ปิดรับบริจาค (เชิญฝากชื่อเขียนลงแผ่นทอง)หล่อองค์ปฐมประจำวันเกิดองค์ๆละ10,000บาท!!!

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย เก๋ณัฐา, 7 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  2. werapong

    werapong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,633
    ค่าพลัง:
    +7,800
    ขออนุโมทนาบุญทุกท่านด้วยครับ

    บุญใหญ่ๆ ช่วยๆกันครับ
    ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมบุญกันครับ
    ขออนุญาตดันๆๆๆ ^^
     
  3. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการกับคุณwerapongและทุกๆท่านเช่นเดียวกันค่ะ
    ขอบคุณมากค่พดันกระทู้ได้เลยค่ะ สาธุๆๆ
     
  4. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  5. ธรรมวิวัฒน์

    ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,334
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,277
    ขอร่วมบุญหล่อสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลก 100 องค์ และงานบุญอื่นๆทุกๆงาน
    โอนปัจจัย 30 บาท เข้าบัญชี ธ.ไทยพาณิชย์
    วันที่ 8 เมษายน 2557

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ
     
  6. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    วัดป่าโนนจ่าหอม บ้านโพนเมือง จ.อุบลราชธานีขอเชิญร่วมสร้าง

    [​IMG]

    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลก พระพุทธรูปประจำวันเกิด พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง ๒.๕ เมตร
    เจ้าภาพองค์พระ+ฐานพระองค์ละ ๑๐,๐๐๐ บาท
    เจ้าภาพองค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ ๑๕,๐๐๐ บาท
    หรือร่วมบุญกันตามกำลังศรัทธา

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณเก๋ณัฐาและท่านผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านครับ
     
  7. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการคะ อันใดติดขัดขอให้คลี่คลายอันใดปรารถนาขอให้สำเร็จโดยฉับพลันเมื่อสร้างบารมีเต็มสาธุๆๆ
     
  8. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาสาธุการค่ะ สาธุๆๆ
     
  9. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  10. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    คนก่อนตายต้องเห็นนิมิตก่อน (1)

    "..ตามที่หนังสือโบราณท่านเขียนไว้ "คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต" สมัยหลวงพ่อปาน ท่านก็เขียนไว้ ท่านบอกว่าลอกมาจากตำรับตำรา ท่านบอกว่า คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต คือ
    ๑) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นไฟ กองไฟ หรือดวงไฟ แสดงว่าคนนั้นตายแล้วตรงไปนรกทันที ไม่ผ่านสำนักพระยายมราช
    ๒) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นป่า จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
    ๓) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นก้อนเนื้อ จะเกิดเป็นคน
    ๔) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล เช่นของที่เราเคยให้ทาน หรือวัดที่เราเคยทำบุญ พระที่เราเคยไหว้จะเป็นพระพุทธรูปก็ตาม พระสงฆ์ก็ตาม เป็นอันว่าสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลอย่างนี้ ก็จะไปเกิดบนสวรรค์คือไปสู่สุคติ

    ตามที่หลวงพ่อปานเขียนมาอย่างนี้ อาตมาไม่ใช่ต้องการพิสูจน์แต่ได้ไปประสบเข้าโดยคาดไม่ถึง นั่นก็คือมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อ "จวน" นามสกุลจำไม่ได้ อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลานั้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สมัยท่านจอมพลแปลก พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกณฑ์คนไปทำงานที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ต้องการจะเอาคนงานทั้งหมดเป็นทหารต่อต้านญี่ปุ่น คุณจวนก็ไปทำงานที่นี่ด้วย เมื่อเลิกสงครามก็เลิกทำงาน กลับมาก็ปรากฏว่าเป็นโรคไข้ ต่อมาก็เป็นวัณโรคคือเป็นโรคฝีในท้อง เป็นโรคปอด

    วันสุดท้ายของชีวิตของเธอ อาตมาไปเทศน์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี พอดีกลับมามีคนเขาบอกว่า "จวนป่วยหนัก" ประมาณ ๔ โมงเย็น อาตมานิมนต์พระไปเป็นเพื่อนอีก ๔ องค์ ที่นำพระไปด้วยก็คิดว่าคนป่วยหนักถ้าเห็นพระอาจจะเป็นมงคลก็ได้ เพราะตามตำราท่านบอกว่า ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นกุศลคนนั้นจะไปสวรรค์
    พอไปถึงคุณจวนก็อาการหนักจริงๆ หายใจช้าๆ แล้วก็เบาลงๆ อาตมาไปนั่งข้างๆ เรียกชื่อ "จวน จำฉันได้ไหม" ท่านเหลียวหน้ามาพยักหน้าตอบว่า "จำได้" เสียงเบามาก จึงถามเธอว่า "เวลานี้เห็นอะไรไหม ไม่ใช่เห็นฉัน มีภาพอะไรลอยข้างหน้าบ้าง"
    ท่านก็ตอบว่า "เวลานี้มีภาพไฟลอยข้างหน้า"
    ท่านก็แสดงอาการหวาดกลัวไฟมาก เมื่อฟังเท่านั้นก็ตกใจ คิดว่าท่าจะไม่ได้การแล้ว นิมิตอย่างนี้ถ้าเห็นตายแล้วไปนรกทันที
    ก็คิดอะไรไม่ถูกจึงถามว่า "จวน ภาวนาว่าพุทโธ ได้ไหม"
    เธอส่ายหน้าบอกว่า "คิดไม่ออก"
    อาตมาจึงหันไปถามภรรยาท่านว่า "มีสตางค์ไหม"
    เธอก็ตอบว่า "มี"
    ก็เลยบอกว่า "ถ้ามีละก็ขอสัก ๒๐ บาทได้ไหม"
    เธอก็นำธนบัตรใบละ ๒๐ บาทมาให้ อาตมาก็นำไปใส่มือจวน เอามือทั้งสองประกบกันในท่าพนมมือแล้วบอกว่า

    "จวน เอาอย่างนี้นะ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราจะตาย หรือไม่ตายนั้นไม่มีความสำคัญ ตั้งใจทำบุญก็แล้วกันนะ เวลานี้ฉันมาพร้อมกับพระ ๔ องค์ ขอจวนตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ ให้คิดว่าของต่างๆ ในวัดทั้งหลายที่มีพระสงฆ์ก็ดี หรือไม่มีพระสงฆ์ก็ดี เป็นวัดร้างมีพระพุทธรูปก็ดี หรือเป็นวัดร้างไม่มีพระพุทธรูปก็ดี หรือเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่มีสภาพเป็นวัดก็ตาม เราไปนำอะไรมาจากที่นั่นก็ตาม จะเป็นของหนักก็ดี ของเบาก็ดี ของน้อยก็ตาม ของมากก็ตาม มีค่ามากก็ตาม มีค่าน้อยก็ตาม ขอชำระหนี้สงฆ์ด้วยเงิน ๒๐ บาท"

    ท่านก็พูดเบาๆ ตามแล้วก็น้อมทำท่าผงกศีรษะนิดหน่อย ก็เลยบอกพระ ๔ องค์ว่า "คุณทั้งหลายถ้าเห็นชอบให้ สาธุ พร้อมกันนะ"
    พระทั้งหลายก็ "สาธุ" พร้อมกัน พอพระสงฆ์สาธุพร้อมกัน รู้สึกว่าจิตใจของท่านสดชื่นขึ้นมามาก ถามว่า "จวน เวลานี้เห็นภาพอะไร ไฟหายไปแล้วหรือยัง"
    ท่านก็ตอบ "ไฟหายไปแล้ว"
    ถามว่า "เห็นภาพอะไร"
    ท่านบอก "เห็นภาพพระประธานในพระอุโบสถวัดบางนมโค" เพราะว่าท่านเคยบวชที่วัดบางนมโคและก็ไปทำวัตรเป็นประจำ
    ถามว่า "เห็นชัดไหม"
    ท่านก็บอก "เห็นชัด อยู่ใกล้มาก"
    เลยบอกว่า "จวน นึกในใจก็ได้นะ ออกเสียงมันจะเหนื่อย นึกภาวนาในใจว่า พุทโธ"
    แทนที่ท่านจะนึกในใจกลับออกเสียงว่า "พุทโธๆ ๆ ๆ" เบาๆ ว่าไปสัก ๓-๔ ครั้ง รู้สึกว่าหายใจเบาลงแต่ว่ามีเสียงเล็กน้อย
    ถามว่า "จวน เวลานี้เห็นพระไหม"
    ท่านตอบว่า "เห็นพระ"
    ถามว่า "ชัดขึ้นไหม"
    ท่านก็ตอบว่า "ชัดเจนแจ่มใสมาก สุกสว่างใหญ่กว่าเดิมมาก"
    เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้น นึกถึงพระเป็นที่พึ่งนะ นึกถึงว่าเวลานี้เราอยู่กับพระพุทธเจ้า ภาพที่เห็นคือภาพพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านมาสงเคราะห์ จะหายจากโรค ถ้าจำเป็นต้องตายก็ไปสวรรค์"
    ท่านยิ้มนิดหนึ่งแล้วบอกว่า "พอพูดจบก็มีวิมานลอยมาอยู่ข้างหน้า พระท่านก็ชี้บอกว่า วิมานนี้เป็นของเธอ"
    จึงถามว่า "เวลานี้ต้องการอยู่บ้านหรือต้องการอยู่วิมาน"
    ท่านก็ตอบเบาๆ ว่า "ต้องการวิมานครับ"
    ก็ไม่ต้องรบกวนให้เหนื่อยต่อไปจึงบอกว่า "ตั้งใจไปวิมานนะ ภาวนาว่าพุทโธ"
    ท่านก็ภาวนาเบาๆ ว่า "พุทโธๆ ๆ ๆ"
    ในที่สุดก็เงียบไปพร้อมกับคำภาวนาและลมหายใจเข้าออก
    รวมความว่าท่านตายคู่กับพุทโธ
    เป็นอันว่า นิมิตเครื่องหมายมีจริง อาตมาพบมาเองหลายสิบราย และวิธีแก้ก็มีวิธีเดียวคือวิธีนี้ เพราะว่าเวลานั้นอย่างอื่นมันแก้กันไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินชำระหนี้สงฆ์ ถ้าบังเอิญเขาไม่เป็นหนี้สงฆ์ ก็เป็นสังฆทานและวิหารทาน รวมความว่าเป็นบุญใหญ่ที่เขาจะพึงได้รับ
    เป็นอันว่ามนุษย์เราที่ตาย ทุกคนจะเห็นนิมิตก่อน แต่ว่านิมิตที่ดีและถูกตัดรอนเพราะกฎของกรรมก็มี.."

    อ้างอิง http://palungjit.org/threads/คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิตก่อน.525039/
     
  11. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    คนก่อนตายต้องเห็นนิมิตก่อน (1)

    "..ตามที่หนังสือโบราณท่านเขียนไว้ "คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต" สมัยหลวงพ่อปาน ท่านก็เขียนไว้ ท่านบอกว่าลอกมาจากตำรับตำรา ท่านบอกว่า คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิต คือ
    ๑) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นไฟ กองไฟ หรือดวงไฟ แสดงว่าคนนั้นตายแล้วตรงไปนรกทันที ไม่ผ่านสำนักพระยายมราช
    ๒) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นป่า จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
    ๓) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นก้อนเนื้อ จะเกิดเป็นคน
    ๔) เวลาก่อนจะตาย ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล เช่นของที่เราเคยให้ทาน หรือวัดที่เราเคยทำบุญ พระที่เราเคยไหว้จะเป็นพระพุทธรูปก็ตาม พระสงฆ์ก็ตาม เป็นอันว่าสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลอย่างนี้ ก็จะไปเกิดบนสวรรค์คือไปสู่สุคติ

    ตามที่หลวงพ่อปานเขียนมาอย่างนี้ อาตมาไม่ใช่ต้องการพิสูจน์แต่ได้ไปประสบเข้าโดยคาดไม่ถึง นั่นก็คือมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชื่อ "จวน" นามสกุลจำไม่ได้ อยู่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เวลานั้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ สมัยท่านจอมพลแปลก พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้เกณฑ์คนไปทำงานที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ต้องการจะเอาคนงานทั้งหมดเป็นทหารต่อต้านญี่ปุ่น คุณจวนก็ไปทำงานที่นี่ด้วย เมื่อเลิกสงครามก็เลิกทำงาน กลับมาก็ปรากฏว่าเป็นโรคไข้ ต่อมาก็เป็นวัณโรคคือเป็นโรคฝีในท้อง เป็นโรคปอด

    วันสุดท้ายของชีวิตของเธอ อาตมาไปเทศน์ที่จังหวัดสุพรรณบุรี พอดีกลับมามีคนเขาบอกว่า "จวนป่วยหนัก" ประมาณ ๔ โมงเย็น อาตมานิมนต์พระไปเป็นเพื่อนอีก ๔ องค์ ที่นำพระไปด้วยก็คิดว่าคนป่วยหนักถ้าเห็นพระอาจจะเป็นมงคลก็ได้ เพราะตามตำราท่านบอกว่า ถ้าเห็นสิ่งที่เป็นกุศลคนนั้นจะไปสวรรค์
    พอไปถึงคุณจวนก็อาการหนักจริงๆ หายใจช้าๆ แล้วก็เบาลงๆ อาตมาไปนั่งข้างๆ เรียกชื่อ "จวน จำฉันได้ไหม" ท่านเหลียวหน้ามาพยักหน้าตอบว่า "จำได้" เสียงเบามาก จึงถามเธอว่า "เวลานี้เห็นอะไรไหม ไม่ใช่เห็นฉัน มีภาพอะไรลอยข้างหน้าบ้าง"
    ท่านก็ตอบว่า "เวลานี้มีภาพไฟลอยข้างหน้า"
    ท่านก็แสดงอาการหวาดกลัวไฟมาก เมื่อฟังเท่านั้นก็ตกใจ คิดว่าท่าจะไม่ได้การแล้ว นิมิตอย่างนี้ถ้าเห็นตายแล้วไปนรกทันที
    ก็คิดอะไรไม่ถูกจึงถามว่า "จวน ภาวนาว่าพุทโธ ได้ไหม"
    เธอส่ายหน้าบอกว่า "คิดไม่ออก"
    อาตมาจึงหันไปถามภรรยาท่านว่า "มีสตางค์ไหม"
    เธอก็ตอบว่า "มี"
    ก็เลยบอกว่า "ถ้ามีละก็ขอสัก ๒๐ บาทได้ไหม"
    เธอก็นำธนบัตรใบละ ๒๐ บาทมาให้ อาตมาก็นำไปใส่มือจวน เอามือทั้งสองประกบกันในท่าพนมมือแล้วบอกว่า

    "จวน เอาอย่างนี้นะ ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง เราจะตาย หรือไม่ตายนั้นไม่มีความสำคัญ ตั้งใจทำบุญก็แล้วกันนะ เวลานี้ฉันมาพร้อมกับพระ ๔ องค์ ขอจวนตั้งใจชำระหนี้สงฆ์ ให้คิดว่าของต่างๆ ในวัดทั้งหลายที่มีพระสงฆ์ก็ดี หรือไม่มีพระสงฆ์ก็ดี เป็นวัดร้างมีพระพุทธรูปก็ดี หรือเป็นวัดร้างไม่มีพระพุทธรูปก็ดี หรือเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่มีสภาพเป็นวัดก็ตาม เราไปนำอะไรมาจากที่นั่นก็ตาม จะเป็นของหนักก็ดี ของเบาก็ดี ของน้อยก็ตาม ของมากก็ตาม มีค่ามากก็ตาม มีค่าน้อยก็ตาม ขอชำระหนี้สงฆ์ด้วยเงิน ๒๐ บาท"

    ท่านก็พูดเบาๆ ตามแล้วก็น้อมทำท่าผงกศีรษะนิดหน่อย ก็เลยบอกพระ ๔ องค์ว่า "คุณทั้งหลายถ้าเห็นชอบให้ สาธุ พร้อมกันนะ"
    พระทั้งหลายก็ "สาธุ" พร้อมกัน พอพระสงฆ์สาธุพร้อมกัน รู้สึกว่าจิตใจของท่านสดชื่นขึ้นมามาก ถามว่า "จวน เวลานี้เห็นภาพอะไร ไฟหายไปแล้วหรือยัง"
    ท่านก็ตอบ "ไฟหายไปแล้ว"
    ถามว่า "เห็นภาพอะไร"
    ท่านบอก "เห็นภาพพระประธานในพระอุโบสถวัดบางนมโค" เพราะว่าท่านเคยบวชที่วัดบางนมโคและก็ไปทำวัตรเป็นประจำ
    ถามว่า "เห็นชัดไหม"
    ท่านก็บอก "เห็นชัด อยู่ใกล้มาก"
    เลยบอกว่า "จวน นึกในใจก็ได้นะ ออกเสียงมันจะเหนื่อย นึกภาวนาในใจว่า พุทโธ"
    แทนที่ท่านจะนึกในใจกลับออกเสียงว่า "พุทโธๆ ๆ ๆ" เบาๆ ว่าไปสัก ๓-๔ ครั้ง รู้สึกว่าหายใจเบาลงแต่ว่ามีเสียงเล็กน้อย
    ถามว่า "จวน เวลานี้เห็นพระไหม"
    ท่านตอบว่า "เห็นพระ"
    ถามว่า "ชัดขึ้นไหม"
    ท่านก็ตอบว่า "ชัดเจนแจ่มใสมาก สุกสว่างใหญ่กว่าเดิมมาก"
    เลยบอกว่า "ถ้าอย่างนั้น นึกถึงพระเป็นที่พึ่งนะ นึกถึงว่าเวลานี้เราอยู่กับพระพุทธเจ้า ภาพที่เห็นคือภาพพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าท่านมาสงเคราะห์ จะหายจากโรค ถ้าจำเป็นต้องตายก็ไปสวรรค์"
    ท่านยิ้มนิดหนึ่งแล้วบอกว่า "พอพูดจบก็มีวิมานลอยมาอยู่ข้างหน้า พระท่านก็ชี้บอกว่า วิมานนี้เป็นของเธอ"
    จึงถามว่า "เวลานี้ต้องการอยู่บ้านหรือต้องการอยู่วิมาน"
    ท่านก็ตอบเบาๆ ว่า "ต้องการวิมานครับ"
    ก็ไม่ต้องรบกวนให้เหนื่อยต่อไปจึงบอกว่า "ตั้งใจไปวิมานนะ ภาวนาว่าพุทโธ"
    ท่านก็ภาวนาเบาๆ ว่า "พุทโธๆ ๆ ๆ"
    ในที่สุดก็เงียบไปพร้อมกับคำภาวนาและลมหายใจเข้าออก
    รวมความว่าท่านตายคู่กับพุทโธ
    เป็นอันว่า นิมิตเครื่องหมายมีจริง อาตมาพบมาเองหลายสิบราย และวิธีแก้ก็มีวิธีเดียวคือวิธีนี้ เพราะว่าเวลานั้นอย่างอื่นมันแก้กันไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินชำระหนี้สงฆ์ ถ้าบังเอิญเขาไม่เป็นหนี้สงฆ์ ก็เป็นสังฆทานและวิหารทาน รวมความว่าเป็นบุญใหญ่ที่เขาจะพึงได้รับ
    เป็นอันว่ามนุษย์เราที่ตาย ทุกคนจะเห็นนิมิตก่อน แต่ว่านิมิตที่ดีและถูกตัดรอนเพราะกฎของกรรมก็มี.."

    อ้างอิง http://palungjit.org/threads/คนก่อนจะตายต้องเห็นนิมิตก่อน.525039/
     
  12. ธรรมสถิต

    ธรรมสถิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,261
    ค่าพลัง:
    +15,736
    [​IMG]

    นักบุญ
    การทำบุญก็ดี การทำสิ่งใดก็ดี ถ้าเป็นการทำตนให้ละทิฏฐิมานะทำเพื่อให้จิตเบิกบาน ย่อมเสวยบุญนั้นในปรภพ มนุษย์ทุกวันนี้ทำแบบมีกิเลส ดังนั้น บางคนนึกว่าเข้าสร้างโบสถ์เป็นหลังๆ แล้วเขาจะไปสวรรค์หรือเปล่า เขาตายไปอาจจะต้องตกนรก เพราะอะไรเล่า เพราะถ้าเขาสร้างด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ เป็นการทำเพื่อเอาบุญบังหน้าในการเสวยความสุขส่วนตัวก็มี บางคนอาจเรียกได้ว่าหน้าเนื้อใจเสือ คือข้างหน้าเป็นนักบุญ ข้างหลังเป็นนักปล้น

    ละความตระหนี่มีสุข
    ดังนั้นบุญที่เขาทำนี้ถือว่า ไม่เป็นสุข หากมาจากการก่อกรรม บุญนั้นจึงมีกระแสคลื่นน้อยกว่าบาปที่เขาทำเอาไว้หากมีใครเข้าใจคำว่า บุญ นี้ดีแล้ว การทำบุญนี้จุดแรกในการทำก็เพื่อไม่ให้เรานี้เป็นคนตระหนี่ รู้จักเสียสละเพื่อความสุขของผู้อื่น ธรรมดาเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เมื่อมีทุกข์ก็ควรจะทุกข์ด้วย เมื่อมีความสุขก็ควรสุขด้วยกัน

    อย่าเอาเปรียบเทวดา
    ในการทำบุญ สิ่งที่จะได้ก็คือ ระหว่างเราผู้เป็นมนุษย์เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำนี้จะเป็นมงคล ทำให้จิตใจเบิกบานดีนี่คือการเสวยผลแห่งบุญในปัจจุบัน ทีนี้การทำบุญเพื่อจะเอาผลตอบแทนนั้น มนุษย์นี้ออกจะเอาเปรียบเทวดา ทำบุญครั้งใด ก็ปรารถนาเอาวิมานหนึ่งหลังสองหลัง การทำบุญแบบนี้เรียกว่า ทำเพราะหวังผลตอบแทนด้วยความโลภ บุญนั้นก็ย่อมจะไม่มีผล ท่านอย่าลืมว่า ในโลกวิญญาณเขามีกระแสทิพย์รับทราบในการทำของมนุษย์แต่ละคนเขามีห้องเก็บบุญและบาปแห่งหนึ่งอันเป็นที่เก็บบุญและบาปของใครต่อใครและของเรื่องราวนั้นๆ กรรมของใครก็จะติดตามความเคลื่อนไหวของตนๆนั้น ไปตลอดระหว่างที่เขายังไม่สิ้นอายุขัย

    บุญบริสุทธิ์
    การที่สอนให้ทำบุญโดยไม่ปรารถนานั้นก็เพื่อให้กระแสบุญนั้นบริสุทธิเป็นขั้นที่นึ่ง จะได้ตามให้ผลทันในปัจจุบันชาติ แต่ถ้าตามไม่ทันในปัจจุบันชาติ ก็ติดตามไปให้เสวยผลในปรภพ คือ เมื่อสิ้นอายุขัยจากโลกมนุษย์ไปแล้ว ฉะนั้น เขาจึงสอนไม่ให้ทำบุญเอาหน้า ทำบุญอย่าหวังผลตอบแทน สิ่งดีที่ท่านทำไปย่อมได้รับสนองดีแน่นอน

    คัดลอกจากหนังสือ เรียน ธรรมะบูชาพระสุปฏิปันโน เล่มของ สมเด็จพระพุฒาจารย์ โตพรหมรังสี
     
  13. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    อนุโมทนาค่ะคุณธรรมสถิต
     
  14. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ปีใหม่ไทยปีนี้ก็ขอให้ฉลองกันอย่างปลอดภัย ขอให้อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยปกปักรักษาให้พ้นจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวงเดินทางปลอดภัยกันทุกท่านนะค่ะ ปีนี้เก๋ก็เช่นเคยค่ะไม่ได้ไปไหน แต่ก็ปฏิบัตืธรรมอยู่ที่บ้านค่ะ 555 จริงๆก็ปฏิบัติทุกวันอยู่แล้วค่ะ ผ่านมา 5 ปีจะเข้าปีที่ 6 แล้วไม่รู้อยู่การปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิกลายเป็นส่วนนึงของชีวิตเราไปตั้งแต่เม่ื่อไหร่ เรียกว่าเป็นเพื่อนแท้ค่ะ เพราะเวลาเรามีปมในใจมีอะไรติดขัดติดที่ใจ ก็ได้พระกรรมฐานนี่แหละค่ะแก้ปมในใจเหล่านั้น มีญาติโยมญาติธรรมชอบสอบถามกันเข้่ามากเรื่องการปฏิบัติว่าติดในจุดต่างๆ แตกต่างกันไป ติดทีติตชอบคิดโน่นคิดนี่ในระหว่างปฏิบ้ติบ้าง ชอบฟุ้งซ่านบ้าง เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกตินะคะ จิตมุนษย์ก๋เหมือนลิงไปบังคับให้อยู่นิ่งๆมันทำไม่ได้ ดังนั้นวิธิการ คือ นั่งกำหนดจิตว่าง ในระหว่างนั้นจิตมันจะคิด เราก็ให้รู้ว่าคิด ฟุ้งซ่านก็ให้รู้ว่าฟุ้งซ่าน เจ็บปวดเมื่อยตามกายก็ให้รู้ว่าเวทนา ฝึกให้จิตมีกำลังขึ้น ถึงจุดนึงที่จิตมีกำลังพอ จิตจะตกกระแสธรรม จิตจะสว่างวาบขึ้นมาราวกับมีใครเอาไฟฉายมาส่งที่หน้าเวลาหลับตาลงปฏิบัติ เหมือนที่เค้าว่าพูดกันว่ามีพระจันทร์มาส่องหน้านั้นแหละค่ะสว่างจ้าแบบนั้น ก็ให้รู้มีสติรู้ในกิริยาจิตที่เกิดขึ้น สว่าวก็รู้ว่า สว่าง หากเห็นสิ่งใดปรากฏขึ้นมาเป็นภาพ จะเป็นภพชาติแต่ก่อนเก่าก็ให้รู้ว่ารู้ มันจะหายไปเอง อย่าไปตามดูเพราะธรรมชาติของมนุษย์เป็นทุนเดิมอยากเห็นอดีตชาติจองตัวเองอยู่แล้ว ถ้าเราตามดูตรงนั้นจิตจะติดไม่พัฒนาไปขั้นต่อไป เราก็รู้มันหาย ไป บางครั้งอาจเห็นเป็นเจ้ากรรมนายเวร หรือกายทิพย์ที่มาขอปรากฏกลายเพื่อขอบุญ เข่น หากไปปฏิบัติตามวัด หน้าเมรุเป็นต้น ไม่ต้องไปกลัวนะค่ะให้บุญเค้าไปเอง เวลาก่อนปฏิบัติหลวงพ่อสอนเสมอว่า ให้อธิษฐานเสมอว่า ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งอำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยนำเราใรการปฏิบัติ เก๋ก็ใช้แบบนี้มาตลอดเลยค่ะ 5 ปีกว่าแล้ว ก่อนปฏิบัติหลับตาลงจะอธิษฐานเช่นนี้ก่อนเข้ากรรมฐานเสมอๆ จากนั่งจึงปฏิบัติ เวลาติดก็เหมือนมีอะไรมานำเราไปเอง เหมือนนั่งๆติดจะเหมือนมีอะไรมาบอกหรือนำเราไปออกไปจากทางตันนั้นเสมอๆ อำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยและบุญกุศลที่เราไปเพียรสร้างมาจะนำเราไปเองเหมือนมีอาจารย์มาสอนส่วนตัวค่ะ และจิตจะค่อยๆพัฒนาไปที่ละขั้นๆ ฟอกกิเลสออกจากจิตที่ละชั้นที่ละชั้นๆ ค่อยๆปลอกเปลือกกิเลสที่ห่อหุ้มจิตเราไว้ กะเทาะออกทีละชั้น แล้วแขน ขา ร่างกายมันจะค่อยๆหายไปจิตที่สว่างเหมือนเกาะกลุ่มเป็นดวงจิตอยูก็จะค่อยสลายกลายเป็นสภาพโปรงใส่เหมือนอากาศว่างเปล่าตอนหลับตาลงอธิบายลำบากค่ะจิตมันค่อยๆละเอียดขึ้นละเอียดขึ้นแตกออกเหมือนเม็ดทรายแตกออกอีกแตกออกละเอียดขึ้น แต่หาบังคับไม่ได้นะค่ะมันจะปรากฏเหมือนไข่ระเบิดเวลาที่จิตมันมีกำลังพอแต่ถ้าไปหามันไม่เจอเหมือนว่างเปล่าไปหมดแต่พอจิตมันมีกำลังเกิดจิตระเบิดออกมาเหมือนไข่ระเบิดออกมา. แต่แขนขาร่างกายก็ไม่ได้หายไปเลยนะค่ะพอเราลืมตาย้งมีกายเราอยู่ มีแขนมีขาปกติ แต่พอหลับตาลงมันจะหายไป ที่สำคัญอย่าตกใจนะค่ะพวกแสงเหมือนในละครยังไงยังงั้นเลยค่ะที่ครูบาอาจารย์เล่าไว้ไม่ผิดต้องปฏิบัติเองขึ้นขั้นนึงปรากฏการณ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นแต่จะแสงสปอตไลท์มากน้อยลำแสงรัศมีมากน้อยแค่ไหนแตกต่างกันไปตามบุญเช่นระดับครูบาอาจารย์พระสุปปฏิปันโนพระอรหันต์เนื้อนาบุญท่านนั่งละก็แสงส่องสว่างเป็นลำแสงพุ่งมาจากฟ้าแบบที่เราเคยเห็นกันในทีวีเลยล่ะค่ะพระที่วัดมีค่ะที่เวลาท่านปฏิบัติแล้วเกิดสภาวะเช่นนี้เป็นสภาวะธรรมที่เกิดตอนปฏิบัติแต่ต่างไปตามกรรม แต่นานค่ะขึ้นอยู่กับความเพียรและบุณที่สั่งสมมาเร็วหรือช้านั้นแตกต่างกันไปตามกรรมตามวาระตามคำอธิษฐาน ต้องอดทนนะค่ะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มปฏิบัติธรรม เพราะมันจะยากเพียงช่วงแรกหรือช่วงเริ่มต้นเท่านั้นค่ะ แต่ไม่ใช่ตลอดไปพอเข้าที่เข้าทางจะเหมือนติดจรวดเล่นไปสู่เป้าหมายเองแต่อย่าลืมที่จะอธิษฐานนะค่ะ คำอธิษฐานใช้บุญเป็นเชื้อเพลงขับเคลี่อนให้เราสิ่งถึงจุดหมายปลายทางค่ะ ปรารถนาใดอย่าลืมอธิษฐานนะค่ะ นั่งทุกวันพอนั่งเสร็จอย่าลืมอธิษฐานบุญจะได้นำไปนะค่ะ ถ้าเพียรจริงๆนั่งแอบเอาเป็นเอาตายนี่รับรองนิพพานไม่ไกลแน่นอนค่ะ หลายท่านมี่มาร่วมบุญกันอยู่เนืองนั่นปรารถนามรรคนิพพาน แต่ถ้านิพพานนี่พอสำเร็จถึงซึ่งพระนิพพานครูบาอาจารย์ว่าต้องบวช ไม่บวชก็ต้องเข้าไปช่วยงานวัดงานศาสนาไม่งั้นจิตมี่นิพพานแล้วมันเบื่อจิตจะละสังขารเหมือนนอนๆตายไปเลยยังงั้นน่ะค่ะ คือ ตาย เก๋แอบปรารถนาจิตออโต้แต่ไม่ปรารถนานิพพานในชาตินี้ เพราะกิเลสเยอะยังปรารถนาสร้างบารมีอยู่ค่ะ เก๋ก็อธิษฐานของเก๋ทุกวันค่ะนั่งสมาธิเสร็จก่อนออกก็อธิษฐานทุกวัน บารมีเราน้อยเราก็เพียรสร้างของเราด้วยหวังว่าวันนึงคงได่ถึงจึดหมายปลายทางตามที่อธิษฐานไว้ อย่าลืมมาสร้างบารมีร่วมกันให้สำเร็จไปด้วยกันน่ะค่ะ เพราะการสร้างบุญบารมีสร้างวัดสร้างพุทธสถานเมื่อสร้างสำเร็จบุญนั้นไม่ได้ส่งให้ใครคนใดคนนึงสำเร็จตามที่อธิษฐานเท่านั้น หากแต่จะส่งให้ท่านผู้ร่วมบุญทุกท่านให้ได้ถึงจุดหมายปลายทางตามที่ท่านผู้ร่วมบุญแต่ละท่านอธิษฐานไว้ ขอเพียงเพียรสร้างบุญและอย่าละเลยที่จะอธิษฐานค่ะ อนุโมทนาสาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2014
  15. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  16. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ดุเดือด ! ดวงเมือง "เมษา" 57 โหรทายร้ายเข้าขั้นกลียุค

    [​IMG]



    เดือนเมษายนปีนี้ ไม่เพียงจะร้อนแค่สภาพอากาศ แต่การเมืองก็ร้อนระอุด้วย มีการทำนายทายทักกันว่าอาจจะเป็น "เมษาฯเลือด" ด้วยซ้ำ

    ลองมาดูกันว่า โหรแต่ละสำนักจะว่ากันอย่างไร

    อาจารย์ โสรัจจะ นวลอยู่ ทำนายไว้ในหนังสือ "ศาสตร์แห่งโหร 2557" ของสำนักพิมพ์มติชน ว่า เดือนเมษายน บ้านเมืองเริ่มมีการปฏิรูปครั้งใหญ่ ธุรกิจท่องเที่ยวอับเฉา นักท่องเที่ยวไม่มาทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ จะเกิดทุกข์หนัก คนตกงานจำนวนมหาศาล มีการเดินขบวน เกิดความโกลาหล เหล่ามิจฉาชีพและคนร้าย อันธพาลกำเริบเสิบสาน คนดีตกเป็นเหยื่อของคนชั่ว

    ช่วงกลางเดือนทหารไทยกับทหารมาเลเซียร่วมกันกวาดล้างโจรผู้ก่อการร้าย โดนบุกหนักเหมือนเป็นการรบที่ยืดเยื้อ กลุ่มนักการเมืองร่วงหล่นเป็นแถวๆ มีอุบัติภัยทางอากาศหลายครั้งในต่างประเทศ กรุงเทพฯถูกก่อวินาศกรรม ทำความตื่นตระหนกไปทั่วและมีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก

    โหร "โสรัจจะ" ยังทำนายต่อเนื่องถึงเดือนพฤษภาคม ว่า ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางการเมือง อาจมีคนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง อาจเกิดการยุบสภา หรือปฏิวัติรัฐประหาร หุ้นตก เศรษฐกิจล้มเหลว ทางใต้หลายจังหวัดประสบอุทกภัยร้ายแรง จังหวัดที่ติดทะเลต้องอพยพด่วน ทางรถไฟขาด รถเดินทางไม่ได้ โทรศัพท์เสีย

    อาจารย์ "โสรัจจะ" ระบุอีกว่า "เมื่อดาวบาปเคราะห์ทั้งราหูและพระเสาร์ ผนึกกำลังเข้าตรึงลัคนาราศีเมษ ดวงกรุงสยามเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่า ถึงคราวชะตาเมืองกำลังตกต่ำ ความแตกแยกโกรธแค้นชิงชังของผู้คน เสนาบดี มีเหตุอาเพศต่างๆ เกิดการจลาจล รัฐประหาร บุคคลในเครื่องแบบแตกแยกเป็นสองฝ่าย เกิดสงครามกลางเมือง เลือดไทยต้องไหลนองแผ่นดิน"

    เกิดการจลาจลในกรุงเทพฯ ทุกหมู่แตกเหล่าเคียดแค้น ปิดร้านค้ายึดเป็นที่มั่นยิงต่อสู้กัน มีการขว้างระเบิดสนั่นเมืองไปหลายวัน จะก่อความยุ่งยากทีละน้อยและค่อยๆ รุนแรงขึ้นจนระงับไม่อยู่ ผู้มีอำนาจหรือคนสำคัญบางคนจะหมดอำนาจวาสนา หรือต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ

    "โสรัจจะ" บอกว่า เป็นการนองเลือดระหว่างผู้มีอำนาจกับประชาชน ครั้งที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่มีการก่อตั้งกรุงเทพฯมา!!!

    อาจต้องใช้กำลังทหารเข้าแก้ปัญหา อันเป็นหนทางสู่ "การปฏิวัติรัฐประหาร" ต้องรบราฆ่าฟันกัน สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก บุคคลสำคัญและมีชื่อเสียงของประเทศ จะถึงแก่กรรมจากการลอบทำร้าย ปลายเดือนพฤษภาคม รัฐบาลจะประสบวิกฤตอย่างรุนแรง รัฐมนตรีมีอำนาจบางคนใช้อำนาจย่ำยีกฎหมายและคอร์รัปชั่น อาจถูกจับประหาร ผู้มีอำนาจในบ้านเมืองต้องหาทางแก้ไขความปั่นป่วนของฝูงชน

    ส่วนเดือน "มหาวิปโยค" อย่างแท้จริง "โสรัจจะ" บอกว่า คือเดือนกันยายน เป็นเดือนแห่งการก่อวินาศกรรมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด

    ทั้งนี้ เพราะ "ดาวพฤหัสบดี" เป็นดาวฝ่ายธรรมะที่กลายร่างเป็นอธรรม บ่งบอกว่าความยุติธรรมต่างๆ ค่อยๆ ถูกกลืนหาย เป็นยุคของอำนาจทมิฬซึ่งแฝงมากับการนำประเทศไปสู่ระบอบการปกครองใหม่ นำไปสู่ความโหดเหี้ยมและไร้มนุษยธรรม ประชานิยมสุดโต่ง ไม่สามารถนำเข้าไปเทียบเคียงได้กับระบอบการปกครองใดๆ ในโลกได้

    เป็นหน้าที่ของทุกคน ที่ต้องระมัดระวังไม่ให้สิ่งเหล่านี้ดำเนินต่อไปได้ การวู่วามใดๆ รังแต่จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ การปลุกระดมม็อบใดๆ ควรละเว้น ถ้าดื้อรั้น จะเอาแต่ฝ่ายตนท่าเดียว บ้านเมืองจะฉิบหาย จะเป็นการปลุกให้ผู้ถืออาวุธทนไม่ไหว เข้ามาแก้สถานการณ์อันไม่สงบ

    เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม การวู่วามของนักการเมืองปากพล่อย การยั่วยุของฝ่ายที่ประสงค์ให้เกิดการแตกแยกของรัฐบาล จะเป็นการจุดระดมโหมสรรพกำลังเข้ามา เพื่อทดสอบความใจเย็นและความละเอียดรอบคอบของรัฐบาล



    แต่ "โสรัจจะ" เตือนส่งท้ายว่า การพยากรณ์นี้ค่อนข้างร้ายแรง อย่าหลงเชื่อจนงมงาย เพราะวิชาโหราศาสตร์เป็นเพียงทฤษฎีที่กำหนดขึ้นเพื่อใช้เป็นหลักในการให้คำพยากรณ์ เป็นเพียงการคาดคะเนที่อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้


    ด้านอาจารย์ อรรถวิโรจน์ ศรีตุลา โหรชื่อดังอีกคน บอกว่า ดวงเมืองเดือดแน่นอนในเดือนเมษายนนี้ ดาวเสาร์ราหูอมเล็งดวงเมือง และชะตาดวงเมืองแตกเพราะโดนเสาร์ราหูเล็ง เสาหลักเมืองเกิดวันที่ 21 เมษายน 2325 ตอน 7 โมงเช้าวันอาทิตย์ ปีขาล ตอนนี้ดวงเมืองกำลังย่ำแย่ กำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่ใช่แค่แตกเป็นสองฝ่าย แต่แตกเป็นหลายส่วน เกิดการเมืองขัดแย้งอย่างรุนแรง

    เหตุความรุนแรงจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 21 เมษายน พอเลยวันที่ 21 เมษายนไปแล้วอาจจะดีขึ้นนิดหน่อย ตอนนี้ฝ่ายรัฐบาลเริ่มหนุนเข้ามา ตีโต้ฝ่าย กปปส. สองฝ่ายก็มาตีโต้กัน หากฝ่าย กปปส. ชนะ นปช.ก็จะเข้ามาอีก เหมือนเดิม ในทำนองเดียวกัน ถ้าฝ่าย นปช. ชนะ ฝ่าย กปปส.ก็จะเดินขบวนเหมือนเดิม ฉะนั้นบ้านเมืองจะไม่สงบ

    "อรรถวิโรจน์" แนะนำว่า ต้องคลี่คลายให้ได้ก่อนวันที่ 21 เมษายน แต่ก่อนหน้านั้นจะมีนองเลือด แตกเป็นเสี่ยงๆ ระส่ำระสาย ทุกคนต้องเตรียม

    ตัว ข้าวยากหมากแพง ตุนของไว้ ดวงเมืองจะแย่ไปอีก 10 ปี แต่ที่แย่มากที่สุดคือเดือนมีนาคม ปี 2559 แย่ไปอีก 14 ปี จะนองเลือด แตกแยก ไม่สามารถคลี่คลายได้ ต้องพยายามคลี่คลายกันให้ได้

    ถึงจุดที่ต้องตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ว่าจะเอาอย่างไรกัน ไม่อย่างนั้นก็หักกันไปข้างหนึ่ง ดาวมันประจัญกันโดยเฉพาะเดือนเมษายน เกิดคราส รุนแรงมาก เพราะมีราหูแล้วพระจันทร์เข้ามาอีกดวงหนึ่ง ดับเลย เมษายน พฤษภาคม เขาจึงเรียกว่าเกิดราหู ดาวอาทิตย์ จันทร์ ราหูมันอยู่ในมุมเดียวกัน เกิดทั่วโลก เดือนนี้เป็นเดือนน่ากลัว เกิดคราสราหู เกิดขึ้น 15 ค่ำ แรม 15 เดือนเมษายน พฤษภาคมนี่แหละ จะเกิดคราสรุนแรง วันที่ 13 เมษายนนี้ก็จะอันตราย รุนแรง

    จุดนี้แหละอันตรายมากที่สุด เรียกว่าจุดคราส คราสราหูเสาร์

    อย่างไรก็ตาม "อรรถวิโรจน์" ยังให้ความหวังว่า มีประมาณ 10% ที่ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นได้ จะไม่นองเลือด

    ด้านอาจารย์ บุศรินทร์ ปัทมาคม โหรชื่อดังอีกคน บอกว่า ช่วงก่อนสงกรานต์นี้เป็นช่วงที่น่าเป็นห่วงที่สุด อาจมีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่รูปแบบไหน หนักเบาอย่างไรนั้นตอบไม่ได้

    จุดแตกหักมันจะอยู่ในช่วงนี้ไปจนถึงสงกรานต์ พอเลยไปวันที่ 21 เมษายน ซึ่งเป็นวันเกิดดวงเมืองก็จะขยับดีขึ้นไปอีก เบาลงไปอีกระดับหนึ่ง และพอวันที่ 30 มิถุนายน ก็จะเบา ที่สุดจนหายเป็นปกติ มันจะเป็น 3 จังหวะ แต่จังหวะตรงนี้เหมือนเป็นตกหลุมที่เป็นช่วงตกต่ำที่สุดของดวงเมือง ระหว่าง 14 มีนาคม - 13 เมษายน พอหลังสงกรานต์แล้ว วันที่ 21เมษายนจะดีขึ้น

    แต่ก่อนวันที่ 21 เมษายน น่าห่วงว่าจะมีความรุนแรง แต่ว่าจะรุนแรงระดับไหนก็ตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดบ่อยๆ จนมีสถิติ แต่ช่วงนี้แย่สุด เพราะฉะนั้นถ้ารุนแรงก็รุนแรงได้มากที่สุดก่อนสงกรานต์ หลังสงกรานต์จะดีขึ้น

    ดวง สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. อยู่ราศีเมถุน ส่วน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ก็ราศีเมถุน เท่าที่ดูลักขณาคุณสุเทพเครียดมาก อยากจะลงเต็มทีแล้ว

    อยากเลิก อยู่ในภาวะกดดัน เครียด ถ้าตามภาษาดวงก็บอกว่าถูกดาวพฤหัสที่ไม่ถูกกับดวงกำลังมารุมทำร้ายทำให้จิตใจคุณสุเทพเครียดมาก ตอนนี้แกก็อยากหาทางลง

    ถ้าระหว่างคุณยิ่งลักษณ์กับคุณสุเทพ ดวงคุณยิ่งลักษณ์น่าจะดีกว่า

    เป็นการทำนายทายทักสถานการณ์ประเทศไทยของ 3 โหรชื่อดัง จะเกิดเหตุอะไร อย่างไร ต้องติดตามดูกัน



    ที่มา : มติชน
    9 เมษายน 2557

    บทความจาก alittlebuddha.com Homepage of Wat Thai Las Vegas U.S.A.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • image.jpg
      image.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.1 KB
      เปิดดู:
      86
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2014
  17. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    ทุกอย่างมีจุดเริ่มเกิดขึ้นตั้งอยูแล้วก็ดับไป ยังไงขอให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติทุกอย่างเมื่อเกิดขึ้นมีอยู่พัฒนาถึงขีดสุด ก็เสื่อม จิตใจผู้คนออกห่างจากกรรมดี ย่อมถึงจุดแตกหักในที่ถึงที่สุดและ ดับแล้วเริ่มต้นก้าวไปในสิ่งที่ดีกว่า อาจจะยากอาจจะเจ็บปวดแต่จำเป็นต้องก้าวข้ามมันไปให้ได้ค่ะ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งรอบตัวเราที่ล้วนสอนให้เราเรียนรู้ธรรมะ หรือธรรมขาติ เป็นวัฏจักร เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป สุขก็ไม่สุขอยู่ตลอดไป ทุกข์ก็ไม่มีทางที่จะทุกข์อยู่ตลอดไป มองดีๆจะรู้ว่าสิ่งรอบตัวหรือชีวิตล้วนสอนธรรมะเราอยู่เสมๆอยู่ที่เราจะมองมันหรือไม่พิจารณามันอย่างเป็นกลางหรือไม่ คำทำนายที่จะตรง 100% มีเพียงคำทำนายจะองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พูดแล้วไม่ผิดจากที่พูดที่บอกเพราะพระองค์เป็นผู้มีรู้แจ้งแล้วยิ่งกว่าผู้ใดและครูบาอาจารย์ค่ะ ในที่นี้หมายถึง ต้องตีความกันอย่างถูกต้องนะค่ะไม่ใช่นำไปเติมน้ำเติมเนื้อเพิ่ม แต่ปกติแล้วครูบาอาจารย์ท่านก็จะไม่พูดออกมาตรงๆเพราะปกติเรื่องต่างๆจะภัยพิบัติหรือเรื่องราวในบ้านเมืองเมื่อพูด เมื่อบอกเวลาส่วนมากมันเคลื่อน หมายถึงเรื่องร้ายๆนะคะเหมือนเป็นวิบากกรรมที่ต้องเกิดหลีกเหลี่ยงไม่ได้อะไรแบบนี้น่ะค่ะ แต่เรื่องดีๆนี่ไม่เป็นไร ดังนั้นก็ไม่ต้องกลัวกันนะค่ะแม้อะไรจะเกิดอย่างไรประเทศไทยก็ยังอยู่ จะภัยพิบัติ ภัยจากน้ำมือมนุษย์ คนฆ่ากันเอง แต่จะไม่หายไปไหนหรอกค่ะ จะยังอยู่ค่ะ แหมต้องบอกไว้ก่อนไม่งั้นแย่เลยค่ะเดี๋ยวอพยพย้ายกันไปหมดจะยุ่ง เพราะพี่สายบุญที่มาทำบุญบางท่านไปซื้อทึ่ สร้างบ้านไว้ที่อีสานเรียบร้อยแล้วค่ะมีมาชวนเก๋ไปซื้อดัวยค่ะแต่เก๋ไม่ไป ไม่ซื้ออะไรทั้งนั้นแหละค่ะไม่ได้มีบ้านส่วนตัวก็อยู่บ้านพ่อแม่สบายดีอยู่แล้วค่ะ อย่างเกาะบางจังหวัดบางจังหวัดในประเทศไทยที่มีคำทำนายมาจากหลายเสียงหลายแหล่งกันเหลือเกินว่าจะหายไปจากแผนที่ประเทศไทย เกิดคนย้ายออกไปหมดนี่แน่เลยค่ะ ยังมีค่ะจนหมดช่วงอายุเราไปก็ยังมีค่ะ ตามที่เคยฟังนั้นท่านผู้รู้เคยบอกว่าต่อเมื่อถึงปี 60 (หมายเหตุถ้าจำไม่ผิดนะค่ะเพราะเรื่องนี้ได้คุยกันมาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว) ประเทศไทยจึงดี อีก 2 ปีเท่านั้นค่ะ นับจากตอนนี้ไปฟื้นตัวถือว่าไม่นานเลยค่ะ อันนี้ใช้วิจารณญาณในการเชื่อนะค่ะเพราะผู้รู้ที่บอกเก๋มาไม่ได้เป็นหมอดู ไม่ได้เป็นโหรที่ดูจากดวงดาว แต่เห็นในนิมิต ที่สำคัญท่านพูดตรงอย่างคราวทึ่แล้วก็ชุมนุมจะเลิกอยู่แล้วค่ะท่านก็ว่าไปไหนมาไหน กทม.ช่วง ให้พกตะกรุดหน่อย ทั้งที่เหมือนสถานการณ์จะคลี่คลายเพราะม็อบเลิกไปชุมนุมย้ายจาดไลน์รถไฟฟ้ไปปที่สวนลุมแล้ว อ้าวปรากฏมามีระเบิดที่โน่นที่นี่ ดังนั้นถ้าไม่แน่ใจว่าเราเป็นคนที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทึ่มีกำลังพอรักษา(หมายเหตุ ต้องไม่อยู่ในช่วงเคราะห์ด้วยเพราะถ้าอยู่ช่วงเคราะห์ สิ่งศักดิสิทธิ์ที่รักษาเราจะกำลังอ่อนไปด้วยจะช่วยไม่ได้) อย่าลืมพกวัตถุมงคลติดตัวค่ะ ไม่เชืี่ออย่าหลบหลู่เพราะป้องกันได้จริงๆ เนื่องจากหลังๆชอบมีระเบิดสายบุญที่มีตะกรุดอยู่ก็พกตะกรุดติดตัวไปตรงบริเวณที่เกิดระเบิดเกิดระเบิดก็มีฟกช้ำค่ะแต่เจ้าตัวไม่เป็นอะไร อันนี้ต้องสารภาพก่อนว่าตอนที่เก๋ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรมเก๋ก็ไม่เชื่อค่ะไม่พกทั้งนั้นแหละค่ะอะไรก็ไม่พกพาเพราะเราเป็นคนสมัยใหม่แต่งตัวทันสมัยสร้อยพระอะไรเราก็ไม่ค่อยชอบแขวนน่ะค่ะ แต่พอปฏิบัติสักระยะถึงรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีอยู่จริงเพราะเจอกับตัว เจอไปๆเลยเชื่อว่าสิ่งที่เราไม่เห็นไม่ได้หมายถึงสิ่งเรานั้นไม่มีจริง และคงไม่ดีต่อตัวเราเองอย่างแน่นอนถ้าเราไปปรามาสหรือหลบหลู่จริงไหมค่ะ อนุโมทนาสาธุการค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 เมษายน 2014
  18. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  19. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     
  20. เก๋ณัฐา

    เก๋ณัฐา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,680
    ค่าพลัง:
    +57,773
    เชิญร่วมหล่อ
    พระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมปางเปิดโลกหรือ
    พระพุทธรูปประจำวันเกิด

    พระปางถวายเนตร
    ความสูงรวมฐานพระสูง 2.5 เมตร
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระองค์ละ 10,000 บาท
    เจ้าภาพหล่อ องค์พระ+ฐานพระ+ทาสีองค์พระ+ทาสีฐานพระ องค์ละ 15,000 บาท
     

แชร์หน้านี้

Loading...