แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ณ., 19 สิงหาคม 2008.

  1. ลิงเมืองละโว้

    ลิงเมืองละโว้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    709
    ค่าพลัง:
    +1,521
    เสียงลมพลิวกระทบใบไม้ใบหญ้า เบื้องหน้ากับต้นไม้ใบหญ้าสีเขียวขจี
    ลมเย็นต้องกาย เย็นสบายกับน้ำในคลองที่ไหลผ่าน ปล่อยกาย ปล่อยจิต
    ความสงบ สุขแห่งความสันโดษ ทุกสิ่งเอื้ออย่างยิ่ง จิตนิ่งสุขกายสบายจิตใจ
    มีความสุขกับวันวาน สิ่งรอบตัว บัดนี้ทุกสิ่งโดยทั่วล้วนเปลี่ยนไป
    ดั่งคำอันอมตะ ที่บรมศาสดาท่านบอกไว้ บัดนี้รู้แล้วใจ ทุกสิ่งเปลี่ยนไป
    ไม่คงทนอีกแล้ว อันต้นไม้ที่เคยได้ร่ม ปีนต้นเก็บลูกผล บัดนี้ไม่มีหายไป
    ต้นเล็กเกิดใหม่ บัดนี้เติบโตใหญ่ไม่ใช่มัน ภาพความทรงจำติดตา
    ความสุขผ่าน แทนด้วยความระทมความหลัง ที่ฝังใจ
     
  2. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    นานมาแล้ว มีต้น แอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นนึง
    และก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนนึง
    ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆและเล่นรอบๆต้นไม้นี้ทุกๆวัน
    เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ และก็กินผลแอปเปิ้ล

    และก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิ้ล
    เขารักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา
    เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว
    วันหนึ่ง เด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า
    ' มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ ' ต้นไม้ถาม
    ' ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆต้นไม้อีกแล้ว
    ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น ' เด็กน้อยตอบ
    ' ฉันไม่มีเงินจะให้ .... เก็บลูกแ อปเปิ้ลของฉันไปขายสิ
    เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น ' ต้นไม้ตอบ

    เด็กน้อยตื่นเต้นมาก เขาเก็บลูกแอปเปิ้ลไปหมด
    และจากไปอย่างมีความสุข
    หลังจากเขาเก็บแอปเปิลไปหมดแล้ว
    เขาไม่กลับมาหาต้นไม้อีกเลย
    ต้นไม้ดูเศร้า ....

    วันหนึ่ง เด็กน้อยกลับมา เขาดูโตขึ้น
    ต้นไม้รู้สึกตื่นเต้นมาก
    ' มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ ' ต้นไม้ถาม
    ' ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้ว

    ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉันเอง

    เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม '

    ' ฉันไม่มีบ้านจะให้ แต่ ... ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ .... เอาไปสร้างบ้าน '

    ดังนั้นเด็กน้อยตัดกิ่งก้านทั้งหมดของต้นไม้ไป และจากไปอย่างมีความสุข
    อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย และเศร้า ....
    วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมา ต้นไม้ดีใจมาก

    ' มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ ' ต้นไม้ถาม
    ' เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น
    ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม '
    ' ใช้ลำต้นของฉันได้ เอาไปสร้างเรือ เพื่อเธอจะได้เล่นเรือไปและมีความสุข '
    ต้นไม้ตอบ

    ดังนั้น เด็กน้อยตัดลำต้นของต้นไม้ไปสร้างเรือ
    เขาล่องเรือไป และไม่เคยกลับมาอีกเลย

    หลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยกลับมา
    คราวนี้เขาดูแก่ลงไปมาก

    ' ฉันเสียใจ ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว
    ไม่มีผลแอปเปิ้ลให้ ... ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีกแล้ว '
    ' ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว
    ฉันปีนไม่ไหว และฉันก็แก่แล้ว '
    เด็กน้อยตอบ

    ' ฉันไม่มีอะไรเหลือให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย '

    ' ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว '

    ' รากของต้นไม้แก่ๆ จะเป็นที่พักพิงของหนูได้

    ...... มาสิ นั่งลงข้างๆฉัน ... หลับให้สบาย ...'

    เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ ยิ้ม ... และน้ำตาไหล ........

    นี่เป็นเรื่องสำห รับทุกๆคน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่
    เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อกับแม่ ...
    เมื่อเราโตขึ้น เราทอดทิ้งพ่อ และแม่ และกลับมาหาท่าน
    เมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อเรามีปัญหา
    ไม่ว่าอย่างไร ... พ่อ และแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งอย่างที่ท่าน ทำได้
    หวังเพียงเรามีความสุข
    คุณอาจจะคิดว่า ' เด็กน้อย ' ในเรื่องโหดร้าย
    แต่นั่นคือความจริงที่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราทำกับผู้มีพระคุณอย่างไร ?
    ........ แล้วต้นไม้ของคุณล่ะ ....... เด็กน้อย .....???
     
  3. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    [​IMG]

    ขอบพระคุณค่ะ พี่รวิท
     
  4. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward Mail

    หลายต่อหลายคน...ที่มักประสบกับปัญหาชีวิตเหล่านี้...
    ...เคยท้อ
    ...เคยผิดหวัง
    ...เคยเศร้า
    ...เคยร้องไห้...เสียน้ำตา
    ...เคยเป็นทุกข์...อยากจบชีวิต...ด้วยวิธีการต่างๆ...

    แต่คุณทราบหรือไม่ว่า

    เมื่อพบจุดจบ...จะทำให้เราเห็นจุดเริ่มต้นในชีวิตที่ดีกว่า...
    ถ้าเราได้พิจารณาอย่างมีสติ...
    ...หยุดคิดสักนิด...
    ...เพื่อให้เวลากับสติ...
    ...ได้พิจารณาความเป็นไปของชีวิต...
    ...และได้อยู่กับตนเอง...

    หลายต่อหลายครั้ง

    ...ที่เรามักมองข้ามจุดเล็กๆ น้อยๆ ของชีวิต...
    หลายต่อหลายครั้ง...
    ...ที่เราปล่อยให้วัน เวลา และโอกาสผ่านไป...
    ...โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย...

    นอกจาก...
    ...เป็นทุกข์กับสิ่งที่ผิดหวัง...
    ...ท้อแท้กับสิ่งที่ทำผิดพลาด...
    ...และเสียใจ...เป็นทุกข์...กับการกระทำของตนเอง...

    จุดเริ่มต้นของชีวิต
    เราจะค้นพบก็ต่อเมื่อ...เราเจอจุดจบของปัญหา

    เมื่อเจอปัญา
    เมื่อเจออุปสรรค
    ...เชื่อหรือไม่ว่า...
    ...เรากำลังจะพบทางออกของชีวิต...
    ...และพบทางออกของปัญหา...

    เพียงแค่...
    ...เราหยุดมองต้นตอของปัญหาสักนิด...
    ...อย่าที่จะเอาตัวของเราเอง...ไปอยู่..."ในปัญหา"
    ...จงหยุดและแยกตัวออกมาจากปัญหา...
    ...และทำตัวของเรา...
    ...เป็นเพียงผู้ดู...ผู้อยู่...และรู้อย่างเข้าใจ

    วิธีง่ายๆ เมื่อเจอปัญหา คือ...
    ...จงหยุด...เพื่อเริ่มต้น...
    ...และเรียนรู้ที่จะใช้สติแก้ปัญหาอย่างเข้าใจ...

    ทุกครั้งที่เจอปัญหา
    ...อย่าที่จะพยายามกระโดดข้ามปัญหานั้น...
    ...เพราะปัญหามีไว้ให้แก้...ไม่ใช่มีไว้ให้หนี...
    ...เพราะยิ่งหนี...ยิ่งเจอ...และยิ่งทุกข์...
    ...แต่จงเปลี่ยนตัวปัญหา...เป็น...ตัวปัญญา
    ...โดยใช้สติ...หยุดคิดสักนิด...ด้วยสติพิจารณา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2009
  5. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward Mail
    คำคมจาก ขงเบ้ง

    ถ้าคุณคิดจะเป็นใหญ่ คุณก็จะได้เป็นใหญ่
    ถ้าคุณคิดอยากเป็นอะไร คุณก็จะได้เป็นสิ่งนั้น
    เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย
    เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส
    เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย
    ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะ ตน"

    นกทำรังให้ดูไม้ ข้าเลือกนายให้ดูน้ำใจ
    ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด
    ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด
    ผู้ที่มีเกียรติ คือ ผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น

    ถ้าสติไม่มา ปัญญาก็ไม่มี
    ไม้คดใช้ทำขอ เหล็กงอใช้ทำเคียว แต่คนคดเคี้ยว ใช้ทำอะไรไม่ได้เลย
    เล่นหมากรุก อย่าเอาแต่บุกอย่างเดียว
    เดินหมากรุกยังต้องคิด เดินหมากชีวิต จะไม่คิดได้อย่างไร
    เมื่อใครสักคนหนึ่งทำผิด ท่านอย่าเพิ่งตำหนิหรือต่อว่าเขา
    เพราะถ้าท่านเป็นเขาและตกอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นเดียวกับเขา

    ท่านอาจจะตัดสินใจทำเช่นเดียวกับเขาก็ได้


    การบริหารคือการทำงานให้สำเร็จโดยอาศัยมือผู้อื่น
    ผู้ปกครองระดับธรรมดาใช้ความสารมารถของตนอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้กำลังของคนอื่นอย่างเต็มที่
    ผู้ปกครองระดับสูง ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่
    อ่านคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น

    เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ใช่ หรือ อาจจะ" เขามีความหมายว่า "อาจจะ"
    เมื่อนักการฑูตพูดว่า "อาจจะ" เขามีความหมายว่า "ไม่"
    เมื่อนักการฑูตพูดว่า "ไม่" เขาไม่ใช่นักการฑูต
    (เพราะนักการฑูตที่ดีจะไม่ปฏิเสธใคร)

    เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ไม่" หล่อนมีความหมายว่า "อาจจะ"

    เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "อาจจะ" หล่อนมีความหมายว่า "ใช่ หรือ ได้"
    เมื่อสุภาพสตรีพูดว่า "ใช่ หรือ ได้" หล่อนไม่ใช่สุภาพสตรี
    (เพราะสุภาพสตรีจะไม่ตอบรับใครง่ายๆ)




    คิดทำการใหญ่ อย่าสนใจเรื่องเล็กน้อย
    ตาสามารถมองเห็นสิ่งที่ไกลได้ แต่ไม่สามารถมองเห็นคิ้วของตน
    คนส่วนใหญ่ใส่ใจกับผลได้ระยะสั้นเท่านั้น
    แต่คนฉลาดอย่างแท้จริงจะมองไปยังอนาคต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2009
  6. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    โอ้ชีวิต คิดไป ก็ไม่ยาก
    ไม่ลำบาก ยากยัง อย่างทีคิด
    ความลำบาก ย่อมเป็นครู ให้รู้ผิด
    แล้วชีวิต จะไม่ยาก ลำบากเลย

    ความลำบาก จะจากไป หากใจเที่ยง
    ไม่ลำเอียง เลี่ยงหา หรือพาเฉย
    เรียนรู้มัน ให้ทันนะ อย่าละเลย
    เราต้องเย้ย เยาะมันได้ สบายสบาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 20 กุมภาพันธ์ 2009
  7. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward Mail :] >< [:

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward Mail

    โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์

    [​IMG]

    ใครหลายคนชอบคิดไปไกลในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง...สิ่งที่ยังไม่เกิด
    ความคิดนี่แหละ ที่บั่นทอนพละกำลังส่วนหนึ่งของความสุข
    ที่ควรจะเกิด ควรจะมี ให้ลดน้อยลงไป

    บางขณะ เราน่าจะทำชีวิตให้ดีกว่านั้นได้ง่าย ๆ
    แต่เพราะความคิด ความกังวล
    ทำให้สิ่งที่น่าจะง่าย กลายเป็นสิ่งยุ่งยาก

    ถ้าความคิดบางอย่าง ยิ่งคิด ยิ่งเศร้า ยิ่งทำให้กังวล
    ยิ่งไม่มีความสุข ยิ่งหวาดกลัววันข้างหน้า
    ก็อย่าไปคิดมันเลย
    แค่ทำวันนี้ให้มีความสุข ทำให้ดีที่สุดกับเวลานี้ที่มีโอกาสนี้...
    บางที ใครจะรู้ว่า อะไรๆ ที่ไปกังวลนั้น
    อาจจะมาไม่ถึงก็ได้..

    ชีวิตอาจไม่ยาวนานถึงขนาดนั้น
    ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้ จะตื่นหรือเปล่า
    อย่ากังวลกับอะไรที่ยังมาไม่ถึง...
    มองวันนี้ ทำวันนี้ มีความสุขกับทุกวินาทีนี้ .....
    ที่ยังหายใจอยู่ดีกว่า เวลามีพอเสมอสำหรับความสุข

    ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์
    ชีวิตที่พบความทุกข์ เป็นชีวิตที่แท้...
    ไม่มีความทุกข์ก็ไม่มีการเติบโต
    ความทุกข์เป็นพลังขับเคลื่อนให้หลายอย่างเกิด
    ไม่มีใครไม่มีความทุกข์ เพราะนั่นคือการเป็นชีวิต
    ความทุกข์สอนให้แต่ละคนเข้มแข็งในแง่มุมต่างๆ
    ถ้าความทุกข์ไม่เข้ามาหา ก็จะไม่รู้ว่า
    ความสุขที่แท้เป็นอย่างไร

    ไม่มีความทุกข์ ก็ไม่รู้จักความสุข......
    เพราะความทุกข์พิสูจน์ความเป็นคน
    อ่อนแอ หรือเข้มแข็ง
    ความทุกข์เป็นสิ่งท้าทายความสามารถ.....
    ต่างจากความสุข ที่ทำให้อ่อนแอ
    มองโลกง่ายๆ แคบๆ

    ความสุขเหมือนฝนพรำสาย อ่อนโยน
    งดงาม บางเบา แต่ว่างเปล่า
    ไม่มีการเรียนรู้ใดในความสุข.......

    เมื่อใดที่มีความทุกข์ ควรยิ้มรับ
    และคิดว่าโชคดีที่ได้เจอความทุกข์
    ได้เรียนรู้การแก้ปัญหา ได้สงบ ได้สติ
    ได้ความนิ่ง ได้รู้จักโลก รู้จักตัวเอง
    รู้จักการเติบโตทุก ๆ ก้าว
    ให้กำลังใจตัวเองมากๆ บอกตัวเองว่า
    โชคดีที่วันนี้มีความทุกข์
    เพราะเมื่อผ่านความทุกข์
    ความสุขก็จะรออยู่เบื้องหน้า...

    จงใช้ความทุกข์สร้างสิ่งมหัศจรรย์ให้กับชีวิต.
    " YES WE CAN DO IT "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • lucky.jpg
      lucky.jpg
      ขนาดไฟล์:
      15.8 KB
      เปิดดู:
      270
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2009
  9. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ดู ดูดีดี เขามีอะไร มาให้เราดู
    ดู ดูดีดี หากดูไม่ดี จะไม่มีที่ดู
    ดู ดูดีดี อย่าดูนานนาน เดี๋ยวรำคาญคนดู
    ดู ดูดีดี ดูให้ทั่วทั่ว ไม่ใช่มั่วการดู
    ดู ดูดีดี ดูให้ชัดชัด ไม่ใช่กัดคนดู
    ดู ดูดีดี ดูให่แม่นๆ จะเป็นแฟนพันธุ์ดู
    ดู ดูดีดี ของหลอกเหลือเฟือ อย่าเพิ่งเชื่อสิ่งที่ดู
    ดู ดูดีดี ดูแล้วคิดคิด สักนิดก็น่าดู
    ดู ดูดีดี ดูด้วยหลักธรรม ก็จะงามตามที่ดู
    ดู ดูดีดี ดูให้เข้าใจ เราจะได้เลิกดู
    ดู ดูดีดี ดูมันให้ออก อ๋อถูกหลอกแล้วสิตู
     
  10. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    Positive thinking

    <O:pสิ่งสำคัญไม่ได้อยู่ที่โลกมีแง่มุมมากมายให้มอง
    แต่อยู่ที่เราจะเลือกมองมุมไหน
    โลกใบนี้ มีมุมดีๆให้มอง
    แค่มองเห็นว่า...
    </O:p
    <O:p
    * คนทุกคนมีเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ เสมอ

    * ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้...แต่ทุกปัญหาแก้ไขได้

    * สิ่งร้ายๆ จะมาพร้อมกับสิ่งดีๆ เสมอ

    * ความมืดในเวลากลางคืนมีแต่ 12 ชั่วโมง

    * หลังฝนตกหนักแล้วฟ้าจะปลอดโปร่ง

    * ของบางอย่างไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นของเรา
    * ชีวิตเป็นของเรา

    * ถนนบางสายไกลหน่อย แต่ก็ยังมีวันถึง

    * ฝันร้ายเป็นแค่ความฝัน

    * อุปสรรคทำให้ชีวิตมีสีสัน

    * ความเจ็บปวดทำให้หัวใจแข็งแกร่ง

    * ทุกๆอย่างมีระยะเวลาของมัน

    * การร้องไห้ทำให้ดวงตาใสขึ้น

    * ตัวเรายังไม่ได้อย่างใจเรา แล้วคนอื่นจะเป็นได้อย่างไร

    * เมื่อมาถึงจุดที่หนักที่สุดแล้ว หลังจากนั้นทุกอย่างจะผ่อนคลายลงเรื่อยๆ

    * มีไม่มากแต่ก็มีพอ

    * ไม่มีเงินแต่ยังมีแรง

    * ความอ้วนทำให้ใบหน้าอิ่มเอิบ
    * ความผอมทำให้เสื้อผ้าดูดี

    * ถ้าวิ่ง จะถึงเร็วขึ้น
    * แต่ถ้าค่อยๆเดิน จะไม่เหนื่อย </O:p>
     
  11. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    <meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5C007%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} a:link, span.MsoHyperlink {color:blue; text-decoration:underline; text-underline:single;} a:visited, span.MsoHyperlinkFollowed {color:purple; text-decoration:underline; text-underline:single;} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--><meta http-equiv="Content-Type" content="text/html; charset=utf-8"><meta name="ProgId" content="Word.Document"><meta name="Generator" content="Microsoft Word 11"><meta name="Originator" content="Microsoft Word 11"><link rel="File-List" href="file:///C:%5CDOCUME%7E1%5C007%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C01%5Cclip_filelist.xml"><!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><style> <!-- /* Font Definitions */ @font-face {font-family:"Angsana New"; panose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:roman; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;} @font-face {font-family:Tahoma; panose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4; mso-font-charset:0; mso-generic-font-family:swiss; mso-font-pitch:variable; mso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;} /* Style Definitions */ p.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal {mso-style-parent:""; margin:0cm; margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:12.0pt; mso-bidi-font-size:14.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-fareast-font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Angsana New";} @page Section1 {size:612.0pt 792.0pt; margin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt; mso-header-margin:36.0pt; mso-footer-margin:36.0pt; mso-paper-source:0;} div.Section1 {page:Section1;} --> </style><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> บทลงโทษด้วยความรัก

    <o:p></o:p>
    วันหนึ่งเมื่อยังเด็ก
    แอนดี้น้องชายของฉันนั่งอยู่ที่มุมห้องนั่งเล่น
    ในมือข้างหนึ่งมีปากกาหนึ่งด้าม
    ขณะที่ในมืออีกข้างหนึ่งก็ถือหนังสือสะสมราคา แพงของพ่อ
    แอนดี้คงจะปีนขึ้นไปหยิบจากบนชั้นหนังสือ

    <!--[endif]--><o:p></o:p>

    เมื่อพ่อเดินเข้ามาในห้อง
    แอนดี้ก็ก้มหน้างุดและทำท่ากระสับกระส่าย
    เขารู้ตัวดีเชียวละว่ากำลังทำผิด
    แม้จากระยะไกล
    ฉันก็เห็นรอยขีดเขียนเปรอะไปทั่วบนหน้าหนังสือของพ่อ
    และตอนนี้แอนดี้ก็กำลังจ้องมองพ่อตาโตด้วยความ
    หวาดหวั่นรอคอยที่จะถูกทำโทษ

    พ่อหยิบหนังสือขึ้นมามอง
    แล้วก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ

    หนังสือทุกเล่มมีความหมายต่อพ่อมาก
    หนังสือคือความรู้
    และหนังสือเล่มนี้ก็เป็นหนังสือสะสมราคาแพง
    แต่ในขณะเดียวกันท่านก็เป็นพ่อที่รักลูกมาก

    สิ่งที่พ่อทำในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านั้นยอดเยี่ยมมาก
    แทนที่ท่านจะลงโทษหรือดุแอนดี้
    หรือแม้แต่ตำหนิความซุกซน
    พ่อกลับนั่งลง
    หยิบปากกาในมือแอนดี้ขึ้นมาถือไว้
    แล้วก็เขียนอะไรบางอย่างลงในหน้าหนังสือสะสมราคาแพง<o:p></o:p>

    นั่นเสียเอง

    พ่อเขียนที่ข้างๆ ลายเส้นที่แอนดี้ขีดว่า

    "ภาษาของแอนดี้ เมื่ออายุสองขวบ"

    ต่อไปนี้
    ไม่ว่าครั้งไหนที่พ่อหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเปิด
    พ่อก็จะเห็นใบหน้าน้อยๆ
    ที่น่ารักและดวงตาที่สดใสของลูก
    และจะขอบคุณพระเจ้าที่ประทานเด็กน้อยคนนี้
    มาให้ขีดเขียนบนหนังสือแสนหวงของพ่อ
    ลูกทำให้หนังสือเล่มนี้ของพ่อมีความหมาย
    เหมือนกับที่พี่ๆของลูกนำความหมายมาสู่ชีวิตของพ่อ
    เหมือนกัน

    ว้าว... ฉันคิด นี่หรือคือการลงโทษของพ่อ?
    นานๆครั้งฉันก็จะหยิบหนังสือที่สะสมไว้มาให้ลูกหลานของฉัน

    ขีดเขียนเล่น
    ทุกครั้งที่มองดูลายมือหยุกหยิกเหล่านั้น
    ฉันก็จะนึกถึงสิ่งที่พ่อทำในวันนั้น
    พ่อได้สอนให้ฉันรู้ว่า…
    อะไรกันแน่ที่มีค่าต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง
    ซึ่งนั่นก็คือ คนที่เรารัก ไม่ใช่วัตถุสิ่งของ


    ลองมองย้อนดูตัวคุณเอง ในแต่ละวัน
    เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อยู่เสมอ
    เช่นคุณนั่งกินข้าวกับภรรยาอยู่ที่ร้านอาหาร
    เธอหวังดีอยากจะเทซอสให้คุณ
    แต่มันกลับหกไปเลอะเสื้อตัวเก่งของคุณ
    และคุณก็ทำสีหน้าที่ตำหนิเธอและคำพูดที่บอกว่า
    เดี๋ยว ผมเทเองก็ได้

    นอกจากคำขอโทษที่เธอพร่ำบอก
    น้ำตาใสๆก็เริ่มเอ่อขึ้นในใจเช่นเดียวกัน
    และอาหารมื้อนั้นไม่มีรสชาติสำหรับเธอเสียแล้ว

    แต่ถ้าคุณบอกกับเธอว่า ถ้าซักไม่ออกก็ไม่เป็นไรหรอก
    เมื่อผมหยิบเสื้อขึ้นมาใช้ครั้งใด
    ผมจะหวนนึกถึงร้านอาหารนี้ทุกครั้งไป
    ที่ได้มีโอกาสมาทานข้าวกับคุณ
    และได้คิดถึงทุกครั้งว่าภรรยารักและเอาใจใส่ผมมาก เท่าใด
    อยากปรนนิบัติเอาใจ (จนเทซอสหกใส่ผม)
    แต่ว่าคราวหน้าออกมาทานข้าว
    ผมจะเป็นคนเทซอสให้คุณมั้งล่ะ (ทีนี้ตาผมมั่ง)

    รอยยิ้มจากหัวใจของเธอได้เริ่มโบยบินแล้ว
    แค่นี้คุณก็ลงโทษเธอให้ระวังมากขึ้นแล้ว

    สิ่งที่มีค่าต่อชีวิตคนเรานั้นไม่ใช่ นาฬิกาเรือนละแสน
    หรือเนคไทเส้นละหลายๆพัน
    แต่เป็นความอบอุ่นในหัวใจ
    ที่คุณรู้ว่ามีใครคนหนึ่ง เฝ้ารัก
    เฝ้าถนอมความรู้สึกคุณอยู่ตลอดเวลาต่างหาก
    แล้วคุณล่ะ เคยลงโทษใครด้วยความรักหรือเปล่า

    ได้อ่านบทความนี้แล้ว มีรู้สึกดี ๆ เลยนำมาให้อ่านกัน
    หากใครเคยอ่านแล้วก็ไม่เป็นไรนะ

    หากครั้งนี้ลองอ่านดูอีกครั้งแล้วพินิจด้วยใจ
    บางครั้ง....เราอาจเคยตั้งคำถามหนึ่งขึ้นในใจว่า
    มนุษย์เรา ...เกิดมาเพื่ออะไร
    บทความนี้อาจเป็นคำตอบที่ดีสำหรับคุณ...ก็เป็นได้
    ขอมอบบทความนี้ให้กับผู้มีหัวใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก ทุกท่าน<o:p></o:p>

    <o:p> </o:p>
    ที่มา http://www.thaiseoboard.com/index.php/topic,12097.20.html<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  12. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    บทลงโทษด้วยความรัก

    มนุษย์เรา ...เกิดมาเพื่ออะไร?

    พออ่านบทความนี้จบ ณ. รู้สึกว่า...
    มนุษย์เราเกิดมาเพื่อจะ...

    ...ส่งมอบความรักให้แก่กัน
    ...ส่งมอบความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน
    ...ส่งมอบรอยยิ้มให้แก่กัน
    ...รักษาและดูแลความรักให้เติบโต
    ...รักษาและดูแลความรู้สึกดีๆ ให้ผลิบาน
    ...รักษาและดูแลรอยยิ้มให้สว่างไสวตลอดไป



    ...อย่าบอกว่าคุณทำไม่ได้ เพราะคุณยังไม่เคยทำ
    ...อย่าบอกว่าคุณทำไม่ได้ เพราะคุณล้มเหลวจากครั้งที่แล้ว
    ...อย่าบอกว่าคุณทำไม่ได้ เพราะคุณล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า
    ...อย่าบอกว่าคุณทำไม่ได้ เพราะความกลัวที่เกาะกินจิตใจคุณ
    ...อย่าบอกว่าคุณทำไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่คนที่คุณรัก



    ...แค่คุณกล้าส่งความรู้สึกดีๆ ให้ก่อน
    ...แค่คุณกล้าที่จะส่งยิ้มไปให้
    ...แค่คุณกล้าที่จะยื่นมือออกไป
    ...แค่คุณกล้าเสนอตัวเข้าไปช่วย
    ...แค่คุณกล้าทำสิ่งดีๆ ที่คุณไม่เคยทำ
    ...แค่คุณกล้าทำสิ่งดีๆ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า โดยไม่ต้องไปนับ
    ...แค่คุณกล้า...
    ...แค่คุณกล้า...
    ...แค่คุณกล้า...
    ...แค่คุณกล้าให้ความรัก แค่นี้ความรักก็ผลิบาน อย่างน้อยก็บานในใจคุณนั่นแหละ...


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • A03.JPG
      A03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      375.1 KB
      เปิดดู:
      245
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มีนาคม 2009
  13. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward Mail

    บทกวี...ดีๆ เตือนใจเรา

    ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 ปี มีค่าเพียงใด
    ให้ถามนักเรียนที่สอบไล่ตก

    ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 เดือน มีค่าเพียงใด
    ให้ถามมารดาที่ต้องคลอดบุตรก่อนกำหนด

    ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 สัปดาห์ มีค่าเพียงใด
    ให้ถามบรรณาธิการหนังสือรายสัปดาห์


    ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 ชั่งโมง มีค่าเพียงใด
    ให้ถามคู่รักที่ต้องรอเวลาจะพบกัน


    ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 นาที มีค่าเพียงใด
    ให้ถามคนที่พลาดรถไฟ รถประจำทางหรือเครื่องบิน


    ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 วินาที มีค่าเพียงใด
    ให้ถามคนที่รอดจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิด


    ถ้าอยากรู้ว่าเวลาในเสี้ยววินาที มีค่าเพียงใด
    ให้ถามนักกีฬาโอลิมปิคที่ได้เหรียญเงิน

    เวลาไม่เคยรอใคร
    เราควรใช้ทุกขณะอันมีค่ายิ่งให้ดีที่สุด

    จงแบ่งปันเวลาให้กับใครบางคนที่เป็นคนพิเศษที่เรารัก

    ไม่มีที่มาของบทกลอนนี้
    แต่เราสามารถแบ่งปันสิ่งที่ดีๆ ให้กับใครบางคน
     
  14. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ชีวิต......คือ.....อะไร
    มีใครไหม ช่วยอธิบาย ให้กระจ่าง
    มองทางไหน ใจถูกรุม ด้วยหลุมพลาง
    เหมือนเคว้งคว้าง ห่างไกล จากใจตน
    ชีวิต....ควรเป็น....เช่นไร
    ภายในใจ ไร้แสงอับ จนสับสน
    เคยบ้างไหม ในดวงใจ แสนร้อนรน
    คิดวกวน จนไม่เห็น เส้นทางออก
    ชีวิต....จะเดิน.....ทางใด
    เดินทางธรรม นำใจ ฝ่าสายหมอก
    เราจะเห็น แสงแห่งธรรม ไหลละลอก
    ธรรมจะบอก ว่าเราเกิด มาทำไม....บนโลกใบนี้
    [​IMG]
     
  15. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    นิทานเรื่อง “ตะเกียงวิเศษ”
    โดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา


    กาลครั้งหนึ่งมีชายหนุ่มคนหนึ่งขุดพบตะเกียงเก่าแก่อันหนึ่ง ในขณะที่เขากำลังทำสวนอยู่ พอเขาเอามือถูตะเกียง ก็ปรากฏว่ามีควันออกมาจากตะเกียง แล้วกลายเป็นยักษ์ตัวใหญ่ ยักษ์ตนนั้นพูดกับชายหนุ่มว่า
    “ขอบใจที่ได้ช่วยให้ฉันเป็นอิสระ ฉันจะตอบแทนท่านโดยรับใช้ท่าน ท่านจะใช้อะไรฉันก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า เมื่อไรที่ท่านหยุดใช้ฉัน ฉันก็จะกินท่าน”
    ชายหนุ่มก็ตกลงเพราะเขาเห็นว่าการมีคนรับใช้เป็นเรื่องที่ดี และเขาก็มั่นใจว่า เขาจะใช้ยักษ์ตนนี้ให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลาได้ ดังนั้นเขาจึงตอบตกลง ยักษ์นั้นจึงถามว่า “นายต้องการให้ฉันรับใช้เรื่องใดบ้าง แต่อย่าลืมนะถ้านายหยุดใช้ฉันเมื่อใด ฉันก็จะกินนาย” ชายหนุ่มคนนั้นตอบว่า “ฉันต้องการวังหลังหนึ่งเพื่อฉันจะได้เข้าไปอยู่”
    ทันใดนั้นยักษ์ก็เนรมิตวังหลังหนึ่งได้ ชายหนุ่มตกใจเพราะเขานึกว่า ยักษ์คงใช้เวลาสักปีกว่าจะสร้างวังเสร็จ ทีนี้เขาต้องคิดอย่างรวดเร็วว่าจะขอให้ยักษ์ทำอะไรต่อไปดี เขาบอกยักษ์ให้ “สร้างถนนกว้างๆ ไปถึงหน้าวัง” ทันใดนั้นถนนก็ปรากฏอยู่ต่อสายตาเขา “ฉันต้องการสวนล้อมรอบวัง” เขาสั่งต่อไป
    ทันทีความต้องการของเขาก็ปรากฏต่อหน้าเขา “ฉันต้องการ.....” เขาก็ขอไปเรื่อยๆ แต่เขาเริ่มต้นวิตกว่าอีกไม่ช้าเขาก็จะขอจนหมดแล้ว และอีกอย่างเขาคงเข้าไปอยู่ในวังอย่างผาสุกไม่ได้ เพราะเขาต้องคอยมานั่งสั่งยักษ์ให้ทำงานตลอดเวลา
    ในที่สุดเขาก็คิดหาทางออกได้ เขาขอให้ยักษ์สร้างเสาต้นหนึ่งให้สูงสุด ซึ่งยักษ์ก็เนรมิตให้ทันทีทันใด เขาขอให้ยักษ์ปีนเสาต้นนี้ช้าๆ ไปถึงยอดแล้วให้ปีนลงมาช้าๆ เช่นกัน พอถึงพื้นก็ให้ปีนขึ้นไปบนยอดใหม่อีกครั้ง แล้วให้ปีนขึ้นปีนลงเช่นนี้ตลอดเวลาไม่ให้หยุดเลย
    ยักษ์ตนนั้นก็เลยต้องปีนขึ้นปีนลงตลอดเวลาตามคำสั่งของนาย
    ชายหนุ่มจึงเริ่มหายใจได้ทั่วท้อง ขณะนี้เขาปลอดภัยแล้ว ชายหนุ่มมีเวลาที่จะเข้าไปอยู่ในวังอย่างมีความสุขตั้งแต่นั้นมา
    ยักษ์ตนนี้เปรียบเสมือนความคิดและจิตใจของเรา ถ้าเรารู้จักใช้ความคิดของเรา และควบคุมความคิดของเราให้ดี เราจะได้รับผลดีจากความคิดของเรา
    ถ้าเราต้องการจะทำอะไรให้ดีให้ถูกต้อง เราต้องควบคุมจิตใจของเราให้สงบเหมือนกับชายหนุ่มในนิทานที่สามารถควบคุมยักษ์ตนนั้นได้ และสามารถทำให้ความต้องการของเขาลุล่วงสำเร็จได้
    ถ้าเราควบคุมความคิดของเราไม่ได้ มันจะสร้างปัญหาให้กับเรา เราจะเริ่มต้นนั่งคิดว่าจะไปซื้ออะไร จะไปกินอะไรดี หรือจะไปเที่ยวไหนดี ฯลฯ ความต้องการจะครอบคลุมจิตใจของเรา ครอบคลุมอารมณ์ของเรา เราจะหวั่นไหวต่อความโลภ ความโกรธและความอิจฉา เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นถ้าเราไม่รู้จักควบคุมความคิดของเรา เช่นเดียวกับยักษ์ตนนั้นที่ข่มขู่ชายหนุ่มตลอดเวลา
    เราต้องควบคุมความคิดของเราตลอดเวลา ชายหนุ่มคนนี้ใช้ให้ยักษ์ปีนขึ้นลงที่เสาสูงต้นนั้น เราก็สามารถใช้ลมหายใจเข้าออกของเราซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลานั้นเป็นเสาสูงแทน

    หมายเหตุ :: นิทานเรื่องตะเกียงวิเศษนี้ คัดมาจากหนังสือวิทยาศาสตร์ของการฝึกจิตของ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา
     
  16. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward Mail


    ทิศทางกับหนทาง

    นักศึกษามหาวิทยาลัยกลุ่มหนึ่งได้นัดกันไปปีนเขา
    แต่วันนั้นดินฟ้าอากาศเกิดแปรปรวนขึ้นอย่างฉับพลัน
    จึงทำให้พวกเขาพลัดหลงอยู่ในหุบเขา หาทางออกไม่ได้อยู่หลายวัน
     
  17. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ลายแทงมหาสมบัติ

    เรื่องมีอยู่ว่า อาจารย์ท่านหนึ่งลากเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง
    แล้วบอกให้นักเรียนลองทำให้เส้นตรงเส้นนี้สั้นลงโดยไม่ต้องลบ
    นักเรียนต่างหาวิธีทำให้เส้นตรงนั้นสั้นลงไม่ได้
    เพราะทุกคนติดอยู่กับภาพลักษณ์
    ของการลบเส้นเดิมทิ้งไปเพื่อให้เส้นเดิมสั้นลงไป

    อาจารย์ท่านนั้นจึงขอให้นักเรียนรายหนึ่ง
    เขียนเส้นตรงเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเส้นเดิม
    ภายหลังจากที่นักเรียนลากเส้นตรงเส้นใหม่ที่ยาวกว่าเดิมแล้ว
    อาจารย์ท่านนั้นอธิบายให้นักเรียนฟังว่า
     
  18. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    การที่มีคนลากเส้นตรงขึ้นมาเส้นหนึ่ง
    ไม่ว่าเส้นตรงที่ลากมาจะยาวแค่ไหน
    เราสามารถทำให้เส้นตรงนั้นสั้นลงไปได้
    โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปลบเส้นของคนอื่นให้สั้นลง
    แต่เราสามารถทำให้เส้นของคนอื่นสั้นลง
    โดยที่เราลากเส้นของเราให้ยาวขึ้น

    ยิ่งเราลากเส้นยาวออกไปมากเท่าไหร่
    เส้นเดิมที่ลากไว้ก็จะสั้นลงไปทุกที
    เปรียบเหมือนการที่ใครซักคน
    ทำในสิ่งหนึ่งที่ดีอยู่ประสบความสำเร็จอยู่
     
  19. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    เราไม่ควรให้ความอิจฉาริษยามาก่อให้จิตของเรารุ่มร้อน
    และหาทางกลั่นแกล้งคนๆนั้นด้วยการหาทางทำลาย
    เหมือนกับการพยายามลบเส้นของคนอื่นให้สั้นลง

    ตรงกันข้ามควรจะยินดีกับความสำเร็จของคนอื่น
    เหมือนกับที่เรามองความยาวของเส้นตรงที่คนอื่นลากไว้
    แต่เราหาทางพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
    เหมือนกับการพยายามลากเส้นตรงเส้นใหม่
    ให้ยาวขึ้นเรื่อยๆโดยไม่ไปลบเส้นของคนอื่น
    เส้นตรงที่เราลากก็จะยาวขึ้นเรื่อยๆ
    ขณะที่เส้นเดิมที่คนอื่นลากไว้ก็จะสั้นลงไปเรื่อยๆ
    โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปลบออกให้สั้นลง"

     
  20. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    การคิดในเชิงสร้างสรรค์แบบนี้ทำให้จิตใจของเราโปร่งสบาย ไม่รุ่มร้อน
    เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ได้แข่งกับใคร
    แต่เราแข่งกับตัวของเราเองอยู่ตลอดเวลา
    และเราไม่ได้ไปสร้างศัตรูหรือไปก่อเวรกับคนอื่น

    ตรงกันข้ามการแข่งขันระหว่างกันเป็นไปในทางเอื้อผลซึ่งกันและกัน
    ทำให้ระบบโดยรวมมีการเติบโตอยู่ตลอดเวลาไปในทางที่เป็นบวก
    คงไม่สำคัญว่าคุณต้องชนะคนทั้งหมด
     

แชร์หน้านี้

Loading...