เออ!...ตามมาทำไม..ถ้าไม่รักยายผีป่า?!!

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 23 มีนาคม 2005.

  1. ไอ้ใบ้

    ไอ้ใบ้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,254
    ค่าพลัง:
    +7,241
    [​IMG] Along The life.......
     
  2. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    โรคภัยไข้เจ็บให้ตัวเองหายจากอาการปว่ย ไม่ว่าโรคทางกายหรือทางใจ โรคลมพัดลมเพ เอาไปสวดให้ตัวเองเถิด

    ตั้งนะโม 3 จบ ทำจิตให้น้อมรำลึกถึงคุณพระรัตนตรัย พร้อมขอขมาต่อพระรัตนตรัยและขอบารมี

    ภาวนาเมื่อจิตตั้งมั่น นิ่งดีแล้ว ให้นึกถึงร่างกายของตัวเอง

    อะนิจจาวะตะ ทุกขา ภะยะจะโรคา จะอาพาธาจะ

    อุปาทะวะ ยะธัมมิโน

    ทุกข์ภัยโรคาพาะเช่น โรค...ที่เกิดแก่ข้าพเจ้า(หรือถ้าสวดแทนผู้อื่นให้นึกชื่อและกล่าว)เพราะความไม่เที่ยงแท้แน่นอนเป็นอนัตตา ของสภาวะทั้งหลายทั้งปวงในโลก

    อุปัชชิตวา แต่ทุกข์ภัยโรคาพาธ เช่นโรค...ที่เกิดขึ้นแก่.....(เอ๋ยชื่อหรือข้าน)แล้วนี้ มันไม่เที่ยงแท้คงทนถาวร เป็นอนัตตา ตั้งอยู่ไม่ได้นานเช่นกัน

    นิรุชณันติ มันต้องยุบดับสลาย หายไปจากร่างกายของ....ในเร็ววัน ด้วยอานุภาพแห่งกฎพระไตรลักษณ์ อันเป็นสัจจะธรรมที่พระพุทธเจ้าประสิทธิ์ประสาทไว้คือ

    พระอนิจจัง พระทุกขัง พระอนัตตา

    ที่ข้าฯได้น้อมนำมาปลุกเสกในน้ำและอาหาร คือ....เพื่อให้....(บอกชื่อเช่นเดิมหรือตัวข้าฯเอง) ได้กลืนกินเข้าไป

    เตสังวู ปะสะโม สุโข ชีวิตร่างกายของ...ต้องปราศจากโรคหรืออาการ....สิ้น ณ บัดนี้เทอญฯ

    ขอ....(เอ๋ยชื่อโรคที่อารไม่ว่าทางกายหรือใจ)

    ณ ต่อไปนี้ด้วยอิทธิ ฤทธิ พุทธนิมิตตัง จงส่งผลให้....มีความสุขกาย สุขใจ อายุ วรรโณ สุขัง พะลัง ตราบสิ้นอายุขัยเทอญฯ

    โอม...นะ โม พุท ธา ยะ สะสุมัง สะสุมัง สะสุมัง (แล้วเป่ามนต์พุทธคุณเพี๊ยงรอบๆอาหารหรือน้ำ หรือยาที่แพทย์จัดให้)
     
  3. first

    first เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +4,990
    คุณน้ำผึ้ง..
    ยายบอกว่าถ้าจะเอาน้ำมันชาตรีไปที่บ้านสายลมสิครับมีอยู่ขวดละ 100 บาท-หรือถ้าจะมาเอาฟรีที่เฟริสท์มีแต่ต้องหาน้ำมันงาหรือนำมันมะพร้าวมาด้วย
     
  4. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,043

    ได้ค่ะ ขอบคุนมากค่ะ ตกลงคุนยายหาไม่ได้แล้วใช่ม๊ะคะ
    ถ้าอย่างนั้นจะไปที่บ้านสายลมค่ะ...อยู่ใกล้ ๆ ที่ทำงานพอดี

    คุนfirstนี่ทำน้ำมันเองเป็นด้วยหรอคะ ฮี่ ๆๆ....[​IMG]
     
  5. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    วันนี้ยายผีป่าพาลูกๆ ไปอาบน้ำร้อน พร้อมญาติธรรมที่เดินทางมาจากเชียงใหม่(ลูกหลานสายหลวงพ่อฯ) เคยพบกันที่งานบวงสรวงที่วัดท่าขนุน และวันนี้ยายเจอทั้งสองโดยบังเอิญที่ปากทางพุน้ำร้อน ยายเรียกขึ้นรถ ทั้งสองท่านบอก เราเคยเห็นกันที่วัดท่าขนุนใช่ไหม นั่งรถมาสักพีก พี่ผู้หญิงถามว่า ทราบไหมว่าในงานวันนั้น คนไหนชื่อคุณเอื้อมเดือน


    อืม...วันนี้เจอดาราชายที่สละความสุขทางโลกมาบำเพ็ญถือศีลแปด และเคยบอกกับนักข่าวว่า ตนนั้นบรรลุขั้นพระอนาคามีแล้ว เพราะสละทุกอย่าง ไม่มีบ้าน ไม่มีทรัพย์สมบัติ

    โอ...ยายผีป่าเดินเข้าไปบอกพร้อมยกมือไหว้ว่า อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ เขารีบรับ ครับ แล้วยายก็เลี่ยงไปคุยกับเพื่อบ้าน

    โห...ยายงงนะจังงังเลยค่ะ ไม่ใช่จะใส่ใจจริตคนอื่นนะคะ แต่งงว่าระดับพระอนาคามี นุ่งขาวห่มขาว โกนหัว แต่สาวลูกครึ่งหน้าชะแล่มนั่งเบียดใกล้ชิดเชียวค่ะ

    เออ...ปลงม๊ะ
     
  6. Des

    Des เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,264
    ค่าพลัง:
    +303
    น้ำมันชาตรีเค้าเอาไว้ทำอันหยั๋งอ่ะค๊าพี่ผึ้งน้อย ......
     
  7. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ทำไมถึงเกิดมารวย รวยด้วยอานิสสงค์ใดหรือ

    ขออัญเชิญพระธรรมเทศนา โดยหลวงพ่อพระฤษีลิงดำ หรือ พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง อุทัยฯ มาชี้นำนะเจ้าคะ (ยายไปพบมาจากเวปพระรัตนตรัยค่ะ แต่ที่พลังจิตก็มีลงไว้ทุกคำสอนของหลวงพ่อเช่นกันค่ะ ธรรมมะหามีปิดกั้นหรือเป็นของส่วนตัว ไม่มีลิขสิทธิ์ทั้งสิ้น แม้จะจดลิขสิทธิ์ ต้องถือเป็นโมฆะ)

    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
    (๓ จบ)
    กัมมัง สัตเต วิภัชชะตีติ
    ณ โอกาสบัดนี้ อาตมาภาพจะแสดงพระสัทธรรมเทศนา ในกฎของกรรมกถา เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองค์ศรัทธาบารมี ที่บรรดาท่านนิสราทานบดีทั้งหลายได้พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลประจำปักษ์ในวันนี้ การที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ตั้งใจมาบำเพ็ญกุศลบุญราศี เพราะว่า มีความดีที่พึงจะปฏิบัติเพราะทุกคนนี่มีความเคารพในองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ ก็คือ
    ประการที่ ๑ ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน เพราะการให้ทานเป็นปัจจัยตัด โลภะ ความโลภ เป็นบันไดขั้นหนึ่งที่จะไปนิพพาน
    ประการที่ ๒ สีลมัย ทุกคนตั้งใจปฏิบัติสดับรับรสพุทธพจน์เทศนาในคำแนะนำ คือรับศีลก่อน เพราะศีลนี่องค์สมเด็จพระชินวรทรงกล่าวว่า เป็นปัจจัยทำลายโทสะ ความโกรธ เป็นบันไดขั้นที่ ๒ ให้เข้าถึงพระนิพพาน
    ประการที่ ๓ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ตั้งใจสดับรับรสพุทธพจน์เทศนาเป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเหตุ การสดับรับรสพุทธพจน์เทศนานี้องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ทรงกล่าวว่า เป็นปัจจัยทำให้เกิดปัญญา เป็นการตัดโมหะ ความหลง
    โดยที่สุดและความที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายตั้งใจปฏิบัติวันนี้ก็คือหวังนิพพานเป็นเหตุ คือว่า
    ๑.ทาน เป็นการตัดโลภะ ความโลภ
    ๒.ศีล ตัดโทสะ ความโกรธ
    ๓.ฟังเทศน์ตัดโมหะ ความหลง เป็นการปฏิบัติตรงต่อพระนิพพานตามที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องการ
    แต่ว่าการเทศน์วันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท อากาศมันก็หนาวมากไปหน่อย พระเทศน์ก็หนาว คนฟังเทศน์ก็หนาว เป็นอันว่าถ้าเทศน์เวลาหนาวๆและเทศน์ธรรมะมากเกินไป คนฟังก็หลับ หลับไหม
    ก็รวมความว่าวันนี้ขอเทศน์พระสูตรเป็นเรื่องใหญ่ ขอนำพระสูตรเรื่องนี้ที่องค์สมเด็จพระจอมไตรตรัสไว้ คือเรื่องอปุตกะเศรษฐี อปุตกะเศรษฐี แปลว่า เศรษฐีไม่มีบุตร เนื้อความก็มีอยู่ว่า
    เมื่อองค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ เวลานั้นองค์สมเด็จพระบรมครูปรารภเศรษฐีคนหนึ่งซึ่งมีนามว่า อปุตกะเศรษฐี คือในกาลครั้งนั้น องค์สมเด็จพระมหามุนีประทับอยู่ในพระมหาวิหาร และปรากฏว่าตอนกลางวัน เวลายังไม่เย็น ยังไม่ค่ำ เป็นเวลาแปลกกว่าวันอื่นตามธรรมดาพระเจ้าปเสนธิโกศลบรมกษัตริย์พระบาทท้าวเธอจะทรงไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเฉพาะเวลาใกล้ค่ำ ซึ่งบรรดาพระสงฆ์เสร็จภารกิจแล้ว แต่ทว่าวันนั้นพระเจ้าปเสนธิโกศลไปเฝ้าองค์สมเด็จพระประทีปแก้วเป็นเวลากลางวัน คือบ่ายไปเล็กน้อย เมื่อตะวันคล้อยไปไม่มาก เมื่อเสร็จภารกิจก็เข้าไปแวะหาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าเห็นพระเจ้าปเสนธิโกศลมาเวลาแปลก คือ มาผิดเวลากว่าวันอื่นจึงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า
    “มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร วันนี้มีเวลาว่างจากกิจการงานหรือไงจึงมาแต่วัน”
    พระเจ้าปเสนธิโกศลก็กราบทูลองค์สมเด็จพระภควันต์ว่า
    “ภันเต ภควา ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ พระพุทธเจ้าข้า วันนี้ข้าพเจ้าไปจัดการให้เจ้าหน้าที่ขนทรัพย์สมบัติของอปุตกะเศรษฐี คือว่ามหาเศรษฐีที่ไม่มีบุตร ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงรู้จักดี เวลานี้เธอตายจากความเป็นคนไปแล้ว ครั้นเมื่อเธอตายจากความเป็นคนแล้ว ก็ประกาศหาญาติเป็นผู้รับมรดก แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเป็นญาติของเธอ เพราะเธอไม่มีลูก เธอไม่มีหลาน เธอไม่มีใครทั้งหมด ฉะนั้นถ้าทรัพย์ทั้งหลายของบุคคลใดก็ตามไม่ปรากฏทายาทเป็นผู้รับมรดก สมบัติทั้งหลายเหล่านั้นก็ต้องตกเป็นของหลวง เมื่อข้าพระพุทธเจ้าสืบหาแล้วว่าไม่มีใครรับมรดกจริง จึงให้บรรดาข้าทาสชายหญิงทั้งหลายเป็นอิสระ และก็ขนทรัพย์ของมหาเศรษฐีนั้น ต้องขนถึงสิ้นเวลา ๗ วัน ไม่ใช่น้อยนะ ถึงสิ้นเวลา ๗ วันจึงจะหมด เมื่อขนหมดวันนี้ ข้าพเจ้าจึงแวะมาหาองค์สมเด็จพระชินสีห์
    พระพุทธเจ้าทรงกล่าวว่า “มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร แต่ความจริงเศรษฐีคนนี้ เมื่อเป็นมหาเศรษฐีแล้วตาย แล้วก็ต้องนำทรัพย์เข้าเป็นของหลวงถึง ๗ ชาติด้วยกัน คือชาติก่อนๆผ่านมาแล้ว ๖ ชาติ ก็มีสภาพแบบนี้ เมื่อเธอเป็นมหาเศรษฐีแล้วตายก็ไม่มีใครมารับมรดก คือไม่มีลูกรับมรดก ถ้าไม่มีลูกเขาก็ถือว่าหลานที่ใกล้ชิดมีไหม หลานที่ใกล้ชิดก็มี คือหลานมันต้องลูกของลูก ในเมื่อไม่มีลูก ก็ต้องไม่มีหลาน เมื่อลูกไม่มีจะรับมรดก หลานไม่มีรับมรดก ก็ต้องตกเป็นของหลวง พระพุทธเจ้าบอกว่า อาการอย่างนี้เป็นมาแล้วเป็นชาติที่ ๗”
    และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้มีพุทธฎีกาตรัสว่า
    มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร เหตุความเป็นมาของท่านมหาเศรษฐีมีดังนี้.
    คือว่าในกาลนานมาแล้ว ในสมัยองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว คือพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ เศรษฐีคนนี้ก็เกิดขึ้นมาเป็นคนแบบนี้ เป็นคนร่ำรวยแบบนี้ แต่ทว่าเขามีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง ต่อมาพี่ชายก็มีลูกเล็กๆคนหนึ่ง ในเมื่อพี่ชายมีลูกเล็กๆ พี่ชายก็ตาย หมดอายุขัย หลังจากนั้นเขาจะไปทางไหนเขาก็นำลูกชายของพี่ชายไปด้วย
    สำหรับลูกชายของพี่ชายก็เป็นเด็กพูดเก่ง เป็นเด็กที่มีความฉลาด เมื่อไปถึงทิศไหนพบใคร ก็บอกว่านี่คุณอาของผมขอรับ รถที่ขี่มาก็เป็นรถของพ่อของผม บ้านที่ผมอยู่ก็เป็นบ้านของพ่อของผม ทรัพย์สินต่างๆ ก็เป็นทรัพย์สินของพ่อของผม เธอก็พูดอย่างนี้ตลอดเวลา
    ปรากฏว่าต่อมามหาเศรษฐีคนนี้ซึ่งเป็นอา ต้องเลี้ยงเด็กคนนั้น ก็มาคิดในใจว่า เจ้าหลานชายคนนี้ ในเมื่ออายุของมันแค่เล็กๆ แค่ ๓-๔ ปี ขนาดนี้มันยังพูดอย่างนี้ ว่าโน้นก็ทรัพย์ของพ่อของผม นี่ก็ของพ่อของผม ว่าทุกสิ่งทุกอย่างของพ่อมันทั้งหมด เราก็ไม่มีสิทธิ์จะครอง เจ้าเด็กคนนี้มันก็ต้องครองทรัพย์สินแทนพ่อของมัน แต่ความจริงเราเป็นน้องมีสิทธิ์รับมรดก แต่ว่าถ้าอาการอย่างนี้ปรากฏขึ้นความเดือดร้อนมันจะมีกับเรา จึงหาทางตัดไฟแต่ตนลม
    วันหนึ่งก็นำเด็กคนนี้ นำหลานชายไปเที่ยวในป่าหลังบ้าน พอเป็นที่ลับหูลับตาของคนแล้ว ก็จัดการบีบคอเด็ก บีบคอเสียจนตายแล้วก็ซุกไว้เอาใบไม้ทับ แล้วก็กลับบ้าน
    องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า กฎของกรรมอย่างนี้ติดตามเขามานานแต่องค์สมเด็จพระพิชิตมารยังไม่กล่าวถึงกรรมบาปในตอนนี้ และต่อไปองค์สมเด็จพระมหามุนีก็ทรงกล่าวว่า การที่เขาจะเป็นมหาเศรษฐีได้ เพราะบุญกรรมอย่างนี้ ท่านกล่าวว่า
    ในสมัยครั้งหนึ่ง มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่ง มาบิณฑบาตใกล้บ้านของเขา เข้ามาในเขตของบ้าน เป็นอันว่าเจ้าของบ้านคนนี้ปรากฏว่าไม่เคยให้ทานในกาลก่อน ขึ้นชื่อว่าจะให้กับคนนั้นอย่างนี้ ควรจะให้คนนี้อย่างนี้ ควรจะนำของถวายพระก็ดี ไม่เคยออกปากมาก่อน คือไม่เคยให้ทาน แต่ทว่าวันนั้นพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านเสด็จมา เขาก็เกิดความรำคาญว่า สมณะโล้นคนนี้ พยายามรบกวนเราอยู่เสมอ แต่ความจริงท่านไม่เคยมา ก็จึงกล่าววาจาด้วยความไม่ตั้งใจว่า เอ้า ใครอยากจะให้อะไรก็ให้ไปก็แล้วกันนะ แล้วเขาก็ลุกหนีไปด้วยความรำคาญ
    เป็นอันว่าแม่บ้านคือภรรยาของเขาได้ฟังคำว่าใครจะให้อะไรกับพระก็ให้เถิด อย่างนี้เธอคิดว่า ถ้อยคำอย่างนี้ไม่เคยมี กับบุคคลนี้ แต่ทว่าวันนี้คนนี้ใจดีแนะบอกให้เราให้อะไรก็ให้ได้ จึงนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามาในบ้าน นิมนต์ท่านลงนั่งแล้วก็รับบาตร เมื่อรับบาตรแล้วก็จัดอาหารอย่างดีที่สุดที่ตนเองก็ไม่ค่อยจะได้กินนัก
    เป็นธรรมดาของชาวบ้านที่เวลาจะทำบุญ บางทีตนเองก็ไม่มีอะไรจะกิน มีเล็กๆน้อยๆ มีผักบ้าง มีพริกบ้าง มีปลาทูบ้าง บางทีปลาทูก็ไม่มีบ้าง กินกันไปแค่อิ่มๆ แต่ทว่าเวลาจะทำบุญจริงๆ จัดอาหารที่มีรสเลิศที่ดีที่สุดที่คิดว่าจะพึงมีได้ บางทีตนเองก็ไม่ได้กินอย่างนั้น นี่เป็นลีลาของคนที่ทำบุญด้วยศรัทธาแท้
    เมื่อแม่บ้านจัดอาหารอย่างดีเสร็จ ก็บรรจุลงในบาตรของพระปัจเจกพุทธเจ้า เมื่อใส่ของเต็มเป็นที่พอใจ ก็ประเคนพระปัจเจกพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ทรงรับบาตรไป ก็เดินออกไปจากบ้าน ก็พอดีนายบ้าน คือพ่อบ้านเดินสวนทางมาพอดี เขาก็คิดในใจว่า สมณะโล้นคนนี้ได้อะไรบ้าง นี่เขาไม่เต็มใจ จึงถามว่าท่านได้อะไรบ้าง พระปัจเจกพุทธเจ้าก็บอกว่า ได้ตามที่เขาให้มา เขาจึงขอดูบาตร พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ให้ดูบาตร เขามีความรู้สึกว่าอาหารที่มีรสเลิศ อาหารชั้นเลิศดีๆ ทั้งหมด ที่คนในบ้านให้พระปัจเจกพุทธเจ้าไป รู้สึกเสียดายในอาหาร นี่ขาดเจตนาหลัง แล้วก็มีความรู้สึกในใจว่า อาหารอย่างดีอย่างนี้ ไม่ควรจะมีกับสมณะโล้น เพราะว่าสมณะโล้นนี้กินแล้วก็นอน ไม่มีการไม่มีงาน ไม่มีประโยชน์กับเรา ถ้าอาหารทั้งหลายทำให้แก่ทาสกรรมกรของเราจึงมีประโยชน์กว่า เพราะว่าเธอกินแล้วเธอก็ทำงานให้กับเรา เขาคิดอย่างนี้นะ แค่คิด แต่ว่าเขาไม่ได้ทำ เขาไม่ได้แย่งข้าวมา หลังจากนั้นแล้วก็ส่งบาตรให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าก็หลีกไป เขาก็กลับเข้ามาบ้าน
    องค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
    “มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร เพราะอาศัยบุญที่เขาบำเพ็ญกับพระปัจเจกพุทธเจ้า โดยไม่มีการเต็มใจ นั่นคือเขาไม่ได้ให้กับมือของเขา ที่เขาพูดไปเขากล่าว วาจาลอยๆ ว่าใครจะให้อะไรก็จงให้ แต่ก็พูดด้วยความไม่เต็มใจ ด้วยความไม่อยากจะให้ หลังจากที่พระปัจเจกพุทธเจ้า รับทานแล้วเขาก็ยังมีความเสียดาย ว่าให้กับสมณะโล้นไม่มีประโยชน์ ไม่ทำงานให้กับเรา ถ้าให้กับทาสกรรมกรของเราจะมีประโยชน์กว่า เธอกินแล้วก็ทำงานให้กับเรา
    นี่ความจริงอาการอย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท ทุกคนอาจจะคิดว่าบุญนี้ไม่มีอานิสงค์ เป็นอันว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่า บุญนี้มีอานิสงค์
    ๑.เขาไม่ตั้งใจ จำให้ดีนะ
    ๒.พูดสั่งลอย ๆ ว่าใครจะให้อะไรก็ให้ โดยไม่มีความเต็มใจ
    ประการที่ ๓ มีความรู้สึกเสียดายเวลาที่พระปัจเจกพุทธเจ้ารับไปเห็นของดี อันนี้ถ้าเราจะถามกันเป็นระหว่างนักเทศน์ ก็จะตอบว่าไม่มีอานิสงค์ แต่ความจริงตอบอย่างนี้ผิด
    พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า พระมหาบพิตรพระราชสมภาร บุญอย่างนี้ก็มีอานิสงค์ เป็นเหตุให้บุคคลนี้พร้อมด้วยครอบครัวที่บำเพ็ญกุศลแล้ว ไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึวสเทวโลกถึง ๗ ครั้ง เห็นไหม แต่ว่าการเป็นเทวดา บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การบำเพ็ญกุศลโดยไม่เต็มใจ สภาพความเป็นทิพย์ก็เศร้าหมองเล็กน้อย แต่ว่าถึงยังไง ๆ เขาก็เป็นเทวดา ผัวก็เป็นเทวดาเมียก็เป็นนางฟ้า ลูกเต้าก็เป็นเทวดาบ้างนางฟ้าบ้าง ร่วมกัน ตลอดจนกระทั่งคนรับใช้ที่เขาช่วยจัดการงาน จัดการอาหารให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้า ช่วยกันบรรจุในบาตร ทุกคนก็เป็นนางฟ้า เป็นเทวดาร่วมกัน พระพุทธเจ้ากล่าวว่า บุญประเภทแค่เล็กน้อยเท่านี้ ทั้งที่เขาไม่เต็มใจ บันดาลให้เขาเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า ๗ ครั้งเหมือนกัน แล้วก็ลงมาเป็นมหาเศรษฐีในเมืองมนุษย์ ในกรุงสาวัตถี
    แต่ละครางที่เขาเป็นมหาเศรษฐี องค์สมเด็จพระมหามุนี ตรัสอย่างนี้ บุคคลคนนี้ ให้ของดีไม่ได้ กินของดีที่มีรสเลิศไม่ได้ กินข้าวปรกติไม่ได้ กินข้าวเต็มเม็ดก็ไม่ได้ กินข้าวหักก็ไม่ได้ ต้องกินปลายข้าวละเอียด อาหารที่เขากินเป็นประจำนั่นก็คือ ปลายข้าวต้ม กับน้ำผักดองเป็นกับ เขากินได้เท่านี้ เอร็ดอร่อยมากเป็นที่พอใจ ถ้าเวลาคนทั้งหลายนำถาดทองคำใส่อาหารมาให้ เขาก็หาว่าประชดประชันเขาบ้าง เขาก็ไล่ขวางบ้าง ไล่ตีบ้าง ถ้านำผ้าใหม่ ๆ มาให้ เขาก็หาว่าประชดประชันเขา เขาก็ไล่ขวางบ้าง ไล่ตีบ้าง ก็ต้องโยนทิ้งไป ก็นุ่งผ้าเก่า ๆ ผ้าเก่า ๆ ที่ชาวบ้านให้ช้ำแล้วช้ำอีก นั่นแหละเขานุ่งได้ ร่มธรรมดาที่คนใช้จะกางร่มให้เวลาร้อน เขาก็ไม่ต้องการไล่ทุบไล่ตี หาว่าประชดประชัน แต่ว่าเขาจะใช้แค่กิ่งไม้บ้างบังแดดเท่านั้นเป็นที่พอใจ
    องค์สมเด็จพระจอมไตรกล่าว่า ความเป็นมหาเศรษฐีที่มีขึ้นมาได้ เพราะอานิสงค์ที่มีคำสั่งให้ทุกคน ใครก็ได้ให้ใส่บาตรรพระปัจเจกพุทธเจ้า แต่ว่าเขาสั่งด้วยความไม่เต็มใจแต่ว่านั่นเป็นคำสั่ง ผลทานเกิดจากเขา อันนี้บันดาลให้เขาเป็นมหาเศรษฐี แต่ว่าการเกิดเป็นมหาเศรษฐีแต่ละครั้งก็ใช้ของดีไม่ได้ เพราะการไม่เต็มใจถวายพระ ความไม่เต็มใจ แทนที่กินอาหารมีข้าวมธุปายาสเป็นต้น นี่กินไม่ได้ อาหารที่ข้าวเป็นเม็ดเต็มก็กินไม่ได้ ต้องกินปลายข้าวกับน้ำผักดอง นี่เพราะการถวายภัตตาหารกับบรรดาพระสงค์ที่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าเป็นประธาน อันนี้ได้เพราะความไม่เต็มใจ
    ต่อมาพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า เขาไม่มีบุตร เกิดทุกชาติ ๗ ชาติที่เขาไม่มีบุตร เพราะโทษฆ่าลูกชายของพี่ชาย การฆ่าลูกชายของพี่ชายนี่เป็นปัจจัยให้เขาเองทำให้เป็นคนไม่มีบุตร ไม่มีใครรับมรดก ฉะนั้นการเป็นเศรษฐีของเมืองสาวัตถีของเขา ๗ ครั้ง ลงจากความเป็นเทวดา บุญหย่อนหน่อยหนึ่งก็ลงมาเกิดเป็นมหาเศรษฐี ตายจากความเป็นคนก็ไปเกิดเป็นเทวดา ลงจากเทวดาก็มาเป็นมหาเศรษฐี สลับกันไปสลับกันมาอย่างนี้เป็นครั้งที่ ๗ เพราะกำลังบุญที่ถวายกับพระปัจเจกพุทธเจ้าครั้งเดียวด้วยความไม่เต็มใจ และองค์สมเด็จพระจอมไตรก็ตรัสว่า เขาเป็นมหาเศรษฐีอย่างนี้ เพราะอาศัยการไม่มีบุตร เมื่อเขาตายแล้วก็ต้องขนทรัพย์เป็นของหลวง ๗ ชาติที่ผ่านมา
    องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวว่า การที่เขาเป็นเทวดา เกิดบนสวรรค์ได้ถึง ๗ ครั้ง และเกิดเป็นมนุษย์ถึง ๗ ครั้ง สลับกันไปสลับกันมาอย่างนี้ กฎของกรรมที่เป็นอกุศลยังไม่ให้ผล นั่นคือเป็นผลของความดีทีถวายทานแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ทั้ง ๆ ที่ไม่เต็มใจ ต่อมาชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย นั่นคือเขาลงมาจากความเป็นเทวดาแล้วก็เกิดเป็นคน เป็นมหาเศรษฐี ต้องใช้ของเลว ๆ แบบนี้ เพราะความไม่เต็มใจถวายทาน เมื่อเขาตายชาตินี้แล้ว องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงกล่าวกับพระเจ้าปเสนทิโกศลว่า
    “มหาราชะ ขอถวายพระพรพระมหาบพิตรพระราชสมภาร ต่อแต่นี้ไปที่เขาตายแล้วนั้น เขาไม่กลับไปเป็นเทวดาอีก เพราะบุญบารมีที่ถวายกับพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นหมดแล้ว ครั้งที่ ๗ หมดกัน เกิดเป็นเทวดา ๗ ครั้ง เกิดเป็นคน ๗ ครั้ง ถวายทานครั้งเดียวหมดกัน บุญหมดไป ต่อนี้เขารับผลกฎของกรรมใหญ่คือ การฆ่าลูกของพี่ชาย เวลานี้มหาเศรษฐีคนนี้ คือ อปุตกะเศรษฐี ไปเกิดในนรกชื่อว่า มหาโรรุวนรก เป็นนรกขุมที่ ๗มีอายุเสวยกฎของกรรมนรกขุมนั้นสิ้นเวลา ครึ่งกัป เมื่อพ้นจากกฎของกรรมในนรกขุมที่ ๗ แล้ว ก็ต้องเข้านรกบริวาร ๔ ขุม เวลานับไม่ได้ ก็เรียงลำดับมากว่าจะเกิดเป็นคนก็นาน
    นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน วันนี้นำพระสูตรเรื่องสั้น ๆ มาคุยกันสู่กันฟังเพราะว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายพึงทราบกฎของกรรม ว่ากรรมที่เราทำความดี คือทำบุญ บุญเขาแปลว่าดี หรือกรรมที่เราทำความชั่วคือบาป มันไม่ทิ้งจากเราไป ขณะใดที่กรรมที่เป็นกุศลให้ผลอยู่เวลานั้นเราก็มีความสุข ถ้าตายจากความเป็นคนก็ไปเสวยความสุขในสุคติ มีสวรรค์บ้าง พรหมบ้างเป็นต้น ทั้งนี้ถ้ากำลังใจยังไม่ถึงที่สุด แต่ถ้าหากว่าบุญนั้นยังไม่ถึงที่สุดเพียงใด ถ้าบุญคลายตัวลงมาเป็นเทวดาหรือเป็นนางฟ้าไม่ได้ อ่อนไป บุญอ่อนไปก็มาเกิดเป็นคน หลังจากมาเกิดเป็นคน ประกอบความดีบ้างเล็กน้อยพอสมควร อาศัยบุญเก่ายังไม่สิ้นไป ตายจากความเป็นคนไปเกิดเป็นเทวดา ไปเกิดเป็นนางฟ้าอย่างนี้ย่อมมีอยู่ อาการอย่างนี้เป็นปัจจัยให้คนตกอยู่ในความประมาท คิดว่าการเป็นเทวดา การเป็นนางฟ้าของเราจะยืนนาน จะทรงตัวนานตลอดกาลตลอดสมัย แต่ก็ลืมไปว่ากฎของกรรมเก่าของเรามีที่เป็นอกุศลคือ
    ๑.การฆ่าสัตว์เรามี
    ๒.การลักทรัพย์ ขโมยทรัพย์ ยักยอกทรัพย์อาจจะมีก็ได้
    ประการที่ ๓. กาเมสุมิจฉาจาร เราอาจจะมีอยู่บ้าง
    ประการที่ ๔. การพูดมุสาวาท เราอาจจะมีอยู่
    ประการที่ ๕. การดื่มสุราเมรัย มีอยู่
    ถ้าเฉพาะปัญจเวร ๕ ประการนี่ยังหยาบเกินไป กฎของกรรมที่ทำให้เราต้องตกนรกยิ่งไปกว่านี้ยังมีอยู่อีก ฝ่ายธรรมะ แต่ก็จะยังไม่พูดในวันนี้ เวลามันเหลือนิดหน่อย
    ฉะนั้นในเมื่อความดีที่เราทำอยู่ และกฎของกรรมความชั่วยังไม่ให้ผล เราก็หลงระเริง คิดว่าเรามีความสุข ต่อไปถ้าเราเผลอเมื่อไหล่ คือว่ามีความประมาทคิดว่าความดีมีมากพอแล้ว ไม่ส่งเสริมต่อ แต่กฎของกรรมดีหมดไปเมื่อไร ก็เหมือนกับ อปุตกะเศรษฐี ต้องลงนรกใกล้อเวจีเหลือเพียงขุมเดียวก็ถึงอเวจี แต่ว่าการทำบาปที่เป็นอาจิณกรรม เช่น ปาณาติบาป เป็นต้น สามารถบันดาลให้ลงอเวจีได้
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งของสงฆ์หรือของวัด ไม่ว่าวัตถุใดแม้แต่กระเบื้องแตก ๆ เล็ก ๆ ก็ถือว่าเป็นของสงฆ์ ถ้าบุคคลนำไปโดยไม่ได้รับอนุญาตจากสงฆ์ คำว่าสงฆ์นี่ต้องสงฆ์ทั้งวัด เห็นชอบพร้อมกัน ไม่ใช่พระองค์ใดองค์หนึ่ง ไม่ใช่เจ้าอาวาส นำของสงฆ์ไปโดยที่สงฆ์ไม่เห็นชอบด้วย ท่านทั้งหลายลงอเวจีมหานรก เลย อปุตกะเศรษฐี กฎของกรรมอย่างนี้อาจจะมีอยู่กับบรรดาท่านพุทธบริษัท ฉะนั้นขอทุกคนจงอย่าประมาท หาทางหนีกฎของกรรม อกุศลกรรมคือกรรมชั่ว ว่าคนทุกคนย่อมมีความชั่ว ตั้งใจคิดว่าถ้าตายคราวนี้ผลความชั่วต้องไม่มีกับเรา คือความชั่วน่ะมีอยู่ แต่ผลไม่ให้เกิดกับเรา เราทำยังไง
    อันดับแรก ก็ตั้งใจนึกถึงคุณพระรัตนตรัย คือคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระอริยสงฆ์ เป็นที่พึ่งฉะนั้นพระพุทธเจ้าจึงทรงแนะนำว่า ทุกคนควรทำบุญบ่อย ๆ คำว่าทำบุญนี่บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ก็ไม่จำเป็นต้องสิ้นเงินสิ้นทองเสมอไป เรามีอาหารเราก็ถวายอาหาร เรามีข้าวถวายข้าว เรามีผักถวายผักเรามีพริกเราถวายพริก ถ้าบังเอิญเราไม่มีจริง ๆ ข้าวทัพพีเดียวก็ไม่ยอมจะมี มีบ้างพอกินบ้างเล็กน้อยก็ไม่สมบูรณ์บริบูรณ์ทำยังไงจะเป็นบุญ ก็ใช้กำลังใจของเราบรรดาท่านพุทธบริษัทน้อมใจเคารพองค์สมเด็จพระจอมไตรคือพระพุทธเจ้า พอตื่นขึ้นเช้าปั๊บก่อนจะออกจากที่นอน ก็เข้าห้องพระหรือพระมีอยู่หัวนอน ตั้งใจกราบพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ จะว่า นโม ตัสสะ หรือไม่ว่าก็ตามใจให้ใจเคารพก็แล้วกัน ทุก ๆ ครั้งที่เราจะจากที่นอนไป ตั้งใจไหวพระด้วยความเคารพ ด้วยความจริงใจ คือเท่านี้ทุกวัน ต่อไปจิตของท่านจะชิน เมื่อจิตนึกถึงพระพุทธรูปเป็นการชิน คำว่าชินก็หมายถึงฌาน ฌานคืออารมณ์ชิน มันนึกจนชิน ถึงเวลาคิดว่าเวลานี้เป็นเวลากราบพระของเรา เราก็กราบ ต่อไปถ้าไปอยู่สถานที่ใดที่อื่นจากบ้านของเรา ถึงเวลานั้นเราก็คิดว่า เวลานี้เป็นเวลาที่เราจะกราบพระ ถึงแม้จะไม่มีพระพุทธรูปอยู่ เราก็ตั้งใจกราบด้วยความเต็มใจ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ถือว่าทุกท่านมีฌานในพุทธานุสสติกรรมฐาน อย่านึกว่าทำเล็กน้อยไม่มีผล มีผลมากนะ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระสารีบุตรว่า
    “สารีปุตตะ ดูก่อนสารีบุตร บุคคลใดมีจิตว่างจากกิเลสวันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง เราถือว่า บุคคลนั้นมีจิตไม่ว่างจากฌาน”
    คำว่า ว่างจากกิเลส คือว่าบรรดาที่ท่านพุทธบริษัทคิดว่าเวลานี้เป็นเวลาไหว้พระกราบพระของเรา ขณะที่นึกว่า เวลานี้เป็นเวลาไหว้พระหรือกราบพระ เวลานั้นกิเลสไม่มีในจิต จิตตั้งอยู่ที่พระพุทธรูป จิตตั้งอยู่ที่พระพุทธจ้า กิเลสคือราคะ ความรักในระหว่างเพศก็ไม่มี โทสะ ความโกรธก็ไม่มี ต้องพิจารณากันตามนี้ เวลาที่เรานึกถึงพระ เราก็ไม่นึกถึงความรัก มันไม่นึกถึง เรานึกถึงพระ เราก็ไม่ได้นึกถึงความโลภ เรานึกถึงพระเราก็ไม่ได้นึกถึงความโกรธ แสดงว่าเวลานั้นจิตว่างจากกิเลส เป็นระยะที่ท่านนึกถึงอยู่ จิตว่างจากกิเลส เวลาที่กราบ ตั้งใจกราบพระเวลานั้นจิตว่างจากกิเลส
    และตามที่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์ กล่าวว่า บุคคลใดทำจิตว่างจากกิเลส วันหนึ่งชั่วขณะจิตหนึ่ง คำว่าชั่วขณะจิตหนึ่ง แค่นึกถึงพระพุทธรูปก็ชั่วขณะขณะจิตหนึ่ง ถ้านึกถึงพระธรรมก็มากกว่าแล้ว
    ก็เป็นอันว่าท่านมีจิตว่างจากกิเลสมากกว่าเวลาที่พระพุทธเจ้ากำหนด เพราะตามที่องค์สมเด็จพระบรมสุคตกล่าวอย่างนั้น ก็ชื่อว่าถ้าเราทำอย่างนี้จิตมีอารมณ์ชิน ถ้าเวลาท่านจะตายจริง ๆ กรรมที่เป็นกุศลอย่างนี้ คือการนึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสสติ จะเข้ามาสิงใจท่านก่อน บาปอกุศลทั้งหลายจะไม่สามารถเข้ามาได้ เวลานั้นหลังจากท่านตายจากความเป็นคน ก็ไปเกิดเป็นเทวดาบ้าง นางฟ้าบ้าง พรหมบ้างตามกำลังท่านจะไม่ต้องลงอบายภูมิ
    เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มองดูเวลาก็พอดีเวลาหมด ก็ขอยุติพระธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้
    ในที่สุดแห่งธรรมเทศนานี้อาตมภาพขอตั้งสัตยาธิษฐานอ้างคุณพระรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ และสังฆรัตนะ ทั้ง ๓ ประการ ขอจงดลบันดาลให้บรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน มีแต่ความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผลปรารถนาสิ่งใดขอให้ได้สิ่งนั้นสมความปรารถนาทุกประการ
    อาตมภาพรับทานวิสัชนามาในอปุตกะถา ก็ขอยุติพระสัทธรรมเทศนาลงคงไว้แต่เพียงเท่านี้
    เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้ *



    ที่มา: ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๑๐๗ ม.ค.๒๕๓๓

    สาธุ...
     
  8. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    น้ำมันมหามงคล ไม่พร้อมที่จะเล่ายาวยืด พี่อำนาจเคยให้ชีทบอกคาถาบูชา และพุทธคุณ สรรพคุณมา เมื่อหลายวันก่อนยังหยิบมาจะเตรียมลงโพส แต่วันนี้ไม่ว่างตอบนะจ๊ะ เพราะมีแขกมาเยือนสองท่าน (หญิงกับชาย) และต้องไปจ่ายตลาด ไปดูงาน วันนี้คงเข้ารอบค่ำ

    มิตรรักยายผีป่าคุยกันรอไปก่อนนะคะ

    ใครมีข้อมูลน้ำมันชาตรี ช่วยโพสด้วยจ้า อนุโมทนาจ้า
     
  9. first

    first เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +4,990
  10. phuang

    phuang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,033
    ค่าพลัง:
    +10,043
    ว้าวววว...คิดถึงจังเลย น้องเดย์...น้ำมันชาตรีสรรพคุณมากมายเลยจ๊ะ หลวงพี่เล็กท่านว่า...ป้องกันของหรือคุณไสยได้ด้วย เหมือนครอบจักรวาลเลยค่ะหลากหลายมั่ก ๆๆ น้องเดย์อยากมีไว้บ้างมั้ยคะ พี่จะไปลองดูที่ บ้านสาวรีย์กะที่บ้านสายลมค่ะว่ายังพอจะมีเหลืออยู่หรือป่าว?? น่ะค่ะ ......(ยังไม่ได้ไปดูน๊ะ เร็ว ๆ นี้ ..อิอิ)
     
  11. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    สวัสดียามเย็นจ้า...น่าสงสารสาวโรงงานแห่งหนึ่ง จะเข้าเวปพลังจิตได้ก็ช่วงพักเที่ยง ยายผีป่าจะพยายามลงสาระดีๆ ที่เข้าใจง่ายๆให้พวกเราอ่านแล้วนำไปใช้ให้เกิดผลนะคะ อย่างเรื่องขำขันเนี่ย ห้ามเอาไปเล่าต่อเน้อ มันตลกฝืดง่ะ

    ได้รับธนานัติออนไลน์จากเพื่อนน้องดร ที่ส่งมาถวายส่วนองค์ให้หลวงพี่แสงชัยแล้วค่ะวันนี้สามพันบาทค่ะ อนุโมทนาค่ะ

    คุณประภาสได้ส่งมาออนไลน์เช่นกัน เพิ่งไปรับ 500 บาท ให้ช่วยค่าขนมลูกๆ ขอบพระคุณค่ะ และ 100 บาทเป็นค่าจัดส่งค่ะ (500 บาทเป็นค่าบูชาตะกรุด 1 ดอก)
     
  12. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    ยายจ๋ายาย...คุณพี่อำนาจที่ชอบ พระ อ่ะค่ะ ยังมาที่เวปพลังจิตอยู่รึป่าวคะ..?
     
  13. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ว้าย...อกยายผีป่าจะแตก...พี่อำนาจไม่ชอบสาวๆแล้วเหรอ หันไปชอบพระ บ้าๆๆๆ...

    อิอิ...ครือว่าพี่อำนาจไม่ค่อยว่าจ๊ะ ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ พี่อำนาจยืนหน้าหม้อจนเมื่อยง่ะ เข่าอ่อนปวกเปียก กว่าจะคลานขึ้นไปชั้นบนได้ แทบต้องใช้ปั้นจั๋นยก

    แต่พี่อำนาจเมื่อคืนคุยกะยาย หัวเราะกันคริ๊ๆเช่นเคย เพราะเราชอบนินทาคนอื่นเหมือนกันง่ะ

    อย่างเมื่อคืน ยายผีป่านินทาเรื่องดาราชายคนนั้นน่ะ

    พี่นาจบอกดีแล้วที่เขไม่บอกว่าเขาบรรลุอรหันต์ เอ๊กๆ

    นี่ยายผีป่ารู้การจี้จุดให้พี่นาจโทมาต่อว่ายายผีป่า เสียค่าโทนาทีล่ะ 12 บาท (โบร๊านโบราณ) เขาใช้คุยไม่อั้นกันแย้ว ใช่ไหมน้องผึ้ง (เจ้าหนี้ยาย เพราะเคยทำงานให้ลูกชายนายก)

    ถามหาพี่นาจทำไมจ๊ะ

    เด่วยายจุดธูปเรียกให้นะจ๊ะ หรือว่าเจ้าจินให้ถาม เพราะเจ้าจินสั่งพระพี่นาจแล้วไม่มารับ
     
  14. Jin

    Jin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,996
    ค่าพลัง:
    +3,342
    ครับ พี่รินเขาจะถามเรื่องนี้เเหละครับ ผมหายไปเลย อยู่ไทยเเปปเดวเองครับ เเต่จะกลับเเล้ว เรื่องพระนี้หละครับ
    เดี๋ยวให้เเฟนผมที่ไทยโทรหาพี่อำนาจครับ เสียดายน้ำใจพี่อำนาจอุตส่าห์ออกสตังค์ให้ก่อน คิดเเล้วเครียด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กุมภาพันธ์ 2006
  15. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    ลงคาถาไม่ผ่านอีกแระ ขอตัวไปนอนก่อนน๊า
     
  16. rinnn

    rinnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    7,666
    ค่าพลัง:
    +24,024
    จินตกลงจะเอาไงเนี่ย...พี่งงอ่ะ..บอกด้วยนะ ดั้งหัก...อิอิ
     
  17. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    จจะให้ยายบูชาต่อ ยายไปกับบูบู้ เขาขอบูชาต่อ ยายเลยให้น้องเขาไป

    ยายมีรุ่นหนึ่งนะจิน พระวรวีย์มอบให้ก่อนบวช

    จินบูชาต่อไหม ยายจะได้เอาปัจจัยสมทบทุนสร้างบันไดนาคฯ ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเลี้ยงครอบครัว เพื่อไปทำบุญ

    ราคาเริ่มต้นที่ 150,000 บาท(เริ่มประมูลได้) โป๊ก!!!
     
  18. Des

    Des เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,264
    ค่าพลัง:
    +303
    เหอๆ กลายเป็นเวปประมูลไปง้านน ....

    นี่ๆ ใครยังไม่เคยไปทานเตี๋ยวเรือร้านพี่อำนาจขอบอกว่าให้รีบไปทานเน้อ อร่อยมาก เดย์ทานไปกี่ชามน๊า จำได้แค่ชามใหญ่ๆ อิอิ ป่านนี้พี่อำนาจคงผอมเพรียวแน่ๆ เล่นยืนหน้าเตาหน้าหม้อทุกวัน เนอะยายเนอะ

    ปล. พี่รินเก่งจัง รู้ด้วยว่าพี่จินดั้งหัก 555+ ความจริงแล้วพี่จินหน้าเหมือนแย้น่ะ 555+
    ปล. อีกรอบ พี่ผึ้ง น้ำมันชาตรีไม่เอาอ่าค่ะ มีน้ำมันอะไรที่เอามาแล้วได้งานไม๊ อิอิ เอาอันนั้น 555+
     
  19. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    น้ำมันชาตรี เสริม รักษา แก้ ได้สารพัด ดีมากๆ

    วันนี้ไม่มีกระจิตกระใจให้ลูกๆไปโรงเรียนนะ ไม่ใช่เป็นโรคประสาทหรอก แต่ว่าสงสารลูก (เอ...รังแกลูกให้ไม่มีระเบียบวินัยหรือเปล่าน๊อ) ว่าจะให้เขานั่งดูการสอนที่หน้าทีวี ช่องการศึกษา แล้วแม่ก็สอนได้ด้วย

    ครูเขียนตัวหนังสือไม่บรรจง พอยายบอกลูกเขียนตามแม่นะ ลูกบอกแม่ไม่ใช่ครู ต้องเขียนเหมือนครู ไม่งั้นครูตี มีครั้งหนึ่งลูกเอาตัวหนังสือที่ครูให้เขียนตามมาถาม แม่นี่อ่านว่าอะไร ยายต้องเพ่งพิจารณาสักพัก เอ๋อ...ป ปลาจ๊ะ ไม่ใช่ ฟ ฟันลูก

    ของที่ซื้อให้ลูกๆ กลับมาไม่มีเหลือ แม้กระทั่งรองเท้า เห็นกับตาเลยว่า แม่ของเด็กต่างด้าวคนหนึ่ง พยายามถอดรองเท้าออกจากเท้าน้องออมให้ลูกเขาใส่ พอเราไปต่อว่า เขาบอกของเขา ยายถามว่าซื้อที่ไหน อย่างไร ราคาเท่าไร เขาก็เดินหนี แล้วยายบอกครู ก็เข้าอีหรอบเดิม ครูก็มีปัญหามากมาย เขาไม่มีเวลามาใส่เรื่องเด็กๆที่หยุมหยิมหรอก ที่เขาสนใจคือรีบเขียนวิชาการ เพื่อขอเลื่อนขั้น น่าเห็นใจระบบ

    ยายอาจจะคิดไม่เหมือนพ่อแม่คนอื่น คือจะให้ลูกพร้อมที่จะเรียน แต่พ่อเขาต่อว่า ว่าเอาแต่ใจลูก มันจะดัดยาก ยายก็บอกจริง เพราะพ่อกับแม่สอนไม่เหมือนกัน มันสับสน
     
  20. Des

    Des เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,264
    ค่าพลัง:
    +303
    น่าน ..... แม่ก็ครูคนที่ 1 น่ะเออ
     

แชร์หน้านี้

Loading...