เรียนถาม ภรรยา ที่ชอบ ดุ ด่า สามี

ในทางพระพุทธศาสนาได้กล่าวถึงคู่ครอง ๗ จำพวกจึงขอยกมาเป็นเครื่องประดับสติปัญญา ดังความปรากฏในพระไตรปิฎก ภริยาสูตร ว่า

ครั้งนั้นแล ในเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสกถือบาตร และจีวร เสด็จเข้าไปยังนิเวศน์ของอนาถบิณฑิกคหบดี แล้วประทับนั่งบนพุทธอาสน์ ที่ปูลาดไว้แล้ว สมัยนั้นแล ในนิเวศน์ของอนาถบิณฑิกคหบดี มีเหล่ามนุษย์ส่งเสียง ดังอื้ออึง อนาถบิณฑิกคหบดีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามอนาถบิณฑิกคหบดีดังนี้ว่า

“คหบดี เหตุไรหนอ เหล่ามนุษย์ในนิเวศน์ของท่านจึงส่งเสียงดังอื้ออึง เหมือนชาวประมงแย่งปลากัน”

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ นางสุชาดานี้ ข้าพระองค์พามาจากตระกูลมั่งคั่ง เป็นสะใภ้ในเรือน นางไม่เชื่อฟังแม่ผัว ไม่เชื่อฟังพ่อผัว ไม่เชื่อฟังสามี แม้แต่พระผู้มีพระภาค นางก็ไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชา”

ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคได้รับสั่งเรียกนางสุชาดาหญิงสะใภ้ในเรือนมา และได้ตรัสกับนางสุชาดาหญิงสะใภ้ในเรือนดังนี้ว่า

สุชาดา ภรรยามี ๗ จำพวก คือ

๑. ภรรยาดุจเพชฌฆาต ๒. ภรรยาดุจนางโจร

๓. ภรรยาดุจนายหญิง ๔. ภรรยาดุจมารดา

๕. ภรรยาดุจพี่สาวน้องสาว ๖. ภรรยาดุจเพื่อน

๗. ภรรยาดุจทาสี

บรรดาภรรยา ๗ จำพวกนั้น เธอเป็นภรรยาจำพวกไหน

นางสุชาดากราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันไม่เข้าใจความหมายที่ตรัส ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงแสดงธรรมแก่หม่อมฉันโดยวิธีที่หม่อมฉันจะเข้าใจ (ขอพระองค์ขยายความ) พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “สุชาดา ถ้าเช่นนั้น เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว”

ภรรยาใดคิดประทุษร้าย ไม่เกื้อกูลอนุเคราะห์

ยินดีต่อชายเหล่าอื่น ดูหมิ่นสามี

เป็นหญิงที่เขาซื้อมาด้วยทรัพย์ พยายามฆ่าสามี

ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจเพชฌฆาต



ภรรยาใดมุ่งจะยักยอกทรัพย์แม้มีจำนวนน้อย

ที่สามีประกอบศิลปกรรม พาณิชยกรรม และกสิกรรมได้มา

ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจนางโจร



ภรรยาใดไม่สนใจการงาน เกียจคร้าน กินจุ

หยาบคาย ดุร้าย มักพูดคำชั่วหยาบ

ข่มขี่สามีผู้ขยันหมั่นเพียร

ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจนายหญิง



ภรรยาใดเป็นผู้เกื้อกูลอนุเคราะห์ทุกเมื่อ

คอยทะนุถนอมสามี เหมือนมารดาคอยทะนุถนอมบุตร

รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ไว้

ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจมารดา



ภรรยาใดเป็นเหมือนพี่สาวน้องสาว

มีความเคารพในสามีของตน

มีใจละอายต่อบาป ประพฤติคล้อยตามอำนาจสามี

ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจพี่สาวน้องสาว



ภรรยาใดเห็นสามีแล้วชื่นชมยินดี

เหมือนเพื่อนเห็นเพื่อนผู้จากไปนานแล้วกลับมา

เป็นหญิงมีตระกูล มีศีล มีวัตรปฏิบัติต่อสามี

ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจเพื่อน



ภรรยาใดถูกสามีขู่จะฆ่าจะเฆี่ยนตี ก็ไม่โกรธ สงบเสงี่ยม

ไม่คิดขุ่นเคืองสามี อดทนได้

ไม่โกรธ ประพฤติคล้อยตามอำนาจสามี

ภรรยาเช่นนี้ เรียกว่า ภรรยาดุจทาสี

(สรุป)

ภรรยาใดในโลกนี้ ที่เรียกว่า ภรรยาดุจเพชฌฆาต

ภรรยาดุจนางโจร และภรรยาดุจนายหญิง

ภรรยานั้น เป็นผู้ทุศีล หยาบคาย ไม่เอื้อเฟื้อ

เมื่อตายไป ย่อมไปสู่นรก



ส่วนภรรยาใดในโลกนี้ ที่เรียกว่า ภรรยาดุจมารดา

ภรรยาดุจพี่สาวน้องสาว

ภรรยาดุจเพื่อน ภรรยาดุจทาสี

ภรรยานั้น เพราะเป็นผู้ตั้งอยู่ในศีล

ยินดีและสำรวมมานาน

เมื่อตายไป ย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์

บรรดาภรรยา ๗ จำพวกนั้น เธอเป็นภรรยาจำพวกไหน

นางสุชาดากราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ขอพระผู้มี พระภาคโปรดทรงจำหม่อมฉันไว้ว่า เป็นภรรยาดุจทาสี”

เนื้อคู่กันแล้ว คงไม่แคล้วกันได้

 

ตายละ!! เพิ่งเห็นคุณ ddman มาแอบหัวเราะ :''(

โถ่ๆๆ ดิฉันเพียงแค่ มีความคิดกลับ ย้อนไปย้อนมา ไม่ค่อยเหมือนคนทั่วไปนะค่ะ
-อะไรที่เขาสั่ง จะไม่ทำ
-อะไรที่ได้สั่ง อยากจะทำ (ดื้อเงียบนั่นล่ะค่ะ)
เป็นนิสัยที่ควรแก้ค่ะ ไม่ใช่ว่าเป็นนิสัยที่ดีใช้กับทุกสถานการณ์ได้ (อาจจะทำให้ก่อเกิดความไม่สงบ)

ถ้าวันนึง ดิฉันไปกราบสามี เขาคงคิดว่า ดิฉันคงกินยาผิดหรือไม่ก็อาหารไม่ย่อยหรือท้องผูก ฯลฯ

และคุณสามีกรุณาตากผ้าด้วย วันนี้ต้องพาลูกไปว่ายน้ำ

 

...ข้อความของท่านThanks-Epiน่าบันเทิงใจน่ะครับ ..และเข้าใจว่าท่านแลสามีย่อมกลมเกลียวกันเป็นอันดี เพราะท่านเป็นผู้ฉลาดในกิจแห่งเรือน ..แม้จะแสดง คุณแห่งสามีว่าเป็นผู้ช่วยเหลือในงานบ้านก็ย่อมสั่งผ่านสื่อด้วยข้อความที่น่ารักว่า...

ช่างทันยุคโลกาภิวัฒน์จริงๆ!

 

ผมพอเข้าใจความคิดคุณล่ะ อีกนานคุณคงจะได้เกิดเป็นผู้ชาย

ผมจะให้วิธีแก้ไว้กับคุณผู้ชายที่โดนด่าและทำร้ายทุบตีจากภรรยาครับ
1.คิดเสียว่าเป็นกรรมเก่าเคยทำกับเค้ามาเยอะทำใจให้สบาย
2.ให้หมั่นสวดมนต์ภาวนา ในใจตลอดเวลาสวดไปนึกถึงพระหรือคำสวดไป ตอนเช้าก็สวดมนต์หน้าพระพุทธรูปอาราธนาศิลซะตอนไปทำงานก็ภาวนาในใจยิมแย้มเข้าไว้กลับบ้านก็สวดในใจอย่าให้ขาดก่อนนอนก็ไหว้พระสวดมนต์นอน จะสวดบทไหนก็ได้อิติปิโส ไตรสรณคมชินบัญชรอะไรก็ได้... ทำแบบนี้เรื่อยๆนานๆไปจิตมันจะนิ่งเมียด่าก็ยิ้มสบายใจทุบตีก็ไม่ว่าจิตมันไปจับที่พระที่บทสวดไม่ได้ฟังคำด่าครับ มันไม่สนใจแม้จะโดนทุบตี. สักปีสองปีเห็นผลครับ. ผลจะเกิดดังนี้
2.1ถ้าภรรยาเรามีกระแสเดียวกับเราเค้าจะสงสัยว่าคุณเป็นอะไรทำไมถึงเปลี่ยนไปดีขึ้น เค้าก็จะถามแล้วก็หันมาปฏิบัติตามคุณหลังจากนั้นทั้งคู่จะกลายเป็นกระแสคู่บุญกันครับแล้วเรื่องการทะเลาะกันจะเริ่มหายไปเอง กรณีนี้ผมเคยทำ จนทุกวันนี้แฟนผมเค้าทำได้ดีกว่าอีก ทุกวันนี้หาเรื่องมาทะเลาะกันยาก
2.2ถ้าภรรยาเป็นคนล่ะกระแสกัน เค้าก็จะคิดว่าคุณบ้าไม่ได้เรื่อง แล้วเค้าจะเลิกลาคุณไปเองโดยที่ไม่เกิดความเจ็บช้ำ และความเสียหายใดๆกับคุณเลยถ้ามีลูกลูกก็จะบอกว่าเลิกกับแม่ก็ดีล่ะทั้งพ่อแม่ฝ่ายเราฝ่ายเค้าก็จะบอกว่าเลิกก็ดีสงสารผู้ชายมัน นั่นเป็นโชคดีของท่านที่ท่านจะได้อยู่ไกลๆพวกผู้หญิงห่วยๆครับ แล้วเป็นความชอบธรรมที่ท่านจะหาผู้หญิงดีๆสวยๆ ที่มีอยู่เกลื่อนกลาดประเทศไืทยแหม่...ตอนแรกผมอยากให้ผมกับแฟนเป็นข้อ 2.2 จริงๆ

จะกรรมหนักแค่ไหนยังงัย เราแก้อดีตไม่ได้ครับลืมแล้วทำปัจจุบัน ทำเองเปลี่ยนเองนานๆไปคนข้างๆเค้าเห็นความเปลี่ยนแปลงถ้ามันดีเค้าจะทำตามเป็นขบวนครับ

ตัวผมเดิมที่เดียวต้องเรียกว่าเลวพอตัว แต่จู่ๆผมก็ฝึกฝึกไปใจมันเริ่มเปลี่ยนครับ ทุกคนงงหมดว่ามันเปลี่ยนไปได้ยังงัย โดยเฉพาะเพื่อนสนิท ไม่เคยชวนใครเข้าวัด ไปก็ลุยเดี๋ยว หลังๆมาคนก็ขอไปด้วยคือประมาณว่าสงสัยว่าทำไมผมเปลี่ยนไปมากอยากรู้มันมีดีอะไร จนทุกวันนี้ เพื่อน แฟน คนรู้จัก เค้าฝึกจิตฝึกใจล้ำหน้าผมไปหมดแล้ว พ่อแม่ญาติพี่น้องผมเห็นผมทำ ก็เริ่มทำตาม ผมไม่ชอบชวนใคร ทำอะไรก็ทำเองทำเองได้เองสนใครทำไม แต่ทุกคนรับรู้และทำตาม นี่.....คนเราต้องเปลี่ยนตัวเองก่อนเปลี่ยนคนอื่น

 

ไม่รู้เข้าใจที่เขียนหรือเปล่า
ดิฉันจะเกิดเป็นเพศไหนใจชาติหน้า ก็มีสิทธิปฎิบัติ-เกิดในศาสนาพุทธได้ค่ะ ไม่ใช่ว่าเป็นผู้ชายถึงจะทำได้เท่านั้น ดีไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่เพศ
พระท่านยังบอก อย่าคิดว่าเป็น ผญ แล้วจะทำไม่ได้
ถึงบอกว่า คนไทยมักเหยียบย่ำเพศแม่เสมอ
รับไม่ได้ถ้าผญ. เก่งกว่า

ถ้าเพื่อนดิฉันต้องกลับไปง้อผช.ห่วยๆ มาเพื่ออยู่บ้านเดียวกัน แล้วมาใช้เงินรักษาลูกไปเลี้ยงชู้แทนค่ายาลูก

กราบๆๆๆๆๆๆ แล้วผู้ชายแบบนี้จะเปลี่ยนได้หรือเล่า

ดิฉันถึงหัวเราะ เพราะว่า แม่ชีลืมกราบสามี(ตั้งหลายคน)หรือเปล่าถึงต้องมาบวชหนีทางโลกแล้วมาสอนอะไรแปลกๆ

 

ดูจากการตอบแล้ว... ผมไม่ยุ่งกับคุณดีกว่า..... มันไม่เกิดประโยชน์