แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ณ., 19 สิงหาคม 2008.

  1. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    รวยแล้วพอ คุณวินทร์ เลียววาริณ นักเขียนซีไรท์สองสมัย
    เคยเขียนไว้ว่า "ความโลภเป็นอนันต์"

    ความโลภนั้น ถ้าจับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน รู้สึกตัวอีกที ชีวิตของเรา
    จะวิ่งวนไม่หยุด


    "ความรู้จักพอ" ตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    ให้เป็นอยู่อย่างพอเพียงนั้น เป็นที่สุดปรัชญาความรวย


    ทุกวันนี้เรามีปัญหาเรื่อง รวย-ไม่รวย-พอ-ไม่พอ เพราะว่า
    มีปัญหาในการจัดการความอยากให้พอดี
     
  2. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    โลกเราทุกวันนี้ มัีกประโคมให้เราคิดว่า ควรแก้ปัญหา
    การจัดการความอยากด้วยการเติมวัตถุเข้าไปเรื่อย ๆ
    ให้หายอยาก แต่ปัญหาคือหลายคนพบว่า
    ความอยากนั้นมันเติมไม่เต็ม


    เราต้องจัดการความอยาก 2 วิธี


    1. อยากแล้วลงมือทำด้วยปัญญาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้ได้มา
     
  3. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    2. สกัดความอยากลงบ้าง อย่าเติมอย่างเดียว
    เพราะความอยากนั้นไร้ขีดจำกัด ขยายตัวไปได้เรื่อย ๆ
    คอยไปเติมมัีนอยู่อย่างเดียวก็ต้องเหนื่อยตลอดเวลา


    รวยแล้วพอ จึงเป็นอีกด้านหนึ่งของการจัดการกับความอยาก
    อย่างเหมาะสม ยั้งมันบ้าง รั้งมันบ้าง มิใช่ให้ความอยากลาก
    เราไปตลอด ด้วย ความรู้จักพอ จึงทำให้เรา "รวย" ได้จริ
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,689
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** มัดกาย มัดใจไว้บ้าง ****

    รวยแล้วไม่เคยพอ...เพราะ ตัวทะยานอยาก ยังอยู่
    ใจ....มันคอยจะวิ่งไปทั่วจักรวาล ไม่หยุดนิ่ง
    ใจ...มันคอยจะถอยใหม่เรื่อยๆ
    ตา....เห็นอะไรใหม่ ใจก็ชื่นชมมันดี อยากได้บ้าง
    หู...ได้ยิน ใจมันคิดไพเราะเสนาะหู อยากฟัง อยากเชยชมบ่อยๆ ใกล้ๆ
    จมูก...ได้กลิ่น ยิ่งเสริม
    ลิ้ม....ชิมแล้ว สุดยอดรส
    ใจ ...มันเลยทะยานอยาก พากาย ให้ทำ ให้ทำ ให้ทำ
    สุดท้าย...หลงติดกับ รูป รส กลิ่น เสียง ไม่ยอมไปไหน
    เวียนว่าย อยู่กับเรื่องเดิมๆ ...ด้วยนิสัยเดิมๆ

    เราจึงควร...มัดกาย มัดใจ ตนเอง ด้วยสัจจะทำ
    วันละเรื่อง วันละชั่วโมง ...ก็ยังดี เพราะทำได้จริง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ใช้ปัญญาในการสร้างโอกาส

    ปัญญานั้น ไม่ต้องใช้แต่เวลามีปัญหาเสมอไป
    แต่ควรนำมาใช้ได้เรื่อย ๆ


    ในการใช้ปัญญาเพื่อสร้างโอกาส เราทำได้ทั้ง
    เมื่อขาดของจำเป็น เราใช้ปัญญา แก้ไขให้ได้มา
    เมื่อต้องการเพิ่มทรัพย์ไว้ไม่ให้ขาด ใช้ปัญญาเพิ่ม
    และรักษาทรัพย์อย่างสม่ำเสมอ
     
  6. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    วิธีการคือ "ขบคิดอย่างถูกทาง" เพื่อสร้างโอกาส ดังตัวอย่างต่อไปนี้

    ในตลาดคลองเตย มีร้านขายอาหารมังสวิรัตราคาประหยัดอยู่ร้านหนึ่ง
    แม่ค้าคนนี้เริ่มต้นด้วยการทำอาหารมังสวิรัติกินเองเพื่อสุขภาพที่บ้าน
    และก็มาคิดว่าน่าจะทำขาย


    ต่อมาได้เปิดเป็นแผงเล็ก ๆ ก่อน มีกับข้าวแค่ไม่กี่อย่าง แต่อาศัย
    ขายราคาประหยัด และเลือกวัตถุดิบดี ๆ มาทำ
     
  7. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ตอนแรกนั้น ยังขายไม่ดีมาก แค่พอขายได้เรื่อย ๆ
    แต่ด้วยความไม่ย่อท้อ รู้ว่าต้องรอจนคนรู้จัก
    ขยันรักษาคุณภาพ แถมยังมีความเป็นกันเองกับลูกค้าเสมอ

    ในที่สุดก็ต้องเิพิ่มจำนวนอาหารขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบัน
    ขายดิบขายดีมีกับข้าวประมาณ 20-30 อย่าง มีลูกจ้าง
    มาช่วยหลายคน แถมต่อมากระแสการกินอาหารเพื่อสุขภาพ
    เป็นที่นิยมกว่าเดิม ร้านของแม่ค้าก็ยิ่งเป็นที่นิยมดีวันดีคืน
     
  8. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    จากจุดเริ่มต้นที่ทำำกินเองเพื่อสุขภาพ เป็นความถนัดส่วนบุคคล
    คือ "ความคิดอย่างเท่าทัีนตัวเอง" รู้ในความถนัดของตัว
    ได้นำมาสู่โอกาสในการทำมาหากิน เมื่อมาผสมผสานกับ
    "ความคิดเท่าทัีนโลก" รู้ว่าโลกทุกวันนี้มีกระแสใส่ใจสุขภาพ
    กันมากขึ้น ทำให้เกิดความคิดที่จะขายอาหารมังสวิรัติ
    ซึ่งแตกต่างไปจากร้านค้าอื่น ๆ ในแถบนั้น
     
  9. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    เกิดเป็นจุดขายที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร นับว่าได้ใช้
    ปัญญาในทางสร้างโอกาสให้กับตนเอง

    ยิ่งกว่านั้น ที่จัดว่าแม่ค้าเป็นคน "รวยแล้ว" เพราะนอกจากมีพอ
    สำหรับตัวเอง เธอเอง รู้จักให้กับสังคม ในวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    เธอจะแปลงร้านเป็นโรงทานแจกจ่ายอาหารมังสวิรัติฟรี
     
  10. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    แม่ค้าบอกว่า ซาบซึ้งในพระคุณของในหลวงท่าน
    ที่ให้คนไทยมากมาย ถึงเราเป็นแค่แม่ค้าข้าวแกง
    ก็อยากแทนคุณท่าน แทนคุณแผ่นดิน เผื่อแผ่คนอื่นบ้าง

    พอถึงวันที่ 5 ธันวาคม เมื่อไร ร้านค้าจะยิ่งคึกคัก
    ทั้งคนมาทำทาน และมาเป็นลูกมือ พวกลูกค้าก็ชอบใจ
    พากันมาช่วย เอาของมาบ้าง มาช่วยตักข้าว ตักกับบ้าง
    เป็นที่ิอิ่มบุญ และที่สำคัญอิ่มใจไปกันทั่วหน้า
     
  11. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ชีวิตแม่ค้าทุกวันนี้แม้ยังจะทำงาน ก็ทำด้วยความภูมิใจ
    และพอมีกิน มีใช้ มีเก็บไว้ยามจำเป็น แถมยังรวยน้ำใจไมตรี
    จากเหล่าลูกค้าขาประจำ


    ที่สำคัญไม่ได้มัวแต่คิดว่าตัวเองเป็นเพียงแม่ค้าคนหนึ่ง
    ต้องเก็บสตางค์ไว้มาก ๆ ปล่อยให้ทำบุญเป็นเรื่องของคนรวยล้น
    ไม่จำเป็นเลย คนที่ขณะทำงานก็ทำงานสุจริต รักษาคุณภาพงานให้ดี
    มีใจคิดห่วงใยคนอื่น และรู้จักให้ เพราะว่า หยุดได้ พอได้
    ก็พิสูจน์ให้เห็นได้ว่าเป็นคนรวยแล้ว


    การใช้ปัญญาในทางสร้างโอกาส จึงเป็นคาถาแก้ทรัพย์จางได้อย่างชะงัด
     
  12. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิค่ะ
    ดีใจจังค่ะพี่ไอย ที่ได้ร่วมอนุโมทนาในเรื่องราวที่สร้างสรรค์
    และทำให้สิ่งที่ธรรมดากลายเป็นสิ่งไม่ธรรมดา
    และทำให้สิ่งที่คนคิดว่าไม่ธรรมดาเป็นสิ่งที่ธรรมดา
    ทำให้สิ่งดีๆ เป็นเรื่องปกติของชีวิต
    มันเป็นธรรมดาที่สุดยอดของธรรมดาเลยทีเดียว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 มกราคม 2009
  13. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    อนุโมทนากับคุณไอยด้วยครับ ที่นำเรื่องราวดีๆมาเล่าสู่กันฟัง

    คนส่วนใหญ่ก็เป็นคนรวยกันทั้งนั้น แต่รวยกิเลสรวยความอยาก อยากได้โน่นอยากได้นี่ไม่มีจบสิ้น หายากมากครับที่เป็นคนรวยน้ำใจ แต่ไม่ใช่หาไม่ได้เพียงแต่ยังเป็นชนกลุ่มน้อยอยู่
     
  14. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    Forward Mail

    <TT>"บะหมี่หนึ่งชาม" </TT>

    <TT>เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว.. วันที่ 31 ธันวาคม </TT>
    <TT>ซึ่งเป็นวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ร้านบะหมี่ "ฮอกไก" บนถนนซัปโปโร..</TT>
    <TT>การกินบะหมี่โซบะ ในคืนวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั้น</TT>
    <TT>เป็นประเพณีของชาวญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้เอง"ร้านฮอกไก" นี้ก็เช่นกัน </TT>
    <TT>ในวันนี้คนแน่นร้านแทบทั้งวัน จนกระทั่งถึงเวลา 22.00 น. คนก็เริ่มน้อยลง</TT>
    <TT>โดยปกติแล้วบนถนนสายนี้ คนจะแน่นขนัดไปจนถึงเช้าตรู่</TT>
    <TT>แต่วันนี้ทุกคนจะต้องรีบกลับบ้านเพื่อไปต้อนรับปีใหม่กัน</TT>
    <TT>ดังนั้นถนนสายนี้จึงปิดร้านเร็วกว่าปกติ</TT>

    <TT>เถ้าแก่ของร้าน "ฮอกไก" เป็นคนซื่อ และเถ้าแก่เนี้ยก็เป็นคนอัธยาศัยใจคอดี</TT>
    <TT>ในคืนวันส่งท้ายปีเก่า พอลูกค้าคนสุดท้ายกลับไป</TT>
    <TT>ในขณะเถ้าแก่เนี้ยก็จะปิดร้าน ประตูร้านก็ถูกเปิดออกอย่างเบาๆ</TT>
    <TT>มีผู้หญิงคนหนึ่งพาเด็กชายสองคน</TT>
    <TT>คนหนึ่งประมาณ 6 ขวบ กับอีกคนหนึ่งประมาณ 10 ขวบเข้ามาในร้าน</TT>
    <TT>เด็กชายทั้งสองคน สวมชุดกีฬาใหม่เอี่ยมเหมือนกันทั้งสองคน</TT>
    <TT>ส่วนหญิงคนนั้นสวมโอเวอร์โค้ทลายสก๊อตเก่าๆ เชย ๆ</TT>

    <TT>"เชิญนั่งครับ" เถ้าแก่ร้องทักทายออกมา</TT>
    <TT>หญิงคนนั้นเอ่ยปากอย่างขลาดกลัวว่า "ขอบะหมี่น้ำสักชามได้ไหมคะ"</TT>
    <TT>เด็กชายสองคนที่อยู่ข้างหลัง สบตากันอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก</TT>

    <TT>"ได้ค่ะ ได้ค่ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะค่ะ เชิญนั่งก่อนค่ะ"</TT>

    <TT>เถ้าแก่เนี้ยพาพวกเขาไปนั่งที่โต๊ะเบอร์สองชิดกำแพง</TT>
    <TT>แล้วตะโกนบอกไปทางห้องครัวว่า "บะหมี่น้ำหนึ่งชาม"</TT>

    <TT>บะหมี่หนึ่งชามมีบะหมี่แค่หนึ่งก้อน เถ้าแก่คิดแล้ว</TT>
    <TT>ก็ใส่บะหมี่เพิ่มไปอีกครึ่งก้อน ต้มบะหมี่ได้ชามเบ้อเริ่ม</TT>

    <TT>ทั้งเถ้าแก่เนี้ยและสามแม่ลูกต่างก็ไม่รู้เรื่อง</TT>
    <TT>สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่กินกันอย่างเอร็ดอร่อย</TT>
    <TT>กินพลางพูดพลาง "ทานเถอะครับ" ลูกคนพี่พูด</TT>
    <TT>"แม่ทานหน่อยสิครับ" ลูกคนน้องพูดไปก็คีบบะหมี่ให้แม่กิน</TT>
    <TT>ไม่นานก็กินบะหมี่หมดชาม จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน</TT>
    <TT>แล้วทั้งสามคนก็ชมว่า </TT>
    <TT>"ขอบคุณมากค่ะ(ครับ) บะหมี่อร่อยมากค่ะ(ครับ)" </TT>
    <TT>พร้อมกับค้อมตัวเล็กน้อยแล้วลาจากไป</TT>

    <TT>"ขอบคุณมากค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)"</TT>
    <TT>ทั้งเถ้าแก่และเถ้าแก่เนี้ยต่างก็กล่าวขอบคุณ</TT>

    <TT>ทำงานไปวันแล้ววันเล่ายุ่งตั้งแต่เช้าจรดเย็นและแล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งปี</TT>
    <TT>วันที่ 31 ธันวาคมก็เวียนมาครบรอบอีกครั้งหนึ่ง ในวันส่งท้ายปีเก่า</TT>
    <TT>ร้านบะหมี่ "ฮอกไก" ก็ยังคงขายดี และดูเหมือนจะขายดีกว่าปีที่ผ่านมา</TT>

    <TT>สองตายายยังคงยุ่งวุ่นวายอยู่กับการค้าขาย และแล้ววันที่วุ่นวายก็จบสิ้นลง</TT>
    <TT>เวลา 22.00 น.กว่า ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะปิดร้านอยู่นั้น</TT>
    <TT>ประตูร้านก็ถูกผลักออกเบาๆ</TT>

    <TT>ผู้ที่เข้ามาก็คือ หญิงวัยกลางคนกับเด็กชายสองคน</TT>
    <TT>พอเห็นเสื้อโอเวอร์โค้ทที่เก่าและเชย </TT>
    <TT>เถ้าแก่เนี้ยก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นลูกค้าคนสุดท้าย</TT>
    <TT>ในวันส่งท้ายปีเก่าของปีที่แล้วนั่นเอง</TT>

    <TT>"ขอบะหมี่น้ำหนึ่งชามได้มั๊ยค่ะ"</TT>
    <TT>"ได้ค่ะ ได้ค่ะ เชิญนั่งตามสบายนะคะ"</TT>

    <TT>เถ้าแก่เนี้ยนำพวกเขาไปนั่งที่เดิม ที่เคยนั่งเมื่อปีที่แล้ว</TT>
    <TT>โต๊ะเบอร์สอง ตะโกนไปพลางว่า "บะหมี่น้ำหนึ่งชาม"</TT>

    <TT>เถ้าแก่รับคำพลาง จุดเตาที่เพิ่งจะดับไปพลาง</TT>
    <TT>"ได้ครับ บะหมี่น้ำหนึ่งชาม"</TT>

    <TT>เถ้าแก่เนี้ยแอบไปพูดที่ข้างหูของเถ้าแก่ว่า</TT>
    <TT>"นี่ตาแก่ ต้มบะหมี่ให้พวกเขาสามชามไม่ได้หรือ"</TT>
    <TT>"ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นจะทำให้พวกเขาอาย</TT><TT>และไม่สบายใจได้รู้มั๊ย" </TT>
    <TT>สามีตอบพลาง</TT><TT>แล้วโยนบะหมี่อีกครึ่งก้อน ลงไปในหม้อที่น้ำกำลังเดือดพล่าน</TT>

    <TT>เดินไปยืนข้างภรรยาแล้วก็ยิ้ม ภรรยาก็พูดขึ้นว่า</TT>
    <TT>"เห็นเธอซื่อ ๆ ทึ่มๆ ไม่นึกเลยว่าจิตใจก็ดีเหมือนกันนะ"</TT>

    <TT>ฝ่ายสามีเดินไปตักบะหมี่ชามใหญ่ ที่กลิ่นหอมชวนกินชามนั้น</TT>
    <TT>แล้วให้ภรรยายกไปให้สามแม่ลูก</TT>

    <TT>สามแม่ลูกนั่งล้อมชามบะหมี่ กินไปพลางคุยไปพลาง</TT>

    <TT>เสียงคุยของสามแม่ลูกดังถึงหูของตายาย </TT>
    <TT>"หอมจังเลย..ยอดไปเลย..อร่อยจริงๆ "</TT>

    <TT>"ปีนี้สามารถกินบะหมี่ของร้านฮอกไกได้ นับว่าไม่เลวทีเดียว"</TT>
    <TT>"ถ้าปีหน้าสามารถมากินได้อีกก็ดีนะสิ"</TT>
    <TT>กินเสร็จก็จ่ายเงินไปหนึ่งร้อยห้าสิบเยน </TT>
    <TT>แล้วสามแม่ลูกก็เดินออกจากร้านฮอกไกไป</TT>

    <TT>"ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)"</TT>
    <TT>มองตามหลังสามแม่ลูกจนลับหายไป</TT>

    <TT>สองตายายก็ยกเรื่องสามแม่ลูกมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกไปได้ระยะหนึ่ง</TT>

    <TT>ในวันสิ้นปีของสามปีมานี้ กิจการของร้านฮอกไกดีมาก </TT>
    <TT>สองตายายต่างก็ยุ่งจนไม่มีเวลาคุยกัน แต่พอเลย 21.00 น.ไปแล้ว</TT>
    <TT>สองตายายก็เริ่มกระวนกระวายใจขึ้นมา พอถึง 22.00 น.</TT>
    <TT>พนักงานในร้านต่างก็รับอั้งเปา แล้วก็แยกย้ายกันกลับไป</TT>

    <TT>พอคนกลับไปหมดแล้ว เจ้าของร้านทั้งสองก็ช่วยกันเอาป้ายราคาบะหมี่ในร้าน</TT>
    <TT>ที่เขียนไว้ว่า "บะหมี่ชามละสองร้อยเยน" ที่แขวนไว้ตามผนังทั้งหมด </TT>
    <TT>พลิกกลับหลัง แล้วช่วยกันเขียนใหม่ว่า "บะหมี่ชามละร้อยห้าสิบเยน"</TT>
    <TT>30 นาทีก่อน เถ้าแก่เนี้ยก็เอาป้าย "จองแล้ว" ไปวางไว้บนโต๊ะเบอร์สอง</TT>
    <TT>เหมือนกับว่า จะมีเจตนารอแขก ที่ลูกค้าออกจากร้านไปหมดแล้ว</TT>
    <TT>ถึงจะมาอย่างนั้นแหละ</TT>

    <TT>เวลา 22.30 น. ในที่สุดสามแม่ลูกก็ปรากฏตัวขึ้น</TT>
    <TT>พี่ชายสวมเครื่องแบบมัธยมของรัฐแห่งหนึ่ง </TT>
    <TT>น้องชายสวมเสื้อแจ๊คเก็ทที่พี่ชายสวมเมื่อปีก่อน</TT>
    <TT>ดูหลวมและไม่พอดีตัว เด็กทั้งสองคนโตขึ้นมาก</TT>
    <TT>ส่วนผู้เป็นแม่ก็ยังคงสวมเสื้อโค้ทลายสก๊อต</TT>
    <TT>ที่ทั้งเก่าและเชยแถมสีซีดตัวเดิม</TT>

    <TT>"เชิญค่ะ เชิญค่ะ" เถ้าแก่เนี้ยกล่าวทักทายอย่างมีน้ำใจ</TT>

    <TT>มองใบหน้าอันยิ้มแย้ม และท่าทางต้อนรับอย่างเต็มที่ของเถ้าแก่เนี้ย</TT>
    <TT>ทำให้ผู้เป็นแม่นั้น เปล่งคำพูดออกมาอย่างงกงกเงิ่นเงิ่นว่า</TT>
    <TT>"รบกวนช่วยทำบะหมี่น้ำให้สักสองชามได้ไหมค่ะ"</TT>

    <TT>"ได้ค่ะ เชิญนั่งทางนี้ค่ะ"</TT>
    <TT>เถ้าแก่เนี้ยนำแม่ลูกไปนั่งยังโต๊ะเบอร์สองแล้วรีบเอาป้าย"จองแล้ว" ออก</TT>
    <TT>เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วตะโกนบอกไปทางครัวว่า "บะหมี่น้ำสองชาม"</TT>

    <TT>"ได้ครับ บะหมี่น้ำสองชามได้เดี๋ยวนี้แหละครับ"</TT>
    <TT>เถ้าแก่พลางตอบ พลางโยนบะหมี่ลงไปในหม้อน้ำสามก้อน</TT>

    <TT>สามแม่ลูกกินไปพูดไป ดูแล้วเหมือนมีความสุขกันมาก</TT>

    <TT>สองสามีภรรยาที่ยืนอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่ </TT>
    <TT>ได้รับรู้ถึงความสุขที่พวกเขาได้รับกัน</TT>
    <TT>ในใจก็พลอยเบิกบานไปด้วย</TT>

    <TT>"ลูกรัก วันนี้แม่ต้องขอบคุณลูกๆ เป็นอย่างมาก"</TT>
    <TT>"ขอบคุณ ?" </TT>
    <TT>"ทำไมครับ"</TT>

    <TT>"เรื่องเป็นอย่างนี้</TT>
    <TT>คือคุณพ่อของลูกที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตไป</TT>
    <TT>ได้ทำให้คนอีกแปดคนได้รับบาดเจ็บ</TT>
    <TT>และทางบริษัทประกันก็ไม่รับผิดชอบในส่วนนั้น</TT>
    <TT>ในช่วงหลายปีมานี่ทำให้เราต้องจ่ายเงิน</TT>
    <TT>เดือนละห้าหมื่นเยนทุกเดือน"</TT>
    <TT>"เอ๊ะ เรื่องนี้เราก็ทราบกันอยู่แล้วนี่ครับ" ผู้เป็นพี่ตอบ</TT>

    <TT>ส่วนเถ้าแก่เนี้ยได้แต่ตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ อยู่หลังโต๊ะทำอาหาร</TT>

    <TT>"แต่เดิมนั้น เราต้องชำระหนี้ไปจนถึงปีหน้าเดือนมีนาคม</TT>
    <TT>แต่ตอนนี้เราได้ชำระหนี้ไปหมดแล้ว"</TT>
    <TT>"จริง ๆ หรือครับแม่"</TT>
    <TT>"จริงสิจ๊ะ นี่เป็นเพราะว่าพี่ชายของลูกขยันไปส่งหนังสือพิมพ์ </TT>
    <TT>ส่วนตัวลูกเองก็ช่วยแม่ซื้อกับข้าวทำอาหาร</TT>
    <TT>ทำให้แม่ไปทำงานได้อย่างเต็มที่ ทางบริษัทจึงได้ให้เงินเบี้ยขยัน</TT>
    <TT>พร้อมทั้งเงินโบนัสพิเศษอื่นๆ อีก จึงทำให้วันนี้สามารถชำระในส่วนที่เหลือได้หมด"</TT>
    <TT>"ว้าว แม่ครับ พี่ครับ อย่างนี้ก็วิเศษสิครับ </TT>
    <TT>แต่ว่าต่อไปขอให้ผมได้ช่วยทำอาหารต่อไปเถอะนะครับ"</TT>
    <TT>"ผมก็จะส่งหนังสือพิมพ์ต่อนะครับ ไอ้น้องชาย </TT>
    <TT>เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันสู้หน่อยแล้วนะ"</TT>
    <TT>"ขอบใจลูกทั้งสองมาก ขอบใจจริง ๆ "</TT>

    <TT>"แม่ครับผมกับน้องก็มีความลับจะบอกกับแม่เหมือนกันครับ คือ</TT>
    <TT>ในวันอาทิตย์วันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน</TT>
    <TT>โรงเรียนของน้องได้แจ้งให้ผู้ปกครอง</TT>
    <TT>ไปเยี่ยมชมนักเรียนในห้องเรียนในวันพบผู้ปกครอง</TT>
    <TT>คุณครูของน้องยังได้แนบจดหมายมาอีกหนึ่งฉบับว่า</TT>
    <TT>เรียงความของน้องได้ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของฮอกไกโด</TT>
    <TT>เพื่อไปแข่งขันเรียงความทั่วประเทศ</TT>

    <TT>นี่ผมได้ยินมาจากเพื่อนๆ ของน้องนะครับผมถึงทราบ</TT>
    <TT>ดังนั้น ในวันนั้นผมจึงไปเป็นตัวแทนแม่</TT>
    <TT>ไปร่วมในงานวันพบผู้ปกครองของน้อง"</TT>
    <TT>"จริงหรือลูกแล้วต่อมาล่ะ"</TT>

    <TT>"หัวข้อที่คุณครูให้เรียงความคือ "ความปรารถนาของข้าพเจ้า"</TT>

    <TT>น้องได้เอาเรื่องของบะหมี่น้ำหนึ่งชามมาเขียนเป็นเรียงความ</TT>
    <TT>แล้วยังได้อ่านต่อหน้าทุกคนด้วย"</TT>

    <TT>"เรียงความเขียนว่า..หลังจากที่คุณพ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว</TT>
    <TT>ได้ทิ้งหนี้สินให้เรามากมาย เพื่อที่จะชำระหนี้</TT>
    <TT>คุณแม่ต้องทำงานดึกดื่นหามรุ่งหามค่ำทุกวัน</TT>
    <TT>แม้แต่เรื่องของผมที่ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์</TT>
    <TT>น้องก็ยังเอาไปเขียนเลย"</TT>
    <TT>"ยังมีอีก...น้องยังเขียนถึงในคืนวันที่ 31 ธันวาคม</TT>
    <TT>พวกเราสามคนแม่ลูกได้มาล้อมวงกัน กินบะหมี่น้ำอร่อยมาก..</TT>
    <TT>สามคนกินบะหมี่น้ำแค่ชามเดียว</TT>
    <TT>คุณตาคุณยายเจ้าของร้านยังกล่าวขอบคุณพวกเราอีก</TT>
    <TT>แล้วยังอวยพรวันปีใหม่ให้พวกเราอีก</TT>
    <TT>เสียงเหล่านั้นเหมือนกับว่า</TT>
    <TT>ให้กำลังใจให้เข้มแข็งที่จะยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อไป</TT>
    <TT>พยายามปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหลายของคุณพ่อให้หมดให้เร็วที่สุด... "</TT>

    <TT>"ด้วยเหตุนี้ น้องจึงได้ตัดสินใจว่า โตขึ้นน้องจะเปิดกิจการร้านบะหมี่</TT>
    <TT>แล้วจะต้องเป็นเจ้าของร้านบะหมี่ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย</TT>
    <TT>แล้วยังจะให้กำลังใจแก่ลูกค้าทุกคน..</TT>
    <TT>ขอให้มีความสุขครับ..</TT>
    <TT>ขอบคุณครับ.. "</TT>

    <TT>สองตายายเจ้าของร้านบะหมี่ที่ยืนฟังอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่ </TT>
    <TT>จู่ๆ ก็หายตัวไป </TT>
    <TT>พวกเขาไม่ได้หายไปไหนเลย...เพียงแต่คุกเข่ากันอยู่ใต้โต๊ะ</TT>
    <TT>ในมือถือปลายผ้าขนหนูกันคนละข้าง พยายามซับน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด</TT>
    <TT>เหมือนทำนบพังนั้นอย่างไม่ลดละ</TT>

    <TT>"พอน้องอ่านเรียงความจบ</TT>
    <TT>คุณครูก็พูดว่า วันนี้พี่ชายได้มาเป็นตัวแทนของคุณแม่</TT>
    <TT>ดังนั้นขอเชิญพี่ชายขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ"</TT>
    <TT>"จริงหรือลูก แล้วลูกทำอย่างไรล่ะ"</TT>

    <TT>"ก็มันกระทันหันเกินไป</TT>
    <TT>ตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี</TT>
    <TT>ผมจึงพูดว่า..ขอบคุณทุกคนที่เอาใจใส่น้องผมเป็นอย่างดี</TT>
    <TT>น้องผมต้องไปจ่ายตลาด ซื้อกับข้าวกลับมาหุงหาอาหารทุกวัน</TT>

    <TT>ดังนั้นในเวลาที่เพื่อนๆ ทุกคนมีกิจกรรมกันในตอนเย็น</TT>
    <TT>ก็มักจะอยู่ร่วมกิจกรรมต่างๆ ไม่ได้ เพราะต้องรีบกลับบ้าน</TT>
    <TT>เมื่อเป็นอย่างนี้คงจะทำให้ทุกคนวุ่นวายกันพอสมควร..</TT>
    <TT>เมื่อครู่นี้ตอนที่ได้ยินน้องอ่านเรียงความ</TT>
    <TT>เรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชาม ผมรู้สึกอายมาก</TT>
    <TT>แต่พอได้เห็นน้องยืดอก </TT>
    <TT>อ่านเรียงความเรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชามด้วยเสียงอันดังนั้นจนจบ</TT>
    <TT>ถึงได้รู้สึกว่า ความรู้สึกอายเมื่อสักครู่นี้ ถึงจะเรียกว่าเป็นความอายจริงๆ </TT>
    <TT>..หลายปีมานี้ </TT><TT>ความกล้าของคุณแม่ที่จะสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชาม </TT>
    <TT>เพื่อกินกันสามคนนั้น </TT><TT>ผมกับน้องจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด </TT>
    <TT>ผมและน้องจะต้องขยัน </TT><TT>และดูแลแม่เป็นอย่างดี</TT>

    <TT>และผมขอฝากน้องของผมให้ทุกคนช่วยดูแลด้วยครับ"</TT>

    <TT>สามแม่ลูกกุมมือกันเงียบๆ ตบไหล่</TT>
    <TT>กินบะหมี่หมดอย่างมีความสุขกว่าทุกๆ ปี</TT>
    <TT>จ่ายเงินไปสามร้อยเยน</TT>
    <TT>กล่าวขอบคุณ</TT>
    <TT>ค้อมตัวลงเคารพและเดินออกจากร้านไป</TT>
    <TT>มองตามหลังสามแม่ลูกไป</TT>
    <TT>เจ้าของร้านจึงได้รู้สึกว่า ปีนี้ได้ผ่านไปแล้วจริงๆ</TT>
    <TT>พร้อมกับกล่าวว่า</TT>
    <TT>"ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)"</TT>

    <TT>และแล้วก็ผ่านไปอีกปีหนึ่ง</TT>
    <TT>พอถึงเวลา 21.00 น.</TT>
    <TT>ทางร้านฮอกไกก็วางป้าย</TT>
    <TT>"โต๊ะจอง" ไว้บนโต๊ะเบอร์สอง</TT>

    <TT>และเฝ้ารอคอยการมาเยือนของสามแม่ลูกเช่นเคย</TT>
    <TT>แต่ในปีนั้นสามคนแม่ลูกไม่ได้มาปรากฏตัวที่ร้านเลย</TT>
    <TT>ปีที่สอง.. ปีที่สาม..โต๊ะเบอร์สองก็ยังคงว่างอยู่เช่นเดิม</TT>
    <TT>สามแม่ลูกไม่ได้มาที่ร้านฮอกไกอีกเลย</TT>

    <TT>กิจการของร้านฮอกไกดีมาก เรียกว่าดีวันดีคืนเลยทีเดียว</TT>
    <TT>ภายในร้านมีการตกแต่งใหม่ โต๊ะเก้าอี้ก็มีการเปลี่ยนใหม่</TT>
    <TT>จะมีก็แต่โต๊ะเบอร์สองที่เก็บรักษาไว้เหมือนเดิม</TT>
    <TT>"นี่มันเรื่องอะไรกัน"</TT>
    <TT>ลูกค้าหลายคนต่างก็ถามด้วยความกังขา</TT>
    <TT>เถ้าแก่เนี้ยก็เลยเล่าเรื่องบะหมี่หนึ่งชามให้แก่ลูกค้าฟัง</TT>
    <TT>โต๊ะเก่าตัวนั้น...วางอยู่กลางร้านเหมือนกับว่า</TT>
    <TT>เป็นการให้กำลังใจตัวเองอย่างหนึ่ง</TT>
    <TT>และก้อไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่ง ลูกค้าทั้งสามอาจจะกลับมาอีก</TT>

    <TT>พวกเขาหวังว่าจะใช้โต๊ะเก่าตัวนั้น ในการต้อนรับลูกค้าทั้งสามของเขา</TT>
    <TT>โต๊ะเบอร์สองตัวนั้นเปลี่ยนเป็นชื่อว่า "โต๊ะแห่งความสุข" </TT>
    <TT>ลูกค้าต่างก็พูดต่อๆ กันไป</TT>
    <TT>มีนักเรียนหลายคนอยากเห็นโต๊ะตัวนี้ </TT>
    <TT>ถึงขนาดที่ว่านั่งรถมาจากที่ไกลแสนไกลมากินบะหมี่</TT>
    <TT>และเจาะจงที่จะนั่งโต๊ะตัวนี้ </TT>
    <TT>ผ่านวันที่ 31 ธันวาคม ไปอีกหลายๆ ปี</TT>
    <TT>เจ้าของร้านค้าในละแวกใกล้เคียงร้านฮอกไก พอถึงวันสิ้นปี</TT>
    <TT>หลังจากปิดร้านแล้วก็มักจะมารวมตัวฉลอง โดยการกินบะหมี่ที่ร้านฮอกไก</TT>
    <TT>กินไปพลาง ... ก็รอเสียงระฆังส่งท้ายวันสิ้นปีเก่าไปพลาง</TT>
    <TT>แล้วทุกคนก็ไปวัดเพื่อไหว้พระด้วยกัน เป็นธรรมเนียมมา 5-6 ปีแล้ว </TT>

    <TT>ในวันนี้ พอเลยเวลา 21.30 น.ไปแล้ว เจ้าของร้านขายปลามาถึงก่อน</TT>
    <TT>พร้อมทั้งนำซาซิมิมาด้วย ต่อจากนั้นก็มีคนมาเรื่อยๆ เป็นระยะ</TT>
    <TT>บ้างก็เอาเหล้ามา บ้างก็เอาอาหารกับแกล้มมา</TT>

    <TT>ปกติแล้วก็จะรวมตัวกันได้ประมาณ 30-40 คน</TT>
    <TT>ต่างก็คึกคักกันมาก ทุกคนที่มานั้น ต่างก็รู้ตำนานเกี่ยวกับโต๊ะเบอร์สอง</TT>
    <TT>ทุกคนก็พยายามไม่เอ่ยถึงมัน แต่ในใจต่างก็คิดกันว่า</TT>
    <TT>วันนี้ "โต๊ะจอง" ตัวนั้นไม่มีคนที่พวกเขาเฝ้ารอมานั่ง</TT>
    <TT>มันคงจะว่างเปล่าเพื่อส่งท้ายปีเก่าอีกเช่นเดิม</TT>

    <TT>พวกเขาบ้างก็กินเหล้า บ้างก็กินบะหมี่ บ้างก็เข้า ๆ ออก ๆ</TT>
    <TT>พอเตรียมกับข้าวกับแกล้ม ต่างก็กินกันไปคุยกันไป</TT>
    <TT>พูดเรื่องการค้าบ้าง คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ แม้แต่น้ำทะเลขึ้นลง</TT>
    <TT>ในระยะนี้บ้านไหนมีเด็กเกิดใหม่ ก็นำมาพูดคุยในวงสนทนา</TT>
    <TT>คุยมันทุก ๆ เรื่องจนเหมือนกับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน </TT>
    <TT>เวลาผ่านไปจนถึงเวลา 22.30 น.</TT>

    <TT>ทันใดนั้นเองประตูร้านก็ถูกผลักออกเบาๆ ทุกคนในร้านหยุดพูดคุยกัน</TT>
    <TT>สายตาทุกคู่มองตรงไปยังประตูร้าน</TT>
    <TT>ชายหนุ่มสองคนยืนสง่าในชุดสูทสากล</TT>
    <TT>พาดโอเวอร์โค้ทไว้บนแขน</TT>

    <TT>พอเห็นว่าผู้ที่มาเป็นใคร</TT>
    <TT>ทุกคนก็รู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลง</TT>
    <TT>และเริ่มสนทนากันต่อไปอย่างคึกคัก</TT>

    <TT>ในขณะที่เถ้าแก่เนี้ยกำลังจะพูดว่า</TT>
    <TT>"ขอโทษค่ะ ที่นั่งเต็มหมดแล้วค่ะ"</TT>
    <TT>เพื่อปฏิเสธลูกค้าที่ไม่ได้รับเชิญอยู่นั้น</TT>
    <TT>ก็มีหญิงคนหนึ่งสวมชุดกิโมโนเดินเข้ามา</TT>
    <TT>ยืนระหว่างกลางของชายหนุ่มทั้งสองคน</TT>
    <TT>ทุกคนในร้านแทบจะหยุดหายใจ</TT>
    <TT>เมื่อได้ยินคุณนายผู้นั้นพูดว่า</TT>
    <TT>"เอ้อ..รบกวนช่วยทำบะหมี่ให้สามชามได้ไหมคะ"</TT>

    <TT>ทันทีที่เถ้าแก่เนี้ยได้ยิน สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที</TT>
    <TT>เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ภาพของสามแม่ลูกในความทรงจำ</TT>
    <TT>กับภาพของสามแม่ลูกตรงหน้า </TT>
    <TT>เธอพยายามจะนำทั้งสองภาพมาวางซ้อนกัน</TT>
    <TT>เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ที่โต๊ะทำบะหมี่ ชี้นิ้วไปยังทั้งสามแม่ลูก</TT>
    <TT>"พวกคุณ ..พวกคุณ" เขาพูดได้เพียงแค่นั้น</TT>
    <TT>คำพูดทุกคำจุกอยู่ที่คอ</TT>

    <TT>ชายหนุ่มหนึ่งในสองคนเห็นท่าทีของเถ้าแก่เนี้ย</TT>
    <TT>ที่ทำอะไรไม่ถูกก็เลยพูดกับเถ้าแก่เนี้ยว่า</TT>
    <TT>"พวกเราสามคนแม่ลูก ที่เมื่อสิบสี่ปีก่อนในวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่</TT>
    <TT>มาสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชามทานกันสามคนไงครับ และพวกเราก็ได้รับกำลังใจจากบะหมี่น้ำชามนั้น</TT>
    <TT>พวกเราจึงได้สามารถยืนหยัดมาถึงวันนี้ได้"</TT>

    <TT>"หลังจากนั้นเราก็อพยพครอบครัว ไปอาศัยอยู่กับยายที่อำเภอชิกะ</TT>
    <TT>ปีนี้ผมสอบผ่านได้เป็นนายแพทย์แล้ว ตอนนี้ผมเป็นแพทย์ฝึกหัด แผนกกุมารเวชที่โรงพยาบาลเกียวโต</TT>
    <TT>ปีหน้าเดือนเมษายน ก็จะย้ายมาประจำโรงพยาบาลกลางของซัปโปโรแล้ว"</TT>

    <TT>"วันนี้พวกเราก็เลยแวะมาที่โรงพยาบาล เพื่อทำความรู้จักและฝากเนื้อฝากตัว</TT>
    <TT>แล้วเลยไปไหว้สุสานของคุณพ่อ</TT>

    <TT>และน้องชายที่ครั้งหนึ่งเคยใฝ่ฝันว่า จะเป็นเจ้าของกิจการร้านบะหมี่นั้น</TT>
    <TT>ขณะนี้ได้ทำงานในธนาคารเกียวโต ได้เสนอความคิดที่เริดเรออย่างหนึ่งก็คือ</TT>
    <TT>ปีนี้ในวันส่งท้ายปีเก่า พวกเราสามคนแม่ลูก</TT>
    <TT>จะมาเยี่ยมคารวะเจ้าของร้านบะหมี่ฮอกไกที่ซัปโปโร</TT>
    <TT>และทานบะหมี่น้ำสามชามของร้านฮอกไกด้วย"</TT>

    <TT>สองตายายฟังไปพลาง พยักหน้าไปพลางด้วยน้ำตาคลอเบ้า</TT>

    <TT>เถ้าแก่ร้านขายผักที่นั่งอยู่ตรงหน้าประตู พยายามใช้แรงอย่างเต็มที่</TT>
    <TT>ที่จะกลืนบะหมี่คำที่คาอยู่ในปากลงไปในคอ แล้วลุกขึ้นยืนพูดว่า</TT>

    <TT>"อ้าว...เถ้าแก่..เป็นอะไรไปล่ะ อุตสาห์เตรียมการมาตลอดสิบปี เพื่อเฝ้าคอยวันนี้</TT>
    <TT>"โต๊ะจอง" ตัวนั้นไง ที่พวกเถ้าแก่จองให้ลูกค้า</TT>
    <TT>ที่จะมาตอนหลังสิบโมงของคืนวันสิ้นปีไง</TT>
    <TT>รีบ ๆ ต้อนรับพวกเขาสิ เร็วเข้า"</TT>

    <TT>ในที่สุดเถ้าแก่เนี้ยก็ได้สติ</TT>
    <TT>ตบไหล่ของเถ้าแก่ร้านขายผัก แล้วพูดว่า</TT>
    <TT>"ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญนั่งข้างในค่ะ.. </TT>
    <TT>นี่ตาเฒ่า บะหมี่น้ำสามชามโต๊ะสอง"</TT>
    <TT>เถ้าแก่ที่ยืนตะลึงอยู่ก็รีบปาดน้ำตาแล้วรับคำว่า</TT>
    <TT>"ครับ..บะหมี่น้ำสามชาม"</TT>

    <TT>หากดูกันตามจริงแล้ว สิ่งที่เถ้าแก่ร้านบะหมี่ทั้งสองได้ให้ไป</TT>
    <TT>มันไม่ได้มีค่ามากมายอะไรเลย</TT>

    <TT>มันเป็นแค่เพียงบะหมี่ไม่กี่ก้อน</TT>
    <TT>คำพูดที่จริงใจและให้กำลังใจเพียงไม่กี่คำ</TT>
    <TT>รวมทั้งคำอวยพรว่า "ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)" ก็เท่านั้นเอง</TT>

    <TT>แต่มันกลับให้ผู้ที่ถูกความจริงอันโหดร้าย บีบให้จมอยู่ในสถานการณ์คับขับ</TT>
    <TT>ได้สามารถกลับมามีชีวิตอีกครั้ง...</TT>

    <TT>เรื่องนี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าพยายามมองข้ามตัวเอง</TT>
    <TT>ตัวเราเองสามารถมีอิทธิพลต่อสิ่งแวดล้อมให้น่าอยู่ได้</TT>
    <TT>บางทีมันอาจจะเป็นแค่เพียงความใส่ใจ</TT>
    <TT>ความห่วงใยอันจริงใจของคุณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น</TT>
    <TT>ก็สามารถนำพาเอาแสงสว่างอันเจิดจรัส</TT>
    <TT>อย่างไม่ม??ขีดจำกัดมาสู่โลกได้</TT>
    <TT>ด้วยเหตุนี้ ความหวัง ความใฝ่ฝันที่แรงกล้าของพวกเรา</TT>
    <TT>เพื่อนพ้องทั้งหลาย อย่ามัวเห็นแก่ตัวกัน หรือเสียดายมันอยู่เลย</TT>

    <TT>หวังว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไป </TT>
    <TT>พวกเราจะสามารถมอบหัวใจแห่งความรักและความเมตตา</TT>
    <TT>ที่เราอัดเก็บไว้ในใจมาเป็นเวลานานแสนนานนั้น </TT>
    <TT>มอบให้กับคนอื่นด้วยความเต็มใจ</TT>
    <TT>จุดประกายแห่งความสว่างแก่โลก ถึงแม้จะเป็นแสงเพียงริบหรี่เท่านั้น</TT>

    <TT>แต่สำหรับคืนอันหนาวเหน็บอันเย็นยะเยือกของฤดูหนาว </TT>
    <TT>มันเป็นประกายแห่งความอบอุ่น</TT>
    <TT>และแสงสว่างอันสุกสกาวจริงๆ .....</TT>

    <TT>เรื่องนี้ตอนที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่น </TT>
    <TT>ทำให้คนญี่ปุ่นรู้สึกประทับใจมานับไม่ถ้วนแล้ว</TT>
    <TT>ดังนั้นจึงมีคนพูดกันว่า</TT>
    <TT>"ใครที่อ่านเรื่องนี้แล้ว ไม่มีใครเลยที่จะไม่หลั่งน้ำตาให้"</TT>

    <TT>ถึงแม้คำพูดนี้ออกจะเกินจริงไปบ้าง แต่ก็มีคนจำนวนมาก </TT>
    <TT>ที่ได้อ่านนิทานเรื่องนี้แล้ว</TT><TT>รู้สึกประทับใจจริงๆ </TT>
    <TT>จนน้ำตาร่วง และน้ำตาที่ร่วงรินเหล่านั้น</TT>
    <TT>มันไม่ใช่น้ำตาจากความรันทดใจ แต่เป็นน้ำตาที่หลั่งให้แก่ความประทับใจ</TT>
    <TT>ต่อความห่วงใยอย่างจริงใจ และน้ำใจไมตรีอันกว้างขวาง</TT>
    <TT>ที่มอบให้แก่เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน.......</TT>
     
  15. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    เหตุการณ์จากชีวิตจริงของนักธุรกิจหญิงผู้หนึ่ง

    คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง
    ผู้เขียนหนังสือ "เข็มทิศชีวิต"
    ซึ่งในปัจจุบันเธอเปลี่ยนบทบาทจากนักธุรกิจ มาเป็นนักปฏิบัติธรรม
    ให้กำลังใจและชี้นำหนทางให้แก่ผู้ที่มีปัญหา

    เธอเล่าประสบการณ์ของตัวเองที่ได้ใช้ปัญญานำทางยามชีวิต
    ประสบวิกฤตว่า หลังจากสามีเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุอย่างกระทันหัน
    ซึ่งทำให้เธอทุกข์ใจอย่างมาก แต่ต้องมารับภาระหนี้สินของ
    ครอบครัวกว่าร้อยล้านจากการประกอบธุรกิจ
     
  16. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ในงานศพสามี เจ้าหนี้นับสิบรายมารอทวงทรัพย์สิน
    คุณฐิตินาถเครียดจัด ถึงขั้นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ
    ไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร เวลานั้นมิตรผู้หวังดีต่าง
    แนะนำให้เธอรีึบเดินเข้าวัด เพื่อสงบสติอารมณ์


    คุณฐิตินาถเล่าว่า ขณะอยู่ในวัด แรกเริ่มเธอไม่มีความสงบเลย
    แม้บรรยากาศและกิจกรรมในวัดจะสงบ แต่ใจของเธอกลับ
    เจ็บปวดและฟุ้งซ่าน ความเสียใจจากการสูญเสียสามี
    และความวิตกกังวลเรื่องหนี้สินตามมารบกวนไม่หยุดหย่อน
     
  17. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    เหมือนมีดที่กรีดแทงใจทุกครั้งที่นึกถึง ขณะเดินจงกรม
    ทำสมาธิภาวนาไป ใจก็เจ็บปวด เพราะหวนคิดถึงเรื่องนี้ทุกครั้ง

    จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง จุดสำคัญที่นำความเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวง
    มาสู่ชีวิต เมื่อเธอมองเข้าไปในใจตัวเธอเองได้สำเร็จ

    เธอสังเกตเห็นว่าใจของเธอเจ็บช้ำ เพราะความคิดซ้ำ ๆ
    เกี่ยวกับหนี้สินที่ตามมารุมเร้าอยู่ไม่หยุด ทั้งที่ขณะนั้น เจ้าหนี้ทั้งหลาย
    ไม่ได้รายล้อมอยู่ข้างกายของเธออีกแล้ว ไม่มีเสียงของใครเลย
    ที่พูดเรื่องร้ายเหล่านั้นใส่หู นอกเสียจากเสียงความคิดของเธอเอง
    ที่ยังคงไปย้ำ ไปยึด ไปจับกับมันอยู่
     
  18. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    ขณะนี้ เธอเพียงแต่เดินฝึกสมาธิอยู่ในวัด ฉับพลันที่สังเกต
    ได้เช่นนั้น ทันทีทันใดเธอก็ "ปล่อยวาง" ความคิดย้ำที่คอย
    พุ่งเข้ามาซ้ำเติมใจเธอนั้นลง ทำใ้ห้เธอกลับมามีสติ สงบขึ้น
    ได้อย่างประหลาด


    หลังจากกลับจากวัดมาอยู่ที่บ้าน เธอจัดการขายทรัพย์สินต่าง ๆ
    เพื่อใช้หนี้บางส่วน โดยไม่ห่วงกังวล ไม่นั่งคิดเสียดายที่ต้อง
    ขายต่ำกว่าราคาประเมิน แม้แต่บ้านที่เคยอาศัยอยู่ร่วมกันกับสามี
    ก็ขายเหลือไว้แต่สิ่งที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งก็คือบริษัทที่ต้องใช้
    ประกอบอาชีพ
     
  19. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    จากนั้นเธอใช้บริษัทเป็นทั้งบ้านและที่ทำงาน และเิริ่มลงมือทำงาน
    อย่างขมักเขม้น


    การเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงเปลี่ยนผู้หญิงสิ้นหวัง
    หัวใจแหลกสลาย ให้กลายเป็นคนเข้มแข็งเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยน
    เธอจาก "เ้จ้านายเอาแต่ใจ" กลายเป็น "หัวหน้างานผู้ใส่ใจลูกน้อง"
    เข้าอกเข้าใจและเห็นใจผู้ร่วมงานมากขึ้นกว่าเดิม
     
  20. ดาบจันทรา

    ดาบจันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2007
    โพสต์:
    986
    ค่าพลัง:
    +1,953
    การเคยเผชิญปัญหามากมาย ทำให้เธอเข้าใจและรู้จักวิธีรับมือ
    กับความทุกข์มากขึ้น


    ด้วยการดำเนินชีวิตตามวิถีของสติปัญญา รู้จักตัดสิ่งที่ควรตัด
    ต่อสิ่งที่ควรต่อ ในที่สุดเธอก็สามารถล้างหนี้กว่าร้อยล้านได้หมด

    จากเรื่องเล่าของคุณฐิตินาถ จะ้เห็นได้ว่า เธอเปลี่ยน วิกฤตให้กลาย
    เป็นโอกาส ด้วย การเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยปัญญา อย่างแท้จริง
     

แชร์หน้านี้

Loading...