หลวงพ่อพวง หลวงพ่อกวย หลวงปู่หมุน ธรรมะหลวงปู่เทพโลกอุดร

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย teerapote, 2 เมษายน 2014.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ผมจัดส่งพระให้คุณ motto_san แล้ววันที่ 7 กรกฎาคม 2557 เวลา 9.41 น. EMS เลขที่ EL 2235 7936 2 TH
    ขอบคุณครับ
     
  2. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระสมเด็จ หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก


    [​IMG]


    พระสมเด็จ หลวงพ่อจันทร์ ขันติโก วัดโฉลกหลำ เกาะพะงัน ต้นตำนานพระสมเด็จ สุดยอดขุนแผนมหาเสน่ห์แดนทักษิณ ที่เป็นหนึ่ง ไม่เป็นสองรองใคร ได้จากหลานหลวงปู่จันทร์ ท่านบวชเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่เกาะสมุย(ปัจจุบัน)

    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • D07.jpg
      D07.jpg
      ขนาดไฟล์:
      136.9 KB
      เปิดดู:
      8,361
    • D08.jpg
      D08.jpg
      ขนาดไฟล์:
      147.5 KB
      เปิดดู:
      246
    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      119.4 KB
      เปิดดู:
      250
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      84
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 สิงหาคม 2014
  3. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว เหรียญสร้างกิ่งอำเภอ (ปืนแตก) ปี 2541


    [​IMG]


    หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว เกจิชื่อดังผู้มีประกาศิตเขี้ยวแก้วกลางเพดานปาก จนเป็นที่มาของฉายาดังกล่าว ได้เมตตาสร้างเหรียญรูปเหมือนรุ่นนี้ในคราวที่ก่อตั้งกิ่งอำเภอวังสมบูรณ์ (ปัจจุบันเป็นอำเภอแล้ว) จังหวัดสระแก้ว เมื่อ ปี 2541 จึงเรียกเหรียญรุ่นนี้ว่าเหรียญสร้างกิ่ง ออกที่วัดเขาแหลมโดยตรง หลวงปู่ปลุกเสกเดี่ยวและอนุญาตให้กรรมการนำเหรีญรุ่นนี้ไปให้เกจิชื่อดังปลุกเสกเพิ่ม 2 ครั้ง คือ หลวงปู่พรหมา เขมจาโร แห่งสำนักสงฆ์สวนหินผานางคอย อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี ทำพิธีกรรมปลุกเสก เมื่อคืนวันที่ 9 สิงหาคม 2541 และหลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย (พระวิสุทธิญาณเถระ) แห่งวัดเขาสุกิม จังหวัดจันทบุรี ปลุกเสกอีกครั้ง เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2541 ต่อมามีผู้นำปืนมาทดลองยิง ปรากฎว่ายิงไม่ออก จนปืนแตกเสียหายจึงเป็นที่มาของการเรียกเหรียญรุ่นนี้อีกชื่อว่า เหรียญปืนแตก พุทธคุณและประสบการณ์จึงไม่ต้องบรรยายมาก

    ให้บูชา 1,500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00902.JPG
      DSC00902.JPG
      ขนาดไฟล์:
      582.5 KB
      เปิดดู:
      5,065
    • DSC00903.JPG
      DSC00903.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      188
    • DSC00632.JPG
      DSC00632.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.8 MB
      เปิดดู:
      231
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      94
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2014
  4. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระผงผสมอังคาร(เถ้ากระดูก) สัมเด็ดลุน แขวงจำปาสัก ประเทศลาว


    [​IMG]


    พระผงผสมอังคาร(เถ้ากระดูก) สัมเด็ดลุน แขวงจำปาสัก ประเทศลาว รุ่นกตัญญูหนึ่ง ปี2548 ด้านหลังรูปต้นโพธิ์ที่ปลูกบริเวณเผาศพสมเด็จลุนในประเทศลาวขนาดกว้าง 3.8 ซม. สร้างโดยหลวงปู่จอม นาคเสโน วัดป่าโพธิสมพร (วัดดอนดู่) จ.อำนาจเจริญ องค์นี้พิเศษหลวงปู่เมตตาจารหมึกด้านหลังให้ด้วยครับ

    ให้บูชา 500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00910.JPG
      DSC00910.JPG
      ขนาดไฟล์:
      365.2 KB
      เปิดดู:
      6,706
    • DSC00909.JPG
      DSC00909.JPG
      ขนาดไฟล์:
      699.2 KB
      เปิดดู:
      205
    • DSC00907.JPG
      DSC00907.JPG
      ขนาดไฟล์:
      713.1 KB
      เปิดดู:
      214
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      60
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2014
  5. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    เค้าโครงเรื่องการฝึกจิต (สมาธิ – วิปัสสนา)

    โดย อภิชิโต ภิกขุ ( อาจารย์ ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ )


    [​IMG]


    ถาม. ผู้ที่สำเร็จสมาธิขั้นสูงจะได้รับบุญกุศลอันใด ที่นอกเหนือไปจากการใช้อำนาจจิต ?

    ตอบ. ฌานขั้นที่ ๑ ช่วยให้เราสามารถแยกจิตออกจากกายได้โดยทันทีดังนั้น เราสามารถที่จะระงับความเจ็บปวดต่างๆ ตลอดจนอารมณ์รุนแรง หรือความทุกข์ได้ทันทีทันใด เราสามารถหนีจากความเจ็บปวดหรือความทุกข์สูงสุดก่อนจะตาย โดยการละทิ้งร่างกายไปอยู่ในความสุขขององค์ฌาน สภาพเช่นว่านี้เรามีสติรู้ว่านั่นเป็นตัวเรา เป็นจิตที่อยู่โดดเดี่ยวเต็มไปด้วยความปิติและความสุข ไม่มีความกังวลหรือความยุ่งยาก และจะเป็นอยู่เช่นนั้นเป็นเวลายาวนานเป็นต้นว่า ๕๐๐ ปี ๒๐๐๐ ปี แล้วแต่ขั้นของฌาน หลังจากนั้นแล้วจิตจะกลับเป็นจิตธรรมดาและเข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดอีก แล้วก็ไม่มีอำนาจของฌานเหลืออยู่นอกจากบุญกุศลเท่านั้น สภาพที่จิตอยู่ในความสุขของฌาน เรียกว่า “ สวรรค์ชั้นพรหม ” กล่าวให้ละเอียดแล้ว ฌาน ๔ ขั้น แยกออกได้เป็น ๒๐ ชั้น ส่วนในสมาธิขั้นต้นและขั้นกลางแยกออกได้เป็น ๖ ชั้น ฉะนั้น สวรรค์ของคนที่ตายจึงแบ่งเป็น ๒๖ ชั้น ตรงกับสมาธิ ๒๖ ขั้น หรือตามขั้นของบุญกุศลหรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่าตามขั้นของความสุข ผู้ที่สำเร็จฌานที่ ๔ สามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายร้อยปี ซึ่งในปัจจุบันนี้ ก็สามารถจะพบเห็นได้เป็นจำนวนมากในป่าใหญ่ของประเทศอินเดีย ประเทศไทย และประเทศจีน มีบางท่านที่เป็นอาจารย์ของข้าพเจ้า

    ถาม. เหตุใดผู้สำเร็จฌานขั้น ๔ จึงมีชีวิตได้หลายร้อยปี ?

    ตอบ. ที่สามารถมีอายุยืนยาวได้มาก เพราะในฌานที่ ๔ ต้องใช้อากาศน้อยที่สุด ดังนั้นลมละเอียดที่แทรกซึมผ่านร่างกายหรือผ่านวัตถุทุกอย่างได้ก็เพียงพอที่จะดำรงชีวิตอยู่โดยไม่มีการหายใจ สัมผัสดูชีพจรก็ไม่รู้สึกว่าเต้น แต่ยังคงมีสติอยู่ ทุกส่วนของร่างกายพักผ่อนอย่างแท้จริงดีกว่าการนอนหลับสนิท เพราะฌานที่ ๔ ให้การพักผ่อนอย่างแท้จริงทั้งกายและใจ สามารถอยู่ในฌานที่ ๔ ได้มากกว่า ๗ วัน และทำซ้ำต่อไปอีกได้ ฉะนั้น จึงไม่น่าประหลาดเลยที่โยคีสามารถอยู่ในที่ปิดล้อมมิดชิดแล้วฝังไว้ใต้ดินได้หลายวัน โดยไม่ต้องดื่มหรือกินอาหารเลย ถ้าเราใช้รถยนต์เพียงสัปดาห์ละ ๒๐ นาที และรักษารถนั้นไว้ให้สะอาดเรียบร้อย ก็สามารถอยู่ในสภาพใช้การได้หลายพันปี ทำนองเดียวกันเมื่อผู้ใดอยู่ในฌาน ๔ เป็นประจำ ย่อมจะมีอายุยืนยาวมาก ( เข้าฌานหลายๆ วัน แล้วออกจากฌานเคลื่อนไหว กินอาหารแล้วเข้าฌานอีก สลับกันไป )

    ถาม. เหตุใดจึงอยู่ในฌานได้โดยไม่กินอาหาร ? และจะอยู่ในฌานติดต่อเรื่อยๆ ไปหลายร้อยปีจะได้หรือไม่ ?

    ตอบ. ที่คนอยู่ในฌานได้โดยไม่กินอาหารหลายวัน เพราะว่า อาหารใช้สำหรับสร้างกำลังงานเพื่อกระตุ้นให้อวัยวะต่างๆ เคลื่อนไหว ซ่อมแซม หรือสร้างอวัยวะขึ้น ดังนั้นเมื่อร่างกายและจิตใจพักผ่อนอย่างแท้จริงในฌานที่ ๔ กำลังงานหรืออาหารก็ไม่จำเป็นต่อร่างกาย ถึงอย่างไรก็ดี หัวใจก็ยังต้องทำงานอยู่แต่ทำงานเบามากจนสัมผัสดูไม่รู้สึก ด้วยเหตุนี้เอง จึงอยู่ในฌานหลายๆ ปีไม่ได้ มิฉะนั้นอาหารที่เก็บตุนอยู่ในร่างกายก็จะถูกใช้หมดไปเพราะการทำงานของหัวใจ หลังจากนั้นร่างกายก็จะเริ่มร่วงโรย และเหี่ยวแห้ง ฉะนั้นโดยธรรมดาจะอยู่ในฌาน ๔ เพียง ๗ วัน หรือ ๑๕ วัน ต่อจากนั้นก็ต้องกินอาหารและออกกำลังบ้างแล้วจึงเข้าฌานอีกต่อไป

    ถาม. ที่เขาอยู่ในป่าใหญ่เป็นเวลานานๆ กันนั้น เพื่อประโยชน์อันใดหรือ ?

    ตอบ. เป็นเพราะเขาเห็นกันว่า หลังจากเราได้เกิดมาแล้วชีวิตก็จะแก่ เจ็บ และตาย โดยไม่มีการหยุดยั้งและไม่มีการยกเว้น เฉพาะอย่างยิ่ง ความทุกข์มหาศาลก่อนจะตายนั้นเขามองเห็นแจ่มชัด เราสามารถหนีจากทุกข์มหาศาลนี้โดยการแยกจิตออกจากร่างกาย ฌานที่ ๑ จะช่วยให้เราสามารถแยกจิตจากร่างกายได้ ยิ่งกว่านั้นจิตที่แยกออกยังมีความสุขอย่างใหญ่หลวง และสามารถติดต่อกับผู้ที่มีสมาธิจิตดีได้ ป่าลึกเป็นสถานที่เปลี่ยวซึ่งยกย่องว่าเป็นที่ฝึกสมาธิได้ดี หลังจากได้สำเร็จฌาน ๔ ก็จะมองเห็นการเวียนว่ายตายเกิดซ้ำซาก เห็นชีวิตอมนุษย์ และมนุษย์กำลังแก่ เจ็บ ทุกข์ทรมาน เวียนวนและเกิดใหม่ พิจารณาไปว่า แม้สามารถหนีจากทุกข์ แก่ เจ็บและตาย ไปได้หลายพันปีด้วยอำนาจฌาน แต่ในที่สุดอำนาจฌานก็จะหมด แล้วก็ต้องเข้าสู่การเวียนว่ายตายเกิดอีก เมื่อผู้ใดเคยเห็นความทุกข์ใหญ่หลวงของความยากจนแล้ว ภายหลังกลับเป็นคนมั่งมีได้ลิ้มรสความสุข เขาย่อมจะกลัวการกลับเป็นคนจนอย่างยิ่งยวด ทำนองเดียวกันเมื่อผู้ใดเคยเห็นความทุกข์ ในการเวียนเกิดเวียนตาย และได้ลิ้มรสความสุขอันแท้จริงของฌาน เขาย่อมจะกลัวต่อการเวียนตายและทุกข์ ด้วยเหตุนี้ เขาย่อมพยายามที่จะได้อยู่ในความสุขถาวร และทำลายการเวียนเกิดเวียนตายเสีย สภาพเช่นกล่าวนี้เรียกว่า “ นิพพาน ” ซึ่งมีอยู่พร้อมสำหรับทุกคนผู้มีจิตบริสุทธิ์ เช่นเดียวกับสวรรค์ซึ่งมีอยู่พร้อมสำหรับทุกคนผู้สำเร็จสมาธิ หรือผู้มีศีลธรรมดี หรืออีกนัยหนึ่งผู้มีความสุขอันแท้จริงจิตที่บริสุทธิ์ย่อมจะเกิดได้จากการฝึกวิปัสสนา ซึ่งโดยธรรมดาใช้เวลานานมาก เพราะเหตุดังกล่าวแล้วนี้ จึงมีหลายคนที่เต็มใจฝึกอยู่ในใจกลางป่า และหน่วงเวลาอยู่นานต่อนานจนกว่าจะสำเร็จสมปรารถนา

    พิจารณาคำตอบข้างบนนี้ และประโยชน์ของสมาธิขั้นสูงในบทที่ ๑ ก็พอจะเห็นได้ว่า สมาธิสูงทำให้คนเป็นผู้วิเศษ แต่ถึงอย่างไรก็ดี ในที่สุดคุณวุฒิของผู้วิเศษก็จะหมดสิ้นลงได้ จะทำให้ยืนยงตลอดไป ไม่มีการดับสูญ ก็ต่อเมื่อได้เป็นพระอรหันต์ ก็อะไรเล่าเป็นมูลเหตุที่จะทำให้คนเป็นพระอรหันต์ ปัญญาอันเลิศ ( โลกุตตรปัญญา ) นั่นแหละเป็นมูลเหตุทำไมหรือ โปรดสอบสวนดูในเรื่องยอดปัญญา ผู้ซึ่งมีจิตเป็นสมาธิย่อมสำเร็จประโยชน์ได้ทุกอย่าง พระธรรมของพระตถาคต เมื่อเข้าไปประดิษฐานในสันดานของปุถุชนแล้ว พระธรรมอันแท้จริงจะกลายเป็นของปลอมทั้งสิ้น ( สัทธรรมปฏิรูป ) เพราะฉะนั้น เมื่อยังเพียรแต่เรียนพระปริยัติธรรมถ่ายเดียว จึงยังใช้การไม่ได้ดี เราจะต้องฝึกทางด้านปฏิบัติและกำจัดกิเลสทั้งปวงไปแล้ว จึงจะยังประโยชน์ให้สำเร็จได้เต็มที่และทำให้พระสัทธรรมบริสุทธ์ ไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนจากหลักเดิม

    ตอนต่อไป ยอดปัญญา ซึ่งเป็นตอนจบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pra2.jpg
      pra2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      164.6 KB
      เปิดดู:
      5,065
  6. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ยอดขุนพล พิมพ์ผาลไถ อ. ชุมไชยคีรี ปี 2497


    [​IMG]


    ยอดขุนพล พิมพ์ผาลไถ ขนาดใหญ่ 5.5*7.0 ซม. อาจารย์ชุมไชยคีรี ปี 2497 องค์นี้มีคราบ น้ำมันโสฬส น้ำมันหนูแมว พิมพ์ใหญ่ ปั้ม 3 ยันต์...บูชา 3,000 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00911.JPG
      DSC00911.JPG
      ขนาดไฟล์:
      458.4 KB
      เปิดดู:
      6,125
    • DSC00912.JPG
      DSC00912.JPG
      ขนาดไฟล์:
      941.7 KB
      เปิดดู:
      262
    • 113.jpg
      113.jpg
      ขนาดไฟล์:
      8.9 KB
      เปิดดู:
      200
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      151
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2014
  7. sritrang

    sritrang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2013
    โพสต์:
    6,142
    ค่าพลัง:
    +1,620
    จองครับ
     
  8. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    เค้าโครงเรื่องการฝึกจิต (สมาธิ – วิปัสสนา)

    โดย อภิชิโต ภิกขุ ( อาจารย์ ชาญณรงค์ ศิริสมบัติ )​


    [​IMG]


    ยอดปัญญา ( โลกุตตรปัญญา ) เมื่อเราได้สำเร็จฌานขั้นที่ ๔ และอำนาจพิเศษดังกล่าวไว้ในบทที่ ๑ และ ๒ เราต้องเข้าสู่ฌานขั้นที่ ๔ สักครู่หนึ่ง แล้วถอยออกมานิดหนึ่ง เพื่อใช้อำนาจจิต ( ทิพจักขุ หรือการเห็นทางใน ) พิจารณาภายในร่างกายของตนและชีวิตของตนเป็นขั้นๆ ดังต่อไปนี้

    ๑. ตรวจสอบดูให้ละเอียดถี่ถ้วนทุกปี ทุกวัน และทุกขณะจิต จากปัจจุบันจนถึงขณะเกิดเป็นชีวิตขึ้นมาว่า ความเติบโต ความสุข ความยุ่งยาก บาปบุญ ความรู้ ความฉลาด ได้เปลี่ยนแปลงมาอย่างไร แล้วจึงตรวจในชีวิตที่เวียนเกิดเวียนตายมาก่อน

    ๒. พิจารณาให้ลึกซึ้งเช่นนั้นหลายครั้งหลายหน จนทำให้พ้นจากความยึดมั่นว่าร่างกายในปัจจุบันเป็นตน ตามความจริงแล้วเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่ชั่วเดี๋ยวเดียว ( เพราะจิตเห็นชีวิตตนในชาติก่อนๆ เปลี่ยนมามากมายชั่วเวลาเล็กน้อย เปลี่ยนจากร่างมาเรื่อยๆ จิตของตนไปอยู่ในร่างของมนุษย์ดังชาตินี้บ้าง ไปอยู่ในร่างสัตว์ต่างๆ บ้าง เมื่อเห็นจิตครองได้หลายร่างก็เลิกยึดเอาว่า ร่างกายนี้เป็นของตน จิตจะต้องย้ายไปอีก ) พิจารณาให้เห็นซึ้งลงไปว่า กายกับใจนี้ เป็นของไม่เที่ยง มีการเปลี่ยน เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาทุกขณะจิต ทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะว่าอวัยวะทุกส่วน ทุกจุด ทุกเซลในร่างกาย กำลังไหลเคลื่อน กำลังเปลี่ยนแปลง กำลังแก่ กำลังเจ็บ และกำลังตาย ไม่มีการหยุดยั้งเลย

    - เป็นทุกข์ ( ไหวเคลื่อนอยู่มิขาดสาย ) ทนอยู่ไม่ได้ จำเป็นต้องแปรเปลี่ยนอยู่เสมอ ไม่อาจที่จะหยุดนิ่งได้แม้แต่เดี๋ยวเดียว ฉะนั้น ความแก่ ความเจ็บ ( ปวดเจ็บ เสียใจ ) และความตายจึงจำต้องมีแน่ เลี่ยงไม่ได้

    - เป็นอนัตตา ไม่ใช่ตน เป็นของว่างเปล่า ไม่มีเจ้าของ เวียนไปสู่ชีวิตใหม่ไม่หยุดหย่อน

    ๓. พิจารณาจิตใจและร่างกายว่าเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ แล้วพิจารณาว่าเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย สะอิดสะเอียน แล้วพิจารณาว่า เป็นสิ่งที่น่ากลัว

    ๔. พิจารณาซ้ำทั้ง ๓ ขั้นมากๆ ครั้ง จนมีความชำนาญ และสามารถเห็นแจ่มชัดทันที แล้ววางเฉยต่อกายและใจอันประกอบไปด้วยกิเลส แล้วคิดหาทางรอดพ้นจากการแก่ การเจ็บ และการตาย

    ๕. ทำขั้นที่ ๔ ซ้ำหลายๆ ครั้ง จะเกิด “ ยอดปัญญา ” รู้ทางที่จะรื้อถอนเอากิเลสทั้งปวงออกจากใจ ซึ่งทำให้หลุดพ้นออกจาก การแก่ การเจ็บ การตายได้โดยเด็ดขาด

    การฝึกทั้ง ๕ ขั้นนี้เรียกว่า “ การฝึกวิปัสสนา ” อันแท้จริง ซึ่งเป็นการฝึกเพื่อยอดปัญญา บางท่านก็รอดพ้นจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย ทั้งในชาตินี้และชาติหน้ากล่าวคือ เมื่อได้ฌานขั้นสูงสุดและใช้อำนาจจิตในขั้นนี้ได้แล้ว อยู่ในฌาน ๔ เป็นประจำก็จะทำให้ร่างกายคงที่อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีการแก่ การเจ็บ การตาย จนกว่าจะถึงวาระสุดท้าย ซึ่งนับเป็นเวลาหลายร้อยปี เมื่อเห็นว่าไม่ควรอาศัยร่างอยู่ต่อไปอีก ก็แยกวิญญาณออกไปอยู่สถานอันบรมสุขซึ่งเรียกว่า สวรรค์ชั้นพรหม แต่ถ้าฝึกวิปัสสนาจนได้ถึงยอดปัญญาแล้ว ก็จะเข้าสู่นิพพาน บางท่านฝึกทางลัด เมื่อสำเร็จฌานแล้วก็ฝึกวิปัสสนาเลย ไม่สนใจการใช้อำนาจจิต เมื่อได้ยอดปัญญาแล้วก็หลุดพ้นจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย ในชาตินี้ได้ แต่เมื่อตายแล้วก็เข้าสู่นิพพาน แนวทางปฏิบัติอันถูกต้องนั้นคือ ศีล-สมาธิ-ปัญญา ( ยอดปัญญา ) ในการฝึกใช้อำนาจจิตหรือฝึกสมาธิขั้นต้นก็จำเป็นต้องมีศีลธรรมที่ดีบางข้อเท่าที่จะพอปฏิบัติ แต่การฝึกสมาธิขั้นกลางและขั้นสูงนั้นต้องมีศีล ๕ ครบบริบูรณ์จึงจะฝึกได้ผล นักปฏิบัติต้องจดจำหลักวิชาเพียงเล็กน้อยก็พอ เมื่อสำเร็จขั้นฌานก็จะเกิดปัญญาพิเศษสามารถรู้ได้ทุกอย่างดีกว่าตำราทุกเล่มในโลกรวมกันเสียอีก ดังตัวอย่างจริงในปัจจุบัน หลายท่านที่ไม่ต้องมีตำรา ไม่ต้องมีการจดช่วยความจำ แต่รู้ทุกวิชาในโลกได้ ตอบได้ถูกต้องและทำได้ถูกต้องตรงจุดหมายเสมอ

    กิเลสเป็นมูลเหตุของความชั่วทั้งปวง กิเลสมี ๓ ชั้น คือ

    ๑. กิเลสชั้นหยาบ ( กิเลสหยาบ ) ซึ่งเป็นเหตุให้กระทำชั่วหรือกระทำผิดทางกายและทางวาจา กิเลสเหล่านี้จะกำจัดเสียได้ด้วย ศีล เราจะเห็นว่าศีลทั้งหลายกล่าวถึงแต่เรื่องกายและวาจาเท่านั้น

    ๒.กิเลสชั้นกลาง ซึ่งเป็นมูลเหตุให้ทำชั่วทางใจ ยังไม่ร้ายแรงพอที่จะทำให้แสดงออกทางกายหรือทางวาจา ตัวอย่างเช่น นิวรณ์ ๕ กิเลสชั้นกลางนี้จะรู้ได้ด้วยทางใจทั้งนั้น ( พิจารณาดูก็รู้ได้ ) และจะกำจัดทิ้งได้ด้วยฌาน ( หรือเรียกง่ายๆ ว่าความว่าง )

    ๓. กิเลสชั้นละเอียด ซึ่งนอนเนื่องอยู่ในสันดานไม่สามารถจะพิจารณาทราบได้ นอกจากการพิจารณาในวิปัสสนาขั้นที่ ๕ ที่กล่าวมานี้เป็นเครื่องยืนยันว่าการเริ่มต้นฝึกวิปัสสนานั้น เราต้องเริ่มต้นฝึกเมื่อได้สำเร็จถึงขั้นฌาน อย่างน้อยที่สุดก็ต้องจบสมาธิขั้นกลางเริ่มจะเข้าสู่ฌานแล้ว มิฉะนั้น ก็จะถูกพาให้หลงผิดด้วยกิเลสชั้นกลาง

    ธรรมอันเป็นเครื่องช่วยให้ได้สำเร็จถึงมรรคนิพพานนั้น ที่เป็นแก่นสำคัญคือ มรรค ๘ ซึ่งหมายถึงทางอันพร้อมเพรียงด้วยองค์แปดประการ จะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ นอกจากนั้นก็มีธรรมอื่นๆ อีกเช่น วิสุทธิ ๗ โพชฌงค์ ๗ เป็นต้น แต่จะเป็นมรรค ๘ วิสุทธิ ๗ หรือโพชฌงค์ ๗ ก็ล้วนขยายความออกไปจากศีล-สมาธิ-ปัญญา ทั้งนั้น และในข้อที่เป็นสมาธิเช่นมรรค ๘ ข้อที่ ๘ คือ สัมมาสมาธิ ก็มีอธิบายไว้ว่าหมายถึงฌานทั้งสี่ การเข้าถึงฌานนั้นไม่ใช่ของง่าย อาจารย์รู้ไม่ซึ้งเข้าไม่ถึง อยากยกตนว่าเลิศเลยดัดแปลงวิธีฝึกให้ถึงมรรคผล โดยไม่ต้องได้สมาธิขั้นฌานหรือจบสมาธิขั้นกลางเสียก่อนทั้งนี้ มักชอบวางโวหาร ยกตัวอย่างผู้ที่ฟังเทศน์ครั้งเดียวจบ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรมขั้นอริยะ เช่น สำเร็จเป็นพระโสดาบัน ความจริงแล้วผู้ที่บุญบารมีเดิมสูง การฟัง การอ่าน การเห็น หรือการฝึกสมาธิ แม้ชั่วระยะเดียว ก็สามารถมีความสนใจแรงกล้าจนจิตดิ่งเป็นสมาธิฌานได้ เพราะถึงขั้นฌานจึงจะเห็นของจริงดังกล่าวในวิปัสสนาทั้ง ๕ ขั้นได้ เพียงแต่รู้ปัญญาทางปริยัตินั้น อย่าหวังเลยว่าจะถึงมรรคผลนิพพานได้ ถึงอย่างไรก็ดี ถ้าคนรู้จริงอ่านพระไตรปิฎกให้จบจริงก็จะเห็นได้ว่า ผู้ที่ฝึกชั่วไม่นานหรือฟังเทศน์ครั้งเดียวได้ดวงตาเห็นธรรมนั้น ก็เป็นส่วนน้อยเหลือเกิน ทางที่ถูกจะต้องปฏิบัติตามมรรค ๘ จงดูตัวอย่างพระสารีบุตรผู้เป็นเลิศทางปัญญา ฝึกเป็นสมาธิอยู่กับโยคีก่อนเป็นเวลานาน จึงมาฟังพระอัสสชิสอนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นเพียงพระโสดา ต้องฝึกต่อไปอีกนานจึงได้เป็นพระอรหันต์ พระอานนท์อยู่ใกล้พระพุทธเจ้า เป็นเลิศทางจำ ก็ฝึกฝนตนนานต่อนาน จนพระพุทธเจ้าดับขันธ์เข้าสู่พระปรินิพพานแล้ว ก็ยังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ มาได้สำเร็จเมื่อทำสังคายนาครั้งแรก แม้พระสงฆ์อื่นๆ บวชแล้วก็ต้องฝึกกันนานๆ ทั้งนั้นจะไปอ้างจำนวนน้อยที่สุดที่ได้มรรคผลในเวลารวดเร็วมาเป็นเครื่องสนับสนุนวิธีฝึกที่ตั้งเอาเองมรรคผลเอาเองนั้นย่อมเป็นการสร้างความชั่วร้ายอย่างหนัก เป็นการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาเพื่อความยิ่งใหญ่ของตนเอง ผู้หวังความเจริญพึงอย่ากระทำเสียเลยดีกว่า พระพุทธเจ้าสอนเอง แม้สอนเป็นเวลานานก็ยังมีผู้สำเร็จมรรคผลเป็นส่วนน้อย จึงควรฝึกตามขั้นต้น คือ ปฏิบัติ ศีลสมาธิ รวมทั้งรู้วิธีใช้อำนาจจิต เมื่อจบสมาธิขั้นกลางหรือขั้นฌานแล้วจึงฝึกวิปัสสนา ทั้งนี้แม้ว่าในชีวิตนี้จะเข้าไม่ถึงมรรคผลนิพพานก็ยังมีหวังแน่นอนว่าจะได้รับประโยชน์ของสมาธิขั้นต้นและขั้นกลางดังที่กล่าวในบทที่ ๑ เป็นอย่างน้อย

    อำนาจจิต ปัญญาขั้นวิเศษ และยอดปัญญา จะต้องเพาะให้เกิดขึ้น จากการปฏิบัติเท่านั้น

    โสตถิ เต โหตุ สัพพทา สัตว์ทั้งหลายจงเป็นสุขเป็นสุขเถิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pra2.jpg
      pra2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      164.6 KB
      เปิดดู:
      4,220
  9. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระพุทธเมตตา ปี 48 ลพ เมือง พลวัฒโฑ วัดป่ามัชฌิมวาส กาฬสินธุ์


    [​IMG]


    พระพุทธเมตตา วัดป่ามัชฌิมวาส อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ พิธีพุทธาภิเษกเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2548 โดยมีหลวงพ่อเมือง พลวัฒโฑ เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมวาส และคณาจารย์สายวัดป่าร่วมปลุกเสก

    ให้บูชา 1,200 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00921.JPG
      DSC00921.JPG
      ขนาดไฟล์:
      489.9 KB
      เปิดดู:
      4,849
    • DSC00922 (2).JPG
      DSC00922 (2).JPG
      ขนาดไฟล์:
      948.4 KB
      เปิดดู:
      268
    • DSC00920.JPG
      DSC00920.JPG
      ขนาดไฟล์:
      671.7 KB
      เปิดดู:
      268
    • DSC00924.JPG
      DSC00924.JPG
      ขนาดไฟล์:
      819.8 KB
      เปิดดู:
      119
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      57
  10. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระสมเด็จปรกโพธิ์ เสาร์ 5 หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม​


    [​IMG]


    พระสมเด็จปรกโพธิ์ เสาร์ 5 หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐม สร้างปี ๒๕๓๖
    หลวงพ่อเปิ่น ถือเป็นพระเกจิชื่อดังแห่งจังหวัดนครปฐม วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ เป็นที่ประจักษ์ชัดเจน เรื่อง คงกระพัน เหนียวสุดๆ สมัยแรกๆ หลวงพ่อจะสักยันต์ด้วย มีลูกศิตย์ ที่หลวงพ่อสักยันต์ให้มากมายในยุคต้น เจอประสบการณ์ด้านเหนียวกันมากมาย มีข่าวลงหนังสือพิมพ์มากมาย จนคนแห่มากันแน่นวัด เพื่อขอสักยันต์มากมาย แต่ส่วนใหญ่ จะมาลองของ หรือลองวิชา ของหลวงพ่อมากกว่า จนระยะหลัง หลวงพ่อเห็นว่าไม่ค่อยเหมาะสมนัก หลวงพ่อจึงเลิกการสักยันต์อย่างถาวระค่ะ เริ่มมีการสร้างวัตถุมงคลแทน แต่วัตถุมงคลของหลวงพ่อก็เกิดประสบการณ์มากมายเช่นกัน ทุกคนแห่เช่าบูชาทุกรุ่น ทุกพิมพ์ หมดเกลี้ยงจากวัด

    ให้บูชา 500 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00926.JPG
      DSC00926.JPG
      ขนาดไฟล์:
      384.1 KB
      เปิดดู:
      5,618
    • DSC00927.JPG
      DSC00927.JPG
      ขนาดไฟล์:
      336.7 KB
      เปิดดู:
      92
    • DSC00925.JPG
      DSC00925.JPG
      ขนาดไฟล์:
      805.9 KB
      เปิดดู:
      111
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      82
  11. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    เหรียญหลวงปู่คง หลังพระพุทธชินคเรศอุเบกขา วัดตะคร้อ จ.นครราชสีมา


    [​IMG]


    เมื่อปี พ.ศ.2523 หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ลงข่าว ผู้หญิงถูกผู้ชายยิงในตรอกหลักหินใกล้หัวลำโพง สาเหตุเกิดจากสามีคนเก่าเกิดความแค้นที่อดีตภรรยาเดินคู่กับสามีคนใหม่ แต่ลูกปืนที่ยิงผู้หญิงนั้นยิงไม่เข้า เมื่อดูในคอจึงรู้ว่ามีเหรียญของหลวงพ่อคงห้อยคอเพียงองค์เดียวเท่านั้น เป็นเหรียญเสมาด้านหลังนางกวัก เป็นเหรียญรุ่นแรกของท่าน จากข่าวที่ลงในหน้าหนังสือพิมพ์รายวันทำให้คนจากหลาย ๆ จังหวัดที่มีความเลื่อมใสเดินทางไปยังวัดเพื่อบูชาเหรียญของท่าน ปรากฏว่าช่วงนั้นพระเครื่องของท่านมีไม่กี่รุ่นได้หมดไปจากวัดในเวลาอันรวดเร็ว และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผู้คนก็เดินทางไปหากันไม่เคยขาด พระเครื่องของท่านได้จัดสร้างกันมาตลอดเวลา และแต่ละรุ่นนั้นก็มีประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ เป็นที่กล่าวขานถึงบุญญาอภินิหาร

    พระอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบศึกษาธรรมะ และเล่าเรียนวิชาอาคมขลังเอาไว้ช่วยเหลือผู้คนที่มีความเดือนร้อน นับว่าเป็นความโชคดีอย่างมากที่สมัยนี้การเดินทางนั้นสะดวกรวดเร็ว อีกทั้งข่าวสารก็ช่วยกันเผยแพร่ให้คนรู้จัก จากวัดตะคร้อที่มีสิ่งก่อสร้างไม่มากมายอะไรนักก็เจริญขึ้นมาใหญ่โตมากในระยะเวลาไม่กี่ปีเท่านั้น เมืองโคราช หรือนครราชสีมานี้ อดีตนั้นเคยมีผู้หญิงกล้า พระอาจารย์ในอดีตที่ผ่านมานับเป็นร้อย ๆ รูปที่ทรงคุณวิเศษในด้านต่าง ๆ ก็มากมายและศิษย์ก็ได้รับการสืบทอดวิชานั้นเอาไว้จนมาถึงปัจจุบัน

    ชาติภูมิ นามเดิมว่า คง นามสกุล เทพนอก เกิดเมื่อปีกุน พ.ศ.2454 ที่บ้านดอนเมือง อ.คง พ่อของท่านชื่อ พูน แม่ของท่านชื่อ แย้ม ท่านเป็นลูกชายคนโตในจำนวนพี่น้องทั้งหมด 8 คน พ.ศ.2471 ท่าบวชเป็นสามเณร พ.ศ.2475 ก็บวชเป็นพระต่อเลยที่ วัดบ้านวัด ต.เทพาลัย อ.คง จ.นครราชสีมา พระครูศรีวิสุทธิพรต วัดเดิม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์สุข เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์ทิม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ภายหลังบวชไปอยู่วัดแจ้งนอกในตัวเมืองโคราชเพื่อเล่าเรียนด้านธรรมะ และเดินทางไปอยู่ที่วัดหนองจะบก สองปีที่ผ่านมาอยู่วัดนี้เพื่อสะดวกในการเดินทางไปเรียนหนังสือและศึกษาด้านธรรมะที่ วัดบึง อันเป็นสำนักยิ่งใหญ่ในสมัยนั้น ได้นักธรรมเอกและติดตามพระอาจารญ์ของท่านไปอยู่อีกหลายวัด และเดินทางเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ นอบได้เปรียญธรรม 4 ประโยค จากสำนักวัดบวรนิเวศวิหาร แล้วไปอยู่ที่บัวใหญ่ ต่อจากนั้นก็ไปอยู่วัดตะคร้อเมื่อปี พ.ศ.2495 พ.ศ.2496 ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอและเป็นพระอุปัชฌาย์

    พระอาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาอาคมขลังให้ท่านมีดังนี้ หลวงพ่อเสี่ยง วัดเสมาใหญ่ หลวงพ่อรอด วัดดอนผวา หลวงพ่อเขียว วัดปอปิด แต่ละรูปนั้นในด้านคุณวิเศษของท่านแล้วยอดเยี่ยมที่สุดสมัยนั้น แต่ละรูปเหรียญหรือพระเครื่องของท่านล้วนแต่ราคาแพงมากด้วย

    หลวงพ่อคงท่านเป็นพระที่สร้างความเจริญให้กับวัดตะคร้อเป็นอย่างมาก พระเครื่องของท่านนั้นมีไม่ต่ำกว่า 50 รุ่น คิดเอาเถอะครับว่าพระบ้านนอกอยางนั้นถ้าไม่แน่จริงแล้วคงไม่มีการสร้างพระเครื่องมามากขนาดนั้น แต่ด้วยความศรัทธาของประชาชนที่มีพระเครื่องของท่านติดตัวแล้วมีประสบการณ์ในด้านต่าง ๆ นั่นเอง

    เหรียญนี้รับจากมือหลวงปู่เอง ให้บูชา 400 บาท
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00928.JPG
      DSC00928.JPG
      ขนาดไฟล์:
      573.4 KB
      เปิดดู:
      5,457
    • DSC00929.JPG
      DSC00929.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1 MB
      เปิดดู:
      127
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      78
  12. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระหลวงปู่เทพโลกอุดรรุ่น ๑ พิมพ์นั่งตอไม้ วัดป่าสักภักดีภูริทัต

    [​IMG]


    พระหลวงปู่เทพโลกอุดรจากถ้ำจังหวัดชัยภูมิ บูชาไว้เมื่อ 18 ปีก่อน

    [​IMG]


    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00937.JPG
      DSC00937.JPG
      ขนาดไฟล์:
      478.3 KB
      เปิดดู:
      6,746
    • DSC00946.JPG
      DSC00946.JPG
      ขนาดไฟล์:
      971.4 KB
      เปิดดู:
      158
    • DSC00936.JPG
      DSC00936.JPG
      ขนาดไฟล์:
      814 KB
      เปิดดู:
      127
    • DSC00938.JPG
      DSC00938.JPG
      ขนาดไฟล์:
      924 KB
      เปิดดู:
      105
    • DSC00939.JPG
      DSC00939.JPG
      ขนาดไฟล์:
      822.6 KB
      เปิดดู:
      122
    • DSC00941.JPG
      DSC00941.JPG
      ขนาดไฟล์:
      591.3 KB
      เปิดดู:
      182
    • DSC00945.JPG
      DSC00945.JPG
      ขนาดไฟล์:
      565.2 KB
      เปิดดู:
      127
    • DSC00942.JPG
      DSC00942.JPG
      ขนาดไฟล์:
      323.4 KB
      เปิดดู:
      5,801
    • DSC00943.JPG
      DSC00943.JPG
      ขนาดไฟล์:
      786.9 KB
      เปิดดู:
      193
    • DSC00944.JPG
      DSC00944.JPG
      ขนาดไฟล์:
      564.3 KB
      เปิดดู:
      112
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 6 สิงหาคม 2014
  13. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระสมเด็จเหล็กไหลกายสิทธิ์พันคำ หลวงปู่ออ่ง ฐานธัมโม ปี 2549


    [​IMG]


    หลวงปู่อ่อง ฐิตธัมโม ปรมจารย์ สายสมเด็จลุน ศิษผู้น้อง ญาท่านสวน วัดนาอุดม ได้ไปเรียนวิชา จากกัมมัฏฐานแพง การเรียนสรรพวิชา เวทย์มนต์คาถาอาคมต่างๆ ในสายสมเด็จลุน ญาท่าน กัมมัฏฐานแพง ท่านได้กล่าวว่า ผู้ที่จะเรียนวิชาในสายนี้ จะต้องถือสัจจะ คือเมื่อเรียนสำเร็จ จะต้องบวชไม่สึกจนกว่าชีวิตจะหาไม่ วิชาที่ท่านได้เรียน ได้แก่ มูลสังกจาย วิชา ธาตุ 4 นะมะพะทะ ดิน น้ำ ลม ไฟ นะโมพุทธายะ นะปัตตลอด หนุนธาตุ กลับธาตุ วิชาหุงนวด หุงปรอด และสุดยอดวิชา คือวิชาหุงหิน วิชาโบราณ ที่น้อยคนจะเรียนวิชานี้สำเร็จได้ โดยการณ์ใช้ไฟ บริกรรมคาถาขับธาตุ ให้เกิดเป็นแร่กายสิทธิ์ มีพุทธานุภาพศักดิ์สิทธิ์ เข้มขลังในตัว มีแร่เหล็กไหลผสมอยู่ด้วย

    ประวัติหลวงปู่อ่อง ท่านเป็นหนึ่งในพระปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสายหลวงปู่สมเด็จลุน หรือ "สำเร็จลุน" วัดเวินไซ บูรพาจารย์พระเวทแห่งนครจำปาสัก ผู้เรืองวิทยาคมแห่งสองฝั่งแม่น้ำโขงไทย-ลาว โดยท่านเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่กรรม ฐานแพง จันทสาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดสิงหาญ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ซึ่งเป็นศิษย์เอกสำเร็จลุน

    แม้หลวงปู่อ่องจะสืบสายพุทธาคมมาทางด้านอิทธิปาฏิหาริย์ แต่ไม่เคยแสดงฤทธิ์เดชให้ใครเห็น ยกเว้นสิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเองในคราวจำเป็น หรือมีใครทดลอง เพราะได้รับคำแนะนำจากหลวงปู่กรรมฐานแพง จันทสาโร ศิษย์ผู้ใกล้ชิดสมเด็จลุนที่จำได้ทุกตัวอักษร ว่า "หากไม่มีเหตุจำเป็น อย่าแสดงแผงฤทธิ์เดชใดๆ" ท่านเป็นศิษย์ผู้น้องของ "ญาท่านสวน ฉันทโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดนาอุดม อ.ตาลสุม จ.อุบลราชธานี

    หลวงปู่อ่อง ฐิตธัมโม หุงหินล้านปีที่มีเชื้อเหล็กไหลอันศักดิ์สิทธิ์ จากถ้ำภูมะโรง นครจำปาสัก ประเทศลาว และจากถ้ำภูปัง อ.ศรีเมืองใหม่ จ.อุบลราชธานี มีพุทธานุภาพเข้มขลัง ทำมาค้าขายดี มหาลาภมหานิยมสูง เป็นที่ประจักษ์แก่คณะศิษย์ทั่วไป และได้รับการยืนยัน จากศิษยานุศิษย์ทั้งในและต่างประเทศอย่างกว้างขวาง ผู้ที่ทำมาค้าขายก็มีกิจการดีขึ้น สามีภรรยาที่มีปัญหากันต่างๆ ก็หมดไปอย่างคาดไม่ถึง เคยแตกแยกก็กลับมาอบอุ่นเหมือนเดิม และแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

    พระสมเด็จเหล็กไหลกายสิทธิ์พันคำ ด้านหลังหลวงปู่อ่องจารยันต์ "อิ ส วา สุ"

    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00948.JPG
      DSC00948.JPG
      ขนาดไฟล์:
      414.3 KB
      เปิดดู:
      6,037
    • DSC00949.JPG
      DSC00949.JPG
      ขนาดไฟล์:
      801.4 KB
      เปิดดู:
      187
    • DSC00947.JPG
      DSC00947.JPG
      ขนาดไฟล์:
      699.5 KB
      เปิดดู:
      120
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      97
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 มกราคม 2015
  14. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระกริ่งพิรุณกำบังรุ่นแรก หลวงพ่ออั้น อภิปาโล วัดโรงโค


    [​IMG]


    พระกริ่งพิรุณกำบังรุ่นแรก หลวงพ่ออั้น อภิปาโล วัดโรงโค ต.อุทัยใหม่ อ.เมือง จ.อุทัยธานี สร้างในปีพ.ศ.๒๕๔๗ อธิษฐานจิต ประจุพุทธาคม พิรุณกำบัง ปลุกเสกเดี่ยว 1 ปี เต็ม จำนวนการสร้าง ๙๙๙องค์ สุดยอดพระเกจิหลวงพ่ออั้น อภิปาโล วัดธรรมโฆษก (โรงโค)จ.อุทัยธานี สุดยอดพระเกจิพระเถราจารย์ซึ่งชาวอุทัยธานีขนานนามท่านว่า พระจี้กงแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง หลวงพ่ออั้นเทวดา หรือเทวดาตาทิพย์ ผู้สำเร็จธาตุกสิณดินน้ำลมไฟ ตำรับหลวงปู่สุข วัดปากมะขามเฒ่า พระเถระอาจารย์ผู้บำเพ็ญทานมหาบารมีสืบสานมหาเวทย์พิรุณกำบัง และเทพรัญจวน สายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เคยเป็นศิษย์ก้นกุฏิรับใช้ใต้รอยบาทพระอริยเจ้าเมืองเหนือครูบาศรีวิชัย ติดตามธุดงค์ไปทางภาคเหนือหลายปีท่านเคยรับราชการตำรวจเป็นลูกน้องคู่ใจในการดับเสือร้ายของขุนพันธรักษ์ราชเดช ยอดมือปราบหนังเหนียวก่อนที่จะมาอุปสมบทในปี พ.ศ. 2498 ท่านร่ำเรียนมหาเวทย์พุทธาคมสายหลวงปู่วัดปากคลองมะขามเฒ่า จากท่านเจ้าคุณพุฒ(พระราชอุทัยกวี) จังหวัดอุทัยธานี และร่ำเรียนวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ อาทิ ครูบาศรีวิชัย เชียงใหม่ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงพ่อจันทารา ชัยนาท หลวงปู่พลอย วัดห้วยขานาง อุทัยธานี ซึ่งเก่งทางเล่นแร่แปรธาตุและตะกรุดโทนเข้มขลัง หลวงพ่อเคน วัดดงเศรษฐี อุทัยธานี พระเรืองเวทย์ด้านเมตตามหานิยมและวิชาตำรับจักรพรรดิ์พุทธคุณครบเครื่อง หลวงปู่เคลือบ วัดหนองกระดี่ หลวงพ่อพูล วัดหนองตางู อุทัยธานี พระผู้โด่งดังด้วยการใช้พลังจิตผสานกับสมุนไพรสยบความเจ็บป่วยให้หายได้อย่างอัศจรรย์และท่านยังเป็นสหธรรมิกร่วมสำนักกับหลวงปู่ตี๋ อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวง เจ้าตำรับเสืออาคมสยบลูกปืน อันโด่งดังทั่วประเทศ หลวงพ่อท่านบำเพ็ญทานมหาบารมีตั้งโรงทานที่วัดตื่นตั้งแต่ตี 3 บำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฎฐาน จากนั้นลงมือประกอบอาหารเพื่อเลี้ยงชาวบ้านและผู้ยากไร้ทั่วไป ท่านปฏิบัติมาตั้งแต่ พ.ศ.2518 จนถึงปัจจุบัน เกือบ 20 ปี ไม่เคยขาดจนชาวอุทัยให้สมญานามท่านว่า พระจี้กงแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง ขณะนี้วัตถุมงคล "พิรุณกำบัง" กำลังเป็นที่แสวงหาในหมู่คนรู้จริงเรื่องพุทธคุณแรงมากจนไม่น่าเชื่อว่ายังมีพระเกจิอาจารย์ที่มีพลังจิตกล้าแกร่ง เข้มขลังสามารถประจุพุทธคุณให้ศักดิ์สิทธิ์เสมือนพระเกจิยุคก่อนได้ ซึ่งวัตถุมงคลรุ่นนี้ได้แก่ ตะกรุดพิรุณกำบัง พระกริ่งพิรุณกำบัง ฯลฯ และจากประสบการณ์ของนายทหารท่านหนึ่งซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในเขตชายแดนภาคใต้และกำลังลาดตระเวณเขาได้เดินไปเหยียบกับระเบิด แต่ได้รอดพ้นมาได้โดยไม่ได้รับอันตราย ซึ่งเขาได้พกพระกริ่งพิรุณกำบังและตะกรุดพิรุณกำบังขณะที่ลูกน้องโดนกับระเบิดทำให้ชนวนจุดระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส ซึ่งนายทหารท่านนี้ได้บอกชื่อสกุล ลพ.อั้นไว้ หากท่านใดสงสัยสามารถสอบถามได้ สำหรับทางด้านค้าขายเป็นที่โด่งดัง คือ ถุงโภคทรัพย์ ซึ่งชาวอุทัยได้บูชาและเก็บไว้ให้ลูกหลาน โดยปัจจัยที่ได้จากการบูชาวัตถุมงคลนำมาสร้างกุฏิที่พักสงฆ์และบูรณะพระอารามที่ยังขาดแคลน ซึ่งปัจจุบันหลวงพ่อและภิกษุสามเณรอาศัยจำวัดหน้าศาลาเอนกประสงค์ และวัตถุมงคลทุกอย่างของท่านไม่จำเป็นต้องใช้คาถาให้ตั้งจิตอธิษฐานให้ดี นึกถึงคุณครูบาอาจารย์ก็จะสำฤทธิ์ผลเนื่องจากวัตถุมงคลของท่านที่ปลุกเสกสามารถกล่าวได้ว่าสำเร็จด้วยจิต

    พระกริ่งพิรุณกำบังรุ่นแรก เนื้อนวะโลหะ ผสมจ้าวน้ำเงิน ตอกโค๊ด ๓ โค๊ด องค์นี้หมายเลข ๑๐๒

    ปิดรายการนี้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00951.JPG
      DSC00951.JPG
      ขนาดไฟล์:
      506.2 KB
      เปิดดู:
      6,690
    • DSC00952.JPG
      DSC00952.JPG
      ขนาดไฟล์:
      937.5 KB
      เปิดดู:
      78
    • DSC00950.JPG
      DSC00950.JPG
      ขนาดไฟล์:
      775.4 KB
      เปิดดู:
      123
    • DSC00953.JPG
      DSC00953.JPG
      ขนาดไฟล์:
      530.2 KB
      เปิดดู:
      92
    • images (7)a.jpg
      images (7)a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270.9 KB
      เปิดดู:
      70
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤษภาคม 2015
  15. cassanover

    cassanover เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +1,603
    มีอีกไหมครับท่าน แบบนี้
     
  16. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    พระหลวงปู่เทพโลกอุดรรุ่น ๑ พิมพ์นั่งตอไม้ วัดป่าสักภักดีภูริทัต ไม่มีแล้วครับ แต่พระหลวงปู่เทพโลกอุดรจากถ้ำพอมีอยู่ครับ

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 13 กรกฎาคม 2014
  17. cassanover

    cassanover เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +1,603
    อ่อครับผม ขอบคุณครับ ถ้าเจอ พระหลวงปู่เทพโลกอุดรรุ่น ๑ พิมพ์นั่งตอไม้ วัดป่าสักภักดีภูริทัต บอกด้วยนะครับบ
     
  18. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    หลวงปู่ใหญ่ พระครูธรรมเทพโลกอุดร แนะปฏิบัติธรรม


    [​IMG]


    ความเป็นมา

    ตอนผู้เขียน(ลุงไทยดำ) ไปนมัสการอดีตท่านพ่อพีระ ปั้นมณี หรือ พระอาจารย์มโนธรรม มนธมฺโม ซึ่งอยู่ ณ สำนักสงฆ์สหบุญญาราม เลขที่ ๑๘๘ หมู่ ๗ บ้านปางอุ้น ต.ผักขวง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ ๕๓๒๓๐ เมื่อวันที่ ๑๔ ส.ค. ๒๕๔๒

    สิ่งที่ได้ทราบอีกอย่างหนึ่ง จากท่านพ่อพีระ โดยท่านได้พาไปพบปะสังสรรค์กับบุคคลชายหญิงมากหน้าด้วยกัน คนเหล่านั้นต่างยืนยันว่า เขาได้พบหลวงปู่ใหญ่ พระครูธรรมเทพโลกอุดรมาเป็นเวลานานแล้ว หลายคนบอกพบหลายครั้งและบ่อย ๆ บ้างก็มี พบแต่ละครั้งท่านไม่อยู่นาน จะมาก็มา จะไปก็ไป สตรีท่านหนึ่ง เพิ่งเดินทางกลับไม่นานจากประเทศเยอรมันนี ซึ่งเธอไปๆ มาๆ เนื่องจากมีบ้านอยู่ที่นั้นชื่อ “คุณมนชลัย วิลล์มัน" ได้กราบพบท่านหลายครั้ง บอกว่าหลวงปู่ท่านอารมณ์ดี บางทีพบท่านตามลำพัง บางทีก็พบท่านพร้อมกันหลายคน เธอรู้จักท่านในนามว่า “สุทธิโก พระครูโลกอุดร"

    มีสองสามีภรรยา เคยมาอยู่อุปฐากท่านพ่อพีระ นานประมาณ ๔ ปี สามีชื่อหมก ภรรยาชื่ออำ นามสกุลพิมพา บ้าน เดิมอยู่สมุทรสาคร ศรัทธาท่านพ่อพีระ ช่วยดูแลอาหารการกิน วันพระก็ถือศีลอุโบสถ คราวหนึ่งท่านพ่อพีระ ไปรับรูปหล่อเท่าองค์จริงของหลวงปูใหญ่มาจากโรงหล่อ เอามาตั้งไว้ที่ศาลา รูปหล่อนั้นนั่งขัดลมาธิ แต่โยมอํ่าเห็นทุกวันว่า ท่านนั่งห้อยเท้าแกว่งไปมาทุกวัน ครั้นยกมาไว้ที่กุฏิกลับนั่งสมาธิอย่างเดิม

    ผู้เขียนไปธุระกับท่านพ่อพีระ ท่านพาไปแวะเยี่ยมสามีภรรยา ซึ่งเป็นครูทั้งคู่ สามีชื่อคุณครูราชัน ภรรยาซื่อคุณครูเจริญ ท่านยืนยันว่าได้พบหลวงปู่ใหญ่เสมอและบ่อยครั้ง เป็นการพบอย่างธรรมดาที่เราพบกัน เห็นกันด้วยตาเนื้อ

    ชายคนหนึ่ง เคยอยู่กับท่านพ่อพีระมานานมาช่วยการงาน เช่นการก่อสร้างกุฏิ เขาเคารพท่านพ่อ ขนาดสักรูปท่านไว้ที่แขน ผมยังก่ายรูปไว้ดูเล่น เขาก็ได้พบหลวงปู่ใหญ่เช่นกัน

    สำหรับท่านพ่อพีระ ท่านเคยเล่าว่า เมื่อสมัยยังเด็กอายุ ๖ - ๗ ขวบ อยู่กับคุณตาคุณยายที่นับถืออิสลาม ท่านมองออกไปทางหน้าต่าง เห็นภิกษุรูปหนึ่งอยู่ที่ ๔ แยก ท่านคิดว่าภิกษุคงต้องการอาหารบิณฑบาต จึงห่อข้าวเอาไปใส่บาตรให้

    ต่อมาอีกนาน ท่านธุดงค์อยู่ที่พิษณุโลก ท่านเดินไปพบภิกษุ ที่ท่านเคยเอาข้าวใส่บาตร นั่งอยู่ตรงโคนต้นไม้ริมทาง ท่านเข้าไปนมัสการแสดงความเคารพ ภิกษุองค์นั้นถามว่า จำท่านได้ไหม ท่านพ่อพีระคิดอยู่ขณะหนึ่งก็จำได้ ท่านบอกว่าท่านคือหลวงปูใหญ่โลกอุดร จากนั้นก็ได้พบท่านเสมอ ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง และมักได้พบภิกษุองค์อื่นๆ ที่เข้าใจว่าเป็นศิษย์ด้วย

    ย้อนหลังไปประมาณ ๑๐ ปี หลวงปู่ใหญ่ท่านให้ภิกษุผาด ทำการบันทึกคำสอนจากปากของท่านและให้ท่านพ่อพีระตรวจทาน ทำการบันทึกอยู่หลายครั้ง ต่อมาภิกษุผาดท่านใกล้มรณะ จึงได้มอบสมุดบันทึกให้ท่านพ่อรักษาไว้ ท่านไปค้นจากชั้นและกอง หนังสือ ได้มา ๕ เล่ม นอกนั้นเข้าใจว่าเด็กและพระเณร มาค้นหนังสือไม่รู้ว่าไปหลบอยู่ที่ไหน ถ้าค้นพบจะมอบให้ภายหลัง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled-14.jpg
      Untitled-14.jpg
      ขนาดไฟล์:
      437.7 KB
      เปิดดู:
      16,219
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 15 กรกฎาคม 2014
  19. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ธรรมจากปากหลวงปู่ใหญ่ เป็นสิ่งไม่คาดว่าจะได้พบ

    ผม(ลุงไทยดำ ปัจจุบันท่านถึงแก่กรรมแล้ว) ติดตามเรื่องราวของหลวงปู่ใหญ่พระครูธรรมเทพโลกอุดรมา ๑๐ กว่าปี เสนอเรื่องของท่านในแง่มุม ต่างๆ ในหนังสือนิตยสารโลกทิพย์และในเครือ ต่อมาโลกทิพย์ก็จัดรวมเล่มเป็น ๓ เล่มด้วยกัน และจำหน่ายหมดไปแล้ว ต่อมาผมก็มารวมเล่มเอง มี ความหนา ๖๘๐ หน้า แม้ไม่วางตลาด ก็ขายดีพอสมควร ขณะนี้เหลือไม่เท่าใดแล้ว

    เมื่อผมได้รับสมุดบันทึกคำสอนของหลวงปูใหญ่ จำนวน ๕ เล่ม มาแล้ว พิจารณาดู เล่มหนึ่งมีความหนาประมาณ ๑ ยก หรือ ๑๖ หน้า จึงคิดจะพิมพ์เป็นเล่มเล็ก ๆ จะได้เบาราคา แต่ความยาวสั้นไม่เท่ากัน ก็ลำบากในการจัดรูปเล่ม จึงคิดรวมเป็นเล่มเดียวกัน เสียเลย ซึ่งอาจทำให้ราคาสูงขึ้น แต่ได้ประโยชน์ในการรวมเล่มมาก เมื่อคิดถึงค่าพิมพ์ ค่าขนส่ง ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ และค่าเปอร์เซนต์ขาย ก็ประมาณเล่มละ ๕๐ บาทถ้วน เงินจำนวนนี้ ก็มากอยู่ในยามที่ไม่มี คิดอีกทีในสมัยค่าของเงินตกต่ำ เวลาทอดผ้าป่าหรือทอดกฐิน เราเอาเงินใส่ซองที่เขาฎีกามาให้ ก็อยู่ในเกณฑ์เดียวกัน แต่สิ่งสำคัญยิ่งใหญ่ของคำสอนจากปากหลวงปู่ใหญ่ท่านอาจมีค่ามากกว่า ถ้าพิจารณากันให้ดี ท่านก็ทำให้เราหายเข้าใจผิดไปได้หลายอย่าง เช่น เรื่องความสำเร็จในการปฏิบัติธรรม ยังมีคนเข้าใจผิดอยู่มากด้วยกัน นั่งสมาธิเห็นนั้นเห็นนี่ แม้แต่เห็นผีเห็นสาง ก็เข้าใจว่าสำเร็จมรรคผลแล้ว แนวปฏิบัติบางสาย ทำให้ผู้ปฏิบัติสำเร็จกันเต็มเมือง แต่สำเร็จอะไร อ่านดูก็จะรู้ได้เอง

    อย่างไรก็ตาม ธรรมปฏิบัติบันทึกจากปากหลวงปูใหญ่นี้ ชั่วเวลา ๒๐ ปีกว่ามานี้ ท่านผู้อ่านที่ติดตามเรื่องราวของท่าน คงต้องยอมรับว่า ไม่เคยปรากฏมาก่อน ผู้เขียนทำเรื่องนี้มา ๑๐ กว่าปี ก็ไม่เคยพบเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่า มีท่านผู้อ่านที่ศรัทธาในหลวงปูท่าน ต่างปรารถนาจะได้อ่านได้พบไม่แพ้กัน

    ส่วนคำสอนหรือบันทึกจากปากหลวงปู่ใหญ่ จะเชื่อถือได้ หรือไม่ก็เห็นจะต้องพิจารณาเอาเอง เวลานี้เข้ายุควิทยาศาสตร์ ถ้ารู้ว่าวิทยาศาสตร์คืออะไร ก็ลองใช้วิทยาศาสตร์พิสูจน์กันดู แต่ผมแม้จะเข้าไปป้วนเปี้ยนกับวิทยาศาสตร์ทางจิตเข้าอยู่บ้าง ก็ไม่เข้าใจ วิทยาศาสตร์สักเท่าใด ลมก็วิทยาศาสตร์ หายใจเข้าออกก็เป็นวิทยาศาสตร์ ทั้งที่ความเป็นจริงเป็นธรรมชาติ เกิดขึ้นมีขึ้นเองทั้งนั้น

    แต่เท่าที่ได้สัมผัส กับท่านพ่อพีระ ปั้นมณีมาก็ไม่ทราบว่า ท่านเป็นธรรมชาติ หรือวิทยาศาสตร์กันแน่ ตามประวัติอายุ ๖-๗ ขวบ ชอบทำพระทำตะกรุด เกิดขลังครูพากันมาขอซื้อ เอาตะกรุดไปให้แม่เลี้ยงพ่อก็มาแย่งเอา ข้อสำคัญที่วัดตากล่ำ ให้ไปนั่ง ปลุกเสกพระจากนั้นก็ได้รับเชิญไปปลุกเสกพระเรื่อยมา จนกระทั่งบวชเณรบวชพระตอนเป็นเด็ก สนใจในศาสนามาก อยู่กับคุณตาคุณยาย ก็เข้าโบสถ์อิสลาม มาอยู่กับคุณพ่อก็ไปเข้าโบสถ์คริสต์ที่ซอยลาชาล วันพระไปเข้าโบสถ์พุทธที่วัดข้างบ้าน แล้วก็ยึดพุทธเป็นที่พึ่งตลอดมา แต่พอถึง ๒๗ มิถุนายน ซึ่งเป็นวันเกิด ก็จะมีชาวคริสต์ ซาว อิสลาม และชาวพุทธ มาร่วมทำบุญวันเกิดให้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

    การเป็นผู้เดินธุดงค์ ก็โชกโชนหาตัวจับยาก คุณพ่อส่งไปอยู่ กับอาสาวที่คลองสาน ต้องการให้เรียนหนังสือ พออายุได้ ๑๔ ปี ๘ เดือนขอบวชไม่ให้ก็หนีบวช อยู่ได้ไม่นาน ก็ตามอาจารย์ออกธุดงค์ อาจารย์ว่าเป็นเด็กจะเดินไม่ไหว ก็แอบตามไป ท่านพาเดินจากบางนาไปเมืองชลไม่ยอมหยุด ไปหยุดเอากลางดึกที่ป่าช้ากองกระดูก เท้าแตกเท้าบวม ชาวบ้านเอาไปรักษาถึงสองเดือน ใช้กะปิพอกให้หายแล้วก็ขอไปธุดงค์อีก ไม่ย่อท้อ

    มีประวัติเป็นมาอย่างนี้ ทั้งเป็นพระสงฆ์องค์เจ้า ไม่เชื่อก็ไม่รู้จะเชื่อใคร เสียดายภิกษุผาดท่านมรณะแล้ว มิเช่นนั้น ก็จะขอให้ท่านยืนยันว่า เป็นผู้บันทึกคำสอนจากปากหลวงปู่ใหญ่จริง ๆ ดูตัวหนังสือและสำนวนก็เหมือนกันทุกเล่ม ที่สำคัญที่ผมจะทำได้ คือประเคนให้ท่านผู้มีปัญญา ใช้ปัญญาพิจารณาด้วยตนเองว่า เป็นธรรมมิใช่ธรรมอย่างไร ที่ท่านพูดสอนเอาไว้ ถูกต้องหรือไม่

    พุทโธ คือผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานในธรรม เป็นของแท้จริงไม่แปรผัน ขอเราท่านพร้อมใจกัน รักษาจิตของเราชาวพุทธให้เป็นพุทโธให้ได้ ยกขันข้าวขึ้นจบครั้งใด อธิษฐานจิตถวายแด่พระอริยะเจ้า ใครมารับทานแล้ว ประพฤติเป็นอลัชชีก็ตกนรกไปเอง คิดอย่างนี้ให้ได้ตั้งใจพุทโธต่อไป บุญกุศลย่อมเกิดแก่เราแน่นอน อันนี้เป็นการช่วยบำรุงพระพุทธศาสนาตามหน้าที่ที่เราเกิดมาเป็นชาวพุทธซึ่งไม่มี ศาสนาใดจะมีธรรมอันเป็นอมตะเทียบเท่า

    บันทึกคำสอนปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ใหญ่ที่ได้จากปากของท่านมานี้ ท่านได้ให้บันทึกไว้หลายครั้งหลายหน โดยที่ให้จดลงในสมุดนักเรียนที่เอาติดย่ามไปในป่าด้วย และมักจะจดลงในสมุดนั้น สั้นบ้างยาวบ้าง แต่มิได้ลำดับเอาไว้ว่า บทไหนเป็นบทไหน บทไหน ขึ้นต้นลงท้ายอย่างไร ก่อนหรือหลัง จึงให้ถือเอาว่าบทหนึ่งเป็นเล่ม สมุดหนึ่งเป็นเรื่อง ๆ ไป

    ขณะนี้ท่านพ่อพีระ ปั้นมณี กำลังค้นหาสมุดบันทึกเล่มต่อไปอยู่ ถ้าได้มาก็จะส่งให้พิมพ์เป็นเล่มต่อไป อาจเป็นเล่มหนึ่งสอง ตามลำดับ เมื่อพิมพ์เสร็จเมื่อไร ก็จะเรียนให้ทราบต่อไป ถ้ายังค้นไม่ได้ก็ถือว่า ได้แค่นี้นะครับ ท่านผู้อ่านใดมีศรัทธา อยากได้ศึกษา ธรรมจากปากของหลวงปู่ ก็จงเอาศรัทธาอธิษฐานจิตให้ท่านพ่อพีระ ค้นพบต่อไปได้ก็แล้วกัน

    หนังสือเล่มนี้ เล่มไม่ใหญ่โตอะไร น่าจะพิมพ์แจกได้ แต่เห็นเล่มเล็ก ๆ อย่างนี้ ผมคงไม่มีปัญญาแจก เพราะแจกเท่าไรก็คงไม่พอกับความต้องการของผู้รับ บางท่านที่เคยรู้จัก “ ไทยดำ” ก็คงทราบเป็นอันดีว่า แค่เป็นนักเขียนก็เขียนเล็กๆ ไม่มีปัจจัยเหลือเฟือเท่าใดนัก ไม่มีกำลังทรัพย์ที่จะพิมพ์ออกขายด้วยซ้ำ ยิ่งเวลานี้ดอกเบี้ยต่ำ แต่ไม่มีใครจะออกเงินให้กู้ เลยไม่รู้จะเสียดอกเบี้ยต่ำให้ใคร

    บังเอิญด้วยบุญบารมีของหลวงปู่ใหญ่กระมัง ทำให้ผมรู้จักมักคุ้นกับคุณชำนาญ โกกะอินทร์ นักโหราศาสตร์ที่มีคนรู้จักมาก ท่านมีบุตรชายทำโรงพิมพ์อยู่ที่ เมืองแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ท่านคิดราคาพอสมควรและที่สำคัญรับจัดพิมพ์ให้ก่อนด้วยความเมตตา และเคารพบูชาหลวงปู่ใหญ่ แต่ผมก็คงต้องเสี่ยงเพราะไม่ทราบว่า ท่านผู้อ่านจะช่วยสั่งหนังสือพอให้เป็นค่าพิมพ์หรือไม่

    แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องยอมเสี่ยงอยู่ดี เพื่อให้เป็นที่ประจักษ์ว่า คำสอนของหลวงปู่มีคุณค่ามากอย่างไร ความหลงผิดในการปฏิบัติธรรมอันสับสนอยู่ในปัจจุบันอาจทำให้กระจ่างชัดขึ้นมาก็ได้ และหลายคนอาจไม่ผิดหวัง ในศรัทธาของตนที่มีต่อหลวงปู่ใหญ่ของเรา สิ่งที่ผมอยากจะขอบคุณอย่างยิ่ง ก็คือคุณอภิชาติ เย็นพิบูลย์ ที่เป็นผู้นำพาผมไปกราบนมัสการท่านอาจารย์มโนธรรม มนธมฺโม หรือท่านพ่อพีระ ปั้นมณี จนได้หนังสืออันทรงคุณค่านี้มา ขอบุญกุศลจงบังเกิดแก่คุณอภิชาติ เย็นพิบูลย์สิ้นกาลนานเทอญ.
     
  20. teerapote

    teerapote เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    756
    ค่าพลัง:
    +1,097
    ธรรมปฏิบัติบท ๑ จากบันทึกบทแรก สัจธรรม


    [​IMG]


    ทุกสิ่งไม่เที่ยง ทุกสิ่งเป็นทุกข์ ทุกสิ่งเป็นอนัตตา ทุกสิ่งไม่มีตัวตน เป็นอนัตตาด้วยกันทั้งหมด

    ทุกข์ เหตุเกิดทุกข์ จะดับจะต้องดับด้วยนิโรธคามินีปฏิปทา ทางแห่งความดับทุกข์ ด้วยมรรคมีองค์ ๘ จะต้องปฏิบัติให้เกิดขึ้น ชื่อว่ามรรคปฏิปทา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมากัมมันตะ สัมมาวาจา สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ มรรคมีองค์ ๘ จัดเป็นทางปฏิบัติ เรียกว่า นิโรธคามินีปฏิปทา การปฏิบัติก็จะต้องมีศีลกันก่อน ศีลก็ได้แก่ สัมมากัมมันตะ ได้แก่การงานชอบ เว้นจากเบียดเบียนผู้อื่น ต่อไปก็จะต้องละมิจฉาวาจาเสีย ทำให้สัมมาวาจาเกิดขึ้น อาชีวะก็เหมือนกัน จะต้องประกอบการเลี้ยงชีพในทางสุจริต ถูกทำนองครองธรรม สิ่งเหล่านี้เป็นศีล ควรทำให้เกิดขึ้นมาก่อน ต่อไปก็ทำสมาธิให้เกิดขึ้น เมื่อสัมมาสมาธิมี สัมมาสติก็จะเกิดขึ้นตามมาพร้อมกับสมาธิ สัมมาสติกับสัมมาสมาธิจะเกิดขึ้นพร้อมกัน อยู่ด้วยกัน ไปด้วยกัน จะไม่พรากจากกัน สมาธิไม่มี สติก็ไม่มี สมาธิก็ไม่มี

    ส่วนสัมมาวายามะ ได้แก่ความเพียรชอบ ก็ได้แก่ การเพียรรักษาสติอยู่ตลอดเวลา ให้มีสติอยู่ตลอดเวลา คนเราถ้ามีสติประจำอยู่ สัมมาทิฏฐิก็จะเกิดขึ้น สัมมาสติเป็นตัวให้เกิดสัมมาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิเป็นตัวให้เกิดสัมมาสังกัปปะ เห็นชอบ ดำริชอบ ส่วนสัมมาสมาธิ เป็นตัวรักษาสิ่งต่าง ๆ ให้ดำรงอยู่ และทำให้อีก ๗ ตัวเกิดขึ้น และอาศัยซึ่งกันและกัน สัมมาสมาธิ เป็นหลักในการปฏิบัติธรรมในการดับรูปธรรมและอรูปธรรม ในสองสิ่งนี้จะต้องให้ดับเสียก่อน ต่อไปปรมัตถธรรมถึงจะเกิดขึ้น ปรมัตถธรรมเกิดขึ้น ก็จะเห็นสิ่งที่จัดเป็นรูปธรรมและอรูปธรรมดับ เพื่อเป็นการรู้สิ่งที่ดีและสิ่งที่ชั่วที่เป็นอรูปธรรม จะได้ละในสิ่งนั้น ๆ ได้แก่รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ที่เรียกว่าขันธ์ ๕ เสีย การละก็จะละที่สังขาร เพราะสังขารเป็นตัวให้เกิดเวทนา สัญญา วิญญาณ สามสิ่งนี้เกิดขึ้น ส่วนวิญญาณเป็นตัวให้รูปเกิด การละรูปก็จะต้องละที่วิญญาณ วิญญาณเป็นตัวทำให้เกิดรูป ส่วนการละรูปก็ต้องละที่เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ถ้าจะพูดอีกที ถ้าจะละก็ละที่กายสังขาร

    ส่วนคำว่าวิปัสสนา จะไม่ต้องพูดถึงการที่จะดึงวิปัสสนา ก็จะต้องละรูปเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เสียก่อน จะต้องละสิ่งเหล่านี้ได้ก่อน ต่อไปก็จะถึงวิปัสสนาโดยอัตโนมัติ โดยที่เราไม่ต้องทำ ถึงจะทำก็ทำไม่ถึง จะต้องผ่านการค้นกาย วิญญาณ มาเสียก่อน

    การที่เราจะดับรูปนาม กายสังขาร เราจะต้องทำอย่างไร ตอนนี้สมาธิก็จะเป็นพระเอก ในการดับกายสังขารหรือรูปนาม การทำสมาธิในขั้นแรก เมื่อได้สมาธิ ก็จะเกิดการรู้สึกว่า กายสังขารดับ วจีสังขารดับ มโนสังขารดับ ก็ให้ใช้ความสังเกตดูว่า การได้สมาธิสักครั้ง กายสังขารดับหรือไม่ ถ้าได้สมาธิจริง สังขารจะดับ สิ่งที่ ร่วมอยู่กับสังขารก็ดับด้วย ถึงจะเชื่อว่าได้สมาธิจริง ถ้าสังขารไม่ดับ ก็เป็นสมาธิโกหก ไม่จริง

    เมื่อได้สมาธิ สังขารจะดับ รูปนามก็ดับ ทุกสิ่งก็จะดับ จัดเป็นนิพพานในครั้งแรกของชีวิตเลยก็ว่าได้ แต่ครั้งต่อไปเกิดความโง่ หรือความฉลาดก็ไม่รู้ละ จึงเกิดมีวิตกวิจารณ์ตามมาอีก สมาธิจึงไม่ลงตัว เพราะปัญญามันเกิดขึ้น อยากจะรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ อีก ในสมาธิถ้าเรามีวิตกวิจารณ์อยู่ อยากจะรู้เห็นอะไรก็จะรู้เห็น มีความจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง ตามแต่จะรู้เห็น ถ้าพิจารณาธรรมก็จะรู้เห็น ธรรมอย่างแท้จริง ถ้าพิจารณาโลกก็จะเห็นจริงบ้างไม่จริงบ้าง โดยมากจะไม่จริงเพราะเกิดจากนิมิตเสียโดยมาก การปฏิบัติธรรมก็จะต้องละนิมิตด้วย เพราะนิมิตจัดเป็นอุปาทานในสิ่งนั้น ๆ

    โดยมากเรื่องที่เห็นนั้นมักจะไม่จริง เห็นด้วยการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งนั้นมาก่อนจึงจัดเป็นนิมิต ส่วนการเห็นด้วยนิมิตหรือสมมุติ สองสิ่งนี้เป็นข้าศึกกับสมาธิ ผู้ใดมีนิมิต ผู้นั้นก็ไม่มีสมาธิ

    คนที่ตายแล้ว มีอะไรเหลืออยู่ โดยมากผู้คนไม่รู้กัน เข้าใจว่าคนตายแล้วจะเหลือจิต วิญญาณอยู่ ถ้าจะเรียกอีกทีก็เรียกว่าผีคนตาย แล้วเป็นผีเที่ยวหลอกคน เป็นจิตวิญญาณเที่ยวหลอกคน มีรูปร่างหน้าตาตามแต่จะพูดกัน ผีนั้น,หน้าตาอย่างไรก็รู้กันเอาเองเถิด

    ก่อนอื่นเรามามองดูให้รู้จัก “จิต” กันก่อน จิตหน้าตารูปร่างเป็นอย่างไร จิตเกิดจากอะไร พวกเราพอมองรู้เห็นจิตกันบ้างหรือเปล่า เวลาจิตเกิด จิตเกิดแล้ว จิตทำอะไรให้เรารู้ว่าจิตเกิด จิตมีอยู่กับเรา จิตมีหน้าที่เป็นผีอย่างเดียวเท่านั้นหรือ เมื่อเรามีชีวิตอยู่ จิตมีอยู่กับเราหรือเปล่า จิตมีหน้าที่อย่างไรกับเรา

    ยังมีต่อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...