดสัมพันธวงศ์ โดยมีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) วัดเทพศิรินทราวาสเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนพ. ศ. 2462 ต่อมาได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ. ศ. 2483 จนถึงปัจจุบันนี้
    วัดอาวุธวิกสิตาราม ไม่เคยมีเจ้าอาวาสเป็นพระราชาคณะ ท่านเจ้าคุณพระสิทธิสารโสภณ ถือเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ที่เป็นพระราชาคณะและเป็นเจ้าอาวาสรูปแรกที่สร้างความเจริญให้เกิดขึ้นอย่างในวันนี้ เพราะในสมัยที่ท่านมาเป็นเจ้าอาวาส วัดนี้อยู่ในสภาพที่สุดโทรมอย่างหนัก ท่านจึงต้องมาทำการบูรณะ และก่อสร้างใหม่ทั้งหมดเหมือนกับมาสร้างวัดขึ้นใหม่ตามที่ได้เห็นอยู่ในขณะนี้
    สร้างพระเครื่องเป็นครั้งแรก
    คณะศิษย์ของท่านส่วนหนึ่งได้พยายามขออนุญาตต่อท่านหลายครั้ง และอีกหลายปีเพื่อสร้างพระเครื่องที่เกี่ยวกับตัวท่านไว้สักการบูชาแต่ท่านก็ไม่ยอมอนุญาตและในปีนี้ พ.ศ. 2516 คณะศิษย์ซึ่งมีร้าน ปิติโฟโต้ศรีย่าน เป็นหัวหน้าได้ขออนุญาตสร้างพระเครื่องขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ 5 ท่านได้ใช้สมาธิอธิษฐานต่อหน้าคณะศิษย์ แล้วเกิดอภินิหารขึ้นคือ จิ้งจกได้ร่วงตกลงมาต่อหน้าในระหว่างที่ท่านทำสมาธิจิ้งจกนั้นได้แอ่นตัวขึ้นแล้ว ได้วิ่งไปที่หน้าพระประธานของ
    ท่านจึงได้บอกกับศิษย์ว่า จัดสร้างพระเครื่องได้ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมพ. ศ. 2516 เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านคณะศิษย์ได้นำโลหะและผงพระต่างๆของท่านที่ได้สะสมไว้เป็นเวลานานมาผสมหลอมโลหะเพื่อนำไปจัดสร้างทำเป็นรูปเหมือนของท่านวันหลอมโลหะฝนตั้งเค้าว่าจะตกแต่ท่านได้บอกกับศิษย์ว่าไม่เป็นไรพิธีเราผ่านไปแล้วจึงจะตก แล้วก็เป็นความจริง ตามที่ท่านว่าคือ พิธีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ฝน ถึงได้ตกลงมา พระเครื่องที่ได้สร้างขึ้นในครั้งนี้ มี รูปเหมือนขนาดใหญ่-เล็ก ชนิดทองคำ - เงิน -นวโลหะ ผงและเหรียญรูปเหรียญ มีชนิดทองคำ-เงินเนื้อกลับ - ทองแดงปัดเงา รูปเหมือนด้านหน้าเป็นรูปของท่านเจ้าคุณพระสิทธิสารโสภณ นั่งอยู่กลางรูปพัดยศ ยอดพัดยศมีรูปใบโพธิ์ ใต้ฐานมีอักขระ
    ส.โฆสโก ด้านหลังข้างบนเป็นยันต์น้ำเต้าทอง ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรเถระ) วัดเทพศิรินทราวาสและมีอักษร อว. เป็นชื่อย่อของวัด นอกจากนั้นยังมีตา วัดมงกุฎครอบดาบไขว้ มีเลข 5 อยู่กลางหมายถึงรัชกาลที่ 5 พระองค์ได้พระราชทานชื่อวัดนี้ และเลข 75 หมายถึงอายุของท่าน ท่านได้ปลุกเสกพระเครื่องตลอดไตรมาสเพียงองค์เดียว ขณะนี้พระเครื่องที่ได้สร้างขึ้นได้แจกจ่ายให้แก่ผู้ที่สนใจเพื่อจะนำไปสักการะบูชาแล้วทั้งนี้เพื่อจะนำรายได้อันจะเกิดขึ้นนี้ไปสมทบในการสร้างอุโบสถที่กำลังสร้างค้างอยู่ให้สำเร็จลุล่วงต่อไปท่านที่ประสงค์จะได้ไว้บูชาติดต่อได้ที่วัดอาวุธ
    อภินิหารพระเครื่องรูปเหมือนและเหรียญ
    เมื่อวันเสาร์ ๕ ที่แล้วท่านได้ลงอักขระเสร็จแล้วท่านก็ได้ร่วมปลุกเสกอธิษฐานต่อหน้าคณะศิษย์ทุกคนที่นั่งอยู่ณ ที่นั้นก็ได้เห็นภาพของท่านเสมือนลอยตัว หรือเรียกว่าปลุกขึ้นซึ่งเป็นปรากฏการณ์มหัศจรรย์ ท่านได้ทำพิธีปลุกเสกพระเครื่องตลอดไตรมาสและได้จัดพิธีใหญ่เมื่อวันที่ 8 ตุลาคมพ. ศ. 2516 ในอุโบสถหลังใหม่โดยอาราธนาพระเถระมาเจริญพระพุทธมนต์ 9 รูป พระสวดพุทธาภิเษกจากวัดสุทัศน์และวัดระฆังท่านได้ตั้งโต๊ะปลุกเสกเดี่ยวตลอดเวลาโดยไม่เปลี่ยนอิริยาบถ ในขณะที่ท่านเริ่มทำพิธีนั้นฝนทำท่าว่าจะตกเมื่อได้ทำพิธีเสร็จแล้วท้องฟ้าก็สว่างฝนได้ไปตกยังที่อื่นรอบๆบริเวณวัด
    เมื่อเสร็จการทำพิธีพุทธาภิเษกแล้ว นายชูเกียรติ ศรีบุญมา (อ๊อด) บ้านอยู่ซอยวัดอาวุธได้นำด้ายสายสินและเทียนชัย ผูกคอเดินกลับบ้าน ได้พบกับคู่อริ ้ที่หน้าร้านทองปากทางเข้าวัดคู่อริได้ใช้อาวุธปืนยิง 3 นัด แต่กระสุนไม่ออกจึงได้หันปากกระบอกปืนขึ้นฟ้าเพื่อยิงขู่ ปรากฏว่ากระสุนออกจึงได้วิ่งไล่คู่อริหลบหนี ไปและตัวเองได้ย้อนกลับมาที่วัดบอกคนอื่นปรากฏว่าน้ำมนต์และด้ายสายสิญจน์ในพิธี ตั้งถูกยื้อแย่งกันไปจนหมด พระเครื่องต่างๆบางอย่างก็ได้หมดไปในวันทำพิธีและสร้างขึ้นมาจำนวนจำกัดทั่งนี้เพื่อต้องการหาเงินไปสมทบทุนในการสร้างอุโบสถให้สำเร็จเรียบร้อยตามที่ได้กล่าวมาแล้ว
    #อ้างอิง จากหนังสืออภินิหารพระเครื่อง ปี 2517
    #ขออนุญาตยืมรูปภาพจากอินเตอร์เน็ตมาเป็นภาพประกอบ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหล่อหลวงพ่อสงวนปลุกเสกไตรมาสปี ๒๕๑๖ ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240617_004749.jpg IMG_20240617_004815.jpg IMG_20240617_004718.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    01433159341.jpg
    สำหรับประวัติของ "หลวงพ่อชม" เดิมชื่อ "ชม พึ่งบุญลือ" เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๔๘๙ ณ บ้านตำบลถนนขาด อ.เมือง จ.นครปฐม ต่อมาบิดามารดาได้ย้ายมาอยู่ที่ ต.คลองจินดา อ.สามพราน จ.นครปฐม ทำให้ได้พบกับหลวงพ่อไสว ฐิตวณฺโณ พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งวัดปรีดาราม ต.คลองจินดา เมื่อปี ๒๕๐๖ โดยหลวงพ่อได้ผูกข้อมือให้ เพื่อรับเป็นบุตรบุญธรรม
    เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๒๖ นายชม พึ่งบุญลือ ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท ณ วัดปรีดาราม โดยมี หลวงพ่อไสว เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า "สุทนฺโต" แปลว่า "ผู้มีตนอันฝึกดีแล้ว"
    ตลอดระยะเวลาที่อยู่วัดปรีดาราม หลวงพ่อชมได้ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อไสวอย่างใกล้ชิด ด้วยความรักและเมตตา หลวงพ่อไสวจึงได้ถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆ ที่มีอยู่ให้หลวงพ่อชม จนหมดสิ้น ไม่มีปิดบังอำพรางแต่ประการใด และเมื่อมีพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่ไหน ก็ได้ให้หลวงพ่อชมไปร่วมนั่งปรกปลุกเสกด้วย เพื่อเป็นการถ่ายทอดวิชาอาคมไปในตัว
    นอกจากนี้ หลวงพ่อไสวยังได้สอนวิธีการลงอักขระเลขยันต์ต่างๆ การเรียกสูตร การกรึงอักขระ ตลอดทั้งการเรียกนามยันต์ ตามวิธีของโบราณาจารย์ทุกประการ
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วิชาการทำน้ำพระพุทธมนต์ดอกบัว ๑๐๘ วิชาการเขียนยันต์กำเนิดพระนารายน์ ยันต์หน้านะทอง ยันต์นะหน้าพระ ยันต์หนุมาน วิชาทำมีดหมอ วิชาทำปลัดขิก รวมทั้งวิชาตกวิญญาณ หลวงพ่อไสวก็ได้ถ่ายทอดให้จนหมดสิ้น เพื่อจะได้ไว้ให้ใช้สงเคราะห์อนุเคราะห์ญาติโยมในวันหน้าต่อไป
    "หลวงพ่อชม" นับเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้เพียบพร้อมด้วยศีลาจารวัตรอันงดงามมาก ให้การต้อนรับญาติโยมด้วยความมีเมตตาเป็นที่ตั้ง สงเคราะห์อนุเคราะห์ผู้มีความทุกข์ร้อน และผู้มีปัญหาในชีวิตอยู่เสมอ จนเป็นเลื่องลือและศรัทธาเลื่อมใสของบรรดาญาติโยมโดยทั่วไป
    สิ่งที่ได้สร้างความโด่งดังให้หลวงพ่อชมมากก็คือ การอาบน้ำพระพุทธมนต์ดอกบัว ๑๐๘ ที่ผ่านการปลุกเสกและอธิษฐานจิตเป็นอย่างดี จากหลวงพ่อโดยตรง
    ผู้ที่ได้อาบน้ำพระพุทธมนต์ดอกบัว ๑๐๘ นี้แล้ว ชีวิตก็จะมีแต่ความเป็นสิริมงคล เจริญก้าวหน้าในการงาน ปัญหาอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงก็จะหมดไป

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    รูปหล่อรุ่นแรกหลวงพ่อชมวัดหลักสองรอยจารใต้ฐาน ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240617_071845.jpg IMG_20240617_071915.jpg IMG_20240617_072830.jpg IMG_20240617_071817.jpg
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1717330363994-jpg.jpg fb_img_1717330373524-jpg.jpg

    หลวงพ่อแสวงวัดหนองอีดุกท่านเป็นศิษย์อีกรูปของหลวงพ่อกวย วัตถุมงคลพระเครื่องหลวงพ่อกวยที่ปลุกเสกวัดหนองอีดุกนิยมเล่นหาและมีราคาสูง

    เหรียญหลวงพ่อแสวง ครุธมโม รุ่นสรงน้ำ
    สร้างปี 2544 ในปี 44 ทางวัดและลูกศิษย์
    ของหลวงพ่อแสวง ได้มีดำริจะจัดให้มีการ
    สรงน้ำหลวงพ่อแสวง จึงมีการจัดสร้าง
    เหรียญที่ระลึกขึ้นมา เพื่อมอบให้กับศิษย์ที่มาสรงน้ำและนำผ้าป่ามาถวายหลวงพ่อในวันสรงน้ำ หลังจากแจกให้กับศิษย์แล้ว เรียญยังมีเหลืออีกจำนวนมาก พอมาปี 2557 ทางวัดได้นำเหรียญส่วนหนึ่งไปกะไหล่สามกษัตริย์ ทอง,เงิน,นาค,และเลี่ยมกรอบทอง80% ใส่กล่องกำมะหยี่ สวยงาม เพื่อมอบให้กับเจ้าภาพงานกฐิน ปี 2557 และเหรียญสรงน้ำนี้ ถือว่าเป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อแสวง ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ในปี 2547เหรียญนี้จึงน่าสะสมไว้บูชาครับ เพราะทันหลวงพ่อครับ สาธุๆๆ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญสรงน้ำหลวงพ่อแสวงวัดหนองอีดุกให้บูชา ๒ เหรียญ 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240617_071249.jpg IMG_20240617_071316.jpg IMG_20240617_071140.jpg IMG_20240617_071218.jpg IMG_20240617_071021.jpg IMG_20240617_071057.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 มิถุนายน 2024
  8. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,139
    ค่าพลัง:
    +1,181
    โอนแล้วครับ 17/06/67 จำนวน 230 บ.เวลา 10.16 น.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1718671120419.jpg
    ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อสาย วัดจันทร์เจริญสุข ศิษย์เอกหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม
    หลวงพ่อสาย วัดจันทร์เจริญสุข หรือ พระครูสมุทรมงคล (สุมังคโล) วัดจันทร์เจริญสุข อำเภอเมิอง จังหวัดสมุทรสงคราม ท่านเป็นศิษย์ร่วมอุปัชฌาย์องค์เดียวกันกับหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี(พระครูโกวิทสมุทรคุณ) หลวงพ่อง้อ วัดดาวดึงษ์(พระครูพิพิธสทุทรคุณ) นั่นก็คือท่านพระอธิการคง ธัมมโชโต วัดบางกระพร้อม
    หลวงพ่อสาย ท่านเกิดเมื่อวันที่ ๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ ที่บ้านฝั่งตรงข้ามวัดจุฬามณี อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม โยมบิดาชื่อนายสังข์ เอี่ยมสะอาด โยมมารดาชื่อนางคุ้ม เอี่ยมสะอาด ท่านเป็นบุตรคนที่ ๓ ในจำนวน ๕ คน เมื่อเยาว์บิดามารดา ส่งไปศึกษาอยู่กับพระที่ "วัดธรรมนิมิต" และได้เรียนต่อที่ "วัดนางวัง" ใกล้บ้านจนจบการศึกษาในสมัยนั้น แล้วกลับไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพ
    ปี พ.ศ. ๒๔๗๒ หลวงพ่อสาย มีอายุครบบวช โยมบิดาโยมมารดา และญาติ จึงจัดให้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบางกะพ้อม อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับฉายาว่า "สุมังคโล" โดยมี
    ท่านเจ้าอธิการคง (ธมฺมโชโต) วัดบางกะพ้อม เป็นพระอุปัชฌาย์
    ท่านพระอธิการแช่ม (โสฬะสะ) วัดจุฬามณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอาจารย์เกิด วัดบางกะพ้อม เป็นอนุสาวนาจารย์
    เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดบางกะพ้อม จนสามารถสอบนักธรรม ตรี โท เอก ได้ตามลำดับ จนได้เป็นครูสอนนักธรรมอยู่ที่วัดบางกะพ้อม และสอนนักเรียนประถมที่วัดนางวังเป็นครั้งคราว
    หลวงพ่อสาย ท่านได้ทำหน้าที่เป็นเลขา คอยช่วยเหลืองานของหลวงพ่อคง เพราะสมัยนั้นท่านเป็นเจ้าคณะตำบล ปกครองวัดต่างๆ ตลอดทั้งช่วยหลวงพ่อ ปกครองดูแลพระสงฆ์ภายในวัด
    นอกจากนั้นหลวงพ่อสาย ยังใช้เวลาว่าง ศึกษาเล่าเรียนหนังสือขอม เรียนมูลกัจจายน์ ฝึกหัดปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน ตลอดจนศึกษาอาคมต่างๆจากหลวงพ่อคงเป็นเวลานานหลายปี และในการสร้างเหรียญรูปหลวงพ่อคง หลวงพ่อสายมีส่วนร่วมในการสร้างด้วย
    และเมื่อวัดจันทร์เจริญสุข ได้ว่างเจ้าอาวาสลง ชาวบ้านจึงพร้อมกันไปหา หลวงพ่อคง เพื่อขอนิมนต์หลวงพ่อสาย มาเป็นเจ้าอาวาส วัดจันทร์เจริญสุข เมื่อหลวงพ่อคงอนุญาตแล้ว ชาวบ้านย่านวัดจันทร์เจริญสุข จึงแห่หลวงพ่อสายมาเป็นเจ้าอาวาส
    ปี พ.ศ. ๒๔๙๖ หลวงพ่อสายได้รับแต่งตั้งเป็นพระใบฎีกา ฐานานุกรมของ ท่านพระครูธรรมวิถีสถิติ์ เจ้าคณะอำเภอเมืองสมุทรสงคราม
    ปี พ.ศ. ๒๕๐๑ หลวงพ่อสายได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านปรก อำเภอเมืองสมุทรสงคราม
    ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ หลวงพ่อสายได้รับการแต่งตั้ง เป็นพระอุปัชฌาย์ และเลื่อนจากพระใบฎีกา เป็นพระครูใบฎีกาฐานานุกรม ในตำแหน่งของท่านเจ้าคุณพระเทพเมธี เมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๐๓
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลวงพ่อสายได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สัญญาบัตร แต่ให้ดำรงราชทินนามเดิมที่ พระครูสมุทรมงคล
    ในด้านการพัฒนา ท่านได้ริเริ่มเปิดโรงเรียนประชาบาลขึ้นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๓ โดยอาศัยศาลาต่างๆ ภายในวัดเป็นที่เรียน และต่อมาได้รับความอนุเคราะห์จากนายหลี และนางลำใย บำรุงพฤษ์ เป็นผู้ให้ริเริ่มก่อสร้างอาคารเรียนหลังแรกใหม่ โดยสร้างเป็นอาคารไม้ถาวร ๑ หลัง และยังคงใช้งานมาจวบจนปัจจุบัน
    ในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ ทางวัดได้จัดงานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต อุโบสถวัดจันทร์เจริญสุข ในช่วงก่อนงานปิดทองฝังลูกนิมิต หลวงพ่อสาย ได้ป่วยหลายโรคและไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้าง กลับมารักษาเองที่วัดบ้าง
    ภายหลังจากการจัดงานปิดทองฝังลูกนิมิตอุโบสถ หลังจากที่หลวงพ่อสายได้ตรากตรำก่อสร้างมาเป็นเวลาหลายปีเป็นผลสำเร็จแล้ว ไม่นานนักหลวงพ่อสายก็ล้มป่วยลงอีก อาการทรุดลงเรื่อยๆ จนในที่สุด หลวงพ่อสาย ก็ถึงแก่มรณภาพลงเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ สิริอายุรวมได้ ๖๗ ปี ๔๕ พรรษา ร่างกายไม่เน่าเปื่อย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาจากส่งครับ
    เหรียญปี 2517 พร้อมเลี่ยมพลาสติค พระบูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240617_005215.jpg IMG_20240617_005141.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1718671903382.jpg
    ประวัติหลวงปู่เส็ง วัดบางนา สุดยอดพญาครุฑอันดับต้นของเมืองไทย
    หลวงปู่เส็งเป็นพระปฏิบัติท่านมักจะออกธุดงค์ไปปริวาสกรรมทุกปีมิได้ขาดมีปฏิปทาใน ทางสมถะหมั่นบริกรรมภาวนาเจริญพระคาถาวิชาต่างๆ
    เล่ากันว่าเวลาว่างจากงานที่ต้องกระทำ ท่านจะนั่งนับลูกประคำที่คล้องคออยู่บริกรรมพระคาถาตลอดเวลา หลวงปู่เป็นคนพูดน้อยไม่ค่อยพูดว่ากล่าวผู้ใด
    หลวงปู่เส็งเป็นสมภารปกครองวัดเรื่อยมา จนกระทั่งอายุ 65 ปีท่านจึงเริ่มทำวัตถุมงคล
    การทำวัตถุมงคลครั้งแรกนั้น ท่านสร้างพระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกของวัดบางนา ในปี พ.ศ.2510 หลังจากสร้างพระผงสมเด็จ 3 ชั้นออกมาแจกจ่ายแก่ลูกศิษย์ลูกหาแล้ว ในปีนั้นเองหลวงปู่ก็ทำเหรียญรูปอาร์ม หรือใบเสมาคว่ำเป็นรุ่นแรกออกมาอีก และนับแต่ปี พ.ศ.2510 เป็นต้นมาหลวงปู่เส็งก็สร้างวัตถุมงคลในรูปแบบต่างๆออกมามากมายแทบจะนับ
    รุ่นกันไม่ได้เลยทีเดียว
    หลวงปู่สร้างวัตถุมงคลทุกปีๆหนึ่งสร้าง 2-3 แบบจนกระทั่งท่านมรณภาพในปี พ.ศ.2530 รวมระยะเวลาการทำวัตถุของหลวงปู่เส็ง 20 ปี และวัตถุมงคลของหลวงปู่ทุกรุ่นทุกแบบก็มีผู้เลื่อมใสหามาพกติดตัวและบูชากันมากมาย
    วัตถุุมงคลของหลวงปู่เส็งนั้น ออกไปในทางแคล้วคลาดเมตตามหานิยม และการค้าขายดีเยี่ยม วัตถุมงคลของหลวงปู่เส็งรุ่นนิยมเท่าที่พอลำดับความได้มีดังนี้
    พระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกจัดสร้างปี 2510 ผงที่นำมาสร้างเป็นผงอิทธิเจซึ่งจะโน้มไปในทางเมตตามหานิยม และค้าขาย พระผงสมเด็จ 3 ชั้นรุ่นแรกด้านหน้า เป็นรูปพระพุทธรูปพระประธานนั่งสมาธิ มีซุ้มครอบแก้วด้านหลังเป็นลายมือเขียนว่า พระครูเส็ง บางองค์เขียนว่า เส็ง และบางองค์ก็เขียนว่า พระครูเส็ง จันทฺรังสี แล้วแต่ว่าหลวงปู่จะเขียนอะไรคำไหน แต่ส่วนใหญ่จะทำเป็นแบบพิมพ์เป็นบล็อคใช้กดลงไปบนหลังพระเวลากดพิมพ์
    เนื้อพระมีทั้งเนื้อน้ำมัน ลักษณะพระจะออกแกร่งมันกับสูตรผสมเนื้อกล้วยพิมพ์ออกมามีทั้งหมด 5 สี คือ สีดำ เหลือง เขียวแดง และ ขาวพอทำเสร็จหลวงปู่ก็ปลุกเสกเดี่ยวแล้วออกแจกจ่ายแก่ญาติโยมที่ไปหาท่าน บางรายนำพระพกติดตัวไปประสบอุบัติเหตุเกิดแคล้วคลาดอย่างเหลือเชื่อกิตติศัพท์พกพระหลวงปู่เส็งแล้วแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุมีบ่อยครั้งมากจนกระทั่งเลื่องลือไปทั่ว
    พุทธคุณพระผงสมเด็จ 3 ชั้น รุ่นแรกของหลวงปู่เส็งเรื่องแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุเป็นเลิศหลังทำพระผงรุ่นแรกทิ้งช่วงปลายปีท่านก็ทำเหรียญรุ่นแรกออกมาเป็นเหรียญใบเสมาคว่ำมีทั้งเนื้อกะไหล่ทองเงิน
    และทองแดง ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปหลวงปู่ครึ่งองค์มีอักษรเขียนว่า อาจารย์เส็ง ด้านหลังเป็นยันต์ใต้ยันต์มีอักษรระบุชื่อวัดบางนา พ.ศ.2510 ปีที่จัดสร้างและพระผงที่ทำออกมานั้นส่วนใหญ่จะบรรจุตะกรุดสาริกาดอกเล็กๆ ไว้ที่ฐานด้วยเพื่อเสริมพุทธคุณ
    การทำพระเครื่องของหลวงปู่เส็งจนถึงปี 2512 หลวงปู่จะเอาพระเครื่องที่ทำออกมาไปปลุกเสกเดี่ยวในอุโบสถ ถ้าเป็นเหรียญท่านจะทำพิธีพุทธาภิเษกนิมนต์พระระดับเจ้าอาวาส ละแวกวัดบางนามา
    เจริญพุทธมนต์ด้วย หลังจากปี 2512 การทำวัตถุมงคลหลวงปู่จะจัดพิธีพุทธาภิเษกในอุโบสถตลอด
    พระผงรุ่นที่โด่งดังมากก็คือ รุ่นขี่หมูซึ่งรุ่นนี้มีลูกศิษย์ของหลวงปู่เป็นคนจัดสร้างขึ้นมานำไปให้หลวงปู่ทำพิธีพุทธภิเษกแล้วก็มอบพระให้หลวงปู่ไว้จำนวนหนึ่ง บรรดานักเล่นพระนิยมกันมาก
    สำหรับวัตถุมงคลรูปแบบต่างๆ นั้นครั้งแรกหลวงปู่จัดสร้างหมูทองแดงในปี 2522 สาเหตุการจัดทำหมูทองแดงของหลวงปู่เส็งนั้นสืบเนื่องมาจากในตำนานกล่าวกันว่าหมูทองแดงตามป่าเขาที่เป็นหมูเขี้ยวตันนั้นปืนยิงไม่เข้าหลวงปู่ก็เลยคิดทำวัตถุมงคลเป็น
    หมูทองแดงเขี้ยวตันขึ้นมา เล่ากันว่าระหว่างที่หลวงปู่ปลุกเสกหมูทองแดงร่วมกับพระที่ี่นิมนต์มาเจริญพุทธมนต์อยู่ในโบสถ์นั้นมีชาวบ้านเห็นหมูวิ่งเข้าไปในโบสถ์ขณะที่พระสงฆ์กำลังปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่ทั้งๆที่รอบโบสถ์ด้านนอกปิดกั้นอย่างดีไม่ให้
    ใครเข้าไปรบกวนสมาธิขณะที่พระสงฆ์กำลังเจริญพระพุทธมนต์ และบริกรรมปลุกเสก
    วัตถุมงคลหลังเสร็จพิธีคนที่พบเห็นเข้าไปบอกหลวงปู่ ท่านก็เฉยๆ แถมหัวเราะอย่างอารมณ์ดีท่านไม่ได้พูดอะไรแต่รับฟังเอาไว้ ครั้นเมื่อทำหมูทองแดงออกมาแจกกันเป็นที่ฮือฮาพอสมควรหมูทองแดงที่สร้างนั้นเป็นเนื้อทองแดงผสมโลหะ มีหมูทองแดงตัวใหญ่และเล็กข้างลำตัวซ้ายมีอักษรเขียนว่า วัดบางนา ปทุมธานี ข้างลำตัวด้านขวาเป็นอักขระขอมมียันต์ที่โคนขาทั้ง 4 ลักษณะเป็นหมูป่าเขี้ยวตัน และในปี 2524 หลวงปู่เส็งได้จัดสร้าง ทำหมู 7 หัวขึ้นมาเป็นลักษณะหมูป่าเขี้ยวตัน คู้ขาหมอบที่เรียกว่า 7หัวนั้นหมายถึงหัวของปลัดขิกที่ทำไว้ตามลำตัวมี 7 แห่ง คือที่หัว หาง ที่เพศและที่ปลายเท้าทั้งสี่ข้าง เป็นเนื้อทองแดงผสมโลหะ ข้างลำตัวด้านซ้ายระบุปีพ.ศ.ที่จัดสร้างคือปี 2524 นอกจากนี้หลวงปู่เส็งได้ทำหมูจัมโบ้ ขนาดใหญ่ออกมาอีก 1 รุ่นหมูทองแดงรุ่นแรกทำออกมาแค่ 2,500 ตัวเท่านั้นพุทธคุณไปในทางแคล้วคลาดและค้าขาย
    หลังจากทำหมูทองแดงออกมาหลวงปู่ก็จัดทำครุฑทองแดงซึ่งครุฑเป็นสัตว์ที่มีอำนาจ จัดทำพิธี
    พุทธาภิเษกในโบสถ์มีพระอาจารย์มาร่วมบริกรรมพุทธคุณอีก 10 รูป ครุฑทองแดงด้านหลังเขียนว่า หลวงปู่เส็ง วัดบางนาปทุมธานี 2522 สลับกับอักขระขอมประสบการณ์มีผู้นำติดตัวไปแคล้วคลาดจากอุบัติเหตุทางรถ และทางเรืออีกทั้งยังป้องกันภัย จากงูเงี้ยวเขี้ยวขอดีนัก
    ต่อมาหลวงปู่จัดสร้างรูปเหมือนหนุมานเหตุผลที่จัดทำนั้นท่านถือว่าหนุมานเป็นลิงประจำปีวอกและด้วยหนุมานเองก็เป็นศิษย์ของพระนารายณ์
    ์มีอานุภาพฤทธิ์เดชมากมาย ที่จัดทำไว้มีเนื้อกะไหล่เงินและทองแดง ไม่ระบุปีจัดสร้างจาก หมู ครุฑ หนุมาน ต่อมาท่านก็สร้างพญาเต่าเลือนเนื้อทองแดงผสมโลหะแล้วจัดสร้างหงส์ทอง หงส์เงิน อีก 1 ชุด เนื้อกะไหล่ทองและกะไหล่เงินทำเพื่อเป็นที่ระลึกว่าวัดบางนานั้นเป็นวัดที่ชาวรามัญสร้างขึ้นมา
    นอกจากวัตถุมงคลรูปแปลกๆ แล้วหลวงปู่ยังสร้างพระกริ่งรูปเหมือนท่าน มีทั้งแบบหลังตรงและหลังค่อม เนื้อทองแดงผสม สร้างพระปิดตาเนื้อทองเหลืองผสม สร้างเหรียญรูปไข่ รุ่นขี่วัวเนื้อทองแดงผสม สร้างเหรียญจอบรูปหลวงปู่มีทั้งจอบเล็กและจอบใหญ่ สร้างเหรียญหยดน้ำเนื้อทองแดงผสมสร้างรูปหล่อเนื้อผงปิดทอง ที่กล่าวมานี้เป็นวัตถุมงคลรุ่นเก่าๆที่หลวงปู่สร้างขึ้นมา
    ส่วนรุ่นใหม่ๆ ก็มีหลายสิบแบบมีทั้งนางกวักพระผงพิมพ์สมเด็จ พระผงปิดตา เรียกว่าการจัดทำวัตถุมงคลของหลวงปู่เส็งนั้นมากมายจริงๆ ถ้าหากวัตถุ มงคลใดไม่ระบุพ.ศ. เอาไว้แทบจะไม่ทราบกันเลยว่าหลวงปู่จัดสร้างในพ.ศ.อะไรเพราะไม่มีการบันทึกเอาไว้ และก็ทำออกมามากแบบ สำหรับเงินรายได้ที่ มีผู้นำมาบริจาคหรือเช่าวัตถุมงคลนั้น หลวงปู่นำเงินไปสร้างวัดวังหิน อำเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี
    ส่วนหนึ่งอีกส่วนหนึ่งท่านก็ทำนุบำรุงหมู่กุฏิเสนาสนะ
    วัดบางนาที่ชำรุดทรุดโทรมให้ดีขึ้น สาเหตุที่หลวงปู่ไปสร้างวัดวังหินอีกแห่งหนึ่งนั้นก็เนื่องจากท่านเห็นว่าสมัยนั้นชาวบ้านยากจนมากถิ่นที่อยู่ก็ทุรกันดารเป็นแหล่งหลบซ่อนของเหล่าเสือปล้นหลวงปู่เกรงว่า
    ชาวบ้านและลูกหลานจะมีนิสัยดุร้ายกันไปหมดจึงไปสร้างวัดให้เพื่อบรรเทาจิตใจให้ร่มเย็นลงบ้างเพื่อให้ธรรมะได้เข้าถึงจิตใจลูกหลานและผู้ที่คิดกลับตัวกลับใจหันมาบวชเรียนทำให้ผู้คนมีศีลธรรมขึ้น
    พอท่านสร้างวัดวังหินเสร็จวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2531 หลวงปู่เส็งผู้ที่เป็นประดุจเทพเจ้าของชาวรามัญย่านวัดบางนาก็ถึงแก่มรณภาพลงรวมอายุได้ 87 ปี
    ท่านสิ้นลมอย่างสงบที่โรงพยาบาลคุ้มเกล้า ตึกคุ้มเกล้าครั้นเมื่อหลวงปู่มรณภาพลงท่านพระครูอนุกูลศาสนกิจหรือหลวงพ่อแสวง ก็ขึ้นเป็นสมภารแทนท่านก็ทำนุบำรุงวัดเอาวัตถุมงคลหลวงปู่เส็งมาจำหน่ายจ่ายแจกรายได้สร้างวัดยุคของหลวงพ่อแสวง เป็นยุคของการพัฒนาวัดอย่างจริงจังไม่มีการออกวัตถุมงคลจะมีออกเหรียญรูปไข่ในงานฉลองสมณศักดิ์ของหลวงพ่อแสวงที่ได้เลื่อนเป็นพระครูชั้นโทเมื่อกลางเดือนพฤษภาคม ปี 2535 เสร็จสิ้นงานฉลองไม่นานหลวงพ่อแสวงก็มรณภาพเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ปลายปีนั้นเอง รวมอายุ 70 ปี
    เมื่อสิ้นหลวงพ่อแสวงพระอธิการยงยุทธ ยโสธโร ก็ขึ้นเป็นสมภารปกครองวัดสืบมาจนทุกวันนี้วัดบางนาตั้งอยู่ในเขตตำบลบางโพธิ์เหนือ หมู่1 อำเภอสามโคก หน้าวัดติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ไปวัดบางนาและไปกราบศพหลวงปู่เส็งที่ไม่เน่าไม่เปื่อยในโลงแก้วทางวัดสร้างวิหารติดริมแม่น้ำไว้เก็บสรีระของหลวงปู่เป็นสัดส่วนให้ไปขอพรขอโชคลาภจาก
    หลวงปู่
    เว็บนิตยสารมงคลโสฬส
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลขึ้นมาอย่างสูงครับ
    พระนางพญาเนื้อดินเผาหลวงพ่อเส็งออกวัดวังหิน วัดวังหินเป็นอีกวัดที่หลวงพ่อเส็งไปสร้างและออกวัตถุมงคล
    บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240617_071721.jpg IMG_20240617_071746.jpg IMG_20240617_071650.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1718717994657.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    fb_img_1716530247417-jpg.jpg
    ประวัติ ท่านเจ้าคุณพระมงคลวิจิตร ( พร้า อตฺตสนฺโต ) เจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า พร้า ยอดดำเนิน เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๕ เมษายน ๒๔๖๖ ตรงกับเดือน ๕ ปีกุน เป็นชาวชัยนาทโดยกำเนิด ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
    ชีวิตในเยาว์วัยของท่านผิดแผกไปจากเด็กในวัยเดียวกัน เพราะกำพร้าโยมบิดาตั้งแต่ท่านอยู่ในครรภ์ของมารดาได้เพียง ๓ เดือน เมื่อพ้นจากครรภ์มารดา เครือญาติจึงพร้อมใจกันตั้งชื่อให้ท่านว่า กำพร้า หากแต่การแจ้งชื่อที่ปรากฏในทะเบียนราษฎร์ ตกคำว่า กำ คงเหลือเพียงคำว่า พร้า เพียงอย่างเดียว
    จึงไปตรงกับคำที่หมายถึง ของมีคม ซึ่งเกิดจากเหล็กกล้ามีดพร้า นั่นเอง
    ในวัยเด็ก แม้จะขาดบิดาผู้เป็นเสาหลักของครอบครัว แต่มารดาของท่านได้อุ้มชูเลี้ยงดูบุตรธิดาด้วยความอุตสาหะ และท่านยังได้รับความเอื้ออาทรจากบรรดาเครือญาติ เนื่องจากมีอุปนิสัยเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย มีใจโอบอ้อมอารี ท่านมักจะติดตามผู้ใหญ่เข้าวัดทำบุญอยู่เสมอๆ
    หลังจากได้ศึกษาเล่าเรียนจบชั้นประถมปีที่ ๔ มิได้มีโอกาสเรียนต่อ เพราะฐานะทางบ้านยากจน ทั้งๆ ที่ใจของท่านอยากจะร่ำเรียนต่อ จึงเป็นเหตุให้ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ว่า
    " หากมีโอกาสได้บวช จะขอบวชให้เสากุฎีคอดหรือเสากุฎีขาด และหากมีโอกาสได้เป็นสมภารเจ้าวัด จะอุปถัมภ์การศึกษาแก่เด็กๆ ที่พ่อแม่มีฐานะยากจน จะทำ จะช่วยให้เต็มความสามารถ "
    ครั้นอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดโคกดอกไม้ ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โดยมีพระครูปัตย์ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระสมุห์เขียว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โห้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    ได้รับฉายา อตฺตสนฺโต หมายถึง ผู้มีตนอันสงบแล้ว
    ภายหลังจากที่ได้อุปสมบทแล้ว ท่านมีจิตมุ่งมั่นและเพลิดเพลินต่อรสพระธรรม หมั่นเพียรในการศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย สามารถสอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท รวมทั้งช่วยเหลือการพัฒนาวัด และญาติโยมที่มีความทุกข์-เดือดร้อน จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวบ้านดงคอน
    ต่อมา ท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ ได้ยึดหลัก พูดจริง ทำจริง ยึดความถูกต้องเป็นเกณฑ์
    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ - สมณศักดิ์
    พ.ศ.๒๔๙๑ ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโคกดอกไม้ และได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะตำบลดงคอน
    พ.ศ.๒๕๑๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์
    ปัจจุบัน ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลดงคอน
    พ.ศ.๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูวิจิตรชยานุรักษ์
    พ.ศ.๒๕๑๙ ได้รับพะราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม
    พ.ศ.๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
    พ.ศ.๒๕๖๒ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา ๖๗ พรรษา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ (ชนิดสามัญยก) ในราชทินนามที่ พระมงคลวิจิตร
    ด้านการพัฒนาและสาธารณะ
    หลวงพ่อพร้าได้ตั้งใจพัฒนาวัดที่อยู่ในสภาพทรุดโทรมจนรุ่งเรือง ท่านได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ บูรณะเจดีย์ สร้างซุ้มประตู ถนนภายในวัด สร้างสนามเด็กเล่น ศาลาประชาคมและบูรณะวัดที่มีฐานะด้อยกว่า อีกทั้งยังพัฒนารับอุปถัมถ์ในการสร้างโรงพยาบาลและพัฒนาชุมชนให้มีความเจริญ
    ด้านการศึกษา
    ด้วยปณิธานของหลวงพ่อพร้าที่ตั้งใจเอาไว้แต่ต้นว่า เมื่อได้บวชและได้เป็นเจ้าอาวาสจะสนับสนุนการศึกษาเด็กนักเรียนที่มีฐานะยากจน ซึ่งท่านได้จัดตั้งกองทุนเอาไว้ส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสได้รับการศึกษา รวมทั้งพระภิกษุสามเณร ที่ขาดแคลน ท่านได้ส่งพระภิกษุสามเณรที่สนใจใฝ่การศึกษาเหล่านั้น ไปรับการศึกษาในกรุงเทพมหานคร บางรายประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมมากมาย โดยอาศัยปัจจัยจากกองทุนการศึกษาที่ท่านจัดตั้งขึ้น
    ด้านสาธารณสุข
    แต่เดิมชาวบ้านดงคอน ขาดแคลนแพทย์และสถานพยาบาลที่ทันสมัย ท่านได้ให้การสงเคราะห์ด้วยการนำเอาวิชาแพทย์แผนโบราณบำบัดโรคภัยไข้เจ็บให้กับญาติโยม ในระยะต่อมา ได้เป็นแกนนำในการก่อสร้างสถานีอนามัยขึ้นที่วัดโคกดอกไม้ เป็นสถานที่บริการทางการแพทย์แผนปัจจุบัน
    นอกจากนี้ หลวงพ่อพร้า ได้ให้ความสนใจศึกษาด้านวิทยาคม ค้นคว้าด้านปฏิบัติจิตภาวนา เพื่อให้จิตบังเกิดสมาธิและได้กราบฝากตัวเป็นศิษย์ต่อหลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ซึ่งเป็นหลวงลุงของท่าน และได้รับความเมตตาถ่ายทอดวิชาให้จนหมดสิ้น หลวงพ่อโตยังให้ความเมตตาอุปถัมภ์ในการบูรณะวัดโคกดอกไม้ เป็นการช่วยเหลือพระหลานชายของท่านอีกทางหนึ่งด้วย
    และอีกท่านหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นพระอาจารย์ที่ได้มอบสรรพวิชา ให้กับหลวงพ่อพร้ามากมายหลายด้าน คือ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท
    พุทธาคมอันเข้มขลังที่หลวงพ่อพร้าได้รับถ่ายทอดจาก ๒ พระอาจารย์ ภายหลังได้นำมาสงเคราะห์ให้กับญาติโยมที่ประสบความเดือดร้อน โดยเฉพาะตำรับน้ำมนต์อันเข้มขลัง ซึ่งท่านมิได้เรียกร้องอะไร เพียงแต่ขอค่าบูชาครูเพียงบาทเดียว จนได้รับการยกย่องและเรียกขานนามของท่านว่า หลวงพ่อพร้า เจ้าตำรับน้ำมนต์บาทเดียว
    สำหรับวัตถุมงคลของท่านที่มีประสบการณ์และกล่าวขานกันถึงพุทธคุณ ได้แก่ พระสมเด็จมหาลาภ รุ่นแรกปี ๒๕๑๒ และปี ๒๕๑๔ พระสมเด็จ ด้านหลังฝังข้าวสารดำ ๙ เม็ด รุ่นแรกปี ๒๕๑๔ รุ่น ๒ ปี ๒๕๓๐ ฝังข้าวสารดำ ๖ เม็ด และตะกรุดโทน
    อีกทั้งยังได้จัดสร้างวัตถุมงคลเป็นรุ่นที่ ๓ มีตะกรุดโทน เหรียญบาตรน้ำมนต์ เพื่อมอบให้กับเจ้าภาพกองผ้าป่า กองละ ๑,๒๕๐ บาท เป็นกองทุนในการก่อสร้างอาคารเรียน โรงเรียนชุมชนวัดโคกดอกไม้และยังจัดสร้างพระสมเด็จปรกโพธิ์ (โพธิ์แก้ว) หลังยันต์ตำรับหลวงพ่อกวย, พระสมเด็จหลังรูปเหมือน มีดหมอและจตุคามรามเทพ
    หลวงพ่อพร้า ได้ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา ที่กุฏิวัดโคกดอกไม้ เมื่อเวลา ๑๗.๐๔ น. ของวันอาทิตย์ที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๒ สิริอายุ ๙๖ ปี พรรษา ๗๖
    ขอขอบเจ้าของบทความ ขออนุญาตนำประวัติของหลวงพ่อพร้า นำมาเผยแผ่บารมร ขอคุณเจ้าของบทความจากอินเตอร์และ google
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระผงรูปเหมือนของขวัญหลววพ่อพรัา เนื้อผงพุทธคุณ ปี ๒๕๓๕ รุ่นประสบการณ์ ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อโต วัดวิหารทอง ซึ่งเป็นหลวงลุงของท่าน อีกทั้งยังเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ประสพการสูง วัดโคกดอกไม้ จ.ชัยนาท ให้บูชาคู่กัน ๒ องค์ 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20240617_071552.jpg IMG_20240617_071623.jpg IMG_20240617_071358.jpg IMG_20240617_071425.jpg IMG_20240617_071450.jpg IMG_20240617_071525.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2024
  13. sunmk

    sunmk เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    1,131
    ค่าพลัง:
    +912
    จองพระผงล.พ.พร้า
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1718782593070.jpg

    เหรียญประสบการณ์ หลวงพ่อริม วัดอุทุมพร จ.สุรินทร์
    หลวงพ่อริม วัดอุทุมพร จ.สุรินทร์ ท่านเป็นพระเกจิดังในช่วงยุคปี2500ต้นๆ สมัยก่อนนั้นยุคที่บ้านเมืองยังไม่ค่อยสงบ ยังมีผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และโจรชุกชุมต่างจากสมัยนี้มาก อันตรายยังมีอยู่ทุกภาคของประเทศ ยิ่งใกล้ชายแดนกัมพูชา อย่างสุรินทร์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง อันตรายมากๆ พวกทหารตำรวจได้อาศัยบารมีท่านและเครื่องรางของขลังของท่านไว้คุ้มครองป้องกันภัยกันทั้งนั้นครับ หลายคนมีประสบการณ์เจอกันมาเองจนมั่นใจเลยครับ บางคนเคยเห็นท่านแสดงอภินิหาร จนมีการสร้างเหรียญกายทิพย์แยกร่างของท่านถวายให้ท่านเสกแจกกันเลยครับ พวกทหารแถบนั้นนิยมกันมากๆ แถมยังไปช่วยท่านสร้างสำนักสงฆ์บนเขากันเลยครับวัตถุมงคลของหลวงพ่อริมที่โด่งดังมากๆ
    FB_IMG_1718782569977.jpg
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างส่งครับ
    เหรียญหันข้างขวา หลวงพ่อริม รัตนมุณี สร้างปี ๒๕๑๔
    วัดอุทุมพร จ.สุรินทร์ จำนวนสร้าง 2000 เหรียญ ปัจจุบันเริ่มหายากตามกาลเวลาครับ
    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาท ครับ

    IMG_20240617_004858.jpg IMG_20240617_004935.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    showimage (2).jpeg showimage (6).jpeg showimage (7).jpeg showimage (5).jpeg showimage (4).jpeg showimage (3).jpeg


    พระพุทธชินสีห์พิมพ์ของขวัญวัดบวรปี๒๕๓๖
    พระเถระทั่วประเทศปลุกเสก ณ อุโบสถวัดบวรนิเวศวิหาร เททองปี 2535 ปลุกเสกปี 2536
    ประวัติศาสตร์ต้องจารึกการปลุกเสกทั่วสังฆมณฑลครั้งยิ่งใหญ่นี้ ใครได้ไปถือว่า "โชคดีที่สุด"
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมือที่มาอย่างสูงครับ

    ให้บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240617_005020.jpg IMG_20240617_005103.jpg IMG_20240617_004957.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337

    พระผงของขวัญ อีก ๑ วัตถุมงคล หลวงพ่อผัน วัดราษฎร์เจริญ ที่มีประสบการณ์สูง
    เรื่องมีอยู่ว่า คุณสำเริง เอี่ยมสำอาง มีอาชีพเป็นช่างเชื่อมเหล็ก วันหนึ่งต้องขึ้นไปเชื่อมโครงเหล็กบนอาคารโรงงานซึ่งสูงเท่ากับตึก ๓ ชั้น ขณะนั้นฝนตกพรำๆ จึงทำให้สายไฟรั่ว จึงดูดเอาคุณสำเริงร่วงตกลงมาสู่พื้น แต่พอร่วงตกลงมาที่พื้นซึ่งสูงเท่ากับตึก ๓ ชั้น ปรากฎว่าคุณสำเริงกลับไม่ได้รับอันตรายใดๆ คุณสำเริงเล่าว่าตอนถูกไฟดูดชาไปทั้งตัว และหน้ามืดหมดแรงจึงตกลงมา แต่ตอนตกลงมาเหมือนมีมือใครมาฉุดไว้แล้วไม่รู้สึกตัวเลย มารู้สึกตัวอีกทีเหมือนนอนอยู่บนฟูก แต่พอมองดูกลับเป็นพื้นดิน จึงคลำพระที่แขวนอยู่ในคอ ซึ่งเป็นพระผงของขวัญ หลวงพ่อผัน วัดราษฎร์เจริญ ที่ตนได้มาจากการไปทำบุญที่วัดราษฎร์เจริญ

    พระผงของขวัญ เนื้อผงน้ำมันผสมเกษา หลวงพ่อผันวัดราษฎร์เจริญ (วัดแปดอาร์)จ.สระบุรี ปี2526 พระดีราคาเบาอาจารย์เทพย์ สาริกบุตรได้ถวายผงปถมังเพื่อเป็นมวลสารในพระรุ่นนี้ และยังเป็นเจ้าพิธีในการจัดสร้างและปลุกเสกด้วย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาของผมครับ

    ให้บูชาองค์ละ 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับมี ๒ องค์

    img_20240617_073449-jpg.jpg img_20240617_073515-jpg.jpg

    องค์ที่๑

    img_20240617_073344-jpg.jpg img_20240617_073424-jpg.jpg

    องค์ที่๒
    img_20240617_073254-jpg.jpg img_20240617_073318-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2024
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    1718875594345.jpg
    ประวัติย่อ พระหลวงตาอภิชาตบุตร (หลวงปู่สุมา สจฺจวโร)
    หลวงปู่สุมา สฺจจวโร ท่านมีเมตตาสูงมาก ต่อลูกศิษย์ลูกหาทุกๆคน ไม่ถือตัว ไม่ชอบยศ ไม่ชอบตำแหน่ง ชอบสมถะ มักสันโดด ชอบช่วยเหลือชีวิตสรรพสัตว์ น้อยใหญ่ โดยเฉพาะมนุษย์เรา เรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วย หลวงปู่บอกขอให้รู้ขอให้บอก หลวงปู่จะช่วยเหลือทุกวิถีทาง เพราะกว่าจะเกิดมาได้ จนเรียกว่าสัตว์ประเสริฐนี่แสนอยากลำบาก ไม่อยากให้ใครก็ตาม ต้องจบชีวิตลงโดยทางมืด อยากจะให้ไปทางสว่างๆกัน และอยากให้มีอายุยืนยาว นานๆ
    หลวงปู่สุมา ท่านยังแข็งแรงดีครับ แต่ต้องพูดเสียงดังๆหน่อย ท่านถึงจะได้ยินแม้ว่าท่านจะอายุมากแล้วก็ตาม ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ.2469 ที่บ้านนาพู่ ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี อายุปัจจุบันร่วม 92 ปีแล้ว ส่วนพรรษานั้นที่ 70 พรรษา ไม่ธรรมดาครับ เพราะหลวงปู่บวชเมื่ออายุ 22 ปี ในปี พ.ศ.2491 ณ วัดมัชฌิมาวาส อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมีพระเทพวิสุทธาจารย์ (หลวงปู่ดีเน๊าะ) เป็นพระอุปัชฌาย์ และก่อนหน้าท่านบรรพชาเป็นสามเณรมาก่อน เรียกได้ว่า จบวัยเรียนจากชั้นประถม ก็เข้าสู่ร่มกาสาวพัตร ถวายตัวเป็นศิษย์แห่งองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดชีวิตที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน เลยที่เดียว
    เข้าวัดฟังธรรม ทำบุญตักบาตร สนทนาธรรมะกับหลวงพี่ที่วัดลำดวน(บ้านนาพู่)ตลอด จนรู้สึกชอบและอยากจะบวช จะขออนุญาตกับบิดา-มารดา บวชบรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งท่านก็อนุญาตด้วยดี
    จากนั้นก็ได้ร่ำเรียนวิชาธรรมะศึกษา-นักธรรมตรี-นักธรรมโท-นักธรรมเอก และเปรียญธรรม(ปธ.)ตามลำดับ และไม่ขอสึกสักที จนเข้าบวชเป็นพระภิกษุในเวลาต่อมา
    หลวงปู่สุมา สจฺจวโร ได้มีปฏิปทา ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย อย่างเคร่งครัด สนใจเรียนวิชาทุกแขนง ทั้งสายวิทยาคม ได้แก่ หลวงปู่ทอง วัดโนนยาง จ.อุดรธานี หลวงพ่อพิบูลย์ วัดพระแท่น(บ้านแดง)จ.อุดรธานี พระปลัดหยุ่น วัดดงยวด จ.อุดรธานี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสายเหนียว คงกระพันชาตรี ของจังหวัดอุดรธานีทั้งนั้น เป็นต้น
    หลวงปู่หยุ่น พระเกจิผู้โด่งดังในอดีต ที่มีข่าวการปล้นจี้หมายจะฆ่าชิงทรัพย์สมบัติของวัด เมื่อราว 20-30 ปี ที่ผ่านมา แต่อาวุธโจรผู้ร้ายไม่ระคายผิวท่าน และมีอันต้องเป็นบ้าใบ้-เสียชีวิตไปในที่สุด ตลอดจนการรักษาให้ลดละเลิกเหล้า ได้ผลดีนักเป็นที่ทราบกันทั้งจังหวัดใกล้ไกล และรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน
    อีก ทั้งพระในสายวิปัสนากรรมฐาน หลวงปู่สุมาแม้ท่านจะไม่ได้ฝากกายถวายเป็นศิษย์สายธรรมยุตินิกายโดยสมบูรณ์ แต่หลวงปู่ก็ได้ศึกษาร่ำเรียนวิชาวิปัสนากรรมฐานและอื่นๆจากครูบาอาจารย์แถบ ภาคอีสานมาพอสมควรกับการรู้และปฏิบัติเป็นอย่างดี อาทิ ลป.ชอบ ลป.เทสก์ ลป.หลุย ลป.อ่อน ลต.มหาบัว ลป.เหรียญ เป็นต้น ตลอดจนการใฝ่รู้ใฝ่เรียน วิชาเปรียญธรรม(ปธ.)จนได้รับการแต่งแตั้งเป็น พระครูผู้สอนวิชาธรรมศึกษา ให้แก่พระภิกษุสามเณร วัดลำดวน(นาพู่) วัดบ้านศรีบุญรื่อง วัดศรีจาน วัดบ้านเชียงหวาง
    หลวงปู่ได้พระสอนนักธรรม ที่วัดบ้านนาพู่ บ้านเชียงหวาง บ้านศรีจาน บ้านศรีบุญเรือง และเป็นผู้ก่อตั้งสร้างวัดป่าดอนนาวศรีสามัคคีธรรม ขึ้นในปี 2516 เพื่อให้เป็นสถานที่ที่กราบไหว้สักการะบูชา และเป็นที่ยึดเหนียวทางจิตใจสืบไป มาจนถึงทุกวันนี้
    #ที่มาจากเว็บพลังจิต

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญรุ่น 7"พิเศษ ๙๙๙"บูชาครูคณะศิษย์กรุงเทพสร้างถวายมีเนื้อทองแดงรมดำ และเนื้อกะหลั่ยเงินลงยา
    สร้างราว 2,000 เหรียญ
    ปัจจุบันหมดไปจากวัดแล้วประสบการณ์เรื่องแคล้วคลาด ตกที่สูง ตกต้นไม้ตกตึก ตกนั่งร้านไม่เป็นไร

    ให้บูชา 2 เหรียญคู่กัน 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240620_160254.jpg IMG_20240620_160333.jpg IMG_20240620_160222.jpg IMG_20240620_160401.jpg IMG_20240620_160424.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2024
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337

    1718877598236.jpg


    ข้อมูลประวัติ หลวงปู่ตี๋ วัดหลวงราชาวาส อุทัยธานี


    "พระครูอุทัยธรรมกิจ" หรือ "หลวงปู่ตี๋ ญาณโสภโณ" อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงราชาวาส ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองอุทัยธานี ศิษย์สายธรรม หลวงพ่อพูน วัดหนองตางู และ หลวงพ่อพุฒ วัดทุ่งแก้ว

    วัตถุมงคลของหลวงปู่ตี๋ ที่สร้างขึ้นมาแต่ ละรุ่น มีความคิดโดดเด่นในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเมตตามหานิยม โชคลาภ และอยู่ยงคง กระพัน จึงเป็นที่นิยมเสาะหาของนักสะสมโดยทั่วไป

    ชาติภูมิ หลวงปู่ตี๋ เป็นชาวอุทัยธานีโดยกำเนิด เกิดที่ ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2455 ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีชวด มีนามเดิมว่า ตี๋ แซ่ตั้ง เป็นบุตรคนที่ 3 ในจำนวน 6 คน โยมบิดา-มารดา ชื่อนายก้าง และนางเหล็ง แซ่ตั้ง ครอบครัวประกอบอาชีพค้าขาย

    ในช่วงวัยเยาว์ ด.ช.ตี๋ ได้เรียนหนังสือที่โรงเรียนอุทัยทวีเวทย์ จ.อุทัยธานี จนจบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 หลังจากเข้ารับการตรวจเลือกรับราชการทหาร ปรากฏว่าไม่ถูกคัดเกณฑ์

    หลังจากนั้น ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 16 กรกฎา คม 2476 ณ พัทธสีมาวัดธรรมโฆษก (โรงโค) โดยมีพระสุนทรมุณี (หลวงพ่อฮวด) วัดพิชัยปุรณาราม เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี เป็นพระอุปัชฌาย์, พระปลัดโชติ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระใบฎีกาทิม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ญาณโสภโณ มีความหมายว่า ผู้มีจิตอันงดงาม

    เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดธรรมโฆษก ต่อมาเมื่อเกิดไฟไหม้ตลาดอุทัยธานีครั้งใหญ่ ได้ไปอยู่กับหลวงพ่อพูนที่วัดหนองตางู เป็นเวลา 2 พรรษา ได้ศึกษาวิทยาคม จนกระทั่งหลวงพ่อพูน มรณภาพลงในปี พ.ศ.2480 จึงได้กลับมาอยู่ที่วัดธรรมโฆษกอีกครั้ง

    ในปี พ.ศ.2497 ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหลวงราชาวาส พ.ศ.2501 ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงราชาวาส และได้รับแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมของพระราชอุทัยกวี (พุฒ) เจ้าคณะจังหวัดอุทัยธานี เจ้าอาวาสวัดมณีสถิตกปิฏฐาราม (วัดทุ่งแก้ว) พระอารามหลวง

    พ.ศ.2517 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตร ที่ พระครูอุทัยธรรมกิจ

    นอกจากได้รับการถ่ายทอดการฝึกจิตวิชาแพทย์แผนโบราณ รวมทั้งวิทยาคมด้านอื่น จากหลวงพ่อพูน วัดหนองตางู จ.อุทัยธานี หลวงปู่ตี๋ยังได้ศึกษาจากตำราสมุดข่อยโบราณของหลวงพ่อแป้น อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงราชาวาส เกี่ยวกับยันต์เทพรัญจวน เป็นยันต์เดียวกับที่จารลงในตะกรุดโทน ซึ่งหลวงพ่อป๊อก อดีตเจ้าอาวาสวัดอุโป สถารามใช้อยู่เป็นประจำ

    ท่านจึงได้ให้ช่างหลี เป็นช่างตัดผมในตลาดอุทัยธานี สักยันต์เทพรัญจวนที่ตัวของท่านที่อกและหลังเป็นที่ระลึกกับหลวงพ่อแป้น และเห็นว่าเป็นยันต์โบราณที่ใช้สืบทอดกันมา ท่านยังได้รับการถ่ายทอดต่อจากพระราชอุทัยกวี หรือท่านเจ้าคุณพุฒ วัดทุ่งแก้ว

    ด้วยความสมถะและถือสันโดษมาตลอดระยะเวลาในชีวิตสมณเพศของหลวงปู่ตี๋ ญาณโสภโณ หรือพระครูอุทัยธรรมกิจ ท่านชอบศึกษาหาความรู้และอยู่อย่างเงียบๆ มีวัตถุปฏิบัติที่เรียบง่าย ยึดมั่นในศีลาจารวัตร เคร่งครัดในพระธรรมวินัย

    แม้ท่านจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการสร้างวัตถุมงคลที่เป็นที่นิยมสะสมกันในวงการพระเครื่อง แต่ท่านก็ยึดคำโบราณที่ว่า "ฆ้องดังเองไม่มีคนตี เรียกว่า ฆ้องอัปรีย์ ฆ้องที่ดีต้องมีคนตีถึงจะดัง"

    วัตถุมงคลของท่านไม่ว่าจะเป็นเสือพุทธาคม ตะกรุดเทพรัญจวน เหรียญและรูปหล่อ สร้างขึ้นมาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ประกอบการปลุกเสกเดี่ยวและใช้เวลายาวนานตลอดไตรมาส หรือ 3 เดือนเป็นส่วนใหญ่ จึงบังเกิดความ เข้มขลังในพุทธคุณ จนเป็นที่เล่าลือโจษขานกันมากมาย

    วันที่ 1 มีนาคม 2546 เวลา 11.57 น. หลวงปู่ตี๋ ญาณโสภโณ ได้ละสังขารลงด้วยอาการสงบ สิริอายุ 91 ปี พรรษา 71 ถือเป็นความสูญเสียของวงการสงฆ์เมืองอุทัยธานีอย่างแท้จริง ด้วยหลวงปู่ตี๋เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    ปัจจุบัน สังขารอันบริสุทธิ์ของท่านยังคงนอนสงบนิ่งภายในโลงแก้วอันโปร่งใส ณ วัดหลวงราชาวาส ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี เพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่ศรัทธา ตลอดจนบรรดาศิษยานุศิษย์ได้กราบไหว้สักการะ
    หลือปรากฏไว้แต่เพียงคุณงามความดีเพียงเท่านั้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาจากส่งครับ

    เหรียญรุ่น 3 หลวงปู่ตี๋ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240620_165807.jpg IMG_20240620_165831.jpg
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,685
    ค่าพลัง:
    +21,337
    วันนี้ จัดส่ง
    1718994933331.jpg

    ขอบคุณครับ
     
  20. Nantana

    Nantana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +212
    รูปเหมือนลอยองค์
    รุ่น"ผ้าป่าถวายหลวงพ่อโต
    2541 กอง"
    ดำเนินการให้แล้วค่ะ
    รายละเอียด pm. นะคะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...