คลังเรื่องเด่น
-
ในหลวงสนทนาธรรมกับพระอาจารย์ฝั้น
ในคราวเสด็จพระราชทานผ้าพระกฐินส่วนพระองค์ครั้งแรก พ.ศ.2515
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นมัสการถามหลวงปู่ฝั้น ความสำคัญว่า.....
1) ปุจฉา-ทำอย่างไร ประเทศชาติ ประชาชน จะอยู่ดีกินดี มีความสามัคคีปรองดองกัน?
หลวงปู่ฝั้นฯ วิสัชนา-ให้เข้าหาพระศาสนา เพราะศาสนาสอนให้ละชั่ว-กระทำความดี-ทำใจให้ผ่องใส
...
2) ปุจฉา-คนส่วนมากทำดี คนส่วนน้อยทำชั่ว จะให้คนส่วนมากเดือดร้อนไหม? ทำอย่างไรจึงจะแก้ไขได้?
หลวงปู่ฝั้นฯ วิสัชนา-ขอถวายพระพร ทุกวันนี้ คนไม่รู้ศาสนา
จึงเบียดเบียนกัน ถ้าคนเรานึกถึงศาสนาแล้ว ก็ไม่เบียดเบียนกัน
เพราะต้องการความสุข ความเจริญ คนอื่นก็เช่นกัน
คนทุกวันนี้ เข้าใจว่า ศาสนาอยู่กับวัด อยู่ในตู้ ในหีบ ในใบลาน อยู่กับพระพุทธเจ้า ประเทศอินเดียโน่น
จึงไม่สนใจ บ้านเมืองจึงเดือดร้อนวุ่นวาย มองหน้ากันไม่ได้
ถ้าคนเราถือกันเป็นบิดามารดา เป็นพี่น้องกันแล้ว
ก็สบาย ไปมาหาสู่กันได้ เพราะใจเราไม่มีเวร เวรก็ไม่มี
ใจเราไม่มีกรรม กรรมก็ไม่มี
ฉะนั้น ให้มีพรหมวิหารธรรม อย่างมหาบพิตรเสด็จมานี้
ทุกอย่างเรียบร้อยหมด
----------
พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo -
ทางแห่งวิปัสสนา พระอริยะบุคคล โดย หลวงปู่กัสสปมุนี วัดปิปผลิวนารม
แจกเป็นธรรมทานนะครับ และบูชาคุณครูบาอาจารย์ หลวงปู่กัสสปมุนี
สำหรับผู้ที่สนใจปฏิบัติอานาปานสติ นะครับ
เล่มนี้มีทั้งหมด 3 บทนี่เป็นบทแรก
ถ้ามีคนสนใจอ่าน ก็จะโพส บทต่อๆ ไปลงเรื่อย ๆนะครับ
--------
ถ้ามีโอกาศ คราวต่อไปจะลงเรื่อง "สภาวะสังขารธรรม" ของท่านนะครับ
ขอให้เจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติทุกท่านนะครับ :d -
หลวงพ่อขี้วัว-พระผู้ทรงอภิญญา โดยหลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
ข่าวเล่าลือ
ประมาณ พ.ศ.๒๔๘๗ - ๒๔๘๘ ในอำเภอสองพี่น้องกับเขตอำเภอบางปลาม้า
ก็ได้ยินข่าวเล่าลือเสมอว่า มีพระพิเศษมาเที่ยวนั่งอยู่ตามกลางทุ่ง
ห่มจีวรสีกลักแล้วก็มีย่ามลูกใหญ่ บางทีเอาผ้าคลุมโปงเวลาเดินไปที่ไหน
เจอะขี้งัวเหลวๆ ก็หยิบใส่ย่ามแล้วนั่งซุ่มๆ เวลาเด็กเลี้ยงวัวเลี้ยงควายเห็นเข้า
เดินเข้าไปใกล้ ท่านก็เดินหนีเสีย
ทีนี้เจ้าพวกเลี้ยงวัวเลี้ยงควายนี่ก็เป็นคนไม่ค่อยจะเหมือนคนเหมือนกัน
บางคราวมันนึกฮิตๆ ขึ้นมา มันนึกว่าเป็นพระบ้าพระบอมันก็วิ่งไล่กวด
ท่านก็วิ่งหนีแล้ววิ่งไปได้ไม่นานทั้งๆที่เป็นกลางวันแล้วก็กลางทุ่ง
ปรากฏว่าไม่เห็นพระองค์นั้น ทำแบบนี้กันอยู่หลายวัน
เทศน์ที่ตำบลสองพี่น้อง
วันหนึ่งเจ้าภาพนิมนต์อาตมาไปเทศน์ที่ตำบลสองพี่น้อง ที่บ้านบางสะแก
แล้วก็วัดบางสะแกหรืออะไรนี่ไอ้วัดนั้นไม่ทราบว่าชื่อวัดอะไรแต่กลุ่มบ้านนั้น
เขาเรียกว่า "บ้านบางสะแก" เมื่อเวลาเทศน์จบก็ต้องค้างคืนเพราะเขานิมนต์ฉันเช้า
ค้างกันอยู่ ๓ องค์ด้วยกัน ไปเทศน์ ๓ องค์ เวลาค้างคืนก็มาค้างที่บ้าน
พอตกกลางคืนเขาก็พูดให้ฟังถึงความมหัศจรรย์ของพระองค์นั้น
ก็บอกเขาว่าจะไปหาว่าท่านเป็นพระบ้าพระบอมันก็ไม่ได้... -
พระสมาธิของในหลวงโดย พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร
ด้วยพระเมตตาแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงสละความสุขส่วนพระองค์เพื่อพสกนิกรชาวไทย พระองค์ประดุจพระผู้สร้างแผ่นดิน ทรงเป็นดั่งผู้มอบชีวิต มอบความรุ่งเรือง มอบความเจริญงอกงามภายในหัวใจคนไทยทั้งชาติ ทรงเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นแรงบันดาลใจจุดประกายพลังแผ่นดิน
หากเราได้มีโอกาสศึกษาพระบรม ราโชวาท แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เราจะเข้าใจได้อย่างแจ่มชัดด้วยคำสอนที่พระองค์ทรงพระราชทานให้แต่ละข้อแต่ ละอย่างนั้น ล้วนเกิดขึ้นจากการที่พระองค์ทรงไตร่ตรองพิเคราะห์ถึงปัญหานั้นอย่างถ่องแท้ แล้วว่า จะเป็นหนทางแห่งการแก้ปัญหาการดับทุกข์ได้ด้วยสมาธิ
ธรรมดาสภาวะจิตอันเป็นสมาธิ นั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เกิดขึ้นจากการบังคับควบคุม เกิดขึ้นจากความผ่อนคลาย หรือเกิดขึ้นจากภาวะคับขันต่อการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นตรงหน้า จะทำให้ต้องเร่งรวบรวมสติให้มั่น ไม่ว่าสมาธิจะเกิดขึ้นอย่างไร สมาธิเป็นของดี เป็นของที่เกิดขึ้นได้จากการฝึกฝน เป็นของที่มีอยู่ในกายและในจิตอันพร้อมเป็นของเข้าใจได้ เป็นของเข้าใจง่าย และใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย... -
สามเณรกุมารกัสสปะ อรหันต์น้อยชีวิตพิสดาร (เสฐียรพงษ์ วรรณปก)
อรหันต์น้อย ชีวิตพิสดาร
(โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก)
สามเณรรูปต่อไปที่กล่าวถึงคือ สามเณรกุมารกัสสปะ เรื่องราวของท่านมหัศจรรย์พันลึกจริงๆ เป็นอย่างไร โปรดตามข้าพเจ้ามา
มีธิดาเศรษฐีเมืองราชคฤห์นางหนึ่ง มีอุปนิสัยในการบรรพชา อยากบวชมาตั้งแต่รู้ความ ขออนุญาตพ่อแม่ไปบวชในสำนักนางภิกษุณี ก็ไม่ได้รับอนุญาต เมื่อเติบโตเป็นสาวแล้ว พ่อแม่ก็ตกแต่งให้มีครอบครัวกับชายที่มีฐานะทัดเทียมกัน แต่งงานไม่นานก็ตั้งครรภ์โดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัว ความคิดอยากจะบวชยังไม่เลือนหายไปจากส่วนลึกของจิตใจ นางจึงขออนุญาตสามีไปบวช สามีคงเห็นความตั้งใจแน่วแน่ของนางกระมัง ในที่สุดได้อนุญาตตามที่ขอนางจึงไปบวชอยู่ในสำนักของนางภิกษุณี
บวชไม่นาน ครรภ์ก็โตขึ้นๆ จนปิดบังไม่อยู่ เมื่อความลับเปิดเผยว่า นางภิกษุณีตั้งท้อง ใครรู้เข้าก็ตำหนิติเตียน ถ้าเป็นสมัยนี้ก็คงเป็นข่าวใหญ่ทางสื่อมวลชนไม่แพ้ข่าวสมีเขียว เพียงแต่ว่า เรื่องสมีเขียวเป็นเรื่องจริง แต่นางภิกษุณีรูปนี้มิได้ทำผิดตามที่เป็นข่าว
ว่ากันว่า สำนักภิกษุณีที่นางสังกัดอยู่ในความดูแลของพระเทวทัต ข่าวภิกษุณีมีท้องรู้ถึงหูพระเทวทัต ท่านก็ “ฟันธง” ทันทีว่า นางภิกษุณีต้อง... -
น้ำมนต์แห้งของหลวงปู่บุดดา
พระอาจารย์ เล่าว่า หลวงปู่สี มรณภาพตอนอายุ ๑๒๘ ปี ถือว่าเป็นพระเถระที่มีหลักฐานอายุที่ชัดเจนที่สุด องค์ที่รองลงไปคือ หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม ปีนี้ท่านน่าจะอายุ ๑๑๔ ปีแล้ว สมัยเก่าไปหน่อยก็ หลวงปู่เงิน วัดบางคลาน อายุ ๑๑๕ ปี คนรุ่นเก่าๆ อายุยืน ไม่ได้อายุยืนอย่างเดียว ร่างกายแข็งแรงด้วย เพราะทำงานหนักมาทั้งนั้น คนรุ่นใหม่ไม่แข็งแรงพอ
ตอนนี้อาตมาสะสมวัตถุมงคลของครูบาอาจารย์อยู่ มีชานหมากหลวงปู่วงศ์ ชานหมากหลวงพ่อฤๅษี ชานหมากหลวงปู่ทิม ลูกอมหลวงปู่ดู่ ลูกอมหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก ลูกอมหลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก ลูกอมหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ยาเม็ดจินดามณี หลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ฯลฯ
เดี๋ยวจะทำวัตถุมงคลรุ่นหนึ่ง จะเทไปเป็นส่วนผสมให้หมด ทำทั้งทีทำแจกไปเลย อย่าไปตั้งราคา ถ้าญาติโยมสังเกตจะเห็นว่า อาตมาจะทำวัตถุมงคลแจกก่อน พอเหลือจากที่แจกแล้วจะราคาแพง เพราะฉะนั้น..วันที่แจกใครไม่มาก็เจ็บตัวทีหลัง ต้องไปซื้อของแพงๆ
มีของอย่างหนึ่งที่เสียดายมากเลย ก็คือ แป้งของ หลวงปู่บุดดา สมัยก่อนอาตมาขนไปทียกโหล ไปให้ท่านเสก คนขอซะเกลี้ยงเลย ทีนี้พอตัวเองอยากได้ก็ตามไปขอแบ่งเขา... -
ช้างผู้ค้ำจุนพระพุทธศาสนา
ช้าง:ผู้ค้ำจุนพระพุทธศาสนา
ช้างสัตว์สี่เท้าที่มีขนาดใหญ่ มีความผูกพันกับคนเรามาแต่ครั้งโบราณ ทั้งยังมีความสำคัญต่อพระพุทธศาสนามาแต่อินเดียโบราณอีกด้วย
หลักฐานซึ่งยืนยันความสำคัญดังกล่าวปรากฏครั้งแรกในราวพุทธศตวรรษที่ 3 คือ ภาพสลักหินประดับพระสถูปสาญจี เป็นพุทธประวัติตอนหนึ่งเป็นรูปที่แปลความได้ว่าคือพระนางสิริมหามายาทรงสุบินถึงช้าง ซึ่งมีความหมายว่าจะผู้มีบุญญาธิการจุติมากำเนิดในครรภ์ของพระองค์
ความหมายในเรื่องของความอุดมสมบูรณ์ สืบเนื่องมาจากคนในสมัยก่อนยังไม่มีศาสนา แต่มีการนับถือธรรมชาติ อาทิ ไฟ น้ำ ต้นไม้ งู โดยพบว่า น้ำมีสำคัญกับชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาพของช้างพ่นน้ำจึงมีความหมาย เป็นมงคล ดังนั้นซุ้มประตูพุทธสถานในอินเดียมักจะปรากฏรูปช้างประดับร่วมอยู่ด้วยเสมอ และสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ดังกล่าวยังคงได้รับความนิยมจวบจนปัจจุบัน
สำหรับประเทศไทย ช้างเข้ามามีบทบาทในงานศิลปกรรมไทยมาตั้งแต่ศิลปะทวารวดี (ยุคเริ่มแรกของวัฒนธรรมพุทธศาสนา) และมีอิทธิพลอย่างยิ่งในสมัยสุโขทัย เช่น เจดีย์วัดช้างล้อม อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย โดยมีการประดิษฐานช้างล้อมรอบส่วนฐานของเจดีย์... -
วิธีเพิ่มพลังบุญทวีคูณให้กับชีวิตอย่างง่ายๆ
วิธีเพิ่มพลังบุญทวีคูณให้กับชีวิตอย่างง่ายๆ
1. การเพิ่มพลังบุญแบบไม่เสียเงินแม้แต่บาทเดียว
เคล็ดวิชานี้ เป็นของท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านสอนไว้ว่า
-เวลาตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำให้ท่องว่า พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เพื่อความเป็นสิริมงคลต่อชีวิตในวันใหม่
-ก่อนกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้า
-ออกจากบ้าน เห็นคนอื่นเค้ากระทำความดี เป็นต้นว่าเห็นเค้าใส่บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ก็ให้นึกอนุโมทนากับเขาด้วย
-เดินผ่านเห็นดอกไม้บูชาพระวางขายอยู่ ก็ให้เอาจิตนึกอธิษฐานขอถวายดอกไม้เหล่านั้นเป็นเครื่องบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ แล้วอย่าลืมอุทิศบุญให้พ่อค้า แม่ค้าดอกไม้นั้นด้วย
-เวลาไปไหนมาไหน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมถวายไฟเหล่านั้นบูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆบูชา
2. การเพิ่มพลังบุญด้วยเงินน้อย แต่ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่
การสร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่นใดก็ตาม รวมถึงธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ... -
เสียงธรรม รวมเพลงบทสวดมนต์ 6 บท โดย อ.ชินกร ไกรลาศ
หากผู้ใดสนใจผมขอเป็นธรรมทานแก่ผู้ศรัทธากับทุกท่านครับ..(อนุญาติโหลดฟรี)
เพลงบทสวดมนต์ 6 บท โดย อ.ชินกร ไกรลาศ file mp3 ครับ
LINK File Name: เพลงบทสวดมนต์ (โดย ชินกร ไกรลาศ) รวม 6 บท.rar
Download เพลงบทสวดมนต์ (โดย ชินกร ไกรลาศ) รวม 6 บท.rar from Sendspace.com - send big files the easy way -
เสียงธรรม คนเราอดีตชาติมาจากนรกหรือสวรรค์ดูยังไง
ไฟล์สนทนา
- คนเราอดีตชาติมาจากนรกหรือสวรรค์ดูยังไง
- ลพ.สอนภาวนาสติ-สัมปชัญญะ
หลวงพ่อเปลี่ยน วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
---
เครดิต ::::
www.aranyawiwake.com -
บุญ"พระเจดีย์ทราย"ยิ่งใหญ่ไพศาล
อานิสงส์ก่อสร้างพระเจดีย์ทราย
อนิสงส์ก่อสร้างพระเจดีย์ทราย จะมั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติ (กรณีก่อสร้างเจดีย์ทรายในวัด อย่างในเทศกาลสงกรานต์ ถือว่าเป็นการขนทรายเข้าวัด ใช้หนี้สงฆ์ ที่เราอาจจะนำฝุ่นทรายของวัดติดตัว ออกไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้เราไม่มีบาปกรรมติดตัว)
เรื่องเล่าอานิสงส์ในสมัยพุทธกาล
ในเมื่อพระองค์เสด็จประทับอยู่ ณ บุพพารามมหาวิหารในนครสาวัตถี ได้เทศนาถึงอานิสงส์ก่อเจดีย์ทราย แล้วตั้งความปรารถนาไว้ เป็นใจความว่า วันหนึ่ง เป็นฤดูร้อนอากาศร้อนอบอ้าวมาก พระเจ้าปัสเสนทิโกศล ทรงพักผ่อนพระอิริยาบถให้สบาย ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำ ไม่ห่างจากพระนครเท่าใดนัก ได้ทรงทอดพระเนตร เห็นทรายขาวสะอาดราบเรียบดีนัก มีพระดำริว่าควรทำเป็นรูปเจดีย์ขึ้น เพื่อบูชาพระรัตนตรัย ดีกว่าที่เราจะมาเดินเล่นโดยเปล่าประโยชน์ เมื่อทรงดำริเช่นนั้น แล้วก็รีบลงมือก่อ เป็นรูปเจดีย์ด้วยพระองค์เอง พวกบริวารทั้งหลายที่ตามเสด็จ ก็ลงมือก่อตามไปด้วย เมื่อสำเร็จแล้ว มองก็เป็นทิวแถว สวยงาม เกิดมีความปิติยินดีเป็นที่ยิ่ง เพราะนับดูแล้วมี ๘ หมื่น ๔ พันองค์พระบรมกษัตริย์ ทรงโสมนัสเป็นยิ่งนัก ก็เสด็จกลับมาสู่ บุพพารามมหาวิหาร... -
บุญที่ทำให้บารมีเต็มเร็ว..เข้าใกล้พระนิพพาน
อานิสงส์ของการทำบุญโดยเสด็จพระราชกุศล
โดยหลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
ท่านสาธุชนพุธบริษัททั้งหลาย ที่เป็นศิษย์หรือไม่ใช่ลูกศิษย์ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง วันนี้ป่วยมาก มีอาการเพลียเป็นพิเศษ นั่งที่ไหนก็อยากจะหลับ พอดีเป็นวันพระแรม ๘ ค่ำเดือน ๘ จะลงศาลาก็คงไม่ไหว เทศน์ก็เทศน์ไม่ไหว จะเดินก็เดินไม่ไหว ความตายมันคลานเข้ามาเต็มที ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง ที่พระพุทธเจ้าเทศน์กับเปสการีท่องไว้ทุกวัน จำไว้ทุกวัน มีความรู้สึกกว่า ไม่ช้าชีวิตนี้มันก็ต้องตายถ้าความตายมันเข้ามาถึง บรรดาท่านทั้งหลาย สิ่งที่ต้องการนั้นคือพระนิพพาน ใครเขาหาว่า บ้าๆ บวมๆ ก็ตามใจ บางท่านบอกว่า พระนิพพานสูญ ตามตำราต่างๆ ก็บอกว่ามีสภาพสูญ แต่ทว่าเมื่อปี ๒๕๐๐ ปีนั้นป่วยมาก ต้องเข้าโรงพยาบาล วันแรกมีการอืดเสียดหนัก ตอนหัวค่ำ วันที่สอง ก็มีอาการอืดเสียดหนักตอนหัวค่ำ พอวันที่สาม จึงสั่งจ่าพยาบาล ให้ไขเตียงให้นั่งได้ เตรียมตัวว่าวันนี้ ถ้าจะขอตาย ก็ตายด้วยสมาธิ และวิปัสสนาญาณเวลา ๑ ทุ่ม
ก็เริ่มทำสมาธิ คิดว่าประมาณ ๒ ทุ่ม ทุกวัน ๒ วันมาแล้ว แต่ว่าวันนี้แปลก คำว่า วันนี้หมายถึง วันนั้นนะ... -
ที่สุดของการถือสา...คนที่หลงกอด"ความว่าง"โดยคิดว่าเป็น"ความมี"ทำไมจะไม่ทุกข์!
ที่สุดของการถือสา...คนที่หลงกอด"ความว่าง"โดยคิดว่าเป็น"ความมี"ทำไมจะไม่ทุกข์!
เคยมีคนกราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า ถ้าหากจะย่อหลักธรรมของพระองค์ให้เหลือเพียงสั้นๆ ทว่าครอบคลุมใจความทั้งหมดแห่งพระพุทธศาสนา จะสรุปได้ว่าอะไร พระองค์ตรัสว่า หากจะให้สรุปเช่นนั้น ก็ขอสรุปว่าใจความแห่งคำสอนของพระองค์ขึ้นอยู่กับประโยคที่ว่า
"สัพเพ ธัมมานาลัง อะภินิเวสายะ ใดใดในโลกอันบุคคลไม่ควรยึดติดถือมั่น" ทำไมจึงไม่ควรยึดติดถือมั่น เพราะที่ใดมีความถือมั่น ที่นั่นก็มีความทุกข์ ความทุกข์ขยายตัวตามระดับความเข้มข้นของความยึดติด ยึดมาก ติดมาก จึงทุกข์มาก ไม่ยึด ไม่ติด จึงไม่ทุกข์ ความไม่ยึดติดถือมั่น กล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า "การปล่อยวาง"
ทำไมจึงต้องปล่อยวาง เพราะทุกอย่าง " มีความว่าง" มาแต่เดิม คนที่หลงกอด "ความว่าง" โดยคิดว่าเป็น " ความมี" ทำไมจะไม่ทุกข์ล่ะ หลายคนชอบกอดไว้หมดทุกเรื่อง ทุกปัญหา ทุกคน แล้วยกขึ้นไปแบกไว้บนบ่า จากนั้นก็มานั่งเป็นทุกข์ว่าทำไมชีวิตถึงได้เหนื่อยล้าขนาดนี้ หมดเรี่ยวหมดแรงเหมือนโลกทั้งโลกกำลังกดทับ ก็เล่นถือเอาทุกเรื่องเป็นเรื่องของตัวหมดเลยนี่ ถ้าไม่แบกเอาไว้ก็คงไม่หนัก... -
หลวงปู่มั่นให้มหาบัว..ใกล้เสือเพื่อพบธรรม
หลวงปู่มั่นให้มหาบัว ใกล้เสือเพื่อพบธรรม
"อาตมาไปอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ได้ กราบอาจารย์มั่นแล้วนอนไม่ได้ แม้จะเดินจงกรมก็ต้องหันหน้าไปไหว้ท่านเสียก่อน"
หลวง ตามหาบัว หลังกราบนมัสการเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโตแล้ว ท่านมีความกตัญญูต่อบูรพาจารย์อย่างยิ่งยวด วัตรประจำวันไม่ว่าจะนอน นั่ง ยืน เดินทุกอิริยาบถ ทุกลมหายใจ
หลวงตามหาบัวมีพระอาจารย์มั่นเป็นสรณะ
นับ เป็นศรัทธาอันใสสะอาดของศิษย์ ที่มีต่อพระอาจารย์ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เสมือนหนึ่งประทีปธรรมแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นแม่ทัพธรรมของพระภิกษุสงฆ์โดยทั่วไป ลูกศิษย์ของท่านแต่ละนาม ล้วนเป็นกำลังหลักในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
พระอาจารย์มั่น หรือหลวงปู่มั่น ชื่อและนามสกุลเดิมคือ มั่น แก่นแก้ว เกิดเมื่อ พ.ศ.2414 บวชเมื่อ พ.ศ. 2436 จำพรรษาอยู่วัดหนองผือนาใน จังหวัดสกลนคร มรณภาพเมื่อ พ.ศ.2492 ณ วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร
ช่วงชีวิตหนึ่งของหลวงตาม หาบัว ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ และติดตามรับใช้อย่างใกล้ชิด ทำให้ทั้งเปี่ยมศรัทธาในข้อวัตร และข้อธรรมต่างๆ ที่พระอาจารย์มั่นพร่ำสอน ทั้งด้านพระธรรมวินัย... -
หลวงตาพระมหาบัว โปรดวิญญาณพ่อนุ่น ในเมืองนรก
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์จริงของคุณนุ่นที่หลายคนอาจจะไม่เชื่อ
แต่ลองอ่านให้จบท่านอาจได้ข้อคิด อะไรหลายอย่างจากเรื่องนี้
เล่าที่มาของนุ่น
บ้านของนุ่นอยู่ในกรุงเทพฯ...
ครอบครัวนุ่นจัดได้ว่าครอบครัวนุ่นมีฐานะครอบครัวหนึ่งเลยก็ว่าได้
แม่และน้าของนุ่นเป็นพวกชอบเข้าวัดทำบุญมาก โดยเฉพาะวัดป่าบ้านตาด
และสวนแสงธรรม
ตั้งแต่มีโครงการณ์ช่วยชาติ ของหลวงตาบัว
เข้าไปช่วยงานจนแทบจะเรียกว่าเป็นกิจกรรมหลักของชีวิตทีเดียว
ส่วน ตัวพ่อและนุ่น แทบไม่เคยเข้าวัดเลย พ่อเป็นพวกติดเหล้า
แต่ก็รักลูกมากจึงไม่ได้ไปกินเหล้านอกบ้าน
แต่กินในบ้านเพื่อจะได้อยู่กับลูก
และด้วยความสุดขั้วมาเจอกันทำให้พ่อและแม่นุ่นมีปากเสียงกันเป็นประจำ
โดยพ่อก็จะต่อว่าแม่และลามไปถึงหลวงตาบัวถึงขนาดเรียกหลวงตาบัวว่า
อีตาบัว
นุ่นเองนอกจากจะสนิทกับพ่อมากกว่าแม่แล้วยังเห็นว่า
แม่เอาแต่ทำบุญไม่สนใจพ่อและนุ่นเลย จึงเข้ากับพ่อเป็นปี่เป็นขลุ่ย
ทุกข์สุดในชีวิต
และด้วยการใช้ชีวิตอย่างที่กินเหล้า-สูบบุหรี่จัด
ทำให้มะเร็งคร่าชีวิตพ่อไปก่อนเวลาอันควร
นั่นเป็นเหตุให้นุ่นเป็นทุกข์... -
พรปีใหม่จากหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
พรปีใหม่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
คัดย่อจากหนังสือกรรมฐาน ๔๐ หน้า ๒๓๕-๒๔๒
ปีใหม่ก็จะคืบคลานเข้ามาถึง ก็เป็นอันว่าชีวิตของเราก็ล่วงเข้ามาอีก ๑ ปี
ปีใหม่ที่เคลื่อนเข้ามาเราก็จะแก่เข้าไปอีก ชีวิตของเราก็จะเดินเข้าไปหาความดับ
เพราะธรรมดาของชีวิตเมื่อมีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น และก็มีความเปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง
และมีการตายแตกทำลายพันธุ์ไปในที่สุด นี่เป็นกฎธรรมดาของสิ่งมีชีวิตที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงให้พ้นได้ ฯ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า โลกมีอันจะต้องฉิบหายไปในที่สุด ไม่มีอะไรทรงตัว
ทีนี้สำหรับเราเหล่าพุทธบริษัท ในฐานะที่ท่านทั้งหลาย เป็นพุทธมามกะ คือนับถือพระพุทธเจ้าเป็นสำคัญ
พระบาลีกล่าวว่า บุคคลผู้เข้าถึงพระรัตนตรัยย่อมจะไม่สลาย คือ จะต้องไม่พินาศไปด้วยอำนาจของโลก
ซึ่งเต็มไปด้วยความแปรปรวน ฯ
ฉะนั้น ขอบรรดาท่านพุทธบริษัทจงอย่าวางใจ จงอย่าประมาทในชีวิต จงคิดว่าคุณของพระพุทธเจ้า
คุณของพระธรรม คุณของพระสงฆ์ทั้ง ๓ ประการ จะสามารถทรงเราให้มีชีวิตอยู่ได้ นี่กล่าวโดยเฉพาะ
ถ้าเราสิ้นอายุขัย... -
สภาวะของนิพพานจากหลักฐานในพระไตรปิฎก
สภาวะของนิพพานจากหลักฐานในพระไตรปิฎก
คำว่า "นิพพาน" เป็นคำที่ใช้กันในปรัชญาหลายระบบในอินเดีย โดยใช้ในความหมายของความหลุดพ้น แต่การอธิบายเกี่ยวกับสภาวะของนิพพานนั้นแตกต่างกันออกไป ในปรัชญาอุปนิษัทเชื่อ ว่า นิพพานหรือโมกษะ คือการที่อาตมันย่อยหรือชีวาตมันเข้ารวมเป็นเอกภาพกับพรหมัน แต่ในพระพุทธศาสนาอธิบายว่า นิพพานคือการหลุดพ้นจากอวิชชา ตัณหา ซึ่งแสดงออกในรูปของโลภะ โทสะ และโมหะ มิได้หมายความว่าเป็นการหลุดพ้นของอัตตาหรือตัวตนในโลกนี้ ไปสู่สภาวะของนิพพานเช่นเดียวกับคำสอนอุปนิษัท แต่หมายถึงความดับสนิทแห่งความเร่าร้อนและเครื่องผูกพันร้อยรัดทั้งปวง ซึ่งเรียกว่าเป็นความทุกข์
คัมภีร์พระพุทธศาสนาโดยเฉพาะของฝ่ายเถรวาท ระบุไว้ชัดเจนว่า "นิพพานอันว่างจากตน" "นิพพานเป็นอนัตตา" เช่น ในคัมภีร์พระวินัยปิฎก ปริวารระบุว่า อนิจฺจา สพฺพสงฺขารา ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา นิพฺพานญฺเจว ปณฺณตฺติ อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา "สังขารทั้งปวงอันปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นิพพานและบัญญัติเป็นอนัตตา วินิจฉัยมีดังนี้" (วิ.ป.บาลี 8/257/194)
นิพพานก็อยู่ใน อริยสัจจ์ 4 ด้วย คือเป็นจุดหมายของพระพุทธศาสนา ได้แก่... -
ตู้เย็นคนยาก ประหยัดด้วยหลักฟิสิกส์ เก็บอาหารได้นานกว่าตู้เย็นทั่วไป
ตู้เย็นคนยาก ประหยัดด้วยหลักฟิสิกส์
Mohammed Bah Abba คุณครูสอนวิทยาศาสตร์ท่านหนึ่งในไนจีเรีย แอฟริกาได้รับรางวัลนวัตกรรมโลว์เทค จากโรเล็กซ์ จากผลงาน pot-in-pot ในที่นี้ขอเรียกว่าตู้เย็นคนยาก สาเหตุมาจากการที่นักเรียนขาดเรียนบ่อยๆ เพื่อไปช่วยพ่อแม่ขายผลิตผลจากพืชในตลาดให้ทัน ก่อนที่ผลไม้สุกที่ตัดแล้ว จะเน่าเสียตามสภาพภูมิอากาศร้อน
ตู้เย็นของคุณครูทำจากตุ่มดินเผาสองใบ ใบใหญ่ใส่ทรายรองก้น วางตุ่มใบเล็กลงไปในใบใหญ่ ใส่ทรายในช่องว่างระหว่างตุ่มสองใบ จากนั้นเทน้ำลงไปในทรายให้ทรายชุ่มน้ำ แล้วนำผ้าชุบน้ำมาปิดฝาตุ่ม ก็จะได้ตู้เย็นคนยาก สามารถเก็บผักผลไม้ได้นานกว่าเดิม ด้วยการเก็บลงไปในตุ่มใบเล็ก ซึ่งสามารถเก็บได้นานกว่า 4 สัปดาห์
จากการที่ทรายทำหน้าที่เก็บความเย็นให้ตุ่มใบเล็ก และเก็บน้ำให้ตุ่มใบใหญ่ เมื่อน้ำระเหยออกจากผิวของตุ่มใบใหญ่ จะนำพาความร้อนออกไป และทำให้อุณหภูมิของตุ่มใบเล็กเย็นระดับน้องๆ ตู้เย็นเลยทีเดียว ใช้หลักฟิสิกส์เรื่องความร้อนแฝงของการเปลี่ยนเฟสจากของเหลวเป็นไอ ซึ่งเป็นความรู้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม
ที่มา : เรื่อง ตู้เย็นคนยาก โดย... -
ของฝากจากพระยายม...เรื่อง "วันหยุดนรกการ"
ภาพ : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง และ พ่อหลวงของเรา
ของฝากจากพระยายม
(เรื่อง การอุทิศส่วนกุศล ท่านพระยายม (ลุงพุฒิ) ท่านมาสั่งให้หลวงพ่อบอกลูกหลาน เมื่อวันปวารณาออกพรรษาปี ๒๕๓๑ ซึ่งหลวงพ่อได้เล่าให้ฟังดังนี้)
หลวงพ่อ : พระยายมกับท่านลุง (นายบัญชี) มาเที่ยววันออกพรรษา
พระยายม กับท่านลุงฯ บอกว่า “คนที่ผมจะช่วยได้ ต้องเฉพาะคนที่ผ่านสำนักผมเท่านั้นนะ!”
ถามท่านว่า “ลุงมีข่าวอะไรส่งข่าวบ้างละ?”
ท่านบอก “ไม่มี! ผมหยุดนรกการ ๓ วัน”
รู้จักไหม… ชาวบ้านเขาหยุดราชการ ใช่ไหม..ท่านหยุดนรกการ ๓ วัน เมื่อวานนี้ (ออกพรรษา), วันนี้ (ปวารณา), และพรุ่งนี้
ถาม “ทำไม?”
ท่านบอก “วันสำคัญนี่ วันมหาปวารณาผมไม่สอบสวน”
เลยถามว่า “ถ้าเวลาที่ลุงไม่สอบสวน พวกที่คอยการสอบสวนเขามีอิสระใช่ไหม…?”
ท่านบอกว่า “ตามปกติเขาก็มีอิสระอยู่แล้ว ไอ้ที่ไปยืนที่นั่นเขายืนรอคนไม่ให้ลงนรกเท่านั้นเอง”
คือ ท่านมีหน้าที่ไม่ให้ลงนรก แต่ก็ต้องไปตามกฎของกรรม ถ้ารู้กฎของบุญนิดหนึ่งท่านให้ไปสวรรค์ก่อนเลย.. ท่านจัดอย่างนั้น.
เลยถามท่านว่า “ถ้าเขามีอิสระอย่างนี้เขาไปได้ไหม?”
ท่านบอกว่า “เขาไปไหนก็ได้... -
วันออกพรรษา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" จะมีการทำบุญ ตักบาตรเทโว
วันออกพรรษา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" จะมีการทำบุญ ตักบาตรเทโว
ความหมาย
วันออกพรรษา คือวันสิ้นสุดระยะการจำพรรษา หรือออกจากการอยู่ประจำที่ในฤดูฝนซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ วันออกพรรษานี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วันมหาปวารณา" คำว่า"ปวารณา"แปลว่า "อนุญาต" หรือ "ยอมให้" คือ เป็นวันที่เปิดโอกาสให้พระภิกษุสงฆ์ด้วยกัน ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ ในข้อที่ผิดพลั้งล่วงเกินระหว่างที่จำพรรษาอยู่ด้วยกัน ในวันออกพรรษานี้กิจที่ชาวบ้านมักจะกระทำก็คือ การบำเพ็ญกุศล เช่น ทำบุญตักบาตร จัดดอกไม้ ธูป เทียน ไปบูชาพระที่วัด และฟังพระธรรมเทศนา ของที่ชาวพุทธนิยมนำไปใส่บาตรในวันนี้ก็คือ ข้าวต้ม มัดไต้ และข้าวต้มลูกโยน และการร่วมกุศลกรรมการ "ตักบาตรเทโว" คำว่า "เทโว" ย่อมาจาก"เทโวโรหน" แปลว่าการเสด็จจากเทวโลกการตักบาตรเทโว จึงเป็นการระลึกถึงวันที่ พระพุทธองค์เสด็จกลับจากการโปรด พระพุทธมารดาในเทวโลก ประเพณีการทำบุญกุศล เนื่องในวันออกพรรษานี้ ทุกวัดในประเทศไทย ก็มีพิธีเหมือนกันหมด จะผิดกันก็เพียงแต่สถานที่ ที่สมมติว่าเป็นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เท่านั้น
กิจกรรมต่างๆ ที่ควรปฏิบัติในวันออกพรรษา... -
อานิสงส์ของการมีสัจจะ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)
มีสองตายายเขาพากันเดินจงกรมบนนอกชานเรือนตอนเดือนหงาย
ไอ้ขโมยมาลักควาย นี่เรื่องตก ๓๐ ปีแล้ว สองคนตายายเดินจงกรมที่นอกชานเดือนหงาย
ถ้าไม่ได้ชั่วโมงไม่เลิก ต้องได้ชั่วโมง ก็ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ ช้า ๆ
ใครจะไปเหนือมาใต้ข้าไม่สนใจ ใครจะเรียกข้าก็ไม่รับปาก แหมเดินดี
เดินจงกรมมีสัจจะว่า เดินหนึ่งชั่วโมง ควายอยู่ใต้ถุน ขโมยมา ๔ คนก็มาลักควาย
คนหนึ่งก็เฝ้าเจ้าของไว้ คนหนึ่งก็ไปเฝ้าทางปากตรอกไว้
คนหนึ่งตัดคอกใต้ถุนแล้วเอาควายออก มีความ ๓ ตัว
ควายอ้วน ๆ เอาควายไปแล้วเปิดเลย คนที่มันเฝ้าเจ้าของมันยังอยู่ สุนัขหลับหมด ไม่รู้มันใช้สะกดหรืออย่างไรเราก็ไม่ทราบ หรือดาวหมามันขึ้นเราไม่รู้ เรียนหรือเปล่าดาวหมาขึ้นลักขโมยตอนนั้น
ถ้าไม่เรียนจะบอกให้เอาไหม ดาวหมาขึ้นหลับหมดเลย ลักของได้ตอนนั้นนะ
อานิสงส์การเดินจงกรม ควายออกนอกบ้านไปแล้ว
คนที่มันเฝ้าอยู่ใต้ถุนบ้านเจ้าของดูว่า เจ้าของจะตื่นหรือเปล่า
เดือนมันหงายนี่มันก็อะไรไม่รู้ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
เอ๊ะ ผีสิงหรือยังไง ก็เดินดูจนควายออกไปตั้งเยอะแล้ว ออกปากตรอกไปแล้ว
เอ อะไรกัน นี่ ขวาย่างหนอ ซ้ายย่างหนอ
ขโมยที่เฝ้าคอกมันก็ถอยหลังเรื่อย มันอยากดู... -
ไฟนรก 7 กองใหญ่
ไฟนรก 7 กองใหญ่ ที่ไม่ควรล่วงเกิน
1. กองที่หนึ่ง พระพุทธเจ้า แม้แต่คิดก็เป็นบาปหนัก เพราะเป็นบุคคลพิเศษ เกิดขึ้นได้ยากมาก อย่างน้อยที่สุดใช้เวลาสะสมบารมีถึงที่สุด 20 อสงไขย กับเศษ 100,000 กัลป์ ( 1 กัลป์ เท่ากับ 6,420 ล้านปี )
2. กองที่ 2 พระธรรม ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้แล้ว ผู้ใดไม่ได้ทำความเห็นตามพระธรรม ชื่อว่าเป็น มิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด เช่นไม่เชื่อการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า เชื่อว่าไม่มีบุญ - บาป นรก สวรรค์ ไม่มีชาติหน้าชาติก่อน
เมื่อมีความเห็นผิด ย่อมกระทำสิ่งทิ่ผิดๆ เป็นกรรมหนัก ไม่สนใจที่จะทำสิ่งดี ๆมีประโยชน์แก่ตนเอง ประตู
อบายภูมิ นรก ย่อมมีโอกาสได้เยี่ยมชม
3.กองที่ 3 พระสงฆ์ ผู้เป็นเนื้อนาบุญของโลกไม่มีเนื้อนาบุญใดยิ่งกว่า เราไม่มีหน้าที่ไปติเตียน พระภิกษุ ที่ไม่สมควรแก่ สมณะรูป แต่เราสามารถเลือกที่จะทำบุญ ปลูกบุญกับพระภิกษุที่ ปฏิบัติดี ประพฤติชอบได้ อย่าเอาความคิดเห็นของเราไปตัดสินผู้อื่นว่า ดี เลว อาจเผลอไปติเตียน ท่านผู้มีศีล และปฏิบัติธรรมอยู่อย่างไม่รู้ตัว กลายเป็น วิบากกรรมอันลำบากยาวนาน
4. กองที่ 4... -
เสียงธรรม “พระโพธิสัตว์ในพระพุทธศาสนา”
เรื่องพระโพธิสัตว์ยิ่งใหญ่สำคัญมาก เป็นรากแก้วของทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าไม่มีพระโพธิสัตว์ก็ไม่มีพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าก็ไม่มีพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา เป็นศาสนาแห่งเหตุผล
เครดิต :http://www.ybat.org/ -
ถามเรื่องคาถาโสตัตตะภิญญา
คืออยากจะรบกวนพี่ๆท่านใดที่มีประสบการณ์การใช้คาถารวมอภิญญา"โสตัดตะภิญญา"บ้างค่ะ มีใครเคยใช้ภาวนาได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง คือเมื่อวานได้อ่านเจอในหนังสือพ่อรักลูกของ ลพ.ฤาษีลิงดำ ตอนเย็นกลับบ้าน ทานข้าวเสร็จเลยนอนเล่นๆ และภาวนาคาถานี้ไปเรื่อยๆ จนหลับไปประมาณ 3 ทุ่มก็เห็นภาพว่ามีคนมาที่บ้านแต่งตัวลักษณะประมาณนี้ เห็นตอนหลับ สักพักไม่ถึง 5 นาที ก็มีคนมาที่บ้านจริงๆ เป็นคนที่เห็นในตอนหลับด้วย ตื่นมาเลยงงๆ ว่านี้เราฝันแม่นหรือเพราะว่าภาวนาคาถานี้...ตอนนี้ งงๆ มากค่ะ
**พี่ๆคนใดมีประสบการณ์ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ...มิเช่นนั้นคงต้อง งง ต่อไป -
ทิพยมนต์ ต้นฉบับ โดย พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีระเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี)
ทิพยมนต์
ต้นฉบับ โดย
พระสุทธิธรรมรังสี คัมภีระเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี)
(คัดจาดหนังสือโลกทิพย์ ฉบับที่ 258 เดือน ตุลาคม 2536 โดย เจริญสุข ยืนตระกูล)
ถือโอกาสพิมพ์ลงในที่นี้ โดยมิได้บอกกล่าวเจ้าของ ข้อเขียนและหนังสือ โลก ทิพย์ให้อนุญาตก่อน เนื่องจาก เป็นเรื่องที่อ่านและประทับใจ อยากเก็บไว้อ่านโดยสะดวกและเผยแพร่ให้ผู้ที่สนใจได้ทราบ เพื่อ นำไปปฏิบัติ เป็นประโยชน์ต่อตนเอง และหากผู้ใดนำไปปฏิบัติเ ป็นกุศลผลดีต่อตนเองแล้ว ขอบุญกุศลนั้นส่งถึงผู้เป็นเจ้าของ บทความและ นิตยสารโลกทิพย์ ด้วยเทอญ
.
ความเป็นมาของบทสวดทิพย์มนต์
เนื่อง จากผู้อ่านโลกทิพย์จำนวนหนึ่งได้เขียนมาขอบทสวดทิพย์มนต์ เพราะต้องการนำไปสวดเพื่อความเป็นสิริมงคล เพื่อสุขภาพของตน เพื่อเป็นมงคลช่วยเหลือผู้ที่เจ็บป่วยให้มีสุขภาพดี ผู้เขียนจึงได้ขออนุญาต หลวงปู่หลอด ผู้เมตตาสอนบทสวดทิพย์มนต์ให้แก่ข้าพเจ้านำมาตีพิมพ์ไว้ในนิตยสารโลกทิพย์ เพื่อประโยชน์และแผ่อานิสงส์ ให้ผู้สวดโดยทั่วกัน
ย้อนไปเมื่อ พ.ศ. 2500 หลวงปู่หลอดได้เดินทางจากป่า มาสู่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรก ท่านได้มาจำพรรษาอยู่ที่ วัดอโศการาม ของ ท่านพ่อลี ศิษย์ของ... -
ห้องประสบการณ์หลวงพ่อเกษม เขมโก สามารถเข้ามาคุยกันได้ครับ
ประวัติหลวงพ่อเกษม เขมโก
ณ ดินแดนถิ่นล้านนา ทางภาคเหนือของประเทศไทย พระอริยะสงฆ์ที่พวกเราทุกคนรู้จักชื่อเสียงคุณงามความดีของท่าน ก็คือ ครูบาศรีวิชัย อริยะสงฆ์องค์แรกของภาคเหนือท่านเปรียบเสมือนประทีปดวงใหญ่ ที่ส่องประกายธรรมไปทั่วทุกสารทิศ ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้ประกอบคุณงามความดีไว้กับแผ่นดินนี้มากมาย ท่านจึงถูกจัดให้เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ของชาวเหนือ
ประวัติและเรื่องราวต่าง ๆ ของท่าน จึงถูกบันทึกเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้รับรู้ถึงในยุคปัจจุบัน ประวัติบางตอน ของครูบาศรีวิชัยตอนหนึ่ง กล่าวว่าท่านครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ว่าจะมีตนบุญมาเกิดที่ลำปาง ครั้นต่อมาครูบาศรีวิชัยได้มรณภาพไปโดยทิ้งคำพยากรณ์นี้ไว้ ให้ชาวลำปางได้เฝ้ารอคอยการมาจุติของตนบุญ ที่ครูบาศรีวิชัยได้พยากรณ์ไว้ จนเวลาล่วงเลยไปหลายสิบปี ก็ยังไม่ปรากฏ แต่ชาวลำปางก็ยังเชื่อในคำพยากรณ์ของครูบาศรีวิชัย
เมื่อปี พ.ศ.2455 ได้มีครอบครัวเชื้อเจ้าผู้ครองนครลำปางหรือเขลางค์นครในอดีตหัวหน้าครอบครัวคือ เจ้าหนูน้อย ณ ลำปาง ภายหลังเปลี่ยนนามสกุลใหม่เป็น มณีอรุณ รับราชการเป็นปลัดอำเภอภรรยาชื่อเจ้าแม่บัวจ้อน ณ ลำปาง... -
เคราะห์กรรมของคนช่างนินทา
เคราะห์กรรมของคนช่างนินทา
เรื่องโดย วารี
คุณเคยได้ยินกลอนบทนี้ของท่านสุนทรภู่บ้างไหม
“อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน แค่องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา”
แม้คำนินทาจะอยู่คู่โลกทุกเมื่อเชื่อวัน แต่ดิฉันก็ไม่คิดว่าการพูดนินทาคนอื่นจะเป็น “กรรม” หนักหนาสาหัสอะไร เพราะใครๆก็คงเคยพูดนินทาทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจกันมาบ้าง
ครั้งหนึ่งดิฉันเคยไปฟังพระเทศน์เกี่ยวกับการนินทา พระท่านเป็นผู้มีความรู้ จึงคิดบัญญัติศัพท์เกี่ยวกับการนินทาด้วยคำชวนหัวว่า นินทาวิทยา ( Gossipology ) ตามความหมายและคำแปลจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถานให้ความหมายว่า นินทาคือ “คำติเตียนลับหลัง”
แต่พระท่านว่า หากพิจารณาจากที่ไปที่มาและสภาพความเป็นจริงที่เป็นอยู่ในสังคมอาจหมายรวมไปถึงการตำหนิ เพราะผู้พูดไม่ชอบใจ ผู้พูดไม่สบอารมณ์ และไม่ตำหนิต่อหน้าหรือไม่ได้ว่ากล่าวตักเตือนต่อหน้า แต่กลับนำเรื่องของเขาไปตำหนิลับหลัง ทั้งๆที่เขาเป็นคนดี ทั้งๆ ที่เขาทำดีอยู่แล้ว เพราะการนินทาหมายถึง การเล่าเรื่องในทางที่ไม่ดี เล่าเรื่องในแง่ที่ไม่ดีของคนอื่นลับหลัง... -
การรู้แจ้งในขณะนั่งลืมตาของหลวงปู่บุดดา ถาวโร
พรรษาที่ ๔ ตัดกิเลสบรรลุธรรม
เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๘ พอใกล้เข้าพรรษา ท่านทั้งสองได้ไปจำพรรษา ณ วัดป่าหนองคู จ.นครสวรรค์ และพอออกพรรษาก็กลับมาร่วมปฏิบัติธรรม ณ ถ้ำภูคา จ.นครสวรรค์ โดยต่างเร่งความเพียรเจริญสมณธรรม อย่างเต็มที่เกือบจะไม่ได้พักผ่อน และในคืนวันหนึ่งเวลาประมาณระหว่าง ๒๐.๐๐ น. ถึง ๒๓.๐๐ น. ซึ่งเป็นเวลาสนทนาธรรมของทั้งสองท่าน หลวงพ่อสงฆ์ได้ถามหลวงปู่บุดดาว่า
“...ยังถือวินัยอยู่หรือ”
หลวงปู่ตอบว่า “...ไม่ถือวินัยได้ไง ถ้าเราจะเดินผ่านต้นไม้-ของเขียวก็ต้องระวัง...มันจึงเป็นอุปาทานทำความเนิ่นนานต้องช้ามาถึง ๔ พรรษา”
หลวงพ่อสงฆ์ว่า “วินัยมันมีสัตว์-มีคนรึ”
หลวงปู่บุดดาว่า “มีตัวซี ถ้าไม่มีตัวจะถือวินัยได้ยังไง...วินัยก็ผู้ถือนั่นเอง ...เสขิยวัตร ๗๕ เป็นตัวไม่ได้หรอก ...เนื้อหนัง กระดูก ตับไต ไสพุง มันไม่ใช่ตัวถือวินัย...ตัวถือวินัยเป็นธรรมนี่”
....เถียงกันไป เถียงกันมาชั่วระยะหนึ่ง... พอปัญญา-บารมีเกิดขึ้นตกลงกันได้ว่า “เอ๊ะ ! ไม่มีจริง ๆ เน้อ ...ผู้ถือไม่มี มีแต่ระเบียบของธรรมเท่านั้น ไปถือมั่น-ยึดมั่นไม่ได้นี่”
พอหยุดความลง...
หน้า 407 ของ 411