เชิญเข้าร่วมสนทนาพิเศษเรื่อง มิติ ความฝัน ชาติภพ จิตวิญญาณ โดย @โนวา อนาลัย@ [Writer]

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย mead, 8 สิงหาคม 2007.

  1. khajornwan

    khajornwan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    901
    ค่าพลัง:
    +4,468
    ยังไม่ได้อ่านเหมือนกันค่ะ ตอนนี้กำลังศึกษาเล่มประวัติศาสตร์ของจิตวิญญาณอยู่ แต่แปลกเหมือนกันนะคะว่าทำไมเมื่อก่อนตอนอ่านเล่มนี้ใหม่ ๆ รู้สึกว่าเป็นหนังสือที่อ่านยากที่สุดในบรรดาหนังสือทั้ง 10 เล่มของท่านอาจารย์อนาลัยแต่การอ่านรอบนี้รู้สึกเราเข้าใจได้มากขึ้นทีเดียว คือช่วงนี้กำลังสนใจเรื่องของมนุษย์ต่างดาวอยู่พอดี และรู้สึกว่าเล่มนี้จะช่วยขยายความส่วนที่เราไม่เข้าใจไว้เยอะทีเดียวค่ะเพื่อน ๆ ลองอ่านดูนะคะถ้าสนใจ

    ส่วนเรื่องของการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์นั้น เคยมีรุ่นพี่ที่เรียนพลังจักรวาลเล่าให้ฟังว่าเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเรานั้นต่างก็มีจิตวิญญาณเป็นของตัวเองแล้วพวกเค้าก็จะมีวิวัฒนาการไปเกิดเป็นสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่ไปตามลำดับด้วย เห็นบอกว่าพอเรียนสูงขึ้นไปเค้าก็จะมีการสอนกันในระดับ DNA เลยทีเดียว.. คิดว่าน่าสนใจดี.. นี่ก็รอดูว่าเมื่อไหร่เค้าจะเปิดสอนในระดับต่อไปก็ไม่รู้..
    ;aa17;aa30
     
  2. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    มาแล้วค่ะ...เรียกปุ๊บ มาปั๊บเรย(ว่านอนสอนง่ายมะ)
    เดรด วนเวียนอยู่ในเวบนี่แหล่ะค่ะ...เผอิญ ติดลม อยู่ห้องอื่นๆ

    CWG.เล่ม 3 เมื่อไหร่จะมีคนแปลค่ะ..คุณZipp พอรู้มะ
    อ่านภาษาอังกฤษ มันเครียดค่ะ...แหะ แหะ

    อ้อ...คุณmead ไม่ต้องจัดของให้เดรดเยอะเกินนะคะ
    เผื่อที่ว่างไว้เยอะๆ ไว้ใส่ของ ช็อปปิ้งกลับ...อ้าว!! อุ๊ย ม่ะช่าย...อิอิ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2008
  3. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ชอบประโยคภาษาอังกฤษ อันนี้จริงๆค่ะ......

    บางที เรามักจะติด อยู่กับคำศัพท์ อย่างเช่น คำว่า "กรรม"
    เราถูกสอนมาให้เชื่อในกฎแห่งกรรม ตามหลักศาสนา
    ซึ่งก็จะเกิดกรอบขึ้น และบางที ภายในกรอบนี้
    เราก็ไม่สามารถอธิบาย อะไรบางอย่างได้หมด
    อยู่ภายใต้เงื่อนไข ของคำว่า อจินไตย

    แต่ถ้าเราไม่พิจารณาที่คำศัพท์ ไม่มีกรอบเลยละ
    มันจะเคว้งคว้างเกินไปหรือไม่ เราจะตั้งต้นจากไหน
    การเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต่างก็มีความเชื่อบางอย่าง ฝังรากลึกกันมาทั้งนั้น
    เราจะตัดสินความเชื่อกันด้วยวิธีไหนดีละ เพื่อนๆ ว่าไงค่ะ..???
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2008
  4. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    รู้สึกเหมือนคุณ ขจรวรรณเลยค่ะ ที่ว่าเล่มนี้อ่านยากมาก(จริงๆ ก็ยากทุกเล่มอ่ะ)
    เดรดอ่านไปรอบเดียว กำลังจะวนเข้ารอบสอง
    ก็มีความรู้สึกว่า เริ่มเข้าใจขึ้นบ้าง....เหมือนเข้าไปทำความรู้จัก คุ้นเคย
    พอเริ่มสนิทสนม เราก็อ่านเค้าออกมากขึ้น(เหมือนคบเพื่อนเลยอ่ะ)...เดรดคิด แบบนี้นะ

    แต่อย่างนึงที่ เดรดลองสังเกตุดู ทุกครั้งที่อ่าน แต่ละเล่ม
    ซ้ำ รอบ1 2 3 มันจะมีความคิด อะไรบางอย่างเพิ่มขึ้นมาตลอด
    เหมือนรู้มากขึ้น...ไม่ทราบคนอื่นจะเป็นมั๊ย???
     
  5. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ที่เจอก็คือที่ร้านหนังสือคิโนะคุนิยะที่สยามพารากอนครับ ตรงแผนก New age แต่ที่ร้านหนังสือต่างประเทศอื่นๆ ก็อาจจะมีก็ได้ อย่าง Asia book

    หน้าปกหนังสือเป็นอย่างนี้ครับ

    [​IMG]

    เล่มละประมาณ 4-5 ร้อยได้

    ส่วนอันนี้เป็น complete set เลย

    [​IMG]

    อันนี้เป็นเล่มอื่นๆ ของนีล

    [​IMG]

    ลองเดินๆ หาดูนะครับ เดี๋ยววันหลังถ้ามีเวลาลองไปแวะยืนอ่านอีกรอบดีกว่า อิอิ

    ประโยคนี้ "You must learn to be gentle with yourself. And stop judging yourself" มันเหมือนจะบอกว่าให้ผม gentle กับตัวเองหน่อยนะ และหยุดตัดสินตัวเองเสียที เพราะบางทีก็รู้สึกว่าไม่ค่อย gentle กับตัวเองเหมือนกัน และก็ยังตัดสินตัวเองอยู่

    จริงๆ เทคนิคการเปิดหนังสือเพื่อหาประโยคที่สื่อข้อความถึงตัวเองเป็นเทคนิคในทางคริสต์เค้าครับ บางทีที่มีปัญหาอะไร คิดอะไร ก็ให้ตั้งจิตแล้วก็เปิดพระคัมภีร์ไบเบิ้ล แล้วก็อ่านข้อความในหน้านั้น เค้าเชื่อว่าจะเป็นข้อความที่พระเจ้าสื่อมา บางโบสถ์ก็ทำเป็นแผ่นกระดาษแล้วแต่ละแผ่นก็เขียนข้อความในพระคัมภีร์เอาไว้ แผ่นนึงก็ประโยคนึง เวลาอยากหาคำตอบอะไรกับคำถามที่มี ก็ให้สุ่มหยิบขึ้นมา ก็เลยลองเอามาเล่นมั่ง แต่ว่าหน้าเวปมันไม่มีแบ่งหน้านี่นะ ก็เลยเอาประโยคที่ติดตา ติดหัวมา ประโยคที่เราติดมาแว๊บแรก ก็คงเหมือนความคิดแว๊บแรกที่พี่นักเขียนบอกว่าให้ลองเชื่อความคิดแว๊บแรกนั่นแหล่ะ

    แต่เรื่องการหลีกเลี่ยงคำศัพท์ แต่เอาคุณลักษณะของสิ่งนั้นมาอธิบายแทนจะทำให้ความคิดขัดแย้งกันลดลงไปได้นะ ถ้าใช้คำว่ากรรม บางคนที่ยังไม่สนเรื่องของศาสนาพุทธ ก็อาจจะเห็นว่านี่มันคำสอนของศาสนาอื่นนี่ แล้วก็ข้ามไปก็ได้

    การเกิดใหม่เป็นสัตว์ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณไปเกิดหรือทั้งหมดไปเกิด ผมว่าก็คงเหมือนๆ กับการที่เราไปเกิดใหม่เป็นคนนะ

    ส่วนหนังเรื่องนั้น ไม่เคยลองสังเกตดูตามร้านหนังเหมือนกัน แต่ทางสำนักพิมพ์เคยเอามาฉายในงาน meeting ที่จัดเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับหนังสือชุดนี้

    คาดว่าประมาณปีหน้าหน่ะครับ รอนิ๊สนะครับ

    ผมคิดว่าถ้าเราไม่ติดกับศัพท์ก็มองตรงคุณลักษณะเอา เช่นถ้าคนต่างประเทศพูดถึงผลไม้ที่ชื่อ mango แล้วเราไม่รู้ว่า mango แปลว่าอะไร เราก็ต้องให้เค้าอธิบายเอาว่า mango เนี่ยมันมีรูปลักษณ์มีลักษณะยังไง แล้วก็เอามาเทียบว่ามันตรงกับผลไม้อะไรที่เรารู้จัก
     
  6. sarissa

    sarissa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +631
    เข้ามาขอบคุณพี่นักเขียน เรื่องการค้นหาว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร

    ขอบคุณคุณซิปเปอร์สำหรับลิงค์ สนทนากับพระเจ้า 3 และมีตอนหนึ่งในนั้นที่พูดถึงเรื่องนี้

    ผู้เขียนได้สอบถามพระเจ้าว่า ที่พระเจ้าบอกว่า ถ้าเขาอยากจะตั้งตัวได้เสียที เขาควรที่จะเลิกโลเลอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ซึ่งพระเจ้าก็ให้คำอธิบายว่า ทำไมเป็นเช่นนั้น

    If all you desired is what your soul desired, everything would be very simple. If you listened to the part of you which is pure spirit, all of your decisions would be easy, and all the outcomes joyous. That is because . . .
    . . . the choices of spirit are always the highest choices.
    They don't need to be second-guessed. They don't need to be analyzed or evaluated. They simply need to be followed, acted on.


    It is not uncommon for your body to want one thing, while your mind seeks another, and your spirit desires yet a third. This can be especially true of children, who are often not yet mature enough to make distinctions between what sounds like "fun" to the body, and what makes sense to the mind--much less what resonates with the soul.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2008
  7. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    hello3 .. ขอกล่าว หวัดดีจ้า1 ..กับเจ้าของกระทู้ พี่ ๆ และเพื่อน ค่ะ
    ..

    ขอสมัครเป็นน้องใหม่ ด้วยคน..ขอคำแนะนำจากพี่ ๆ ด้วย นะคะ ..


    ..... fishh_ .......
     
  8. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ถ้ามีคนช่วยแปล CWG เล่มนี้ก็ดีซิครับ ถ้าแปลออกมาเป็นภาษาไทยเมื่อไหร่ คงอ่านหนังสือ อ.อนาลัย จบพอดี

    "พอความเชื่อเดิมๆหลุดออกไปตามเส้นทางแห่งกาลเวลา ก็รู้สึกเหมือนเวลารอบๆตัวเริ่มหยุดนิ่งไปด้วยนะครับ..
    เหมือนล่องลอยออกไปในที่กว้างไร้แรงดึงดูด มองไปทางไหนก็มีแสงสว่างส่องลอดเข้ามาเต็มไปหมด
    พวกเรารู้สึกแบบนี้กันบ้างรึเปล่าครับ? "


    ในความรู้สึกผมว่า พอเราเข้าใจอะไรซักอย่างจริงๆ และมั่นใจในสิ่งที่เราเข้าใจ รู้สึกทุกอย่างมันหยุดนิ่ง และโล่งปลอดโปร่งจริงๆนะครับ ไม่รู้คุณ mead จะรู้สึกอย่างนี้รึเปล่า



    ;aa14ยินดีต้อนรับคุณ นางเงือกน้อย นะครับ ;aa14

    มาพูดคุยกันเยอะๆนะครับ เพื่อนๆที่นี่คุยเก่งๆกันทุกคน คอนเฟริ์มเลยครับ
    การพูดคุยแลกเปลี่ยนทำให้เราขยายมุมมอง ขยายสติสัมปชัญญะได้มากเลยครับ บางประโยคเรามาอ่านที่เพื่อนๆโพสเอาไว้ เหมือนกับการตอบคำถามในสิ่งที่ติด และข้องใจให้กับตนเอง ได้อย่างดีเลยครับ ;aa13<!-- / message --><!-- sig -->
     
  9. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    ขอเล่าความฝันให้ฟังก่อน นะคะ ไม่รู้ว่าจะเข้ากับ กระทู้ รึเปล่าคะ ..

    ;aa30 ชอบฝันว่า ตัวเองดำลงไปในทะเล รู้สึกชื่นชอบมากค่ะ บางครั้งไปเจอปะการัง ..อยู่บ่อยๆ พอตื่นขึ้นมา ที่มือจะมีเศษทราย ติดมาด้วย ค่ะ ทั้งๆ ที่ ก่อนนอนก็อาบน้ำ แล้ว นะคะ .. เคยเล่าให้เพื่อน ฟังเค้าบอกว่า เป็นการละเมอ..
     
  10. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    สมชื่อ นางเงือกน้อย จริงๆครับ อิอิ
    ครั้งหน้าเก็บหอยสังข์ หินใต้ท้องทะเลมาฝากบ้างนะครับ
    ลองสังเกตดูภาวะจิตจากความฝันดูนะครับ เผื่อจะได้คำตอบมาบอกพวกเรา
     
  11. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ยินดีต้อนรับ คุณ Little Mermaid
    เข้าสู่ห้องความฝันค่ะ
    [​IMG]

    มาร่วมถ่ายทอด ประสบการณ์ กันนะคะ...เงือกน้อยๆ
    อารมณ์ และ จินตนาการ ทั้งยามหลับ และยามตื่น เป็นกุญแจ ของการเรียนรู้นะค่ะ
     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    [​IMG]

    สวัสดีครับ
    ขอต้อนรับ คุณ Little Mermaid สู่ห้องวิทย์ครับ

    มีเงือกน้อยสดใสมาร่วมแลกเปลื่ยนประสบการณ์ด้วยกันอีกท่าน
    ก็ต้องเตรียมประการังนุ่มๆมาฝาก หวังว่าคงไม่ใช้ถังออกซิเจนนะครับ อิอิ
    ฝันว่าไปทะเลแล้วทรายติดมือมาด้วยนี่ก็แปลกดี เหมือนไปทะเลมาจริงๆ...?
    อาจเป็นเรื่องสภาวะจิตใจที่เพ่งจดจ่อจนดึงดูดเหนี่ยวนำวัตถุธาตุเข้ามาก็ได้ครับ
    case นี้เพื่อนๆคิดว่าไงครับ?

    [​IMG][​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2008
  13. ธรรมจิตต์

    ธรรมจิตต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    197
    ค่าพลัง:
    +419
    วันนี้ข้าพเจ้ามีเรื่องเบาๆเกี่ยวกับความฝันมาเล่าให้ฟังครับ

    ปกติข้าพเจ้ามักจะชอบมองออกไปที่สนามหญ้าข้างบ้านของข้าพเจ้าเป็นประจำเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโตของต้นไม้ที่อยู่ในสนามนั้นโดยเฉพาะเจ้ามะม่วงมันสองต้นที่ปลูกไว้ บางครั้งก็อดคิดไม่ได้ว่าเมื่อไรจะออกผลซักทีนะ แล้วมาเมื่อคืนนี้เองข้าพเจ้าได้ฝันไปว่าเจ้ามะม่วงสองต้นนี้ออกดอกออกผลเล็กๆออกมาให้เห็น ซึ่งในความฝันนั้นข้าพเจ้ารู้สึกดีใจจริงๆที่ได้เห็นผลของมัน

    พอเช้าขึ้นมาข้าพเจ้าก็รีบลงไปมองดูที่ต้นมะม่วงปรากฏว่าเจ้ามะม่วงทั้งสองต้นนั้นแตกยอดอ่อนออกมาเยอะแยะเลย ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีผลเหมือนกับในความฝันแต่ก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ คล้ายๆกับว่าเรื่องราวมันจะปะติดปะต่อกันเหมื่อนกับเป็นเรื่องเดียวกันยังงัยไม่รู้
     
  14. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    <TABLE class=tborder id=post1489711 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 08:00 AM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>#6080 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>kindred<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1489711", true); </SCRIPT>
    ผู้ร่วมสนับสนุนบริจาค

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jun 2008
    ข้อความ: 234
    ได้ให้อนุโมทนา: 3,461
    ได้รับอนุโมทนา 2,900 ครั้ง ใน 241 โพส
    <IF condition="1"><!--############### AWCoding Back-End created by Adam Ellis ########################################### Version 3.0.2 ##############################-->[​IMG] <!--####################### Awards Postbit Template ########################################## Copyright 2008 all rights reserved ##################-->
    </IF>พลังการให้คะแนน: 27 [​IMG]



    </TD><TD class=alt1 id=td_post_1489711 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->ยินดีต้อนรับ คุณ Little Mermaid
    เข้าสู่ห้องความฝันค่ะ
    [​IMG]

    มาร่วมถ่ายทอด ประสบการณ์ กันนะคะ...เงือกน้อยๆ
    อารมณ์ และ จินตนาการ ทั้งยามหลับ และยามตื่น เป็นกุญแจ ของการเรียนรู้นะค่ะ
    <!-- / message -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ;41 ;38

    น่ารักกันทุกคนเลย ค่ะ ..

    ก่อนนอนในความรู้สึกนึกคิด ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่า จินตนาการ หรือเปล่าคะ
    เพราะจะนึกถึงทะเล คนดำน้ำ ประการัง ธรรมชาติใต้น้ำน่ะค่ะ.. fishh_.. มาด้วยกันมั้ยคะ ไปดูประการังกัน ..
     
  15. เด็กโชว์พาว

    เด็กโชว์พาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,082
    ค่าพลัง:
    +470
    ตอนนี้ข้าพเจ้าก็ฝันทุกคืนเลย ฝันเยอะแต่ก็จำไม่ค่อยได้ ก็คิดว่าถ้าจดบ่อยๆน่าจะจำได้เยอะนะครับแต่ก็ไม่ค่อยได้จดไง ไม่รู้เกี่ยวกันรึเปล่า แล้วก็ไม่ได้นอนทิศเหนือซะด้วย
    ศิลปะแห่งการใช้ชีวิตอยู่เหนือคำว่าความดีและความชั่วจริงๆนะครับ เวลาเราเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่ากำลังอารมณ์รุนแรง คนเรามักจะคิดว่าช่างน่าอัศจรรย์ใครเป็นคนกำหนดชีวิตเรา ในที่สุดก็เข้าใจว่า ที่แท้ก็ตัวเราเองนั่นแหละครับ
    บางทีผมคิดถึงและมองความคิดเห็นเหตุการณ์บางอย่าง แต่ในความฝันมองเห็นภาพแสดงไปที่คนที่มองเหตุการณ์หรือเรื่องราวเรื่องนั้นในทิศทางที่แตกต่างกันไป
     
  16. Little Mermaid

    Little Mermaid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    718
    ค่าพลัง:
    +1,768
    ขอบคุณค่ะ คุณเซลล์ เก็บหินใต้ทะเลได้จะนำมาฝากทุกคนเลย ค่ะ ;aa30..
     
  17. เซลล์

    เซลล์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 เมษายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +310
    ในเรื่องที่ไปเหนี่ยวนำวัตถุธาตุมายังไม่เคยมีประสบการณ์เหมือนกันครับ
    เคยทราบมาว่า
    โลกเรามีมิติที่ซ้อนทับกันอยู่มากมาย
    หากข้ามผ่านเส้นแสงที่กั้นมิติเอาไว้ ก็จะสามารถนำวัตถุธาตุนั้นๆกลับมาได้ โดยการแปลงกลับจากพลังงานมาเป็นวัตถุธาตุอีกทีนึง

    ตามความเห็นของผม ผมว่าทุกอย่างเป็นเรื่องเดียวกันหมด เราต่างสื่อสารทางจิตกันตลอดเวลา ภายในโลกหลากมิติ
    หากเราใช้สติติดตาม เฝ้าดู สังเกต เราจะค่อยๆเห็นกลไกการทำงานภายในของภาวะจิตครับ ว่าทำงานได้ลึกลับซับซ้อน และแยบยลมากๆ

    ผมว่าการจดมีความสำคัญนะครับ ในฝันเราจำได้อย่างแม่นยำ พอกึ่งหลับกึ่งตื่นเราคิดว่าเราจำฝันได้แน่ๆ แต่หากฝันเรื่องต่อมา แล้วตื่นเลย ก็จะจำได้เฉพาะเรื่องล่าสุดก่อนตื่น แต่ถ้ายังไม่ตื่น อยู่ในภาวะกายหลับจิตตื่น ช่วงนี้เป็นช่วงที่ดาวน์โหลดข้อมูลเข้ามาครับ

    "คนเรามักจะคิดว่าช่างน่าอัศจรรย์ใครเป็นคนกำหนดชีวิตเรา ในที่สุดก็เข้าใจว่า ที่แท้ก็ตัวเราเองนั่นแหละครับ" (good)(good)
     
  18. jaroen

    jaroen Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +43
    ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีสิ่งใหนเลย

    ในความฝัน ทุกครั้งที่ฝันถึงภูติผี หรือสัตว์ร้ายที่จะมาทำร้ายผม ในความฝันผมจะต่อสู้กับมันทุกครั้งไม่หนีแต่จะสู้ เช่น ชก ฉีกร่างปีศาจแยกออกเป็นชิ้นชิ้น หรือฟาดฟันใช้ดาบ ต่อสู้กับผู้คนทีละสิบ ยี่สิบคน จนร่างชุ่มด้วยเลือด อย่างนี้พื้นฐานทางจิตของผม หรือมันเป็นจิตใต้สำนึกอย่างไรครับ ทั่วไปคนที่ฝันเห็นผี ปีศาจ หรือคนที่จะมาทำร้าย โดยทั่วไปในฝัน สู้หรือหนีครับหรือว่าทำอย่างไรครับ
    ************************
     
  19. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    ความเชื่อ สัญชาติญาณ เหตุผล และ ปัญญา



    ;42 ขอต้อนรับคุณ Little Mermaid สู่ห้องวิทย์ค่ะ ;42
    [​IMG]

    มีผู้อ่านหลายท่านที่เขียน e-mail มาถึงพี่นักเขียน โดยแสดงความคิดเห็นคล้ายคลึงกับหลายท่านในห้องวิทย์ฯ ว่า มีความเชื่อในความฝัน มีความเชื่อในความเป็นไปได้ ที่จะรู้เห็นสิ่งต่างๆนอกเหนือประสาทสัมผัสทั้งห้าได้จากความฝัน แต่หลายท่านก็กล่าวว่า ได้พยายามจดจำความฝัน แต่ก็ยังไม่คมชัด จำได้บ้างไม่ได้บ้าง และบ่อยครั้งแม้ว่าจะจดจำได้ ก็ตีความหมายไม่ได้ ไม่เข้าใจสาระและความหมายที่ปรากฏในความฝัน

    พี่นักเขียนได้อ่านจดหมายเหล่านี้ และพยายามทบทวนสาระต่างๆที่พี่นักเขียนได้รวบรวมให้พวกเรานำไปฝึกปฏิบัติ เพื่อจะค้นให้พบว่า พี่นักเขียนได้ให้ขั้นตอนตกหล่นหรือบกพร่องอย่างไรไปบ้าง จึงทำให้ผู้อ่านจำนวนมากยังไม่ประสพความสำเร็จ ทั้งที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ความปรารถนา และความตั้งใจไม่น้อย

    พี่นักเขียนได้แนะนำพวกเรามาตั้งแต่แรกเริ่มกระทู้ว่า การทำสมาธิเป็นประจำ-อย่างสม่ำเสมอ เป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้เราสามารถก้าวล่วงไปสู่ความฝันได้ด้วยสติสัมปชัญญะอันคมชััด ไม่มีทางลัดอื่นใด พี่นักเขียนเองก็เริ่มต้นมาจากการฝึกสมาธิ ความฝันที่เคยจำได้บ้างไม่ได้บ้าง และความฝันที่ตนเองเคยเข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง ก็กลายเป็นสิ่งที่จำได้ เข้าใจได้ ตั้งเข็มให้ฝันได้ รู้เห็นได้ ด้วยปัจจัยหลักอันเดียว คือ สมาธิ

    หลายๆท่านแสดงความคิดเห็นจากการได้ยินได้ฟังมาว่า ผู้ที่ทำสมาธิมายาวนาน จะหลับและไม่ฝัน
    พี่นักเขียนขอยืนยันว่า คำกล่าวนี้มีความหมายในทิศทางที่ต้องตึความหมาย เพราะแม้แต่คำว่า ความฝัน ก็มีหลายภาวะ อันได้แก่ ฝันอย่างไร้สติ ฝันอย่างมีสติครึ่ง-ไม่มีสติครึ่ง และ ฝันอย่างมีสติ


    คำว่า หลับและไม่ฝัน จึงไม่ได้หมายความว่า หลับไปโดยปราศจากประสบการณ์ทางจิตทั้งปวง
    แต่หมายถึง การหลับและเผชิญกับประสบการณ์ที่ไม่ได้แตกต่างไปจากยามตื่นอีกต่อไป
    เพราะแม้จะหลับ จิตก็ยังตื่นอยู่

    ความฝัน กับ ความเป็นจริง จึงกลายเป็นสิ่งเดียวกัน
    หรืออีกนัยหนึ่งกล่าวได้ว่า ยามฝัน และ ยามตื่น
    สติสัมปชัญญะดำเนินการรู้เห็นต่อไป-อย่างควบคุมได้


    จากการสำรวจ e-mail จำนวนมากมาย ทำให้พี่นักเขียนพบว่า ผู้อ่านจำนวนมาก มักบอกว่า ทำสมาธิไม่ได้ หรือไม่สม่ำเสมอ และบางท่านก็บอกว่า ทำสมาธิโดยพยายามให้-จิตว่าง

    พี่นักเขียนได้เริ่มเรียนและฝึกสมาธิเป็นครั้งแรก ตามแนวพุทธ คือ อาณาปานสติ อันได้แก่การกำหนดลมหายใจ พระอาจารย์ของพี่นักเขียน เป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทางจิตมากมาย และได้เมตตาถ่ายทอดให้ลูกศิษย์โดยไม่เคยปิดบัง ท่านไม่เคยบอกกับศิษย์ว่า การฝึกปฏิบัติสมาธิจะทำให้ - จิตว่าง ในนัยที่ว่า ปราศจากประสบการณ์ทางจิตทั้งปวง

    หากแต่กล่าวเสมอๆว่า เมื่อเราสามารถจดจ่อจนกระทั่งจิตรวมลงเป็นสมาธิแล้ว จิตจะเหลือเพียงเครื่องอยู่ที่เรากำหนดให้มันเท่านั้น เช่น หากกำหนดให้มันจดจ่อกับลมหายใจ ใช้ลมหายใจเป็นเครื่องอยู่ ในที่สุดมันก็เหลือเพียง ลมหายใจ อันกลายเป็นหนึ่งเดียวกับ การรู้เห็น หรือกลายเป็นหน่ึงเดียวกับสติสัมปชัญญะ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า ว่างจากความคิดอันสะเปะสะปะที่เคยผุดขึ้นมามากมายจนควบคุมไม่ได้

    ความว่างในชั้นแรกนี้ เป็นเพียงขั้นต้น
    สติสัมปชัญญะซึ่งเคยเป็นผู้กระทำ ได้แก่ เคยเป็นผู้รู้เห็นถึง รูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส
    ก้าวล่วงไปสู่ภาวะของการเป็นผู้หยุดกระทำ ในระดับประสาทสัมผัสทั้งห้า
    เหลือเพียงการเป็นผู้กระทำในขอบเขตอันจำกัด ที่เรากำหนดให้มันกระทำ คือ ผู้หายใจ


    หากเราสามารถครองภาวะนี้ได้ต่อไปนานขึ้น - ด้วยการฝึกฝน
    สติสัมปชัญญะจะก้าวล่วงไปสู่ภาวะของการเป็นหนึ่งเดียวกับการกระทำ
    คือ เป็นลมหายใจ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า สติสัมปชัญญะกลายเป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่เรากำหนดให้เป็นเครื่องอยู่ของมัน

    ภาวะดังกล่าวนี้ อาจเปรียบได้กับภาวะที่เราซึมซาบ หรือเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงเพลง การเล่นดนตรี การเคลื่อนไหวเช่นการเต้นรำ หรือ การกระโดดน้ำอย่าง free fall คือดื่มด่ำอยู่กับสิ่งที่กระทำ จนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับการกระทำนั้นๆ

    หากเราสามารถครองภาวะนี้ได้ต่อไปนานขึ้น - ด้วยการฝึกฝน
    สติสัมปชัญญะจะก้าวล่วงไปสู่ภาวะของการเป็นผู้สังเกดการณ์
    คือสังเกตเห็นการกระทำ อันได้แก่การหายใจ จากภายนอกตัวตนของผู้กระทำ
    ในภาวะดังกล่าวนี้ การหายใจจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นไป นอกตัวตนผู้รู้เห็น หรือแยกไปจากผู้รู้เห็น

    หากเราสามารถครองภาวะนี้ได้ต่อไปนานขึ้น - ด้วยการฝึกฝน
    สติสัมปชัญญะจะก้าวล่วงไปสู่ภาวะของการเป็นผู้สังเกดการณ์ และผู้กระทำ พร้อมๆกัน


    ภาวะดังกล่าวนี้ เป็นภาวะที่จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อเราได้ฝึกฝนที่จนก้าวล่วงไปเผชิญกับการเป็นหนึ่งเดียวกับการกระทำ และ การเป็นผู้สังเกตการณ์ได้บ่อยจนเกิดความชำนาญ เรียกได้ว่า สามารถเข้า-ออก จากภาวะของการเป็นหนึ่งเดียวกับการกระทำ ไปสู่ภาวะของผู้สังเกดการณ์ได้เสมอๆ ดังปรารถนา เราจึงจะสามารถก้าวล่วงไปสู่ภาวะที่เป็นได้ทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน

    ผู้ที่เล่นดนตรี หรือ กีฬา หรือทำสิ่งที่ต้องใช้ความแม่นยำเป็นอันมาก อาจจะเปรียบเทียบภาวะดังกล่าวนี้ได้กับภาวะที่ว่า เรากำลังเล่นดนตรี หรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างแม่นยำ โดยไม่ต้องใช้สติสัมปชัญญะติดตามทีละ step ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร หากเล่น piano น้ิวของเราก็ดูเสมือนว่ามีความจำ และ มีสติสัมปชัญญะแยกไปจากสมองของเรา มันรู้ที่จะเคลื่อนไหวไปได้อย่างแม่นยำ แยกไปจากการใช้สมองคิดทีละ step ว่าจะเล่นโน้ตตัวใด และสติสัมปชัญญะส่วนหนึงจึงเป็นหนึ่งเดียวกับน้ิวมือซึ่งกระทำการอย่างแม่นยำ

    ส่วนสติสัมปชัญญะอีกส่วนหนึ่ง จะก้าวล่วงออกไปเป็นผู้สังเกตการณ์ คือได้ยิน ได้ฟัง และรับรู้ด้วยอารมณ์ มันจะเป็นส่วนของสติสัมปชัญญะที่ทำให้นิ้วมือไม่เพียงแต่กระทำ คือเล่นเพียงให้ถูกตัวโน้ตเท่านั้น แต่จะกระทำด้วยอารมณ์ทึ่เป็นไปตามปรารถนา คือทำให้นิ้วมือเล่น ค่อย ดัง นุ่มนวล หรือรุนแรง ไปตามอารมณ์ที่ได้รับการควบคุมด้วยสติสัมปชัญญะอีกทอดหนึ่ง

    ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปโดยปราศจากที่ติ หรือขาดความบกพร่อง
    แม้พี่นักเขียนจะกล่าวถึงกระบวนการทั้งหมดนี้จากประสบการณ์ส่วนตน
    แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า พี่นักเขียนปราศจากข้อผิดพลาดหรือความบกพร่อง
    เสมือนการเล่น piano โดยปราศจากที่ติ
    หากแต่ว่า กระบวนการทั้งหมดทำให้พี่นักเขียนเล่นได้ดีขึ้น มีที่ติน้อยลง และพัฒนาไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ


    ฉันใดก็ฉันนั้น ภาวะจิตในความฝัน และในสมาธิ จะได้รับการขัดเกลาและพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ
    ด้วยการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เราจะพบข้อบกพร่องของตนเอง และตระหนักได้ แก้ไขได้ต่อไปเรื่อยๆ
    เช่นเดียวกับการที่หูของพี่นักเขียน ได้หัดทำหน้าที่ผู้สังเกตการณ์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถจับผิด นิ้วมือที่เล่นถูกต้องตัวโน้ต แต่ปราศจากอารมณ์ที่ควรจะเป็นไปในท่วงทำนองหนึ่งๆ

    การฝึกฝัน และ ฝึกสมาธิ จะพัฒนาสติสัมปชัญญะของเราให้มีคุณภาพ มีความคมชัดยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งพี่นักเขียนเชื่อว่า พัฒนาการนี้ ปราศจากจุดจบ แต่จะเป็นไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด แต่ผลลัพธ์ที่ได้ จะปรากฏให้เราตระหนักได้ถึงพัฒนาการนั้นๆเสมอ

    พี่นักเขียนอยากจะขอให้ผู้อ่านทุกท่านที่ปรารถนาจะใช้ความฝันให้เป็นประโยชน์ ให้ความสนใจกับการทำสมาธิให้มาก เพราะสมาธิเป็นพื้นฐาน เป็นปัจจัย และเป็นกลไกของสติสัมปชัญญะอันคมชัด ทั้งยามตื่น-ยามฝัน ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากนี้

    แม้ว่าเราจะฝึกฝนที่จะจดจำความฝัน และจดจำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ แต่หากปราศจากสติสัมปชัญญะที่ได้รับการฝึกฝน ในที่สุดความจำเหล่านั้นจะปราศจากความแม่นยำ เพราะมันปราศจากผู้รู้ ที่จะทำให้เราเข้าใจประสบการณ์เหล่านั้นได้ เราจะกลายเป็นผู้ที่จดจำความฝัน และเผชิญกับประสบการณ์ความฝันด้วยความเชื่อต่อไป ไม่ใช่ด้วยความรู้

    -----------------------------------------------------------------

    ข้อแตกต่างของการเผชิญกับประสบการณ์ความฝันด้วยความเชื่อ และ ด้วยความรู้คือ:

    ในภาวะที่เป็นไปด้วยความเชื่อ ประสบการณ์ความฝันจะยังคงคละเคล้าด้วยการวินิจฉัยที่ตั้งอยู่ด้วยอารมณ์ในแง่ลบต่างๆ เช่น อารมณ์?โกรธ เกลียด กลัว สงสัย ข้องใจ กล่าวโทษ และการแบ่งแยกความแตกต่าง การแบ่งแยกเรา-เขา ซึ่งคล้อยตามความเชื่อในระดับจิตสำนึกตามปกติในยามตื่น ตลอดจนความเชื่อในระดับจิตใต้สำนึกที่เราอาจจะมองข้ามไปในยามตื่น

    ในภาวะที่เป็นไปด้วยความรู้ หรือตัวรู้ ประสบการณ์ความฝันจะเป็นประสบการณ์ที่เป็นไปด้วยอารมณ์ รู้ รัก เมตตา เข้าใจอย่างลุ่มลึกในนัยที่ว่า เราเป็นเขา-เขาเป็นเรา ปราศจากการวินิจฉัยว่า ดีหรือชั่ว เหมือนหรือแตกต่าง เพราะมันปราศจากการแบ่งแยกทั้งปวง

    กระบวนการทั้งหมดจากการเริ่มต้นเป็นหนึ่งเดียวกับการกระทำ มาสู่การเป็นผู้สังเกตการณ์ และการเป็นทั้งผู้กระทำและผู้สังเกตการณ์พร้อมกัน จะดำเนินไป-เป็นอัตโนมัติ จากการฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอจนเป็นนิสัย

    -----------------------------------------------------------------

    เจตนาและความมุ่งมั่นในส่วนลึกของเราแต่ละคน มีความปรารถนาที่จะใช้ความสามารถของจิตวิญญาณได้อย่างเป็นธรรมชาติด้วยกันไม่มากก็น้อย แต่ส่ิงที่เราแตกต่างกันอย่างมากคือ ความเชื่อถื่อหรือศรัทธาในจิตวิญญาณของตนเอง

    หากเราเริ่มต้นด้วยความคิด คือ คิดศรัทธาในความเป็นไปได้ ที่จะเกิดจากการให้ความสนใจต่อความฝันของตนเอง ก็นับว่าเป็นก้าวแรกที่ดี แต่ทุกย่างก้าวในชีวิตของเรา ล้วนเป็นย่างก้าวที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้วยการกระทำ มิฉะนั้นแล้ว ความคิดแต่เพียงอย่างเดียวก็ไม่อาจทำให้เราบรรลุผลสำเร็จได้

    การฝึกฝัน เป็นการยอมรับพลังอำนาจตามธรรมชาติของจิตวิญญาณด้วย-ความคิด อันเป็นจินตภาพ
    ความฝันเป็นภาวะที่เอื้ออำนวยให้ความเชื่อยามตื่นอ่อนกำลังลง

    การฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เป็นการยอมรับด้วย-การกระทำ-อันเป็นกายภาพ จินตภาพ และ จิตวิญญาณ
    สมาธิเป็นภาวะที่เอื้ออำนวยให้ความรู้ หรือตัวรู้ตามสัญชาติญาณธรรมชาติ มีพลังมากกว่าการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผลซึ่งคล้อยตามความเชื่อส่วนบุคคล และความเชื่อส่วนรวม


    ผลลัพธ์ของการฝึกฝนทั้งสองทิศทาง จะเอื้ออำนวยให้เราก้าวไปสู่ภาวะที่บรรลุผลสำเร็จได้ในระดับจิตวิญญาณ อันได้แก่การพัฒนาจิตวิญญาณ ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้ ทั้งยามตื่น-ยามฝัน(rose)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2008
  20. nova_analai

    nova_analai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    809
    ค่าพลัง:
    +7,489
    คุณค่า และ ความหมาย ของความเชื่อ

    ท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวว่า
    เป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณ คือ การเปลี่ยนความเชื่อเป็นความรู้

    ความเชื่อทั้งหลาย เปรียบได้กับจุดต่างๆบนพื้นผิวโลก และ ความรู้ที่แท้จริง เปรียบได้กับศูนย์กลางของโลก

    ในนัยทางกายภาพ เราอาจกล่าวว่า:
    ความเชื่อในทิศทางหนึ่งๆ ห่างไกลความเป็นจริงหรือศูนย์กลางของโลก เสมือนยอดเขาสูง
    ความเชื่อในอีกทิศทางหนึ่งๆ ใกล้ความเป็นจริงหรือศูนย์กลางของโลก เสมือนก้นเหว หรือท้องมหาสมุทร


    ความเชื่อในทิศทางหนึ่งๆ เปิดรับทัศนคติ มุมมอง และความเชื่ออื่นๆเสมือนทุ่งกว้าง
    ความเชื่อในอีกทิศทางหนึ่งๆ ปิดกั้นจากทัศนคติ มุมมอง และความเชื่ออื่นๆเสมือนถ้ำ


    ในนัยทางกายภาพ เราอาจกล่าวว่า ความเชื่อหนึ่งทำให้เราห่างไกลความรู้ ความเป็นจริง หรือทำให้เราใช้เวลายาวนานกว่าที่จะเข้าถึงความรู้ ความเป็นจริง


    ในนัยทางจิตวิญญาณ ไม่มีความเชื่อใด ห่างไกล หรือปิดกั้น ความเป็นจริงหรือความรู้ มากหรือน้อยไปกว่ากัน เพราะจิตวิญญาณดำเนินไปในมิติที่ปราศจากช่องว่าง-ระยะทางและกาลเวลา
    [​IMG]
    ยอดเขาสูงที่ดูเสมือนห่างไกลจากศูนย์กลางของโลกมากกว่าก้นเหวหรือท้องมหาสมุทร อาจเป็นความเชื่อที่ทำให้เราสามารถมองเห็นความเชื่ออื่นๆได้อย่างกว้างไกล ไม่ต่างไปจากที่เราสามารถมองเห็นโลกกว้างได้จากยอดเขา

    ก้นเหวหรือท้องมหาสมุทรที่ดูเสมือนจะใกล้ศูนย์กลางของโลกมากกว่ายอดเขา อาจเป็นความเชื่อ ที่ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นความเชื่ออื่นๆได้อย่างกว้างไกล

    ทุ่งกว้างที่ดูเสมือนจะทำให้เราเป็นอิสระ ด้วยจุดยืน ทัศนคติ และ มุมมองที่เปิดกว้าง อาจเป็นความเชื่อที่ทำให้เราหวาดหวั่นต่อภัยจากความเชื่ออื่นๆรอบตัวเรา เช่นเดียวกับที่ทุ่งกว้างอาจทำให้เราหวาดหวั่นต่อภัยธรรมชาติ

    ถ้ำที่ดูเสมือนจะปิดกั้นเราจนขาดอิสรภาพ ด้วยจุดยืน ทัศนคติ และ มุมมองที่จำกัด อาจเป็นความเชื่อที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยจากภัยจากความเชื่ออื่นๆรอบตัวเรา เช่นเดียวกับที่เราสามารถใช้ถ้ำเป็นสถานหลบภัยธรรมชาติ

    ไม่ว่าความเชื่อของกลุ่มชนใดๆที่เราเข้าไปมีส่วนร่วมและสัมผัส จะอยู่ ณ จุดใด
    ทุกจุดล้วนมีความหมาย มีคุณค่าต่อการเรียนรู้ทั้งสิ้น เพราะทุกจุด ย่อมขยายมุมมอง ทัศนคติ และแปลงสภาพความเชื่ออันจำกัดของเรา


    หากเรารับเอาข้อมูล:
    จากคำพูดของผู้อื่น
    จากการเฝ้าดูประสบการณ์ของผู้อื่น

    สิ่งที่เรารับเอา คือความเชื่อที่เกิดจากการฟัง หรือ การรู้เห็นจากผู้อื่นอีกต่อหนึ่ง ไม่ว่าเราจะรับฟัง หรือเฝ้าดู บุคคลใดๆที่เราเชื่อถือหรือศรัทธา มันย่อมไม่ใช่ความรู้ อันเกิดจากการมีประสบการณ์ด้วยตนเอง กล่าวได้ว่า เรายังเข้าไม่ถึงความรู้นั้นๆอย่างแท้จริง

    การรับเอา ความคิดเห็นของพี่นักเขียน แม้จะเป็นสิ่งที่พี่นักเขียนจะรับเอามาถ่ายทอดให้พวกเราได้จากความฝัน ก็ไม่ต่างไปจากการรับสิ่งที่เป็นเพียงวัตถุ เป็นเพียงจินตภาพ หรือเป็นเสมือนข้อมูลที่ปรากฏในหนังสือชุดนี้ ซึ่งท่านอาจารย์อนาลัยได้กล่าวไว้ว่า เป็นสาระที่ท่านไม่ได้ปรารถนาให้เราเชื่อ แต่ปรารถนาให้เราทดลอง ฝึกฝน และพิสูจน์ด้วยตนเอง เพื่อสัมผัสกับความเป็นจริงเหล่านั้นด้วยจิตวิญญาณของตนเอง

    พี่นักเขียนไม่ได้มีเจตนาที่จะปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือแก่ทุกท่าน
    ในทางตรงกันข้าม พี่นักเขียนตระหนักดีว่า การรับสารจากความฝัน
    เพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับ ความเชื่อ ไม่ได้เป็นการสนับสนุนให้ผู้ใดพิสูจน์ความเป็นจริงด้วยตนเอง แต่จะกลายเป็นการป้อนความเชื่อ หรือทัศนคติและมุมมองของพี่นักเขียนให้กับผู้รับสารโดยตรง แม้ว่าสาระที่พี่นักเขียนรับมาจะเป็นความเป็นจริงเพียงใดก็ตาม แต่สำหรับผู้รับฟังความฝันของพี่นักเขียน ก็จะยังคงเป็นเพียงความเชื่อที่เกิดจากการรับฟังเท่านั้น ไม่อาจเป็นความรู้ที่แท้จริง ที่ตระหนักได้ด้วยตนเอง


    สารอื่นๆที่พี่นักเขียนยินดีฝัน รับและถ่ายทอดให้ ล้วนเป็นสารที่พวกเราสามารถพิสูจน์ความเป็นจริงได้ทันที พี่นักเขียนจึงยินดีรับมาถ่ายทอดให้เสมอ และปรารถนาที่จะทำเช่นนั้นเพื่อให้พวกเราตระหนักได้ว่า การรับข้อมูลจากความฝันนั้น เป็นไปได้จริง ทำได้จริง
    และปรารถนาที่จะให้พวกเราฝึกฝนและทำได้ด้วยตนเอง

    คำว่าดี หรือร้าย ปราศจากความหมายค่อความเชื่อ เพราะทุกบุคลิกภาพย่อมมีตัวตนของเขาเป็นศูนย์กลางของทุกส่ิงทุกอย่าง และไม่มีบุคลิกภาพของจิตวิญญาณใดที่วินิจฉัยตนเองว่า
    เป็นศูนย์กลางของความเชื่อที่ดีหรือร้าย ทุกหน่วยของจิตวิญญาณที่เป็นบุคลิกภาพหนึ่งๆ มองเห็นตนเองเป็นศูนย์กลางของความท้าทาย และความใฝ่รู้เสมอ โดยอาศัยความเชือหนึ่งๆเป็นพาหนะของการเรียนรู้ ณ จุดหนึ่งๆ


    พี่นักเขียนไม่เคยแวะไปเยี่ยมกระทู้อื่นๆใน เว็ปพลังจิต
    แม้จะตระหนักดีว่า มีกระทู้จำนวนมากมายมหาศาล เสมือนจุดแห่งความเชื่อต่างๆบนผิวโลก ซึ่งมีความเชื่อในวัตถุธาตุ ในจินตภาพ และในจิตวิญญาณ หลากหลายกันไป

    ท่ามกลางความหลากหลายเหล่านี้ พี่นักเขียนเชื่อว่า จิตวิญญาณที่เป็นบุคคลทุกรูปทุกนามที่เข้ามาสู่เว็ปพลังจิต ต่างก็แสวงหาเส้นทางที่จะเข้าสู่ศูนย์กลางของโลกด้วยกันไม่มากก็น้อย ฉันญาติมิตรทางจิตวิญญาณ จะแตกต่างกันไปบ้างก็ด้วยทัศนวิสัย และ บุคลิกภาพซึ่งดึงดูดบุคลิกภาพอื่นที่คล้องจองกันให้ไปรวมกลุ่มกัน

    เว็ปพลังจิต จึงเปรียบเสมือน ประเทศเล็กๆประเทศหนึ่งบนผิวโลก ที่มีกลุ่มชนหลายกลุ่ม ต่างก็ใช้วิถีทางส่วนตน หรือส่วนกลุ่ม เพื่อแสวงหาเส้นทางไปสู่ศูนย์กลางของโลกไม่มากก็น้อย

    ยังมีประเทศอื่นๆ ทวีปอื่นๆ และจุดอื่นมากมาย กว้างไกลมหาศาลบนผิวโลก ที่เต็มไปด้วย มุมอง และทัศนคติ และความเชื่อที่แตกต่างไป

    ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักยอดเขา เราก็ไม่อาจจะตระหนักได้ว่า ก้นเหวหรือท้องมหาสมุทรนั้น ลุ่มลึกเพียงใด

    ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักก้นเหว หรือท้องมหาสมุทร เราก็ไม่อาจจะตระหนักได้ว่า ยอดเขานั้นสูงส่งเพียงใด

    ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักถ้ำ เราก็ไม่อาจจะตระหนักได้ว่า ทุ่งกว้างนั้นอิสระเพียงใด

    ตราบใดที่เรายังไม่รู้จักทุ่งกว้าง เราก็ไม่อาจจะตระหนักได้ว่า ถ้ำนั้นปลอดภัยเพียงใด

    สิ่งสำคัญที่เราแต่ละคนจำเป็นจะต้องพกพาไปสู่ทุกจุดแห่งความเชื่อ ไม่ว่าเราจะนำตนเองไปอยู่ ณ จุดใด คือ การมีสติพร้อม และ การใช้สัญชาติญาณควบคู่กับปัญญา

    ไม่มีการเรียนรู้ใดๆ ที่เป็นไปได้โดยปราศจากการเผชิญกับประสบการณ์นั้นๆด้วยตนเอง
    สิ่งที่ขัดขวางการเรียนรู้ของเราเสมอๆ คือ ความกลัว

    ความเชื่อของกลุ่มชน ไม่อาจทำอันตรายต่อเราได้เลย
    ความเชื่อของตนเองเท่านั้นที่ทำอันตรายต่อตนเองได้เสมอ

    แต่เราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัวความเชื่อใดๆ เพราะเราสามารถปลิดมันทิ้งได้ทุกเมื่อ ด้วยการใช้สติพร้อม และ สัญชาติญาณควบคู่กับปัญญา

    ความเชื่อไม่ใช่ตัวตนของเรา ความเชื่อทุกความเชื่อเป็นเพียงภาวะชั่วคราว ที่เป็นเสมือนพาหนะที่นำเราไปสู่การเรียนรู้เสมอ เมื่อเราไปถึงจุดหมายหนึ่งๆ เราสามารถก้าวออกจากพาหนะนั้นๆได้เสมอ เช่นเดียวกับการที่เราก้าวออกจากเรือหรือแพ เมื่อเราถึงฝั่ง เราไม่มีความจำเป็นจะต้องแบกเอาเรือหรือแพขึ้นฝั่งไปด้วย

    การมีสติพร้อม และ การใช้สัญชาติญาณควบคู่กับปัญญา จะทำให้เราปราศจากความกลัว และพบว่า ทุกจุดของความเชื่อ เต็มไปด้วยความรู้ที่เราสามารถเก็บเกี่ยวได้เสมอ(rose)
     

แชร์หน้านี้

Loading...