โป่งข่ามอัญมณีศักดิ์สิทธิ์จากพระแม่ธรณี(คัดคุณภาพทุกชิ้น)สรุปรายการหน้า75

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หมูเล็ก, 1 มีนาคม 2010.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144
    <CENTER>[SIZE=+5]ประวัติความเป็นมาของแก้วโป่งข่าม [/SIZE]

    </CENTER>[SIZE=+2]ความหมายของคำว่า “โป่งข่าม”[/SIZE][SIZE=+2]โป่ง ตามหลักพจนานุกรมหลักภาษาไทยพายัพราชบัณฑิตยสถาน จัดพิมพ์ในปี พ.ศ. 2502 แปลว่า โป่งดิน หรือ ดินโป่ง[/SIZE]
    [​IMG]
    [SIZE=+2]ข่าม หมายถึง การอยู่ยงคงกระพัน แคล้วคลาดจากภัยอันตราย[/SIZE]

    [SIZE=+2]โป่งข่าม หมายถึง แหล่งที่ขุดขึ้นมา แห่งความข่าม คงซึ่งในสถานที่นั้นเป็นโป่งแก้วอันล้ำค่า[/SIZE]

    [SIZE=+2]แก้วโป่งข่าม แก้ว อันศักดิ์สิทธ์ ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปางมาช้านาน เชื่อว่าสามารถคุ้มภัยให้ผู้ที่มีไว้ครอบครองในทางที่ดีได้ เป็นสิ่งที่มีมงคลควรแก่การบูชามาก[/SIZE]

    [SIZE=+2]"แก้วโป่งข่าม" ทรัพยากรธรรมชาติใต้พิภพอันล้ำค่า ซึ่งมีความเชื่อว่า ใครมีครอบครองจะประสบแต่ความสุข ความเจริญมีโชคลาภ แคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวง จนกล่าวเป็นตำนานอันลือลั่น ขุมทรัพย์อันล้ำค่าของแก้วโป่งข่ามที่ซ่อนความเร้นลับภายใต้พื้นดิน ตามเชิงเขา ของหมู่บ้านแม่แก่ง,บ้านนาบ้านไร่ บ้านแม่เติน ตำบลแม่ถอด ห่างจากที่ว่าการอำเภอเถินประมาณ 10 กิโลเมตร ไปตามถนน เถิน-ลี้ และถนนเข้าหมู่บ้านดังกล่าวอีกประมาณ 4 กิโลเมตร สถานที่พบหินแก้วอยู่ตามเชิงเขาและที่ราบ เชิงเขาของห้วยแม่แก่ง เมื่อขุดลึกลงไปจะเป็นดินปนทราย ลักษณะหินแก้วจะเกาะกันเป็นก้อน หรือเกะากันเป็นลิ่ม เป็นแท่งรูปหกเหลี่ยมสีสันสวยงาม อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดินประมาณ 4-5 เมตร บางแห่งขุดลึกลงไป 1 เมตรก็พบ[/SIZE]
    [​IMG]
    [SIZE=+2]โบราณกาลมาแล้วที่คนรุ่นก่อนๆ ได้รู้จักและเห็นคุณค่าของแก้วชนิดต่าง ๆ ว่ามีคุณวิเศษเพียงใด ทั้งยังรู้จักที่จะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ ตัวเองและครอบครัว แต่ก่อนที่จะนำมาใช้ได้อย่างถูกต้องตามวิธีการที่แท้จริงนั้นต้องรู้จัก คุณลักษณะ ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของแก้วแสง แต่ละชนิดเสียก่อน ตำราดูลักษณะของแก้วตามแบบที่ถูกต้องตามตำราพื้นเมืองลานนานั้นจริง ๆ แล้วเราสามารถแบ่งได้เป็นหลักใหญ่ ๆ ได้ทั้งหมด ๙ ประการ และยังสามารถแบ่งแก้ววิเศษออกได้อีกเป็น ๒๔ ดวง แก้ววิเศษทั้ง ๒๔ ดวงดังกล่าวนี้ถ้าหากว่าผู้ใดก็ตามที่สามารถนำ มาครอบครอง หรือทำเป็นหัวแหวนแล้วนำมาสวมใส่มือหรือ อาจจะนำมาพกติดตัวเอาเก็บไว้เป็นขวัญถุงแล้วก็จะทำให้ผู้ที่ครอบครอง จะมีแต่ความสุขความเจริญมั่งศรีสุข ข้าวของอันพึงมีจะไหลมาเทมาและยังมีอานุภาพทางมหาอำนาจ คุ้มครองป้องกันจากภัยอันตรายต่าง ๆ ดังมีผู้ได้ประสบการณ์อยู่เนือง ๆ บางทีก็ถึงขั้นคงกระพันฟันแทงไม่เข้า ที่เรียกกันว่าข่าม[/SIZE]
    [​IMG]
    [SIZE=+2]แก้วโป่งข่ามมีชื่อเรียกต่างๆ ดังนี้ ขนเหล็ก ขนเพชร ขนคำ ขนทอง ขนเงิน หมอกมุงเมือง หมอกสีฟ้า ฟ้าแล หมอกสีน้ำตาล น้ำผึ้ง ปลวกเขียว ปลวกคำ ปลวกครั่ง ปลวกแดง สลักหิน สลักแก้ว สลักเพชร ประกายเพชร ประกายคำ หยาดน้ำค้าง มหานิล กาบเงิน กาบคำ กาบเพชร สีม่วง เรือนแก้ว เรือนคำ เรือนเพชร ฯลฯ คุณสมบัติแห่งความศักดิ์สิทธิ์คือ ป้องกันอุปัทวเหตุได้ดีเยี่ยม ป้องกันไฟ แคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพัน ป้องกันภูตผีปีศาจ ให้คุณทางมหานิยมให้ผลโชคลาภ ทำมาค้าขายดีให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่เคหะบ้านเรือนและครอบครัว[/SIZE]

    [​IMG]
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  2. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144
    ต้องอันนี้ครับ


    [​IMG]
     
  3. Trickery

    Trickery เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +397
    พี่ขอจองรายการที่ 45 และ 47 นะคะ
     
  4. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144


    รับทราบครับ เดี๋ยวลงจองให้ครับ



    ขอบคุณครับ (deejai)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มีนาคม 2010
  5. ใจหม่น

    ใจหม่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +1,926
    มีแดนซ์เซ่อร์ รึยัง...ขอสมัคร
     
  6. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144
    <TABLE class=tborder id=post cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>Trickery<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Aug 2009
    ข้อความ: 130
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 177
    ได้รับอนุโมทนา 376 ครั้ง ใน 97 โพส
    พลังการให้คะแนน: 32 [​IMG][​IMG][​IMG]
    [​IMG]

    </TD><TD class=alt1 id=td_post_ style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><CENTER>โป่งข่ามสวยๆครับ

    </CENTER>
    <HR style="COLOR: #ffffff; BACKGROUND-COLOR: #ffffff" SIZE=1>พี่ได้รับของเรียบร้อยแล้วนะคะ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144

    แหมนึกว่าเจ้จะเป็น นักร้องนำฝ่ายหญิง
    555
    ..........................chearrfairy3chearr................................
     
  8. ใจหม่น

    ใจหม่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +1,926
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ นาคา [​IMG]
    นำภาพการแสวงบุญ มาให้ชมครับ

    ประเดี่ยวตอนเย็นๆ จะนำ ภาพ วัตถุมงคล ที่ดูแล้ว... น่าสนใจ มาให้ชมครับ..แฮะๆๆๆ...


    โมทนาบุญครับท่านพี่
    แหมท่านพี่จะมีอะไรมาให้เกิดกิเลสอีกหนอ
    มาไวไวหน่อยครับ ใจจะขาดแล้ว อิอิ
    rabbit_eating[/QUOTE]


    นี่ก็เย็นแล้ว..ยะเยือก..บรื๋อสสสสส...
    รูปยังไม่มา...รึว่ารูปข้างบน
    ม่ายหวาย....ปายก่อนล้า..... :( :eek:
    :love:
     
  9. นาคา

    นาคา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,377
    ค่าพลัง:
    +12,917
    ภาพที่ขยาย นั้น งานวัดไนหาน หลายปี แล้วครับ (ช่วยงานวัด จน ทางคณะกรรมการ ท่าน มอบ หลวงปู่ทวด หลังเตารีด อธิฐาน จิต ที่ ศาลา กลางน้ำ วัดไนหาน ครับ สายเขาอ้อ พุทธคุณ สายเขาอ้อ จ้า...

    ส่วนนี้ เพิ่งมาถึง สดๆ ร้อนๆ จากท่าน ตา ครับ กับ ของผม นาคา ส่วนตัว เศียรนาคราช (ซึ่ง ครูบาน้อย ท่านเมตตา อธิฐานจิต ที่วัดศรีดอนมูล )

    พรุ่งนี้ เสาร์ 5 ต้องตื่น เช้าเพื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้า จากนั้น อธิฐานจิต
    ตักบาตร ที่พระอาจารย์ปู่ ท่านเมตตา วันเสาร์,อาทิตย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กุมภาพันธ์ 2011
  10. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144

    [​IMG]
    อย่างนี้ต้องบุก คลังแสงที่ภูเก็ตเสียแล้ว อิอิ :z8
     
  11. wanakonth

    wanakonth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2009
    โพสต์:
    2,153
    ค่าพลัง:
    +5,775
    ระวังคลังแสงระเบิดนะครับ ฮิๆ
     
  12. nut1663

    nut1663 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2009
    โพสต์:
    702
    ค่าพลัง:
    +2,691
    สวยตาลาย เลยครับ คุณนาคา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. ใจหม่น

    ใจหม่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    362
    ค่าพลัง:
    +1,926
    นี่ยิ่งลุกใหญ่....ไฟลุกผ่าวๆ...
     
  14. m@c

    m@c เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    267
    ค่าพลัง:
    +2,435
    คุณหมูเล็ก

    ขอถามว่า โป่งข่าม จากลำปาง กับโป่งข่ามจากต่างประเทศ มีคุณสมบัติแต่งต่างกันหรือไม่ คนไทยนิยมโป่งข่ามจากแหล่งไหน แล้วเราจะแยกแยะได้หรือไม่ว่านำเข้า
    หรือจากลำปาง

    คือพี่ได้ศึกษาพวกหินและคริสตัล ฟอสซิล จากตำราฝรั่ง เขาบอกว่าหินต่าง ๆ (คริสตัล)
    ฯลฯ ต่างมีคุณสมบัติทางธรรมชาติ ที่ช่วยเกื้อกูลส่งเสริม ชีวิต แลจิตวิญญาณ ฯลฯ
    แหล่งที่มาก็ให้คุณสมบัติที่แตกต่างกันด้วย เช่น เทอร์ควอย จากอริโซน่า
    มีคุณสมบัติแตกต่างจาก เทอร์ควอยทิเบต
     
  15. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144

    ชื่อ "โป่งข่าม" มีความเชื่อสืบต่อกันมาว่า ใช้เรียก แร่ธาตุควอทซ์ที่มาจากอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง เท่านั้น แต่ในปัจจุบันเหตุผลด้าน
    การค้าและการศึกษา จึงมีแร่ควอทซ์ซิ่งมีลักษณะเดียวกันมาจากหลายแหล่งทั้งในและนอกประเทศ ดังนั้น จึงมีการการระบุแหล่งที่มาอย่าง
    ชัดเจน เช่น โป่งข่ามอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง , โป่งข่ามพม่า , โป่งข่ามจีน ฯลฯ แต่ที่ยังใช้คำว่า โป่งข่าม เพราะเหตุที่ว่า คนที่เล่น
    พลอยในประเทศไทย รู้จักพลอยตระกูลนี้ในนาม โป่งข่าม ส่วนมากเรียกสั้นๆขึ้นต้นว่า แก้ว เพราะลักษณะใสเหมือนเหมือนแก้ว
    และศัพท์โบราณคือ แก้วมณีรัตนะ แปลตามความหมาย แก้วใส+พลอยมีค่า+ธรรมชาติ

    แล้วเราจะรู้แหล่งที่มาได้อย่างไร และที่ไหนดีที่สุด

    ตอบตามตรงว่ายากมากๆครับ สำหรับผู้เริ่มต้นว่าโป่งข่ามนั้นมาจากแหล่งใด บ่อใด ประเทศอะไร เพราะทุกวันนี้มีโป่งข่ามจาก
    แหล่งต่างๆมากมาย เช่น จีน พม่า ไทย บราซิล และแหล่งที่มาที่ดีที่สุดบอกไม่ได้ครับ เพราะธรรมชาติเป็นผู้ให้กำเนิด สิ่งแปลกใหม่
    สวยงามซึ่ง สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ทุกที่ ขึ้นกับแต่ละคนเราจะพบเจอหรือไม่นั่นเอง แต่ละแหล่งย่อมมีคุณค่าในตัวของเค้าเอง
    ประกอบกับความชำนาญในการแต่งของช่างผู้ชำนาญ สามารถดึงจุดเด่นของโป่งข่ามแต่ละเม็ดให้สวย และมีคุณค่าอย่างไรมากกว่า

    หินต่าง ๆ (คริสตัล) ต่างมีคุณสมบัติทางธรรมชาติ ที่ช่วยเกื้อกูลส่งเสริม ชีวิต แลจิตวิญญาณ ฯลฯ

    คุณสมบัติด้านช่วยเกื้อกูลส่งเสริม ชีวิต และจิตวิญญาณ ที่เป็นอำนาจลี้ลับนั้นก็เพราะแก้วโป่งข่าม มีเทวดารักษา เทวดาประจำ
    แก้วแต่ละดวงแต่ละเรือน เปรียบเสมือนเรือนที่อาศัยของเทพยดาเหล่านั้น เทพที่รักษาก็มีหลายเผ่า หลายนิกาย หากเป็นแก้วที่มาจาก
    ต่างประเทศไกลๆ ก็อาจเป็นเทพในนิกายของบ้านนั้นเมืองนั้น เทพเจ้าบางองค์เป็นเทพในต่างศาสนาก็มี ท่านเหล่านี้มีสัมมาทิฐิ หาก
    เราปฏิบัติจิต ทำตนเป็นคนดี เป็นอันใช้ได้ เพราะโลกวิญญาณของท่านสื่อด้วยจิตเป็นส่วนใหญ่ สรุปว่าเป็นของดีมีเทพรักษาทุกดวง
    ทุกก้อนแก้ว เมื่อแก้วถูกเจียระไน ออกเป็นหลายๆชิ้น หลายๆดวง เทพที่รักษานั้นก็สามารถแบ่งกายทิพย์ออกไปทุกอณูเนื้อ แก้วดวงเดียวถูกแบ่งออกเป็นร้อยชิ้นร้อยดวง ทุกร้อยชิ้นร้อยดวงก็มีเทพรักษาอยู่ทั้งหมด เป็นของที่ประมาทไม่ได้ เป็นอจินไตย

    หัวแก้วโป่งข่ามที่ยังไม่เจียระไนหรือ เมื่อ ขึ้นรูปเป็นเรือนแหวนสวยงามแล้วก็มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อย่างเด่นชัดโดยไม่ต้อง
    อธิษฐานจิตปลุกเสกจากผู้ทรงจิตตานุภาพ หินแก้วโป่งข่ามที่เป็นแก้วศักดิ์สิทธิ์จากธรรมชาตินี่ละครับที่บรรพชนท่านค้นพบและนำมา สร้างเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ให้ชาวพุทธได้สักการะเเละ เป็นการเสริมศรัทธาในพระศาสนาเพราะความศักดิ์สิทธิ์ ของเทพเทวาที่คุ้มครองรักษาแก้ววิเศษนี้เอง เช่นองค์พระมหามณีรัตนปฏิมากร ซึ่งค้นพบในกรุเจดีย์ที่จังหวัดเชียงราย อีกองค์หนึ่งคือ "องค์พระแก้วดอนเต้า" (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง) รวมไปถึงพระแก้วขาวหริภุญชัย หรือรู้จักกันดี
    ในชื่อ "พระเสตังคมณี" ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึงมีอายุเก่าแก่ถึง 1800 ปี


    คุณค่าของแก้วโป่งข่าม นอกจากความสวยงามภายนอกแล้ว ยังมีคุณค่าทางวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์ และตำนานความเชื่อต่าง ๆ เป็นมรดกตกให้คนรุ่นหลังได้สืบสาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 90773.jpg
      90773.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88 KB
      เปิดดู:
      177
    • 424px-Image342.jpg
      424px-Image342.jpg
      ขนาดไฟล์:
      38.2 KB
      เปิดดู:
      193
    • picture2.php.jpg
      picture2.php.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.9 KB
      เปิดดู:
      152
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มีนาคม 2010
  16. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144
    ตำนานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต)

    [​IMG]
    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือที่ประชาชนทั่วไปนิยมเรียกกันว่า "พระแก้วมรกต" ซึ่งสถิตย์เป็นพระประธานคู่บ้านคู่เมือง ณ วัดพระ
    ศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์แห่งกรุงรัตน
    โกสินทร์ ทรงสร้างพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สถิตย์เป็นองค์ประธาน ณ
    พระอุโบสถ เมื่อวันจันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๒๗
    พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ตามโบราณจารย์ประเพณีถือว่า พระพุทธมหามณีรัตน
    ปฏิมากร "พระแก้วมรกต" เป็นพระพุทธรูปที่พระอินทร์ และพระวิษณุกรรม จัดหาลูกแก้วมาสร้างองค์ เป็นพระพุทธรูปที่ประดิษฐาน
    พระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุท ธเจ้าถึง ๗ พระองค์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง และเป็นพระประธานสำคัญในการอัญเชิญ
    ประกอบพิธีสำคัญต่างๆ ของประเทศไทย
    ตำนานโดยสังเขปกล่าวว่า เมื่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานล่วงแล้วไ ด้ ๕๐๐ ปี มีพระอรหันต์องค์หนึ่ง
    นามพระนาคเสนเถรเจ้า จำพรรษาอยู่ที่วัดอโศการาม เมืองปาฏลีบุตร พระพุทธศาสนากำลังเจริญเต็มที่ในยุคนั้น พระนาคเสนได้รำพึงและ
    ประสงค์จะจัดสร้างพระพุทธปฏิมากรไว้สำหรับ เป็นองค์อนุสรณ์ แทนองค์สมเด็จพระบรมศาสดา ให้ผู้สืบอายุพระพุทธศาสนาไว้สักการะ
    บูชาแก่เทพยดาและมวลมนุษย์ จึงได้เสี่ยงทายว่า จะสร้างด้วยทองคำ หรือเงิน ก็เกรงว่าพวกมิจฉาชีพจะนำไปทำลายเสีย จะมิยั่งยืนตลอดไป
    ครั้นจะสร้างด้วยแก้วอันศักดิ์สิทธิ์ให้เหมาะสมกับ พุทธรัตนะ ก็ยังมิทราบว่าจะหาลูกแก้วสมดังปณิธานเสี่ยงทายได้ที่ไหน และด้วยทิพย
    จักษ์โสตร้อนอาสน์ถึงพระอิศวร ทรงทราบความปรารถนาแห่งพระนาคเสนเถรเจ้า ที่จะสร้างพระแก้วมรกตนี้ จึงเสด็จลงมาพร้อมด้วย
    วิษณุกรรม และจัดนำลูกแก้วมณีโชติ ซึ่งเป็นแก้วชนิดหนึ่งซึ่งมีรัศมีรุ่งโรจน์ ที่ภูเขาวิปุละ ซึ่งกั้นเขตแดนมคธ และอยู่ด้านหนึ่งของ กรุง
    ราชคฤห์ ประกอบด้วย
    ๑. แก้วมณีโชติ มีบริวารแวดล้อมอยู่ ๓,๐๐๐ ดวง เฉพาะแก้วมณีโชติ มีขนาดใหญ่ถึงหนึ่งอ้อมเต็ม
    ๒. แก้วไพฑูรย์ มีบริวารแวดล้อมอยู่ ๒,๐๐๐ ดวง
    ๓. แก้วมรกต มีบริวารแวดล้อมอยู่ ๑,๐๐๐ ดวง เฉพาะแก้วมรกตนี้ มีขนาดใหญ่ ๔ กำมือ ๓ นิ้ว
    แก้ววิเศษนี้ มีพวกกุมภัณฑ์ คนธรรพ์ ยักษ์มาร และเทพยดารักษาอยู่มาก พระวิษณุกรรมมิอาจที่จะไปนำลูกแก้วดังกล่าวนี้คนเดียวมาได้
    จึงได้ทูลเชิญพระอิศวรเจ้าเสด็จร่วมไปด้วย เมื่อถึงเขาวิปุลบรรพตแล้ว พระอิศวรจึงแจ้งให้พวกกุมภัณฑ์ คนธรรพ์ และยักษ์ที่รักษาลูกแก้ว
    ทราบถึงความประสงค์ของพระนาคเสนเถรเจ้า ที่จะนำแก้วมณีโชตินี้ไปสร้างพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร เป็นอนุสรณ์แทนองค์สมเด็จ
    พระผู้มีพระภาคเจ้า แต่พวกกุมภัณฑ์ คนธรรพ์ และยักษ์ทูลว่า เฉพาะลูกแก้วมณีโชตินั้นมีอิทธิฤทธิ์มาก เป็นของคู่ควรสำหรับพระมหา
    จักรพรรดิ์ไว้ปราบยุคเข็ญของโลกเท่าน ั้น ในเมื่อโลกเกิดจลาจลวุ่นวาย ซึ่งมนุษย์ในสมัยนั้นจะหมดความเคารพยำเกรงซึ่งกันและกัน ก่อ
    การวุ่นวายขึ้น พระมหาจักรพรรดิ์จะได้ใช้แก้วมณีโชตินี้ไว้ปราบยุคเข็ญต่อไป แต่ว่าเพื่อมิให้เสียความตั้งใจและเสื่อมศรัทธา จึงขอมอบ
    ถวายลูกแก้วอีกลูกหนึ่ง ซึ่งเป็น "แก้วมรกต" รัศมีสวยงามผุดผ่อง ถวายให้ไปจัดสร้างแทน และพระอิศวรและพระวิษณุกรรม ก็นำแก้ว
    มรกตนี้ไปถวายพระนาคเสนเถรเจ้า แล้วก็เสด็จกลับวิมาน
    [​IMG]
    พระนาคเสนเถรเจ้า เมื่อได้รับลูกแก้วมรกตแล้ว ก็รำพึงถึงช่างที่จะมาทำการสร้างพระพุทธรูปด้วยแก้วสีมรกต ให้มีพุทธลักษณะ
    สวยงามประณีต วิษณุกรรมซึ่งเป็นนายช่างธรรมดาทราบความดำริของพระนาคเสน จึงแปลงกายเป็นมนุษย์เข้าไปหาพระนาคเสน รับ
    อาสาสร้างพระพุทธรูปตามประสงค์ของพระนาคเสนเถรเจ้า เมื่อได้รับอนุญาตจากพระนาคเสนแล้ว วิษณุกรรมจึงลงมือสร้างพระพุทธรูป
    ด้วยแก้วมรกตสำเร็จลงด้วยอิทธ ิฤทธิ์ สำเร็จภายใน ๗ วัน เนรมิตพระวิหารและเครื่องประดับ สำหรับประดิษฐานรองรับพระพุทธรูปแก้ว
    มรกต วิษณุกรรมก็กลับไปสู่เทวโลก และพระพุทธรูปแก้วมรกตที่สร้างสำเร็จโดยช่างวิษณุกรรมนี้ มีพุทธลักษณะอันสวยงาม มีรัศมีออก
    เป็นสีต่างๆ หลายสีหลายชนิด ฉัพพรรณรังษีพวยพุ่งออกจากพระวรกาย เทพบุตร เทพธิดา
    ท้าวพระยาสามนตราช พระอรหันตขีณาสพ สมณะ ชีพราหมณ์ ตลอดประชาชนทั่วไปเมื่อได้เห็นพุทธลักษณะพระแก้วมรกตแล้ว ต่างก็
    พากันแซ่ซ้องถวายสักการะ บูชา พระนาคเสนเถรเจ้าพร้อมด้วยพวกเทพยดา นาค ครุฑ มนุษย์ กุมภัณฑ์ พากันตั้งสัตยาอธิษฐานอัญเชิญ
    พระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพ ุทธเจ้า ให้เข้าประดิษฐานในองค์พระแก้วมรกตรวม ๗ พระองค์ คือ ในพระโมฬีพระองค์หนึ่ง, ใน
    พระนลาตพระองค์หนึ่ง, ในพระอุระพระองค์หนึ่ง, ในพระอังสาทั้งสองข้างสองพระองค์ และในพระชานุทั้งสองข้างสองพระองค์ เมื่อ
    พระบรมสารีริกธาตุแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งเจ็ดพระองค์ เข้าไปประดิษฐานเรียบร้อยทั้ง ๗ แห่ง เนื้อแก้วมรกตแล้ว เนื้อแก้วก็ปิดสนิท
    เป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีรอยแผลและช่องพลันก็เกิดปาฏิหาริย์ แผ่นดินไหวสั่นสะเทือนเลื่อนลั่นเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก พระพุทธรูปแก้วได้ยก
    ฝ่าพระบาทดุจดังเสด็จลงจากแท่นประดิษฐาน เมื่อเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นดังนี้ พระนาคเสนเถระทำนายว่า พระแก้วมรกตนี้จะมิได้ประดิษฐาน
    ในเมืองปาฏลีบุตรแน่ ต้องเสด็จเที่ยวโปรดเวไนยสัตว์ในประเทศ ๕ คือ
    ๑. ลังกาทวีป ๒. ศรีอยุธยา ๓. โยนก ๔. สุวรรณภูมิ ๕. ปะมะหล


    <CENTER>[​IMG]
    รูปปั้น พระยามิลินท์ กับพระอรหันต์ วัดพระธาตุเจดีย์ซาวหลัง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง</CENTER>
    เมื่อพระนาคเสนเถรเจ้าดับขันธ์แล้ว พระแก้วมรกตนี้ คงได้รับการปกปักรักษา สักการะ บูชาเป็นเวลาต่อมาอีก ๓๐๐ ปี เมืองปาฏลีบุตร

    สมัยพระสิริกิติราชดำรงเป็นประมุข เกิดจลาจลวุ่นวาย เกิดสงครามมิได้ขาด ข้าศึกต่างเมืองยกมารบกวน เสนาอำมาตย์ผู้ใหญ่ ก่อการกบฏ
    ราษฎร์วานิชเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า สุดที่จะทนทาน ประชาชนวานิช พร้อมใจกันพาพระแก้วมรกตพร้อมด้วยพระไตรปิฎก ลงสำเภาหนี
    ออกจากเมืองปาฏลีบุตรไปสู่ลังกาทวีป พระแก้วมรกตจึงประดิษฐานประมาณ ๒๐๐ ปี (พระพุทธศาสนาล่วงมาได้ ๑,๐๐๐ ปี)
    ครั้นถึงสมัยเจ้าอนุรุธราชาธิราช กษัตริย์ของพุกามประเทศ (พม่า) กับพระภิกษุรูปหนึ่งลงสำเภาไปสู่ลังกาทวีป พร้อมด้วยพระสงฆ์
    พุกามอีก ๙ รูป อำมาตย์พุกาม ๒ คน ของพุกาม ได้ขอบรรพชาต่อพระสังฆราชลังกาทวีป พระภิกษุรูปที่เป็นหัวหน้าของพุกามชื่อพระศีล
    ขัณฑ์ ร่วมมือกันสังคายนาพระไตรปิฎกและคัมภีร์สัธทาวิเศษเป็นที่เรียบ ร้อย ก่อนจะกลับพุกาม ได้ทูลขอ "พระแก้วมรกต" ต่อประมุข
    ของกรุงลังกาทวีป พระองค์จนพระทัย จึงต้องมอบพระแก้วมรกตให้กับกษัตริย์กรุงพุกามไป ทำความเศร้าโศกเสียใจให้กับชาวเมืองปาฏ
    ลีบุตรทั่วลังกาทวีป
    เมื่อกษัตริย์กรุงพุกามได้รับพระแก้วมรกตเรียบร้อยแล้ว จึงจัดขบวนเรือสำเภาอัญเชิญพระแก้วมรกตลงสำเภาสองลำ แต่เมื่อสำเภา
    แล่นมาในทะเล สำเภาที่อัญเชิญพระแก้วมรกต เกิดพลัดหลงทางไปสู่เมืองอินทปัตถ์พร้อมทั้งพระไตรปิฎก พระเจ้ากรุงพุกามเสียพระทัย
    มาก เพราะตั้งพระทัยไว้ว่า จะจัดเฉลิมฉลองสมโภชเป็นการใหญ่ในกรุงพุกาม เมื่อเหตุการณ์กลับกลายไป จึงปลอมพระองค์เป็นราษฎร
    สามัญไปสู่กรุงอินทปัตถ์ เพื่อสืบหาเรือสำเภาที่อัญเชิญพระแก้วมรกตและพระไตรปิฎก และขอพระแก้วมรกตคืนจากพระเจ้ากรุงอินทปัตถ์
    พระเจ้ากรุงอินทปัตถ์ก็ไม่ยอมคืนให้ เพราะถือว่าเป็นบุญญาธิการของพระองค์ ที่พระแก้วมรกตได้เสด็จมาสู่กรุงอินทปัตถ์ พระเจ้ากรุง
    พุกามทรงพิโรธมาก ดำริจะปลงพระชนม์พระเจ้ากรุงอินทปัตถ์ ก็เกรงว่าบาปกรรมจะติดตามตัวต่อไปภายภาคหน้า จึงแสดงอภินิหาริย์ให้
    ชาวอินทปัตถ์เห็น โดยเอาไม้มาทำเป็นดาบ ทาด้วยฝุ่นดำแล้วก็เหาะขึ้นไปในอากาศวนรอบเมืองอินทปัตถ์ ๓ ครั้ง สะกดพระเจ้ากรุงอิน
    ทปัตถ์และคนหลับทั้งเมือง แล้วเสด็จเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง เอาดาบที่ทำด้วยไม้ขีดไว้ที่พระศอของพระเจ้ากรุงอินทปัตถ์และมเ หสี
    ตลอดจนเสนาบดีผู้ใหญ่ และตรัสขู่ว่า หากไม่คืนสำเภาที่อัญเชิญพระไตรปิฎกและพระแก้วมรกตให้แล้ว วันรุ่งขึ้นจะบั่นเศียรให้หมดทุก
    คน พระเจ้ากรุงอินทปัตถ์และมเหสีทรงทราบเรื่อง และพิสูจน์รอยฝุ่นดำที่พระศอ ก็พบว่ามีรอยฝุ่นดำจริงตามดำรัสของพระเจ้ากรุงพุกาม
    มีความหวั่นเกรงต่อชีวิตของพระองค์และราชบริพารเป็นอันมาก ให้อำมาตย์ ๒ คน กราบทูลพระเจ้ากรุงพุกามทราบว่า หากเป็นสำเภา
    อัญเชิญพระไตรปิฎกและพระแก้วมรกตของพุกามจริง ก็จะจัดถวายส่งคืนให้ ขอให้พระเจ้ากรุงพุกามเสด็จกลับยังกรุงพุกามก่อน พระเจ้า
    กรุงพุกามก็ยินยอม
    [​IMG]
    กาลต่อมา เมื่อสำเภาลำที่หายไปก็มาถึงกรุงพุกาม ตรวจสอบแล้วมีแต่พระไตรปิฎกอย่างเดียว หามีพระแก้วมรกตไม่ พระเจ้ากรุง
    พุกามทรงทราบดีว่า พระเจ้ากรุงอินทปัตถ์มีพระประสงค์จะได้พระแก้วมรกตไว้สักการะ บูชาในกรุงอินทปัตถ์ พระเจ้ากรุงพุกามก็มิได้
    คิดอะไรอีก พระแก้วมรกตนี้ได้ตกอยู่
    ในกรุงอินทปัตถ์มาช้านานจนรัชสมัยพระเจ้าเสนกราช พระองค์มีพระราชโอรสองค์หนึ่ง สนพระทัยเที่ยวจับแมลงวันหัวเขียวมาเลี้ยงไว้
    และบุตรชายของปุโรหิตคนหนึ่งชอบเล่นแมลงวันหัวเสือ ต่อมาแมลงวันหัวเสือของบุตรชายปุโรหิตกัดแมลงวันหัวเขียวของราช โอรสตาย
    พระราชโอรสเสียพระทัยและฟ้องพระเจ้าเสนกราชผู้บิดา จนมีรับสั่งให้นำบุตรชายของปุโรหิตไปผูกให้จมน้ำตาย ปุโรหิตผู้พ่อพร้อมด้วย
    ภรรยาพาบุตรชายหนีออกจากเมือง เพราะเห็นว่าพระเจ้าเสนกราชปราศจากความยุติธรรม เอาแต่พระทัยตนเอง พญานาคราชก็โกรธพระเจ้า
    เสนกราชที่อยุติธรรม ที่สั่งให้เอาบุตรปุโรหิตไปผูกมัดเพื่อให้จมน้ำตาย จึงบันดาลให้น้ำท่วมเมืองอินทปัตถ์ เป็นที่ระส่ำระสายแก่ประชา
    ราษฎร์ยิ่งนัก
    [​IMG]
    มีพระเถระรูปหนึ่งไม่ปรากฏนาม ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตพร้อมด้วยคนรักษา หนีภัยแล่นเรือไปทางทิศเหนือของเมืองอิน
    ทปัตถ์
    ในราชอาณาจักรไทยขณะนั้น กรุงศรีอยุธยา กษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงพระนามว่า พระเจ้าอาทิตยราช เมื่อทรงทราบว่ากรุงอินทปัตถ์
    เกิดกุลียุค น้ำท่วมบ้านเมืองเสียหาย ผู้คนล้มตายมาก ทรงพระวิตกถึงพระแก้วมรกตจะอันตรธานสูญหายไป จึงจัดทัพไปรับพระแก้ว
    มรกตอัญเชิญลงสำเภา พร้อมกับคนรักษากลับสู่กรุงศรีอยุธยา เมื่อมาถึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตประดิษฐานในมหาเวชยันต์ปราสาท
    ประดับตกแต่งด้วยเครื่องสักการะอันประณีต จัดการฉลองสมโภชเป็นการใหญ่ พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาและประชาราษฎร์ได้ถวายสักการะ
    พระแก้วมรกตต ลอดมา และต่อมา พระยากำแพงเพชรได้ลงมากรุงศรีอยุธยา กราบทูลขอพระแก้วมรกตไปสักการะ ณ เมืองกำแพงเพชร
    ต่อมาโอรสพระองค์หนึ่งมีชนมายุเจริญวัย โปรดให้ไปครองกรุงละโว้ ระลึกถึงพระแก้วมรกตได้ ปรารถนาอยากได้พระแก้วมรกตไว้
    สักการะ บูชา จึงทูลขอต่อพระมารดา พระมารดามีความรักพระโอรสขัดไม่ได้ จึงทูลขอต่อพระสามี ก็ได้รับอนุญาตให้อัญเชิญไปได้ แต่
    ให้ไปเลือกเอาเอง เพราะประดิษฐานรวมกับพระแก้วองค์อื่นๆ อีกหลายองค์ พระมารดาและโอรสไม่ทราบว่าพระแก้วมรกตองค์ไหนเป็น
    องค์ที่แท้จริ ง จึงให้ไปหาคนเฝ้าประตูรับสั่งคนเฝ้าประตูและให้สินบนช่วยชี้แจง คนเฝ้าประตูรับว่า จะนำดอกไม้สีแดงไปวางไว้บนพระ
    หัตถ์พระแก้วมรกตองค์ที่แท้จริงให ้ พระโอรสได้พระแก้วมรกตสักการะ บูชาไว้ ณ เมืองละโว้ เป็นเวลา ๑ ปี ๙ เดือน ก็ต้องอัญเชิญพระ
    แก้วมรกตกลับเมืองกำแพงเพชรตามข้อตกลง
    ในขณะนั้น พ.ศ.๑๙๗๗ พระเจ้าพรหมทัตเจ้าเมืองเชียงราย ทรงทราบว่า พระยากำแพงเพชรผู้ทรงเป็นสหายมีพระแก้วไว้สักการะ
    บูชา ก็ปรารถนาอยากได้สักการะ บูชาบ้าง จึงจัดขบวนรี้พลสู่เมืองกำแพงเพชร พระปิยะสหาย ทูลขออาราธนาพระแก้วมรกตสู่เมือง
    เชียงราย เมื่อได้แล้วก็ดีพระทัย จัดขบวนเดินทางกลับไปสมโภช ณ เมืองเชียงรายเป็นนิจ ต่อมาเจ้าเมืองเชียงรายเกรงว่าเมื่อเกิดสงครามขึ้น
    จะเป็นอันตรายต่อพระแก้วมรกต หวังจะซ่อนเร้นมิให้ศัตรูปัจจามิตรทราบ จึงสั่งให้เอาปูนทาลงรักปิดทองบรรจุเสียมิดชิด ดูประดุจพระ
    พุทธรูปศิลาสามัญ
    ลำดับต่อมา พระสถูปเจดีย์ที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตถูกอสุนีบาตพังทลายลง ชาวเมืองจึงอัญเชิญไปประดิษฐานยังวิหารวัดแห่งหนึ่ง
    ครั้นต่อมาปูนที่พอกไว้ตรงพระนาสิกกะเทาะออก เห็นแก้วสีเขียว เจ้าอธิการและพระสงฆ์ในวัดนั้น จึงกะเทาะเอาปูนออกเห็นเป็นพระ
    แก้วทึบทั้งองค์ บริสุทธิ์ดี มีรัศมีสุกใสสกาวไม่มีรอยบุบสลายเลย ราษฎรเมืองเชียงรายและหัวเมืองใกล้เคียง จึงพากันไปถวายสักการะมิได้
    ขาดสาย ความได้ทราบถึงพระเจ้าเมืองเชียงใหม่ จัดขบวนรี้พลช้างม้าเดินทางไปอัญเชิญพระแก้วมรกตสู่นครเชียงใหม ่ ครั้นขบวนแห่
    อัญเชิญมาถึงทางแยกที่จะไปนครลำปางช้างที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ก็พาพระแก้วมรกตวิ่งเตลิดไปทางนครลำปาง ควาญช้างได้
    ปลอบโยนให้หายจากความตื่น ช้างเชือกนั้นก็วิ่งเตลิดพาพระแก้วมรกต กลับหลังวิ่งไปทางนครลำปางอีก ควาญช้างได้พยายามเปลี่ยนช้าง
    เชือกใหม่อีก ช้างตัวใหม่ก็วิ่งไปทางนครลำปางอีก ควาญช้างได้พยายามเล้าโลมเอาอกเอาใจอย่างไร เพื่อจะให้ช้างเดินทางไปนคร
    เชียงใหม่ก็ไม่สำเร็จอีก ท้าวพระยาตลอดจนประชาชนในขบวนแห่พระแก้วมรกต เห็นประสบเหตุการณ์เช่นนั้น จึงส่งใบบอกไปยังพระ
    เจ้าสามแกนเจ้านครเชียงใหม่ให้ทรงทราบ พระเจ้าเชียงใหม่มีความเลื่อมใสพระแก้วมรกตมาก แต่ก็กริ่งเกรงในพุทธานุภาพพระแก้วมรกต
    และถือโชคลาง เพราะที่ช้างไม่ยอมเดินทางไปนครเชียงใหม่นั้น คงเป็นด้วยพุทธานุภาพของพระแก้วมรกตไม่ยอมเสด็จมาอยู่เชียงใหม่ จึง
    อนุโลมให้พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ ณ นครลำปาง
    ต่อมา พ.ศ.๒๐๑๑ พระเจ้าติโลกราช เจ้านครเชียงใหม่ เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงอานุภาพมาก ทรงพิจารณาว่า พระแก้วมรกตเป็น
    สมบัติอันล้ำค่า ไม่สมควรที่จะประดิษฐานอยู่ที่นครลำปางอีกต่อไป จึงได้อาราธนาอัญเชิญพระแก้วมรกตมายังนครเชียงใหม่ แล้วจัด
    สร้างพระอารามราชกูฏเจดีย์ถวาย พระเจ้าเชียงใหม่สร้างวิหารให้เป็นปราสาทมียอด แต่ก็หาสมปรารถนาไม่ เพราะอสุนีบาตทำลายหลาย
    ครั้งและพระแก้วมรกตได้ประดิษฐานอยู่ ณ นครเชียงใหม่นานถึง ๘๔ ปี
    ครั้นพระเจ้าเชียงใหม่ซึ่งเป็นพระราชบิดานางหอสูง เสด็จสวรรคต เมืองเชียงใหม่ไม่มีกษัตริย์จะครองราชย์ ท้าวพระยาเสนาบดีและ
    สมณะ ชีพราหมณ์ จึงพร้อมกันแต่งตั้งราชฑูต พร้อมด้วยเครื่องราชบรรณาการไปขอเจ้าราชโอรส อันเกิดจากนางหอสูง มาครองราช
    สมบัติแทนพระอัยกาต่อไป พระเจ้ากรุงศรีสัตนาคนหุตทรงทราบ จึงโปรดให้เสนาบดีแต่งจตุรงคเสนาพาเจ้าไชยเชษฐา ซึ่งมีพระชนมายุ
    ๑๒ พรรษา ขึ้นไปกระทำพิธีราชาภิเษกตามประเพณี ครองราชสมบัติ ณ นครเชียงใหม่ ทรงนามว่าพระเจ้าศรีไชยเชษฐาธิราช เจ้านคร
    เชียงใหม่ เมื่อเสร็จการราชพิธีราชาภิเษกแล้ว พระเจ้าโพธิสารก็เสด็จกลับคืนมายังกรุงศรีสัตนาคนหุตได้ ๓ ปี ก็สวรรคต เสนาบดีพฤฒา
    มาตย์ผู้ใหญ่ ตลอดจนสมณะ ชีพราหมณ์เห็นว่า ถ้าให้ราชโอรสองค์อื่นครองราชสมบัติ ก็คงจะเกิดแก่งแย่งสมบัติกันขึ้น จึงพร้อมใจกัน
    อัญเชิญพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ขึ้นครองราชสมบัติอีกเมืองหนึ่ง พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจึงเสด็จมาประทับยังกรุงศรีสัตนาคนหุต ได้
    อัญเชิญพระแก้วมรกตมาด้วย เพื่อให้พระราชวงศ์และประชาราษฎร์ได้กราบไหว้นมัสการ บางโอกาสเสด็จมาประทับกรุงศรีสัตนาคนหุต
    เป็นเวลาช้านาน ทำให้ชาวเมืองเชียงใหม่คิดว่า พระองค์คงจะไม่เสด็จกลับไปครองเมืองเชียงใหม่ จึงได้อัญเชิญเชื้อพระวงศ์ขึ้นครองราชย์
    แทน ทำให้พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชทรงพระพิโรธมาก กรีฑาทัพยกไปจะตีเมืองเชียงใหม่ แต่พระเจ้าสุทธิวงศ์ทรงทราบข่าวศึกเกรงพระเด
    ชานุภาพ จึงแต่งพระราชสาส์นเครื่องมงคลราชบรรณาการ พร้อมด้วยสาวพรหมจารี ๑๒ คน เลือกเฟ้นเอาที่มีสิริโฉมงดงาม ส่งไปถวายพระ
    เจ้ากรุงอังวะ ขอกองทัพพม่ารักษาเมือง พระเจ้ากรุงอังวะได้โปรดให้ยกกองทัพไปช่วยเมืองเชียงใหม่ เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ พระเจ้าไชย
    เชษฐาธิราชเห็นว่า จะทำศึกกับเชียงใหม่ ก็เหมือนกับทำศึกกับพม่า จะทำให้เสียไพร่พลตลอดจนเสบียงอาหาร ไม่ชอบด้วยทศพิธราชธรรม
    และเกรงว่าจะสู้ทัพข้าศึกมิได้ จึงสั่งให้ถอยทัพ พร้อมด้วยอัญเชิญพระแก้วมรกตมาอยู่ในเมืองหลวงพระบาง ๑๒ ปี
    ลุถึง พ.ศ.๒๑๐๗ พระเจ้าหงสาวดีบุเรงนอง เจ้าเมืองมอญ กำลังเรืองอำนาจ พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชเห็นว่าจะสู้มอญไม่ได้ จึงมีดำรัสแก่
    อนุชาทั้งสองและอำมาตย์แสนท้าวพระยาลาวทั้งปวงว่า ที่ตั้งกรุงศรีสัตนาคนหุตนี้ เป็นถิ่นที่ดอนใกล้ภูเขาใหญ่ ชัยภูมิไม่เหมาะสมจะเป็น
    ราชธานีของพระมหากษัตริย์ เห็นควรอพยพครอบครัวไปสร้างพระนครใหม่ อยู่ที่เมืองเวียงจันทน์ อันเป็นชัยภูมิอันสมบูรณ์ด้วยภักษา
    ผลาหาร ใกล้กับฝั่งแม่น้ำยิ่งกว่ากรุงศรีสัตนาคนหุต เมื่อดำริต้องกันทั้งสามพระองค์แล้ว จึงได้สร้างเมืองเวียงจันทน์ขึ้นใหม่ พระเจ้าไชย
    เชษฐาธิราชเถลิงถวัลยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระ องค์เองในเมืองเวียงจันทน์ และได้อาราธนาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร มา
    ประดิษฐานไว้ในปราสาท แต่นั้นต่อมาอีก ๒๑๔ ปี
    [​IMG]
    ครั้นถึง พ.ศ.๒๓๒๑ พระเจ้าตากสิน เมื่อครั้งเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร ขึ้นแก่กรุงศรีอยุธยา ให้รวบรวมไพร่พลที่
    เหลือจากพม่าโจมตี ตั้งตัวเป็นมหากษัตริย์สืบวงศ์สยาม ตั้งกรุงธนบุรีหัวเมืองชายทะเลขึ้นเป็นพระมหานคร ได้ยกทัพไปตีกรุงศรีสัต
    นาคนหุต เพื่อประสงค์จะแผ่พระเกียรติยศให้ยิ่งใหญ่ไพศาล และขยายขอบเขตขันธเสมาอาณาจักรให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยให้สมเด็จ
    พระยามหากษัตริย์ศึก ขึ้นไปตีกรุงศรีสัตนาคนหุต
    เมื่อได้เมืองเวียงจันทน์แล้วได้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมา กร พระแก้วมรกต กับพระบาง ขึ้นคานหามมายับยั้งอยู่เมือง
    สระบุรี แล้วแจ้งข้อราชการมีชัยชนะศึก ตลอดจนได้อัญเชิญพระพุทธปฏิมากรพระแก้วมรกตนั่ง และพระพุทธปฏิมากรยืนชื่อพระบางมา
    ด้วย เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทราบ ทรงเลื่อมใสศรัทธาปสาทะ ให้ราชบุรุษอาราธนาพระสังฆราชและพระราชาคณะฐานานุกรมเปรียญทั้ง
    ปวง จัดกำลังเรือและฝีพายให้ขึ้นไปรับพระแก้วมรกตและพระบางมายังกรุ งธนบุรี โดยให้เรือพระที่นั่งศรี เป็นเรือพระรับพระแก้วมรกต
    และเรือที่นั่งกราบรับพระบาง พร้อมด้วยเรือชัยต่างๆ เรือตั้งกัน ๑๖ คู่ เรือรูปสัตว์ ๑๐ คู่ มีเรือเครื่องสูงเศวตฉัตรกลองชนะมโหระทึก
    ดนตรีประจำทุกลำ แห่ล่องมาเป็นขบวนพยุหยาตรานาวาจนถึงกรุงธนบุรี เชิญพระแก้วมรกตและพระบางประดิษฐานไว้ในโรงภายใน
    พระราชวัง ซึ่งปลูกไว้ริมพระอุโบสถวัดแจ้ง
    [​IMG]
    ตั้งเครื่องสักการะ บูชา เป็นมโหฬารดิเรกด้วยเงิน ทอง แก้ว บูชาพระไตรยาธิคุณ และโปรด
    ให้มีการถวายพระพุทธสมโภช มีมหกรรมมหรสพฉลอง เวลากลางคืนจุดดอกไม้เพลิงทุกคืนตลอด ๗ วัน ๗ คืน
    ครั้นสิ้นรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรีแล้ว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ณ กรุงรัตน
    โกสินทร์
    [​IMG]
    เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ โปรดให้สร้างพระอารามขึ้นในพระบรมมหาราชวัง ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
    ครั้นพระอุโบสถสร้างเสร็จแล้วจึงให้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษ ฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
    [​IMG]
    เมื่อวันจันทร์
    เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่ำ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๒๗
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงมีพระราชศรัทธาสร้างเครื่องทรงถวายเป็นพุทธบูชา สำหรับฤดูร้อนและฤดูฝน
    เครื่องทรงสำหรับฤดูร้อน เป็นเครื่องต้นประกอบด้วยมงกุฎพาหุรัด ทองกร พระสังวาล เป็นทองลงยา ประดับมณีต่างๆ จอมมงกุฎ
    ประดับด้วยเพชร เครื่องทรงสำหรับฤดูฝน เป็นทองคำ เป็นกาบหุ้มองค์พระอย่างห่มดอง จำหลักลายที่เรียกว่าลายพุ่มข้าวบิณฑ์ พระเศียร
    ใช้ทองคำเป็นกาบหุ้ม ตั้งแต่ไรพระศกถึงจอมเมาลี เม็ดพระศกลงยาสีน้ำเงินแก่ พระลักษมีทำเวียนทักษิณาวรรต ประดับมณีและลงยาให้
    เข้ากับเม็ดพระศก
    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสร้างเครื่องทรงฤดูหนาวถวายอีกชุดหนึ่ง ทำด้วยทองเป็นหลอดลงยาร้อยด้วยลวดทอง
    เกลียว ทำให้ไหวได้ตลอดเหมือนกับผ้า ใช้คลุมทั้งสองพาหาขององค์
    [​IMG]
    พระบุษบกทองที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สร้างด้วยไม้สลักหุ้มทองคำทั้งองค์ ฝังมณีมีค่าสีต่างๆ ทรวดทรงงด
    งามมาก เป็นฝีมือช่างรัชกาลที่ ๑ เดิมบุษบกนี้ตั้งอยู่บนฐานชุกชี พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเบญจา
    สามชั้นหุ้มด้วยทองคำ สลักลายวิจิตรหนุนองค์บุษบกให้สูงขึ้น
    บนฐานชุกชีด้านหน้า ประดิษฐานพระสัมพุทธพรรณี เป็นพระพุทธรูปที่คิดแบบขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ ๔ โดยไม่มีเมาลี มีรัศมีอยู่
    กลางพระเศียร จีวรที่ห่มคลุมองค์พระเป็นริ้ว พระกรรณเป็นแบบหูมนุษย์ธรรมดาโดยทั่วไป หน้าฐานชุกชีประดิษฐานพระพุทธปฏิมากร
    ฉลองพระองค์รัชกาลที่ ๑ และรัชกาลที่ ๒ องค์ด้านเหนือพระนามว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก องค์ด้านใต้พระนามว่า พระพุทธเลิศหล้า
    นภาลัย พระพุทธรูปทั้งสองพระองค์นี้ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์สูง
    ๓ เมตร ทรงเครื่องแบบจักรพรรดิหุ้มทองคำ เครื่องทรงเป็นทองคำลงยาสีประดับมณี
     
  17. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144

    สงกรานต์นี้น่าจะถึงเวลาแล้วใช่ไหมครับ
    555:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มีนาคม 2010
  18. pu4755

    pu4755 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    440
    ค่าพลัง:
    +5,149

    โอนแล้วครับ รายละเอียดใน PM ครับผม
     
  19. หมูเล็ก

    หมูเล็ก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2008
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +2,144
    รับทราบการโอนครับ คืนนี้ผมจะลงแก้วนางขวัญเม็ด
    ใหม่ และรายการอื่นๆ ประมาณ 21.30น.เชิญแวะเข้ามาชมครับ

    ขอบคุณมากครับ :z16
     
  20. anuchang

    anuchang เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2005
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +12,748
    ขอจองรายการนี้ 3 ชิ้นครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...