เชิญช่วยกันระดมความคิดเห็นเรื่อง"จิต" เพื่อสัจธรรมความจริง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 17 มิถุนายน 2013.

  1. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    ข้อความเดิม " คนชั่วหลงตนเอง ด่าผู้อื่นไม่เลือก แม้กระทั้งพระรัตนตรัย โดยไม่รู้ไม่เห็นความชั่วตนเอง "
    กระทู้นี้คนเข้ามาอ่านก็เยอะ คนเข้ามาพิมพ์ก็มาก คนดีไม่เดือดร้อนจากประโยคนี้ มีแต่เพียงคนชั่วไม่กี่คนที่เดือดร้อนจากประโยคนี้ ดูกันเอาเองครับ
     
  2. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    กระทู้นี้สอนให้รู้อีกว่า

    อย่าเสวนากับคนชั่ว เพราะคนชั่วก็หาเรื่องไปเรื่อย

    (ดูจากกระทู้นี้ได้เลย)
     
  3. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    ถึงว่าสิคนชั่วนี่มันหาเรื่องไปเรื่อย จริง ๆ
    ไม่น่าหลวมตัวไปเสวนากับมันเลย
     
  4. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    หลวมตัวหรือร้อนตัว คนอื่นเข้าดูออก
     
  5. เตชพโล

    เตชพโล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +1,431
    คราวนี้หลวมตัวเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกัน

    อเสวนา จ พาลานัง
     
  6. จิตสิงห์

    จิตสิงห์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    619
    ค่าพลัง:
    +687
    พุทธภาษิต มงคล ๓๘ น่าสนใจ นำมาขยายให้ศึกษากัน

    พระพุทธเจ้าบอกว่า อย่าคบคนพาล ให้คบแต่บัณฑิต

    อเสวนา จ พาลานํ แปลว่าการไม่คบคนพาล

    - การไม่คบ หมายถึงการไม่ไปมาหาสู่ ไม่ร่วมกินร่วมนอน ไม่เสวนาคลุกคลีไม่ร่วมกิจกรรมใดๆ กับคนพาล

    - คนพาล หมายถึงผู้ประพฤติในอกุศลกรรมบถ 10 อย่าง คือ กายทุจริต 3 วจีทุจริต 4 มโนทุจริต 3

    อกุศลกรรมบถ 10 ได้แก่....

    - กายสุจริต 3 ได้แก่ ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม

    - วจีทุจริต 4 ได้แก่ พูดโกหก พูดคำหยาบ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ

    - มโนทุจริต 3 ได้แก่ เพ่งอยากได้ของผู้อื่น อาฆาตพยาบาท มีความเห็นผิด

    * ลักษณะคนพาล 3

    - มีปรกติทำแต่กรรมชั่วร้าย มีปรกติกล่าวแต่คำชั่วร้าย มีปรกติคิดแต่เรื่องชั่วร้าย

    คนพาลเสื่อมด้วยเหตุ 3 อย่าง

    - เสื่อมเพราะความมีอสัตบุรุษเป็นที่รัก

    - เสื่อมเพราะความไม่มีสัตบุรุษเป็นที่รัก

    - เสื่อมเพราะความชอบใจธรรมของอสัตบุรุษ

    คนพาลไม่ว่าจะพูดจะคิด ทำ ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่รู้จักสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ ใครคบกับคนพาลก็เหมือนกับจมอยู่กับความทุกข์ ได้รับแต่ความเสียหายเดือดร้อน มีแต่ความตกต่ำ และได้รับภัยอันตรายต่าง เสียอนาคต เสียชื่อเสียง เป็นที่รังเกียจแก่บุคคลที่รู้จักคุ้นเคย

    คนพาลเป็นดั่งอมิตร บัณฑิตเป็นดั่งญาติ
    คนพาลก่อภัย บัณฑิตกำจัดภัย
    คบคนเช่นไรย่อมเป็นคนเช่นนั้น


    แม้ต้นไม้ไร้ชีวิตก็ยังเป็นได้ เช่นต้นมะม่วงเคยมีรสหวาน เมื่อมีต้นสะเดาขึ้นอยู่ใกล้ๆยังออกรสขมได้ นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สรุปคือการคบคนพาลย่อมเสียได้รับผลเสียหายหลายเท่า คบคนพาลไม่เป็นมงคลแก่ชีวิต เพราะมีแต่ทางเสื่อม เป็นเหตุแห่งหายนะทำให้เกิดโทษทั้งโลกนี้และโลกหน้า
     
  7. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ส่วนประเด็นอื่นๆเช่นเรื่องพระนิพพานนั้น ขอเป็นทีละประเด็น
    และหวังอย่างยิ่งว่า ไม่เอาสิ่งที่เป็นเรื่องนอกประเด็นมาว่ากล่าวกัน
    การแสดงความคิดเห็นนั้น ถ้ามีหลักฐานอ้างอิงที่มาที่ไป เป็นสิ่งที่ควรทำ

    ความคิดเห็น หรือ ผลที่ปรากฎออกมานั้น ไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุด
    เพราะเรื่องเหล่านี้มี ถกกันมานับพันปีแล้ว มีเอาไว้เรียนกัน
    ต่างธาตุต่างธรรม ย่อมต่างสายบุญสายกรรมกันไปว่ากันไม่ได้
    อย่าเอาไปเป็นอารมณ์ที่ฝังแน่น จนขุ่นมัวติดตัวไปจนตายนะจ๊ะ

    เจริญในธรรมที่เป็นสัจธรรมทุกๆท่าน

    ปล.การถกธรรมเพื่อความจริงให้ปรากฎ ต้องเปิดโอกาสให้คู่กรณีได้แก่ต่างทุกครั้งจ้า
    ไม่ใช่พูดในสิ่งที่อยากพูดแล้วก็ไป แบบตีหัวเข้าบ้านนะจ๊ะ
     
  8. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ดีครับที่มีความคิดสร้างสรร ไม่คิดติดวังวนอันยาวนาน

    ที่ยังต้องถกธรรมกันอยู่นั้น เพราะล้วนยังโง่เขลาเบาปัญญาด้วยกันทั้งนั้น(ไม่มียกเว้น)

    ในห้องนี้ เคยมีจัดมีสติ้งกันครับ รู้สึกว่าพบกันได้ประมาณ๓ครั้งเห็นจะได้(จากความจำ)

    เชื่อมั้ยว่า ยังมีที่ไปแต่ไม่กล้าพบหน้าค่าตา เพราะ ด่าแบบที่เห็นๆอยู่ไว้มากมาย55+

    ซึ่งจริงๆแล้ว ถ้าเป็นปุถุชนคนมีธรรมประจำใจ เรื่องแค่นี้พออภัยให้กันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก

    เพราะคนเรานั้น คนที่จะรู้จักการประคองจิต เพื่อรักษาอารมณ์(ภาวนา)เอาไว้ ไม่ใช่ของง่าย

    เมื่อหลุดไปบ้างก็ควรระมัดระวัง ประคองจิตให้กลับมาอยู่กับฐานที่ตั้งของสติให้เร็วไว้เท่าที่จะทำได้

    แม้ที่คุณอ้างชื่อมานั้น(คุณขันธ์) ก็เคยได้รับการชักชวนเช่นกัน แต่เห็นว่าไม่สะดวกจึงไม่ไป

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  9. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    เห็นว่าการถกกันมา พอหอมปากหอมคอแล้ว หนักบ้างเบาบ้างว่ากันตามกำลังของตน

    ขอบคุณทุกท่านที่มาถกกันนั้น ไม่ว่าจะเป็นฆารวาสหรือในเพศของบรรชิต

    เมื่อพิจารณาดูแล้วคิดว่า"ขอปิดการแสดงความเห็น" เรื่องจิตไว้เพียงแค่นี้

    ส่วนที่ยังชอบค้นหาความจริงอยู่ ก็หาได้จากหลายแหล่งความรู้ตามอัธยาศัย

    ทุกท่านที่ถกกันก็ยังล้วนโง่เขลาเบาปัญญาอยู่ทั้งนั้น ไม่มียกเว้น

    หรือใครที่คิดว่าข้ามโคตรแล้ว เชิญมาแสดงภูมิธรรมความรู้ได้ โดยไม่ต้องด่าใครเพื่อให้ดูดีไว้ก่อน

    ที่ถกธรรมกันอยู่นั้น ฉันเชื่อว่าทุกท่านมีสำนึก ตนเองนั้น "ยังต้องสดับ ยังต้องกระทำให้ตื้น"

    แต่ที่คิดว่าปิดดีกว่า เพราะยังมีพวกไร้ปัญญาแถมมารยาททราม ที่คิดว่าตนเองฉลาดล้ำลึก

    โดยเข้ามาเพื่อปวนอย่างเดียว ด้วยประโยคคำพูดที่ตนเองอยากพูดออกมาเท่านั้น ไม่คิดว่าสิ่งที่ทำนั้น

    เป็นการดูถูก ทุกท่านที่กำลังสนทนากันอยู่ เพราะทุกท่านที่สนทนากันนั้น ล้วนมีการแสดงความคิดเห็นของตน

    เพื่อกล่าวแย้งต่อกัน ด้วยเห็นว่าต้องการค้นหาความจริงที่ถูกต้อง จึงได้พยายามหาเหตุผลมาแย้ง

    แต่ดูผู้ที่เข้ามาปวนสิ มีความคิดเห็น หรือ ภูมิรู้สักนิดเพื่อจะแสดงออกมามั้ย? ไม่มีเลย

    ดีแต่ปากคอเลาะร้ายด้วยคำพูด ที่ไม่ชวนสนทนาด้วยเลย แต่ผู้มาปวนกลับมองว่าเป็นความฉลาดของตน

    แต่หารู้ไม่ว่า นั้นหนะ "โง่ล้วนๆไม่มีส่วนผสมอื่นเลย" หาประโยชน์ไม่พบ

    ส่วนผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นนั้น ยังมีส่วนผสมอันหลากหลายที่พอนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

    ปล. ค่อยพบกันในกระทู้ต่อไป ใครที่คิดว่าตนเองฉลาดล้ำลึกแล้ว ไม่ต้องก็ได้
     
  10. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    อยากได้เหตุผล หมายถึง กิเลส หรือ ธรรม หรือ อักขระร้อยความ หรือ โคลงกลอน ละท่าน หากมองว่าตำหนิก็สุดแล้วแต่นะ และนิสัยเดิมๆ คือ ไม่นิยมยกยอตนเอง และไม่นิยมยกยอผู้อื่น มีแต่พิจารณาว่าแล้วถ้าไม่ใช่อย่างนั้นและหรือถ้าทำอย่างนี้จะได้ดังนั้นที่เขาเป็นไหม ซึ่งก็แล้วแต่ แต่ไม่ต้องกังวล เพราะไม่ได้ติดใจ หากจะเอาธรรมมาข่มคนอื่นก็ไม่คิดทำเพราะนั่นไม่ใช่ธรรมเป็นแต่กิเลสหลอกลวง แม้ไม่เคยเรียนรู้ในพระคัมภีร์อย่างละเอียดจนแตกฉานก็พอเข้าใจได้ แม้ไม่ได้บรรลุธรรมได้วิปัสสนาญาณก็พอเข้าใจได้ว่า เวลาคนเราพบปะพูดคุยกันนั้น อาศัยสิ่งใดเป็นที่ตั้ง เชื่อว่าทุกคนคงมีเจตนาที่ดี แต่บางทีกิเลสที่เป็นเรื่องดีก็พาให้กลายเป็นเรื่องไม่ดีได้ ซึ่งก็แล้วแต่เพราะจากที่เห็นอยู่ก็คงเห็นผลของมันพอสมควรแล้ว ว่ากิเลส มันละเอียดยิ่งกว่าอะไร ผมไม่ได้เก่งขนาดจะตอบคำถามได้หมดในเรื่องพระธรรมที่มีมากมายมหาศาล แต่ธรรมที่เราเชื่อว่าทำให้ทุกคนเป็นคนดีและลดปัญหาต่างๆนั้นยังมีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี
    หวังว่าคงเข้าใจนะเพราะผมเองก็เคยสนุกกับการเสวนาธรรมมาก่อนหน้านี้ก็นานพอควร สุดท้ายก็ไม่ได้ทำให้อะไรๆดีขึ้น แต่ก็ยังพยายามทำตนให้เป็นที่พึ่งแห่งตนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะโพสต์บ้างก็ต่อเมื่อสนใจใคร่รู้ว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้เป็นมาอย่างไรเท่านั้นเองคั๊บ
     
  11. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    กระทู้จะปิดหนี้แล้วยังไม่วาย ด่าชาวบ้านส่งท้ายอีก ถึงว่า "อย่าเสวนากับคนชั่ว เพราะคนชั่วก็หาเรื่องไปเรื่อย"
    ถ้ายังมีนิสัยสันดานแบบนี้อย่าไปเปิดกระทู้ใหม่เลย ไปแก้ไขนิสัยสันดานให้ดีกว่านี้ก่อน และขนาดปรามาสพระรัตนตรัยยังว่าไม่ผิดอีกไม่รู้จะว่าไงแล้ว
     
  12. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    หน้าแรกๆสนทนากันดีอยู่เลย หน้าท้ายด่ากันซะแล้ว เพราะอะไรหนอ เพราะไม่เป็นอย่างที่กิเลสเราต้องการรึปล่าวน้อ แปลว่ายังมีกิเลสรึป่าว แปลว่ายังมีอารมณ์รึป่าวครับ สนทนายังไงก็มีประโยชน์เน้อครับ ธรรมะข้อง่ายๆเราเมตตาคนที่ร้ายกับเราได้ไหมเนาะครับ
     
  13. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ดีแต่ปากคอเลาะร้ายด้วยคำพูด ที่ไม่ชวนสนทนาด้วยเลย แต่ผู้มาปวนกลับมองว่าเป็นความฉลาดของตน

    แต่หารู้ไม่ว่า นั้นหนะ "โง่ล้วนๆไม่มีส่วนผสมอื่นเลย" หาประโยชน์ไม่พบ

    ส่วนผู้ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นนั้น ยังมีส่วนผสมอันหลากหลายที่พอนำไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง(ของเก่าวาง)

    ทำตัวให้มีประโยชน์หน่อย ถ้าคิดว่าปรามาสพระรัตนตรัย ก็ยกหลักฐานมาสิ

    อย่าเที่ยวปากพล่อยพูดพล่ามคนเดียว โดยขาดหลักฐาน หาประโยชน์สักนิดก็ไม่มี

    เชื่อมั้ยว่า ทำตัวให้มีคุณด้อยยิ่งกว่าคนบางคนที่ว่าแย่แล้วในบอร์ดนี้

    ถ้าไม่คิดจะแสดงความคิดเห็นที่มีประโยชน์กว่านี้ ก็ไม่น่าต้องเข้ามาเลย

    ไปดูที่กระนั้นแล้ว ไม่ต่างกัน นิสัยสันดานพาลเดิมล้วนๆไม่มีส่วนผสม55+

    หัดเบิกตาดูให้ดีก่อน ธรรมภูตไม่เคยหยาบกับใครก่อนเลย

    ไปย้อนดูได้ โดยมากเมื่อใครให้อะไรมาก่อน ก็ย้อนคืนแค่นั้นเองจริงๆ

    ส่วนคำว่า"โง่นั้น" หรือ"เขลาเบาปัญญานั้น"

    ทุกคนที่มั่วอยู่ในบอร์ดนี้ ล้วนยังโง่และเขลาเบาปัญญาอยู่ทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง

    หรือว่า123aฉลาดอยู่คนเดียว ไม่รู้สึกว่าเวอร์ไปหน่อยหรือ? เวรกรรม

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  14. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    อันนี้เห็นด้วยแต่อยากให้ทุกท่านกลับมาเสวนากันในหัวข้อเดิมจะดีกว่า คำพูดก็เป็นเพียงคำพูด เอามายึดถือก้ไม่ได้ พระธรรมต่างๆก็เช่นกัน เรายึดถือเอาไว้ใช่ว่าจะยึดติด ก็ต้องอาศัยหลายสิ่งในการจะนำมาพิจารณาปฏิบัติ เรื่องนี้ที่น่าสนใจคือ เดิมทีผมก็เคยเข้าใจว่า จิตเกิดดับ เนื่องจากข้อมูลหลายๆอย่าง และการสังเกตในระดับหนึ่งของจิต จึงเข้าใจเช่นนั้น เป็นอย่างนี้มาก่อน แต่ที่พอจะล่วงรู้ได้เนื่องจากได้บางสิ่งจากหลายๆท่าน เป็นเครื่องช่วยพิจารณาจึงเห็นว่า ความจริงมันไม่ใช่ จึงเข้าใจทันทีว่า เหตุใด ยังต้องเกิดอีก(ยังมีการต้องชดใช้) อันนี้คิดในแง่ของกรรมและต้องข้อสังเกตในปัจจุบัน เช่นเดียวกันแม้จะเข้าใจในกรรมที่กระทำและเกิดขึ้นก็ยังไม่อาจเลี่ยงผลของกรรมนั้นได้ ที่จิตจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับหลายๆสิ่ง ซึ่งเชื่อว่าบุคคลใดหากพอมองออกได้ก็จะนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่ดี หากมีเหตุปัจจัยอันดีก็ไม่แน่อาจเข้าใจในความเป็นจริง ตามที่พระศาสดาตรัส และที่สำคัญในที่นี้ยังไงก็ต้องอาศัยพระธรรมเป็นดังเรือข้ามฝั่ง อาศัยพระธรรมเป็นดังแผนที่บอกทาง คงไม่น่าจะมีใครพูดเกินจากพระธรรม เพียงแต่ในแต่ละจุดๆนั้น มองได้ไม่เหมือนกันก็มี เหมือนกันก็มี ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรกับการที่ มีทั้งคนที่ลืมตามองเห็นว่าช้างมีอะไรบ้างกับ คนที่หลับตาแล้วคลำตัวช้าง แต่คลำตามจุดต่างๆ จึงเห็นว่านั่นเป็นสิ่งนั้น แต่จะบอกว่าคนลืมตาคนไหนหลับตาก็คงไม่ใช่เรื่อง เพราะแต่ละคนต่างก็มีกรรมเป็นของตัวเอง ขออนุโมทนาในความตั้งใจของพี่ธรรมภูตที่พยายามให้ผู้อื่นมองเห็นตาม อย่าลืมว่าพี่เองก็ต้องเดินทางเช่นกัน อย่าลืมในข้อนี้และเชื่อว่าพี่คงไม่ลืมแน่นอน
    สาธุคั๊บ
     
  15. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    ขนฺติ ตโป ตปสฺสิโน ความอดทน เป็นตปะ ( ต บ ะ ) ของผู้พากเพียร
    ขนฺติ หิตสุขาวหา ความอดทน นำมาซึ่งประโยชน์สุข
    ขนฺติ ธีรสฺสลงฺกาโร ความอดทน เป็นเครื่องประดับ ของนักปราชญ์
    ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา ขันติ คือความอดทน เป็นตบะอย่างยิ่ง
    ขนฺติ พลํ ว ยตีนํ ความอดทน เป็นกำลัง ของนักพรต
    ขนฺติ สาหสวารณา ความอดทน ห้ามไว้ได้ซึ่ง ความผลุนผลัน
    ขนฺติพลา สมณพราหมณา สมณพรามหณ์ มีความอดทนเป็นกำลัง
    มนาโป โหติ ขนฺติโก ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่ชอบใจของบุคคลอื่น
    เกวลานํปิ ปาปานํ ขนฺติ มูลํ นิกนฺตติ
    ครหกลหาทีนํ มูลํ ขนฺติ ขนฺติโก ความอดทน ย่อมตัดรากแห่งบาปทั้งสิ้น , ผู้มีขันติ ชื่อว่า ย่อมขุดรากแห่งความ ติเตียน และ การทะเลาะกันได้ เป็นต้น
    ขนฺติโก เมตฺตวา ลาภี ยสสฺสี สุขสีลวา
    ปิโย เทวมนุสฺสานํ มนาโป โหติ ขนฺติโก ผู้มีความอดทน นับว่ามีเมตตา มีลาภ มียศ และ มีสุขเสมอ , ผู้มีความอดทน ย่อมเป็นที่รัก ชอบใจของเทวดา และ มนุษย์ทั้งหลาย
     
  16. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ผมจึงพูดเสมอๆในทุกทีที่มีโอกาสว่า
    "ยังต้องสดับ ยังต้องกระทพให้ตื้น"
    เพื่อความไม่ประมาท "อย่าเพิ่งเชื่อ" อย่างในกาลามสูตร

    แต่ไม่ใช่ไม่ให้เชื่อ ต้องลงมือสมาทาน เพื่อพิสูจน์เท่านั้น
    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  17. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    กลับไปลืมตาอ่านกระทู้คุณเองก่อนหน้าที่จะปิดกระทู้นี้ ว่าด่าชาวบ้านไปเรื่อยนี้จริงไหม เอาเท่านี้ก่อน ถ้าเท่านี้ไม่รู้ตัวอีกก็ไม่ต้องพูดบอกอะไรอีกแล้ว.....ไม่รับผิดอะไรซักอย่าง กรรมคงหนักมาก ลองอ่านดูนะ ปาปการี ผู้มีปกติทำบาปหมายความว่าอย่างไร คนแบบนี้พูดด้วยก็เท่านั้น
     
  18. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ^
    ^
    ^
    ^
    มีแฟนพันธ์แท้มาช่วยฟลัดกระทู้ให้ แต่นิสัยสันดานแย่มาก

    ถามเอง ตอบเอง ก็ได้โดยไม่อายใครทั้งสิ้น

    แต่ที่ถูกกล่าวเตือนไปกลับไม่สนใจใด

    ถ้าไม่คิดจะแสดงความคิดเห็นที่มีประโยชน์กว่านี้ ก็ไม่น่าต้องเข้ามาเลย

    จริงก็ไม่ได้ขอร้องให้เข้ามาเลย

    พอเข้ามา แสดงความคิดเห็นแรก ดันด่ากราดเลย

    เมื่อถามว่าด่าทำไม ก็ด้านพอที่จะบอกว่าไม่ได้ด่าใคร

    ส่วนคำว่า "เพ่งโทษ" คิดขึ้นมาได้ยังไง งง

    แถมยังตีสีใส่ไข่มันได้ลงคอว่า "ทุกกระทู้" นี่หละ ตัว"เพ่งโทษ"ที่แท้จริง55+

    ไอ้เรา หรือเข้ามาดูวันละครั้ง เวลาก็น้อยนิด ทำไมถึงได้ ไปมันได้ทุกกระทู้ งง

    คนมันลองไม่มีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง มักมีอาการพูดเกินจริงเสมอ

    พอเจอของจริงเข้า แปลก คนพวกนี้มักรับไม่ได้ ขอบใจที่ช่วยฟลัดกระทู้55+

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน

    ปล. หลักฐานที่ถามหาว่าปรามาสพระรัตนตรัยนั้น อยู่ไหนมายันสิ อย่าแกล้งโง่

    ส่วนที่บอกว่าด่าคนอื่นไปเรื่อยนั้น ก็แสดงว่าหลับหูหลับตาเขียนเอา

    กลับไปอ่านสิ ใครเค้าให้อะไรมาก่อน ก็แค่เอาคืนให้เท่านั้น

    อะไรกัน ด่าคนอื่นได้ฉอดๆ โดนกลับบ้างทำรับไม่ได้ ไม่รู้สึกว่าเอาเปรียบไปหน่อยหรือ?


     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ที่ต้องนำเอาของเก่ามาให้อ่านนั้น จะได้เข้าใจถูกต้องตรงกัน

    ข้อธรรมสู่การปฏิบัติที่ได้จาก "ใบแดงแจ้งโทษ" การรู้จักซื่อสัตย์ต่อตนเอง จากใจธรรมภูต

    ต้องขอบใจจริงๆที่ให้ "ใบแดงแจ้งโทษ" ทำให้ได้พัก ได้ทำในสิ่งที่ต้องทำ เพื่อทบทวนตนเองบ้าง แต่ก็ทำให้ได้ข้อคิดที่เป็น "คติธรรม" อันจำเป็นต้องมีในตัวคนทุกคน ที่กำลังปฏิบัติธรรมที่สมควรแก่ธรรม คือ ต้องรู้จักมีความซื่อสัตย์ต่อตนเอง เป็นข้อธรรมที่สำคัญอันเป็นรากฐาน ที่ทำให้เกิด "สัจจะ" ขึ้นในตัวคนๆนั้นได้ อันสัจจะธรรมความจริง หรือ สัจจะวาจาก็ตาม ย่อมเป็นส่วนสำคัญมากๆ อันเป็นพื้นฐานที่ควรมีในทุกๆคน อันจะนำไปสู่ความสำเร็จมรรคผลในการปฏิบัติธรรมกรรมฐานภาวนาให้เกิดขึ้นในกาลข้างหน้าได้

    แต่ปัจจุบันไม่ต้องไปหาแล้ว หาได้ยากยิ่งยิ่งกว่า งมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก โดยเฉพาะในเว็บบอร์ดต่างๆที่ธรรมภูตได้เคยแวะเวียนผ่านเข้าไป บอกได้ว่าไม่เห็นเลยจริงๆ ล้วนมีแต่การเสกสรรปั้นแต่งด้วยคำพูดที่สวยหรู สร้างภาพให้ตนเองดูดีขึ้น มีสกุล ด้วยวาจาไพเราะชวนฟัง วางมาดสุขุมลุ่มลึก ดูเหมือนมีภูมิรู้ ภูมิธรรมชั้นสูง ล้วนแต่เป็นสิ่งจอมปลอมทั้งสิ้น ที่ได้พยายามเสกสรรปั้นแต่งสร้างภาพให้เกิดขึ้น ผลจากการที่ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองนั่นเอง

    เมื่อยังหาความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญไม่ได้ แล้วจะไปหาสัจจะธรรมความจริง(อริยสัจ) หรือ สัจจะวาจามาจากที่ไหน? เมื่อไม่มีความซื่อสัตย์ และสัจจะธรรมความจริง หรือสัจจะวาจาหาไม่ได้เสียแล้ว คนพวกนี้มักกระทำการผิดต่อศีลธรรมอันดีงาม อันเป็นข้อห้ามได้ง่ายกว่าคนทั่วไป แบบหน้ามึน คือ ไม่มีความละอายใจต่อการกระทำนั้นๆ เพราะเมื่อสามารถหลอกลวงตนเองได้ ย่อมหลอกลวงใครก็ได้ทั้งนั้น โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะไม่มีความละอายใจต่อบาป

    ตลอดเวลาที่อยู่ในโลกไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับศาสนามานั้น ครั้งแรกลงสมัครสมานสามัคคีสนทนาธรรมที่พันทิพ ต้องยอมรับว่า ได้ประสบการณ์จากที่นั่นมาเยอะ มีทั้งผู้รู้จริงที่ยืนอยู่บนหลักการความจริงด้วยเหตุผล มีทั้งที่เป็นพาลชนคนหยาบเป็นหนังคางคก แต่อยู่ในเกมส์ และมีทั้งพวกมากลากไป เอาให้ตายไปข้างก็มี

    แต่ที่ต้องอดชมไม่ได้เลยนั้น คือความมีสำนึกในตนเอง โดยเฉพาะเรื่องสังคมคุณภาพออนไลน์ เพราะมีทีมงานที่มีวิจารณญาณตามสมควร เป็นตัวกรองที่ช่วยคัดกรองพวกหลอกลวงได้อย่างดี
    ทั้งพวกสัมภเวสีที่มีหลายชื่อแซ่ ที่เที่ยวหลอกหลอนคนในบอร์ด หรือพวกชอบอวดอ้างสร้างภาพวางฟอร์มสอนธรรมที่ไม่มีในตน (อุตตริมนุษย์ธรรม) และพวกที่ชอบแต่งตั้งตัวเองเป็นอริยะตราตั้ง เมื่อความจริงปรากฏ ก็ยังกล้ายอมรับผิดชอบ และรู้จักความละอายต่อบาปกรรมที่ตนได้กระทำไว้ อาจเป็นเพราะคนที่นั่นมีกระโหลกที่บางกว่า หรือหน้า...ไม่พอ ทั้งยังมีความละอายต่อบาป ไม่พยายามล่วงละเมิดศีล หรือ อะไรก็แล้วแต่สุดที่จะเดา

    แต่ที่เห็นๆ คือคนที่นั่นยังมีความซื่อสัตย์ต่อตนเองสูงกว่าที่นี่มาก แล้วถามว่า "ธรรมภูต" ทำไมต้อง "หยาบคาย"? เหตุเพราะในขณะนั้นที่พันทิพ มีพวกหยาบคายที่ไม่ยอมรับความจริงในหลักเหตุผลที่ได้ถกธรรมกัน คือแพ้ไม่เป็นยอมไม่ได้ พร้อมที่จะรีเฟรชแอบด่าหยาบคายได้ตลอดเวลา แต่เชื่อมั้ยว่า ที่ว่าหยาบคายแล้ว ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของที่พลังจิตนี้เลย

    ใหม่ๆ "ธรรมภูต" ก็สุภาพกลับ ตามความถนัดของเจ้าของล๊อกอิน กลับกลายเป็นว่า การสุภาพกลับไปนั้น เป็นการ "เฉยโง่" ไปซะงั้น ธรรมภูตจึงประกาศตน ณ.ตรงนั้นว่า ใครให้อะไรมา(คำหยาบคาย) เมื่อธรรมภูตไม่รับ จะไม่อยู่เฉยให้ดูถูกได้ว่าเป็นไอ้ "เฉยโง่" จะคืนกลับคำหยาบนั้น พร้อมหีบห่อให้ดูแล้วสวยงาม

    จากนั้นมา ไม่ว่าจะไปสนทนา หรือถกธรรมที่บอร์ดไหน แม้นที่ "พลังจิต" ก็เคยได้ประกาศไว้แล้วเช่นกัน "ธรรมภูต" ก็จะใช้สโลว์แกนเหมือนกันหมดคือ เมื่อไม่รับคำหยาบ ก็จะคืนกลับคำหยาบด้วยหีบห่อที่ดูแล้วสวยงามขึ้น มีการประกาศให้ทราบทุกครั้ง แต่คาดว่าคงไม่ได้อีกแล้ว เพราะ "คนให้ใบแดง" ไม่ได้ดูที่จุดประสงค์ แต่ดูที่มีคนฟ้องเข้ามาเท่านั้น

    นี่เป็นครั้งแรกจริงๆที่โดน "ใบแดง" ก็ดี จะรู้ไว้ว่า ถ้ายังมีความกระล่อนไม่มากพอ ที่เรียกว่า "ลื่นเหลือล้น หน้าทนเหลือหลาย" แล้ว ก็อย่าด้านอยู่ในบอร์ดนี้นานนัก นานๆมาแวะสักที พอให้จำชื่อกันได้ก็พอ ยังไงๆก็สู้พวกที่ไม่มีความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่ได้อยู่ดี เพราะคนพวกนี้ พร้อมที่จะทำยังไงก็ได้ เพื่อที่จะได้ยืนอยู่บนความได้เปรียบ โดยไม่สนใจถึงสัจจะธรรมความจริงที่เกิดขึ้น ที่เป็นเหตุเป็นผลตริตรองตามได้ เพราะมีพระพุทธพจน์รองรับไว้

    อาจเป็นได้ว่าคนสมัยนี้อ่อนแอลง เพราะขาดรากฐานสำคัญ คือสำนึกถึงความซื่อสัตย์ต่อตนเอง และไม่พร้อมที่จะน้อมนำมาใส่ตน จึงเป็นเหยื่อของผู้ที่แสวงหาได้ง่าย เพียงเพราะแค่มีอักษรสีน้ำเงินที่คิดเองว่าลึกซึ้ง พูดได้เพราะๆ นุ่มนวลลุ่มลึกชวนฝัน แต่หาสัจจะธรรมความจริงไม่ได้เลย แค่ธรรมะตื้นๆ ขั้นพื้นฐานของการปฏิบัติ ยังออกทะเลเลย

    เมื่อหาสัจจะธรรมความจริงไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปหาความซื่อสัตย์ต่อตนเองมาจากไหน ไม่ต้องไปหาหรอก "ไม่มี" แค่คำถามของ "ธรรมภูต" ที่ถามไป เพราะเจ้าตัวพูดเองว่า "ยินดีที่สนทนาด้วย" ถามไปเพราะที่ตอบๆสอนคนอื่นไว้ไม่ตรงตามความเป็นจริงของการปฏิบัติธรรมฏรรมฐานที่ถูกต้อง และต้องการคำตอบแบบตรงไปตรงมาไม่ "เลี่ยงบาลี" แต่ก็ยังไม่เคยตอบกลับมาเลย

    โดยมากแล้ว เมื่อจนมุมด้วยเหตุผลให้ตอบกลับไม่ได้ สิ่งที่ได้กลับมามักมีหลายแบบ พวกที่สุภาพโดยพื้นฐาน มักเลี่ยงบาลี ตอบแบบพูดในสิ่งที่ตนเองอยากพูดออกไปเท่านั้นจบ ส่วนพวกสร้างภาพและรอโอกาส มีหลายขั้นตอน จะใช้วิธีหยาบคายตอบมา เมื่อโดนสวนกลับจาก "ธรรมภูต" ก็จะหาสมัครพรรคพวกโดยหลายวิธีอีก เช่น เวียนใช้ล๊อกอินอื่นที่มีอยู่ เข้ามาช่วยเหลือ หรือใช้จิตวิทยาง่ายๆ โดยผูกมิตรกับพวกที่ไม่เห็นด้วยกับ "ธรรมภูต" แค่นี้ก็มีพรรคพวกเพิ่มขึ้นแล้ว เรื่องง่ายๆแต่กลับหาความซื่อสัตย์ต่อตนเองไม่ได้เลย บางคนถึงขนาด มีคนไปเอาเรื่องถึงที่ทำงานจนโดนคาดโทษไว้ และให้สัตย์ไว้อย่างไรต้องไปถามเจ้าตัวเอง

    แต่ในครั้งนี้ ทำให้ได้ข้อคิดดีๆจาก "ใบแดง" ว่า ความซื่อสัตย์ต่อตนเองนั้น เป็นรากฐานอันสำคัญอย่างยิ่งต่อทุกๆคน ถ้าคนๆนั้นขาดซึ่งความซื่อสัตย์ต่อตนเองเสียแล้ว ก็อย่าหวังว่าจะมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมกรรมฐานภาวนา หรือได้ภูมิธรรมในขั้นสูงๆเลย เพราะเหตุผลง่ายๆ เมื่อขาดความซื่อสัตย์ในตนเสียแล้ว สัจจะธรรมความจริง หรือ สัจจะวาจาที่จะรักษากุศลธรรมความจริง ให้เจริญยิ่งๆขึ้นไปนั้น ย่อมไม่มีภูมิธรรมอะไรปรากฏให้เห็นได้ มีแต่ขาดสำนึกยิ่งๆขึ้นเท่านั้น

    สุดทัายนี้ ขอฝากข้อคิดเรื่องสังคมคุณภาพออนไลน์ไว้ ช่วยๆกันทำให้ปรากฎ อย่าปล่อยให้สัจจะธรรมความจริงที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบด้วยความยากลำบาก หมดไปกับพวกสัมภเวสีที่มีหลายชื่อแซ่ ที่เที่ยวหลอกหลอน และพวกอวดอ้างสร้างภาพวางฟอร์มสอนธรรม ตั้งตัวเป็นอริยะตราตั้ง ที่เที่ยวทำลายสัจจะธรรมความจริงจนหมด เพราะข้อธรรมที่ผิดๆ ด้วยภาพลักษณ์ที่สรรสร้างปั้นแต่งขึ้นลวงตาคน เพราะขาดความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ความ "จริงใจ" และ "สัจจะ" เท่านั้น ที่จะช่วยให้เกิดสังคมคุณภาพออนไลน์ขึ้นมาได้ ถ้ามีบทความที่ช่วยให้เปิดธรรมทัศน์ได้กว้างขว้างยิ่งขึ้นก็จะแวะเข้ามา ไปล่ะ

    เจริญในธรรมทุกๆท่าน
     
  20. testewer

    testewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +758
    คำถาม คุณเองก่อนหน้าที่จะปิดกระทู้นี้ ว่าด่าชาวบ้านไปเรื่อยนี้จริงไหม เอาเท่านี้ก่อน ถ้าเท่านี้ไม่รู้ตัวอีกก็ไม่ต้องพูดบอกอะไรอีกแล้ว
    คำตอบ ตอบแบบไร้สติเพ้อเจ้อเหมือนเดิม ทุกกระทู้ ให้โอกาสตอบใหม่อีกครั้ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...