แลกเปลี่ยนประสบการณ์หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน คําสอน หรือ วัตถุมงคล พระทองคําเมืองอยุธยา

รูปหล่อและรูปเหมือน

1.รูปหล่อขนาด 5 นิ้ว รุ่นแรก
สร้างด้วยเนื้อโลหะผสมรมดำ ฐานขาโต๊ะ
จัดสร้างเมื่อปลายปี พ.ศ. 2526 โดยนายช่างชื่อจำเนียร (อู๊ด)

สร้าง 109 องค์
ที่ผ้าสังฆาฏิสลักอักขระ ฤ ฤา….ฦ ฦา…เทาะ…นะ
และที่ฐานเขียนว่า พระพุทธสโร อนุสาวก

 

2. รูปหล่อขนาด 5 นิ้ว รุ่นสอง

สร้างด้วยเนื้อโลหะผสมรมดำ ฐานเขียง จัดสร้างเมื่อปลายปี พ.ศ. 2527
โดยคณะศิษย์อยุธยาชาวหัวรอประมาณ 109 องค์ แจกกันในหมู่ศิษย์ขาวอยุธยา
และนำมาถวายให้หลวงพ่อจำนวนหนึ่งไว้ให้ประชาชนได้เช่าบูชา

 

3. รูปหล่อขนาด 1 นิ้ว รุ่นแรก

จัดสร้างเมื่อปลายปี พ.ศ.2523
เป็นรูปหลวงพ่อนั่งสมาธิ ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฏิรัดประคด
ที่สังฆาฏิมียันต์นะ จมลงไป

ฐานเขียง หน้าฐานเขียนว่า หลวงพ่อขึ้นได้ฐานมีโค้ดกงจักรตอกไว้

จำนวนสร้าง
เนื้อชินเงิน 500 องค์
เนื้อทองแดง 600 องค์
เนื้อทองเหลือง 300 องค์
เนื้อเงิน 4 องค์

(สร้างภายหลังเนื้อต่างๆ 2 เดือน เป็นที่น่าสังเกตว่าชื่อ หลวงพ่อชื้น จะหล่อไม่ติด
เพราะหลวงพ่อท่านบอกว่าท่านเป็นศิษย์ตถาคตพระพุทธองค์
มีชื่อฉายาใหม่แล้วว่า พระพุทธสโร อนุสาวกธัมวาที 2)

 

4. รูปหล่อขนาด 5 นิ้ว รุ่นสาม

สร้างด้วยเนื้อโลหะผสมรมดำ ฐานแท่นขาโต๊ะ
จัดสร้างเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2530

หลวงพ่อชื้นทำพีธีหล่อที่หน้ากุฎิของหลวงพ่อ จำนวน 199 องค์
เป็นรูปหลวงพ่อนั่งขัดสมาธิห่มจีวรลดไหล่
พาดผ้าสังฆาฎิรัดประคด มือซ้ายวางหงายอยู่บนตัก มือขวาจับหัวเข่า
เป็นรุ่น ที่ท่านพอใจมากที่สุด เมื่อเห็น บอกว่าเหมือนมาก ดี….ดี

..................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

5. รูปหล่อขนาดหน้าตัก 1 ซม. ขนาดเล็ก

สร้างเสร็จวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2530
ได้เข้าพิธีปลุกเสกพร้อมพิธีหล่อรูปเหมือนองค์ใหญ่
มีเนื้อทองคำ 15 องค์
เนื้อเงิน 109 องค์
เนื้อนวโลหะ 1250 องค์

เป็นรูปหลวงพ่อ นั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นมือซ้ายหงายพาดตัก
มือขวาจับหัวเข่าห่อจีวรลดไหล่
พาดผ้าสังฆาฏิรัดประคด ฐานด้านหน้า
เขียนว่า พระพุทธสโร อนุสาวก
ใต้ฐานตอก กงจักร

..................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

6. รูปหล่อขนาดใหญ่เท่าองค์จริง

ทำพิธีเททองที่บริเวณวัดหน้าศาลาการเปรียญ โดยหลวงพ่อ
เมื่อเวลา 9.09 น. วันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2530
เสร็จแล้วนำไปประดิษฐานที่ศาลาการเปรียญให้ประชาชนได้กราบไหว้ บูชา

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

7. รูปเหมือนหยกพม่า

ในพิธีปลุกเสกวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2530
คุณสุพจน์ โอฬารศรีสกุล เจ้าของโรงงานทอผ้าย่ายกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
ได้นำเนื้อหยกพม่าสีเขียว ขาว ไปจ้างช่างพม่าที่แม่สอด แกะเป็นรูปหล่อ 1 นิ้วรุ่นแรก ได้จำนวน 10 องค์

ที่ใต้ฐานหลวงพ่อจารยันต์ นะ ทำให้สิ้นค่าใช้จ่ายไป 5000 บาท
ได้ทำบุญมอบให้หลวงพ่อไปทั้งหมด

 

พระบูชา

พระบูชาของหลวงพ่อชื้น ได้สร้างแปลกกว่าของอาจารย์อื่นคือ
จำลองเอาซุ้มประตูหน้าวัด บรรจุพระพุทธรูปลงไป 3 องค์
แล้วเรียกว่า พระรัตนจักรชัยสิทธ์

ขนาดฐาน 13 นิ้ว x สูง 15 นิ้ว หล่อด้วย

เนี้อโลหะผสมออกสีเหลืองขัดเงา หนักถึง 10 กิโลกรัม จำนวน 108 องค์
เมื่อปลุกเสกเสร็จแล้วในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2530 หลวงพ่อ บอกว่า
พระบูชาองค์นี้ดี คุ้มครองบ้านเรือนได้ แล้วท่านก็หัวเราะ

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

พระยอดธง…พระปิดตา…นางกวัก

ลูกศิษย์ชาวอยุธยา สมัยแรกเคยสร้างพระดังกล่าว ไปให้ท่านปลุกเสกบ้างเล็กน้อย
ไปใช้ในหมู่ญาติมิตร ท่านก็เมตตาปลุกเสกให้

แต่ท่านก็บอกว่า
พระเครื่องที่มีรูปพระตรัยรัตนจักรดีที่สุด
หมายถึง พระพุทธเจ้า ในอดีตชาติ 3 พระองค์
หรือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็ได้

คอยให้ความคุ้มครองช่วยเหลือ

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

พุทธพานิช

เคยมีศูนย์พระเครื่องฯ หรือนักอุปโลกน์พระฯ ไปติดต่อท่านหลายราย ว่า
จะสร้างวัตถุมงคลให้ท่านปลุกเสก

โดยให้ท่านไว้ครึ่งหนึ่งค่าโฆษณาครึ่งหนึ่ง

หลวงพ่อ ท่านมองเห็นเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ของบุคคลเหล่านั้น แล้ว
ท่านก็ไล่ลงกุฏิไปทุกราย

 

ประสบการณ์

ผู้ที่ศรัทธาในหลวงพ่อนำพระเครื่องของหลวงพ่อไปบูชาที่บ้าน นำไปห้อยคอ
ขอบุญบารมีให้ท่านช่วยเหลือปรากฏว่า แคล้วคลาดจากภัยพิบัติ ภัยอันตรายต่างๆ
ตลอดจนทางด้านเมตตา ค้าขาย ก็เจริญก้าวหน้าดังมีตัวอย่างพอสังเขปดังนี้
1.คุณยายชม สู้โจร

เมื่อประมาณ 15 ปี ผ่านมาแล้วครั้งคุณยายชม อายุได้ 50 ปี
บ้านเดิมคุณยายชมอยู่หัวรอ เคยมากราบหลวงพ่อชื้น
และได้พระรัตนจักรเนื้อดินไปห้อยคอ

ต่อมาได้ตามสามีและลูกๆ ไปอยู่บ้านใหม่ ที่อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อยู่ได้ไม่นานก็มีโจรมาปล้นบ้าน โจรบ้านนอกมีมารยาท กว่าโจรในกรุง
คือ ตะโกนบอกให้เจ้าของบ้านรู้ตัว ให้ห่อทรัพย์สินมีค่าโยนออกไปให้
มิฉะนั้น จะเข้าไปค้นหาเองภายหลัง

คุณยายชม รักทรัพย์สินยิ่งกว่าชีวิต คว้าปืนลูกซองห้านัดออกไปยิงสู้โจรแทนคำตอบ
ฝ่ายโจร เมื่อเจอนักเลงดี ก็ยิงโต้ตอบเข้าบ้าง คนในบ้านหลบกันอุตลุด

คุณยายชม เล่าว่า เห็นลูกปืนวิ่งฝ่าความมืดมาเป็นสายแดง ๆ ที่ละชุด
เมื่อก่อนจะถึงตัวแกก็ตกลง ที่เลยไปโดนฝาบ้านพรุนไปหมด

แกก็หันปากกระบอก ยืนยิงไปทางทิศที่ลูกปืนวิ่งมา เช่นเดียวกัน
ได้ยินเสียงร้องโอดโอย แล้วก็หายไป

รุ่งเข้าชาวบ้านก็พากันไปดูที่เกิดเหตุ ปรากฏว่ามีปลอกกระสุนเอ็ม 16 ตกอยู่
เกือบร้อยนัด มีรอยเลือดลากไปเป็นทาง ที่บ้านคุณยายชม ก็มีรูเต็มไปหมด

ส่วนคุณยายชมนั้นเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว
ลูกหลานในบ้านตลอดจนคุณตามิได้รับอันตรายใด ๆ

ชาวบ้าน ต่างก็มาถามว่า มีของดีอะไร
คุณยายชมก็ควักพระรัตนจักรเนื้อดิน เลี่ยมพลาสติก ออกมาอวดด้วยความภูมิใจ

ต่อจากนั้นวันพระ วันโกน คุณยายชมจะมาทำบุญที่วัดญาณแสนมิได้ขาด
ลูกหลานในบ้านทุกคนห้อยพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ของหลวงพ่อ

เจ็บไข้ได้ป่วยก็น้ำมนต์ของหลวงพ่อ

ลูกชาย ลูกสะใ ภ้พากันไปค้าขายเครื่องดื่ม และอาหาร
ที่ มหาวิทยาลัยรามคำแหงหัวหมาก ขายดิบขายดี

วิธีการทำน้ำมนต์ คือนำพระเครื่องของหลวงพ่อแช่ในขัน
และอาราธนาให้เป็นน้ำมนต์ ใช้พรมในบริเวณร้านค้าขอให้มีลูกค้าเข้ามาก ๆ

ใครจะจำไปใช้บ้างก็ได้ คุณยายชม ไม่หวงวิชา

2. เหยียบกับระเบิด

เมื่อปี พ.ศ.2510
กองทัพไทยได้ส่งหน่วยอาสาสมัคร จงอางศึก ออกไปรบประเทศเวียดนาม
ในจำนวนนั้น มีลูกศิษย์หลวงพ่อผู้หนึ่ง ยศสิบโท

ได้รับคำสั่งจากหน่วยเหนือให้เป็น ผบ.หมู่ ออกไปทำการลาดตระเวนนอกค่าย
ในรัศมี 1 กิโลเมตร ปรากฏว่าแถวแดง แอบมาวางกับระเบิดไว้

ผู้หมู่เดินไปเหยียบเข้า แรงระเบิดทำให้ตัวลอยขึ้นไป รองเท้าเสื้อผ้าขาดป่นปี้
ถึงกับสลบเหมือด ลูกน้องหามกระร่องกระแร่งกับมาปฐมพยาบาล

ไม่มีรอยบาดแผลแม้แต่นิดเดียว ในคอห้อย พระรัตนจักร เนื้อชิน
ของหลวงพ่อ องค์เดียว

เดี๋ยวนี้ ได้ออกจากราชการมา ทำการค้าขาย ร่ำรวย ไปแล้ว

3. ตชด. ค่ายทองผาภูมิ กาญจนบุรี

มีศิษย์ของหลวงพ่อ อีกผู้หนึ่งเป็น ตชด.ยศ จ.ส.ต.
ยามว่างจากราชการ จะมาเรียนธรรมะ และปฏิบัติธรรมกับหลวงพ่อ เสมอ

หลวงพ่อ พูดว่าศิษย์ผู้นี้ เคยสะสมบุญบารมีมาแต่ปางหลัง
เมื่อเรียนก็เป็นเร็ว สละทางโลกมาเมื่อไร ก็จะบรรจลุธรรมชั้นสูง ในเวลาไม่นาน

ปรากฏว่า ตชด. ผู้นี้นำเหรียญรุ่นแรก รุ่นสอง และรุ่นหลัง ๆ
กลับไปฝากพรรคพวกทีค่ายทุกคน

ตชด.ค่ายนี้ จึงแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆ

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->อื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่ไปกราบเท้าของหลวงพ่อ อยู่เนือง ๆ
ที่หลวงพ่อ ได้ช่วยให้พ้นภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ ที่โรงแรมอินทรา ก็มีหลายราย

หลวงพ่อท่านก็หัวเราะหึ ๆ ว่า “พระท่านช่วย”
“คุณปฏิบัติตัวดีพระท่านช่วย” ไม่ใช่ฉันหรอก

จากนั้นก็ให้ดื่มน้ำอธิษฐาน รดน้ำมนต์ให้ชุ่มชื่นหัวใจ เป็นเสร็จพิธี

ผู้ที่ให้ท่านช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ก็ยังไปขอพึ่งท่านอยู่ทุกวัน
เพราะที่พึ่งสุดท้ายของมนุษย์ก็คือ พระสงฆ์ นี้เอง
เพราะท่านยังพูดได้ รับฟังความในใจ หรือความทุกข์ ของเราได้
ชี้ทางดับทุกข์ พ้นทุกข์ได้ เราจะมีเวลาไปหาท่านหรือไม่
เพราะต่างคนค่างก็มีห่วงผูกคอ จากบุตร ภรรยา สามี การงาน
การยังชีพ คอยดึงไว้ไม่ให้เข้าวัด

จะเข้าอีกที่ก็หามกันเข้ามาเสียแล้ว

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->อื่น ๆ นอกจากนี้ ยังมีผู้ที่ไปกราบเท้าของหลวงพ่อ อยู่เนือง ๆ
ที่หลวงพ่อ ได้ช่วยให้พ้นภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ ที่โรงแรมอินทรา ก็มีหลายราย

หลวงพ่อท่านก็หัวเราะหึ ๆ ว่า “พระท่านช่วย”
“คุณปฏิบัติตัวดีพระท่านช่วย” ไม่ใช่ฉันหรอก

จากนั้นก็ให้ดื่มน้ำอธิษฐาน รดน้ำมนต์ให้ชุ่มชื่นหัวใจ เป็นเสร็จพิธี

ผู้ที่ให้ท่านช่วยรักษาโรคต่าง ๆ ก็ยังไปขอพึ่งท่านอยู่ทุกวัน
เพราะที่พึ่งสุดท้ายของมนุษย์ก็คือ พระสงฆ์ นี้เอง
เพราะท่านยังพูดได้ รับฟังความในใจ หรือความทุกข์ ของเราได้
ชี้ทางดับทุกข์ พ้นทุกข์ได้ เราจะมีเวลาไปหาท่านหรือไม่
เพราะต่างคนค่างก็มีห่วงผูกคอ จากบุตร ภรรยา สามี การงาน
การยังชีพ คอยดึงไว้ไม่ให้เข้าวัด

จะเข้าอีกที่ก็หามกันเข้ามาเสียแล้ว

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

ประวัติ วัดญาณเสน

กรรมการศาสนา มีบันทึกไว้ดังนี้

เมื่อปี พ.ศ.2528
วัดญาณเสน ตั้งอยู่เลขที่ ค. 23 ถนนอู่ทอง หมู่ที่ 3 ตำบลท่าวาสุกรี
อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

มีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ 24 ไร่ 2 งาน 83 ตารางวา
พื้นที่ตั้งวัด เป็นที่ราบลุ่ม อาคารเสนาสนะต่าง ๆ

มีพระอุโบสถ กว้าง 6 เมตร ยาว 10 เมตร
โครงการก่ออิฐถือปูน บูรณะใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2514

ศาลาการเปรียญกว้าง 8 เมตร ยาว 13 เมตร เป็นอาคารไม้
กุฏิสงฆ์จำนวน 7 หลัง เป็นอาคารไม้ 5 หลัง ตึก 1 หลัง ครึ่งตึกครึ่งไม้ 1 หลัง

ปูชนียวัตถุ มีพระประธานในพระอุโบสถ จำนวน 3 องค์ เป็นของโบราณ

และเจดีย์ที่แปลก สวยงาม มีเจดีย์เล็กเป็นบริวารอยู่ทั้งสี่ทิศ
มีทั้งที่สร้างสมัยอยุธยาและสมัยรัตนโกสินทร์

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

หลวงพ่อชื้น พุทธสโร
วัดญาณเสน อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา

พระเกจิอาจารย์ชื่อดังอายุ 81 ปี (พ.ศ.2531)ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ที่สมควรไปกราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
สมณะผู้สมถะมุ่งปฏิบัตธรรมตามแนวพระพุทธองค์
พระผู้ซึ่งสมถะมุ่งปฏิบัติธรรมตามแนวพระพุทธองค์

พระผู้ซึ่งมีบารมีอธิษฐาน...พุทธานุภาเวนะ ให้มาสถิตยอยู่ในวัตถุมงคล
ใช้คุ้มครองป้องกันภัยพิบัติได้ครอบจักรวาล

...................................................................................

 

คนไทยอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ เมื่อมีอายุเกิน 70 ปี สังขารก็ร่วงโรยดุจไม้ใกล้ฝั่ง
เป็นที่อาศัยของโรคาพยาธิร่างกายอ่อนแอ นั่งก็โอย ลุกก็โอย หูตาฝ้าฟาง
ความจำลดน้อยลงไปรอคอยแต่วันตาย เป็นที่หนักใจของลูกหลาน

แต่สมณะผู้ปฏิบัติธรรม ร่างกายยังแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใสนัยน์ตาเจิดจ้าเป็นประกาย
ควมจำยังเป็นเลิศ สวดพระพุทธมนต์ ทำวัตรเช้า เย็น ได้เป็นนิจสิน

ยังให้โอวาท ให้ศีลให้พร ให้แนวทางในการปฏิบัติชีวิตให้พ้นทุกข์

ชื่อของท่าน ตัวองค์ท่าน ยังมีประโยชน์ เป็นที่พึ่งทางใจแก่ผู้ที่ศรัทธา เลื่อมใส
ในจริยวัตรของท่าน

หลวงพ่อชื้น พุทธสโร ท่านเป็นพระสมมุติสงฆ์ รูปหนึ่งในหมู่สมณะที่มีอายุมาก
และจริยวัตรที่งดงามบำเพ็ญเพียรติดต่อกันมากว่า 60 ปี(พ.ศ.2531)

ซึ่งนับวันจะหาได้ยาก
และน้อยเต็มที่ เหลือเพียงไม่กี่รูปในปัจจุบันนี้

ดังเช่นเราท่านทราบกันอยู่แล้ว่าบวชพระเพื่ออะไร
เพื่อสะสมกิเกส ลาภ ยศ สรรเสริญ ปัจจัย ฯลฯ หรือว่าเพื่อหลุดพ้นออกจากกิเกส
สิ่งเหล่นั้นเมื่อตัวเองพบหนทางหลุดพ้นแล้ว ยังช่วยเพื่อนมนุษย์ที่หลงผิด
ให้ตาสว่างมองเห็นพระธรรม ดึงให้พ้นจากกองกิเลศ

สมณะผู้นั้นเป็นผู้สมควรแก่การสรรเสริญ
ผู้ใดมองเห็นธรรม ผู้นั้นสามารถมองเห็นตถาคต
พระพุทธองค์ท่านตรัสไว้ เมื่อ 2,000 กว่าปีล่วงมาแล้ว

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

หลวงพ่อ กับประชาชนในอดีต

หมอยา เมื่อ 30 ปีก่อนชาวตำบลหัวรอ อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
รู้จัก หลวงพ่อชื้น แห่งวัดญาณเสน

ในฐานะพระหมอ มีความสามารถในทาง สูญฝี เป็นเลิศ
ผู้ใดเป็นฝีไม่ว่าที่ใดในร่างกาย มาหาท่าน ท่านจะวัดระดับฝีที่เป็นในร่างกาย
กับความสูงของเสาไม้ที่ข้างกุฏิ แล้วตอกตะปูหมายปูนไว้
ถามชื่อ ถามเสียง บ้านช่องห้องหอ

จากนั้นให้คนไข้กลับบ้านไป ตอนค่ำท่านจะนำเทียนมาลนที่ตะปู นั้น
พร้อมบริกรรมคาถา

วันรุ่งขึ้น คนไข้ก็นำสำรับอาหารหวานควาวมาถวาย รายงานว่าฝีแตกสบายแล้ว

นอกจากนี้ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต ท่านก็มียาสมุนไพรให้ไปต้มกิน

ท่านมิได้เรียกร้องค่ายกครูหรืออะไรทั้งสิ้น
ท่านว่าชาวบ้านเขาศรัทธา ก็หุงข้าว ต้มแกงมาถวาย

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

หมอมนต์

ในเรื่องการทำน้ำมนต์ท่านก็ทำได้ ใช้ปัดรังควาน ไล่ภูตผีปีศาจ
อาบกินเพื่อความสวัสดิมงคล

แต่น้ำมนต์ของท่านผู้ที่สักเสือ หรือสักหนุมาน ถูกรดจะดิ้นพล่าน ต้องช่วยกันจับ
หรือผู้ใดต้องการข้าวสารเสก ทรายเสก เพื่อนำไปหว่านในนา ในที่ดิน กันโจรผู้ร้าย
สัตว์ร้ายต่าง ๆ ท่านก็ทำให้

อีกทั้งอักขระขอม เลข ยันต์ ต่าง ๆ ท่านก็ชำนาญเขียนยันต์ ลบผง อิทธิเจ ปัถมัง มหาราช ได้ เขียนลงในแผ่นผ้าก็เป็นผ้ายันต์ เขียนลงในแผ่นโลหะก็เป็นตะกรุด
ใช้ได้ในทางแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี

การเล่นแร่แปรธาตุ ท่านก็ชอบ ในสมัยอายุระหว่าง 40 -50 ปี
ได้รวบรวมโลหะต่าง ๆ พระเนื้อชินที่เก่า ๆ หัก ๆ ตะปูสังฆวานร เหล็กยอดเจดีย์
ทองเหลือง ทองแดง

นำมาหล่อหลอมเพื่อจะให้ได้แร่ธาตุกายสิทธิ์
หรือถ้าสูงกว่านั้นก็จะหุงเป็นธาตุทองคำ

ซึ่งท่านก็ทำได้ นำมาหล่อหลอมเป็นพระปฏิมา
ตอบแทนแก่ญาติโยมที่อุปัฏฐากวัดในโอกาสต่าง ๆ

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

หมอดู

ท่านก็พอได้ร่ำเรียนมาบ้าง เช่นการให้ฤกษ์พานาทีต่าง ๆ ในการขึ้นบ้านใหม่
มงคลสมรส เลือกทิศทางหันหน้าบ้าน บุคคลใดเหมาะสมกับอาชีพใด

ซึ่งท่านบอกยาก เป็นหลักจิตวิทยาอย่างหนึ่งเกี่ยวกับความเชื่อ
การย้ายบ้านขึ้นบ้านใหม่ หรือทำการมงคลใด ๆ

ท่านว่า วันศุกร์ที่ดีที่สุด เพราะเชื่อเป็นมงคลอยู่แล้วคือ สุข
คนเรามีความพอใจที่จะอยู่เย็นเป็นสุข

...................................................................................

 

ศิษย์มีอาจารย์

พระอาจารย์ที่ประสิทธิประสาท พุทธเวท วิทยาคม และเป็นพระอุปัชฌาย์ ให้แก่ท่าน
นั่นก็คือ หลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ จังหวัดสระบุรี
ยอดปรมาจารย์ ซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหามากมายทั่วประเทศไทย

จากนั้นท่านยังร่ำเรียนวิชาสมุนไพร วิชาคงกระพัน วิชาทำตะกรุด วิชาทำน้ำมนต์
วิชากระสุนคด ผูกหุ่นกำลังกาย ล่องหน ทำเสน่ห์ เมตตามหานิยม ฯลฯ
มาจากหลายพระอาจารย์ เช่น พระอาจารย์สาย, พระอาจารย์ไกร,
พระอาจารย์ก้าน หรือเสือไกร เสือก้าน ลูกศิษย์เสด็จในกรมหลวงชุมพรฯ,
พระอาจรย์ไท หรือสุภาพบุรุษเสือไท, พระอาจารย์ฟ้อน ดีสว่าง หรือขุนโจรย่ามแดง
ในอดีตซึ่งล้วนแล้วแต่หันหลังให้อดีตหันเน้าเขาพึ่งพระธรรม

วิชาการต่าง ๆ จะบังเกิดผลต่อเมื่อทำใจให้เป็นสมาธิแน่วแน่
รู้ไว้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ รู้ไว้เพื่อสืบทอดมิให้สูญหายไป

 

พระอาจารย์องค์สุดท้ายสายตรงสู่พระนิพพาน

ต้นปี พ.ศ. 2500 กึ่งพุทธกาล
ได้มีพระธุดงค์ท่านหนึ่งชื่อ พระอาจารย์เสน เตชะธัมโม
พระอนุสาวกองค์หนึ่ง เป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา ได้ไปศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม
วิปัสสนากรรมฐาน อยู่กับ พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโพ) ณ วัดบรมนิวาส กทม.

จนกระทั่งมีความรู้แตกฉาน ได้ออกรุกขมูลธุดงค์ หาความวิเวกไปตามสถานที่ต่าง ๆ

บำเพ็ญเพียรถึงขั้นสูง รู้ชอบ ปฏิบัติชอบ ด้วยตนเอง ผ่านมาทางวัดญาณเสน
พบกับหลวงพ่อชื้น ซึ่งขณะนั้นอายุได้ 50 ปี โดยบังเอิญ

พระอาจารย์ทั้งสอง เกิดถูกอัธยาศัยกันและได้สนทนาธรรมกัน
จึงได้ทราบว่าวิชาการที่หลวงพ่อชื้น ได้ร่ำเรียนมายังห่างไกลพระนิพพาน
ยังยึดมั่น ถือมั่น อยู่ในวัตถุยังไม่ปล่อย ปละ ละ วาง
ยังติดอยู่ในความโลภ ความโกรธ ความหลง ทั้งปวง
พร้อมทั้งแนะนำธรรมะ อีกทั้งข้อปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น
ตามแนวของพระพุทธองค์อีกหลายข้อ

จึงทำให้หลวงพ่อชื้น เกิดความเลื่อมใส
ฝากตัวเป็นศิษย์ ซึ่งก็เป็นไปตามนิมิตของ พระอาจารย์เสน เตชะธัมโม ที่นิมิต ว่า

ยังมีช้างเผือกอีกหนึ่งเชือก ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ท่านจะจูงไปสวรรค์
ไปพระนิพพานได้ เป็นบุญกุศลที่ต้องกันทั้ง 2 ฝ่าย

ทำนองศิษย์ต้องการอาจารย์ อาจารย์ต้องการศิษย์
เปรียบเสมือนหลวงพ่อชื้น เป็นดอกบัวที่บานพ้นน้ำแล้ว
พร้อมที่จะรับพระธรรมคำสั่งสอนได้เต็มที่

ส่วนดอกที่ยังอยู่ใต้น้ำหรือที่กำลังจะบานก็ต้องฟันฝ่าอุปสรรคอีกนานานัปการ
หรือไม่ก็อาจตกเป็นอาหารของเต่า หอย ปู ปลา ไปในที่สุด

...................................................................................

<!-- / message --><!-- sig -->

 

หลวงพ่อ กับประชาชน ในปัจจุบัน

หลังจากที่หลวงพ่อได้บรรลุธรรมขั้นสูงแล้ว
ซึ่งท่านเรียกว่าท่านเป็น อธิปไตย คือไม่ขึ้นกับใคร
นับถือแต่ องค์พระสัมมา สัมพุทธเจ้า ที่ได้ทรงพระปรินิพพานไปแล้ว

ท่านปล่อยปละละวางทั้งหมด ไม่ยินดีในลาภยศสรรเสริญรับตำแหน่งสมณศักดิ์ทั้งปวง
ไม่เป็นเจ้าอาวาส แต่พระในวัดก็ถือว่าท่านเป็นพระผู้อาวุโส ให้ความเคารพนับถือ

ประชาชน ลูกศิษย์ลูกหา ก็ยังมาพึ่งท่านเหมือนเดิม
ซึ่งท่านก็บอกว่าท่านเลิกพิธีกรรมเก่า ๆ หมดแล้ว

ใช้อธิษฐานจิต ขอบารมีจากพระพุทธเจ้าโดยตรง
ซึ่งก็มีพลังเข้มขลัง กว่าการปลุกเสกด้วยวิธีเดิม เร็วกว่า และใช้ได้ผลทุก ๆ ทาง

เมื่อมาถึง ที่สุดแห่งทางเดินของหลวงพ่อชื้นฯ

จึงขอจบเรื่องของหลวงพ่อชื้น ไว้แต่เพียงนี้
ขอให้ผู้อ่านจงมีแต่ความสุข ความเจริญ ทั่วทุกท่านเทอญ สวัสดีครับ