ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

ขอบคุณมากครับพี่คำรณ สุดท้ายกรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร หลวงปู่มาโปรดจริงๆ ครับ สาธุๆๆๆ

 

ขออนุญาติสอบถามนะครับ
1.คาถาที่ให้ไว้สามารถจดไว้ได้มั๊ยครับ หรือต้องท่องจำอย่างเดียวครับ
2.คาบ หมายความว่าอย่างไรครับ ส่วนใหญ่จะได้ยินแต่ จบ ครับ
3.ทุกคาถาจำเป็นต้องตั้ง นะโม 3 จบ ก่อนรึเปล่าครับ..ขอบคุณครับ

 

................
ท่านเจ้าของกระทู้เคยบอกว่า
1. คาถาบทไหนที่บอกว่า "ห้ามจด ให้จำเอา"ก็คือให้จำเอา (สามารถ save ไว้ในคอม ฯ ไว้ท่องได้ แต่ห้ามจด ห้ามพริ้นต์) แต่ถ้าบทไหนไม่ได้ห้ามจด ก็สามารถจดได้ครับ
2. "คาบ" ก็เหมือนทานพญายาบอกครับ.....คือกลั้นลมหายใจแล้วสวดบทคาถาจนจบ ถือว่าเป็น 1 คาบ
3. ทุกคาถาต้องตั้งนะโม 3 จบก่อนครับ
ผิดถูกอย่างไรท่านผู้รู้แนะนำด้วยนะครับ.....

 

ขอบคุณครับที่แนะนำ

 

ขอบคุณครับที่แนะนำ

 

ได้รับพระแล้วครับ พร้อมจีวร ครับ ดีใจจังเลย ไม่แตกครับ แต่สีทอง ๆ ถลอกไปบ้าง

ขอบคุณครับ

 

บทนี้ ไม่เคยครับ ที่สวดประจำคือ บทธารณะปริตร ครับ ซึ่งทางพม่ายอมรับว่า ดีมาก และ มีคนหลายคน ที่สวดประจำ พบความศักดิ์สิทธิ์ ในเรื่อง ความสำเร็จ ครับ....

 

เอาบท บทธารณะปริตรพร้อมคำแปลมาฝากครับ

 

^^อนุโมทนาด้วยครับ ขอบคุณครับ

 

ขอบคุณความรู้ ดีๆๆที่มีให้ ตั้งใจอ่านตั้งแต่หน้าแรกเลยครับ เข้ามาใหม่ ฝากตัวด้วยครับ

 

มาเก็บสาระ ดีๆจาก ทุกๆท่านครับ...

 

ได้รับจีวร และพระ แล้วครับ ขอบคุณมาก ๆ ครับ

 

เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาก็ได้ไปแนะนำลูกน้อง/ลูกศิษย์(บางคนที่เรียนวิชาไป) เกี่ยวกับการป้องกันตัวในเรื่อง การป้องกันคุณผี คุณคน
ก็มีคนสอบถามว่าถ้าเราจะไล่ผีที่เข้าคนนั้นจะใช้อะไรไล่ได้บ้าง และทำอย่างไร
ก็ถือว่าเป้นความรู้ขั้นต้นที่ดีครับ..
ตามแนวทางผมที่ครูอาจารย์ท่านสอน ก่อนจะไปไล่ผีเราต้องสวดมนต์ไหว้พระเสียก่อน อาราธนาศีลหน้าพระพุทธรูป อย่าไปแบบรีบๆร้อนๆ เพราะเราไม่รู้ว่าผีที่เข้านั้น คือใคร..เล็ก ใหญ่ ดี ร้าย ..แต่ตัวเราต้องมีดีไปก่อน

เมื่อถึงบริเวณบ้านคนไข้ต้องไหว้เจ้าที่ เจ้าทาง ขออนุญาติเข้าอาคารบ้านเรือน ก่อนก้าวขึ้นบันได บริกรรมคาถาด้วยบท พุทธะสังมิฯ ๓ คาบ กลั้นใจก้าวขึ้นไปบันไดขั้นที่ ๓ (เว้นขั้น ๑ และ ๒ นี่คือเคล็ดครับ ถ้าจะไปเจรจากับผู้ใด ต้องการนะจังจัง ก็ทำแบบนี้ได้ ขึ้นตึกอาคารให้ กลั้นใจก้าวขึ้นขั้นที่สามไปเลย.= อย่าถามเหตุผลครับ เพราะผมก็ตอบไม่ได้)
ก่อนเข้าห้องเจอหน้าคนไข้ ก็ ว่าบทหัวใจราชสีห์
ตะมัตถัง ปะกาเสนโต ตัวกูคือพระยาราชสีโห สัตถาอาหะฯ
เข้าไปนั่ง ตรงหน้า ภาวนาคาถาบทใดบทหนึ่งตลอดเวลา..เช่น บารมี ๓๐ ทัศ อิติปาระมิตตาติงสา อิติสัพพัญูมาคะตา อิติโพธิมะนุปปัตโต อิติปิโสเตนะโมฯ (ผมชอบบทนี้ ปสก.ที่ผ่านมา บางทีภาวนาไป ยังไม่ทันถามผีเลย..มันหันมายิ้มๆบอกว่า มาล้อเล่นเฉยๆไปละ แบบนี้ก็มี) ..จากนั้นค่อยถามไถ่ว่ามายังไงไปยังไง มาเข้า มาสิงทำไม ...จากนั้นก้วิเคราะห์ดูว่ามาดีมาร้าย
จาก ปสก. ถ้าผีร้ายก้มหน้านิ่ง ครางฮื่อๆๆ ไม่ยอมพูด ตาไม่สบกับคน ถ้าผีดีจะมีพูดบ้าง แต่ก้มหน้า...ถ้าเป้นผีชั้นสูง หรือเจ้าพ่อ เจ้าแม่ นั่งตัวตรง อัดบุหรี่ วาบๆ ตามองขมึง บางคนกลัวไม่กล้า มอง..เคยเจอครั้งเดว เจ้าพ่อต้นมะขาม ก้พูดกันดีๆ เพราะรู้เรามาดีไม่ได้มาไล่ ..ก็บอกว่ามีคนทำผิดแบบนั้นแบบนี้ ให้ไปแก้เสีย..
การไล่ผีร้าย อันนี้ ควรรู้ไว้บ้าง...ถ้าจะคล้องพระต้องหาคนจับหลายคนเพราะผีมันจะกระชากออกง่าย...ถ้ามีน้ำมนต์ จากวัดไหนก็ได้ ให้ราดจากหัวลงไป..ถ้ามีผ้ายันต์ท้าวเวสสุวรรณจะดีมากให้เอากดที่หัว..รวมไปถึงมีดหมอ ครับ ออกเร็วมาก.แต่ก่อนใช้ก็ อาราธนาซะก่อน.นี่เพียงตัวอย่างครับ..แต่ถ้าดื้อมากกว่านี้ แสดงว่ามีฤทธิ์มาก ต้องตามหมอผีแล้วล่ะ ๕๕ ..อ้อ ไม้ที่ผีกลัว ก็มี ไม้มะขามป้อม ไพล ข่า หวาย ผมใช้ไม้มะขามป้อม ครับ ดูจะมีพลังดี

มันเป็นเรื่องราวความเชื่อที่คู่มากับสังคมไทยในยุคก่อนๆมาครับ มาทุกวันนี้ ก็นานๆจะเจอซั้กครั้ง ในเรื่องผี สาง นางไม้ ...แต่ก็เรียนรู้ไว้ สรรพวิชา ล้วนแต่มีคุณค่าของมันอยู่ในตัวครับ..ถ้าเรารู้วิธีการนำไปใช้ หรือจะนำไป วิตก วิจาร ให้เกิดปัญญา ก็ยังได้อยู่...[/

 

.... แล้วเวลาอารธนาผ้ายันต์ หรือว่า มีดหมอ นี้ หากจำคาถาเจ้าของไม่ได้ มีคาถาอื่นที่สามารถใช้อารธนาแทนได้หรือป่าวครับ ...

 

ได้สิ ขอแค่ตั้งนะโม ๓ จบก่อน พุทธังอาราธนานัง ธัมมังอาราธนานัง สังฆังอาราธนานังฯ แค่นี้ก็ใช้ได้ แล้ว..
เพราะของดี นั้น ท่านพร้อมแสดงอิทธิฤทธิ์ ออกมาอยู่แล้ว

 

สวัสดีครับ วันนี้ท่านเสธฯ มาแบบจัดเต็มจัดหนักครับ ขออนุโมทนา
ที่บ้านผมอยู่ จว.บุรีรัมย์ ชายแดนเขมร เจอเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ผมก็ชอบไปนั่งดู
มีความคิดแว๊บๆ ว่าซักวันนึง เราต้องมานั่งแก้ปัญหา(ไล่ผี)ให้กับคนในครอบครัวแน่
จึงศึกษาเรื่องนี้ไว้ ขอบคุณที่นำมาแนะนำครับ

 

๕๕๕ ไม่ขนาดนั้นหรอก...แค่มาบอกกล่าวกันไว้เผื่อจะนึกขึ้นได้ไว้ใช้ใน นาทีฉุกเฉิน
เคล็ดอยุ่ที่ควรทำตัวเราให้มีคุณสมบัติ เป็นพุทธมามะกะ สมบูรณ์นั่นแหละ ณ เวลานั้นขอให้ศีล๕ ครบไว้ก่อน..วิญญาน/ผี นั้นจะได้กลิ่นมนุษย์ทางกายทิพย์คือ ศีล....ถ้าใครมีศีลดี ท่านว่าผีได้กลิ่นก็เกรงกลัวอำนาวจบารมีแล้ว เมื่อจะทำอะไรมันก็จะผ่านฉลุย...ดังนั้น ควร อาราธนาศีลก่อนเสียทุกครั้ง ที่จะไปเผชิญ กับสิ่งทางตาไม่เห็น ครับ..

เขาบอกคนมีแต่วิชา ไม่มีศีลไม่มีธรรม อาจจะโดนผีตะเพิดใส่เอานะจะบอกให่ .

 

มาเล่าเรื่องราวเก่าก่อนให้ฟังบ้าง เดวจะเงียบเหงา คงไม่พ้นเรื่องไสยศาสตร์ครับ ในสมัยผมวัยรุ่นก็มีน้าชายคนหนึ่งที่ชอบเรื่องนี้เหมือนๆกัน และเป็นคนที่ชอบพาผมไปเสาะแสวงหาครูอาจารย์อยุ่เรื่อยๆ ในสมัยนั้น เรื่องอยู่ยงคงกระพัน มาอันดับหนึ่ง เรื่องเมตตา วิชาสาว มาอันดับสอง เพราะสมัยนั้นนักเลงเยอะ ตีรันฟันแทงกันประจำ..เหนียวไม่เหนียวก็ได้ข่าวแน่ๆ..เพราะพวกเหนียวโดนแล้วไม่แตก ไม่เข้า พวกไม่เหนียว ก้ต้องไปนอนรักษาแผลที่บ้าน..น้อยคนที่ไปโรงบาล ๕๕ เพราะไปยาก

จำได้ว่าได้ลงของครั้งแรกนั้น เป็นเด็กมัธยม(ม.ศ.๓ มั้ง) เป็น การเป่าแผ่นทองใส่หน้าผาก ๙ แผ่น ค่าครู ๑๙ บาท กับอาจารย์ฆราวาส ชื่อ อ.เสือ ..เป่าเสร็จก้ชักดาบยาวฟันลงกลางหลัง ๓-๔ ที ปั้กๆๆ ..ตอนนั้นไม่รู้ว่าเหนียวหรือไม่เหนียวเพราะใจมันกลัวมากกว่า๕๕.ลงมาก็ไม่ได้มาลองอะไรกะใครเพราะนิสัยไม่ใช่นักเลงหาเรื่อง...ต่อมาน้าชายก็ชวนไปสักอีก แต่ผมไม่ชอบแล้วอีกอย่างมันเจ็บ จึงไม่เอา..แต่ผ่านมาหลายปี ศิษย์ที่สักมากับฆราวาส สายนี้ก้ไม่มีสิ่งยืนยันประจักษ์เรื่องเหนียวคงทนอาวุธ...คือ ไม่มีใครดังขนาดว่า ติดปาก ชาวบ้าน...
ส่วนคนที่ดังติดปากชาวบ้าน กับ เป็น คนที่มีคาถาอาคม...เพราะเห็นกันกับตา จะจะ ว่างั้น
..อาผมคนหนึ่งที่ผมเห้นตั้งแต่เด็ก(ประมาณ ม.ศ.ปลาย) เคยประจันหน้ากับคู่อริ กลางวงเหล้า ..ฝ่ายตรงข้ามชักปืนลูกซองสั้นมาก่อน..แกก็บอกว่าไปยิงกันข้างล่างเดวโดนคนอื่น..ลงไปที่ลานก็ใส่กัน เสียงแซะ ไม่มีลั่นเลย..ถึงตาอาผมบ้างแกยิงไปที่เท้า เสียงตูม สนั่น นิ้วห้อยร่องแร่ง..แกบอกว่า วันนี้ไม่อยากฆ่าใคร..สุดท้ายคู่อริ (เสือเหมือนกัน) พวกหามกลับไป และหายหน้าไปจากพื้นที่นับจากวันนั้น ได้ข่าวสุดท้ายไปถูก จนท.ตำรวจยิงตายที่ พิจิตร มารู้ภายหลังอาผมว่า ถ้าวิชาไม่แน่จริงมันคุ้มข้อมือ ข้อเท้าไม่ได้หรอก..ยิงไปงั้นแหละ ยังไม่ได้ภาวนาคัดถอนอะไรเลย..แต่ในตัวแก ก็ไม่เห็นห้อยอะไร ซั้กอย่าง เพราะถอดเสื้อร่อนจ้อน...จึงเป็นแรงจูงใจที่ดีในการใฝ่ไปทาง คาถาอาคม ..
จนต่อๆมาก็ไปฝากตัวกับ อาจารย์ฆราวาสอื่นๆใกล้ๆหมู่บ้านนั่นแหละ..ส่วนใหญ่จะได้ไม่กี่บท..บทสั้นๆ ไม่ยาว

 

ทำยังไงหนอ จึงจะมั่นใจได้ว่าคาถาอาคมที่เราใช้ไปนั้น
เราทำได้ขึ้นจริง ใช้ได้ผลจริง ทดลองกันเล่นๆไม่ได้ด้วยซิครับ

 

บางสำนักมีวิธีการทดสอบหลายรูปแบบคือ
เสกปูนขาว(กินกับหมาก) แล้วเอาลิ้นแตะชิมรสดู ถ้าปูนไม่กัดลิ้นเปลี่ยนเป็นจืดก็แสดงว่าใช้ได้

เสกใบพลู แล้วกัดชิมดูถ้าไม่กัดลิ้นก็ใช้ได้

เสกมะนาว แล้วชิมดูถ้าเปลี่ยนจากรสเปรี้ยวเป็นจืดหรือหวานก็ใช้ได้
ทั้งปูนและพลู สองอย่างนี้ถ้าอยากรู้ว่าอาการการกัดลิ้นของปูนและพลูเป็นอย่างไรต้องลองชิมด้วยตนเองก่อนจึงจะรู้ได้ แต่ดูท่าแล้วเสกมะนาวให้เปลี่ยนรสคงยากกว่าเสกปูนและพลู บางสำนักเสกเกลือให้เปลี่ยนรสก็มี

มีหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่คำมี วัดถ้ำคูหาสวรรค์ ลพบุรี ก่อนจะเสกพระ เสกเครื่องราง ท่านจะลองเสกปูนก่อนแล้วชิมรส ถ้าปูนยังกัดปากก็ลองเสกใหม่แล้วชิมดูอีกถ้ายังกัดปากเหมือนเดิมแสดงว่าวันนั้นเสกพระเสกเครื่องรางไม่ได้เพราะกำลังของจิตตกใช้คาถาไม่ได้ผล ถ้าปูนเปลี่ยนรสหรือไม่กัดปากแสดงว่ากำลังจิตดีใช้คาถาต่าง ๆ ได้ผล (ปูนที่เสกแล้วเวลาจะทิ้งให้ซัดข้ามหัวไหล่ตนเองไปทางด้านหลัง) ท่านว่าหลวงปู่คำมีสอนไว้อย่างนี้และท่านก็ทำตามตลอด และวันไหนที่เสกปูนไม่ได้ผล ท่านจะไม่ทำอย่างอื่นนอกจากการนั่งสมาธิ